SlideShare a Scribd company logo
1 of 20
3
คู่มือการจัดตั้งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นรูปแบบพิเศษ “นครแม่สอด”
ศักยภาพของนครแม่สอด
ศักยภาพของนครแม่สอด
มูลค่าการนำ�เข้า/
ส่งออกสินค้า
เส้นทางโลจิสติกส์
แรงงานเข้มข้น
ความพร้อม
ของพื้นที่
www.themegallery.com
EASTWESTECONOMICSCORRIDOR
จุดเด่นของพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษตาก
	 จังหวัดตาก มีพื้นที่ชายแดนติดประเทศเมียนมาร์ยาวประมาณ 540 กิโลเมตร โดยด่านการค้าหลักอยู่ระหว่างชายแดน
อำ�เภอแม่สอด และจังหวัดเมียวดี นับตั้งแต่เมียนมาเริ่มพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ ในปี พ.ศ. 2554 ประเทศไทยจึงมีโอกาส
อย่างสูงในการเข้าไปเพื่อลงทุนหรือขยายธุรกิจการค้าระหว่างประเทศและการค้าชายแดนให้มากขึ้นหลายเท่าตัว
	 ด้วยศักยภาพและความพร้อมของจังหวัดตาก ทั้งด้านเศรษฐกิจ การลงทุนภาคอุตสาหกรรม ภาคการเกษตร และ
ภาคการท่องเที่ยว และได้รับการสนับสนุนจากทุกภาคส่วนในพื้นที่ร่วมกันผลักดันอย่างต่อเนื่อง โดยพื้นที่ชายแดนจังหวัดตาก
สามารถเชื่อมโยงกับเขตการค้าเมียวดี (Myawady Trade Zone) ของประเทศเมียนมา มีพื้นที่ตั้งอยู่ปลายแนวเชื่อมโยงทาง
เศรษฐกิจ (East-Weast Economic Corridor: EWEC ) เป็นจุดตัดระหว่างแนวทางการเชื่อมโยงเศรษฐกิจ  Nouth South Eco-
nomic Corridor ( NSEC ) มีโครงข่ายการคมนาคมทางบกที่สนับสนุนการขนส่งทั้งผู้โดยสารและสินค้า มีสนามบินพาณิยช์ เป็น
แหล่งผลิตทางการเกษตรและแหล่งท่องเที่ยวเชิงนิเวศที่มีความโดดเด่นเฉพาะตัว ตลอดจนประตูสู่อันดามัน
	 รวมทั้งกรอบความร่วมมือระหว่างประเทศที่มีอิทธิพลต่อการพัฒนาพื้นที่แม่สอด เช่น กรอบความร่วมมืออนุภูมิภาคลุ่ม
แม่น้ำ�โขง กรอบความร่วมมือ อิระวดี-เจ้าพระยา-แม่โขง และกรอบยุทธศาสตร์ BIMSTEC รวมถึงสามารถเชื่อมโยงกับเส้นทางการ
ค้าขายเป็นประตูสู่ยุโรปได้ ประกอบกับมีมูลค่าการค้าขายชายแดน ปีละกว่า 60,000 ล้านบาท และคาดว่าในปี 2558 ในการ
เข้าสู่ประชาคมอาเซียน จะเพิ่มมูลค่าการค้าขายชายแดนกว่า 100,000 ล้านบาท มีฐานการลงทุนเดิมในพื้นที่ เป็นอุตสาหกรรม
ที่ใช้แรงงานเข็มข้น เช่น อุตสาหกรรมสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม มีพื้นที่ชายแดนติดกับจังหวัดเมียวดีทำ�ให้สามารถใช้ประโยชน์จาก
แรงงานต่างด้าวที่เดินทางไปกลับได้ นอกจากนี้ยังมีกลุ่มนักธุรกิจ นักลงทุน ทั้งในและต่างประเทศ เช่น จีน มาเลเซีย เกาหลีใต้
เวียดนาม ต่างสนใจมาลงทุนในพื้นที่ ทั้งด้านการค้าขาย ด้านอุตสาหกรรม ด้านการท่องเที่ยว ด้านการค้าอัญมณี ด้านการเกษตร
กรรม
	 พื้นที่ชายแดนจังหวัดตากจึงมีศักยภาพและความพร้อมของพื้นที่จึงส่งผลให้จังหวัดตากเป็นพื้นที่ยุทธศาสตร์ทั้งในเชิง
