1
- 1. โครงงานคอมพิวเตอร์
เรื่อง ลาโพงจากจอคอมพิวเตอร์
กลุ่มสาระการเรียนรู้ การงานอาชี พและเทคโนโลยี
จัดทาโดย
นางสาวปิ่ นนิดา สามะคะผล เลขที่ 16
ชั้น มัธยมศึกษาปี ที่ 5/1
รายวิชาโครงงานคอมพิวเตอร์ (ง32102)
ภาคเรียนที่ 2 ปี การศึกษา 2556
กลุ่มสาระการเรียนรู้ การงานอาชี พและเทคโนโลยี (คอมพิวเตอร์ )
โรงเรียนส้ มป่ อยพิทยาคม ตาบลส้ มป่ อย อาเภอราษีไศล จังหวัดศรีสะเกษ
สานักงานเขตพืนทีการศึกษามัธยมศึกษา เขต 28
้ ่
- 2. หัวข้ อโครงงาน
ประเภทของโครงงาน
ผู้เสนอโครงงาน
ครู ทปรึกษาโครงงาน
ี่
ปี การศึกษา
: เรื่ อง ลาโพงจากจอคอมพิวเตอร์
: โครงงานพัฒนาสื่ อเพื่อการศึกษา
: นางสาวปิ่ นนิดา สามะคะผล ชั้นมัธยมศึกษาปี ที่ 5/1 เลขที่ 16
: คุณครู ณฐพล บัวพันธ์ ตาแหน่ง .................................
ั
: 2556
บทคัดย่อ
การทาโครงงานจากขยะอิเล็กทรอนิก ด้วยความห่วงใยและใส่ ใจสิ่ งแวดล้อม เรื่ อง ลาโพง
จากจอคอมพิวเตอร์ที่เสี ยแล้ว มีวตถุประสงค์เพื่อ
ั
1. ต้องการศึกษาการทาลาโพงจากคอมพิวเตอร์
2. เพื่อช่วยลดขยะอิเล็กทรอนิกส์
3. เพื่อต้องการศึกษาคิดค้น พัฒนาความคิดของผูเ้ รี ยนและนาความรู ้มาประยุกต์ให้เกิด
ประโยชน์ในท้องถิ่นและสิ่ งแวดล้อม หลักการทางานของลาโพงจากจอคอมพิวเตอร์ที่เสี ยแล้วมา
ประยุกต์ใช้ให้เป็ นลาโพง หรื อเป็ นมอนิเตอร์ หน้าเวทีการแสดงขนาดย่อมได้ จากผลการดาเนินการ
พบว่า ลาโพงที่ทาขึ้นมามีประสิ ทธิ ภาพเท่ากับลาโพงที่ขายในท้องตลาด และมีน้ าหนักเบากว่า
ลาโพงที่ขายในท้องตลาด สามารถนาไปใช้ได้จริ ง
- 3. กิตติกรรมประกาศ
โครงงานคอมพิวเตอร์ ฉบับนี้ สาเร็ จขึ้นได้โครงงานเรื่ องลาโพงจากจอคอมพิวเตอร์ ที่ประดิษฐ์ข้ ึนมา
ได้รับการสนับสนุนจากหลายๆฝ่ าย อาทิ ด้านงบประมาณจากโรงเรี ยนส้มป่ อยพิทยาคม อาเภอราษี
ไศล จังหวัดศรี สะเกษ โดยผูอานวยการ
้
นาย บัญชา ติละกูล คุณครู ที่ปรึ กษา นาย ณัฐพล
บัวพันธ์ และคาแนะนาการทาลาโพงจากคณะครู โรงเรี ยนส้มป่ อยพิทยาคมทุกท่าน เพื่อนๆพี่ๆ
น้องๆโรงเรี ยนส้มป่ อยพิทยาคมทุกคนที่คอยอยูเ่ ป็ นเพื่อนและกาลังใจมาตลอด
ขอขอบพระคุณ คุณพ่อ คุณแม่ ญาติพี่นองทุกคนที่ให้โอกาสและช่วยเหลืออานวยความ
้
สะดวกในทุกด้านจนกระทังสิ่ งประดิษฐ์ชิ้นนี้สาเร็ จได้ตามวัตถุประสงค์
่
ชื่อผูจดทา
้ั
นางสาวปิ่ นนิดา สามะคะผล
ชั้น ม.5/1 เลขที่ 16
- 4. สารบัญ
หน้ า
บทคัดย่อ
ก
กิตติกรรมประกาศ
ข
สารบัญ
ค
บทที่ 1 บทนา
ที่มาและความสาคัญ
1
วัตถุประสงค์
1
ขอบเขตการศึกษา
2
ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ
2
บทที่ 2 เอกสารทีเ่ กียวข้ อง
่
จอคอมพิวเตอร์
3
ลาโพง
5
บทที่ 3 อุปกรณ์ วิธีการดาเนินการ
วัสดุ อุปกรณ์
9
ขั้นตอนการดาเนินงาน
9
บทที่ 4 ผลการทดลองและปฏิบัติ
ผลการดาเนินงาน
11
ประโยชน์ที่ได้รับ
11
บทที่ 5 สรุปผลการทดลอง และ อภิปรายผลของชิ้นงานสิ่งประดิษฐ์
สรุ ปผลการดาเนินงาน
ปั ญหาที่พบ
12
12
- 6. บทที่ 1
บทนา
