Com!!
- 1. 1
แบบเสนอโครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์
รหัสวิชา ง33201 ชื่อวิชา เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร 5
ปีการศึกษา 2562
ชื่อโครงงาน T-T Tinglish
ชื่อผู้ทาโครงงาน
ชื่อ นางสาวธนภรณ์ จองญาติ เลขที่ 39 ชั้น ม.6 ห้อง 7
ชื่ออาจารย์ที่ปรึกษาโครงงาน ครูเขื่อนทอง มูลวรรณ์
ระยะเวลาดาเนินงาน ภาคเรียนที่ 1-2 ปีการศึกษา 62
โรงเรียนยุพราชวิทยาลัย จังหวัดเชียงใหม่
สานักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาเขต 34
- 2. 2
ใบงาน
การจัดทาข้อเสนอโครงงานคอมพิวเตอร์
สมาชิกในกลุ่ม
นางสาวธนภรณ์ จองญาติ ชั้น ม.6/7 เลขที่ 39
คาชี้แจง ให้ผู้เรียนแต่ละกลุ่มเขียนข้อเสนอโครงงานตามหัวข้อต่อไปนี้
ชื่อโครงงาน (ภาษาไทย)
ที-ที ทิงลิช
ชื่อโครงงาน (ภาษาอังกฤษ)
T-T Tinglish
ประเภทโครงงาน โครงงานเพื่อการศึกษา
ชื่อผู้ทาโครงงาน ธนภรณ์ จองญาติ
ชื่อที่ปรึกษา ครูเขื่อนทอง มูลวรรณ์
ระยะเวลาดาเนินงาน ภาคเรียนที่ 1-2 ปีการศึกษา 62
ที่มาและความสาคัญของโครงงาน (อธิบายถึงที่มา แนวคิด และเหตุผล ของการทาโครงงาน)
จากรายงานการจัดอันดับทักษะการใช้ภาษาอังกฤษของ Education First (EF) ที่มีสานักงานใหญ่อยู่ที่
เมืองลูเซิร์น ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ วิเคราะห์ข้อมูลและจัดอันดับทักษะการใช้ภาษาอังกฤษของ
ประเทศที่ไม่ได้ใช้ภาษาอังกฤษเป็นหลัก 88 ประเทศทั่วโลก พบว่า ไทยรั้งอันดับที่ 64 จาก 88 ประเทศ
มีคะแนนทักษะการใช้ภาษาอังกฤษอยู่ที่ 48.54 จาก 100 คะแนนเต็ม ซึ่งอยู่ในเกณฑ์ Low Proficiency
ซึ่งถ้าถูกจัดให้อยู่ต่ากว่านี้ 2 อันดับ จะอยู่ในกลุ่ม Very Low Proficiency ทันที
โดยทักษะการใช้ภาษาอังกฤษของไทยอยู่ในอันดับที่ 6 จาก 8 ประเทศในย่านอาเซียน ตามหลัง
สิงคโปร์ ฟิลิปปินส์ มาเลเซีย เวียดนาม และอินโดนีเซีย ซึ่งอยู่ในระดับเดิม ไม่มีการพัฒนามานานกว่า
8 ปีซ้อน ผู้เชี่ยวชาญเผยว่า ความล้มเหลวในครั้งนี้ มาจากการเรียนภาษาอังกฤษแบบเน้นท่องจา แต่ไม่
เน้นนาไปใช้งาน
วัตถุประสงค์ (สิ่งที่ต้องการในการทาโครงงาน ระบุเป็นข้อ)
1.เพื่อต้องการศึกษาว่าจะทาอย่างไรให้คนไทยสามารถใช้ภาษาอังกฤษได้อย่างคล่องแคล่ว
- 3. 3
2.เพื่อต้องการทราบว่าเพราะเหตุใดคนไทยส่วนใหญ่จึงไม่สามารถใช้ภาษาอังกฤษที่เรียนมาตั้งแต่เด็ก
ได้
หลักการและทฤษฎี (ความรู้ หลักการ หรือทฤษฎีที่สนับสนุนการทาโครงงาน)
เมื่อมีการวัดผลความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องพูด อ่าน และเขียน เด็กไทยและ
