1
แบบเสนอโครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์
รหัสวิชา ง33201 ชื่อวิชา เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร 5
ปี การศึกษา 2562
ชื่อโครงงาน ปัญหารถติด
ชื่อผู้ทาโครงงาน
ชื่อ น.ส. ณัฐธิดา เทพา เลขที่ 8 ม.6/6
ชื่ออาจารย์ที่ปรึกษาโครงงาน ครูเขื่อนทอง มูลวรรณ์
ระยะเวลาดาเนินงาน ภาคเรียนที่ 1-2 ปี การศึกษา 62
โรงเรียนยุพราชวิทยาลัย จังหวัดเชียงใหม่
สานักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาเขต 34
ใบงาน
การจัดทาข้อเสนอโครงงานคอมพิวเตอร์
2
สมาชิกในกลุ่ม .……
1 น.ส. ณัฐธิดา เทพา เลขที่ 8
คาชี้แจง ให้ผู้เรียนแต่ละกลุ่มเขียนข้อเสนอโครงงานตามหัวข้อต่อไปนี้
ชื่อโครงงาน (ภาษาไทย)
ปัญหารถติดในกรุงเทพ
ชื่อโครงงาน (ภาษาอังกฤษ)
Traffic Jam in Bangkok
ประเภทโครงงาน
โครงงานประเภทประยุกต์ใช้งาน
ชื่อผู้ทาโครงงาน
นางสาว ณัฐธิดา เทพา
ชื่อที่ปรึกษา
ครูเขื่อนทอง มูลวรรณ์
ระยะเวลาดาเนินงาน
14 สัปดาห์
ที่มาและความสาคัญของโครงงาน (อธิบายถึงที่มา แนวคิด และเหตุผล
ของการทาโครงงาน)
รถติดสาหรับคนกรุงเทพไม่ได้เป็นเพียงปัญหา แต่มันคือวิถีชีวิต
เท่าที่จาความกันได้ ตั้งแต่เมืองเริ่มพัฒนาระบบขนส่งสาธารณะ
คนกรุงเทพไม่เคยต้องหยุดเผชิญกับปัญหาทางการจราจรเลย
แม้ว่าเราจะมีทางเลือกในการเดินทางเพิ่มขึ้นมากแค่ไหน
ก็ยังดูเหมือนว่าเราจะไม่มีวันแก้ไขปัญหาอันเป็นอมตะนี้ได้
สาหรับปัญหารถติด หากมองดี ๆ แล้ว
พวกเราไม่สามารถยกเพียงสาเหตุใดสาเหตุหนึ่งขึ้นมา
และพิจารณาเพื่อแก้ปัญหากันตรง ๆ
เพราะที่มาของปัญหาการจราจรในกรุงเทพมหานครนั้นมีมากมายและเกี่ยวพันกันอ
ย่างซับซ้อน
ไม่ว่าจะเป็นการวางผังเมืองที่ไม่เป็นไปตามความเหมาะสมและขาดความร่วมมือกั
นระหว่างภาครัฐ ระบบขนส่งมวลชนที่ไม่ดาเนินการตามแผนงานที่มีประสิทธิภาพ
และสาเหตุย่อย ๆ
อย่างการบริหารเวลาของสัญญาณไฟจราจรที่ไม่สอดคล้องกับภาพรวมการจราจรข
องทั้งเมือง ซึ่งในหลายปีที่ผ่านมา
เราได้เห็นความพยายามมากมายในการแก้ปัญหาจราจรนี้บ้าง
แต่หากจะให้พูดถึงวิธีที่ทรงประสิทธิภาพจริง ๆ ก็คงจะนึกกันไม่ค่อยออก
3
ไม่ใช่เพียงกรุงเทพมหานคร หลากหลายเมืองหลวงที่มีลักษณะคล้ายคลึงกับกรุงเทพ
แต่เขาก็สามารถลดทอนและแก้ปัญหาการจราจรที่ติดขัดได้
เรามาดูกันว่านอกจากความพยายามของผู้ใช้ถนนด้วยกันแล้ว
รัฐและผู้มีอานาจจากหลาย ๆ ที่บนโลกที่เผชิญปัญหาด้านการจราจรแบบเรา
พวกเขามีวิธีในการแก้ไขมันอย่างไร ไม่ใช่เพียงเพื่อลดปัญหารถติด
แต่ยังเป็นการสร้างลักษณะของการคมนาคมที่ดีให้กับประชากรในเมืองนั้น ๆ
อีกด้วย
1. การเก็บค่าธรรมเนียมรถยนต์
