More Related Content
Similar to 40981989 1-101109033419-phpapp01
Similar to 40981989 1-101109033419-phpapp01 (20)
More from วชรพล สาระศาลิน
More from วชรพล สาระศาลิน (6)
40981989 1-101109033419-phpapp01
- 8. 3. การดำาเนินธุรกิจ ทำาให้มีการแข่งขัน
ระหว่างธุรกิจมากขึ้น ทำาให้ต้องมีการพัฒนา
องค์กรเพื่อให้ทันกับข้อมูลข่าวสารอยู่ตลอด
เวลา
อันส่งผลต่อการพัฒนาประเทศอย่างต่อเนื่อง
4. อัตราการขยายตัวทุก ๆ ด้านที่เพิ่มขึ้น
อย่างรวดเร็ว เพราะมีการติดต่อสื่อสารที่เจริญ
ก้าวหน้าทันสมัย รวดเร็วถูกต้องและ ทำาให้
เป็นโลกที่ไร้พรหรมแดน
5. ระบบการทำางานมีคอมพิวเตอร์มาใช้ซื่อ
สามารถทำางานได้มากขึ้น งานบางอย่างมนุษย์
- 16. องค์ประกอบของระบบ
คอมพิวเตอร์
คอมพิวเตอร์ประกอบด้วยส่วนสำาคัญ 5
ส่วนด้วยกัน คือ
1. ฮาร์ดแวร์ (Hardware) หมายถึง สิ่งที่มอง
เห็นและจับต้องสัมผัสได้ทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับ
คอมพิวเตอร์ ไม่ว่าจะเป็นตัวเครื่องคอมพิวเตอร์
(Case) และอุปกรณ์ต่อพ่วงรอบข้าง (Peripheral) ที่
เกี่ยวข้อง เช่น ฮาร์ดดิสก์ แป้นพิมพ์ และ
อุปกรณ์อื่น ๆ ฮาร์ดแวร์จะไม่สามารถทำางาน
ด้วยตัวเองเดี่ยว ๆ ได้ จะต้องนำามาต่อเชื่อมเพื่อ
ทำางานร่วมกันเป็นระบบที่เรียกว่า "ระบบ
คอมพิวเตอร์ (Computer System)" ที่มีโครงสร้างของ
- 17. 2. ซอฟต์แวร์ (Software) หมายถึง โปรแกรม
(Program) หรือชุดคำาสั่งที่ควบคุมให้เครื่อง
คอมพิวเตอร์ทำางานให้ได้ผลลัพธ์ตามที่ต้องการ
โปรแกรมหรือชุดคำาสั่งนั้นจะเขียนจากภาษา
ต่าง ๆ ที่มนุษย์สร้างขึ้น เรียกว่า ภาษา
คอมพิวเตอร์ (Programming Language) ซอฟต์แวร์
สามารถแบ่งออกเป็น 2 ประเภทใหญ่ ๆ คือ
1) ซอฟต์แวร์ระบบ (System Software)
2) ซอฟต์แวร์ประยุกต์ (Application Software)
- 18. 3. ข้อมูล/สารสนเทศ (Data/Information) คือ
ข้อมูลต่างๆ ที่เรานำามาให้คอมพิวเตอร์ทำาการ
ประมวลผลคำานวณ
4. บุคคลากร (Peopleware) คือ เจ้าหน้าที่
ปฏิบัติงานต่างๆ และผู้ใช้เครื่องคอมพิวเตอร์ใน
หน่วยงานนั้นๆ ระบบคอมพิวเตอร์สามารถสรุป
เป็นประเภทใหญ่ ๆ ได้ดังนี้
- เจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ (Operator)
- บุคลากรที่เกี่ยวข้องกับระบบ (System)
- ผู้จัดการศูนย์ประมวลผลคอมพิวเตอร์ (Electronic
Data Processing Manager)
- ผู้ใช้คอมพิวเตอร์ (Computer user)
- 21. เมื่อมีองค์ประกอบครบพร้อม ต่อไปดูว่าเกิด
กระบวนการต่อไปนี้หรือไม่ คือ (1) มีการกำาหนด
สาร (Message Design & Source Data) โดยผู้ส่งสาร อาจ
ต้องมีการเข้ารหัสของสารด้วย ขึ้นอยู่กับ
ประเภทหรือชนิดของสาร (2) สารถูกส่งไปยัง
ผู้รับ (Process) โดยผ่านกระบวนการต่างๆ ขึ้นอยู่
กับประเภทหรือชนิดของสาร(3) สารที่ส่งออกไป
ถึงผู้รับปลายทาง และผู้รับก็รับรู้ถึงสารที่ส่งมา
