เครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน
อุปกรณ์ไฟฟ้าที่สำคัญภายในบ้าน สายไฟ   สายไฟฟ้าภายในบ้านถือเป็นอุปกรณ์ที่สำคัญที่สุด หากพบว่าฉนวนที่หุ้มสายไฟเปลี่ยนเป็นสีเหลือง เริ่มกรอบและแตก ก็ควรเรียกช่างมาทำการเปลี่ยนสายใหม่ สายไฟฟ้าตามปกติจะมีอายุการใช้งานโดยประมาณ  8  ปี หากไม่ทำการเปลี่ยนสายใหม่อาจจะเสี่ยงกับการเกิดไฟฟ้าลัดวงจรทำให้เกิดเพลิงไหม้ขึ้นได้ สายไฟฟ้าที่อยู่ภายนอกบ้านควรเดินอยู่ในท่อร้อยสายไฟ เพื่อยืดอายุการใช้งานและเป็นการป้องกันน้ำฝนกัดเซาะและแดดเผาจะทำให้เกิด การลัดวงจร สายไฟภายนอก
หลอดไฟ หลอดไฟถือเป็นอุปกรณ์หลักในการให้แสงสว่าง หลอดไฟจะมีอยู่  3  ชนิดด้วยกัน 1.  หลอดอินแคนเดสเซนต์ หรือเรียกอีกอย่างว่าหลอดแบบมีไส้ หลอดชนิดนี้จะกินไฟมาก มีอายุการใช้งานที่สั้น โดยเฉลี่ยประมาณ  750  ชมต่อ  1  หลอด มีทำงานโดยการปล่อยกระแสไฟฟ้าเข้าสู่ขดลวด   ( ที่เป็นไส้หลอด )  เพื่อให้เกิดความร้อน แล้วเปล่งแสงสีเหลืองออกมา
2.  หลอดฟลูออเรสเซนต์ มีโดยมีอายุการใช้งานประมาณ  8,000  ชม .  ซึ่งสูงกว่าหลอดอินแคนเดสเซนต์ แต่มีราคาที่แพงกว่า มีอายุการใช้งานเฉลี่ยยาวกว่า และให้แสงสว่างมากกว่าหลอดแบบไส้อีกด้วย 1.  หลอดฟลูออเรสเซนต์   20 W   2.  หลอดฟลูออเรสเซนต์   18  W   3.  รูปเปรียบเทียบหลอดฟลูออเรสเซนต์   18 W   และ   20 W
3.  หลอดฮาโลเจน เหมาะกับการใช้ไฟส่องที่โต๊ะทำงาน ปฏิมากรรมหรือภาพเขียนประดับผนังเพื่อทำให้งานดูโดดเด่นขึ้น ซึ่งให้ความสว่างมากกว่าหลอดแบบอินแคนเดสเซนต์เมื่อแทบในกำลังวัตต์ที่เท่ากัน ทำให้ประหยัดค่าไฟฟ้ามากกว่าแต่ก็มีราคาสูงกว่า มีอายุการใช้งานที่สั้นกว่าหลอดฟลูออเรสเซนต์ แต่มีความสวยงามกว่าเพราะจะให้แสงที่มีสีขาวนวล
ฟิวส์ เป็นอุปกรณ์ที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งเพราะฟิวส์จะป้องกันไฟฟ้าเกินภายในบ้าน การเลือกขนาดฟิวส์ต้องเลือกให้เหมาะสมกับขนาดกระแสไฟฟ้าที่ใช้ หรือถ้าไม่ทราบว่าต้องใช้ฟิวส์ขนาดเท่าไรให้ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ ฟิวส์ที่มีในท้องตลาดมีอยู่  3  แบบคือ 1.  ฟิวส์เส้น มีลักษณะเป็นเส้นเปลือยเหมือนสายไฟ ทำมาจากตะกั่วผสมกับดีบุกใช้ต่อเชื่อมในวงจรไฟฟ้า เช่นในสะพานไฟ ฟิวส์เส้นจะทำงานเมื่อไฟฟ้าเกินขนาดทำให้ฟิวส์เกิดความร้อนแล้วขาด
