Com1. 2555
Supakran,Poowadon and Kulrat
Computer Projects
Yupparajwittayalai School You can find hundreds of first grade computer projects that the students in
your classroom can carry out online. There are educational activities for
238 Prapokklao,Sriphum every subject, including language arts, science and social studies. You can
Mung,Chang 50200 also find many arts and crafts projects that your students can learn about
053-418673-5 online.Read more: First Grade Computer Projects | eHow.com
053-418673-5 and 111 http://www.ehow.com/info_8398897_first-grade-computer-
projects.html#ixzz20nNTAeSR
2. โครงงานคอมพิวเตอร์
แนวการจัดการเรียนการสอนในปัจจุบัน เป็นการจัดการเรียนรู้ที่ตั้งอยู่บนพื้นฐานที่ว่า ทุก
คนสามารถเรียนรู้ได้ และสามารถเรียนรู้ ได้เต็มตามศักยภาพ ถ้าหากได้รับการกระตุ้น ส่งเสริมอย่าง
ถูกต้อง และสอดคล้องกับวิธีการเรียนรู้ของนักเรียนแต่ละคน
โครงงานคอมพิวเตอร์ เป็นกิจกรรมอิสระที่นักเรียนสามารถเลือกศึกษาตามความสนใจ โด
ใช้ทักษะ ตลอดจนประสบการณ์ของนักเรียนด้านคอมพิวเตอร์และซอฟต์แวร์ในการแก้ปัญหาต่างๆ
นักเรียนจะต้องวางแผนดาเนินงาน ศึกษา พัฒนาโปรแกรม หรืออุปกรณ์ที่เกี่ยวข้อง
กิจกรรมที่จัดว่าเป็นโครงงานควรมีองค์ประกอบหลัก ดังนี้
- เป็นกิจกรรมที่เกี่ยวข้องซอฟต์แวร์และเครื่องคอมพิวเตอร์
- นักเรียนเป็นริเริ่มและเลือกเรื่องที่จะศึกษา ค้นคว้า พัฒนา
- เก็บรวบรวมหรือประดิษฐ์คิดค้นด้วยตนเองตามความสนใจและระดับความรู้
ความสามารถ
- นักเรียนเป็นผู้วางแผนในการศึกษา สรุป และเสนอผลการศึกษาด้วยตนเอง โดยมีครูเป็น
ที่ปรึกษา
โครงงานคอมพิวเตอร์เป็นกิจกรรมการเรียนที่นักเรียนมีอิสระ ในการเลือกศึกษาปัญหาที่
ตนสนใจ โดยนักเรียนจะต้องวางแผน การดาเนินงาน ศึกษา พัฒนาโปรแกรม หรืออุปกรณ์ที่เกี่ยวข้อง
โดยใช้ความรู้ กระบวนการทางวิศวกรรมซอฟต์แวร์ เครื่องคอมพิวเตอร์ และวัสดุอุปกรณ์ตลอดจน
ทักษะ พื้นฐานในการพัฒนาโครงงาน อย่างไรก็ตาม เรื่องที่นักเรียนสนใจและคิดจะทาโครงงานอาจมี
ผู้ศึกษามาก่อน หรือเป็นเรื่องที่นักพัฒนาโปรแกรมได้เคยค้นคว้าและพัฒนาแล้ว แต่นักเรียนก็ยัง
สามารถทาโครงงานเรื่องดังกล่าวได้ เพียงแต่คิดดัดแปลง แนวทางในการศึกษา การวิเคราะห์ข้อมูล การ
พัฒนาโปรแกรม หรือศึกษาเพิ่มเติมจากผลงานเดิมที่มีผู้รายงานไว้