1.1 แนวคิด ทีมา และความสาคัญ
่
เนื่องจากในปั จจุบนปริ มาณขยะอิเล็กทรอนิกส์ทวโลกกาลังเพิมขึ้นอย่างรวดเร็ วในขณะนี้
ั
ั่
่
โดยในแต่ละปี จะมีมากถึง 20-50 ล้านตัน อาจเป็ นเรื่ องยากที่จะนึกภาพปริ มาณขยะที่มากมาย
มหาศาลเช่นนี้ ให้ลองนึกภาพว่าถ้าขยะอิเล็กทรอนิกส์ที่เกิดขึ้นในแต่ละปี ทั้งหมดถูกนาใส่ ตู้
คอนเทนเนอร์ บนขบวนรถไฟ จะกลายขบวนรถไฟที่ยาวเท่าหนึ่งรอบโลกของเรา! ในปัจจุบน
ั
ขยะอิเล็กทรอนิกส์คิดเป็ นร้อยละ 5 ของขยะแข็งในเขตเทศบาลทัวโลก เทียบเท่ากับปริ มาณ
่
ขยะวัสดุห่อหุ มที่เป็ นพลาสติกทั้งหมด แต่มีอนตรายมากกว่ามาก และไม่ใช่ประเทศพัฒนาแล้ว
้
ั
เท่านั้นที่เป็ นต้นตอของขยะอิเล็กทรอนิกส์เหล่านี้ ในเอเชียเองก็มีการทิ้งขยะแบบนี้ประมาณ 12
ล้านตันต่อปี ขยะอิเล็กทรอนิกส์ได้กลายเป็ นส่ วนหนึ่งของขยะแข็งในเขตเทศบาลที่เพิ่ม จานวน
ขึ้นอย่างรวดเร็ วที่สุดในปั จจุบน เพราะผูบริ โภคเปลี่ยนโทรศัพท์มือถือ คอมพิวเตอร์ โทรทัศน์
ั
้
อุปกรณ์เครื่ องเสี ยง และ พริ้ นเตอร์ บ่อยครั้งกว่าที่เคยเป็ นมา โทรศัพท์มือถือและคอมพิวเตอร์
ก่อให้เกิดปั ญหามากที่สุดเพราะมีการเปลี่ยน เครื่ องใหม่บ่อยที่สุด ในยุโรปขยะอิเล็กทรอนิกส์
ั
เพิ่มจานวนขึ้นร้อยละ 3-5 ต่อปี ซึ่ งเพิ่มขึ้นรวดเร็ วกว่าขยะอย่างอื่นถึง 3 เท่า และคาดการณ์กน
ว่าประเทศกาลังพัฒนาจะผลิตขยะอิเล็กทรอนิกส์เพิ่มขึ้นอีกถึง
3 เท่าภายใน 5 ปี ข้างหน้า
ตัวอย่างเช่น ในโรงเรี ยนส้มป่ อยพิทยาคม มีคอมพิวเตอร์ เก่าที่ใช้งานไม่ได้แล้วเป็ นจานวนมาก
และไม่มีที่เก็บ ก็ตองทิงไปโดยไม่ได้ใช้ประโยชน์อะไรเลย พวกเราจึงได้ปรึ กษากันในกลุ่มว่า
้ ้
ั
จะทาอย่างไรดีกบขยะเหล่านี้ เราจึงได้ทาลาโพงจากจอคอมพิวเตอร์ ข้ ึนมา
1.เพื่อต้องการ
ศึกษาการทาลาโพงจากจอคอมพิวเตอร์ 2. เพื่อช่วยลดขยะอิเล็กทรอนิกส์ 3. เพื่อต้องการศึกษา
คิดค้น พัฒนาความคิดของผูเ้ รี ยนและนาความรู ้มาประยุกต์ให้เกิดประโยชน์ในท้องถิ่นและ
ประเทศชาติ และเครื่ องคอมพิวเตอร์ ที่เรานามาใช้ทาลาโพงนั้น เป็ นรุ่ น CRT ซึ่ งในปั จจุบนไม่
ั
ค่อยมีคนนิยมใช้แล้ว เพราะว่ากินไฟมาก รายละเอียดภาพไม่ชด ทาให้เราสายตาเสี ยได้ ได้
ั
ดังนั้นจึงเป็ นที่มาของโครงงานเรื่ องลาโพงจากจอคอมพิวเตอร์
- 7. 1.2 วัตถุประสงค์
1. เพื่อต้องการศึกษาการทาลาโพงจากจอคอมพิวเตอร์
2. เพื่อช่วยลดขยะอิเล็กทรอนิกส์
3. เพื่อต้องการศึกษาคิดค้น พัฒนาความคิดของผูเ้ รี ยนและนาความรู ้มาประยุกต์ให้เกิด
ประโยชน์ในท้องถิ่นและประเทศชาติ
1.3 ขอบเขตของโครงงาน
ในการศึกษาค้นคว้าครั้งนี้จะเกี่ยวกับลาโพงที่ทาจากจอคอมพิวเตอร์ ซึ่ งส่ วนใหญ่จะใช้ขยะ
อิเล็กทรอนิกส์ เช่น คอมพิวเตอร์ คียบอร์ ด เป็ นต้น
์
1.4 ผลทีคาดว่าจะได้ รับ
่
1. ได้ลาโพงจากจอคอมพิวเตอร์
่
2. นาวัสดุอิเล็กทรอนิกส์ที่มีอยูมากมาประดิษฐ์เพื่อให้เกิดคุณค่าและเป็ นแบบอย่างได้
3. เพื่อส่ งเสริ มกิจกรรมความคิดของเยาวชน
