1
สรุปผลการประเมินงานประชุมวิชาการเครือข่ายความรู้สุขภาวะทางปัญญา ครั้งที่ 2
จัดขึ้นในวันที่ 27 ก.พ.-2 มี.ค.2568 ณ สามย่านมิตรทาวน์
ธรรมชาติของงาน
งานประชุมวิชาการระดับชาติเครือข่ายความรู้สุขภาวะทางปัญญา ครั้งที่ 2: จิตวิญญาณ การร่วมทุกข์
ความหวัง เป็นส่วนหนึ่งของงานมหกรรมพบเพื่อนใจ Soul Connect Fest 2025 : HUMANICE ซึ่งมีภาคการจัด
มหกรรมการเรียนรู้สุขภาวะทางปัญญาผ่านประสบการณ์ (Spiritual Experiential Learning) บนพื้นที่การเรียนรู้
สาธารณะเดียวกัน
โดยมีเป้าหมายร่วม คือ การสร้างพื้นที่การเรียนรู้สุขภาวะทางปัญญาแก่สังคมในวงกว้าง และการเชื่อมโยง
ภาคีเครือข่ายความรู้สุขภาวะทางปัญญา ด้วยธรรมชาติของงานภาควิชาการ มีความลึกในเชิงเนื้อหาและความ
เข้มข้นในประเด็นที่นำเสนอต่อสังคม ในธีมหลักคือ จิตวิญญาณ การร่วมทุกข์ ความหวัง
การประเมินผลจึงสนใจการนำผลที่ได้ มาใช้วิเคราะห์กลุ่มเป้าหมาย การเรียนรู้และการเปลี่ยนแปลง
ภายในที่เกิดขึ้นในระดับบุคคล การวิเคราะห์กระบวนการสำคัญในการส่งมอบคุณค่า เพื่อนำไปปรับปรุงและ
พัฒนาการเคลื่อนงานความรู้และเครือข่ายสุขภาวะทางปัญญาต่อไป
ผลประเมินตามวัตถุประสงค์โครงการ
จากวัตถุประสงค์โครงการการจัดงานประชุมวิชาการระดับชาติเครือข่ายความรู้สุขภาวะทางปัญญา ครั้งที่
2 มีผลประเมินดังนี้
1. เพื่อสื่อสารความเข้าใจ ความรู้ และเครื่องมือการทํางานด้านสุขภาวะทางปัญญาและสันติภาพให้
เป็นที่รับรู้ของสาธารณะ และเสนอแนวทางการทํางานในประเด็นสําคัญของสังคม
ผลการประเมินผลความรู้ความเข้าใจของกลุ่มเป้าหมาย
ผลการประเมินความรู้ความเข้าใจของกลุ่มเป้าหมาย กลุ่มผู้เข้าร่วมงานประชุมวิชาการระดับชาติเครือข่าย
ความรู้ด้านสุขภาวะทางปัญญา แสดงผลดังนี้
2
จากผลสำรวจความคิดเห็นของผู้เข้าร่วมงานประชุมวิชาการฯ จำนวนผู้ตอบแบบสำรวจ 366 คน
(จำนวนผู้เข้าร่วมแต่ละห้องย่อยรวม 2,110 คน จำนวนผู้เข้าร่วมทั้งสิ้น 1,000 คน จากเป้าหมาย 500 คน) (กลุ่ม
ตัวอย่างเก็บข้อมูล 222 คน ค่าความคลาดเคลื่อน 5%) โดยแสดงผลการสำรวจความรู้ความเข้าใจของผู้เข้าร่วมงาน
ดังนี้
• ผู้เข้าร่วมงาน มีระดับความเข้าใจในตนเอง อยู่ในระดับ มาก คิดเป็นค่าเฉลี่ย 3.86 หรือร้อยละ 77.20
• มีระดับความเข้าใจมุมมองชีวิตผู้อื่น อยู่ในระดับ มาก คิดเป็นค่าเฉลี่ย 4.00 หรือร้อยละ 80.00
• ได้เรียนรู้การเชื่อมโยงศาสตร์ต่างๆ /สายงานต่างๆ ในมิติจิตวิญญาณภายใน อยู่ในระดับ มาก คิดเป็น
ค่าเฉลี่ย 3.93 หรือร้อยละ 78.60
• เห็นความทุกข์ร่วมของสังคม อยู่ในระดับ มาก คิดเป็นค่าเฉลี่ย 3.99 หรือร้อยละ 79.80
• เข้าใจความหลากหลายในสังคม อยู่ในระดับ มาก คิดเป็นค่าเฉลี่ย 4.04 หรือร้อยละ 80.80
• เข้าใจความสำคัญของธรรมชาติ วิถีชีวิต กับจิตวิญญาณของสังคม อยู่ในระดับ มาก คิดเป็นค่าเฉลี่ย 3.99
หรือร้อยละ 79.80
• เข้าใจว่ามิติจิตวิญญาณภายใน เป็นเครื่องมือสำคัญในการรับมือกับสถานการณ์ยากๆ ที่สังคมเผชิญอยู่ได้
อยู่ในระดับ มาก คิดเป็นค่าเฉลี่ย 3.98 หรือร้อยละ 79.60
• เข้าใจผลกระทบจากนโยบายต่างๆ ที่ส่งผลต่อสันติภาพและความยั่งยืนของสังคม อยู่ในระดับ มาก คิด
เป็นค่าเฉลี่ย 3.89 หรือร้อยละ 77.80
• ผู้เข้าร่วมโครงการ เห็นความหวังในการสร้างสันติภาพภายใน สู่สันติภาพของสังคม อยู่ในระดับ มาก คิด
เป็นค่าเฉลี่ย 3.94 หรือร้อยละ 78.80
• ผู้เข้าร่วมงาน มีระดับความพึงพอใจโดยรวมต่องาน อยู่ในระดับ มาก คิดเป็นค่าเฉลี่ย 4.45 หรือร้ยยละ
89.00
• ผู้เข้าร่วมงาน สนใจเข้าร่วมงานประชุมวิชาการเครือข่ายสุขภาวะทางปัญญาในครั้งต่อไป มีผู้ตอบว่าสนใจ
เข้าร่วม 90.34% อาจจะเข้าร่วม 9.66% และไม่มีผู้ตอบว่าไม่สนใจเข้าร่วม
สิ่งที่ผู้เข้าร่วมงานจะนำไปปรับใช้ในชีวิตประจำวันได้ คือ การกลับมาดูแลจิตวิญญาณภายในให้แข็งแรง
(ร้อยละ 72.02) การรับฟัง รับรู้ข้อมูลข่าวสารของสังคมอย่างมีวิจารณญาณ (ร้อยละ 62.80) การดูแลความสัมพันธ์
3
(ร้อยละ 57.74) การยอมรับความหลากหลายและเคารพคุณค่าในความเป็นมนุษย์ (ร้อยละ 64.88) การทำงาน
หรือใช้ชีวิตโดยใส่ใจมิติจิตวิญญาณและสันติภาพภายในตนเอง (ร้อยละ 55.06) การมีมุมมองเชิงนโยบาย เห็น
ระบบ/โครงสร้างสังคม ที่ส่งผลกระทบต่อสันติภาพของสังคม (ร้อยละ 44.94) การกลับมาดูแลรับผิดชอบต่อโลก
และทรัพยากรของโลก (ร้อยละ 45.24)
งานประชุมวิชาการฯ ผู้เข้าร่วมได้รับความรู้และประสบการณ์ที่หลากหลาย จากการทำงานข้ามศาสตร์
ข้ามภาคส่วน ผ่านประเด็นที่เจ้าภาพห้องย่อยนำเสนอ กระบวนการเรียนรู้ลงลึกในประเด็นจิตวิญญาณที่เชื่อมโยง
กับสันติภาพภายในใจ และมุ่งหวังให้เกิดสันติภาพสังคม เนื้อหาในการเรียนรู้มีความเข้มข้น เกิดจากปัญญาปฏิบัติ
ของนักวิชาการ นักวิจัย นักปฏิบัติการทางสังคม และวิทยากรรับเชิญ ทำให้ผู้เข้าร่วมได้รับการแบ่งปันมุมมอง
ความคิด ความเชื่อ รากฐานของจิตวิญญาณของสังคมในบริบทต่างๆ ซึ่งทำให้เห็นความทุกข์ร่วมของสังคมใน
สภาวะที่ยากลำบาก เกิดใจสัมผัสใจ เชื่อมโยงจิตวิญญาณ และเห็นความหมายใหม่หรือเปลี่ยนมุมมองใหม่ต่อเพื่อน
มนุษย์และสังคมที่ซับซ้อน รวมถึงเห็นโอกาสที่จะเชื่อมโยงกันสร้างสรรค์สังคมใหม่ด้วยจิตวิญญาณใหม่ในอนาคต
ตัวอย่างเสียงสะท้อนจากการสัมภาษณ์ผู้เข้าร่วมงานประชุมวิชาการฯ มีดังนี้
“ได้เห็นความหลากหลายและเรื่องราวต่างๆของคนที่มีชีวิตต่างจากเรา ทำให้เราได้เห็นความหวัง ว่าใน
สังคมยังมีความเป็นมนุษย์หลงเหลืออยู่”
- เยาวชน จากห้องย่อย เพชรหรือก้อนหิน -
“หัวข้อและวิทยากรเป็นแม่เหล็กดึงดูดที่สำคัญมาก และก็ไม่ผิดหวังด้วย หักมุมมองความเชื่อเดิมของผม
ไปแทบหมดสิ้น ได้เห็นทางเลือกและวิธีสร้างกรอบความคิดใหม่ไฉไลกว่าเดิมขึ้นมา แม้จะยากแต่เชื่อว่าฝึกได้”
- ห้องย่อย เพราะโลกนี้ต้องการคนรับฟัง –
“จากสายน้ำถึงทะเล ได้เปิดโลกความรู้ใหม่ของการต่อสู้ของคนพื้นถิ่น โดยใช้ความรู้หรือภูมิปัญญาของชน
พื้นถิ่น เป็นทั้งการจัดการความรู้ และเป็นโมเดลของการนำความรู้ภายในของพื้นที่ (ตนเอง) มาใช้เพื่อทำให้ชุมชน
(ตัวเอง) เข้มแข็ง ขอส่งกำลังใจให้กับทั้งคนพื้นถิ่นทั้งจากสายน้ำและทะเล และผู้ร่วมทำโครงการนี้ ทำให้ผู้ฟัง ต้อง
กลับมาทบทวนถึงสิ่งสำคัญที่ตัวเองมีอยู่”
- ห้องย่อย จากสายน้ำถึงทะเล -
4
“ได้เข้าใจวิธีการฝึกสติ ทำสมาธิ ที่ อ.ท่านได้อธิบายได้อย่างเข้าใจง่ายขึ้น มีหลักการมารองรับกับการ
ทำงานของสมองด้วย ทำให้รู้สึกมั่นใจในวิธีการนี้และจะนำไปใช้แน่นอน”
- ห้องย่อย จิตวิทยาสติ -
“ได้รับฟังเรื่องราวความทุกข์ของพี่น้องชาวพม่า มันสั่นสะเทือนในความรู้สึก บอกเป็นความคิดตกผลึกได้
ยาก มีแต่ความรู้สึกที่ร่วมทุกข์ไปด้วย”
- ห้องย่อย เติมใจให้เพื่อนเมียนมา -
“ลึกซึ้งมาก ชอบพิธีกรรม มันศักดิ์สิทธิ์มากจริงๆ ประทับใจตลอดทั้งงาน และประทับสิ่งที่พวกเราได้แชร์
กัน ได้กลับมาตระหนักรู้ภายในตัวเองมากขึ้น รับรู้ถึงความรู้สึกอ่อนไหวของตัวเองที่มีต่อเรื่องนั้นๆ”
- ห้องย่อย นโยบายสาธารณะที่มีจิตวิญญาณ -
“มุมมองใหม่เรื่องการปลอบประโลม/เรื่องราวทางพุทธประวัติ จากการตีความที่ทำให้เห็นมุมที่เชื่อมเน้น
ความสัมพันธ์กับผู้คน ชุมชน เป็นมุมที่ไม่เคยคิดมาก่อน ทั้งๆ ที่เป็นเรื่องที่เคยเรียนรู้มาแล้ว...