คนไทยโดยเฉลี่ยจะได้คะแนนต่า อยู่ในอันดับที่ 53 ในจานวน 80 ประเทศทั่วโลกที่ภาษาอังกฤษไม่ใช่
ภาษาแม่ที่ใช้ในชีวิตประจาวัน และเป็นที่ 15 จาก 20 ประเทศในเอเชียที่เข้ามาทาการสอบ แม้ว่า
คะแนนสอบจะดีขึ้นเมื่อเทียบกับประเทศเพื่อนบ้าน เช่น ลาว กัมพูชา และพม่า แต่แพ้หลายประเทศใน
ภูมิภาคเดียวกัน เช่น จีน มาเลเซีย สิงคโปร์ และเวียดนาม และถ้าอินโดนีเซียและฟิลิปปินส์เข้าสอบ
ไทยก็คงจะแพ้ความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษนั้นมีหลายระดับ สุดแท้แต่ภูมิหลังทางการศึกษา
ของคนไทย ในกรณีที่เป็นบุตรหลานของข้าราชการไทยที่ถูกส่งไปทาราชการในต่างประเทศ เช่น
กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์และกระทรวงอื่น ๆ ที่บิดามารดาถูกส่งไปทางานใน
ต่างประเทศ หรือบิดามารดาไปทางานในองค์กรระหว่างประเทศ และตนได้มีโอกาสเข้าโรงเรียนที่ใช้
ภาษาอังกฤษเป็นสื่อกลางในการเรียนการสอน หรือกรณีเกิดในครอบครัวมีฐานะดี ครอบครัวสามารถ
ส่งไปเรียนประเทศที่พูดภาษาอังกฤษ เมื่อเรียนจบมหาวิทยาลัยแล้วกลับมาเมืองไทยก็จะสามารถใช้
ภาษาอังกฤษได้ดีกว่าคนไทยทั่วไป สาหรับคนไทยที่เริ่มการศึกษาในโรงเรียนเอกชนและโรงเรียน
ศาสนา เช่น โรงเรียนอัสสัมชัญ เซนต์คาเบรียล มาแตร์เดอี หรือที่จังหวัดใหญ่ ๆ ที่โรงเรียนได้รับการ
สนับสนุนจากองค์กรศาสนาที่ส่งนักบวชชาวต่างประเทศมาสอน ใช้ตาราเรียนคณิตศาสตร์และ
วิทยาศาสตร์เป็นภาษาอังกฤษ ภาษาอังกฤษก็จะดีกว่านักเรียนที่ศึกษาจากโรงเรียนรัฐบาลที่เริ่มเรียน
ภาษาอังกฤษจากตาราที่แต่งโดยคนไทยตั้งแต่ชั้น ป.5 เป็นต้นไปส่วนเด็กจากครอบครัวที่มีอันจะกิน
บุตรหลานที่เข้าโรงเรียนราษฎร์จะเริ่มเรียนภาษาอังกฤษตั้งแต่ชั้นอนุบาล แม้ว่าจะมีงานวิจัยของ
กระทรวงศึกษาฯว่า ไม่มีประโยชน์มากนักสาหรับการให้เริ่มเรียนภาษาต่างประเทศตั้งแต่อายุต่ากว่า
10 ขวบก็ตาม ไม่แน่ใจว่าความคิดนี้เปลี่ยนไปหรือยัง สาหรับคนไทยที่เรียนภาษาอังกฤษในประเทศ
ไทย ไม่ว่าจะจากโรงเรียนที่ใช้ภาษาอังกฤษเป็นสื่อกลางในการสอนทุกอย่าง หรือภาษาอังกฤษเป็น
เพียงวิชาหนึ่งในหลาย ๆ วิชา ความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษโดยเฉพาะการพูดและการเขียนจะมี
ปัญหาพอ ๆ กัน เพราะภาษาไทยไม่ออกเสียงตัวสะกดท้ายคาให้ตรงกับอักษรที่ใช้สะกด แต่ออกเสียง
เป็นแม่กก แม่กด แม่กบ แม่กน และแม่กง แม่กน แม่เกยและเกว เท่านั้น อักษรในภาษาอังกฤษส่วน
ใหญ่ออกเสียงไม่ตรงกับอักษรไทย คนไทยจึงมีปัญหาไม่สามารถออกเสียงจากลาคอ จากท้อง เหมือน
ภาษาอื่นได้คนไทยจึงพูดภาษาทางยุโรปให้ชัดไม่ได้แต่อาจจะพูดภาษาจีน มลายูเวียดนาม ได้ชัด