นั้น (Awareness) และเกิดปฏิกิริยาโต้ตอบ อาจเป็น
เชิงบวก (เห็นด้วย ยอมรับ) หรือเชิงลบ (ขัดแย้ง
ไม่ยอมรับ) หรือเชิงซ่อน (รู้สึกเฉยๆ ยังไม่ลง
ความเห็น หรือตัดสินใจในเวลานั้น)
- 22. ผู้ส่งสาร และผู้รับสาร จะประกอบด้วยบุคคล
2 ฝ่าย คือ ฝ่ายผู้ส่งสาร และฝ่ายผู้รับสาร หากผู้
ส่งสาร และผู้รับสารเป็นบุคคลคนเดียวกัน เรียก
ว่า การสื่อสารภายในบุคคล และผู้ส่งสารมักจะ
เป็นผู้กำาหนดสารที่จะส่งไป และสาร หรือ
message ที่จะส่งไป มักจะถูกกำาหนดขึ้นทั้งจากผู้
ส่งสารเอง และจากบุคคลอื่น ไม่ว่าจะอยู่ในรูป
ของวจนภาษา หรือ อวจนภาษา ก็ตาม
- 23. กรณีที่ผู้กำาหนดสาร และผู้ส่งสาร เป็นบุคคล
คนเดียวกัน คือ สารที่ถูกกำาหนดขึ้นนั้น เป็น
นามธรรมที่เกิดขึ้น (Knowledge) หรือปรุงแต่งขึ้น
เป็นองค์ความรู้ (Create) หรือผุดขึ้นโดยประจักษ์
(Insight) ของผู้ส่งสารนั่นเอง แล้วต้องการจะส่ง
สารนั้นไปยังกลุ่มเป้าหมาย ซึ่งเป็นผู้รับสาร
กระบวนการส่งสาร จะเริ่มตั้งแต่การบรรจุ
สารเข้าไปในระบบการส่ง (Message Input & Sourse
Input) ซึ่งประกอบด้วย สาร สื่อ เวลา โอกาส โดย
อาศัยช่องทางต่างๆ เป็นพาหะพาสารไปยังผู้รับ
(Process) สาร ดังกล่าวอาจจะอยู่ในรูปของภาษา
พูด สัญลักษณ์ อักขระ สื่อ หรือช่องทางที่ใช้ใน
การส่ง ขึ้นอยู่กับว่าเนื้อสารนั้นจะอยู่ในรูปใด
- 24. รูปแบบ ชนิด
ของสาร
พาหะ - ช่อง
ทาง
เครื่องมือ -
เทคโนโลยี
เทคนิค - รูป
แบบการส่งสาร
ภาษาพูด
Word, Speech
บรรยากาศ อากาศ
วัตถุที่สามารถพา
เสียงไปได้
อวัยวะปาก,
ไมโครโฟน, โทรโข่ง
Physical, Radiogram,
Analog, Digital
ภาษาท่าทาง
Action, Behavior
ทัศนวิสัยของ
บรรยากาศ
อวัยวะ, อุปกรณ์สร้าง
สัญลักษณ์
Physical
ภาษาเขียน
Writing
อักขระ อักษร (ที่ผู้
ส่งและผู้รับ
สามารถรับรู้ร่วมกัน
ได้)
กระดาษ ปากกา หมึก
หรือสี คอมพิวเตอร์
Physical, Analog,
Digital
ภาษาเล็กทรอ
นิกส์ (Electronic
Language)
– Radio
– Analoge
– Digital
คลื่นไฟฟ้า คลื่น
แสง คลื่นแม่เหล็ก
คลื่นวิทยุ
เครื่องรับ-เครื่องส่ง
วิทยุ วิทยุโทรทัศน์
ระบบอะนาล็อก
ระบบดิจิตอล
คอมพิวเตอร์ และ
ระบบ
เครือข่าย,
อินเตอร์เน็ต
Analog, Digital
- 25. ในการส่งสาร จะต้องกำาหนดเวลา เพื่อให้
ผู้รับสาร มีโอกาสในการรับ เวลา หมายถึง
จำานวนเวลา (วินาที, นาที, ชั่วโมง) และระยะ
เวลา (Time หรือ ครั้ง) โอกาส หมายถึง ช่วงเวลา
ที่พอเหมาะพอดีที่ผู้รับสาร สามารถรับรู้ถึงสาร
การสื่อสารจะสำาเร็จสมบูรณ์ ต่อเมื่อผู้ส่งสารรับ
ทราบถึงปฏิกิริยาของผู้รับสาร หลังจากรับสาร
นั้นแล้ว
การสื่อสารจะมีคุณค่า ก็ต่อเมื่อ ผู้รับสารเกิด
การรับรู้ (Awareness) เกิดองค์ความรู้ (Knowledge)
เกิดความเชื่อถือ เชื่อมั่น จนยอมรับข้อเสนอหรือ
เงื่อนไขในสารนั้น (Acceptation) หรือเกิดการ
ตัดสินใจอย่างใดอย่างหนึ่ง (Decision) ซึ่งนำาไปสู่