...ค้นพบมุมทีทำให้เข้าใจตนเอง เห็นมุมที่ empathy เห็นคนอื่นก็มีปัญหาเดียวกันกับเรา สุดท้ายแล้วเรา
ไม่ได้เข้าใจตนเองคนเดียว แต่เราเข้าใจสังคมด้วย สังคมทำให้เราได้เข้าใจตนเอง เหมือนมันสะท้อนกัน”
- นักศึกษาปริญญาโท สาขาปรัชญา จากห้องย่อย ที่พักพิงยามสิ้นหวัง -
“จะลองไปเสนอที่โรงพยาบาลดู เพื่อหาอาสามาช่วยที่วอร์ดต่างๆ ฟังแล้วรู้สึกว่ามันเห็นความเชื่อมโยงของ
ความเป็นมนุษย์ของกันและกัน ญาติเคยบ่นด่าพยาบาลหรือด่าหมอว่าดูแลไม่ดีหรือว่าใช้คำพูดไม่ดี ซึ่งจริงๆ มันก็มี
ความทุกข์ของกันและกัน พอมาเห็นตรงนี้ก็รู้สึกทุกคนมีเป้าหมายเดียวกัน เลยอยากให้เพื่อนมนุษย์ที่เจ็บป่วยได้รับ
การดูแลอย่างดี แล้วก็อยากให้คนเห็นคุณค่าในงานที่ตัวเองทำ”
- แพทย์จากจังหวัดจันทบุรี ห้องย่อย จิตวิญญาณผู้ดูแล -
5
การสื่อสารประชาสัมพันธ์ผ่านช่องทางออนไลน์ มีผลลัพธ์ที่แสดงดังนี้
จากผลของการสื่อสารในช่วงวันที่ 6 ก.พ. – 5 มี.ค. 2568 พบว่า มีการสื่อสารโพสต์ต่างๆ ของเพจออกไป
ใช้ช่องทางหลักคือ เฟสบุ๊ก Soul Connect Fest โดยในเพจมีผู้ใช้งานมองเห็นโพสต์ประชาสัมพันธ์งานมากกว่า
5,601,017 ครั้ง และเกิดการมีส่วนร่วมมากกว่า 44,250 ครั้ง มีผู้ติดตามเพจเพิ่มขึ้นมากกว่า 13,298 คน
ส่วนการสื่อสารประชาสัมพันธ์งานวิชาการใช้ช่องทางหลักคือ เฟสบุ๊กเพจจิตวิวัฒน์- New Conscious
และ เว็บไซต์จิตวิวัฒน์ www.jitwiwat.com โดยในเพจมีผู้ใช้งานมองเห็นโพสต์ประชาสัมพันธ์งานมากกว่า
300,000 ครั้ง (ออร์แกนิก) และเกิดการมีส่วนร่วมมากกว่า 8,000 ครั้ง มีผู้ติดตามเพจเพิ่มขึ้นมากกว่า 600 คน
โดยมีการถ่ายทอดสด 13 Live จากห้องย่อยวิชาการ มีผู้เข้าชมมากกว่า 23,000 ครั้ง และถ่ายทอดสดผ่านเฟสบุ๊ก
เพจ Soul Connect Fest 9 Live มีผู้เข้าชมมากกว่า 47,000 ครั้ง เว็บไซต์จิตวิวัฒน์ www.jitwiwat.com มีผู้เข้า
ชมเว็บไซต์ 3,890 ครั้ง
นอกจากการจัดทำสื่อเองแล้ว โครงการได้ร่วมกับเพจ ผลิตบทความจากชีวิตและงานของผู้ร่วมจัดงาน
โดยเน้นที่ผู้ร่วมจัดงานวิชาการ รวมทั้งได้รับการสนับสนุนจากโครงการสานพลังการสื่อสารภาคีเครือข่ายระบบสื่อ
และสุขภาวะทางปัญญา ในการเชิญอินฟลูเอนเซอร์ที่เป็นขวัญใจของคนรุ่นใหม่เข้าร่วมกิจกรรมที่จะจัดขึ้นในงาน
มหกรรม และเขียนรีวิวกิจกรรมนั้นๆ ในช่องทางการสื่อสารของตนเอง ทำให้เพิ่มการเข้าถึงการประชาสัมพันธ์งาน
ในกลุ่มคนเป้าหมายอีกจำนวนมาก
2. เพื่อสร้างพื้นที่ในการรวมตัวร่วมคิดร่วมทํา สําหรับนักวิชาการ นักปฏิบัติการ และผู้สนใจทํางานใน
ประเด็นสุขภาวะทางปัญญา สันติศึกษา จิตวิญญาณ ศาสนา การศึกษา และสุขภาพ ให้ได้มาเชื่อมโยง เรียนรู้
จากกัน เป็นกัลยาณมิตร และเป็นปัจจัยให้เกิดการพัฒนาสุขภาวะทางปัญญาและพัฒนาการทํางานทั้งของ
ปัจเจกและกลุ่ม
ภาควิชาการใช้กระบวนการขึ้นประเด็นที่สังคมกำลังเผชิญในภาวะที่ยาก โดยจัดประชุมร่วมกันและแบ่ง
วงคุยตาม themes ทำให้เห็นภาพร่วมกันก่อนการจัด รวมทั้งเกิดการเชื่อมโยงของเครือข่าย เช่น เกิดการนัดหมาย
แลกเปลี่ยนเรียนรู้ในประเด็นที่สนใจ เกิดเครือข่ายงานวิจัยในประเด็นที่สนใจร่วมกัน เกิดการสร้างสรรค์หนทางใน
การดูแลกลุ่มเป้าหมายหรือเห็นหนทางใหม่ๆ ในการแบ่งปันความรู้สู่สังคม เกิดการประมวลข้อมูลองค์ความรู้ที่
6
เกิดขึ้นในห้องวิชาการ และหลังการจัดงานมีการจัดทบทวนผลการดำเนินงานที่ผ่านมาของภาคีเครือข่าย เจ้าภาพ
ห้องย่อย และวงคุยของทีมงานวิชาการ เพื่อนำผลไปพัฒนาและต่อยอดการเคลื่อนงานสุขภาวะทางปัญญาต่อไป
เสียงสะท้อนส่วนหนึ่งของเจ้าภาพห้องย่อย
“ชาวต่างชาติที่เชิญมารู้สึกประทับใจมาก บอกว่า “Amazing! ประเทศ You จัดงาน Spiritual ใหญ่แบบ
นี้ได้ยังไง ประเทศ I ยังไม่มีแบบนี้ งานยากมาก ยกให้เป็น champion เลย”
– ห้องย่อย Food Spirit -
“ตลอดกระบวนการทำงานเป็นมิตรภาพ รู้สึกว่าเป็นพื้นที่ที่ทุกคนพร้อมบอกว่า ไม่ต้องสมบูรณ์แบบก็ได้
และจงวางใจ กระบวนการละครนำมาใช้ได้ดี แม้เปิดแผลบ้างในช่วงที่ต้องเตรียมตัวเล่า แต่เชื่อว่าจะทำให้ทุกคนได้
ประสบการณ์ใหม่ๆ speaker ทุกท่านได้แบ่งปันเรื่องราวที่มีความลึกซึ้ง และเกิดการทำงานภายในตนเอง”
- ห้องย่อย เพชร หรือ ก้อนหิน –
“ผู้เข้าร่วมมี Engagement เพราะคนที่มาเป็นอาจารย์แพทย์ หรือบุคลากรของโรงเรียนแพทย์ เห็นกันได้
ยินกัน สำรวจปัญหาร่วมกัน ได้สร้าง Sense ว่าครูแพทย์ทำงานหนัก มีภาวะ Burnout ได้มีการ Connect กัน
สร้างความสัมพันธ์เพื่อช่วยเหลือครูแพทย์ ได้เห็นเครือข่าย ส่วนหนึ่งจากโครงการ Resilience ครูแพทย์ ของ ธ.จิต
อาสา และกลุ่ม อ.พนม เกตุมาน ซึ่งคุยแลกเปลี่ยนข้อมูลวิชาการกันเป็นประจำ และบอกเล่าระบายทุกข์สุข โดย
เสนอให้กลับไปสร้างกลุ่มแบบนี้ภายในองค์กรของตัวเอง อ.หมอสมศักดิ์เสนอให้แต่ละคนเริ่มเป็น Influencer ใน
องค์กรของตัวเอง”
- ห้อยย่อย ดูแลใจครูแพทย์ -
“ความเข้าใจของผู้เข้าร่วมที่เห็นว่าดนตรีบำบัดมีอะไรมากกว่านั้น รวมถึงการพัฒนาด้านในของมนุษย์
จากการนำเสนอเคสที่ไปทำให้ ทำให้เห็นว่าดนตรีเข้าไปพัฒนาด้านในได้ยังไงบ้าง ได้รับ feedback ที่ค่อนข้างดี
7
มาก มีคำถามจากผู้เข้าร่วมงานว่า ดนตรีบำบัดจะเข้าไปช่วยงานของเขาได้ยังไงบ้าง เช่น งานที่เกี่ยวกับเด็กออทิ
สติกหรือตัวพ่อแม่ผู้ปกครองเอง”
- ห้องย่อย Therapeutic Harmony -