เป็นมาตรการที่ทรงประสิทธิภาพและเห็นผลชัดเจนมาก เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า
Congestion charge zone ปัจจุบันมหานครใหญ่ ๆ อย่าง London หรือกรุง
Stockholm ประเทศสวีเดน ก็ใช้วิธีนี้ในการแก้ปัญหาจราจร
เป้าหมายก็คือลดปริมาณรถยนต์ส่วนบุคคลในเขตเมืองชั้นในที่มีการจราจรหนาแน่
น และมีระบบขนส่งมวลชนคอยให้บริการอยู่แล้ว
ซึ่งวิธีนี้เป็นการกึ่งบังคับให้ผู้ใช้รถยนต์หลีกเลี่ยงเส้นทางที่มีรถติดในช่วงเวลาเร่งด่ว
นนั่นเอง โดยผู้ใช้รถยนต์ส่วนตัวที่เข้าเขตเมืองชั้นในไปในเวลาที่มีข้อห้าม
ก็จะต้องเสียค่าธรรมเนียม ซึ่งรัฐจะนาไปพัฒนาระบบขนส่งมวลชนให้ดียิ่ง ๆ
ขึ้นควบคู่กันไป
การเก็บค่าธรรมเนียมรถยนต์นี้ได้ผลดีมากกับช่วงเวลาเร่งด่วน ถึงร้อยละ 20 – 30
% ในบางมหานคร หากมองในแง่ตัวเลข
เป็นวิธีการที่ง่ายและแก้ปัญหาได้เห็นผลที่สุด
แต่ภาระที่หนักที่สุดจะตกไปอยู่กับกลุ่มคนใช้ถนนอย่างเรา ๆ
ซึ่งหากจะนามาใช้ในประเทศไทยจริง ๆ ก็จะเกิดการคัดค้านจากกลุ่มผู้ไม่เห็นด้วย
และผู้ประกอบการรายเล็กที่เสียผลประโยชน์
คงต้องมีการปลูกฝังความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการแก้ปัญหาจราจร
และจัดตั้งเวทีรับฟังความคิดเห็นเพื่อนามาพัฒนาวิธีแก้ปัญหานี้
เหล่านี้จึงอาจเป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ไม่มีผู้มีอานาจคนไหนอยากผลักดันนโยบายนี้ให้เ
กิดขึ้นจริง
2. การเพิ่มเส้นทางถนน
ดูเป็นการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่ากรุงเทพต้องสร้างถนนเพิ่มจริง
ๆ หากมองในเชิงตัวเลข ปริมาณถนนตามมาตรฐานมหานครใหญ่ ๆ
เทียบต่อสัดส่วนพื้นที่เมืองจะต้องมีไม่น้อยกว่า 30 %
4
แต่เมื่อนับปริมาณเส้นทางถนนจริง ๆ ของกรุงเทพแล้ว
กลับมีปริมาณถนนที่ใช้จริงได้เพียง 8 % เท่านั้น
การเพิ่มปริมาณพื้นที่ถนนจึงเป็นสิ่งจาเป็นสาหรับกรุงเทพอย่างเลี่ยงไม่ได้
ซึ่งวิธีการสร้างถนนเพิ่มเติม
ก็ต้องมาดูเป็นกรณีไปว่าควรจะเป็นในจุดใดและด้วยวิธีการแบบไหน
เพราะการสร้างถนนเพิ่ม
ย่อมหมายถึงการเวนคืนที่ดินที่มีคนอาศัยอยู่เพื่อนากลับคืนไปเป็ นของรัฐ
การสร้างถนนเพิ่มจึงต้องทาอย่างรอบคอบและให้เกิดประโยชน์สูงสุด
3. การควบคุมจานวนรถยนต์ด้วยระบบ COE
เมื่อจานวนรถยนต์กับปริมาณพื้นที่ถนนไม่สอดคล้องกัน
อีกวิธีหนึ่งคือควบคุมอัตราการเพิ่มของปริมาณรถยนต์บนท้องถนนขึ้น
หลากหลายประเทศที่ประสบปัญหาเช่นเดียวกันกับเราอย่างสิงคโปร์เพื่อนบ้าน
ก็ใช้วิธีนี้มาตั้งแต่ปี 1990 วิธีการก็คือ
ผู้ใช้รถยนต์ส่วนตัวทุกคนจะต้องประมูลสิทธิ์ในการครอบครองรถยนต์ หรือใบ
COE ( Certificate of Entitlement ) ซึ่งใบ COE