จุดมุ่งหมายสาคัญของการทาโครงงาน เป็นโครงงานคอมพิวเตอร์แบ่งออกเป็น ๕ ประเภท
ดังนี้
3. ๑. โครงงานพัฒนาสื่อเพื่อการศึกษา โครงงานประเภทนี้พัฒนาขึ้นเพื่อใช้ประกอบการ
สอนวิชาต่างๆ จุดสาคัญอยู่ที่เนื้อหาน่าสนใจ และความสวยงามของส่วนติดต่อผู้ใช้ โดยนักเรียนอาจ
คัดเลือกหัวข้อที่นักเรียนทั่วไปทาความเข้าใจได้ยาก มาเป็นหัวข้อในการพัฒนาโปรแกรมบทเรียน เช่น
บทเรียนสาเร็จรูป
๒. โครงงานพัฒนาเครื่องมือ เป็นโครงงานที่สร้างเครื่องมือ ใช้สร้างงาน ส่วนใหญ่อยู่ใน
รูปของซอฟต์แวร์ ซอฟต์แวร์สาเร็จรูป
๓. โครงงานประเภทการทดลองทฤษฎี เป็นโครงงานที่ใช้คอมพิวเตอร์ในการจาลองการ
ทดลองของสาขาต่าง ๆ
๔. โครงงานประเภทการประยุกต์ใช้งาน เป็นโครงงานที่ใช้คอมพิวเตอร์ในการสร้าง
ผลงาน เพื่อประยุกต์ใช้งานจริงในชีวิตประจาวัน โครงงานประเภทนี้จะมีการประดิษฐ์ ฮาร์ดแวร์
ซอฟต์แวร์ หรืออุปกรณ์ใช้สอยต่างๆ ซึ่งอาจเป็นการคิดสร้างสิ่งของขึ้นใหม่ หรือปรับปรุงเปลี่ยนแปลง
ของเดิมที่มีอยู่แล้ว ให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้นก็ได้
๕. โครงงานพัฒนาเกม โครงงานประเภทนี้เป็นโครงงานพัฒนาซอฟต์แวร์เกมเพื่อความรู้
หรือเพื่อความเพลิดเพลิน เกมที่พัฒนาน่าจะเป็นเกมที่ไม่รุนแรง เน้นการใช้สมองเพื่อฝึกคิดอย่างมี
หลักการ โครงการประเภทนี้จะมีการออกแบบลักษณะและกฎเกณฑ์การเล่น เพื่อให้น่าสนใจแก่ผู้เล่น
พร้อมทั้งให้ความรู้สอดแทรกไปด้วย ผู้พัฒนาควรจะได้ทาการสารวจและรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับเกม
ต่างๆ ที่มีอยู่ทั่วไป และนามาปรับปรุง หรือพัฒนาขึ้นใหม่ เพื่อให้เป็นเกมที่แปลกใหม่ และน่าสนใจแก่
ผู้เล่นกลุ่มต่างๆ เช่น เกมคอมพิวเตอร์สร้างสรรค์
วิธีดาเนินการทาโครงงาน วิธีดาเนินการทาโครงงาน มีขั้นตอนดังนี้
๑. คัดเลือกหัวข้อโครงงานที่สนใจจะทา โดยทั่วไปเรื่องที่จะนามาพัฒนาเป็นโครงงาน
คอมพิวเตอร์ มักจะได้มาจากปัญหา คาถาม หรือความสนใจในเรื่องต่างๆ และจากการสังเกตสิ่ง ต่างๆ
ที่เกี่ยวข้องกับระบบคอมพิวเตอร์ หรือสิ่งต่างๆ ที่อยู่รอบตัวเรา จากแหล่งข้อมูลที่เชื่อถือได้ ในการ
ตัดสินใจเลือกหัวข้อที่จะนามาพัฒนาโครงงานคอมพิวเตอร์ ควรพิจารณาองค์ประกอบสาคัญ ดังนี้
๑) ต้องมีความรู้และทักษะพื้นฐานอย่างเพียงพอในหัวข้อเรื่องที่จะศึกษา
๒)สามารถจัดหาเครื่องคอมพิวเตอร์ ซอฟต์แวร์ และวัสดุอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องได้
4. ๓) มีแหล่งความรู้เพียงพอที่จะค้นคว้าหรือขอคาปรึกษา