ความมั่นคง เศรษฐกิจแหล่งทรัพยากร และจุดเชื่อมโยงไปยังภูมิภาคอื่น มีศักยภาพสูงต่อการส่งเสริมให้เกิดการพัฒนาไปสู่ความ
เป็นศูนย์กลางทางการค้าและเศรษฐกิจชายแดนฝั่งตะวันตกของประเทศไทย
4
คู่มือการจัดตั้งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นรูปแบบพิเศษ “นครแม่สอด”
ศักยภาพของนครแม่สอด
มูลค่าการนำ�เข้า/ส่งออกสินค้า
มูลค่าการนำ�เข้า ด่านศุลกากรแม่สอด
ปีงบประมาณ 2558
( 1 ตุลาคม 2557-31พฤษภาคม 2558 )
มูลค่านำ�เข้า 2,594.76 ล้านบาท
เปรียบเทียบกับปีที่ผ่านมาในช่วงเดียวกัน ซึ่งมีมูลค่า 2,387.09 ล้านบาท
เพิ่มขึ้นร้อยละ 8.70
มูลค่าการค้ารวม 45,275.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้น ร้อยละ 17.18
มูลค่าการส่งออก ด่านศุลกากรแม่สอด
ปีงบประมาณ 2558
( 1 ตุลาคม 2557-31พฤษภาคม 2558 )
มูลค่านำ�เข้า 42,680.731 ล้านบาท
เปรียบเทียบกับปีที่ผ่านมาในช่วงเดียวกัน ซึ่งมีมูลค่า 36,248.664 ล้านบาท
เพิ่มขึ้นร้อยละ 17.74
คู่มือการจัดตั้งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นรูปแบบพิเศษ “นครแม่สอด”
ศักยภาพของนครแม่สอด
สถิติส่งออกสินค้าถ่ายลํา/ผ่านแดน
ด่านศุลกากรแม่สอด
ปีงบประมาณ 2558 (ตุลาคม 2557 - พฤษภาคม 2558)
ปริมาณ หน่วย นํ�าหนัก (ตัน) มูลค่า (ล้านบาท)
รถยนต์ 18,734 คัน - 1,375.19
จักรยาน 283,441 คัน - 147.86
รถจักรยานยนต์ 7,397 คัน - 1,272,52
หมาก 342,136 กระสอบ 26,599.47 1,160.35
สถิติส่งออกสินค้าถ่ายลํา/ผ่านแดน
ด่านศุลกากรแม่สอด
ปีงบประมาณ 2558 (ตุลาคม 2557 - พฤษภาคม 2558)
สินค้าเก่าจากญี�ปุ่น นํ�าหนัก (ตัน) มูลค่า (ล้านบาท)
เครื�องใช้ในครัวเรือน
เครื�องใช้ไฟฟ้ าเก่าใช้แล้ว, 3,754.08 155.736
เสื�อผ้าเก่าใช้แล้ว 432.398 13.851
ถังแก๊สเปล่าใช้แล้ว 232.292 5.565
อุปกรณ์ใช้ในโรงพยาบาลเก่าใช้แล้ว
(เตียง เก้าอี� ฯลฯ จํานวน 12,123 ชิ�น) 226.689 6.335
4,645.46 181.489
5
คู่มือการจัดตั้งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นรูปแบบพิเศษ “นครแม่สอด”
ศักยภาพของนครแม่สอด
ปัญหาอุปสรรคและข้อเสนอแนะ
ประเด็น รายละเอียด / ข้อเสนอ
๑. ขอระงับการบังคับใช้ผังเมืองรวม
(ฉบับใหม่) ที่จะประกาศใช้ในพื้นที่เขต
พัฒนาเศรษฐกิจพิเศษตาก ๑๔ ตาบล
มอบหมายให้จังหวัดตากมีหน้าที่ในการ
จัดทาผังเมืองในพื้นที่ เขตพัฒนาเศรษฐกิจ
พิเศษตาก ๑๔ ตาบล
๒. การใช้ประโยชน์ที่ดินในเขต
พัฒนาเศรษฐกิจพิเศษตาก ในพื้นที่
สหกรณ์นิคมสปก., นสร., ป่ามติ ครม.,
สทก., ทุ่งหญ้าเลี้ยงสัตว์ และอื่นๆ
ข้อเสนอ : เห็นควรพิจารณาใช้มาตรา ๔๔ รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับ
ชั่วคราว) พ.ศ. ๒๕๕๗ บังคับใช้ ดังนี้
