36

1. ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์และ
เทคโนโลยีสารสนเทศ

2. ข้อมูล คือ ข้อเท็จจริงที่มีการรวบรวมไว้และมี
ความหมาย อาจเกี่ยวข้องกับคน สิ่งของ หรือเหตุ
การณ์อื่นๆ
ส่วนพื้นฐานสำาหรับการประมวลผลของงาน เพื่อ
ให้ได้สารสนเทศสำาหรับช่วยตัดสินใจและนำาเอา
ไปใช้ประโยชน์อื่นๆตามต้องการ
บทที่ 8 ข้อมูลและการจัดการ
ข้อมูล
2
ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์และ
เทคโนโลยีสารสนเทศ

3. การจัดการข้อมูล
ข้อมูลที่ถูกจัดเรียงใหม่
3
ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์และ
เทคโนโลยีสารสนเทศ

4. แหล่งข้อมูล
สามารถแบ่งประเภทตามแหล่งที่มาได้ 2
ประเภท คือ
แหล่งข้อมูลภายใน
แหล่งข้อมูลภายนอก
4
ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์และ
เทคโนโลยีสารสนเทศ

5. แหล่งข้อมูลภายใน
แหล่งกำาเนิดข้อมูลอยู่ภายในองค์กรทั่วไป
เช่น ยอดขายประจำาปี ข้อมูลผู้ถือหุ้น รายงาน
กำาไรขาดทุน รายชื่อพนักงาน ฯลฯ
ข้อมูลบางอย่างอาจเปิดเผยได้ บางอย่างก็เป็น
ความลับ เช่น ข้อมูลผลิตภัณฑ์ใหม่ ข้อมูลการ
ทดลอง เป็นต้น
5
ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์และ
เทคโนโลยีสารสนเทศ

6. แหล่งกำาเนิดอยู่ภายนอกองค์กร ไม่ใช่ข้อมูลที่มี
อยู่ภายในบริษัทหรือองค์กร
อาจหาได้จากบริษัทผู้ให้บริการ
ข้อมูล หรือจากหนังสือพิมพ์
วิทยุ โทรทัศน์หรือสื่ออื่นๆ
ตัวอย่างเช่น ข้อมูลลูกค้า เจ้าหนี้
อัตราดอกเบี้ยสถาบันการเงิน
กฎหมายและอัตราภาษีของรัฐบาล
หรือข้อมูลบริษัทคู่แข่ง
แหล่งข้อมูลภายนอก
6
ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์และ
เทคโนโลยีสารสนเทศ

7. คุณสมบัติของข้อมูลที่ดี
คุณสมบัติพื้นฐานของข้อมูลที่ดี เช่น
ความถูกต้อง (Accuracy)
มีความเป็นปัจจุบัน (Update)
ตรงตามความต้องการ (Relevance)
ความสมบูรณ์ (Complete)
สามารถตรวจสอบได้ (Verifiable)
7
ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์และ
เทคโนโลยีสารสนเทศ

8. ความถูกต้อง (Accuracy)
ข้อมูลที่ไม่เป็นจริงอาจก่อให้เกิดความเสียหาย
ได้
ต้องคัดเลือกข้อมูลที่ถูกต้อง
คอมพิวเตอร์ประมวลผลตามข้อมูลที่ได้รับ เมื่อ
ป้อนข้อมูลผิด ผลลัพธ์ก็ย่อมผิดตามไปด้วย
(GarbageIn GarbageOut)
8
ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์และ
เทคโนโลยีสารสนเทศ

9. มีความเป็นปัจจุบัน (Update)
ข้อมูลที่ดีต้องมีการปรับปรุงแก้ไขให้มีความเป็น
ปัจจุบันอยู่เสมอ
เหตุการณ์ต่างๆมักเกิดขึ้นใหม่อยู่ตลอด เช่น
จำานวนผู้มีสิทธิเลือกตั้งในสมัยก่อนกับปัจจุบัน
ย่อมไม่เท่ากัน
ข้อมูลที่ล้าสมัยหากนำาไปใช้ประโยชน์ อาจให้
ผลลัพธ์ที่คลาดเคลื่อนได้
9
ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์และ
เทคโนโลยีสารสนเทศ