“วิทยากรมาด้วยความตั้งใจว่าอยากบอกให้สังคมได้รับรู้ ผู้ฟังสะท้อนการรับรู้ความทุกข์ สิ่งที่เกินคาด
คือวิทยากรได้รับ empathy จากผู้ร่วมฟังด้วย เหตุการณ์ประทับใจอีก คือ เดินไปทางน้องๆ โซนกิจกรรม ทุกคน
รับรู้เรื่องตากใบ กลุ่มวิทยากรประหลาดใจที่เยาวชนกรุงเทพฯ รู้จักเรื่องนี้แม้ผ่านมา 20 ปี แล้วเข้ามากอดเขา
ได้รับพลังจากตรงนี้ด้วย ซึ่งมุสลิมมักอำลากันด้วยการกอด การกอดจึงเป็นฉากอำลาในเย็นวันนั้น”
- ห้องย่อย ตากใบพูด -
3. เพื่อสํารวจ พัฒนาความรู้และสร้างปัญญาร่วม ในประเด็นการสร้างสันติภาพ ตั้งแต่สันติภายในใจ
จนถึง สันติภาพของสังคม
เกิดการพัฒนาความรู้สุขภาวะทางปัญญาและสันติภาพ เพื่อสื่อสารสู่สังคม ในธีมงาน จิตวิญญาณ การ
ร่วมมทุกข์ ความหวัง โดยประกอบด้วย 3 ประเด็นหลัก คือ 1. หลากหนทางสู่สันติภาวะ 2. ชุมชน ความร่วมมือ
และพลังของการดูแลกัน 3. จิตวิญญาณแห่งยุคสมัย รวมทั้งสิ้นจำนวน 40 ห้องประชุมย่อย โดยมีเจ้าภาพห้อง
ย่อยและวิทยากรที่มีประสบการณ์ความเชี่ยวชาญในเชิงลึกที่สั่งสมมาอย่างยาวนาน นำมาเผยแพร่ผ่านกระบวนการ
เรียนรู้ที่หลากหลาย รวมทั้งมีการประมวลความรู้เป็นบทความวิชาการหลังเสร็จสิ้นงาน เพื่อรวบรวมไว้เป็นคลัง
ความรู้สำคัญ และเพื่อเผยแพร่สู่สาธารณะต่อไป
กระบวนการที่สำคัญ
ข้อค้นพบในการส่งมอบความรู้สุขภาวะทางปัญญาและสันติภาพ มีกระบวนการที่สำคัญ ดังนี้
1. กระบวนการส่งมอบความรู้สุขภาวะทางปัญญาและสันติภาพ
8
สิ่งสำคัญที่ผู้เข้าร่วมสะท้อนว่าปัจจัยที่ทำให้เกิดการเรียนรู้ที่ดี คือ ชุดความรู้หรือ model ที่นำเสนอ
ผ่านการค้นคว้า ทดลอง วิจัย หรือปฏิบัติจริง จนเกิดผลลัพธ์ในมิติสุขภาวะทางปัญญา เป็นปัญญาปฏิบัติที่ได้ตก
ผลึกมาเป็นอย่างดี และนำมาเผยแพร่แก่สาธารณะ สิ่งสำคัญอีกประการหนึ่งคือ ตัววิทยากรเอง ได้ตกผลึกองค์
ความรู้ และมีความเป็นเนื้อเป็นตัวในปัญญาปฏิบัตินั้น รวมถึงการออกแบบรูปแบบการนำเสนอหรือให้ความรู้ผ่าน
สื่อหรือเครื่องมือต่างๆ เป็นปัจจัยนำเข้าที่สำคัญที่ทำให้กระบวนการเรียนรู้เกิดประสิทธิผลอย่างที่คาดหวัง
รูปแบบการเรียนรู้ สะท้อนมิติสุขภาวะทางปัญญา โดยแต่ละห้องย่อยนำกระบวนการภาวนาหรือชวน
กลับมาภายใน (grounding) เพื่อสร้างความพร้อมในการรับรู้ และวางสิ่งที่อยู่ภายนอกห้องลงก่อน กระบวนการส่ง
มอบความรู้ใช้วิธีการที่หลากหลาย เช่น การเสวนา วงอ่างปลา การทำกิจกรรมร่วม การสะท้อนมุมมองผ่านตัวตน
อื่น การเชื่อมโยงกับธรรมชาติและจิตวิญญาณ เรื่องเล่าเส้นทางแห่งจิตวิญญาณร่วม เป็นต้น แต่ละกระบวนการ
ของแต่ละห้องย่อย นำพาไปสู่การเชื่อมโยงจิตวิญญาณภายในของผู้เข้าร่วมกับวงแห่งการเรียนรู้ ผ่านการรับรู้ความ
ทุกข์ร่วม การค้นพบคุณค่า หรือค้นพบความหมายของชีวิตที่ต่างไปจากเดิม วิธีการที่ทำให้จุดมุ่งหมายนั้นปรากฏ
เป็นความน่าสนใจ เช่น เมื่อเพื่อนร่วมแลกเปลี่ยนสะท้อนสิ่งที่ทำให้ใจได้สัมผัสใจ หรือการเล่าถึงความเชื่อมโยงใน
ชีวิตของตนกับเรื่องราวของวง สามารถเปลี่ยนพลังงานของวงไปสู่การมีจิตวิญญาณร่วมกัน
9
เมื่อผู้เข้าร่วมเกิดความรู้ ความเข้าใจ จึงเกิดการเปลี่ยนแปลงมุมมองหรือวิธีคิดที่ต่างไปจากเดิม เช่น
มุมมองต่อตนเอง มุมมองต่อผู้อื่น มุมมองต่อสังคม เกิดการเชื่อมโยงกับสิ่งต่างๆ โดยรวมตัวเองเข้าไปเป็นส่วนหนึ่ง
ของสรรพสิ่ง สันติภาพภายในใจจึงเกิดขึ้น นำไปสู่ความหวังที่อยากเปลี่ยนแปลงตนเอง องค์กร หรือสังคม อยากให้
กำลังใจ อยากเห็นสังคมออกจากความทุกข์นั้นๆ ให้คุณค่ากับความรู้หรือโมเดลต่างๆ เพื่อการนำไปประยุกต์ใช้หรือ
ต่อยอดความรู้ หรือส่งเสริมสนับบสนุนต่อเพื่อให้เกิดสังคมแห่งปัญญา
ส่วนระดับที่เป็น impact อาจจะยังไม่เห็นในช่วงเวลาอันสั้นนี้ อาจต้องให้เวลาในการร่วมพัฒนาและเสริม
ศักยภาพร่วมกันและติดตามผลในช่วงต่อไป หรืออาจพิจารณาจากปรากฏการณ์ที่เกืดความสั่นไหวของสังคมในช่วง
นี้ โดยสะท้อนจากมุมมองและวิธีตอบสนองต่อสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป
2. กระบวนการสานพลังเครือข่ายสุขภาวะทางปัญญาและสันติภาพ
จากการสร้างพื้นที่การแลกเปลี่ยนเรียนรู้และเชื่อมโยงกันของนักวิชาการ นักปฏิบัติการทางสังคม โดยนำ
องค์ความรู้ของทุกคนมาแบ่งปัน แรงจูงใจ แรงผลักดัน การเห็นความทุกข์ของสังคม และต้องการแก้ทุกข์ของสังคม
ทำให้เกิดเป็นแรงบันดาลใจแก่กัน จากพื้นที่ของการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ ขยายไปสู่พื้นที่ของความหวัง
10
เริ่มมีแนวคิดของการกำหนดเป้าหมายร่วม หรือแนวทางร่วมในการเคลื่อนงานในลักษณะของเครือข่าย
แต่ยังคงอุดมการณ์และเอกลักษณ์ของแต่ละเครือข่าย เป็นพื้นที่เปิดกว้าง สามารถใช้ทรัพยากรร่วมกัน หรือ
ฐานข้อมูลความรู้ร่วมกันได้ และสร้างกลไกในการขยายและดูแลเครือข่ายในอนาคตหรือการสร้างองค์ความรู้ใหม่
ร่วมกันต่อไปได้
จากการประชุมเพื่อคืนข้อมูลแก่เจ้าภาพห้องย่อย วันที่ 3 เมษายน 2568 พบว่า มีภาพที่อยากเห็นร่วมกัน
คือ 1. การสร้างค่านิยมใหม่ของสังคมในการแสดงออกซึ่งความเคารพต่อกัน 2. การเชื่อมโยงเครือข่ายให้มี cross
movement มากขึ้น รวมถึง infrastructure ที่สำคัญ 3. การนำสุขภาวะทางปัญญาให้เข้าถึงภาครัฐ องค์กร และ
ชุมชน 4. การบริหารจัดการความรู้สุขภาวะทางปัญญา
3. กระบวนการสนับสนุนที่มีจิตวิญญาณ
กระบวนการสนับสนุนต่างๆ เช่น กระบวนการประสานห้องย่อย กระบวนการสื่อสารภายในและภายนอก
