กลุ่ม ABC ม.1/13 ฉบับ powerpoint 2003

1. จัดทำำโดย
ด.ช.เจตณัฐ เมธำวุฒิกรติ ม.1/13 เลขที่ 6
ี
ด.ช.ณภพ ริจนำ ม.1/13 เลขที่ 9
ด.ช.ธนโชติ สีหิน ม.1/13 เลขที่ 14
ด.ช.วิวิศน์ สีบุดดำ ม.1/13 เลขที่ 33
ด.ช.สิทธิศักดิ์ ดวงพรม ม.1/13 เลขที่ 40

2. วิตำมินบี 2 ( Riboflavin)
 วิ ต ามิ น บี 2 มีหน้าที่สำาคัญที่จะช่วยให้ร่างกายใช้ประโยชน์
จากพลังงานได้อย่างเต็มที่ ร่างกายต้องการวิตามินบี 2 วันละ 1.7
มิลลิกรัม ซึ่งอาหารที่มีวิตามินบี 2 มาก โดยวิเคราะห์จากอาหาร
ส่วนที่กนได้ 100 กรัม ได้แก่ นมสด (0.16 มิลลิกรัม) ไข่ไก่ (0.40
ิ
มิลลิกรัม) เนื้อวัว (0.34 มิลลิกรัม) เห็ดฟาง (0.33 มิลลิกรัม) ตับ
ไก่ (1.32 มิลลิกรัม) ตับวัว (1.68 มิลลิกรัม) เป็นต้น หากได้รับไม่
เพียงพอจะมีจะมีอาการแสดงทางตา ริมฝีปากและผิวหนัง เริ่มแรก
นั้นริมฝีปากจะอักเสบ แห้งและแตก มุมปากจะซีด แตกมีแผลที่มุม
ปากทั้งสองข้าง เรียกลักษณะดังกล่าวว่าปากนกกระจอก
[Angular stomatitis] ถ้ามีแผลที่มุมปากเพียงข้างเดียวไม่ได้เกิด
จากการขาดวิตามินบี 2 แต่เป็นโรคที่เกิดจากเชื้อไวรัสและเมื่อ
เป็นมากขึนจะมีอาการทางผิวหนัง ใบหน้ามีสะเก็ดมันๆ ต่อมาจะมี
้
อาการ อักเสบของตา ตาสูแสงไม่ได้ คัน ตาและแสบลูกตา ส่วน
้
ใหญ่มักเกิดกับเด็กที่อยู่ในถิ่นทุรกันดาร หากเราดื่มนมเป็นประจำา
ทุกวันก็ไม่ต้องกังวลว่าจะขาดวิตามินบี 2 เพราะนมที่ไม่ถกแสง ู
หรือความร้อน 2 แก้วก็เท่ากับปริมาณวิตามินบี 2 ที่ร่างกาย
ต้องการในหนึงวันแล้ว วิตามินบี 2 เป็นวิตามินในกลุ่มวิตามินบี
่
รวม ที่ร่างกายต้องการชนิดหนึ่ง สามารถละลายได้ในนำ้า ที่รู้จก ั
กันในชื่อ Riboflavin นอกจากนั้นอาจรู้จักในชื่อ วิตามิน G กรด
แลคโตฟลาวิน วิตามินบี 2 พบได้ในอาหารน้อยมาก แต่คนปกติ