(1) จัดทาผังเมืองรวมเฉพาะเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษตาก รวม 14
ตาบล
(2) ยกเลิกการบังคับใช้กฎหมายปฏิรูปที่ดินในเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ
ตาก
(3) ให้หัวหน้าคณะทางานขับเคลื่อนเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษตาก ระดับ
ตาบลทั้ง 14 ตาบลเป็นคณะทางานสารวจรังวัดที่ดินเพื่อออกเอกสารสิทธิ์ (โฉนด) โดยมอบให้
จังหวัดเป็นเจ้าภาพดาเนินการ
ข้อเสนอ : เห็นควรพิจารณาใช้มาตรา ๔๔ รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับ
ชั่วคราว) พ.ศ. ๒๕๕๗ ดังนี้
(๑) สหกรณ์นิคม - ยกเลิกประกาศป่าทับที่สหกรณ์นิคม
- เพิ่มวัตถุประสงค์ในการใช้ประโยชน์ที่ดิน
เพื่อให้สมาชิกสหกรณ์นิคมซึ่งเป็นประชาชนในพื้นที่ได้มี
โอกาสนาที่ดินในการรวมกลุ่มกันให้นักลงทุนเช่า หรือให้
สมาชิกเข้าไปเป็นหุ้นส่วนกับการลงทุนในพื้นที่โดยวิธีอื่นๆ
ซึ่งจะทาให้คนในพื้นที่ได้รับโอกาสในการพัฒนาพื้นที่เขต
พัฒนาเศรษฐกิจพิเศษตากควบคู่กับนักลงทุนภายนอก
(๒) ป่ามติ ครม. - ยกเลิกประกาศป่ามติ ครม. /ที่ราชพัสดุ ชดเชยค่าเวนคืนที่ดินให้
ประชาชนที่ครอบครองพื้นที่ดังกล่าวอย่าง เป็นธรรม
- สทก. (สิทธิทากิน) ที่ป่าไม้สารวจแล้วให้เพิกถอนออกเอกสารสิทธิ์
ที่ดินทากินให้ประชาชนที่ครอบครองได้
- ทุ่งหญ้าเลี้ยงสัตว์ ตาบลแม่กุ, ตาบลแม่ตาว
(1) ให้สามารถออกเอกสารสิทธิ์ที่ดินทากินให้ประชาชน
ครอบครองได้
6
คู่มือการจัดตั้งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นรูปแบบพิเศษ “นครแม่สอด”
ศักยภาพของนครแม่สอด
ประเด็น รายละเอียด / ข้อเสนอ
(2) จ่ายค่าเช่าพื้นที่ที่ประชาชนครอบครอง กรณีมีการก่อสร้าง
อุตสาหกรรม และสถานที่ราชการ อย่างเป็นธรรม
(3) ชดเชยค่าเวนคืนที่ดินให้ประชาชนที่ครอบครองพื้นที่ดังกล่าว
อย่างเป็นธรรม
(๓) ที่ดินประเภท สปก. นสร. และอื่นๆ ที่รัฐบาลเห็นว่าเหมาะสม
ให้สามารถออกเอกสารสิทธิ์ที่ดินทากินให้ประชาชนที่ครอบครองได้ และผลที่คาด
ว่าจะได้รับ มีดังต่อไปนี้
(3.1) รัฐจะได้รับค่าธรรมเนียมจากการออกเอกสารสิทธิ์จากเจ้าของที่ดินเดิมทั้งหมด
391,392 ไร่ฯ ละ 1,000 บาท
(3.2) จะมีรายได้ค่าธรรมเนียมในการซื้อ - ขาย โอน, จานอง และทาธุรกรรมต่างๆ
(3.3) ไม่มีผลกระทบต่อประชาชนที่ครอบครองที่ดินเดิม
(3.4) ตรงกับความต้องการของนักลงทุนที่มีความประสงค์จะซื้อที่ดินเพื่อการลงทุน
(3.5) ทาให้เกิดกระบวนการซื้อขายที่ดินและทาธุรกรรมต่างๆ อย่างถูกต้องตาม
กฎหมาย
(3.6) ทาให้การวางผังเมืองในพื้นที่เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษตาก เป็นไปตาม
ศักยภาพของพื้นที่
(3.7) ทาให้เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษตาก ประสบความสาเร็จตามนโยบายของ
คสช.