มากกว่า แม้แต่ภาษาเขมร เราก็ออกเสียงอย่างเขาไม่ได้เมื่อฝรั่งถามว่าเราเรียนภาษาอังกฤษกันกี่ปี
คาตอบคือถ้าจบมหาวิทยาลัยก็ 14 ปี ถ้าจบมัธยมปลายก็ 10-12 ปี เป็นอย่างน้อย ฝรั่งเขาตกใจว่าเรียน
- 4. 4
ภาษาอังกฤษแม้จะเป็น 1 ในหลาย ๆ วิชา ก็ยังพูด ยังฟัง ยังเขียน ภาษาอังกฤษไม่ได้แม้แต่ผู้ที่เรียนจบ
มัธยมปลายที่เมืองไทยแล้วไปต่อปริญญาตรีที่ประเทศที่ภาษาอังกฤษเป็นสื่อในการสอน ยิ่งถ้าหากรอ
จนจบปริญญาตรี แล้วจึงค่อยไปเรียนต่อปริญญาโทและปริญญาเอก ก็ยังไม่สามารถใช้ภาษาอังกฤษได้
ดีเท่ากับภาษาไทยเพื่อนนักศึกษาที่เรียนชั้นปริญญาเอกด้วยกันที่อเมริกาเคยถามด้วยความสงสัยว่า
โรงเรียน วิทยาลัย และมหาวิทยาลัย ในเมืองไทยใช้ภาษาในการเรียนการสอนได้อย่างไร เพราะ
ตารับตาราล้วนแต่เป็นภาษาอังกฤษ แต่เราก็เรียนกันได้โดยการบรรยายในห้องเรียนเป็นภาษาไทย แต่
หนังสือและบทความทางวิชาการที่ต้องอ่านนั้นเป็นภาษาอังกฤษทั้งนั้นวิชาที่มีตาราภาษาไทยมากที่สุด
คือ วิชานิติศาสตร์ หรือวิชากฎหมาย ด้วยเหตุผลทางประวัติศาสตร์ เพราะเมื่อมีการจัดตั้ง
มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์และการเมืองเป็นตลาดวิชา หลักสูตรเพื่อปริญญาธรรมศาสตร์บัณฑิต หรือ
ธบ. อาจารย์ทุกท่านซึ่งส่วนใหญ่มาจากศาลยุติธรรมถูกบังคับให้เขียนตารา เพราะมหาวิทยาลัยมุ่งรับ
นักศึกษาผู้ใหญ่ที่ทางานแล้ว ไม่มีเวลามานั่งฟังคาบรรยาย จึงอาศัยอ่านตาราเองที่บ้าน ทั้งที่อยู่ใน
กรุงเทพฯและต่างจังหวัด ตาราวิชากฎหมายที่เป็นภาษาไทยจึงมีเป็นจานวนมาก ส่วนศาสตร์อื่น ๆ ที่
เรียนที่สอนที่มหาวิทยาลัยอื่น เช่น จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ศิลปากร หรือ
วิทยาลัยศึกษา ที่นิสิตนักศึกษาต้องมานั่งเรียนและต้องเข้าเรียนไม่น้อยกว่า 80 เปอร์เซ็นต์ของเวลา
เรียนทั้งหมดในแต่ละภาคการศึกษา นิสิตนักศึกษาจึงพึ่งพาการจดคาบรรยายเป็นหลัก นักศึกษา
มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์สมัยนั้นจึงมีสัดส่วนที่สอบผ่านน้อยกว่ามหาวิทยาลัยปิดเป็นอย่างมาก แต่
อย่างไรก็ตาม ความรู้ความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษก็ไม่ได้แตกต่างกันมากนัก ไม่ว่าจะเป็น
นักศึกษาที่มีตาราภาษาไทยและไม่มีตาราภาษาไทยให้ศึกษา หลายประเทศที่เคยเป็นอาณานิคม หรือรัฐ
ในอารักขาของอังกฤษ และพยายามดิ้นรนเลิกใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาราชการและสื่อกลางในการ
เรียนการสอน แต่ก็ไปไม่รอด เช่น ประเทศอาหรับทั้งหลาย ประเทศปากีสถาน อินเดีย ศรีลังกา รวมทั้ง