นี้จะมีจานวนจากัดต่างกันในแต่ละปีตามกาหนดจากรัฐบาล ซึ่งใบ COE
นี้จะมีอายุการใช้งานทั้งสิ้น 10 ปี ต่ออายุได้ครั้งละ 5 หรือ 10 ปีได้เพียงหนึ่งครั้ง
ซึ่งเมื่อครบเวลาที่กาหนดแล้ว ผู้ครอบครองจะต้องทาลายรถยนต์ทิ้ง
หรือไม่ก็ส่งรถยนต์ออกนอกประเทศไป
ซึ่งการคุมกาเนิดรถยนต์ด้วยระบบ COE
เป็นวิธีการที่ค่อนข้างโหดและริดรอนสิทธิ์ของประชากรในระดับหนึ่ง
แต่ก็เป็นมาตรการที่ได้ผล เงินที่ได้จากการประมูล COE
รัฐก็จะยังนาไปพัฒนาระบบขนส่งสาธารณะให้ดียิ่งขึ้นต่อไป
4. พัฒนาพื้นที่สถานีของระบบขนส่งมวลชน
นอกเหนือไปจากวิธีการในการเพิ่มเส้นทางรถไฟฟ้า
อีกสิ่งหนึ่งที่ต้องทาควบคู่กันคือพัฒนาพื้นที่โดยรอบสถานีให้มีความเหมาะสม
และเอื้อประโยชน์ให้กับผู้ที่มาใช้บริการอย่างแท้จริง
นอกเหนือไปจากการพัฒนาพื้นที่โดยรอบสถานีให้กลายเป็น Hub
หรือศูนย์กลางการค้าประจาย่านนั้น ๆ
สถานีย่อยของทุกระบบขนส่งมวลชนควรจะมีพื้นที่สาหรับพัฒนาเป็นจุดรับส่งผู้โดย
สารที่เดินทางโดยรถยนต์ด้วย เพื่อทาให้เกิดการเชื่อมต่อทางการคมนาคมที่ลื่นไหล
เพราะในปัจจุบัน แม้สถานีในตัวเมืองที่จะแก้ปัญหารถติดจะมีมาก
แต่ผู้ใช้รถยนต์ก็จะจอดรับส่งเพื่อนหรือครอบครัวโดยใช้พื้นที่บริเวณผิวถนนจอดเล
5
ย
ซึ่งเป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ทาให้เกิดปัญหาการจราจรมากเมื่อมองในแง่ปริมาณคันต่อวั
น
วิธีแก้ที่ดีที่สุดก็คือการจัดสรรพื้นที่สาหรับผู้ที่จะมาใช้บริการรถสาธารณะโดยสารต่
อจากรถยนต์ อาจจะไม่จาเป็นต้องเป็นพื้นที่บริเวณสถานีเท่านั้น สวนสาธารณะ
หรือพื้นที่ทรัพย์สินของรัฐในละแวกใกล้เคียงที่สามารถรองรับปริมาณรถยนต์ได้
หากวางแผนพัฒนาดี ๆ ก็จะกลายเป็น Hub
หรือเป็นพื้นที่จอดรับส่งที่ช่วยแก้ปัญหาการจราจรได้ไม่ยาก
5. การพัฒนาบุคลากรด้านผังเมือง
ไม่เพียงแต่ด้านการวางผังเมือง
การวางทิศทางถนนรวมไปถึงระบบขนส่งมวลชนทั่วเมืองจัดว่าเป็นการวางทิศทางข
องปัญหาจราจรในอนาคต หมายความว่าปัญหาจราจรติดขัดในเมือง
โดยเฉพาะในเมืองอย่างกรุงเทพนั้นไม่สามารถแก้ปัญหาได้ด้วยวิธีการเดียวเท่านั้น
แต่ต้องเกิดจากการทางานแบบร่วมมือกันจากหลากหลายภาคส่วนเข้าด้วยกัน
การวางผังเมืองที่ดีเป็นอีกหนึ่งวิธีในการแก้ปัญหาที่ต้นเหตุ
แต่อาจจะไม่ใช่วิธีที่ดีที่สุดสาหรับกรุงเทพมหานครในปัจจุบัน
แต่เป็นวิธีที่จาเป็นหากมองในอนาคตที่กรุงเทพจะเป็นเมืองที่เติบโตในแนวราบมาก
ขึ้น การวางผังเมืองล่วงหน้าจึงเป็นการแก้ปัญหาที่ยั่งยืน
สาหรับพื้นที่ของกรุงเทพมหานครในอนาคต
วัตถุประสงค์ (สิ่งที่ต้องการในการทาโครงงาน ระบุเป็นข้อ)
1.ส่งเสริมการใช้รถของขนส่งสาธารณะ
2.ส่งเสริมการพัฒนาการคมนาคมสาธารณะ
3.รณรงค์ให้งดใช้รถส่วนตัว(หากไม่จาเป็ น)