กระบวนการดูแลสวัสดิการ กระบวนการบริหารงบประมาณการเงิน กระบวนการด้านเทคนิคต่างๆ เป็นต้น จาก
เสียงสะท้อนของเจ้าภาพห้องย่อยพบว่า เป็นการออกแบบงานที่มีความละเอียด ใส่ใจในกระบวนการและ
ผู้เกี่ยวข้องทุกคน แม้ว่าจะเป็นงานใหญ่และงานใหม่ที่ท้าทาย ทีมงานทุกคนมีความทุ่มเทและใช้หัวใจโอบอุ้ม
ปริมาณงานจำนวนมากที่ใส่ใจในรายละเอียด กระบวนการมีความยืดหยุ่น พร้อมสนับสนุนให้เกิดผลลัพธ์อย่างที่
ตั้งใจ เป็นงานสนับสนุนที่ทำจากจิตวิญญาณ พร้อมจะก้าวข้ามอุปสรรคต่างๆ และเห็นการเติบโตทั้งทักษะภายนอก
และปัญญาภายใน
ข้อเสนอแนะเพื่อการจัดงานประชุมวิชาการฯ ในอนาคต
1. การสื่อสารประชาสัมพันธ์งาน มีข้อมูลค่อนข้างมาก ผู้รับสารย่อยข้อมูลได้ยาก จึงส่งผลต่อการเลือก
ลงทะเบียนที่ตรงกับความต้องการและโอกาสในการเรียนรู้สิ่งใหม่ และส่งผลต่อการบริหารจัดการจำนวนผู้เข้าร่วม
ของห้องวิชาการย่อย และข้อมูลยังไม่ถึงกลุ่มเป้าหมายหรือกลุ่มผู้สนใจประเด็นความรู้ที่มีลักษณะเฉพาะมากนัก
2. การจัดภาคประสบการณ์ร่วมกับภาควิชาการ อาจจะพิจารณาจากประเด็นการสื่อสารที่เข้าถึง
กลุ่มเป้าหมายหลัก ประโยชน์ของกลุ่มเป้าหมายหลัก และประโยชน์ของภาคีเครือข่าย และต้นทุนจากการใช้
ทรัพยากรต่างๆ
11
3. การลงทะเบียนและการยืนยันการเข้าร่วม ยังต้องใช้วิธี manual อยู่มาก ควรใช้ระบบ Ticketmelon
ในการอำนวยความสะดวกให้ผู้ลงทะเบียนและทีมลงทะเบียนให้มากขึ้น และเป็นการรักษาความลับของข้อมูลส่วน
บุคคล
4. การออกแบบกระบวนการที่สอดคล้องกันจากต้นทางถึงปลายทาง ให้ความสำคัญกับการออกแบบ
กระบวนการร่วมกัน โดยเฉพาะภาพเป้าหมายร่วมที่ชัดเจน คำนึงถึงผู้เกี่ยวข้องตลอดต้นทางถึงปลายทางของ
กระบวนการ ออกแบบ work flow และ document flow ให้เกิดประสิทธิภาพ เพื่อลดระยะเวลารอคอย และลด
ความสูญเสียที่เกิดขึ้นในกระบวนการ
5. การสื่อสารภายใน เพิ่มประสิทธิภาพการสื่อสารเพื่อการออกแบบกระบวนการทำงานร่วมกัน และทำ
ความเข้าใจผู้ที่เกี่ยวข้อง เพื่อลดปริมาณการแก้ไขปัญหาหน้างาน
6. การบริหารพื้นที่ และเวลา ควรอยู่ในพื้นที่เดียวกัน เพราะมีผลต่อการตัดสินใจเลือกเข้าห้องประชุมที่
ผู้เข้าร่วมงานสะดวก รวมถึงการจัดเนื้อหาที่กลุ่มเป้าหมายเฉพาะสนใจในช่วงเวลาเดียวกัน
7. พื้นที่ของการฟังกัน เป็นพื้นที่ที่สำคัญในการเชื่อมโยงเครือข่าย สื่อสารงาน เติมกำลังใจ เติบโตไป
ด้วยกัน
ข้อเสนอแนะต่อการเคลื่อนงานเครือข่ายสุขภาวะทางปัญญา
1. การเชื่อมโยงเครือข่าย ผ่านกระบวนการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ระหว่างกลุ่ม clusters อย่างต่อเนื่อง
2. การจัดให้มีพื้นที่การทำงานของเครือข่ายที่สนใจประเด็นร่วมกัน ตั้งแต่ภาคประสบการณ์ จนถึงการ
สกัดความรู้ หรือทำเป็นกระบวนการวิจัยเพื่อการเปลี่ยนแปลงสังคมร่วมกัน โดยนำผลมาเสนอต่อในงานประชุม
วิชาการประจำปี
3. การขยายความรู้และเครื่องมือสุขภาวะทางปัญญาไปยังเครือข่ายใหม่ที่สนใจในประเด็นต่างๆ หรือ
นำไปใช้กับกลุ่มเป้าหมายต่างๆ
4. การทำฐานข้อมูลความรู้ พัฒนาช่องทางและรูปแบบที่ใช้ในการสื่อสาร เพื่อเผยแพร่ความรู้สู่สาธารณะ
12
ความคิดเห็นของทีมประเมินผลในการเคลื่อนงานเครือข่ายความรู้สุขภาวะทางปัญญา
และสันติภาพของสังคม
ความท้าทาย (Strategic Challenge) สุขภาวะทางปัญญากำลังเคลื่อนงาน ที่มีความท้าทายกับระดับการ
เคลื่อนของเวลา ระดับความเร็ว ระดับความถี่ของการเปลี่ยนแปลงในสังคมในภาวะที่ผันผวนมีความไม่แน่นอนสูง
กับภาวะภายในใจของผู้คนที่มีความสั่นไหว ไม่มั่นคงสูง การพิจารณาว่าปัจจัยใดที่กำลังเคลื่อนสังคม และสุขภาวะ
ทางปัญญาจะเข้าไปเชื่อมโยงในจังหวะเวลาที่เหมาะสมนั้นได้อย่างไร มิติของการติดตามเฝ้าระวังสถานการณ์ของ
สังคม เพื่อขับเคลื่อนประเด็นให้เกิด impact ได้ ด้วยพลังการโฟกัสและใช้ทรัพยากรที่มีอย่างคุ้มค่ามากขึ้น ทั้งนี้
อาจจะต้องการการจัดการความรู้อย่างเป็นระบบ และการสื่อสารที่เข้าถึงสังคมได้ในสถานการณ์ที่สำคัญ
ความได้เปรียบ (Strategic Advantage) องค์ความรู้และเครือข่ายสุขภาวะทางปัญญา นับเป็นทรัพยากร
ที่ล้ำค่า สำหรับการสื่อสารความรู้สู่สังคม หากพิจารณาปัจจัยใดหรือโมเดลใดที่จะทำให้สังคมเกิดการเปลี่ยน
จิตสำนึกใหม่ หรือต้องการกลไกใดเพิ่มเติมที่จะทำให้จิตสำนึกใหม่ปรากฏ หรือเกิดสันติภาพภายในใจและระดับ
สังคม อาจจะช่วยให้เกิด impact กับสังคมได้มากขึ้น
การวางใจต่อธรรมชาติและจิตวิญญาณ เป็นข้อค้นพบที่มีความหมายต่อการเกิดปัญญาร่วมและพลังร่วม
ของเครือข่ายและทีมจัดงาน ท่ามกลางความท้าทายต่างๆ เกิดการเรียนรู้และการเติบโตภายในไปด้วยกัน เป็นพลัง
ในการเชื่อมโยงจากสันติภาพภายในใจสู่สันติภาพของสังคมต่อไป
การทำงานบนพื้นฐานของการเคารพให้เกียรติกัน ไม่มีใครแสดงความเก่งกว่าใคร มีแต่การแบ่งปันที่เป็น
ประโยชน์ต่อโลกบนพื้นใจของความเกื้อกูล (สัมผัสได้จากบรรยากาศงานวันประชุมสานเครือข่าย การทำงาน
ร่วมกันของนักวิชาการและทีมงาน นักวิจัยไทบ้านกับอาจารย์นักวิชาการ ผู้บริหาร สสส. อาจารย์ผู้ใหญ่ ที่ให้
ความสำคัญกับทุกห้อง เข้าชมและสะท้อนให้เห็นคุณค่า) เสียงทุกเสียงมีความหมาย เสียงของเยาวชน เสียงของ
ชาวบ้าน เสียงของทีมงาน เป็นปรากฏการณ์ที่สะท้อนสันติภาพภายในสู่สันติภาพสังคม

สรุปผลการประเมินงานประชุมวิชาการเครือข่ายความรู ้สุขภาวะทางปัญญา ครั้งที่ 2

  • 1.