2.  ฟิวส์หลอด มีลักษณะเป็นหลอดกระจกใส จะทำงานเมื่อเกิดการช็อตขึ้น จะทำให้เกิดประกายไฟ ภายในหลอดจะบรรจุสารเคมี เพื่อป้องกันการสปาร์ค ฟิวส์หลอดจะดีกว่าฟิวส์เส้น
3.  ปลั๊กฟิวส์ มีลักษณะคล้ายหลอดไส้แบบเกลียว ติดตั้งโดยหมุนเกลียวเข้าไปในสะพานไฟ มีลักษณะการทำงานเหมือนฟิวส์หลอด แต่จะไม่เกิดประกายไฟเวลาเกิดไฟชอตขึ้น
สะพานไฟหรือ คัทเอาท์   อุปกรณ์ชนิดนี้เหมือนกับเป็นสวิตช์ใหญ่ประจำบ้าน เพราะเป็นตัวควบคุมการเปิดและปิดอุปกรณ์ไฟฟ้าในบ้าน เราสามารถใช้สะพานไฟควบคุมวงจรไฟฟ้าในแต่ละส่วนของบ้านได้ ปัจจุบันสะพานไฟจะเป็นตัวตัดกระแสไฟฟ้าที่ไหลผ่านวงจรไฟฟ้า ในกรณีที่เกิดการใช้งานเกินกำลัง เพราภายในจะมีฟิวส์เป็นส่วนประกอบอยู่ด้วย ทำให้อุปกรณ์ไฟฟ้าภายในพื้นที่ควบคุมของมันไม่ชำรุดเสียหายอีกด้วย
เต้ารับและเต้าเสียบ     อุปกรณ์ไฟฟ้าหลายชนิด จะมีเต้าเสียบอยู่กับตัวเพื่อเวลาที่เราจะใช้งานจะต้องนำไปเสียบเข้ากับเต้ารับ ที่อยู่ตามผนังภายในบ้านของเรา  อุปกรณ์ไฟฟ้าหลายชนิด มีทั้งเต้าเสียบและสวิตช์ไฟเพื่อควบคุมการใช้งาน เช่น พัดลม โคมไฟ โทรทัศน์  ทำให้เราสามารถเปิดปิดการใช้งานได้ง่าย แต่ที่สำคัญคือควรจะดึงเต้าเสียบออกเมื่อเลิกใช้งานแล้ว เพื่อไม่ให้กระแสไฟไหลเข้ามาและยัง เป็นการช่วยประหยัดค่าไฟฟ้าอีกด้วยข้อสำคัญอีกข้อก็คือ เราไม่ควรจะเสียบเต้าเสียบหลาย ๆ อันเข้ากับเต้ารับอันเดียวกัน เพราะจะทำให้เกิดความร้อนสูง ทำให้เกิดไฟฟ้าช็อต จากการใช้ไฟเกินได้ ดังนั้นในบ้านของเราจะต้องมีเต้ารับหลาย ๆ จุด ตามตำแหน่งที่เราจะต้องมีเครื่องใช้ไฟฟ้าไว้ใช้งาน  และควรติดให้อยู่สูงจากพื้นเพื่อกันน้ำท่วม และ ให้พ้นจากมือเด็กด้วย  ทั้งหมดนี้ก็เพื่อความปลอดภัยของทุกคนในบ้านท่านนั่นเอง
วงจรไฟฟ้าในบ้าน   วงจรไฟฟ้าภายในบ้าน ส่วนใหญ่จะเป็นการต่อแบบขนาน ซึ่งเป็นการต่อวงจรทำให้อุปกรณ์และเครื่องใช้ไฟฟ้าแต่ละชนิดอยู่คนละวงจร ซึ่งถ้าเครื่องใช้ไฟฟ้าชนิดหนึ่งเกิดขัดข้องเนื่องจากสาเหตุใดก็ตาม เครื่องใช้ไฟฟ้าชนิดอื่นก็ยังคงใช้งานได้ตามปกติเพราะไม่ได้อยู่ในวงจรเดียวกัน   ไฟฟ้าที่ใช้ในบ้านเรือนทั่วไปเป็นไฟฟ้ากระแสสลับมีความต่างศักย์  220   โวลต์ การส่งพลังงานไฟฟ้าเข้าบ้านจะใช้สายไฟ  2   เส้น คือ 1 .  สายกลาง หรือสาย  N  มีศักย์ไฟฟ้าเป็นศูนย์ 2 .  สายไฟ หรือสาย  L  มีศักย์ไฟฟ้าเป็น  220   โวลต์
