วิชา กฎหมายที่ใช้ในชีวิตประจำวัน ครั้งที่ 5
- 4. สิทธิ หมายถึง ความชอบธรรมที่บุคคลสามารถใช้ยันกับบุคคลอื่น เพื่อคุ้มครองหรือ
รักษาประโยชน์อันเป็นส่วนที่พึงมีพึงได้ของบุคคลนั้น
ฏี.124/2487 “พูดถึงสิทธิ หากจะกล่าวโดยย่อและรวบรัดแล้วก็ได้แก่ประโยชน์อันบุคคลมีอยู่ แต่
ประโยชน์อันบุคคลมีอยู่ แต่ประโยชน์จะเป็นสิทธิหรือไม่ก็แล้วแต่ว่าบุคคลอื่นมีหน้าที่ต้อง
เคารพหรือไม่ ถ้าบุคคลอื่นมีหน้าที่ต้องเคารพ ประโยชน์นั้นก็เป็นสิทธิ กล่าวคือได้รับความ
คุ้มครองตามกฎหมาย”
- 5. - สิทธิต้องเป็นความชอบธรรม ---- คือ เป็นเรืองของความถูกต้องในการรักษาผลประโยชน์ของตน เช่น เรามีสิทธิ
ใช้รถ ก็หมายความว่า เรามีความชอบธรรมที่จะขับรถหรือใช้รถนั้น คนอื่นมาใช้โดยไม่ได้ขออนุญาต ถือว่าไม่มี
ความชอบธรรม เว้นแต่ในบางบางกรณีสิทธิอาจไม่ใช่ความชอบธรรมแต่กฎหมายยอมรับ เช่น การครอบครอง
ปรปักษ์ สิทธิเรียกร้องอายุความ
- สิทธิต้องมีบุคคลเป็นผู้ถือสิทธิ ---- ผู้ทรงสิทธิ อาจเป็นบุคคลธรรมดาหรือนิติบุคคลก็ได้ สัตว์หรือสิ่งของไม่อาจ
ถือสิทธิหรือใช้สิทธิได้ สิทธิย่อมสงวนไว้สาหรับบุคคลเท่านั้น เช่น สิทธิของเจ้าหนี้ก็ย่อมมีสิทธิเรียกร้องให้ลุกนี้ชาระ
หนี้กรณีนี้เจ้าหนี้คือผู้ทรงสิทธิ
- บุคคลผู้มีหน้าที่ต้องเคารพสิทธิ สิทธินั้นต้องเป็นสิ่งที่ยันกับคนอื่นได้ คือบุคคลอีกฝ่ายหนึ่งซึ่งตรงข้ามกับผู้ถือ
สิทธิ เรียกว่า ผู้มีหน้าที่ อาจเป็นหน้าที่โดยเฉพาะ หรือหน้าที่โดยทั่วไปก็ได้
ตามสัญญาซื้อขายผู้ซื้อมีสิทธิเรียกร้องให้ผู้ขายส่งมอบทรัพย์ ในขณะเดียวกันผู้ซื้อก็มีหน้าที่จาต้องรับมอบทรัพย์สินที่
ตนซื้อไว้ และใช้ราคาตามสัญญา
หน้าที่โดยทั่วไป ก มีกรรมสิทธิ์เหนือบ้านของตน ทุกคนต้องเคารพสิทธิ์ของ ก ห้ามเข้าบ้าน ก จนกว่าได้รับอนุญาต
สิทธิและหน้าที่เป็นของคู่กัน เป็นหลักที่ไม่มีข้อยกเว้น
- สิทธิต้องมีเนื้อหา ---- หมายถึงข้อความที่เป็นประโยชน์ที่จะยืนยันคุ้มครองรักษาประโยชน์ โดยอาจกาหนดให้
กระทาการอย่างหนึ่งอย่างใด งดเว้นกระทาการ ส่งมอบทรัพย์ เช่น เนื้อหาสิทธิของเจ้าหนี้คือ เจ้าหนี้มีสิทธิที่จะ
เรียกร้องให้ลูกหนี้ชาระหนี้ถ้าเป็นหนี้เงินต้องชาระด้วยต้นเงินและดอกเบี้ย
- 6. ประเภทของสิทธิ
• สิทธิมหาชน --- เป็นสิทธิซึ่งเกิดขึ้นจากกฎหมายมหาชน โดยทั่วไปเป็นสิทธิของ
พลเมืองที่ดีต่อรัฐ เช่น สิทธิในการชุมนุม สิทธิในการแสดงความคิดเห็นของเอกชน
การยอมรับสิทธิที่เกิดจากกฎหมาย ทาให้รัฐย่อมผูกพันตนเองเพื่อประโยชน์ของ
เอกชน ดังนั้น สิทธิตามกฎหมายมหาชนเป็นสิทธิของราษฎรที่มีต่อรัฐและหน่วยงาน