    1 สรุปผลการประเมินงานประชุมวิชาการเครือข่ายความรู้สุขภาวะทางปัญญา ครั้งที่ 2 จัดขึ้นในวันที่27 ก.พ.-2 มี.ค.2568 ณ สามย่านมิตรทาวน์ ธรรมชาติของงาน งานประชุมวิชาการระดับชาติเครือข่ายความรู้สุขภาวะทางปัญญา ครั้งที่ 2: จิตวิญญาณ การร่วมทุกข์ ความหวัง เป็นส่วนหนึ่งของงานมหกรรมพบเพื่อนใจ Soul Connect Fest 2025 : HUMANICE ซึ่งมีภาคการจัด มหกรรมการเรียนรู้สุขภาวะทางปัญญาผ่านประสบการณ์ (Spiritual Experiential Learning) บนพื้นที่การเรียนรู้ สาธารณะเดียวกัน โดยมีเป้าหมายร่วม คือ การสร้างพื้นที่การเรียนรู้สุขภาวะทางปัญญาแก่สังคมในวงกว้าง และการเชื่อมโยง ภาคีเครือข่ายความรู้สุขภาวะทางปัญญา ด้วยธรรมชาติของงานภาควิชาการ มีความลึกในเชิงเนื้อหาและความ เข้มข้นในประเด็นที่นำเสนอต่อสังคม ในธีมหลักคือ จิตวิญญาณ การร่วมทุกข์ ความหวัง การประเมินผลจึงสนใจการนำผลที่ได้ มาใช้วิเคราะห์กลุ่มเป้าหมาย การเรียนรู้และการเปลี่ยนแปลง ภายในที่เกิดขึ้นในระดับบุคคล การวิเคราะห์กระบวนการสำคัญในการส่งมอบคุณค่า เพื่อนำไปปรับปรุงและ พัฒนาการเคลื่อนงานความรู้และเครือข่ายสุขภาวะทางปัญญาต่อไป ผลประเมินตามวัตถุประสงค์โครงการ จากวัตถุประสงค์โครงการการจัดงานประชุมวิชาการระดับชาติเครือข่ายความรู้สุขภาวะทางปัญญา ครั้งที่ 2 มีผลประเมินดังนี้ 1. เพื่อสื่อสารความเข้าใจ ความรู้ และเครื่องมือการทํางานด้านสุขภาวะทางปัญญาและสันติภาพให้ เป็นที่รับรู้ของสาธารณะ และเสนอแนวทางการทํางานในประเด็นสําคัญของสังคม ผลการประเมินผลความรู้ความเข้าใจของกลุ่มเป้าหมาย ผลการประเมินความรู้ความเข้าใจของกลุ่มเป้าหมาย กลุ่มผู้เข้าร่วมงานประชุมวิชาการระดับชาติเครือข่าย ความรู้ด้านสุขภาวะทางปัญญา แสดงผลดังนี้
  • 2.
    2 จากผลสำรวจความคิดเห็นของผู้เข้าร่วมงานประชุมวิชาการฯ จำนวนผู้ตอบแบบสำรวจ 366คน (จำนวนผู้เข้าร่วมแต่ละห้องย่อยรวม 2,110 คน จำนวนผู้เข้าร่วมทั้งสิ้น 1,000 คน จากเป้าหมาย 500 คน) (กลุ่ม ตัวอย่างเก็บข้อมูล 222 คน ค่าความคลาดเคลื่อน 5%) โดยแสดงผลการสำรวจความรู้ความเข้าใจของผู้เข้าร่วมงาน ดังนี้ • ผู้เข้าร่วมงาน มีระดับความเข้าใจในตนเอง อยู่ในระดับ มาก คิดเป็นค่าเฉลี่ย 3.86 หรือร้อยละ 77.20 • มีระดับความเข้าใจมุมมองชีวิตผู้อื่น อยู่ในระดับ มาก คิดเป็นค่าเฉลี่ย 4.00 หรือร้อยละ 80.00 • ได้เรียนรู้การเชื่อมโยงศาสตร์ต่างๆ /สายงานต่างๆ ในมิติจิตวิญญาณภายใน อยู่ในระดับ มาก คิดเป็น ค่าเฉลี่ย 3.93 หรือร้อยละ 78.60 • เห็นความทุกข์ร่วมของสังคม อยู่ในระดับ มาก คิดเป็นค่าเฉลี่ย 3.99 หรือร้อยละ 79.80 • เข้าใจความหลากหลายในสังคม อยู่ในระดับ มาก คิดเป็นค่าเฉลี่ย 4.04 หรือร้อยละ 80.80 • เข้าใจความสำคัญของธรรมชาติ วิถีชีวิต กับจิตวิญญาณของสังคม อยู่ในระดับ มาก คิดเป็นค่าเฉลี่ย 3.99 หรือร้อยละ 79.80 • เข้าใจว่ามิติจิตวิญญาณภายใน เป็นเครื่องมือสำคัญในการรับมือกับสถานการณ์ยากๆ ที่สังคมเผชิญอยู่ได้ อยู่ในระดับ มาก คิดเป็นค่าเฉลี่ย 3.98 หรือร้อยละ 79.60 • เข้าใจผลกระทบจากนโยบายต่างๆ ที่ส่งผลต่อสันติภาพและความยั่งยืนของสังคม อยู่ในระดับ มาก คิด เป็นค่าเฉลี่ย 3.89 หรือร้อยละ 77.80 • ผู้เข้าร่วมโครงการ เห็นความหวังในการสร้างสันติภาพภายใน สู่สันติภาพของสังคม อยู่ในระดับ มาก คิด เป็นค่าเฉลี่ย 3.94 หรือร้อยละ 78.80 • ผู้เข้าร่วมงาน มีระดับความพึงพอใจโดยรวมต่องาน อยู่ในระดับ มาก คิดเป็นค่าเฉลี่ย 4.45 หรือร้ยยละ 89.00 • ผู้เข้าร่วมงาน สนใจเข้าร่วมงานประชุมวิชาการเครือข่ายสุขภาวะทางปัญญาในครั้งต่อไป มีผู้ตอบว่าสนใจ เข้าร่วม 90.34% อาจจะเข้าร่วม 9.66% และไม่มีผู้ตอบว่าไม่สนใจเข้าร่วม สิ่งที่ผู้เข้าร่วมงานจะนำไปปรับใช้ในชีวิตประจำวันได้ คือ การกลับมาดูแลจิตวิญญาณภายในให้แข็งแรง (ร้อยละ 72.02) การรับฟัง รับรู้ข้อมูลข่าวสารของสังคมอย่างมีวิจารณญาณ (ร้อยละ 62.80) การดูแลความสัมพันธ์
  • 3.
    3 (ร้อยละ 57.74) การยอมรับความหลากหลายและเคารพคุณค่าในความเป็นมนุษย์(ร้อยละ 64.88) การทำงาน หรือใช้ชีวิตโดยใส่ใจมิติจิตวิญญาณและสันติภาพภายในตนเอง (ร้อยละ 55.06) การมีมุมมองเชิงนโยบาย เห็น ระบบ/โครงสร้างสังคม ที่ส่งผลกระทบต่อสันติภาพของสังคม (ร้อยละ 44.94) การกลับมาดูแลรับผิดชอบต่อโลก และทรัพยากรของโลก (ร้อยละ 45.24) งานประชุมวิชาการฯ ผู้เข้าร่วมได้รับความรู้และประสบการณ์ที่หลากหลาย จากการทำงานข้ามศาสตร์ ข้ามภาคส่วน ผ่านประเด็นที่เจ้าภาพห้องย่อยนำเสนอ กระบวนการเรียนรู้ลงลึกในประเด็นจิตวิญญาณที่เชื่อมโยง กับสันติภาพภายในใจ และมุ่งหวังให้เกิดสันติภาพสังคม เนื้อหาในการเรียนรู้มีความเข้มข้น เกิดจากปัญญาปฏิบัติ ของนักวิชาการ นักวิจัย นักปฏิบัติการทางสังคม และวิทยากรรับเชิญ ทำให้ผู้เข้าร่วมได้รับการแบ่งปันมุมมอง ความคิด ความเชื่อ รากฐานของจิตวิญญาณของสังคมในบริบทต่างๆ ซึ่งทำให้เห็นความทุกข์ร่วมของสังคมใน สภาวะที่ยากลำบาก เกิดใจสัมผัสใจ เชื่อมโยงจิตวิญญาณ และเห็นความหมายใหม่หรือเปลี่ยนมุมมองใหม่ต่อเพื่อน มนุษย์และสังคมที่ซับซ้อน รวมถึงเห็นโอกาสที่จะเชื่อมโยงกันสร้างสรรค์สังคมใหม่ด้วยจิตวิญญาณใหม่ในอนาคต ตัวอย่างเสียงสะท้อนจากการสัมภาษณ์ผู้เข้าร่วมงานประชุมวิชาการฯ มีดังนี้ “ได้เห็นความหลากหลายและเรื่องราวต่างๆของคนที่มีชีวิตต่างจากเรา ทำให้เราได้เห็นความหวัง ว่าใน สังคมยังมีความเป็นมนุษย์หลงเหลืออยู่” - เยาวชน จากห้องย่อย เพชรหรือก้อนหิน - “หัวข้อและวิทยากรเป็นแม่เหล็กดึงดูดที่สำคัญมาก และก็ไม่ผิดหวังด้วย หักมุมมองความเชื่อเดิมของผม ไปแทบหมดสิ้น ได้เห็นทางเลือกและวิธีสร้างกรอบความคิดใหม่ไฉไลกว่าเดิมขึ้นมา แม้จะยากแต่เชื่อว่าฝึกได้” - ห้องย่อย เพราะโลกนี้ต้องการคนรับฟัง – “จากสายน้ำถึงทะเล ได้เปิดโลกความรู้ใหม่ของการต่อสู้ของคนพื้นถิ่น โดยใช้ความรู้หรือภูมิปัญญาของชน พื้นถิ่น เป็นทั้งการจัดการความรู้ และเป็นโมเดลของการนำความรู้ภายในของพื้นที่ (ตนเอง) มาใช้เพื่อทำให้ชุมชน (ตัวเอง) เข้มแข็ง ขอส่งกำลังใจให้กับทั้งคนพื้นถิ่นทั้งจากสายน้ำและทะเล และผู้ร่วมทำโครงการนี้ ทำให้ผู้ฟัง ต้อง กลับมาทบทวนถึงสิ่งสำคัญที่ตัวเองมีอยู่” - ห้องย่อย จากสายน้ำถึงทะเล -
  • 4.