ขอบเขตโครงงาน (คุณลักษณะ ขอบเขต
เงื่อนไขและข้อจากัดของการทาโครงงาน)
-สามารถเป็นไปได้ในการใช้ชีวิตจริง
-ไม่ส่งผลกระทบการใช้ชีวิตประจาวันของผู้อื่น
หลักการและทฤษฎี
ผ่าข้อมูลทางสถิติ ตอกย้า ทาไมกรุงเทพฯ จึงรถติดมากขนาดนี้ ชื่อเสียงเรื่อง
รถติดในกรุงเทพฯ ตอนนี้ยังขจรขจายไปไกลทั่วโลก
เมื่อผลวิเคราะห์ข้อมูลจราจรINRIXที่ชื่อว่า
ได้จัดอันดับให้ประเทศไทยเป็นประเทศที่รถติดเป็น1ของโลกกันดับ
เพราะเวลาที่เสียไปกับรถติดบนท้องถนนของไทย
โดยเฉลี่ยแล้วสูงถึง61ชั่วโมงต่อปี ทิ้งห่างเมืองรถติดอันดับ
2 และ 3 อย่าง โคลอมเบียและอินโดนีเซีย ชนิดไม่เห็นฝุ่น 2เพราะทั้ง
ประเทศนี้สร้างสถิติกับเวลาที่เสียไปกับรถติดประมาณ47ชั่วโมงต่อปี
6
และเมื่อจัดลาดับในระดับเมือง กรุงเทพฯ
ก็เป็นเมืองที่รถติดเป็นอันดับ12ของโลกและครองแชมป์ อันดับ1
ของเอเชียที่รถติดที่สุด โดยประชาชนเสียเวลาไปกับรถติดเฉลี64.1ชั่วโมงต่อปี
(อันดับ1 คือเมืองลอสแอนเจลิส เสียเวลากับรถติดไป104ชั่วโมงต่อปี)
ชื่อเสียงในทางลบนี้ ดูจะไม่โสภาเท่าไรนัก
เพราะเมื่อเทียบกับเมืองหลวงของประเทศอื่นๆ แล้ว
จะยิ่งพบข้อเท็จจริงที่น่าตกใจไม่น้อยเม่ื่อลอนดอนที่เป็นเมืองเก่าซึ่งมีอายุไม่ต่างกับ
กรุงเทพฯ เท่าใด ก็ยังมีสัดส่วนถนนที่นาไปสู่ทางตันแค่18.67%ของถนนทั้งหมด
ขณะที่ สิงคโปร์ โตเกียว มีซอยตันหรือทางตันแค่ราวๆ7%ส่วน มาดริด
และนิวยอร์ก มีแค่4.6% และ 3.6% เท่านั้นวิธีดาเนินงาน
แนวทางการดาเนินงาน
-หาข้อมูล
-เสนอข้อมูลแก่ครูที่ปรึกษา
-ศึกษารวบรวมข้อมูล
-จัดทางาน
-นาเสนอแก่ครูที่ปรึกษา
-ปรับปรุงแก้ไขโครงงาน
เครื่องมือและอุปกรณ์ที่ใช้
-สื่ออินเทอร์เน็ต เพื่อใช้ในการศึกษาหาข้อมูลและในการประกาศรณรงค์
งบประมาณ
-ไม่เกิน 200 บาท
ขั้นตอนและแผนดาเนินงาน
ลาดั
บ
ที่
ขั้นตอน สัปดาห์ที่ ผู้รับผิดช
อบ
1 2 3 4 5 6 7 8 9
1
0
1
1
1
2
1
3
1
4
1
5
1
6
17
1 คิดหัวข้อโครงงาน
2 ศึกษาและค้นคว้าข้อ
มูล
3 จัดทาโครงร่างงาน
4 ปฏิบัติการสร้างโคร
งงาน
5 ปรับปรุงทดสอบ
6 การทาเอกสารรายงา
น
7 ประเมินผลงาน
8 นาเสนอโครงงาน
7
ผลที่คาดว่าจะได้รับ (ผลลัพธ์ที่ต้องการให้เกิดขึ้นเมื่อสิ้นสุดการทาโครงงาน)
-ช่วยให้ประเทศไทยมีการจราจรที่ดีขึ้นไม่มากก็น้อย
สถานที่ดาเนินการ
-ห้องคอมพิวเตอร์ โรงเรียนยุพราชวิทยาลัย
กลุ่มสาระการเรียนรู้ที่เกี่ยวข้อง
-สาระการงานอาชีพและเทคโนโลยี
-กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา
แหล่งอ้างอิง (เอกสาร หรือแหล่งข้อมูลต่าง ๆ ที่นามาใช้การทาโครงงาน)
https://www.salika.co/2018/12/10/truth-about-traffic-
problem-in-bangkok/

AT22

  • 1.