๔) มีเวลาเพียงพอ
๕) มีงบประมาณเพียงพอ
๖) มีความปลอดภัย
๒. ศึกษาค้นคว้าจากเอกสารและแหล่งข้อมูล การศึกษาค้นคว้าจากเอกสารและ
แหล่งข้อมูล ซึ่งรวมถึงการขอคาปรึกษาจากผู้ทรงคุณวุฒิ จะช่วยให้นักเรียนได้แนวคิดที่ใช้ในการ
กาหนด ขอบเขตของเรื่องที่จะศึกษาได้เฉพาะเจาะจงมากยิ่งขึ้น รวมทั้งได้ความรู้เพิ่มเติมในเรื่องที่จะ
ศึกษา จนสามารถใช้ออกแบบและวางแผนดาเนินการทาโครงงานนั้นได้
๓. จัดทาเค้าโครงของโครงงานที่จะทา มีรายละเอียดดังนี้
๑) ศึกษาค้นคว้าเอกสารอ้างอิง และรวบรวมข้อมูลที่ได้จากผู้ทรงคุณวุฒิ
๒) วิเคราะห์ข้อมูล เพื่อกาหนดขอบเขตและลักษณะของโครงการที่จะพัฒนา
๓) ออกแบบการพัฒนา มีการกาหนดลักษณะของเครื่องคอมพิวเตอร์ ซอฟต์แวร์และ
ตัวแปลภาษา โปรแกรม และวัสดุต่างๆ ที่ต้องใช้
๔) กาหนดตารางการปฏิบัติงานของการจัดทาเค้าโครงของโครงงาน ลงมือทา
โครงงานและสรุปรายงานโครงงาน โดยกาหนดช่วงเวลาอย่างกว้างๆ
๕) ทาการพัฒนาโครงงานขั้นต้น เพื่อศึกษาความเป็นไปได้เบื้องต้น โดยอาจจะทาการ
พัฒนาส่วนย่อยๆ บางส่วนตามที่ได้ออกแบบไว้แล้ว นาผลจากการศึกษาในช่วงนี้ไปปรับปรุงแผนการ
ทดลองที่ออกแบบไว้ในครั้งแรกให้เหมาะสมมากยิ่งขึ้น
๖) เสนอเค้าโครงของโครงงานคอมพิวเตอร์ต่ออาจารย์ที่ปรึกษา เพื่อขอคาแนะนาและ
ปรับปรุงแก้ไข เพื่อให้การวางแผนและดาเนินการ ทาโครงงานเป็นไปอย่างเหมาะสมเป็นขั้นตอน ตั้งแต่
เริ่มต้นจนสิ้นสุด
๔. การลงมือทาโครงงาน เมื่อเค้าโครงของโครงงานได้รับความเห็นชอบจากอาจารย์ที่
ปรึกษาแล้ว ก็เสมือนว่าการจัดทาโครงงานได้ผ่านพ้นไปแล้วมากกว่าครึ่ง ขั้นตอนต่อไปจะเป็นการลง
มือพัฒนาตามขั้นตอนที่วางแผนไว้ เช่น จัดเตรียมวัสดุ - อุปกรณ์ ให้พร้อม รวมทั้งการกาหนดหน้าที่
ความรับผิดชอบของสมาชิกในกลุ่มให้ชัดเจน แล้วจึงดาเนินการทาโครงงาน ขณะเดียวกันต้องมีการ
ทดสอบ ตรวจสอบ ปรับปรุงแก้ไข เพื่อพัฒนาโครงงานเป็นระยะ ๆ เพื่อให้แน่ใจว่าผลงานที่พัฒนาขึ้น
นั้น ทางานได้ถูกต้องตรงกับความต้องการที่ระบุไว้ในเป้าหมาย และเกิด ประสิทธิภาพสูงด้วย
5. ๕. การเขียนรายงานและจัดทาคู่มือการใช้ การเขียนรายงาน เป็นวิธีการสื่อความหมาย
เพื่อให้ผู้อื่นได้เข้าใจแนวคิด วิธีดาเนินการศึกษาค้นคว้าหาข้อมูลที่ได้ ตลอดจนข้อสรุปและ
ข้อเสนอแนะต่างๆ เกี่ยวกับโครงงานนั้น ในการเขียนรายงาน นักเรียนควรใช้ภาษาที่อ่านง่าย ชัดเจน
กระชับ และตรงไปตรงมา การจัดทาคู่มือการใช้งาน ซึ่งประกอบด้วย
๑. ชื่อผลงาน