10. ตรงตามความต้องการ
(Relevance)
ข้อมูลที่จะนำามาใช้ต้องสอดคล้องตรงกับความ
ต้องการมากที่สุด
อาจได้จากการสำารวจหรือออกแบบสอบถาม
หากไม่สอดคล้องกับความต้องการ ก็ไม่สามารถ
นำาไปใช้ประโยชน์ได้อย่างเต็มที่
10
ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์และ
เทคโนโลยีสารสนเทศ

11. ความสมบูรณ์ (Complete)
บางครั้งอาจเก็บรวบรวมข้อมูลมากกว่า 1 ครั้ง
เพื่อให้ได้ข้อมูลที่สมบูรณ์
เช่น การเก็บข้อมูลเชิงสถิติ หรือวัดค่าเฉลี่ย อาจ
ต้องเก็บทั้งข้อมูลปฐมภูมิ (Primary Data) และ
ข้อมูลทุติยภูมิ (Secondary Data)
ข้อมูลที่สมบูรณ์อาจต้องคำานึงถึงความครบถ้วน
ของข้อมูลด้วย เช่น อายุ เพศ การศึกษา ศาสนา
เชื้อชาติ ของบุคลากรในบริษัท เป็นต้น
11
ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์และ
เทคโนโลยีสารสนเทศ

12. สามารถตรวจสอบได้
(Verifiable)
ข้อมูลที่ได้จากหลายแหล่ง อาจมีทั้งเชื่อถือได้
และเชื่อถือไม่ได้
จำาเป็นต้องตรวจสอบแหล่งที่มาหรือหลักฐาน
อ้างอิงก่อน
ป้องกันข้อมูลที่ไม่เกิดประโยชน์และอาจทำาให้
เสียหายได้
12
ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์และ
เทคโนโลยีสารสนเทศ

13. บิต (Bit : Binary
Digit)
ไบต์ (Byte)
ฟีลด์ (Field) หรือ
เขตของข้อมูล
เรคอร์ด (Record)
ไฟล์ (File) หรือ
แฟ้มตารางข้อมูล
การแบ่งลำาดับชั้นของการ
จัดการข้อมูล
(Hierarchy of Data)
13
ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์และ
เทคโนโลยีสารสนเทศ

14. บิต (Bit : Binary Digit)
ลำาดับชั้นของหน่วยข้อมูลที่เล็กที่สุด
ข้อมูลที่จะทำางานร่วมกับคอมพิวเตอร์ ต้องแปลง
ให้อยู่ในรูปของเลขฐานสองก่อน
เมื่อแปลงแล้วจะได้ตัวเลขแทนสถานะ เปิด และ
ปิด ของสัญญาณไฟฟ้าที่เรียกว่าบิต (Bit) คือบิต
0 และบิต 1
14
ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์และ
เทคโนโลยีสารสนเทศ

15. ไบต์ (Byte)
เมื่อนำาบิตมารวมกันหลายๆบิต จะได้หน่วยข้อมูล
กลุ่มใหม่ที่เรียกว่า ไบต์ (byte)
จำานวนของบิตที่ได้ในแต่ละกลุ่ม อาจมีมากหรือ
น้อยตามแต่ชนิดของรหัสที่ใช้เก็บ
สำาหรับรหัสแอสกีนั้น 1 ตัวอักษร มีขนาด 1 ไบต์
(หรือ 8 บิต)
15
ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์และ
เทคโนโลยีสารสนเทศ

16. ฟีลด์ (Field) หรือเขตของ
ข้อมูล
ประกอบด้วยกลุ่มของตัวอักษรหรือไบต์ตั้งแต่ 1
ตัวขึ้นไป มาประกอบกันเป็นหน่วยข้อมูลที่ใหญ่
ขึ้น เพื่อแสดงลักษณะหรือความหมายอย่างใด
อย่างหนึ่ง
ตัวอย่างฟีลด์พนักงาน เช่น รหัสพนักงาน ชื่อ
นามสกุล เงินเดือน หรือตำาแหน่ง
16
ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์และ
เทคโนโลยีสารสนเทศ

17. เรคอร์ด (Record)
กลุ่มของฟีลด์ที่มีความสัมพันธ์กัน และนำามาจัด
เก็บรวมกันเป็นหน่วยใหม่
ที่ใหญ่ขึ้นเพียงหน่วยเดียว
ข้อมูลที่จัดเก็บอาจมีหลายเรคอร์ดได้
17
ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์และ
เทคโนโลยีสารสนเทศ