3. หน้าที่ของวิตามิน B2
 1. เป็นสิงจำาเป็นสำาหรับหลากหลายของกระบวนการ cellular
่
2. Riboflavin จำาเป็นสำาหรับการแปลงของโปรตีนไขมันและ
คาร์โบไฮเดรตเป็นนำ้าตาลที่"เผา"ในการผลิตพลังงาน
3. จะช่วยในการผลิตและการซ่อมแซมเนื้อเยื่อร่างกายใช้
ออกซิเจนอย่างมีประสิทธิภาพโดยเซลล์
4. Riboflavin ช่วยการเจริญเติบโตตามปกติและการพัฒนาการ
ผลิตและการควบคุมของฮอร์โมนบางตัวของเซลล์เม็ดเลือดแดง
และแอนติบอดี
5. ส่งเสริมสุขภาพผิว, เล็บและผมแข็งแรงบุเมือกของปากริม
ฝีปากและลิ้น
6. Riboflavin ยังมีบทบาทสำาคัญในด้านสุขภาพตาและสายพันธุ์
ตา alleviates วิตามินนี้มีประโยชน์อย่างยิ่งใน counteracting
แนวโน้มต่อต้อหิน
7. ร่างกายต้องการ riboflavin รักษาเยื่อเมือกที่อยู่ตลอดทางเดิน
อาหารและการรักษาโทนของกล้ามเนื้อตามเยื่อบุทางเดินอาหาร
8. Riboflavin ช่วยย่อยอาหารและช่วยในการทำางานของระบบ
ประสาท
9. นอกจากนี้ยังทำางานเป็นสารต้านอนุมูลอิสระโดย neutralizing
อนุภาคเสียหายในร่างกายที่เรียกว่าอนุมูลอิสระ
10. Riboflavin จะต้องมีการเปิดใช้งานและการสนับสนุนกิจกรรม

4. คุณสมบัติ
 ผลึกสีส้มปนเหลือง เมื่อเป็นสารละลายจะเป็น
สารละลายปนเขียว และสามารถเรืองแสงได้
ละลายได้ในนำ้า ไม่ละลายในนำ้ามัน ทนต่อ
กรด อากาศ และความร้อน แต่จะสลายตัวได้
เร็วในด่างและแสงสว่าง

5. แหล่งที่พบ
 พบได้ในอาหารจำาพวก นม เนย ไข่ ยีสต์ เนื้อ
สัตว์ ตับ ผักสีเขียว และแหล่งที่พบวิตามินบี 1
โดยนมจะมีปริมาณวิตามินบี 2 มากกว่าวิตามิ
นบี 1 ถึง 4 เท่า

6. ปริมาณที่แนะนำา
 ค่า RDA สำาหรับเด็กอายุ 0-6 เดือน ประมาณ
0.3 มิลลิกรัมต่อวัน เด็กอายุ 7-12 เดือน
ประมาณ 0.4 มิลลิกรัมต่อวัน เด็กอายุ 1-3 ปี
ประมาณ 0.5 มิลลิกรัมต่อวัน เด็กอายุ 4-8 ปี
ประมาณ 0.6 มิลลิกรัมต่อวัน เด็กอายุ 9-13 ปี
ประมาณ 0.9 มิลลิกรัมต่อวัน
สำาหรับวัยรุ่นหญิงอายุ 14-18 ปี ประมาณ 1.0
มิลลิกรัมต่อวัน วัยรุ่นชายอายุ 14-18 ปี
ประมาณ 1.3 มิลลิกรัมต่อวัน ผูใหญ่เพศหญิง
้
อายุมากกว่า 18 ปี ประมาณ 1.1 มิลลิกรัมต่อ
วัน ผูใหญ่เพศชายอายุมากกว่า 18 ปี
้

7. สาเหตุของการขาดวิตามินบี 2
 การขาดวิตามินบี2 จะเกิดขึ้นพร้อมกับการ
ขาดวิตามินบีอนๆด้วย
ื่
 - นิสัยการกินอาหารที่ผดๆ เช่น ไม่กินผัก
ิ
 - เสพสุราพรำ่าเพรื่อ
 - อดอาหาร ลดความอ้วน
 - อาการเจ็บป่วยเรื้อรัง เช่น เป็นแผลใน
กระเพาะอาหาร ลำาไส้อกเสบ เบาหวาน ฯลฯ
ั

8. อาการของการขาดวิตามินบี 2
 ถ้าเป็นเด็ก การเจริญเติบโตจะหยุดชะงัก
 มุมปากจะแตกทังสองข้าง เรียกว่า โรค
้
ปากนกกระจอก
 ลินอักเสบ และเรียบไม่เห็นตุม
้ ่
 รอบจมูกด้านนอกจะอักเสบเป็นสะเก็ดและ
แตกเป็นขุย
 ตาไม่กล้าสู้แสงสว่าง