    1 แบบเสนอโครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์ รหัสวิชา ง33201 ชื่อวิชาเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร 5 ปี การศึกษา 2562 ชื่อโครงงาน ปัญหารถติด ชื่อผู้ทาโครงงาน ชื่อ น.ส. ณัฐธิดา เทพา เลขที่ 8 ม.6/6 ชื่ออาจารย์ที่ปรึกษาโครงงาน ครูเขื่อนทอง มูลวรรณ์ ระยะเวลาดาเนินงาน ภาคเรียนที่ 1-2 ปี การศึกษา 62 โรงเรียนยุพราชวิทยาลัย จังหวัดเชียงใหม่ สานักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาเขต 34 ใบงาน การจัดทาข้อเสนอโครงงานคอมพิวเตอร์
  • 2.
    2 สมาชิกในกลุ่ม .…… 1 น.ส.ณัฐธิดา เทพา เลขที่ 8 คาชี้แจง ให้ผู้เรียนแต่ละกลุ่มเขียนข้อเสนอโครงงานตามหัวข้อต่อไปนี้ ชื่อโครงงาน (ภาษาไทย) ปัญหารถติดในกรุงเทพ ชื่อโครงงาน (ภาษาอังกฤษ) Traffic Jam in Bangkok ประเภทโครงงาน โครงงานประเภทประยุกต์ใช้งาน ชื่อผู้ทาโครงงาน นางสาว ณัฐธิดา เทพา ชื่อที่ปรึกษา ครูเขื่อนทอง มูลวรรณ์ ระยะเวลาดาเนินงาน 14 สัปดาห์ ที่มาและความสาคัญของโครงงาน (อธิบายถึงที่มา แนวคิด และเหตุผล ของการทาโครงงาน) รถติดสาหรับคนกรุงเทพไม่ได้เป็นเพียงปัญหา แต่มันคือวิถีชีวิต เท่าที่จาความกันได้ ตั้งแต่เมืองเริ่มพัฒนาระบบขนส่งสาธารณะ คนกรุงเทพไม่เคยต้องหยุดเผชิญกับปัญหาทางการจราจรเลย แม้ว่าเราจะมีทางเลือกในการเดินทางเพิ่มขึ้นมากแค่ไหน ก็ยังดูเหมือนว่าเราจะไม่มีวันแก้ไขปัญหาอันเป็นอมตะนี้ได้ สาหรับปัญหารถติด หากมองดี ๆ แล้ว พวกเราไม่สามารถยกเพียงสาเหตุใดสาเหตุหนึ่งขึ้นมา และพิจารณาเพื่อแก้ปัญหากันตรง ๆ เพราะที่มาของปัญหาการจราจรในกรุงเทพมหานครนั้นมีมากมายและเกี่ยวพันกันอ ย่างซับซ้อน ไม่ว่าจะเป็นการวางผังเมืองที่ไม่เป็นไปตามความเหมาะสมและขาดความร่วมมือกั นระหว่างภาครัฐ ระบบขนส่งมวลชนที่ไม่ดาเนินการตามแผนงานที่มีประสิทธิภาพ และสาเหตุย่อย ๆ อย่างการบริหารเวลาของสัญญาณไฟจราจรที่ไม่สอดคล้องกับภาพรวมการจราจรข องทั้งเมือง ซึ่งในหลายปีที่ผ่านมา เราได้เห็นความพยายามมากมายในการแก้ปัญหาจราจรนี้บ้าง แต่หากจะให้พูดถึงวิธีที่ทรงประสิทธิภาพจริง ๆ ก็คงจะนึกกันไม่ค่อยออก
  • 3.
