2. ประวัติความเป็นมาเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์
เครื่องดื่มชูกําลังนั้นมีที่มาจากประเทศญี่ปุ่น ในนามของ “ลิโพวิตันดี”
นําเข้ามาขายในประเทศไทย เมื่อประมาณปีพ.ศ. 2508
ในช่วงแรก ลิโพวิตันดี เข้ามาถือครองตลาดในไทยกว่าร้อยละ 90
ในขณะเดียวกัน คุณเฉลียว อยู่วิทยา ได้มองเห็นเส้นทางที่จะแทรกตัวเข้าไปอยู่
ในธุรกิจนี้ได้ จึงได้ริเริ่มศึกษาเกี่ยวกับเครื่องดื่มชูกําลังและออกเป็นผลิตภัณฑ์
เครื่องดื่มชูกําลังฝีมือคนไทย เมื่อมีการปล่อย “กระทิงแดง” ออกมา ทําให้กระทิง
แดงกลายเป็นผู้ครองตลาดเครื่องดื่มชูกําลังอันดับหนึ่ง
ในประเทศไทย กระทิงแดง ขนาดบรรจุ 150 ซี.ซี. ได้ถือ
กําเนิดขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2524 ภายใต้เครื่องหมายการค้ารูป
กระทิงแดงคู่ผงาดเข้าหากันด้วยพละกําลัง

3. ประวัติความเป็นมาเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์
• คุณเฉลียว อยู่วิทยา ถือหุ้นในบริษัทนี้ 49%
• Dietrich Mateschitz นักธุรกิจสัญชาติออสเตรียอีก 49%
• อีก 2% ที่เหลือนั้นคุณเฉลียวให้บุตรชาย คุณ เฉลิม อยู่วิทยา เป็นผู้ถือหุ้น
• แต่ในข้อตกลงนั้น Mr.Mateschitz จะเป็นผู้บริหารกิจการของ Red Bull
• ทั้งคุณเฉลียวและ Mr.Mateschitz ได้ร่วมลงทุนใน Red Bull คนละ 500,000 เหรียญ
สหรัฐ
• กิจการ Red Bull เริ่มเปิดตัวในประเทศออสเตรียเมื่อปี 1987 (พ.ศ. 2530)
• โดยในปี 2009 ทํารายได้ประมาณ 3.3 พันล้านยูโร และมีพนักงาน 6,900 คน
• ปัจจุบัน Red Bull นั้นวางขายในกว่า 160 ประเทศทั่วโลก
• เป็นเครื่องดื่มชูกําลังอันดับหนึ่งของโลก

4. • เริ่มจากที่ปรับรสชาติให้เข้ากับคนยุโรปและคนอเมริกามากขึ้น
• นํามาบรรจุใส่กระป๋องนํ้าอัดลมแทนการบรรจุในขวดแก้ว
ซึ่งกระป๋องที่ใช้เป็นสีฟ้า แต่ยังคงสัญลักษณ์ โลโก้แบบของไทย
• สนับสนุนกิจกรรมทางสังคม เน้นไปที่กิจกรรม กลุ่มกีฬา X Game (extreme sport)
Brand strategy

5. Target group
• จะเน้นไปที่ตลาดระดับกลางเน้นเจาะกลุ่มนักศึกษาและคนทํางานเป็นส่วนใหญ่ ดังนั้น
การสนับสนุนกิจกรรมทางสังคมจึงเน้นไปที่กิจกรรมที่ตอบสนองไลฟ์สไตล์ของคนกลุ่ม
นี้ ที่เห็นได้ชัดเจนก็คือกลุ่มกีฬา X Game (extreme sport)
• จับกลุ่มคนหนุ่มสาว ชอบกีฬา มีไลฟ์สไตล์ของตัวเอง Red Bull ตั้งราคาของตัวเอง ใน
ระดับ premium ในต่างประเทศราคาขาย Red Bull ขายแพงกว่า Coke ถึง 3 เท่า
• จับกลุ่มนักเที่ยวกลางคืน โดยนํา Red Bullเข้าไปสร้างเป็นมิกเซอร์ ผสม
เครื่องดื่มแอลกอฮอล์

6. Step 1
Red Bull ทําการตลาดโดยยึด Theme การตลาดในเรื่องของ Sport marketing
โดยจับเอาไลฟ์สไตล์ของกลุ่มเป้าหมายมาเป็นพลังในการขับเคลื่อนการตลาด
นั่น คือ การนํากีฬาการผจญภัยกลางแจ้ง เข้ามาเป็นกิจกรรมหลักใน
การสร้าง Brand โดยมุ่งไปที่การเป็นสปอนเซอร์หลักของการ
แข่งขันกีฬากลางแจ้งทั้งหลายไม่ว่าจะเป็นการแข่งขันสกี เรือ
แคนนู หรือแม้กระทั่งการแข่งขันรถฟอร์มูล่าทรี
และ Red Bull ได้เข้าซื้อทีมกีฬาชื่อดังหลายแห่งได้แก่ Red Bull Racing,
Scuderia Toro Rosso (ก่อนหน้านั้นคือทีม Minardi F1) รวมถึงการเข้าซื้อทีม
ฟุตบอลอย่าง FC Red Bull Salzburg,
New York Red Bulls และ
ทีมฮ็อคกี้นํ้าแข็ง EC Red Bull Salzburg