18. ไฟล์ (File)
ไฟล์ (File) หรือแฟ้มตารางข้อมูล เป็นการนำา
เอาข้อมูลทั้งหมดหลายๆเรคอร์ด
ที่ต้องการจัดเก็บ มาเรียงอยู่ในรูปแบบของแฟ้ม
ตารางข้อมูลเดียวกัน
ตัวอย่างเช่น แฟ้มตารางข้อมูลคะแนนวิชา
คอมพิวเตอร์ของนักศึกษา
อาจประกอบด้วย เรคอร์ดของนักศึกษาหลายๆ
คนที่เก็บข้อมูลเกี่ยวกับ
รหัสนักศึกษา ชื่อ นามสกุล และคะแนนที่ได้ 18
ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์และ
เทคโนโลยีสารสนเทศ

19. แฟ้มตารางข้อมูลคะแนนวิชา
คอมพิวเตอร์
ไฟล์ (File) (ต่อ)
19
ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์และ
เทคโนโลยีสารสนเทศ

20. ฐานข้อมูล (Database)
การรวมเอาแฟ้มตารางข้อมูลหลายๆแฟ้มที่มี
ความสัมพันธ์กัน มาเก็บไว้ที่เดียวกัน
มีการเก็บคำาอธิบายโครงสร้างฐานข้อมูลไว้ เรียก
ว่า พจนานุกรมข้อมูล
(Data Dictio nary) เพื่อช่วยในการประมวลผล
20
ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์และ
เทคโนโลยีสารสนเทศ

21. โครงสร้างของฐานข้อมูล
21
ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์และ
เทคโนโลยีสารสนเทศ

22. ตัวอย่างฐานข้อมูล
ฐานข้อมูลทะเบียน
ราษฎร์
ฐานข้อมูลทะเบียน
นักศึกษา
ฐานข้อมูลบุคลากร
ฐานข้อมูลสินค้าคงคลัง
ฯลฯ
22
ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์และ
เทคโนโลยีสารสนเทศ

23. โครงสร้างของแฟ้มข้อมูล
วิธีการกำาหนดโครงสร้างเพื่อจัดเก็บข้อมูลไว้ในแฟ้ม
บนสื่อบันทึกข้อมูลสำารอง (Secondary Storage)
เพื่อให้การจัดเก็บและเข้าถึงข้อมูลมีความรวดเร็ว ถูก
ต้อง และเหมาะสมกับ
ความต้องการ
23
การจัดโครงสร้างของแฟ้มข้อมูล
(FileOrganization)
ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์และ
เทคโนโลยีสารสนเทศ

24. การจัดโครงสร้างของแฟ้มข้อมูล
(FileOrganization) (ต่อ)
อาจแบ่งได้เป็น 3 ลักษณะคือ
โครงสร้างของแฟ้มข้อมูลแบบเรียงลำาดับ
(Sequential FileStructure)
โครงสร้างของแฟ้มข้อมูลแบบสุ่ม (Direct/Random
FileStructure)
โครงสร้างของแฟ้มข้อมูลแบบลำาดับเชิงดรรชนี
(Index Sequential FileStructure)
24
ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์และ
เทคโนโลยีสารสนเทศ

25. โครงสร้างของแฟ้มข้อมูลแบบ
เรียงลำาดับ
(Sequential FileStructure)
โครงสร้างของแฟ้มข้อมูลชนิดพื้นฐานที่สามารถ
ใช้งานได้ง่ายที่สุด
จัดเก็บข้อมูลแบบเรียงลำาดับเรคอร์ดต่อเนื่องกัน
ไป
การอ่านหรือค้นคืนข้อมูลจะข้ามลำาดับไปอ่าน
โดยตรงไม่ได้
เหมาะสมกับงานที่มีการอ่านข้อมูลต่อเนื่องกัน
ไปตามลำาดับและในปริมาณมาก
จัดเก็บอยู่ในอุปกรณ์ประเภทเทปแม่เหล็ก 25
ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์และ
เทคโนโลยีสารสนเทศ

26. โครงสร้างของแฟ้มข้อมูลแบบ
เรียงลำาดับ
(Sequential FileStructure) (ต่อ)
26
ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์และ
เทคโนโลยีสารสนเทศ