โดยปกติสาย  L  และสาย  N  ที่ต่อเข้าบ้านจะต่อเข้ากับแผงควบคุมไฟฟ้า ซึ่งเป็นทีควบคุมการจ่ายพลังงานไฟฟ้าทั้งหมดในบ้านอย่างมีระบบ บนแผงควบคุมไฟฟ้ามักจะประกอบด้วย ฟิวส์รวม สะพานไฟรวม และสะพานไฟย่อย โดยสะพานไฟย่อยมีไว้เพื่อแยกและควบคุมการส่งพลังงานไฟฟ้าไปยังวงจรไฟฟ้าย่อยตามส่วนต่างๆ ของบ้านเรือน เช่น วงจรชั้งล่าง วงจรชั้นบน วงจรในครัว เป็นต้น  รูปแสดงตัวอย่างวงจรไฟฟ้าในบ้าน
ในวงจรไฟฟ้าในบ้าน กระแสไฟฟ้าจะผ่านมาตรไฟฟ้าทางสาย  L  เข้าสู่สะพานไฟ ผ่านฟิวส์และสวิตช์ แล้วไหลผ่านเครื่องใช้ไฟฟ้า ดังนั้นกระแสไฟฟ้าจะไหลผ่านสาย  N  ออกมา ดังรูป  รูปแสดงการไหลของกระแสไฟฟ้าในบ้าน
1   รูปแบบของวงจรไฟฟ้าภายในบ้าน .......... วงจรไฟฟ้าภายในบ้าน หมายถึง ทางเดินของกระแสไฟฟ้าที่จะไหลไปตามส่วนต่าง ๆ ของวงจรที่เป็นตัวนำ ..........   การต่อวงจรไฟฟ้าในบ้าน หมายถึง การต่อความต้านทาน ซึ่งมีอยู่  3   แบบ คือ 1   รูปแบบของวงจรไฟฟ้าภายในบ้าน .......... วงจรไฟฟ้าภายในบ้าน หมายถึง ทางเดินของกระแสไฟฟ้าที่จะไหลไปตามส่วนต่าง ๆ ของวงจรที่เป็นตัวนำ ..........   การต่อวงจรไฟฟ้าในบ้าน หมายถึง การต่อความต้านทาน ซึ่งมีอยู่  3   แบบ คือ 1   รูปแบบของวงจรไฟฟ้าภายในบ้าน .......... วงจรไฟฟ้าภายในบ้าน หมายถึง ทางเดินของกระแสไฟฟ้าที่จะไหลไปตามส่วนต่าง ๆ ของวงจรที่เป็นตัวนำ ..........   การต่อวงจรไฟฟ้าในบ้าน หมายถึง การต่อความต้านทาน ซึ่งมีอยู่  3   แบบ คือ 1   รูปแบบของวงจรไฟฟ้าภายในบ้าน .......... วงจรไฟฟ้าภายในบ้าน หมายถึง ทางเดินของกระแสไฟฟ้าที่จะไหลไปตามส่วนต่าง ๆ ของวงจรที่เป็นตัวนำ ..........   การต่อวงจรไฟฟ้าในบ้าน หมายถึง การต่อความต้านทาน ซึ่งมีอยู่  3   แบบ คือ 1   รูปแบบของวงจรไฟฟ้าภายในบ้าน .......... วงจรไฟฟ้าภายในบ้าน หมายถึง ทางเดินของกระแสไฟฟ้าที่จะไหลไปตามส่วนต่าง ๆ ของวงจรที่เป็นตัวนำ ..........   การต่อวงจรไฟฟ้าในบ้าน หมายถึง การต่อความต้านทาน ซึ่งมีอยู่  3   แบบ คือ 1   รูปแบบของวงจรไฟฟ้าภายในบ้าน .......... วงจรไฟฟ้าภายในบ้าน หมายถึง ทางเดินของกระแสไฟฟ้าที่จะไหลไปตามส่วนต่าง ๆ ของวงจรที่เป็นตัวนำ ..........   การต่อวงจรไฟฟ้าในบ้าน หมายถึง การต่อความต้านทาน ซึ่งมีอยู่  3   แบบ คือ 1  รูปแบบของวงจรไฟฟ้าภายในบ้าน วงจรไฟฟ้าภายในบ้าน หมายถึง ทางเดินของกระแสไฟฟ้าที่จะไหลไปตามส่วนต่าง ๆ ของวงจรที่เป็นตัวนำ   การต่อวงจรไฟฟ้าในบ้าน หมายถึง การต่อความต้านทาน ซึ่งมีอยู่  3   แบบ คือ