    4 “ได้เข้าใจวิธีการฝึกสติ ทำสมาธิ ที่อ.ท่านได้อธิบายได้อย่างเข้าใจง่ายขึ้น มีหลักการมารองรับกับการ ทำงานของสมองด้วย ทำให้รู้สึกมั่นใจในวิธีการนี้และจะนำไปใช้แน่นอน” - ห้องย่อย จิตวิทยาสติ - “ได้รับฟังเรื่องราวความทุกข์ของพี่น้องชาวพม่า มันสั่นสะเทือนในความรู้สึก บอกเป็นความคิดตกผลึกได้ ยาก มีแต่ความรู้สึกที่ร่วมทุกข์ไปด้วย” - ห้องย่อย เติมใจให้เพื่อนเมียนมา - “ลึกซึ้งมาก ชอบพิธีกรรม มันศักดิ์สิทธิ์มากจริงๆ ประทับใจตลอดทั้งงาน และประทับสิ่งที่พวกเราได้แชร์ กัน ได้กลับมาตระหนักรู้ภายในตัวเองมากขึ้น รับรู้ถึงความรู้สึกอ่อนไหวของตัวเองที่มีต่อเรื่องนั้นๆ” - ห้องย่อย นโยบายสาธารณะที่มีจิตวิญญาณ - “มุมมองใหม่เรื่องการปลอบประโลม/เรื่องราวทางพุทธประวัติ จากการตีความที่ทำให้เห็นมุมที่เชื่อมเน้น ความสัมพันธ์กับผู้คน ชุมชน เป็นมุมที่ไม่เคยคิดมาก่อน ทั้งๆ ที่เป็นเรื่องที่เคยเรียนรู้มาแล้ว... ...ค้นพบมุมทีทำให้เข้าใจตนเอง เห็นมุมที่ empathy เห็นคนอื่นก็มีปัญหาเดียวกันกับเรา สุดท้ายแล้วเรา ไม่ได้เข้าใจตนเองคนเดียว แต่เราเข้าใจสังคมด้วย สังคมทำให้เราได้เข้าใจตนเอง เหมือนมันสะท้อนกัน” - นักศึกษาปริญญาโท สาขาปรัชญา จากห้องย่อย ที่พักพิงยามสิ้นหวัง - “จะลองไปเสนอที่โรงพยาบาลดู เพื่อหาอาสามาช่วยที่วอร์ดต่างๆ ฟังแล้วรู้สึกว่ามันเห็นความเชื่อมโยงของ ความเป็นมนุษย์ของกันและกัน ญาติเคยบ่นด่าพยาบาลหรือด่าหมอว่าดูแลไม่ดีหรือว่าใช้คำพูดไม่ดี ซึ่งจริงๆ มันก็มี ความทุกข์ของกันและกัน พอมาเห็นตรงนี้ก็รู้สึกทุกคนมีเป้าหมายเดียวกัน เลยอยากให้เพื่อนมนุษย์ที่เจ็บป่วยได้รับ การดูแลอย่างดี แล้วก็อยากให้คนเห็นคุณค่าในงานที่ตัวเองทำ” - แพทย์จากจังหวัดจันทบุรี ห้องย่อย จิตวิญญาณผู้ดูแล -
  • 5.
    5 การสื่อสารประชาสัมพันธ์ผ่านช่องทางออนไลน์ มีผลลัพธ์ที่แสดงดังนี้ จากผลของการสื่อสารในช่วงวันที่ 6ก.พ. – 5 มี.ค. 2568 พบว่า มีการสื่อสารโพสต์ต่างๆ ของเพจออกไป ใช้ช่องทางหลักคือ เฟสบุ๊ก Soul Connect Fest โดยในเพจมีผู้ใช้งานมองเห็นโพสต์ประชาสัมพันธ์งานมากกว่า 5,601,017 ครั้ง และเกิดการมีส่วนร่วมมากกว่า 44,250 ครั้ง มีผู้ติดตามเพจเพิ่มขึ้นมากกว่า 13,298 คน ส่วนการสื่อสารประชาสัมพันธ์งานวิชาการใช้ช่องทางหลักคือ เฟสบุ๊กเพจจิตวิวัฒน์- New Conscious และ เว็บไซต์จิตวิวัฒน์ www.jitwiwat.com โดยในเพจมีผู้ใช้งานมองเห็นโพสต์ประชาสัมพันธ์งานมากกว่า 300,000 ครั้ง (ออร์แกนิก) และเกิดการมีส่วนร่วมมากกว่า 8,000 ครั้ง มีผู้ติดตามเพจเพิ่มขึ้นมากกว่า 600 คน โดยมีการถ่ายทอดสด 13 Live จากห้องย่อยวิชาการ มีผู้เข้าชมมากกว่า 23,000 ครั้ง และถ่ายทอดสดผ่านเฟสบุ๊ก เพจ Soul Connect Fest 9 Live มีผู้เข้าชมมากกว่า 47,000 ครั้ง เว็บไซต์จิตวิวัฒน์ www.jitwiwat.com มีผู้เข้า ชมเว็บไซต์ 3,890 ครั้ง นอกจากการจัดทำสื่อเองแล้ว โครงการได้ร่วมกับเพจ ผลิตบทความจากชีวิตและงานของผู้ร่วมจัดงาน โดยเน้นที่ผู้ร่วมจัดงานวิชาการ รวมทั้งได้รับการสนับสนุนจากโครงการสานพลังการสื่อสารภาคีเครือข่ายระบบสื่อ และสุขภาวะทางปัญญา ในการเชิญอินฟลูเอนเซอร์ที่เป็นขวัญใจของคนรุ่นใหม่เข้าร่วมกิจกรรมที่จะจัดขึ้นในงาน มหกรรม และเขียนรีวิวกิจกรรมนั้นๆ ในช่องทางการสื่อสารของตนเอง ทำให้เพิ่มการเข้าถึงการประชาสัมพันธ์งาน ในกลุ่มคนเป้าหมายอีกจำนวนมาก 2. เพื่อสร้างพื้นที่ในการรวมตัวร่วมคิดร่วมทํา สําหรับนักวิชาการ นักปฏิบัติการ และผู้สนใจทํางานใน ประเด็นสุขภาวะทางปัญญา สันติศึกษา จิตวิญญาณ ศาสนา การศึกษา และสุขภาพ ให้ได้มาเชื่อมโยง เรียนรู้ จากกัน เป็นกัลยาณมิตร และเป็นปัจจัยให้เกิดการพัฒนาสุขภาวะทางปัญญาและพัฒนาการทํางานทั้งของ ปัจเจกและกลุ่ม ภาควิชาการใช้กระบวนการขึ้นประเด็นที่สังคมกำลังเผชิญในภาวะที่ยาก โดยจัดประชุมร่วมกันและแบ่ง วงคุยตาม themes ทำให้เห็นภาพร่วมกันก่อนการจัด รวมทั้งเกิดการเชื่อมโยงของเครือข่าย เช่น เกิดการนัดหมาย แลกเปลี่ยนเรียนรู้ในประเด็นที่สนใจ เกิดเครือข่ายงานวิจัยในประเด็นที่สนใจร่วมกัน เกิดการสร้างสรรค์หนทางใน การดูแลกลุ่มเป้าหมายหรือเห็นหนทางใหม่ๆ ในการแบ่งปันความรู้สู่สังคม เกิดการประมวลข้อมูลองค์ความรู้ที่
  • 6.