    3 ไม่ใช่เพียงกรุงเทพมหานคร หลากหลายเมืองหลวงที่มีลักษณะคล้ายคลึงกับกรุงเทพ แต่เขาก็สามารถลดทอนและแก้ปัญหาการจราจรที่ติดขัดได้ เรามาดูกันว่านอกจากความพยายามของผู้ใช้ถนนด้วยกันแล้ว รัฐและผู้มีอานาจจากหลาย ๆที่บนโลกที่เผชิญปัญหาด้านการจราจรแบบเรา พวกเขามีวิธีในการแก้ไขมันอย่างไร ไม่ใช่เพียงเพื่อลดปัญหารถติด แต่ยังเป็นการสร้างลักษณะของการคมนาคมที่ดีให้กับประชากรในเมืองนั้น ๆ อีกด้วย 1. การเก็บค่าธรรมเนียมรถยนต์ เป็นมาตรการที่ทรงประสิทธิภาพและเห็นผลชัดเจนมาก เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า Congestion charge zone ปัจจุบันมหานครใหญ่ ๆ อย่าง London หรือกรุง Stockholm ประเทศสวีเดน ก็ใช้วิธีนี้ในการแก้ปัญหาจราจร เป้าหมายก็คือลดปริมาณรถยนต์ส่วนบุคคลในเขตเมืองชั้นในที่มีการจราจรหนาแน่ น และมีระบบขนส่งมวลชนคอยให้บริการอยู่แล้ว ซึ่งวิธีนี้เป็นการกึ่งบังคับให้ผู้ใช้รถยนต์หลีกเลี่ยงเส้นทางที่มีรถติดในช่วงเวลาเร่งด่ว นนั่นเอง โดยผู้ใช้รถยนต์ส่วนตัวที่เข้าเขตเมืองชั้นในไปในเวลาที่มีข้อห้าม ก็จะต้องเสียค่าธรรมเนียม ซึ่งรัฐจะนาไปพัฒนาระบบขนส่งมวลชนให้ดียิ่ง ๆ ขึ้นควบคู่กันไป การเก็บค่าธรรมเนียมรถยนต์นี้ได้ผลดีมากกับช่วงเวลาเร่งด่วน ถึงร้อยละ 20 – 30 % ในบางมหานคร หากมองในแง่ตัวเลข เป็นวิธีการที่ง่ายและแก้ปัญหาได้เห็นผลที่สุด แต่ภาระที่หนักที่สุดจะตกไปอยู่กับกลุ่มคนใช้ถนนอย่างเรา ๆ ซึ่งหากจะนามาใช้ในประเทศไทยจริง ๆ ก็จะเกิดการคัดค้านจากกลุ่มผู้ไม่เห็นด้วย และผู้ประกอบการรายเล็กที่เสียผลประโยชน์ คงต้องมีการปลูกฝังความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการแก้ปัญหาจราจร และจัดตั้งเวทีรับฟังความคิดเห็นเพื่อนามาพัฒนาวิธีแก้ปัญหานี้ เหล่านี้จึงอาจเป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ไม่มีผู้มีอานาจคนไหนอยากผลักดันนโยบายนี้ให้เ กิดขึ้นจริง 2. การเพิ่มเส้นทางถนน ดูเป็นการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่ากรุงเทพต้องสร้างถนนเพิ่มจริง ๆ หากมองในเชิงตัวเลข ปริมาณถนนตามมาตรฐานมหานครใหญ่ ๆ เทียบต่อสัดส่วนพื้นที่เมืองจะต้องมีไม่น้อยกว่า 30 %
  • 4.
    4 แต่เมื่อนับปริมาณเส้นทางถนนจริง ๆ ของกรุงเทพแล้ว กลับมีปริมาณถนนที่ใช้จริงได้เพียง8 % เท่านั้น การเพิ่มปริมาณพื้นที่ถนนจึงเป็นสิ่งจาเป็นสาหรับกรุงเทพอย่างเลี่ยงไม่ได้ ซึ่งวิธีการสร้างถนนเพิ่มเติม ก็ต้องมาดูเป็นกรณีไปว่าควรจะเป็นในจุดใดและด้วยวิธีการแบบไหน เพราะการสร้างถนนเพิ่ม ย่อมหมายถึงการเวนคืนที่ดินที่มีคนอาศัยอยู่เพื่อนากลับคืนไปเป็ นของรัฐ การสร้างถนนเพิ่มจึงต้องทาอย่างรอบคอบและให้เกิดประโยชน์สูงสุด 3. การควบคุมจานวนรถยนต์ด้วยระบบ COE เมื่อจานวนรถยนต์กับปริมาณพื้นที่ถนนไม่สอดคล้องกัน อีกวิธีหนึ่งคือควบคุมอัตราการเพิ่มของปริมาณรถยนต์บนท้องถนนขึ้น หลากหลายประเทศที่ประสบปัญหาเช่นเดียวกันกับเราอย่างสิงคโปร์เพื่อนบ้าน ก็ใช้วิธีนี้มาตั้งแต่ปี 1990 วิธีการก็คือ ผู้ใช้รถยนต์ส่วนตัวทุกคนจะต้องประมูลสิทธิ์ในการครอบครองรถยนต์ หรือใบ COE ( Certificate of Entitlement ) ซึ่งใบ COE นี้จะมีจานวนจากัดต่างกันในแต่ละปีตามกาหนดจากรัฐบาล ซึ่งใบ COE นี้จะมีอายุการใช้งานทั้งสิ้น 10 ปี ต่ออายุได้ครั้งละ 5 หรือ 10 