4. เพื่อประโยชน์แก่ผใช้และพัฒนาต่อยอดให้เกิดประโยชน์ในอนาคต
ู้
- 8. บทที่ 2
เอกสารทีเ่ กียวข้ อง
่
จอภาพแบบซีอาร์ ที
การแสดงผลบนจอภาพเป็ นเรื่ องที่จาเป็ นสาหรับการใช้ไมโครคอมพิวเตอร์ วิวฒนาการ
ั
ั
ของการแสดงผลได้พฒนาก้าวหน้าขึ้น มาตรฐานการแสดงผลที่ใช้กบไมโครคอมพิวเตอร์ มีพ้ืนฐาน
ั
มาจากการพัฒนาของบริ ษทไอบีเอ็ม ในยุคต้นความต้องการของการแสดงผลส่ วนใหญ่ยงเป็ นแบบ
ั
ั
ตัวอักษรโดยมีภาวะการทางาน (mode) แยกจากการแสดง กราฟิ ก แต่ในปั จจุบนซอฟต์แวร์ จานวน
ั
มากสามารถแสดงผลในภาวะกราฟิ ก เช่น ระบบปฎิบติงานวินโดวส์ ต้องใช้ภาวะการแสดงผลใน
ั
รู ปกราฟิ กล้วน ๆ ผูใช้สามารถกาหนดขนาดช่องหน้าต่าง หรื อการแสดงผลได้ตามที่ตองการ
้
้
จอภาพจึงเป็ นส่ วนสาคัญมากส่ วนหนึ่งสาหรับผูใช้งานในยุคปั จจุบน ในยุคแรกตั้งแต่ พ.ศ. 2524
้
ั
ั
บริ ษทไอบีเอ็มได้พฒนาระบบการแสดงผลที่ใช้กบจอภาพสี เดียวที่เรี ยกว่าโมโนโครม หรื อ เอ็มดีเอ
ั
ั
(Monochrome Display Adapter : MDA) และแสดงผลได้เฉพาะภาวะตัวอักษรแต่เพียงอย่างเดียวแต่
ให้ความละเอียดสู ง หากต้องการแสดงผลในภาวะกราฟิ กก็ตองเลือกภาวะการแสดงผลอีกแบบหนึ่ง
้
ที่เรี ยกว่า ซี จีเอ (Color Graphic Adapter : CGA) ที่สามารถแสดงสี และกราฟิ กได้แต่ความละเอียด
น้อย เมื่อมีผผลิตไมโครคอมพิวเตอร์ ยหอต่าง ๆ ที่มีระบบการทางานแบบเดียวกับคอมพิวเตอร์ ของ
ู้
ี่ ้
ไอบีเอ็ม (IBM compatible) ไอบีเอ็มจึงต้องกาหนดมาตรฐานการแสดงผลไว้ ต่อมาบริ ษทเฮอร์ คิว
ั
ลีส ซึ่ งเห็นปั ญหาของระบบการแสดงผลทั้งสองนี้ จึงออกแบบแผลวงจรแสดงผล เรี ยกกันติดปาก
ว่าแผงวงจรเฮอร์ คิวลิส (herculis card) หรื อ เอชจีเอ (Herculis Graphic Adapter : HGA) บางครั้ง
เรี ยกว่าโมโนโครกราฟิ กอะแดปเตอร์ หรื อเอ็มจีเอ (Monochrome Graphic Adapter : MGA) การ
- 9. ั
ั
แสดงผลแบบนี้เป็ นที่แพร่ หลายและนิยมใช้กนต่อเนื่องมาและมีผลิตขึ้นมาใช้กนมากมาย ต่อมา
บริ ษทไอบีเอ็มเห็นว่าความต้องการทางด้านกราฟิ กสู งขึ้น การแสดงสี ควรจะมีรายละเอียดและ
ั
จานวนสี มากขึ้น จึงได้พฒนามาตรฐานการแสดงผลบนจอภาพขึ้นอีกโดยปรับปรุ งจากเดิมเรี ยกว่า อี
ั
จีเอ (Enhance Graphic Adapter : EAG) การเพิ่มเติมจานวนสี ยงไม่พอเพียงกับซอฟต์แวร์ ที่ได้รับ
ั
ั
การพัฒนาให้ใช้กบระบบปฎิบติการวินโดวส์และโอเอสทูไอบีเอ็มจึงสร้างมาตรฐานการแสดงผลที่
ั
มีความละเอียดและสี เพิ่มยิงขึ้นเรี ยกว่า เอ็กซ์วจีเอ (eXtra Video Graphic Array : XVGA) การเลือก
ี
่
ซื้ อจอภาพจะตัองพิจารณาความสัมพันธ์ของจอภาพกับตัวปรับต่อซึ่ งเป็ นแผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์ที่
่
ติดตั้งอยูบนแผงวงจรหลัก (main board) และต่อสัญญาณมายังจอภาพ แผงวงจรนี้จะเป็ นตัว
แสดงผลตามมาตรฐานที่ตองการ มีภาวะการแสดงผลหลายแบบ เช่น
้
ก. แผงวงจรโมโนโครมหรื อแผงวงจรเอ็มดีเอ เป็ นแผงวงจรที่ไม่ค่อยนิยมใช้แล้วแสดงผลได้