    6 เกิดขึ้นในห้องวิชาการ และหลังการจัดงานมีการจัดทบทวนผลการดำเนินงานที่ผ่านมาของภาคีเครือข่าย เจ้าภาพ ห้องย่อยและวงคุยของทีมงานวิชาการ เพื่อนำผลไปพัฒนาและต่อยอดการเคลื่อนงานสุขภาวะทางปัญญาต่อไป เสียงสะท้อนส่วนหนึ่งของเจ้าภาพห้องย่อย “ชาวต่างชาติที่เชิญมารู้สึกประทับใจมาก บอกว่า “Amazing! ประเทศ You จัดงาน Spiritual ใหญ่แบบ นี้ได้ยังไง ประเทศ I ยังไม่มีแบบนี้ งานยากมาก ยกให้เป็น champion เลย” – ห้องย่อย Food Spirit - “ตลอดกระบวนการทำงานเป็นมิตรภาพ รู้สึกว่าเป็นพื้นที่ที่ทุกคนพร้อมบอกว่า ไม่ต้องสมบูรณ์แบบก็ได้ และจงวางใจ กระบวนการละครนำมาใช้ได้ดี แม้เปิดแผลบ้างในช่วงที่ต้องเตรียมตัวเล่า แต่เชื่อว่าจะทำให้ทุกคนได้ ประสบการณ์ใหม่ๆ speaker ทุกท่านได้แบ่งปันเรื่องราวที่มีความลึกซึ้ง และเกิดการทำงานภายในตนเอง” - ห้องย่อย เพชร หรือ ก้อนหิน – “ผู้เข้าร่วมมี Engagement เพราะคนที่มาเป็นอาจารย์แพทย์ หรือบุคลากรของโรงเรียนแพทย์ เห็นกันได้ ยินกัน สำรวจปัญหาร่วมกัน ได้สร้าง Sense ว่าครูแพทย์ทำงานหนัก มีภาวะ Burnout ได้มีการ Connect กัน สร้างความสัมพันธ์เพื่อช่วยเหลือครูแพทย์ ได้เห็นเครือข่าย ส่วนหนึ่งจากโครงการ Resilience ครูแพทย์ ของ ธ.จิต อาสา และกลุ่ม อ.พนม เกตุมาน ซึ่งคุยแลกเปลี่ยนข้อมูลวิชาการกันเป็นประจำ และบอกเล่าระบายทุกข์สุข โดย เสนอให้กลับไปสร้างกลุ่มแบบนี้ภายในองค์กรของตัวเอง อ.หมอสมศักดิ์เสนอให้แต่ละคนเริ่มเป็น Influencer ใน องค์กรของตัวเอง” - ห้อยย่อย ดูแลใจครูแพทย์ - “ความเข้าใจของผู้เข้าร่วมที่เห็นว่าดนตรีบำบัดมีอะไรมากกว่านั้น รวมถึงการพัฒนาด้านในของมนุษย์ จากการนำเสนอเคสที่ไปทำให้ ทำให้เห็นว่าดนตรีเข้าไปพัฒนาด้านในได้ยังไงบ้าง ได้รับ feedback ที่ค่อนข้างดี
  • 7.
    7 มาก มีคำถามจากผู้เข้าร่วมงานว่า ดนตรีบำบัดจะเข้าไปช่วยงานของเขาได้ยังไงบ้างเช่น งานที่เกี่ยวกับเด็กออทิ สติกหรือตัวพ่อแม่ผู้ปกครองเอง” - ห้องย่อย Therapeutic Harmony - “วิทยากรมาด้วยความตั้งใจว่าอยากบอกให้สังคมได้รับรู้ ผู้ฟังสะท้อนการรับรู้ความทุกข์ สิ่งที่เกินคาด คือวิทยากรได้รับ empathy จากผู้ร่วมฟังด้วย เหตุการณ์ประทับใจอีก คือ เดินไปทางน้องๆ โซนกิจกรรม ทุกคน รับรู้เรื่องตากใบ กลุ่มวิทยากรประหลาดใจที่เยาวชนกรุงเทพฯ รู้จักเรื่องนี้แม้ผ่านมา 20 ปี แล้วเข้ามากอดเขา ได้รับพลังจากตรงนี้ด้วย ซึ่งมุสลิมมักอำลากันด้วยการกอด การกอดจึงเป็นฉากอำลาในเย็นวันนั้น” - ห้องย่อย ตากใบพูด - 3. เพื่อสํารวจ พัฒนาความรู้และสร้างปัญญาร่วม ในประเด็นการสร้างสันติภาพ ตั้งแต่สันติภายในใจ จนถึง สันติภาพของสังคม เกิดการพัฒนาความรู้สุขภาวะทางปัญญาและสันติภาพ เพื่อสื่อสารสู่สังคม ในธีมงาน จิตวิญญาณ การ ร่วมมทุกข์ ความหวัง โดยประกอบด้วย 3 ประเด็นหลัก คือ 1. หลากหนทางสู่สันติภาวะ 2. ชุมชน ความร่วมมือ และพลังของการดูแลกัน 3. จิตวิญญาณแห่งยุคสมัย รวมทั้งสิ้นจำนวน 40 ห้องประชุมย่อย โดยมีเจ้าภาพห้อง ย่อยและวิทยากรที่มีประสบการณ์ความเชี่ยวชาญในเชิงลึกที่สั่งสมมาอย่างยาวนาน นำมาเผยแพร่ผ่านกระบวนการ เรียนรู้ที่หลากหลาย รวมทั้งมีการประมวลความรู้เป็นบทความวิชาการหลังเสร็จสิ้นงาน เพื่อรวบรวมไว้เป็นคลัง ความรู้สำคัญ และเพื่อเผยแพร่สู่สาธารณะต่อไป กระบวนการที่สำคัญ ข้อค้นพบในการส่งมอบความรู้สุขภาวะทางปัญญาและสันติภาพ มีกระบวนการที่สำคัญ ดังนี้ 1. กระบวนการส่งมอบความรู้สุขภาวะทางปัญญาและสันติภาพ
  • 8.
    8 สิ่งสำคัญที่ผู้เข้าร่วมสะท้อนว่าปัจจัยที่ทำให้เกิดการเรียนรู้ที่ดี คือ ชุดความรู้หรือmodel ที่นำเสนอ ผ่านการค้นคว้า ทดลอง วิจัย หรือปฏิบัติจริง จนเกิดผลลัพธ์ในมิติสุขภาวะทางปัญญา เป็นปัญญาปฏิบัติที่ได้ตก ผลึกมาเป็นอย่างดี และนำมาเผยแพร่แก่สาธารณะ สิ่งสำคัญอีกประการหนึ่งคือ ตัววิทยากรเอง ได้ตกผลึกองค์ ความรู้ และมีความเป็นเนื้อเป็นตัวในปัญญาปฏิบัตินั้น รวมถึงการออกแบบรูปแบบการนำเสนอหรือให้ความรู้ผ่าน สื่อหรือเครื่องมือต่างๆ เป็นปัจจัยนำเข้าที่สำคัญที่ทำให้กระบวนการเรียนรู้เกิดประสิทธิผลอย่างที่คาดหวัง รูปแบบการเรียนรู้ สะท้อนมิติสุขภาวะทางปัญญา โดยแต่ละห้องย่อยนำกระบวนการภาวนาหรือชวน กลับมาภายใน (grounding) เพื่อสร้างความพร้อมในการรับรู้ และวางสิ่งที่อยู่ภายนอกห้องลงก่อน กระบวนการส่ง มอบความรู้ใช้วิธีการที่หลากหลาย เช่น การเสวนา วงอ่างปลา การทำกิจกรรมร่วม การสะท้อนมุมมองผ่านตัวตน อื่น การเชื่อมโยงกับธรรมชาติและจิตวิญญาณ เรื่องเล่าเส้นทางแห่งจิตวิญญาณร่วม เป็นต้น แต่ละกระบวนการ ของแต่ละห้องย่อย นำพาไปสู่การเชื่อมโยงจิตวิญญาณภายในของผู้เข้าร่วมกับวงแห่งการเรียนรู้ ผ่านการรับรู้ความ ทุกข์ร่วม การค้นพบคุณค่า หรือค้นพบความหมายของชีวิตที่ต่างไปจากเดิม วิธีการที่ทำให้จุดมุ่งหมายนั้นปรากฏ เป็นความน่าสนใจ เช่น เมื่อเพื่อนร่วมแลกเปลี่ยนสะท้อนสิ่งที่ทำให้ใจได้สัมผัสใจ หรือการเล่าถึงความเชื่อมโยงใน ชีวิตของตนกับเรื่องราวของวง สามารถเปลี่ยนพลังงานของวงไปสู่การมีจิตวิญญาณร่วมกัน
  • 9.
    9 เมื่อผู้เข้าร่วมเกิดความรู้ ความเข้าใจ จึงเกิดการเปลี่ยนแปลงมุมมองหรือวิธีคิดที่ต่างไปจากเดิมเช่น มุมมองต่อตนเอง มุมมองต่อผู้อื่น มุมมองต่อสังคม เกิดการเชื่อมโยงกับสิ่งต่างๆ โดยรวมตัวเองเข้าไปเป็นส่วนหนึ่ง ของสรรพสิ่ง สันติภาพภายในใจจึงเกิดขึ้น นำไปสู่ความหวังที่อยากเปลี่ยนแปลงตนเอง องค์กร หรือสังคม อยากให้ กำลังใจ อยากเห็นสังคมออกจากความทุกข์นั้นๆ ให้คุณค่ากับความรู้หรือโมเดลต่างๆ เพื่อการนำไปประยุกต์ใช้หรือ ต่อยอดความรู้ หรือส่งเสริมสนับบสนุนต่อเพื่อให้เกิดสังคมแห่งปัญญา ส่วนระดับที่เป็น impact อาจจะยังไม่เห็นในช่วงเวลาอันสั้นนี้ อาจต้องให้เวลาในการร่วมพัฒนาและเสริม ศักยภาพร่วมกันและติดตามผลในช่วงต่อไป หรืออาจพิจารณาจากปรากฏการณ์ที่เกืดความสั่นไหวของสังคมในช่วง นี้ โดยสะท้อนจากมุมมองและวิธีตอบสนองต่อสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป 2. กระบวนการสานพลังเครือข่ายสุขภาวะทางปัญญาและสันติภาพ จากการสร้างพื้นที่การแลกเปลี่ยนเรียนรู้และเชื่อมโยงกันของนักวิชาการ นักปฏิบัติการทางสังคม โดยนำ องค์ความรู้ของทุกคนมาแบ่งปัน แรงจูงใจ แรงผลักดัน การเห็นความทุกข์ของสังคม และต้องการแก้ทุกข์ของสังคม ทำให้เกิดเป็นแรงบันดาลใจแก่กัน จากพื้นที่ของการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ ขยายไปสู่พื้นที่ของความหวัง
  • 10.