27. สุ่ม
(Direct/Random File
Structure)
โครงสร้างแฟ้มข้อมูลที่เข้าถึงได้โดยตรง
สามารถเลือกหรืออ่านค่าได้โดยไม่จำาเป็นต้อง
ผ่านเรคอร์ดแรกๆ
การเข้าถึงข้อมูลทำาได้เร็ว
จัดเก็บในสื่อที่มีการเข้าถึงได้โดยตรง เช่น
ฮาร์ดดิสก์ หรือ CD/DVD
อาจแบ่งตามลักษณะการทำางานออกได้เป็น 2
ประเภทคือ
แบบแฮชไฟล์ (Hash File) 27
ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์และ
เทคโนโลยีสารสนเทศ

28. แบบแฮชไฟล์ (Hash File)
อาศัยอัลกอริทึมที่เรียกว่า แฮชชิ่ง (Hashing) ใน
การคำานวณหาค่าคีย์ฟีลด์
ถ้าข้อมูลมาก การแปลงค่าตำาแหน่งอาจเกิดการ
ชนกันได้ (Collision)
สุ่ม
(Direct/Random File
Structure) (ต่อ)
28
ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์และ
เทคโนโลยีสารสนเทศ

29. แบบดรรชนี (Indexed File)
ใช้แฟ้มดรรชนี (Index) ค้นหาหรือเข้าถึงข้อมูล
โดยตรง
แฟ้มดรรชนีประกอบด้วยคีย์ 2 ตัวคือ คีย์ของข้อมูล
และคีย์ของตำาแหน่งที่เก็บข้อมูล
คล้ายกับแผนผังบอกตำาแหน่งงานนิทรรศการ
สุ่ม
(Direct/Random File
Structure) (ต่อ)
29
ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์และ
เทคโนโลยีสารสนเทศ

30. โครงสร้างของแฟ้มข้อมูลแบบ
ลำาดับเชิงดรรชนี (Index
Sequential FileStructure)
อาศัยกระบวนการ ISAM (Index Sequential
AccessMethod)
รวมเอาความสามารถในการเข้าถึงข้อมูลแบบ
สุ่มและแบบเรียงตามลำาดับ
เข้าไว้ด้วยกัน
ข้อมูลถูกเก็บเรียงกันตามลำาดับไว้บนสื่อแบบสุ่ม
และเข้าถึงข้อมูลผ่านแฟ้มข้อมูลลำาดับเชิงดรรชนี
(Indexed Sequential File)
ทำางานได้ยืดหยุ่นกว่าวิธีอื่น โดยเฉพาะกรณีที่มี30
ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์และ
เทคโนโลยีสารสนเทศ

31. โครงสร้างของแฟ้มข้อมูลแบบ
ลำาดับเชิงดรรชนี (Index
Sequential FileStructure) (ต่อ)
31
ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์และ
เทคโนโลยีสารสนเทศ

32. เปรียบเทียบโครงสร้างแฟ้ม
ข้อมูลแต่ละประเภท
32
ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์และ
เทคโนโลยีสารสนเทศ

33. ข้อดี/ข้อเสียของแต่ละแบบ
แบบเรียงลำำดับ (Sequential File)
33
ควำมรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์และ
เทคโนโลยีสำรสนเทศ
ข้อดี ข้อเสีย สื่อเก็บ
ค่ำใช้จ่ำย
น้อย
เหมำะกับงำน
อ่ำนข้อมูล
แบบเรียง
ลำำดับ
และมีปริมำณ
มำก
ค้นหำข้อมูลได้
ช้ำ
เพรำะต้องค้น
ตั้งแต่ต้นไฟล์
ข้อมูลต้องจัด
เรียงลำำดับก่อน
ไม่เหมำะกับงำน
ที่ต้องแก้ไขเป็น
เทปแม่
เหล็ก
(Magnetic
Tape)

34. ข้อดี/ข้อเสียของแต่ละแบบ
(ต่อ)
34
ควำมรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์และ
เทคโนโลยีสำรสนเทศ
ข้อดี ข้อเสีย สื่อเก็บ
ค้นหำข้อมูล
ได้เร็ว
ทำำได้ทันที
เหมำะกับงำน
ที่ต้องแก้ไข
เป็นประจำำ
ไม่เหมำะกับงำน
ที่ต้องอ่ำนข้อมูล
มำกๆ
กำรเขียน
โปรแกรม
เพื่อค้นหำข้อมูล
จะซับซ้อน
ไม่สำมำรถเข้ำ
จำนแม่
เหล็ก
(Magnetic
Disk)
แบบสุ่ม (Random File)