เฉพาะตัวอักษรจานวน 25 บรรทัด บรรทัดละ 80 ตัวอักษร ขนาดความละเอียดของตัวอักษรเป็ น
9x14 ชุด
ข. แผงวงจรเฮอร์คิวลิสหรื อแผงวงจรเอชจีเอ แสดงผลเป็ นตัวอักษรขนาด 25 บรรทัด บรรทัดละ 80
ตัวอักษร เหมือนแผงวงจรเอ็มดีเอ แต่สามารถแสดงกราฟิ กแบบสี เดียวด้วยความละเอียด 720x348
จุด
ค. แผงวงจรอีจีเอ เป็ นแผงวงจรที่แสดงด้วยความละเอียดของตัวอักษรขนาด 9x14 จุดแสดงสี ได้ 16
สี ความละเอียดของการแสดงกราฟิ ก 640x350 จุด
ง. แผงวงจรวีจีเอ เป็ นแผงวงจรที่แสดงด้วย ความละเอียดของตัวอักษร 9x16 จุด แสดงสี ได้ 16 สี
แสดงกราฟิ กด้วยความละเอียด 640x480 จุด และแสดงสี ได้สูงถึง 256 สี
จ. แผงวงจรเอ็กซ์วจีเอ เป็ นแผงวงจรที่ปรับปรุ งจากแผงวงจรวีจีเอ แสดงกราฟิ กด้วยความละเอียด
ี
สู งขึ้นเป็ น 1,024x768 จุด และแสดงสี ได้มากกว่า 256 สี
เมื่อได้ทราบว่าตัวปรับต่อมีกี่แบบแล้ว คราวนี้มาดูมาตรฐานตัวเชื่อมต่อ (connector) ของตัวปรับต่อ
กับจอภาพบ้าง ตัวเชื่อมต่อมาตรฐานที่ใช้มีแบบ 9 ขา ตัวเชื่อมต่อสาหรับแผงวงจรแบบ วีจีเอ และ
เอสวีจีเอ เป็ นแบบ 15 ขา การที่หวต่อไม่เหมือนกันจึงทาให้ใช้จอภาพพร่ วมกันไม่ได้
ั
นอกจากตัวเชื่อมต่อและตัวปรับต่อแล้ว คุณภาพของจอภาพก็จะต้องได้รับการพิจารณาอย่างมาก
สัญญาณที่ส่งมายังจอภาพมีรูปแบบไม่เหมือนกัน สัญญาณของแผงวงจรแบบวีจีเอเป็ นแบบแอ
- 10. นะล็อก สัญญาณของแผงวงจรแบบ เอ็มดีเอ ซีจีเอ เอชจีเอ อีจีเอ เป็ นแบบดิจิทล ข้อพิจารณาที่จะ
ั
ตรวจสอบด้วยตาเปล่าได้ คือ การแสดงผลจะต้องเป็ นจุดเล็กละเอียดคมชัด ไม่เป็ นภาพพร่ าหรื อ
เสมือนปรับโฟกัสไม่ชดเจน ภาพที่ได้จะต้องมีลกษณะของการกราดตามแนวตั้งคงที่ สังเกตได้จาก
ั
ั
ขนาดตัวหนังสื อแถวบน กับแถวกลางหรื อแถวล่างต้องมีขนาดเท่ากันและคมชัดเหมือนกัน ภาพที่
ปรากฎจะต้องไม่กระพริ บถึงแม้จะปรับความเข้มของแสงเต็มี่ ภาพไม่สั่งไหวหรื อพลิ้ว การแสดง
ของสี ตองไม่เพี้ยนจากสี ที่ควรจะเป็ น
้
พิจารณารายละเอียดทางเทคนิคของจอภาพ เช่น ขนาดของจอภาพซึ่ งจะวัดตามแนวเส้นทะแยงมุม
ของจอ ว่าเป็ นขนาดกี่นิ้ว โดยทัวไปจะมีขนาด 14 นิ้ว จอภาพที่แสดงผลงานกราฟิ กบางแบบอาจ
่
ต้องใช้ขนาดใหญ่ถึง 20 นิ้ว ความละเอียดของจุดซึ่ งสามารถสังเกตได้จากสัญญาณแถบความถี่ของ
จอภาพ จอภาพแบบวีจีเอควรมีสัญญาณแถบความถี่สูงกว่า 25 เมกะเฮิรตซ์ สัญญาณแถบความถี่ยง
ิ่
สู งยิงดี จอภาพแบบเอ็กซ์วจีเอแสดงผลแบบมัลติซิงค์ (multisync) ใช้สัญญาณแถบความถี่สูงกว่า 60
ี
่
เมกะเฮิรตซ์ ขนาดของจุดยิงเล็กยิงมีความคมชัด เช่น ขนาดจุด .28 มิลลิเมตร ภาพที่ได้จะคมชัดกว่า
่
่
ขนาดจุด .33 มิลลิเมตร ค่าของสัญญาณแถบความถี่จึงเป็ นข้อที่จะต้องพิจารณาด้วย
ลาโพง
การทางานของลาโพง
ในการใช้งานไม่ใช่ระบบเสี ยงไฮฟายคาว่า “ลาโพง” โดยปกติจะหมายถึงว่าเป็ นอุปกรณ์
ชิ้นหนึ่งซึ่ งทาให้เกิดเสี ยงขึ้นมา เป็ นอุปกรณ์ตวเดียวในระบบไฮฟายที่มองเห็นรู ปร่ างของมันได้
ั
- 11. ชัดเจน แต่ในระบบไฮฟายลาโพงของระบบไฮฟายมักจะมีหน่วยไดรฟ์ 2 หน่วย หรื อมากกว่าเป็ น