ปีได้เพียงหนึ่งครั้ง ซึ่งเมื่อครบเวลาที่กาหนดแล้ว ผู้ครอบครองจะต้องทาลายรถยนต์ทิ้ง หรือไม่ก็ส่งรถยนต์ออกนอกประเทศไป ซึ่งการคุมกาเนิดรถยนต์ด้วยระบบ COE เป็นวิธีการที่ค่อนข้างโหดและริดรอนสิทธิ์ของประชากรในระดับหนึ่ง แต่ก็เป็นมาตรการที่ได้ผล เงินที่ได้จากการประมูล COE รัฐก็จะยังนาไปพัฒนาระบบขนส่งสาธารณะให้ดียิ่งขึ้นต่อไป 4. พัฒนาพื้นที่สถานีของระบบขนส่งมวลชน นอกเหนือไปจากวิธีการในการเพิ่มเส้นทางรถไฟฟ้า อีกสิ่งหนึ่งที่ต้องทาควบคู่กันคือพัฒนาพื้นที่โดยรอบสถานีให้มีความเหมาะสม และเอื้อประโยชน์ให้กับผู้ที่มาใช้บริการอย่างแท้จริง นอกเหนือไปจากการพัฒนาพื้นที่โดยรอบสถานีให้กลายเป็น Hub หรือศูนย์กลางการค้าประจาย่านนั้น ๆ สถานีย่อยของทุกระบบขนส่งมวลชนควรจะมีพื้นที่สาหรับพัฒนาเป็นจุดรับส่งผู้โดย สารที่เดินทางโดยรถยนต์ด้วย เพื่อทาให้เกิดการเชื่อมต่อทางการคมนาคมที่ลื่นไหล เพราะในปัจจุบัน แม้สถานีในตัวเมืองที่จะแก้ปัญหารถติดจะมีมาก แต่ผู้ใช้รถยนต์ก็จะจอดรับส่งเพื่อนหรือครอบครัวโดยใช้พื้นที่บริเวณผิวถนนจอดเล
  • 5.
    5 ย ซึ่งเป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ทาให้เกิดปัญหาการจราจรมากเมื่อมองในแง่ปริมาณคันต่อวั น วิธีแก้ที่ดีที่สุดก็คือการจัดสรรพื้นที่สาหรับผู้ที่จะมาใช้บริการรถสาธารณะโดยสารต่ อจากรถยนต์ อาจจะไม่จาเป็นต้องเป็นพื้นที่บริเวณสถานีเท่านั้น สวนสาธารณะ หรือพื้นที่ทรัพย์สินของรัฐในละแวกใกล้เคียงที่สามารถรองรับปริมาณรถยนต์ได้ หากวางแผนพัฒนาดีๆ ก็จะกลายเป็น Hub หรือเป็นพื้นที่จอดรับส่งที่ช่วยแก้ปัญหาการจราจรได้ไม่ยาก 5. การพัฒนาบุคลากรด้านผังเมือง ไม่เพียงแต่ด้านการวางผังเมือง การวางทิศทางถนนรวมไปถึงระบบขนส่งมวลชนทั่วเมืองจัดว่าเป็นการวางทิศทางข องปัญหาจราจรในอนาคต หมายความว่าปัญหาจราจรติดขัดในเมือง โดยเฉพาะในเมืองอย่างกรุงเทพนั้นไม่สามารถแก้ปัญหาได้ด้วยวิธีการเดียวเท่านั้น แต่ต้องเกิดจากการทางานแบบร่วมมือกันจากหลากหลายภาคส่วนเข้าด้วยกัน การวางผังเมืองที่ดีเป็นอีกหนึ่งวิธีในการแก้ปัญหาที่ต้นเหตุ แต่อาจจะไม่ใช่วิธีที่ดีที่สุดสาหรับกรุงเทพมหานครในปัจจุบัน แต่เป็นวิธีที่จาเป็นหากมองในอนาคตที่กรุงเทพจะเป็นเมืองที่เติบโตในแนวราบมาก ขึ้น การวางผังเมืองล่วงหน้าจึงเป็นการแก้ปัญหาที่ยั่งยืน สาหรับพื้นที่ของกรุงเทพมหานครในอนาคต วัตถุประสงค์ (สิ่งที่ต้องการในการทาโครงงาน ระบุเป็นข้อ) 1.ส่งเสริมการใช้รถของขนส่งสาธารณะ 2.ส่งเสริมการพัฒนาการคมนาคมสาธารณะ 3.รณรงค์ให้งดใช้รถส่วนตัว(หากไม่จาเป็ น) ขอบเขตโครงงาน (คุณลักษณะ ขอบเขต เงื่อนไขและข้อจากัดของการทาโครงงาน) -สามารถเป็นไปได้ในการใช้ชีวิตจริง -ไม่ส่งผลกระทบการใช้ชีวิตประจาวันของผู้อื่น หลักการและทฤษฎี ผ่าข้อมูลทางสถิติ ตอกย้า ทาไมกรุงเทพฯ จึงรถติดมากขนาดนี้ ชื่อเสียงเรื่อง รถติดในกรุงเทพฯ ตอนนี้ยังขจรขจายไปไกลทั่วโลก เมื่อผลวิเคราะห์ข้อมูลจราจรINRIXที่ชื่อว่า ได้จัดอันดับให้ประเทศไทยเป็นประเทศที่รถติดเป็น1ของโลกกันดับ เพราะเวลาที่เสียไปกับรถติดบนท้องถนนของไทย โดยเฉลี่ยแล้วสูงถึง61ชั่วโมงต่อปี ทิ้งห่างเมืองรถติดอันดับ 2 และ 3 อย่าง โคลอมเบียและอินโดนีเซีย ชนิดไม่เห็นฝุ่น 2เพราะทั้ง ประเทศนี้สร้างสถิติกับเวลาที่เสียไปกับรถติดประมาณ47ชั่วโมงต่อปี
  • 6.