35. ข้อดี/ข้อเสียของแต่ละแบบ
(ต่อ)
35
ควำมรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์และ
เทคโนโลยีสำรสนเทศ
แบบลำำดับเชิงดรรชนี (Indexed Sequential
File)ข้อดี ข้อเสีย สื่อเก็บ
รองรับกำร
ประมวลผลได้
ทั้งแบบลำำดับ
และแบบสุ่ม
เหมำะกับงำนที่
ต้องแก้ไข
ข้อมูลเป็น
ประจำำ เช่น
ธุรกรรม
สิ้นเปลืองเนื้อที่ใน
กำรจัดเก็บดรรชนี
ที่ใช้อ้ำงอิงถึง
ตำำแหน่งของ
ข้อมูล
กำรเขียน
โปรแกรมเพื่อ
ค้นหำข้อมูลจะซับ
ซ้อน
จำนแม่
เหล็ก
(Magnetic
Disk)

36. ประเภทของแฟ้มข้อมูล (File
Type)
สำมำรถแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภทคือ
แฟ้มหลัก (Master File)
แฟ้มรำยกำรเปลี่ยนแปลง (Transaction File)
36
ควำมรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์และ
เทคโนโลยีสำรสนเทศ

37. แฟ้มหลัก (Master File)
เป็นแฟ้มข้อมูลที่มีกำรเปลี่ยนแปลงข้อมูลไม่บ่อย
มำกนัก
กำรปรับปรุงข้อมูลให้มีควำมทันสมัย (Up to
Date) จะเปลี่ยนแปลงที่แฟ้มหลักโดยตรง หรือ
อำศัยข้อมูลจำก Transaction Fileก็ได้
ตัวอย่ำงแฟ้มหลัก ลูกค้ำธนำคำร จะเก็บข้อมูล
ของลูกค้ำ เช่น ชื่อ ที่อยู่ หมำยเลขบัญชี ยอดเงิน
คงเหลือในบัญชี เป็นต้น
37
ควำมรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์และ
เทคโนโลยีสำรสนเทศ

38. แฟ้มรำยกำรเปลี่ยนแปลง
(Transaction File)
แฟ้มข้อมูลที่มีกำรเปลี่ยนหรือแก้ไขรำยกำร
ข้อมูลค่อนข้ำงบ่อย
และทำำแบบประจำำต่อเนื่องหรือเกิดขึ้นทุกวัน
มักจะนำำไปใช้สำำหรับกำรปรับปรุงแฟ้มหลัก
ตัวอย่ำงแฟ้มรำยกำรเปลี่ยนแปลง เวลำเข้ำ-
ออกงำนของพนักงำน ซึ่งจะมีรำยกำรบันทึก
หรือลงเวลำเกิดขึ้นอยู่เป็นประจำำทุกวัน
38
ควำมรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์และ
เทคโนโลยีสำรสนเทศ

39. กำรปรับปรุงรำยกำรของแฟ้ม
ข้อมูลที่เกี่ยวข้อง
39
ควำมรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์และ
เทคโนโลยีสำรสนเทศ

40. แฟ้มข้อมูลกับระบบฐำนข้อมูล
(FileProcessing & Database
Systems)
กำรประมวลผลแบบแฟ้มข้อมูล (File
Processing)
ต่ำงแผนกต่ำงแยกจัดเก็บ
ข้อมูลเกิดกำรซำ้ำซ้อน (DataRedundancy )
40
ควำมรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์และ
เทคโนโลยีสำรสนเทศ

41. ระบบฐำนข้อมูล
(DatabaseSystems)
แก้ปัญหำควำมซำ้ำซ้อน
กันของข้อมูล
จัดเก็บรวบรวมแฟ้มข้อมูล
ที่สัมพันธ์กัน
มำจัดเรียงรวมกันใหม่
อย่ำงเป็นระเบียบ
สะดวกต่อกำรค้นหำและ
เรียกใช้ข้อมูลร่วมกัน
แฟ้มข้อมูลกับระบบฐำนข้อมูล
(FileProcessing & Database
Systems) (ต่อ)
41
ควำมรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์และ
เทคโนโลยีสำรสนเทศ