7. Step 2
• Red Bull ได้มีการพลิกรูปแบบการทําตลาดหันไปเล่นกับไลฟ์ สไตล์ในเรื่องของ
การ Relate ยามคํ่าคืนตามสถานที่ท่องเที่ยวเช่นผับและเท๊ค โดยเข้าไปสร้าง
เป็นมิกเซอร์ ผสมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ Red Bull มีการเข้าไปทํากิจกรรม
ทางการตลาดในผับโดยไม่มีการประชาสัมพันธ์อะไรออกมาอย่างเป็นทางการ
เพียงแต่ใช้วิธีการสร้างข่าวกับกลุ่มนักท่องเที่ยวที่เที่ยวในผับนั้นเป็นประจํา และใช้
การบอกต่อแบบปากต่อปาก หรือ Word of Mouth ซึ่งนั่นก็เป็นเครื่องมือที่
ใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพอย่างมาก กอปรกับ พฤติกรรมการดื่ม
ของคนยุโรปส่วนหนึ่งจะนิยมเครื่องดื่มในรูปของค็อกเทล
การสร้างรูปแบบการดื่มเป็นมิกเซอร์จึงได้รับการยอมรับอย่างรวดเร็ว

8. 1. Above The Line หรือสื่อโฆษณา Mass media Red Bull ในตลาดตะวันตก มักทํา
ออกมาเป็นตัวการ์ตูนน่ารักๆ บนสโลแกน "Red Bull Gives you Wings"
Communication Strategy

9. 2. Opinion Leader หรือผู้นําความคิด Red Bull จะสนับสนุนนักกีฬาเก่งๆที่มี
ความสามารถในกีฬา Xtreme เช่น Marc Webber และ Sebastian Vettel
นักกีฬา F1(Formula One)

10. 3. กลยุทธ์การโปรโมทผ่าน Sport Marketing Event Red Bull เป็นผู้จัดการแข่งขัน
เองแทนการสนับสนุนการแข่งขันธรรมดาเหมือน แบรนด์อื่นๆ

11. 4. การ Sampling หรือให้สินค้าตัวอย่าง โดยใช้ทีมพนักงานบริษัทขึ้นรถสีสันสดใส
ประดับโลโก้ Red Bull พร้อม Mock-up กระป๋อง Red Bull ใบใหญ่บนหลังคารถ
Mini Couper และรถที่เด่นสะดุดตา ผู้ที่เดินผ่านไปมา และจะเน้นแจก ผู้ที่เดินทาง
อยู่บนถนนทั่วไปที่ดูเหนื่อยและอ่อนล้าก่อน ด้วยความมั่นใจคุณภาพของสินค้า

12. • กลยุทธ์ด้านราคา มีการปรับเปลี่ยน ตามแต่ละประเทศที่จัดจําหน่าย เพราะแต่ละ
ประเทศมีค่าครองชีพไม่เท่ากัน อีกทั้ง ไลฟ์สไตล์ในการบริโภคก็ยังต่างกันอีกด้วย ซึ่ง
จะเกี่ยวเนื่องกับกลยุทธ์ด้านสถานที่อีกด้วย ซึ่งราคาในต่างประเทศมีราคาที่สูง ยิ่งใน
สถานที่ๆอยู่ไกลตัวเมืองแล้ว ก็ยิ่งมีราคาที่สูงขึ้น
• กลยุทธ์ด้านสถานที่ มีการปรับเปลี่ยนการจําหน่ายตามสถานที่ต่างๆ ขึ้นอยู่กับแต่ละ
ประเทศ ซึ่งสอดคล้องกันกับกลยุทธ์ด้านราคา ซึ่งการกระจายสินค้านั้น จะแตกต่างกัน
ออกไป อย่างเช่นในประเทศไทย จะหาซื้อได้ตามร้านค้าทั่วไป แต่ถ้าเป็นใน
ออสเตรเลีย จะมีขายที่คลับ หรือบาร์ เยอะ ส่วนที่ซุปเปอร์มาร์เก็ตจะน้อยและราคา
แพง

14. ที่มา
http://www.sereechai.com/demo/news.php?no=8730
http://www.redbullextra.com/index.php
http://www.siamintelligence.com/red-bull-and-sport-
marketing/
http://inter-brand-beverages.blogspot.com/2009/09/red-bull-
marketing-analysis.html
http://www.brandage.com/Modules/DesktopModules/Article
/ArticleDetail.aspx?tabID=2&ArticleID=2403&ModuleID=21&
GroupID=834