๓. การจัดเก็บค่าธรรมเนียม แรงงาน
ต่างด้าว ในเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษตาก
“สหกรณ์แรงงานอาเซียน”
ตามดาริของ พลเอก สุรศักดิ์ กาญจนรัตน์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ในการ
ประชุมตรวจเยี่ยมพื้นที่เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษตาก เมื่อวันที่ ๑๖ กรกฎาคม ๒๕๕๘ ณ
ห้องประชุมอาคารเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษตาก ชั้น ๔ ได้มีดาริในประเด็นสนับสนุนให้
องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น สมควรได้รับส่วนแบ่งการจัดเก็บค่าธรรมเนียมแรงงานต่างด้าว ใน
เขตพัฒนาเศรษฐกิจ พิเศษตาก เนื่องจากเกิดผลกระทบเกี่ยวกับภาระค่าใช้จ่ายของ อปท.ที่
ต้องใช้ เพื่อควบคุมและดูแลรักษาสิ่งแวดล้อมที่เกิดจากการกระทาของคนต่างด้าวที่อาศัยอยู่
ในเขต อปท. เช่น ค่ากาจัดขยะ การบาบัดน้าเสีย หรือการแก้ไขปัญหาชุมชนแออัด เป็นต้น
ข้อเสนอ : เห็นควรพิจารณาให้ อปท.ในเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษตาก ได้รับส่วนแบ่งการ
จัดเก็บค่าธรรมเนียมแรงงานต่างด้าวในพื้นที่ และร่วมเป็นคณะกรรมการด้านแรงงานในเขต
พัฒนาเศรษฐกิจพิเศษตาก
7
คู่มือการจัดตั้งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นรูปแบบพิเศษ “นครแม่สอด”
ศักยภาพของนครแม่สอด
ประเด็น รายละเอียด / ข้อเสนอ
๔. โครงการแม่ละเมา (โครงการ เพิ่ม
น้าให้อ่างเก็บน้าเขื่อนภูมิพล ระยะที่ 1)
โครงการเพิ่มน้าในอ่างเก็บน้าเขื่อนภูมิพล กฟผ.ได้ด้าเนินโครงการศึกษาตามมติ
คณะรัฐมนตรี เมื่อ ๑๗ พฤศจิกายน ๒๕๓๕ เพื่อน้าไปใช้เป็นมาตรการแก้ไขปัญหาการขาด
แคลนน้าระยะยาว สามารถส่งน้าไปใช้เพื่อการอุปโภค บริโภค และพืนที่เกษตรกรรมท้าย
เขื่อนในฤดูแล้งได้ประมาณ ๒๐,๐๐๐ ไร่ ส้าหรับปริมาณน้าที่ผันมายังเขื่อนภูมิพลนันสามารถ
น้าไปใช้เพื่อการอุปโภคและบริโภค อุตสาหกรรมหรือเกษตรกรรมด้านท้ายน้าของเขื่อนภูมิพล
ได้ตามความเหมาะสมและสามารถน้ามาผลิตกระแสไฟฟ้าเป็นผลพลอยได้อีกด้วย
ข้อเสนอ : เพื่อเป็นทางเลือกในการแก้ไขปัญหาวิกฤตการณ์ขาดแคลนน้าใน
ระยะยาว เห็นควรพิจารณาผลักดันโครงการแม่ละเมา (โครงการเพิ่มน้าให้
อ่างเก็บน้าเขื่อนภูมิพล ระยะที่ ๑) ให้เกิดขึนอย่างเป็นรูปธรรมต่อไป
๕.โครงสร้างการบริหารเขตพัฒนา