42. แนวคิดของกำรใช้ฐำนข้อมูล
ลดควำมซำ้ำซ้อนกันของข้อมูล (Reduced
DataRedundancy)
ลดควำมขัดแย้งของข้อมูล (Reduced Data
Inconsistency)
กำรรักษำควำมคงสภำพของข้อมูล
(Improved DataIntegrity)
ใช้ข้อมูลร่วมกันได้ (Shared Data)
ง่ำยต่อกำรเข้ำถึงข้อมูล
(Easier Access)
ลดระยะเวลำกำรพัฒนำระบบงำน 42
ควำมรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์และ
เทคโนโลยีสำรสนเทศ

43. ลดควำมซำ้ำซ้อนกันของข้อมูล
(Reduced DataRedundancy)
หน่วยงำนที่จัดเก็บข้อมูลแยกกันหลำยที่ อำจมี
ข้อมูลบำงส่วนที่ซำ้ำซ้อนกัน
(DataRedundancy)
เช่น ฝ่ำยกำรเงินกับฝ่ำยกำรขำย ต่ำงเก็บข้อมูล
ลูกค้ำไว้ที่ฝ่ำยของตนเอง
เมื่อมีกำรเปลี่ยนแปลง ที่อยู่ของลูกค้ำ ก็ต้องตำม
ไปแก้ไขแฟ้มที่เก็บข้อมูล
ของทั้งสองฝ่ำย
ฐำนข้อมูล จะช่วยลดควำมซำ้ำซ้อนกันของข้อมูล43
ควำมรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์และ
เทคโนโลยีสำรสนเทศ

44. ลดควำมขัดแย้งของข้อมูล
(Reduced DataInconsistency)
ข้อมูลที่เป็นชุดเดียวกัน แต่มีค่ำต่ำงกัน ถือว่ำ
เป็นควำมขัดแย้งกันของข้อมูล
เช่น ปัญหำเรื่องที่อยู่ลูกค้ำ หำกแก้ไขเฉพำะ
ฝ่ำยขำย แต่ฝ่ำยกำรเงินไม่ได้แก้ไข ข้อมูลที่อยู่
ลูกค้ำจึงขัดแย้งกัน
กำรใช้ฐำนข้อมูลนั้น เมื่อแก้ไขในที่หนึ่ง ข้อมูล
อีกที่หนึ่งจะถูกเปลี่ยนไปด้วย
44
ควำมรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์และ
เทคโนโลยีสำรสนเทศ

45. กำรรักษำควำมคงสภำพของ
ข้อมูล
(Improved DataIntegrity)
ควำมคงสภำพของข้อมูล (DataIntegrity) คือ
ควำมถูกต้อง ควำมสอดคล้อง ควำมสมเหตุสมผล
ของข้อมูลที่อยู่ในฐำนข้อมูล
เรำสำมำรถกำำหนดชนิดหรือควำมยำวของ
ข้อมูลในฐำนข้อมูลได้
ถ้ำผิดแปลกออกไปจำกที่กำำหนด จะไม่สำมำรถ
ป้อนข้อมูลนั้นเข้ำมำได้
ข้อมูลจึงมีควำมถูกต้องตำมโครงสร้ำงอยู่เสมอ
เช่น ข้อมูลหมำยเลขบัตรประชำชน กำำหนด 45
ควำมรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์และ
เทคโนโลยีสำรสนเทศ

46. ใช้ข้อมูลร่วมกันได้ (Shared
Data)
แต่ละฝ่ำยในองค์กร สำมำรถที่จะเรียกใช้ข้อมูล
ระหว่ำงกันได้ เช่น
ฝ่ำยกำรเงินต้องกำรข้อมูลเกี่ยวกับแฟ้มข้อมูลลูกค้ำ
ก็สำมำรถดึงมำจำกระบบฐำนข้อมูลที่เดียวกันได้
ฝ่ำยบริหำรต้องกำรข้อมูลเกี่ยวกับแฟ้มข้อมูล
พนักงำน เพื่อดูประวัติกำรทำำงำน
ก็สำมำรถเรียกใช้ร่วมกันได้
46
ควำมรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์และ
เทคโนโลยีสำรสนเทศ

47. ง่ำยต่อกำรเข้ำถึงข้อมูล
(Easier Access)
ฐำนข้อมูลช่วยให้เข้ำถึงข้อมูลได้ง่ำยขึ้น เพรำะ
มีกลไกในกำรเข้ำถึงข้อมูลที่เป็นแบบเดียวกัน
เช่น คำำสั่งเรียกค้นข้อมูลภำษำ SQL (Structure
Query Language)
ในระบบจัดกำรฐำนข้อมูลเชิงสัมพันธ์ หรือ
RDBMS
47
ควำมรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์และ
เทคโนโลยีสำรสนเทศ