สามธารณะอื่นๆ
ประเภทของสิทธิมหาชน
- สิทธิปฏิเสธ เช่น สิทธิขั้นพื้นฐานตามรัฐธรรมนูญประเภทเสรีภาพของพลเมือง
- สิทธิกระทาการ เช่น สิทธิที่จะเข้ามามีส่วนช่วยในการปกครอง
- สิทธิเรียกร้องให้รัฐดาเนินการ เช่น สิทธิเรียกร้องให้จ่ายเงินเดือน
- 7. • สิทธิเอกชน --- เป็นสิทธิระหว่างเอกชนกับเอกชนซึ่งเกิดจากกฎหมายเอกชน
- สิทธิมิใช่ทางทรัพย์สิน หรือสิทธิทางบุคคล --- แบ่งเป็น 2 ประเภท
(1) สิทธิบุคคลภาพ คือ สิทธิที่ติดตามมาตั้งแต่เกิด เช่น สิทธิในร่างกาย อนามัย เสรีภาพ ชื่อเสียง
(2) สิทธิสถานะ คือ สิทธิที่เกิดจากสถานะของบุคล แยกเป็นสิทธิสถานะในครอบครัว เช่น สิทธิของบิดา
มารดา สิทธิการเป็นสามีภรรยา และสิทธิสถานะอื่นๆเช่น สถานะในการเป็นผู้จัดการมรดก ผู้อนุบาล เป็น
ต้น
- สิทธิทางทรัพย์สิน --- ได้แก่
(1) ทรัพยสิทธิ เป็นสิทธิที่มีวัตถุแห่งสิทธิเป็นทรัพย์ ได้แก่ กรรมสิทธิ์ และทรัพยสิทธิเหนือทรัพย์ของบุคคลอื่น
(2) สิทธิเสมือนทรัพยสิทธิ คือ สิทธิที่เกือบเหมือนทรัพยสิทธิ เช่น สิทธิในการทาเหมืองแร่
(3) สิทธิในสิ่งไม่มีรูปร่าง เช่น ลิขสิทธิ์ สิทธิบัตร ทรัพย์สินทางปัญญา
(4) สิทธิทางหนี้คือ สิทธิที่เกิดจากนิติสัมพันธ์ตามกฎหมายว่าด้วยหนี้
- 8. ขอบเขตการใช้สิทธิ
1 การใช้สิทธิในทางที่ผิด เดิมเห็นว่าการกระทาที่ชอบด้วยกฎหมาย ย่อมไม่เป็นการทาความเสียหายแก่ผู้อื่น ต่อมา
เกิดความคิดใหม่ว่า การการใช้สิทธินั้นถ้าหากเป็นการใช้ไปในทางที่ก่อความเดือดร้อนแก่ผู้อื่นเป็นการกระทาที่ไม่
ชอบ
• ปพพ. ม. 421 “การใช้สิทธิที่มีแต่จะให้เกิดความเสียหายแก่บุคคลอื่นนั้น ท่านว่าเป็นการอันมิชอบด้วยกฎหมาย”
2 การใช้สิทธิโดยสุจริต
• ปพพ. ม. 5 “ในการใช้สิทธิแห่งตนก็ดี ในการชาระหนี้ก็ดี บุคคลทุกคนต้องกระทาโดยสุจริต”
- 10. หน้าที่ หมายถึง ความชอบธรรมในทางที่เป็นความผูกพันให้บุคคลตกอยู่ในสถานะจะต้อง กระทา
งดเว้นกระทา หรือยอมให้เขากระทา เพื่อให้เป็นไปตามผลประโยชน์อันชอบธรรมของบุคคลอื่น
ความแตกต่างระหว่างหน้าที่ กับ สิทธิ
• หน้าที่เป็นความชอบธรรมในด้านเสียประโยชน์ --- สิทธิเป็นความชอบธรรมในด้านได้ประโยชน์
• ผู้มีหน้าที่เลือกไม่ได้จะต้องปฏิบัติ --- ผู้มีสิทธิเลือกที่จะรับสิทธินั้นหรือไม่ก็ได้
• ถ้ามีหน้าที่เกิดขึ้น ไม่จาเป็นต้องมีสิทธิตาม --- ถ้ามีสิทธิแล้วต้องมีหน้าที่ตามมาเสมอ
- 11. เสรีภาพ หมายถึง อานาจตัดสินใจด้วยตนเองของมนุษย์ที่จะเลือกดาเนินพฤติกรรม
ของตนเอง โดยไม่มีบุคคลอื่นใดอ้างหรือใช้อานาจแทรกแซงเกี่ยวข้องกับการตัดสินใจ
นั้น ทั้งนี้ต้องไม่เป็นการฝ่าฝืนต่อกฎหมาย