่
หน่วยไดรฟ์ มีขนาดและชนิดแตกต่างกันซึ่ งจะมักเรี ยกว่าระบบลาโพง แต่หน่วยไดรฟ์ ทั้งหมดไม่วา
จะเป็ นของระบบไฮฟายหรื อไม่ก็ตามีหลักการทางานอย่างเดียวกันหมด คือ ใช้หลักการใช้ขดลวดเค
ลื่นที่หรื อเรี ยกเป็ นภาษาเทคนิคว่าใช้มูฟวิงคอยล์ (Moving Coil) ในการทาให้อากาศสันตัว
่
่
เพื่อให้เกิดเป็ นคลื่นเสี ยงนั้น ตัวกรวยของลาโพงจะต้องเคลื่อนที่ไปข้างหน้าและข้างหลังได้อย่าง
่
อิสระ ด้วยเหตุน้ ีจึงต้องตั้งกรวยของลาโพงไว้ในบริ เวณสภาพแวดล้อมที่มีความยืดหยุนสู ง ตรง
ปลายกรวยของลาโพงมีรูปทรงกลมขนาดเล็กติดอยูเ่ รี ยกว่า “วอยซ์คอยล์” (Voice Coil) ปลายทั้ง
สองข้างของวอยซ์คอยล์ต่อเข้ากับอินพุทของระบบลาโพง รอบ ๆ คอยล์มีแม่เหล็กถาวรตั้งอยู่
่
ล้อมรอบ การจัดไว้เช่นนั้นจนเมื่อทาการทดสอบกรวยวอยซ์คอยล์แล้ว วอยซ์คอยล์จะวางตัวอยูใน
บริ เวณสนามแม่เหล็กซึ่ งมีความเข้มมาก ถ้าหากมีกระแสไฟฟ้ าไหลผ่านคอยล์มนจะเคลื่อนตัวไป
ั
ข้างหน้าหรื อข้างหลังในช่วงระหว่างขั้วแม่เหล็ก สัญญาณออดิโอซึ่ งประกอบด้วยกระแสสลับหรื อ
กระแสเปลี่ยนทิศทางด้วยความถี่ตรงกับเสี ยงดนตรี ดงนั้นจึงทาให้กรวยของลาโพงเคลื่อนที่ ซึ่ งเป็ น
ั
การทาให้เกิดคลื่นเสี ยง หน่วยไดรฟ์ ของลาโพง ความจริ งมีรูปแบบเช่นเดียวกับมอเตอร์ ไฟฟ้ าแบบ
ง่ายๆ เท่านั้นเองหน่วยไดรฟ์ ขนาดเล็กและมีราคาถูกๆ สามารถสร้างขึ้นมาให้เสี ยงได้ดี ให้เสี ยงฟัง
ได้ยนอย่างชัดเจน ให้เสี ยงแบคกราวด์าของเสี ยงดนตรี ในเครื่ องรับโทรทัศน์หรื อเสี ยงดนตรี ใน
ิ
รถยนต์ แต่เมื่อนาหน่วยไดรฟ์ เช่นนี้มาใช้ทาให้เกิดเสี ยงดนตรี ที่มีความเพี้ยนน้อยที่สุดก็จาเป็ นต้องมี
บางสิ่ งบางอย่างที่มีความละเอียดลออมากยิงขึ้น ทั้งนี้ก็เพราะหน่วยไดรฟ์ หน่วยเล็กๆ จะไม่มีการ
่
่
ตอบสนองต่อความถี่ต่าสุ ดและความถี่สูงสุ ดอย่างที่มีอยูในเสี ยงดนตรี แต่เมื่อมองดูตลอดย่าน
ความถี่เสี ยงจริ งๆ จะพบว่าเสี ยงต่าสุ ดที่เกิดจากเสี ยงเบสกีตาร์ เป็ นเสี ยงต่ากว่า 50 Hz ใน
ขณะเดียวกันเสี ยงสู งสุ ดของเปี ยโนเป็ นความถี่ประมาณ 4 kHz ที่เหนือความถี่น้ ีไปเป็ นความถี่ฮาร์
โมนิค ซึ่ งทาให้เครื่ องดนตรี ชิ้นต่างๆ ให้เสี ยงแตกต่างกันไป ดังนั้นส่ วนสาคัญของย่านความถี่จึงอยู่
่
ระหว่าง 40 Hz ถึง 15 kHz ทั้งนี้ก็เพราะเสี ยงที่บนทึกได้ส่วนมากจะมียานความถี่ในย่านนี้ การส่ ง
ั
่
กระจายเสี ยงโดยวิทยุ FM ก็เช่นกัน จะให้ยานการตอบสนองความถี่สูงสุ ดประมาณ 15 kHz ทั้งนี้ก็
เพราะระบบเสี ยงที่ใช้ในขณะที่เครื่ องเล่นเทปคานเซทเด็ค (Cassett Deck) โดยทัวๆ ไปมักจะไม่ให้
่
การตอบสนองเรี ยบสู งเกินไปกว่านี้ แต่ระบบบันทึกเสี ยงดิจิตอลสามารถให้การตอบสนองสู งถึง 20
kHz และต่าลงมาถึง 20 Hz แต่ที่ความถี่ต่าๆ เช่นนั้นเอาท์พุทจากลาโพงจะได้รับผลกระทบเพราะ
แฟคเตอร์ อื่นๆ อีก อย่าง เช่น เรื่ องขนาดของห้องฟังเป็ นต้น
เสี ยงของลาโพงออกมาได้ อย่างไร ?