48. ลดระยะเวลำกำรพัฒนำระบบ
งำน
(Reduced Development Time)
นักพัฒนำระบบทำำงำนได้เร็วขึ้น เพรำะฐำน
ข้อมูลช่วยลดปัญหำด้ำนควำมซำ้ำซ้อน ควำมขัด
แย้ง และควำมคงสภำพของข้อมูลได้
ช่วงเวลำกำรบำำรุงรักษำโปรแกรม (Program
Maintenance) ลดลง
48
ควำมรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์และ
เทคโนโลยีสำรสนเทศ

49. เครื่องมือสำำหรับจัดกำรฐำน
ข้อมูล (DBMS)
49
ควำมรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์และ
เทคโนโลยีสำรสนเทศ
ระบบจัดกำรฐำนข้อมูล หรือ DBMS(Database
Management Systems)
เป็นเสมือนผู้จัดกำรฐำนข้อมูล
โปรแกรมจัดกำรระบบมีมำกมำย แต่ที่นิยมคือ
ระบบจัดกำรฐำนข้อมูลเชิงสัมพันธ์ หรือ RDBMS
(Relational DatabaseManagement System)
ตัวอย่ำงโปรแกรม RDBMSเช่น
Oracle
Microsoft SQL
Server
Microsoft
Access
MySQL
DB2
Sybase

50. ลักษณะของ DBMS
ผู้ใช้ไม่จำำเป็นต้องทรำบถึงโครงสร้ำงทำง
กำยภำพของข้อมูลในระดับที่ลึกมำก
สำมำรถกำำหนดโครงสร้ำงและดูแลรักษำฐำน
ข้อมูลได้
ควบคุมกำรเข้ำถึงข้อมูลได้ตำมระดับกำรใช้งำน
ที่ต้องกำร
ใช้ภำษำที่จัดกำรกับข้อมูลโดยเฉพำะเรียกว่ำ
ภำษำคิวรี่ (Query Language)
50
ควำมรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์และ
เทคโนโลยีสำรสนเทศ

51. ภำษำคิวรี่ (Query
Language)
ภำษำที่ใช้สำำหรับสอบถำมหรือจัดกำรกับข้อมูล
โดยเฉพำะ
ภำษำที่ได้รับควำมนิยมสูงสุดคือ ภำษำ SQL
(StructureQuery Language)
องค์กร ANSI ได้ประกำศให้ SQL เป็นภำษำ
มำตรฐำนสำำหรับ
ระบบกำรจัดกำรฐำนข้อมูลเชิงสัมพันธ์ หรือ
RDBMS (Relatio nalDatabase Management
System) 51
ควำมรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์และ
เทคโนโลยีสำรสนเทศ

52. ตัวอย่ำงคำำสั่งภำษำ SQL
52
ควำมรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์และ
เทคโนโลยีสำรสนเทศ
SELECT ใช้สำำหรับเลือกข้อมูล หรือเลือกเรคอร์ด
ใดๆที่ต้องกำรจำกฐำนข้อมูล
INSERT ใช้สำำหรับเพิ่มข้อมูล หรือเพิ่มเรคอร์ดใดๆ
เข้ำไปในฐำนข้อมูล
UPDATE ใช้สำำหรับแก้ไขข้อมูล หรือแก้ไขเรคอร์ด
ใดๆในฐำนข้อมูล
DELETE ใช้สำำหรับลบข้อมูล หรือลบเรคอร์ดใดๆ
ในฐำนข้อมูล

53. ตัวอย่ำงโปรแกรม Microsoft
Access
53
ควำมรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์และ
เทคโนโลยีสำรสนเทศ

54. ตัวอย่ำงแอพพลิเคชั่น SQL
MobileDeveloper
54
ควำมรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์และ
เทคโนโลยีสำรสนเทศ

55. 55
ควำมรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์และ
เทคโนโลยีสำรสนเทศ
ควำมสำมำรถทั่วไปของ
DBMS