• ข้อแตกต่างระหว่าง “สิทธิ”และ “เสรีภาพ”
• เสรีภาพ เป็นอานาจที่บุคคลมีอยู่เหนือตนเอง ไม่ก่อให้เกิดหน้าที่แก่บุคคลอื่นแต่อย่างใด ต่าง
จากสิทธิที่ก่อให้เกิดหน้าที่แก่รัฐ
• สิทธิ เป็นอานาจที่บุคคลมีเพื่อเรียกร้องให้ผู้อื่นกระทาการหรือละเว้นการกระทาการอย่างใดอย่าง
หนึ่ง เพื่อประโยชน์ของตน
- 12. สรุป ความเหมือนและแตกต่างระหว่าง สิทธิ เสรีภาพ และหน้าที่
สิทธิ เสรีภาพ หน้าที่
- สิทธิเป็นความชอบธรรมในด้านได้
ประโยชน์
- เป็นอานาจที่บุคคลมีอยู่เหนือตนเอง
สื่อออกมาในรูปแบบของการ
แสดงออก
- หน้าที่เป็นความชอบธรรมในด้าน
เสียประโยชน์
- ถ้ามีสิทธิแล้วต้องมีหน้าที่ตามมา
เสมอ
- ไม่ก่อให้เกิดหน้าที่แก่บุคคลอื่นแต่
อย่างใด
- ถ้ามีหน้าที่เกิดขึ้น ไม่จาเป็นต้องมี
สิทธิตามมา
- ผู้มีสิทธิเลือกที่จะรับสิทธินั้นหรือไม่
ก็ได้
- ผู้มีหน้าที่เลือกไม่ได้จะต้องปฏิบัติ
- อยู่ภายใต้กรอบของกฎหมาย - อยู่ภายใต้กรอบของกฎหมาย - อยู่ภายใต้กรอบของกฎหมาย
- 14. • บททั่วไป
- การจากัดสิทธิและเสรีภาพจะกระทามิได้ เว้นแต้ โดยอาศัยอานาจตามบทบัญญัติของกฎหมายซึ่งต้องไม่
กระทบกระเทือนต่อสิทธิและเสรีภาพนั้น
• ความเสมอภาค
- ชายและหญิงมีสิทธิเท่าเทียมกัน
- การเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรมต่อบุคคลเพราะเหตุแห่งความต่างในเรื่อง ถิ่นกาเนิด เชื้อชาติ ภาษา เพศ
อายุ สภาพทางกายหรือสุขภาพ ฐานะทางเศรษฐกิจ ความเชื่อทางศาสนา การศึกษาอบรม หรือความ
คิดเห็นทางการเมืองอันไม่ขัดต่อบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ จะกระทามิได้
• สิทธิและเสรีภาพทั่วไป
- บุคคลย่อมเสรีภาพในเคหะสถาน การเดินทาง การเลือกถิ่นที่อยู่ การเลือกศาสนา กรประกอบอาชีพ การ
ชุมนุมโดยสงบและปราศจากอาวุธ
- การเนรเทศ หรือห้ามเข้ามาในประเทศ ซึ่งบุคคลผู้มีสัญชาติไทยจะกระทามิได้
- 15. • สิทธิในทรัพย์สิน
- สิทธิของบุคคลในทรัพย์สินย่อมได้รับความคุ้มครอง
- การเวนคืนอสังหาริมทรัพย์จะกระทามิได้ เว้นแต่ โดยอาศัยอานาจตามบทบัญญัติของกฎหมาย
• บุคคลย่อมมีสิทธิเสอมกันในการได้รับการศึกษาขั้นพื้นฐานไม่น้อยกว่า 12 ปี
• ผู้ยากไร้มีสิทธิได้รับการรักษาพยาบาลจากสถานบริการสาธารณสุขของรัฐโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย
• บุคคลซึ่งมีอายุเกิน 60 ปีและไม่มีรายได้เพียงพอแก่การยังชีพ มีสิทธิได้รับความช่วยเหลือจากรัฐ
• บุคลซึ่งพิการหรือทุพพลภาพ มีสิทธิได้รับความช่วยเหลือจากรัฐ
• บุคคลจะใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็น
ประมุขไม่ได้