พม่าที่เคยเป็นประเทศที่ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาราชการ เพราะพม่าประกอบด้วยกลุ่มชนหลายเผ่า
หลายพันธุ์ ที่ไม่ยอมรับภาษาพม่า แต่ยินดีใช้ภาษาอังกฤษ จนเมื่อปี 2505 นายพลเน วิน ทาการปฏิวัติ
ปิดประเทศ เลิกเรียนเลิกสอนภาษาอังกฤษเป็นเวลา 26 ปี พลเมืองพม่าในปัจจุบันภาษาอังกฤษจึงเลว
กว่าคนไทย ส่วนฮ่องกง สิงคโปร์ มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ ทุกวันนี้ก็ยังต้องใช้ภาษาอังกฤษ ส่วน
อินโดนีเซียพยายามสร้างภาษาขึ้นมาใหม่ โดยใช้ภาษามาเลย์เป็นฐาน แล้วประดิษฐ์คาใหม่ ๆ เป็นภาษา
สันสกฤตขึ้นมาใช้แบบเดียวกับภาษาไทย ซึ่งชาติอื่นทาไม่ได้ประเทศหลายประเทศมีอักษรของ
ตนเอง เช่น ภาษาอาหรับ ภาษาฮินดี ภาษาทมิฬ ภาษาสิงหฬ ภาษาพม่า มอญ ไทยใหญ่ ภาษาไทย ภาษา
ไต ที่ดัดแปลงมาจากอักษรมอญและอักษรเขมร ส่วนที่เคยใช้ตัวหนังสือจีนก็เปลี่ยนมาใช้อักษรโรมัน
แทน ส่วนเกาหลีมีอักษรของตนเอง แต่ญี่ปุ่นใช้ตัวจีนผสมกับอักษรญี่ปุ่น ด้วยเหตุที่จีน เวียดนาม
เกาหลี มองโกล หรือแม้แต่ญี่ปุ่น เป็นชาติที่เอาจริงเอาจังในเรื่องการศึกษา ดังนั้นการเอาจริงเอาจัง
- 5. 5
ดังกล่าวจึงเป็นเหตุให้นักเรียนนักศึกษาของชาติเหล่านี้ใช้ภาษาอังกฤษได้ดีกว่าคนไทย เมื่อเวียดนาม
ลาว กัมพูชา ได้เข้าเป็นสมาชิกอาเซียนและสมาชิกประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ขณะเดียวกันอาเซียน
ได้ประกาศให้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาราชการของอาเซียน รัฐบาลทั้ง 3 ประเทศก็ประกาศเปลี่ยนภาษา
ที่ 2 จากภาษาฝรั่งเศส มาเป็นภาษาอังกฤษ ข้าราชการตั้งแต่ชั้นผู้อานวยการกอง ทุกกระทรวง ทบวง
กรม ต้องรู้ภาษาอังกฤษภายใน 2 ปี มิฉะนั้นจะถูกย้ายและไม่ได้รับการเลื่อนชั้นเป็นรองอธิบดี
ข้าราชการทุกระดับต้องขวนขวายเรียนภาษาอังกฤษ เพื่อสอบให้ผ่าน รัฐมนตรี ปลัดกระทรวง หลาย
คนต้องลาราชการไปเรียนภาษาอังกฤษที่สิงคโปร์บ้าง มาเลเซียบ้าง เพื่อจะรักษาตาแหน่ง และเพื่อจะ
ได้เลื่อนชั้น เลื่อนตาแหน่ง สมัยกว่า 20 ปีก่อน ในการประชุมนานาชาติ ผู้แทนญี่ปุ่น เกาหลี จีน จะไม่
ยอมพูดภาษาอังกฤษ แต่จะพูดภาษาของตน เพราะความคิดเรื่องชาตินิยม หลังจากได้เอกราชจากการ
เคยเป็นอาณานิคม หรือรัฐในอารักขา แต่บัดนี้ความรู้สึกนั้นหมดไปแล้ว หันกลับมาใช้ภาษาอังกฤษกัน
ทั่วไป รู้สึกมีเพียงประเทศไทยเท่านั้นที่ไม่ดีขึ้น พอสารวจหรือมีการสอบแข่งขันทีไร เรามักจะอยู่ที่
ครึ่งหลังของประเทศเข้าสอบแข่งขัน เช่นคราวนี้ก็อยู่ที่ 53 ในจานวน 80 ประเทศประธานสมาคม
มิตรภาพลาว-ไทยคนแรกเคยเล่าให้ฟังว่า โรงเรียนประถมและมัธยมศึกษาที่ท่านเข้าเรียน คือ ลิเซ่