56. ควำมสำมำรถทั่วไปของ
DBMS(ต่อ)
สร้ำงฐำนข้อมูล (CreateDatabase)
วิเครำะห์และออกแบบข้อมูลก่อนสร้ำงฐำนข้อมูล
จริง
ระบบ DBMS ทั่วไป มีเครื่องมือช่วยสร้ำงอยู่ใน
โปรแกรม
อำศัยภำษำ SQL ในกำรสั่งงำน เช่น สร้ำงฟีลด์
หรือตำรำง เป็นต้น
56
ควำมรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์และ
เทคโนโลยีสำรสนเทศ

57. ควำมสำมำรถทั่วไปของ
DBMS(ต่อ)
เพิ่ม เปลี่ยนแปลง และลบข้อมูล (Add, Update
and DeleteData)
สำมำรถเพิ่มค่ำรำยกำรในฐำนข้อมูลได้ทุกเมื่อ เช่น
เพิ่มค่ำบำงเรคอร์ดที่ตกหล่น
ในกำรบันทึกข้อมูล
แก้ไขข้อมูลที่มีกำรเปลี่ยนแปลงข้อมูล เช่น ที่อยู่
ลูกค้ำ หรือเบอร์โทรศัพท์
ลบข้อมูลที่ไม่มีควำมจำำเป็นต้องใช้ เช่น เรคอร์ดของ
นักศึกษำบำงคนที่ลำออกไป
57
ควำมรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์และ
เทคโนโลยีสำรสนเทศ

58. ควำมสำมำรถทั่วไปของ
DBMS(ต่อ)
จัดเรียงและค้นหำข้อมูล (Sort and Retrieve
Data)
DBMS มีคุณสมบัติที่ช่วยให้เรียกค้นหำข้อมูลได้ง่ำย
และสะดวก
สำมำรถจัดเรียงข้อมูลและเลือกได้ว่ำจะให้ DBMS
จัดเรียงแบบใด เช่น
มำกไปน้อย หรือ เรียงตำมลำำดับเวลำ
กำรค้นหำข้อมูลที่มีอยู่จำำนวนมำกมำก สำมำรถระบุ
ค่ำเพียงบำงส่วนให้ค้นหำได้
58
ควำมรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์และ
เทคโนโลยีสำรสนเทศ

59. ควำมสำมำรถทั่วไปของ
DBMS(ต่อ)
สร้ำงแบบฟอร์มและรำยงำน (CreateForm and
Report)
สำมำรถสร้ำงแบบฟอร์มกำรแสดงผลบนหน้ำจอ
(Form)
พิมพ์ผลลัพธ์รำยกำรต่ำงๆออกมำเป็นรำยงำน
(Report)
ช่วยในเรื่องของกำรตัดสินใจและกำรวิเครำะห์ข้อมูล
59
ควำมรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์และ
เทคโนโลยีสำรสนเทศ

60. NoSQL (Non-Relational
Database)
ฐำนข้อมูลที่ไม่ต้องเชื่อมโยงควำมสัมพันธ์ (No n-
Relatio nalDatabase) หรือ No SQL ซึ่งไม่ต้องใช้
คำำสั่งภำษำ SQL จัดกำรกับฐำนข้อมูล แต่จะใช้
คีย์ (Key) เป็นหลักในกำรค้นหำและเปรียบเทียบ
ข้อมูลแทน
ใช้สำำหรับระบบที่มีฐำนข้อมูลขนำดใหญ่มำกๆ
เช่น Google, Facebook, Twitter, FourSquare
และ Pantip.com
ระบบของ Social Network นั้นมีปริมำณข้อมูล60
ควำมรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์และ
เทคโนโลยีสำรสนเทศ

61. NoSQL (Non-Relational
Database) (ต่อ)
เหมำะกับงำนที่มีผู้ใช้จำำนวนมำก (Big User) ซึ่ง
ต้องเก็บข้อมูลปริมำณมหำศำล และมีกำรเรียกใช้
ข้อมูลจำกเซิร์ฟเวอร์ตลอดเวลำ
มีกำรกระจำยข้อมูลเก็บไว้บนเซิร์ฟเวอร์หลำยๆ
ตัว
ไม่มีรูปแบบโครงสร้ำงข้อมูลที่แน่นอน ง่ำยต่อ
กำรขยำยฐำนข้อมูล
หรือเพิ่มเครื่องเซิร์ฟเวอร์
ไม่เหมำะกับงำนประมวลผลรำยกำร 61
ควำมรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์และ
เทคโนโลยีสำรสนเทศ