1.1   การต่อความต้านทานแบบอันดับ หรือแบบอนุกรม   เป็นการต่อความต้านทานเรียงกันไปตามลำดับ โดยที่ปลายสายของความต้านทานหรืออุปกรณ์ไฟฟ้า  ( หลอด )  ของตัวที่หนึ่งต่อกับต้นสายของ ความต้านทานหรืออุปกรณ์ไฟฟ้า  ( หลอด )  ของตัวที่สอง และอีกปลายหนึ่งของความต้านทานหรืออุปกรณ์ไฟฟ้าตัวที่สองต่อกับต้นสายของความต้านทาน หรือ อุปกรณ์ตัวที่สามเรียงต่อกันไปอย่างนี้จนครบวงจร คุณสมบัติของวงจรแบบอันดับหรืออนุกรม 1 .  กระแสไฟฟ้าไหลผ่านความต้านทานแต่ละตัวมีค่าเท่ากัน 2 .  แรงดันกระแสไฟฟ้าของวงจรทั้งหมดเท่ากัน แรงดันกระแสไฟฟ้าตกคร่อมของแต่ละความต้านทานรวมกัน
1.2   การต่อความต้านทานแบบขนาน  การต่อความต้านทานแบบขนาน เป็นการต่อสายของความต้านทานแต่ละตัวไว้ที่เดียวกัน และปลายสายอีกด้านหนึ่งต่อร่วมกันไว้ที่เดียวกัน  คุณสมบัติของการต่อวงจรแบบขนาน 1 .  ความต้านทานแต่ละตัวได้รับแรงดันกระแสไฟฟ้าเท่ากัน 2 .  กระแสไฟฟ้าที่ไหลผ่านความต้านทานแต่ละตัวมีค่าไม่เท่ากัน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความต้านทานนั้น ๆ คือ ถ้ามีความต้านทานมากกระแสไฟฟ้าจะไหลได้น้อย ถ้ามีความต้านทานน้อยกระแสไฟฟ้าจะไหลได้มาก 3 .  ผลรวมของกระแสไฟฟ้าที่แยกไหลผ่านแต่ละความต้าน เมื่อรวมกันแล้วจะเท่ากับกระแสไฟฟ้าของวงจร  4 .  ความต่างศักย์ไฟฟ้าบนความต้านทานแต่ละเส้น จะมีค่าเท่ากัน และเท่ากับความต่างศักย์ไฟฟ้ารวมทั้งวงจร
1.3   การต่อความต้านทานแบบผสม   เป็นการต่อความต้านทานที่มีทั้ง  2   แบบในวงจรเดียวกัน
บรรณานุกรม http :// dnfe5 . nfe . go . th / ilp / electric / Elec-4 . htm
กลุ่มที่   5   เด็กชาย ณัฐพงษ์ บุญมา  เลขที่  1   ม .  3  / 5  เด็กชาย ณัฐวุฒิ กลมไล  เลขที่  2   ม .  3  / 5   เด็กชาย พวศกร ทองกันทา  เลขที่  7   ม .  3  / 5   เด็กชาย วีรพล ก่ำแก้ว  เลขที่  10   ม .  3  / 5   เด็กชาย ศรัณย์ งามเมือง  เลขที่  11   ม .  3  / 5   เด็กชาย อภิชาต วิทูล  เลขที่  18   ม .  3  / 5

กลุ่ม5 305

  • 1.
  • 2.