    10 เริ่มมีแนวคิดของการกำหนดเป้าหมายร่วม หรือแนวทางร่วมในการเคลื่อนงานในลักษณะของเครือข่าย แต่ยังคงอุดมการณ์และเอกลักษณ์ของแต่ละเครือข่าย เป็นพื้นที่เปิดกว้างสามารถใช้ทรัพยากรร่วมกัน หรือ ฐานข้อมูลความรู้ร่วมกันได้ และสร้างกลไกในการขยายและดูแลเครือข่ายในอนาคตหรือการสร้างองค์ความรู้ใหม่ ร่วมกันต่อไปได้ จากการประชุมเพื่อคืนข้อมูลแก่เจ้าภาพห้องย่อย วันที่ 3 เมษายน 2568 พบว่า มีภาพที่อยากเห็นร่วมกัน คือ 1. การสร้างค่านิยมใหม่ของสังคมในการแสดงออกซึ่งความเคารพต่อกัน 2. การเชื่อมโยงเครือข่ายให้มี cross movement มากขึ้น รวมถึง infrastructure ที่สำคัญ 3. การนำสุขภาวะทางปัญญาให้เข้าถึงภาครัฐ องค์กร และ ชุมชน 4. การบริหารจัดการความรู้สุขภาวะทางปัญญา 3. กระบวนการสนับสนุนที่มีจิตวิญญาณ กระบวนการสนับสนุนต่างๆ เช่น กระบวนการประสานห้องย่อย กระบวนการสื่อสารภายในและภายนอก กระบวนการดูแลสวัสดิการ กระบวนการบริหารงบประมาณการเงิน กระบวนการด้านเทคนิคต่างๆ เป็นต้น จาก เสียงสะท้อนของเจ้าภาพห้องย่อยพบว่า เป็นการออกแบบงานที่มีความละเอียด ใส่ใจในกระบวนการและ ผู้เกี่ยวข้องทุกคน แม้ว่าจะเป็นงานใหญ่และงานใหม่ที่ท้าทาย ทีมงานทุกคนมีความทุ่มเทและใช้หัวใจโอบอุ้ม ปริมาณงานจำนวนมากที่ใส่ใจในรายละเอียด กระบวนการมีความยืดหยุ่น พร้อมสนับสนุนให้เกิดผลลัพธ์อย่างที่ ตั้งใจ เป็นงานสนับสนุนที่ทำจากจิตวิญญาณ พร้อมจะก้าวข้ามอุปสรรคต่างๆ และเห็นการเติบโตทั้งทักษะภายนอก และปัญญาภายใน ข้อเสนอแนะเพื่อการจัดงานประชุมวิชาการฯ ในอนาคต 1. การสื่อสารประชาสัมพันธ์งาน มีข้อมูลค่อนข้างมาก ผู้รับสารย่อยข้อมูลได้ยาก จึงส่งผลต่อการเลือก ลงทะเบียนที่ตรงกับความต้องการและโอกาสในการเรียนรู้สิ่งใหม่ และส่งผลต่อการบริหารจัดการจำนวนผู้เข้าร่วม ของห้องวิชาการย่อย และข้อมูลยังไม่ถึงกลุ่มเป้าหมายหรือกลุ่มผู้สนใจประเด็นความรู้ที่มีลักษณะเฉพาะมากนัก 2. การจัดภาคประสบการณ์ร่วมกับภาควิชาการ อาจจะพิจารณาจากประเด็นการสื่อสารที่เข้าถึง กลุ่มเป้าหมายหลัก ประโยชน์ของกลุ่มเป้าหมายหลัก และประโยชน์ของภาคีเครือข่าย และต้นทุนจากการใช้ ทรัพยากรต่างๆ
  • 11.
    11 3. การลงทะเบียนและการยืนยันการเข้าร่วม ยังต้องใช้วิธีmanual อยู่มาก ควรใช้ระบบ Ticketmelon ในการอำนวยความสะดวกให้ผู้ลงทะเบียนและทีมลงทะเบียนให้มากขึ้น และเป็นการรักษาความลับของข้อมูลส่วน บุคคล 4. การออกแบบกระบวนการที่สอดคล้องกันจากต้นทางถึงปลายทาง ให้ความสำคัญกับการออกแบบ กระบวนการร่วมกัน โดยเฉพาะภาพเป้าหมายร่วมที่ชัดเจน คำนึงถึงผู้เกี่ยวข้องตลอดต้นทางถึงปลายทางของ กระบวนการ ออกแบบ work flow และ document flow ให้เกิดประสิทธิภาพ เพื่อลดระยะเวลารอคอย และลด ความสูญเสียที่เกิดขึ้นในกระบวนการ 5. การสื่อสารภายใน เพิ่มประสิทธิภาพการสื่อสารเพื่อการออกแบบกระบวนการทำงานร่วมกัน และทำ ความเข้าใจผู้ที่เกี่ยวข้อง เพื่อลดปริมาณการแก้ไขปัญหาหน้างาน 6. การบริหารพื้นที่ และเวลา ควรอยู่ในพื้นที่เดียวกัน เพราะมีผลต่อการตัดสินใจเลือกเข้าห้องประชุมที่ ผู้เข้าร่วมงานสะดวก รวมถึงการจัดเนื้อหาที่กลุ่มเป้าหมายเฉพาะสนใจในช่วงเวลาเดียวกัน 7. พื้นที่ของการฟังกัน เป็นพื้นที่ที่สำคัญในการเชื่อมโยงเครือข่าย สื่อสารงาน เติมกำลังใจ เติบโตไป ด้วยกัน ข้อเสนอแนะต่อการเคลื่อนงานเครือข่ายสุขภาวะทางปัญญา 1. การเชื่อมโยงเครือข่าย ผ่านกระบวนการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ระหว่างกลุ่ม clusters อย่างต่อเนื่อง 2. การจัดให้มีพื้นที่การทำงานของเครือข่ายที่สนใจประเด็นร่วมกัน ตั้งแต่ภาคประสบการณ์ จนถึงการ สกัดความรู้ หรือทำเป็นกระบวนการวิจัยเพื่อการเปลี่ยนแปลงสังคมร่วมกัน โดยนำผลมาเสนอต่อในงานประชุม วิชาการประจำปี 3. การขยายความรู้และเครื่องมือสุขภาวะทางปัญญาไปยังเครือข่ายใหม่ที่สนใจในประเด็นต่างๆ หรือ นำไปใช้กับกลุ่มเป้าหมายต่างๆ 4. การทำฐานข้อมูลความรู้ พัฒนาช่องทางและรูปแบบที่ใช้ในการสื่อสาร เพื่อเผยแพร่ความรู้สู่สาธารณะ
  • 12.
    12 ความคิดเห็นของทีมประเมินผลในการเคลื่อนงานเครือข่ายความรู้สุขภาวะทางปัญญา และสันติภาพของสังคม ความท้าทาย (Strategic Challenge)สุขภาวะทางปัญญากำลังเคลื่อนงาน ที่มีความท้าทายกับระดับการ เคลื่อนของเวลา ระดับความเร็ว ระดับความถี่ของการเปลี่ยนแปลงในสังคมในภาวะที่ผันผวนมีความไม่แน่นอนสูง กับภาวะภายในใจของผู้คนที่มีความสั่นไหว ไม่มั่นคงสูง การพิจารณาว่าปัจจัยใดที่กำลังเคลื่อนสังคม และสุขภาวะ ทางปัญญาจะเข้าไปเชื่อมโยงในจังหวะเวลาที่เหมาะสมนั้นได้อย่างไร มิติของการติดตามเฝ้าระวังสถานการณ์ของ สังคม เพื่อขับเคลื่อนประเด็นให้เกิด impact ได้ ด้วยพลังการโฟกัสและใช้ทรัพยากรที่มีอย่างคุ้มค่ามากขึ้น ทั้งนี้ อาจจะต้องการการจัดการความรู้อย่างเป็นระบบ และการสื่อสารที่เข้าถึงสังคมได้ในสถานการณ์ที่สำคัญ ความได้เปรียบ (Strategic Advantage) องค์ความรู้และเครือข่ายสุขภาวะทางปัญญา นับเป็นทรัพยากร ที่ล้ำค่า สำหรับการสื่อสารความรู้สู่สังคม หากพิจารณาปัจจัยใดหรือโมเดลใดที่จะทำให้สังคมเกิดการเปลี่ยน จิตสำนึกใหม่ หรือต้องการกลไกใดเพิ่มเติมที่จะทำให้จิตสำนึกใหม่ปรากฏ หรือเกิดสันติภาพภายในใจและระดับ สังคม อาจจะช่วยให้เกิด impact กับสังคมได้มากขึ้น การวางใจต่อธรรมชาติและจิตวิญญาณ เป็นข้อค้นพบที่มีความหมายต่อการเกิดปัญญาร่วมและพลังร่วม ของเครือข่ายและทีมจัดงาน ท่ามกลางความท้าทายต่างๆ เกิดการเรียนรู้และการเติบโตภายในไปด้วยกัน เป็นพลัง ในการเชื่อมโยงจากสันติภาพภายในใจสู่สันติภาพของสังคมต่อไป การทำงานบนพื้นฐานของการเคารพให้เกียรติกัน ไม่มีใครแสดงความเก่งกว่าใคร มีแต่การแบ่งปันที่เป็น ประโยชน์ต่อโลกบนพื้นใจของความเกื้อกูล (สัมผัสได้จากบรรยากาศงานวันประชุมสานเครือข่าย การทำงาน ร่วมกันของนักวิชาการและทีมงาน นักวิจัยไทบ้านกับอาจารย์นักวิชาการ ผู้บริหาร สสส. อาจารย์ผู้ใหญ่ ที่ให้ ความสำคัญกับทุกห้อง เข้าชมและสะท้อนให้เห็นคุณค่า) เสียงทุกเสียงมีความหมาย เสียงของเยาวชน เสียงของ ชาวบ้าน เสียงของทีมงาน เป็นปรากฏการณ์ที่สะท้อนสันติภาพภายในสู่สันติภาพสังคม