- 12. ส่ วนสาคัญที่สุดของเครื่ องเล่นเหล่านี้ก็คือลาโพง โดยหน้าที่สาคัญสุ ดของลาโพงคือ เปลี่ยน
สัญญาณทางไฟฟ้ าที่ได้มาจากเครื่ องขยายเป็ นสัญญาณเสี ยง ลาโพงที่ดีจะต้องสร้างเสี ยงให้
เหมือนกับต้นฉบับเดิมมากที่สุด โดยมีการผิดเพี้ยนน้อยที่สุด
่ ั่
ลาโพงที่เห็นขายกันอยูทวๆไป ภายในประกอบด้วย
-กรวยหรื อไดอะแฟรม ทาด้วยกระดาษแข็งหรื อแผ่นพลาสติก หรื อจะทาด้วยแผ่นโลหะบางๆ ก็
ได้
่
่ ั
-ขอบยึด (suspension หรื อ surround ) เป็ นขอบของไดอะแฟรม มีความยืดหยุน ติดอยูกบ
เฟรม สามารถเคลื่อนที่ข้ ึนและลงได้ในระดับหนึ่ง
-เฟรมหรื อบางทีเรี ยกว่า บาสเก็ต (basket)
่ ั
-ยอดของกรวยติดอยูกบคอยส์เสี ยง( Voice coil )
่ ั
-คอยส์เสี ยงจะยึดอยูกบ สไปเดอร์ (Spider) มีลกษณะเป็ นแผ่นวงกลมเหมือนแหวน สไปเดอร์จะ
ั
่
ยึดคอยส์เสี ยงให้อยูในตาแหน่งเดิม และทาหน้าที่ เหมือนกับสปริ ง โดยจะสั่นสะเทือน เมื่อมี
สัญญาณไฟฟ้ าเข้ามา
การทางานของคอยส์เสี ยงใช้หลักการของแม่เหล็กไฟฟ้ า โดยได้จากกฎของแอมแปร์ เมื่อมี
กระแสไฟฟ้ าไหลผ่านเข้าไปในขดลวดหรื อคอยส์ ภายในคอยส์จะเกิดสนามแม่เหล็กขึ้น ซึ่งจะ
เหนี่ยวนาให้แท่งเหล็กที่สอดอยูเ่ ป็ นแม่เหล็กไฟฟ้ า ปกติแม่เหล็กจะมีข้ วเหนือและขั้วใต้ ถ้านา
ั
่
แม่เหล็กสองแท่งมาอยูใกล้ๆกัน โดยนาขั้วเดียวกันมาชิดกันมันจะผลักกัน แต่ถาต่างขั้วกันมันจะ
้
ดูดกัน ด้วยหลักการพื้นฐานนี้ จึงติดแม่เหล็กถาวรล้อมคอยส์เสี ยงและแท่งเหล็กไว้ เมื่อมีสัญญาณ
ั
ทางไฟฟ้ าหรื อสัญญาณเสี ยงที่เป็ นไฟฟ้ ากระแสสลับป้ อนสัญญาณให้กบคอยส์เสี ยง ขั้วแม่เหล็ก
ภายในคอยส์เสี ยงจะเปลี่ยนทิศทางตามสัญญาณสลับที่เข้ามา ทาให้คอยส์เสี ยงขยับขึ้นและลง ซึ่ ง
จะทาให้ใบลาโพงขยับเคลื่อนที่ข้ ึนและลงด้วย ไปกระแทกกับอากาศ เกิดเป็ นคลื่นเสี ยงขึ้น ถ้าเป็ น
เครื่ องเสี ยงระบบโมโน ลาโพงจะมีอนเดียว แต่สาหรับเครื่ องเสี ยงที่เป็ นระบบเสตอริ โอ ลาโพงจะมี
ั
่ ั
2 ข้าง คือข้างซ้าย และข้างขวา ใบลาโพงทาด้วยกรวยกระดาษ ติดอยูกบคอยส์เสี ยง เมื่อคอยส์
เสี ยงสั่นขึ้นและลงตามสัญญาณไฟฟ้ ากระแสสลับ มันจะทาให้ใบลาโพงสั่นขึ้นลงด้วย ใบลาโพง
่
จะติดอยูบนสไปเดอร์ ที่ทาหน้าที่เหมือนสปริ ง คอยดึงใบลาโพงที่สั่นสะเทือนให้กลับเข้าสู่
ตาแหน่งเดิมเสมอ เมื่อไม่มีสัญญาณไฟฟ้ าป้ อนเข้าลาโพง
ถ้ามีสญ
ญาณไฟฟ้ ากระแสสลับป้ อนเข้าไปในคอยส์เสี ยง ทิศทางของกระแสไฟฟ้ าจะกลับทิศทางอยู่
- 13. ตลอดเวลา (สังเกตที่เครื่ องหมาย + และ - จะเห็นว่ากลับทิศทางตลอดเวลาด้วย) และทาให้แผ่น
ลาโพงสันเคลื่อนที่ข้ ึนและลง อัดอากาศด้านหน้าเกิดคลื่นเสี ยงขึ้น สัญญาณไฟฟ้ ากระแสสลับที่
่
ั