    อุปกรณ์ไฟฟ้าที่สำคัญภายในบ้าน สายไฟ สายไฟฟ้าภายในบ้านถือเป็นอุปกรณ์ที่สำคัญที่สุด หากพบว่าฉนวนที่หุ้มสายไฟเปลี่ยนเป็นสีเหลือง เริ่มกรอบและแตก ก็ควรเรียกช่างมาทำการเปลี่ยนสายใหม่ สายไฟฟ้าตามปกติจะมีอายุการใช้งานโดยประมาณ 8 ปี หากไม่ทำการเปลี่ยนสายใหม่อาจจะเสี่ยงกับการเกิดไฟฟ้าลัดวงจรทำให้เกิดเพลิงไหม้ขึ้นได้ สายไฟฟ้าที่อยู่ภายนอกบ้านควรเดินอยู่ในท่อร้อยสายไฟ เพื่อยืดอายุการใช้งานและเป็นการป้องกันน้ำฝนกัดเซาะและแดดเผาจะทำให้เกิด การลัดวงจร สายไฟภายนอก
  • 3.
    หลอดไฟ หลอดไฟถือเป็นอุปกรณ์หลักในการให้แสงสว่าง หลอดไฟจะมีอยู่ 3 ชนิดด้วยกัน 1. หลอดอินแคนเดสเซนต์ หรือเรียกอีกอย่างว่าหลอดแบบมีไส้ หลอดชนิดนี้จะกินไฟมาก มีอายุการใช้งานที่สั้น โดยเฉลี่ยประมาณ 750 ชมต่อ 1 หลอด มีทำงานโดยการปล่อยกระแสไฟฟ้าเข้าสู่ขดลวด ( ที่เป็นไส้หลอด ) เพื่อให้เกิดความร้อน แล้วเปล่งแสงสีเหลืองออกมา
  • 4.
    2. หลอดฟลูออเรสเซนต์มีโดยมีอายุการใช้งานประมาณ 8,000 ชม . ซึ่งสูงกว่าหลอดอินแคนเดสเซนต์ แต่มีราคาที่แพงกว่า มีอายุการใช้งานเฉลี่ยยาวกว่า และให้แสงสว่างมากกว่าหลอดแบบไส้อีกด้วย 1. หลอดฟลูออเรสเซนต์   20 W 2. หลอดฟลูออเรสเซนต์   18 W 3. รูปเปรียบเทียบหลอดฟลูออเรสเซนต์   18 W   และ   20 W
  • 5.
    3. หลอดฮาโลเจนเหมาะกับการใช้ไฟส่องที่โต๊ะทำงาน ปฏิมากรรมหรือภาพเขียนประดับผนังเพื่อทำให้งานดูโดดเด่นขึ้น ซึ่งให้ความสว่างมากกว่าหลอดแบบอินแคนเดสเซนต์เมื่อแทบในกำลังวัตต์ที่เท่ากัน ทำให้ประหยัดค่าไฟฟ้ามากกว่าแต่ก็มีราคาสูงกว่า มีอายุการใช้งานที่สั้นกว่าหลอดฟลูออเรสเซนต์ แต่มีความสวยงามกว่าเพราะจะให้แสงที่มีสีขาวนวล
  • 6.
    ฟิวส์ เป็นอุปกรณ์ที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งเพราะฟิวส์จะป้องกันไฟฟ้าเกินภายในบ้าน การเลือกขนาดฟิวส์ต้องเลือกให้เหมาะสมกับขนาดกระแสไฟฟ้าที่ใช้หรือถ้าไม่ทราบว่าต้องใช้ฟิวส์ขนาดเท่าไรให้ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ ฟิวส์ที่มีในท้องตลาดมีอยู่ 3 แบบคือ 1. ฟิวส์เส้น มีลักษณะเป็นเส้นเปลือยเหมือนสายไฟ ทำมาจากตะกั่วผสมกับดีบุกใช้ต่อเชื่อมในวงจรไฟฟ้า เช่นในสะพานไฟ ฟิวส์เส้นจะทำงานเมื่อไฟฟ้าเกินขนาดทำให้ฟิวส์เกิดความร้อนแล้วขาด
  • 7.