เศรษฐกิจพิเศษตาก ๑๔ ต้าบล
(ผู้ว่าราชการจังหวัด+ส่วนราชการ+
ภาคเอกชน+ท้องถิ่น)
ข้อเสนอ : เห็นควรพิจารณามอบอ้านาจให้ผู้ว่าราชการจังหวัดหรือรูปแบบ
คณะกรรมการหรือหัวหน้าส่วนราชการ มีอ้านาจในการอนุมัติ อนุญาตการพิจารณาหรือการ
ปฏิบัติใดๆ ตามที่ก้าหนดไว้ในพระราชกฤษฎีกา ทัง ๒๐ ฉบับ ได้แก่ กฎหมายว่าด้วยการ
ส่งเสริมการลงทุน ว่าด้วยการท้างานของคนต่างด้าว ,ว่าด้วยการประกอบธุรกิจน้าเที่ยวและ
มัคคุเทศก์ ,ว่าด้วยการส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม ,ว่าด้วยผังเมือง ,ว่าด้วยโรงงาน ,
ว่าด้วยการจราจรทางบก ,ว่าด้วยการเวนคืนที่ดิน ,ว่าด้วยประมวลกฎหมายที่ดิน , ว่าด้วย
การบินพลเรือน ,ว่าด้วยด่านศุลกากร,ว่าด้วยกรมทางหลวง ,ว่าด้วยการทางพิเศษ .ว่าด้วยป่า
ไม้ ,ว่าด้วยการปฏิรูปที่ดิน (สปก.) ,ว่าด้วยการนิคมสหกรณ์การเกษตร ,ว่าด้วยนิคม
อุตสาหกรรม ,ว่าด้วยตรวจคนเข้าเมือง เป็นต้น
รายได้
- ภาษี, อากร, ที่จัดเก็บในพืนที่ โดยจัดแบ่งตามที่รัฐบาลก้าหนด
- แผนปฏิบัติการพัฒนา SEZ ตากในรูปแบบเป็นงบประมาณอุดหนุนจาก
รัฐบาล
- อื่นๆ ตามที่รัฐบาลก้าหนด
ก้ากับดูแล
- กนพ. โดยนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน
หมายเหตุ : แผนงานโครงการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนในเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษตาก ระดับต้าบล ทัง 14 ต้าบล ให้
คณะท้างานขับเคลื่อนเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษตาก ระดับต้าบลแต่ละต้าบล น้าส่งผ่าน อ้าเภอ/จังหวัด ต่อไป
8
คู่มือการจัดตั้งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นรูปแบบพิเศษ “นครแม่สอด”
ศักยภาพของนครแม่สอด
แม่สอดเป็นศูนย์กลางของระบบโลจิสติกส์ที่เชื่อม
โยง ไปสู่ภูมิภาคต่างๆ
ด่านแม่สอดเป็นศักยภาพในการกระจายสินค้า
แปรรูปของไทยและนำ�เข้าวัตถุดิบอุตสาหกรรม
เพื่อแปรรูปสร้างมูลค่าเพิ่ม
เชี่อมโยงไปยังย่างกุ้งศูนย์กลางทางเศรษฐกิจของ
เมียนมาร์ได้สะดวก
เป็นอุปทานแรงงานพม่า
ความต้องการสินค้าของเมียนมาร์มีแนวโน้มเพิ่ม
สูงขึ้น เปิดโอกาสให้ขยายตลาดสินค้าไทยเมียมาร์
เมียนมาร์เป็นช่องทางที่สำ�คัญในการกระจาย
สินค้าออกสู่ประเทศจีน อินเดีย และบังกลาเทศ
การปฏิรูปการเมืองทำ�ให้เมียนมาร์เปิดประเทศ