๒. ความต้องการของระบบคอมพิวเตอร์ ระบุรายละเอียดของคอมพิวเตอร์ที่ต้องมีเพื่อจะ
ใช้ผลงานนั้นได้
๓. ความต้องการของซอฟต์แวร์ ระบุรายชื่อซอฟต์แวร์ที่ต้องมีอยู่ในเครื่องคอมพิวเตอร์
เพื่อจะให้ผลงานนั้นทางานได้อย่างสมบูรณ์
๔. คุณลักษณะของผลงาน อธิบายว่าผลงานนั้นทาหน้าที่อะไรบ้าง รับอะไรเป็นข้อมูลขา
เข้า และส่วนอะไรออกมาเป็นข้อมูลขาออก
๕. วิธีการใช้งานของแต่ละฟังก์ชัน อธิบายว่าจะต้องกดคาสั่งใด หรือกดปุ่มใด เพื่อให้
ผลงานทางานในฟังก์ชันหนึ่งๆ
การนาเสนอและการแสดงผลงานของโครงงาน เป็นขั้นตอนที่สาคัญอีกขั้นตอนหนึ่งของ
การทาโครงงาน เพื่อแสดงออกถึงผลิตผลความคิด ความพยายามในการทางานที่ผู้ทาโครงงานได้ทุ่มเท
และเป็นวิธีทาให้ผู้อื่นได้รับรู้และเข้าใจถึงผลงานนั้น
การทาโครงงานคอมพิวเตอร์ นอกจากจะเป็นกิจกรรมที่ส่งเสริมให้นักเรียน ได้นาความรู้
ทางคอมพิวเตอร์มาใช้แก้ปัญหา พัฒนาคิดค้น ผลิตภัณฑ์ต่างๆ แล้ว ยังเป็นกิจกรรมที่ส่งเสริมให้
นักเรียน มีความสนใจที่จะทางานวิจัยและประกอบอาชีพทางคอมพิวเตอร์มากยิ่งขึ้นด้วย ซึ่งใน ปัจจุบัน
นี้หลายๆ ประเทศทั่วโลกขาดแคลนบุคลากรทางด้านเทคโนโลยีสารสนเทศเป็นจานวนมาก ดังนั้นจึงน่า
จัดให้การทาโครงงานคอมพิวเตอร์ เป็นกิจกรรมในทุกระดับชั้น เพื่อนาไปสู่การพัฒนาประเทศชาติใน
อนาคต
6. องค์ประกอบของเค้าโครงงาน
หัวข้อ รายงาน (รายละเอียดที่ต้องระบุ)
๑. ชื่อโครงงาน ทาอะไร กับใคร เพื่ออะไร
๒. ชื่อผู้จัดทาโครงงาน อาจเป็นรายบุคคล หรือเป็นกลุ่มก็ได้
๓. อาจารย์ที่ปรึกษา ครู-อาจารย์ผู้ทาหน้าที่เป็นที่ปรึกษา ควบคุมการทาโครงงานของ
โครงงาน นักเรียน
๔. ระยะเวลาดาเนินงาน ระยะเวลาการดาเนินงานโครงงาน ตั้งแต่เริ่มต้นจนสิ้นสุด
๕. แนวคิด ที่มา และ สภาพปัจจุบันที่เป็นความต้องการและความคาดหวังที่จะเกิดผล
ความสาคัญ
สิ่งที่ต้องการให้เกิดขึ้นเมื่อสิ้นสุดโครงงานทั้งในเชิงกระบวนการ
๖. วัตถุประสงค์
และผลผลิต
๗. หลักการและทฤษฎี หลักการและทฤษฎีที่นามาใช้ในการพัฒนาโครงงาน
๘. วิธีดาเนินงาน กิจกรรมหรือขั้นตอนการดาเนินงาน เครื่องมือ วัสดุอุปกรณ์
สถานที่ และงบประมาณ
๙. ขั้นตอนการปฏิบัติ วัน เวลา และกิจกรรมดาเนินการต่างๆ ตั้งแต่เริ่มต้นจนสิ้นสุด
สภาพของผลที่ต้องการให้เกิด ทั้งที่เป็นผลผลิต กระบวนการและ
๑๐.ผลที่คาดว่าจะได้รับ
ผลกระทบ
๑๑.เอกสารอ้างอิง ซื่อเอกสาร ข้อมูลที่ได้จากแหล่งต่างๆ ที่นามาใช้ในการดาเนินงาน
ที่มา : http://teacher.skw.ac.th/salunyar/40102/unit_05/p_501.htm