    2. ฟิวส์หลอดมีลักษณะเป็นหลอดกระจกใส จะทำงานเมื่อเกิดการช็อตขึ้น จะทำให้เกิดประกายไฟ ภายในหลอดจะบรรจุสารเคมี เพื่อป้องกันการสปาร์ค ฟิวส์หลอดจะดีกว่าฟิวส์เส้น
  • 8.
    3. ปลั๊กฟิวส์มีลักษณะคล้ายหลอดไส้แบบเกลียว ติดตั้งโดยหมุนเกลียวเข้าไปในสะพานไฟ มีลักษณะการทำงานเหมือนฟิวส์หลอด แต่จะไม่เกิดประกายไฟเวลาเกิดไฟชอตขึ้น
  • 9.
    สะพานไฟหรือ คัทเอาท์  อุปกรณ์ชนิดนี้เหมือนกับเป็นสวิตช์ใหญ่ประจำบ้าน เพราะเป็นตัวควบคุมการเปิดและปิดอุปกรณ์ไฟฟ้าในบ้าน เราสามารถใช้สะพานไฟควบคุมวงจรไฟฟ้าในแต่ละส่วนของบ้านได้ ปัจจุบันสะพานไฟจะเป็นตัวตัดกระแสไฟฟ้าที่ไหลผ่านวงจรไฟฟ้า ในกรณีที่เกิดการใช้งานเกินกำลัง เพราภายในจะมีฟิวส์เป็นส่วนประกอบอยู่ด้วย ทำให้อุปกรณ์ไฟฟ้าภายในพื้นที่ควบคุมของมันไม่ชำรุดเสียหายอีกด้วย
  • 10.
    เต้ารับและเต้าเสียบ   อุปกรณ์ไฟฟ้าหลายชนิด จะมีเต้าเสียบอยู่กับตัวเพื่อเวลาที่เราจะใช้งานจะต้องนำไปเสียบเข้ากับเต้ารับ ที่อยู่ตามผนังภายในบ้านของเรา  อุปกรณ์ไฟฟ้าหลายชนิด มีทั้งเต้าเสียบและสวิตช์ไฟเพื่อควบคุมการใช้งาน เช่น พัดลม โคมไฟ โทรทัศน์  ทำให้เราสามารถเปิดปิดการใช้งานได้ง่าย แต่ที่สำคัญคือควรจะดึงเต้าเสียบออกเมื่อเลิกใช้งานแล้ว เพื่อไม่ให้กระแสไฟไหลเข้ามาและยัง เป็นการช่วยประหยัดค่าไฟฟ้าอีกด้วยข้อสำคัญอีกข้อก็คือ เราไม่ควรจะเสียบเต้าเสียบหลาย ๆ อันเข้ากับเต้ารับอันเดียวกัน เพราะจะทำให้เกิดความร้อนสูง ทำให้เกิดไฟฟ้าช็อต จากการใช้ไฟเกินได้ ดังนั้นในบ้านของเราจะต้องมีเต้ารับหลาย ๆ จุด ตามตำแหน่งที่เราจะต้องมีเครื่องใช้ไฟฟ้าไว้ใช้งาน  และควรติดให้อยู่สูงจากพื้นเพื่อกันน้ำท่วม และ ให้พ้นจากมือเด็กด้วย  ทั้งหมดนี้ก็เพื่อความปลอดภัยของทุกคนในบ้านท่านนั่นเอง
  • 11.
    วงจรไฟฟ้าในบ้าน วงจรไฟฟ้าภายในบ้าน ส่วนใหญ่จะเป็นการต่อแบบขนาน ซึ่งเป็นการต่อวงจรทำให้อุปกรณ์และเครื่องใช้ไฟฟ้าแต่ละชนิดอยู่คนละวงจร ซึ่งถ้าเครื่องใช้ไฟฟ้าชนิดหนึ่งเกิดขัดข้องเนื่องจากสาเหตุใดก็ตาม เครื่องใช้ไฟฟ้าชนิดอื่นก็ยังคงใช้งานได้ตามปกติเพราะไม่ได้อยู่ในวงจรเดียวกัน ไฟฟ้าที่ใช้ในบ้านเรือนทั่วไปเป็นไฟฟ้ากระแสสลับมีความต่างศักย์ 220 โวลต์ การส่งพลังงานไฟฟ้าเข้าบ้านจะใช้สายไฟ 2 เส้น คือ 1 . สายกลาง หรือสาย N มีศักย์ไฟฟ้าเป็นศูนย์ 2 . สายไฟ หรือสาย L มีศักย์ไฟฟ้าเป็น 220 โวลต์
  • 12.