มากขึ้น เพิ่มโอกาสในการพัฒนาเศรษฐกิจร่วม
กันระหว่างไทย-เมียนมาร์
พื้นที่แม่สอดเป็นเขตป่าทำ�ให้พื้นที่ใช้ประโยชน์ได
อย่างจำ�กัด
เสถียรภาพทางการเมืองเมียนมาร์ไม่ลงตัว ทำ�ให้
การดำ�เนินนโยบายการพัฒนาในระดับพื้นที่ไม่
ชัดเจน
ระเบียบการค้าชายแดนไม่เอื้ออำ�นวยการค้า
ชายแดนในอนาคต
นโยบายการพัฒนาระบบโครงสร้างถนนของฝั่ง
เมียนมาร์ยังไม่เสร็จสมบูรณ์
ระบบโครงสร้างสาธารณูปโภคพื้นฐานในแม่สอดมี	
จำ�กัด
แรงงานพม่าที่เป็นแรงงานหลักในอุตสาหกรรม
แม่สอดเป็นแรงงานไร้ทักษะ
อุตสาหกรรมในแม่สอดมีผลิตภาพแรงงานต่ำ�
ขาดเอกภาพในการบริหารจัดการปัญหาและขาด
การประสานความร่วมมือของหน่วยงานต่างๆ ใน
พื้นที่
องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นต้องรับภาระการจัดการ
ส่งธารณะมากกว่าปกติอันเนื่องมาจากจำ�นวน
แรงงานข้ามชาติที่เข้ามาทำ�งานในแม่สอด
โอกาส (Opportunities: O)
จุดแข็ง (Strengths: S) จุดอ่อน (Weaknesses: W)
ข้อจำ�กัด (Threats: T)
S2.
W1.
W2.
W3.
W4.
W5.
S1.
S3.
S4.
O1. T1.
T2.
T3.
T4.
O2.
O3.
การวิเคราะห์ SWOT ANALYSIS
9
คู่มือการจัดตั้งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นรูปแบบพิเศษ “นครแม่สอด”
ศักยภาพของนครแม่สอด 10
เส้นทางโลจิสติกส์
S1. เป็นศูนย์กลางของระบบโลจิสติกส์ที่เชื่อมโยงไปสู่ภูมิภาคต่างๆ
	 อำ�เภอแม่สอดตั้งอยู่เส้นทางที่สำ�คัญ 2 เส้นทาง ได้แก่ เส้นทาง
เชื่อมโยงเศรษฐกิจตะวันออก-ตะวันตก หรือ เส้นทางระเบียงเศรษฐกิจแนว
ตะวันออก-ตะวันตก (East-Weast Economic Corridor: EWEC)
ที่เชื่อมต่อระหว่างมหาสมุทรอินเดียทางตะวันตกและมหาสมุทรแปซิฟิกทาง
ตะวันออกและ เส้นทางหลวงสายเอเชียสาย1 (Asian Highway: AH1)
ที่เป็นเส้นทางเชื่อมระหว่างทวีปเอเชียกับยุโรป
คู่มือการจัดตั้งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นรูปแบบพิเศษ “นครแม่สอด”
ศักยภาพของนครแม่สอด
รถไฟทางคู่
เส้นทาง นครสวรรค์-กำ�แพงเพชร-ตาก-แม่สอด
	 ร.ฟ.ท.เปิดแนวเส้นทางใหม่เชื่อมโยงโลจิสติกส์ขนส่งสินค้าและผู้โดยสารรับแผนการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษแม่สอด
ด้วยรถไฟทางคู่ เส้นทางนครสวรรค์–กำ�แพงเพชร–ตาก–แม่สอด ระยะทางกว่า 256 กิโลเมตร ปลายเดือนมิถุนายนเริ่ม
กระบวนการเปิดรับฟังความเห็นประชาชนในพื้นที่ แบ่ง 2 ช่วงดำ�เนินการยื่นขออีไอเอปี 59 นี้