หลวงพระบาง หรือโรงเรียนประถมและมัธยมศึกษาหลวงพระบาง สอนเป็นภาษาฝรั่งเศสโดยครูชาว
ฝรั่งเศส เมื่อนักเรียนย่างก้าวเข้ามาในรั้วโรงเรียน ห้ามพูดลาว ใครพูดลาวจะถูกตีหน้าเสาธง เข้า
โรงเรียนปีแรกพ่อแม่ต้องบังคับให้ฝึกพูดที่บ้าน เพื่อจะได้ไม่เผลอไปพูดลาวที่โรงเรียน เพียงเวลา 1 ปี
เมื่อขึ้นชั้น ป.2 ก็สามารถฟังครูฝรั่งเศสพูดได้แล้ว ปลายปี ป.2 และ ป.3 ป.4 ก็สามารถอ่าน เขียน พูด
ภาษาฝรั่งเศสได้แล้ว ไม่อนุญาตให้นาหนังสือภาษาลาวเข้ามาในโรงเรียน ใครอยากเรียนภาษาลาวต้อง
แอบเรียนกับพระที่วัด หรือไม่ก็เรียนกับพ่อแม่ที่บ้าน โดยต้องเขียนหนังสือเอาเอง เพราะการเรียน
ภาษาลาวเป็นความผิด ส่วนการเรียนอักษรธรรมใบลานตามวัด ทางฝรั่งเศสอนุญาต ต่อมาจึงผ่อนคลาย
ลง โดยบาทหลวงฝรั่งเศสได้ทาให้การอ่าน เขียนภาษาลาวง่ายขึ้น โดยตัดอักษรและสระที่ซ้ากันออก
และให้สะกดตามที่ออกเสียง ไม่ต้องสะกดตามรากศัพท์บาลี สันสกฤต หรือภาษาต่างประเทศอื่น ๆ
เช่น ภาษาอังกฤษ หรือฝรั่งเศส เป็นต้น ภาษาเขียนของลาว เขมร จึงเป็นภาษาเขียนที่สะกดตามเสียงที่
ออก ไม่รักษารากศัพท์บาลี สันสกฤตไว้เลย ส่วนเวียดนามเคยใช้ตัวหนังสือจีนที่ทาให้ง่ายขึ้นเป็น
ตัวหนังสือเวียดนาม ฝรั่งเศสก็แนะนาให้ใช้อักษรโรมันที่มีเครื่องหมายวรรณยุกต์เพื่อให้เพียงพอกับ
ภาษาเวียดนามแทนตัวจีน ส่วนลาวไม่ยอมใช้อักษรโรมัน แต่ขอใช้อักษรลาวและเขมรตามเดิม แต่ทา
ให้ง่ายขึ้นเพื่อประโยชน์กับการเรียนของมวลชนที่ทุกคนควรรู้หนังสือ เข้าใจว่าประเทศเพื่อนบ้านของ
เราเคยชินกับภาษาเมืองแม่ที่เป็นภาษายุโรป เช่น ภาษาอังกฤษ ฝรั่งเศส หรือดัตช์ ส่วนไทยเราใช้
ภาษาไทยเป็นภาษาราชการและเป็นสื่อกลางในการเรียนการสอนมาโดยตลอด คนไทยจึงไม่ชินกับการ
ออกเสียงภาษาต่างประเทศ ไม่ว่าภาษาใด แม้แต่ภาษาบาลี สันสกฤต เขมร เราก็ดัดแปลงออกเสียงเป็น
- 6. 6
ไทย ๆภาษาอังกฤษของคนไทยโดยทั่วไปจึงสู้เพื่อนบ้านไม่ได้แต่ก็ไม่เห็นจะเป็นอะไร ถ้าใช้ได้ดีก็ดี
ใช้ไม่ถนัดก็ไม่เป็นไร ไม่ควรจะเป็นปมด้อย
วิธีดาเนินงาน
แนวทางการดาเนินงาน
1.หาข้อมูลสถิติการใช้ภาษาอังกฤษของคนไทย
2.รวบรวมข้อมูลจากเว็บไซต์ต่างๆทั้งของไทยและจากต่างประเทศ
เครื่องมือและอุปกรณ์ที่ใช้
คอมพิวเตอร์
งบประมาณ
-
ขั้นตอนและแผนดาเนินงาน
ลาดับ
ที่
ขั้นตอน สัปดาห์ที่ ผู้รับผิดชอบ
1 2 3 4 5 6 7 8 9
1
0
1
1
12
1
3
1
4
1
5
1
6
1
7
1 คิดหัวข้อโครงงาน
2 ศึกษาและค้นคว้า
ข้อมูล
3 จัดทาโครงร่างงาน
4 ปฏิบัติการสร้าง
โครงงาน
5 ปรับปรุงทดสอบ
6 การทาเอกสารรายงาน
7 ประเมินผลงาน
8 นาเสนอโครงงาน