    โดยปกติสาย L และสาย N ที่ต่อเข้าบ้านจะต่อเข้ากับแผงควบคุมไฟฟ้า ซึ่งเป็นทีควบคุมการจ่ายพลังงานไฟฟ้าทั้งหมดในบ้านอย่างมีระบบ บนแผงควบคุมไฟฟ้ามักจะประกอบด้วย ฟิวส์รวม สะพานไฟรวม และสะพานไฟย่อย โดยสะพานไฟย่อยมีไว้เพื่อแยกและควบคุมการส่งพลังงานไฟฟ้าไปยังวงจรไฟฟ้าย่อยตามส่วนต่างๆ ของบ้านเรือน เช่น วงจรชั้งล่าง วงจรชั้นบน วงจรในครัว เป็นต้น รูปแสดงตัวอย่างวงจรไฟฟ้าในบ้าน
  • 13.
    ในวงจรไฟฟ้าในบ้าน กระแสไฟฟ้าจะผ่านมาตรไฟฟ้าทางสาย L เข้าสู่สะพานไฟ ผ่านฟิวส์และสวิตช์ แล้วไหลผ่านเครื่องใช้ไฟฟ้า ดังนั้นกระแสไฟฟ้าจะไหลผ่านสาย N ออกมา ดังรูป รูปแสดงการไหลของกระแสไฟฟ้าในบ้าน
  • 14.
    1 รูปแบบของวงจรไฟฟ้าภายในบ้าน .......... วงจรไฟฟ้าภายในบ้าน หมายถึง ทางเดินของกระแสไฟฟ้าที่จะไหลไปตามส่วนต่าง ๆ ของวงจรที่เป็นตัวนำ .......... การต่อวงจรไฟฟ้าในบ้าน หมายถึง การต่อความต้านทาน ซึ่งมีอยู่ 3 แบบ คือ 1 รูปแบบของวงจรไฟฟ้าภายในบ้าน .......... วงจรไฟฟ้าภายในบ้าน หมายถึง ทางเดินของกระแสไฟฟ้าที่จะไหลไปตามส่วนต่าง ๆ ของวงจรที่เป็นตัวนำ .......... การต่อวงจรไฟฟ้าในบ้าน หมายถึง การต่อความต้านทาน ซึ่งมีอยู่ 3 แบบ คือ 1 รูปแบบของวงจรไฟฟ้าภายในบ้าน .......... วงจรไฟฟ้าภายในบ้าน หมายถึง ทางเดินของกระแสไฟฟ้าที่จะไหลไปตามส่วนต่าง ๆ ของวงจรที่เป็นตัวนำ .......... การต่อวงจรไฟฟ้าในบ้าน หมายถึง การต่อความต้านทาน ซึ่งมีอยู่ 3 แบบ คือ 1 รูปแบบของวงจรไฟฟ้าภายในบ้าน .......... วงจรไฟฟ้าภายในบ้าน หมายถึง ทางเดินของกระแสไฟฟ้าที่จะไหลไปตามส่วนต่าง ๆ ของวงจรที่เป็นตัวนำ .......... การต่อวงจรไฟฟ้าในบ้าน หมายถึง การต่อความต้านทาน ซึ่งมีอยู่ 3 แบบ คือ 1 รูปแบบของวงจรไฟฟ้าภายในบ้าน .......... วงจรไฟฟ้าภายในบ้าน หมายถึง ทางเดินของกระแสไฟฟ้าที่จะไหลไปตามส่วนต่าง ๆ ของวงจรที่เป็นตัวนำ .......... การต่อวงจรไฟฟ้าในบ้าน หมายถึง การต่อความต้านทาน ซึ่งมีอยู่ 3 แบบ คือ 1 รูปแบบของวงจรไฟฟ้าภายในบ้าน .......... วงจรไฟฟ้าภายในบ้าน หมายถึง ทางเดินของกระแสไฟฟ้าที่จะไหลไปตามส่วนต่าง ๆ ของวงจรที่เป็นตัวนำ .......... การต่อวงจรไฟฟ้าในบ้าน หมายถึง การต่อความต้านทาน ซึ่งมีอยู่ 3 แบบ คือ 1 รูปแบบของวงจรไฟฟ้าภายในบ้าน วงจรไฟฟ้าภายในบ้าน หมายถึง ทางเดินของกระแสไฟฟ้าที่จะไหลไปตามส่วนต่าง ๆ ของวงจรที่เป็นตัวนำ การต่อวงจรไฟฟ้าในบ้าน หมายถึง การต่อความต้านทาน ซึ่งมีอยู่ 3 แบบ คือ
  • 15.