ใส่ ให้กบลาโพง จะแปรตามความถี่และแอมพลิจูด ซึ่ งเป็ นสัญญาณเดียวกันกับสัญญาณไฟฟ้ า
่
กระแสสลับที่ได้จากไมโครโฟน แต่วาสัญญาณที่ได้ในครั้งแรก ยังอ่อนมากจึงต้องผ่านเครื่ อง
่ ั
ขยายก่อน จึงจะป้ อนเข้าลาโพงได้ ใบลาโพงจะสั่นเร็ วหรื อช้าขี้นอยูกบความถี่ และเสี ยงจะดังหรื อ
่ ั
่
ค่อยขึ้นอยูกบแอมพลิจูดของสัญญาณไฟฟ้ า ขนาดของลาโพงมีความสาคัญมาก ไม่ใช่วาลาโพงตัว
เดียวสามารถจะให้ความถี่ได้ออกมาทุกๆความถี่ ถ้าต้องการให้เหมือนกับเสี ยงธรรมชาติมาก
ที่สุด ลาโพงจะต้องมีหลายขนาด เราจะแบ่งลาโพงโดยใช้ความถี่ออกเป็ น 3 ประเภท ดังนี้
-วูฟเฟอร์ (Woofers)
-ทวีทเตอร์ (Tweeters)
-มิดเรนส์ (Midrange)
ลาโพงประเภทต่ างๆ
วูฟเฟอร์ เป็ นลาโพงที่มีขนาดใหญ่สุด ออกแบบมาเพื่อให้เสี ยงที่มีความถี่ต่า
ทวีสเตอร์ เป็ นลาโพงที่มีขนาดเล็กสุ ด ออกแบบมาเพื่อให้เสี ยงที่มีความถี่สูง
ลาโพงทวีทเตอร์ เป็ นลาโพงที่มีความถี่สูง แผ่นลาโพงมีขนาดเล็กและค่อนข้างแข็ง จึง
สามารถสั่นด้วยความเร็ วที่สูง ส่ วนลาโพงแบบวูฟเฟอร์ แผ่นลาโพงจะมีขนาดใหญ่ และค่อนข้าง
นิ่ม จึงสั่นด้วยความเร็ วต่า เพราะมีมวลมาก อย่างไรก็ตามเสี ยงทัวไป มีความถี่กว้าง คือ มีความถี่
่
จากสู งถึงต่า ซึ่ งเราจะเรี ยกว่า มีความถี่ช่วงกว้าง ถ้าเรามีแต่ลาโพงทวีทเตอร์ และวูฟเฟอร์ เราจะได้
่
เสี ยงอยูในย่านความถี่สูงกับต่าเท่านั้น ความถี่ในช่วงกลางจะหายไป เพื่อจะให้คุณภาพของเสี ยง
ออกมาทุกช่วงความถี่ จึงจาเป็ นจะต้องมีลาโพงมิดเรนส์ดวย ภายในตูลาโพงตูหนึ่ง จึงมักจะเห็น
้
้
้
ลาโพงทั้งสามชนิดประกอบเข้าด้วยกัน
สาหรับลาโพงแบบทวีทเตอร์ เครื่ องขยายเสี ยงจะส่ ง
ความถี่สูงให้ ลาโพงวูฟเฟอร์ จะส่ งความถี่ต่า ส่ วนความถี่ในช่วงที่เหลือเป็ นของลาโพงแบบมิด
เรนส์ ถ้าลองถอดฝาตูดานหลังออก เราจะได้เห็น อุปกรณ์ชิ้นหนึ่งเรี ยกว่า ครอสโอเวอร์ (Cross
้้
over) อุปกรณ์ตวนี้เป็ นตัวแยกสัญญาณไฟฟ้ ากระแสสลับให้ออกเป็ น 3 ส่ วน คือ ส่ วนความถี่
ั
สู ง ความถี่ต่า และความถี่ขนาดกลาง ครอสโอเวอร์แยกออกเป็ น 2 แบบ คือ แบบ
พาสซีพ (Passive) และ แบบแอคทีฟ (active) ครอสโอเวอร์ แบบแอคทีฟ ไม่ตองมี
้
- 14. แหล่งจ่ายไฟ แต่ใช้พลังงานจากสญญาณเสี ยงแทน หลักการพื้นฐานของครอสโอเวอร์ น้ น
ั
ประกอบขึ้นด้วย ตัวต้ านทาน ตัวเหนี่ยวนา และ ตัวเก็บประจุ ต่อขึ้นเป็ นวงจรไฟฟ้ า ทั้งตัวเก็บ
ประจุและตัวเหนี่ยวนาจะเป็ นตัวนาที่ดีภายใต้เงื่อนไขบางประการ ยกตัวอย่างเช่น ตัวเก็บประจุจะ
ยอมให้ความถี่สูงที่เกินกว่าค่าที่กาหนดผ่านไปได้ แต่ถาเป็ นความถี่ต่ากว่าค่าที่กาหนดมันจะไม่ยอม
้
่
ให้ผานไป ส่ วนตัวเหนี่ยวนาจะทาหน้าที่แตกต่างกัน คือจะเป็ นตัวนาที่ดีเมื่อความถี่ต่า คือมันจะ