    6 และเมื่อจัดลาดับในระดับเมือง กรุงเทพฯ ก็เป็นเมืองที่รถติดเป็นอันดับ12ของโลกและครองแชมป์ อันดับ1 ของเอเชียที่รถติดที่สุดโดยประชาชนเสียเวลาไปกับรถติดเฉลี64.1ชั่วโมงต่อปี (อันดับ1 คือเมืองลอสแอนเจลิส เสียเวลากับรถติดไป104ชั่วโมงต่อปี) ชื่อเสียงในทางลบนี้ ดูจะไม่โสภาเท่าไรนัก เพราะเมื่อเทียบกับเมืองหลวงของประเทศอื่นๆ แล้ว จะยิ่งพบข้อเท็จจริงที่น่าตกใจไม่น้อยเม่ื่อลอนดอนที่เป็นเมืองเก่าซึ่งมีอายุไม่ต่างกับ กรุงเทพฯ เท่าใด ก็ยังมีสัดส่วนถนนที่นาไปสู่ทางตันแค่18.67%ของถนนทั้งหมด ขณะที่ สิงคโปร์ โตเกียว มีซอยตันหรือทางตันแค่ราวๆ7%ส่วน มาดริด และนิวยอร์ก มีแค่4.6% และ 3.6% เท่านั้นวิธีดาเนินงาน แนวทางการดาเนินงาน -หาข้อมูล -เสนอข้อมูลแก่ครูที่ปรึกษา -ศึกษารวบรวมข้อมูล -จัดทางาน -นาเสนอแก่ครูที่ปรึกษา -ปรับปรุงแก้ไขโครงงาน เครื่องมือและอุปกรณ์ที่ใช้ -สื่ออินเทอร์เน็ต เพื่อใช้ในการศึกษาหาข้อมูลและในการประกาศรณรงค์ งบประมาณ -ไม่เกิน 200 บาท ขั้นตอนและแผนดาเนินงาน ลาดั บ ที่ ขั้นตอน สัปดาห์ที่ ผู้รับผิดช อบ 1 2 3 4 5 6 7 8 9 1 0 1 1 1 2 1 3 1 4 1 5 1 6 17 1 คิดหัวข้อโครงงาน 2 ศึกษาและค้นคว้าข้อ มูล 3 จัดทาโครงร่างงาน 4 ปฏิบัติการสร้างโคร งงาน 5 ปรับปรุงทดสอบ 6 การทาเอกสารรายงา น 7 ประเมินผลงาน 8 นาเสนอโครงงาน
  • 7.
    7 ผลที่คาดว่าจะได้รับ (ผลลัพธ์ที่ต้องการให้เกิดขึ้นเมื่อสิ้นสุดการทาโครงงาน) -ช่วยให้ประเทศไทยมีการจราจรที่ดีขึ้นไม่มากก็น้อย สถานที่ดาเนินการ -ห้องคอมพิวเตอร์ โรงเรียนยุพราชวิทยาลัย กลุ่มสาระการเรียนรู้ที่เกี่ยวข้อง -สาระการงานอาชีพและเทคโนโลยี -กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา แหล่งอ้างอิง(เอกสาร หรือแหล่งข้อมูลต่าง ๆ ที่นามาใช้การทาโครงงาน) https://www.salika.co/2018/12/10/truth-about-traffic- problem-in-bangkok/