    1.1 การต่อความต้านทานแบบอันดับ หรือแบบอนุกรม เป็นการต่อความต้านทานเรียงกันไปตามลำดับ โดยที่ปลายสายของความต้านทานหรืออุปกรณ์ไฟฟ้า ( หลอด ) ของตัวที่หนึ่งต่อกับต้นสายของ ความต้านทานหรืออุปกรณ์ไฟฟ้า ( หลอด ) ของตัวที่สอง และอีกปลายหนึ่งของความต้านทานหรืออุปกรณ์ไฟฟ้าตัวที่สองต่อกับต้นสายของความต้านทาน หรือ อุปกรณ์ตัวที่สามเรียงต่อกันไปอย่างนี้จนครบวงจร คุณสมบัติของวงจรแบบอันดับหรืออนุกรม 1 . กระแสไฟฟ้าไหลผ่านความต้านทานแต่ละตัวมีค่าเท่ากัน 2 . แรงดันกระแสไฟฟ้าของวงจรทั้งหมดเท่ากัน แรงดันกระแสไฟฟ้าตกคร่อมของแต่ละความต้านทานรวมกัน
  • 16.
    1.2 การต่อความต้านทานแบบขนาน การต่อความต้านทานแบบขนาน เป็นการต่อสายของความต้านทานแต่ละตัวไว้ที่เดียวกัน และปลายสายอีกด้านหนึ่งต่อร่วมกันไว้ที่เดียวกัน คุณสมบัติของการต่อวงจรแบบขนาน 1 . ความต้านทานแต่ละตัวได้รับแรงดันกระแสไฟฟ้าเท่ากัน 2 . กระแสไฟฟ้าที่ไหลผ่านความต้านทานแต่ละตัวมีค่าไม่เท่ากัน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความต้านทานนั้น ๆ คือ ถ้ามีความต้านทานมากกระแสไฟฟ้าจะไหลได้น้อย ถ้ามีความต้านทานน้อยกระแสไฟฟ้าจะไหลได้มาก 3 . ผลรวมของกระแสไฟฟ้าที่แยกไหลผ่านแต่ละความต้าน เมื่อรวมกันแล้วจะเท่ากับกระแสไฟฟ้าของวงจร 4 . ความต่างศักย์ไฟฟ้าบนความต้านทานแต่ละเส้น จะมีค่าเท่ากัน และเท่ากับความต่างศักย์ไฟฟ้ารวมทั้งวงจร
  • 17.
    1.3 การต่อความต้านทานแบบผสม เป็นการต่อความต้านทานที่มีทั้ง 2 แบบในวงจรเดียวกัน
  • 18.
    บรรณานุกรม http ://dnfe5 . nfe . go . th / ilp / electric / Elec-4 . htm
  • 19.
    กลุ่มที่ 5 เด็กชาย ณัฐพงษ์ บุญมา เลขที่ 1 ม . 3 / 5 เด็กชาย ณัฐวุฒิ กลมไล เลขที่ 2 ม . 3 / 5 เด็กชาย พวศกร ทองกันทา เลขที่ 7 ม . 3 / 5 เด็กชาย วีรพล ก่ำแก้ว เลขที่ 10 ม . 3 / 5 เด็กชาย ศรัณย์ งามเมือง เลขที่ 11 ม . 3 / 5 เด็กชาย อภิชาต วิทูล เลขที่ 18 ม . 3 / 5