ยอมให้ความถี่ต่ากว่าค่าที่กาหนดผ่านไปได้ และจะไม่ยอมให้ความถี่สูงกว่าค่าที่กาหนดผ่าน
่
ไป สัญญาณไฟฟ้ ากระแสสลับที่ผานการขยายมาแล้ว จะถูกส่ งผ่านไปยังครอสโอเวอร์ แบบพาส
ซีฟ โดยเราจะต่อตัวเก็บประจุไว้ก่อนที่จะเข้าทวีทเตอร์ เพราะจะยอมให้แต่ความถี่สูงผ่านไปได้
่ ั
เท่านั้น ตัวเหนี่ยวนาจะต่อไว้ก่อนจะเข้าวูฟเฟอร์ ส่ วนลาโพงมิดเรนส์ จะต่ออยูกบ ตัวเก็บประจุ
และตัวเหนี่ยวนา โดยต่อเป็ นวงจรไฟฟ้ า เรี ยกว่า วงจร L-C และเลือกค่าให้เหมาะสม เพื่อให้ความถี่
ในช่วงกลางสามารถผ่านไปได้ ครอสโอเวอร์แบบแอคทีฟ เป็ นอุปกรณ์ทางอิเล็กทรอนิกส์
่
เหมือนกับครอสโอเวอร์ แบบพาสซี ฟ แต่วาออกแบบซับซ้อนกว่า จึงต้องมีแหล่งจ่ายไฟป้ อน
พลังงานให้ ครอสโอเวอร์ แบบนี้จะแยกความถี่ออกก่อนที่จะเข้าเครื่ องขยายเสี ยง ดังนั้นจึงต้องมี
เครื่ องขยาย 3 อัน แต่ละอันขยายความถี่ในช่วงที่แตกต่างกัน จึงเป็ นข้อเสี ยที่สาคัญประการ
หนึ่ง แต่มีขอดีมากเมื่อเทียบกับแบบพาสซี ฟ และเป็ นสิ่ งที่เครื่ องเสี ยงราคาเป็ นแสนขาดเสี ยไม่ได้
้
ั
คือ คุณสามารถปรับแต่งความถี่ทุกๆช่วงได้ อย่างไรก็ตามมันมีราคาค่อนข้างแพงจึงใช้กบเครื่ อง
เสี ยงราคาสู งเสี ยมากกว่า
- 15. บทที่ 3
วิธีดาเนินงานโครงงาน
ในการจัดทาโครงงานคอมพิวเตอร์ เรื่ องลาโพงจากจอคอมพิวเตอร์ นี้ ผูจดทาโครงงานมี
้ั
วิธีดาเนินงานโครงงาน ตามขั้นตอนดังต่อไปนี้
1. 3.1 วัสดุ อุปกรณ์ เครื่องมือหรือโปรแกรมหรือทีใช้ ในการพัฒนา
่
ไม้อดแบบหนา 20 mm.
ั
2. ทวิสเตอร์ 2 ตัว 150 วัตต์
3. ดอกลาโพง 2 ตัว 200 – 250 วัตต์
4. ซีทอง2 ตัว
5. เครื่ องขยาย 1 เครื่ อง
6. ผ้ามองกลู 1 เมตร
7. หน้าจอคอมพิวเตอร์ ขนาด 17 นิ้ว 2 จอ
8. น็อต
9. โฟมแข็ง
10. สายไฟขนาด 1 เมตร
3.2 ขั้นตอนการดาเนินงาน
- ศึกษาค้นคว้าเรื่ องที่จะทา
- ศึกษาปั ญหาเกี่ยวกับขยะอิเล็กทรอนิกส์และเตรี ยมแก้ปัญหา
- คิดค้นวิธีดาเนินงานสร่ างสิ่ งประดิษฐ์เพื่อช่วยในการแก้ไขปั ญหาและความเป็ นไปของชิ้นงาน
-ออกแบบสิ่ งประดิษฐ์
-เตรี ยมวัสดุอุปกรณ์ต่างๆ
- 17. บทที่ 5
สรุ ปผลการดาเนินงาน และข้ อเสนอแนะ
จากการศึกษาเปรี ยบเทียบประสิ ทธิ ภาพของลาโพงที่ทาจากจอคอมพิวเตอร์ กับลาโพงที่
ขายตามท้องตลาด พบว่า มีประสิ ทธิ ภาพเท่ากัน แต่ลาโพงที่เราทาจากจอคอมพิวเตอร์ มีน้ าหนักเบา
กว่าสามารถเคลื่อนย้ายได้ง่าย
ปัญหาทีพบ
่
-สมาชิกมีเวลาว่างไม่ตรงกันการรวมกลุ่มจึงไม่พร้อมเพรี ยงเท่าที่ควร
-ไม่มีประสบการณ์ในเรื่ องไฟฟ้ าเท่าที่ควร
แนวทางการแก้ไขปัญหา
ั
-แบ่งงานและหน้าที่กนตามที่เห็นสมควรของสมาชิกในกลุ่มทุกคน
-ปรึ กษาผูที่รู้และเชี่ยวชาญ
้