แหล่งข่าวระดับสูงจากการรถไฟแห่งประเทศไทย(ร.ฟ.ท.) เปิดเผย “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า จากการที่รัฐบาลดำ�เนินนโยบาย
เปิดเขตเศรษฐกิจพิเศษ โดยเฉพาะพื้นที่อำ�เภอสอด จังหวัดตาก ให้เกิดขึ้นก่อน เพื่อให้สอดรับแผนดังกล่าว ร.ฟ.ท.เตรียม
เพิ่มประสิทธิภาพการคมนาคมขนส่งและเชื่อมโยงพื้นที่เศรษฐกิจพิเศษ โดยว่าจ้างกลุ่มบริษัทที่ปรึกษาศึกษาความเหมาะสม
โครงการก่อสร้างทางรถไฟสายนครสวรรค์–กำ�แพงเพชร–ตาก–แม่สอด
	 “เนื่องจากจังหวัดตากและจังหวัด กำ�แพงเพชรยังไม่มีเส้นทางรถไฟผ่านซึ่งหากมีการพัฒนาโครงข่ายทางรถไฟใน
พื้นที่ดังกล่าวจะเกิดผลดีต่อการเดินทางและขนส่งสินค้าไปยังอำ�เภอแม่สอดหรือ บริเวณใกล้เคียงให้มีความสะดวกประหยัดและ
ปลอดภัยทั้งยังเป็นกำ�ลังสำ�คัญในการ ส่งเสริมการพัฒนาพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษแม่สอดให้ประสบผลสำ�เร็จ”
	 สำ�หรับโครงการก่อสร้างทางรถไฟสายนครสวรรค์–กำ�แพงเพชร–ตาก–แม่สอด แบ่งเป็น 2 ช่วงคือช่วงแรกมีระยะ
ทาง 187.9 กิโลเมตรผ่านพื้นที่ 3 จังหวัด 10 อำ�เภอ มีจำ�นวน 24 สถานี จุดเริ่มต้นจากสถานีนครสวรรค์ ผ่าน
อำ�เภอเมืองนครสวรรค์ อำ�เภอ เก้าเลี้ยว อำ�เภอบรรพตพิสัย เข้าสู่จังหวัดกำ�แพงเพชร ผ่านอำ�เภอขาณุวรลักษบุรี อำ�เภอ
คลองขลุง อำ�เภอเมือง อำ�เภอพรานกระต่าย อำ�เภอโกสัมพีนคร เข้าสู่พื้นที่จังหวัดตาก ผ่านอำ�เภอวังเจ้า สิ้นสุดเส้นทางช่วง
ที่ 1 ที่อำ�เภอเมืองตาก และช่วงที่ 2 ระยะทาง 68.5 กิโลเมตร จำ�นวน 5 สถานี ผ่านพื้นที่ 1 จังหวัด 2 อำ�เภอ เริ่ม
ต้นจากจังหวัดตาก ผ่านอำ�เภอเมืองตากมุ่งหน้าไปทางทิศตะวันตก สิ้นสุดที่อำ�เภอแม่สอด ในส่วนรูปแบบแนวเส้นทางมีทั้งทาง
ระดับพื้นสะพานยกระดับสะพานขนาดเล็กอุโมงค์
	 แหล่งข่าวกล่าวต่อไปว่าคาดปี 2559 จะยื่นขอรับรองผลกระทบสิ่งแวดล้อม(อีไอเอ) ก่อนขออนุมัติสำ�รวจออกแบบที่
จะใช้งบปี 2559 หรืองบปี 2560 กว่า 100 ล้านบาทเข้าไปดำ�เนินการ คาดว่าจะใช้งบก่อสร้างประมาณ 9.5 หมื่น ล้าน
โดยประโยชน์ของโครงการจะเพิ่มทางเลือกใหม่ในการเดินทางและการขนส่ง สินค้าด้วยการเชื่อมต่อโครงข่ายทางรถไฟจาก
สถานีรถไฟนครสวรรค์ไปสู่จังหวัด กำ�แพงเพชรและจังหวัดตากซึ่งปัจจุบันยังไม่มีเส้นทางรถไฟผ่านนอกจากนั้นยัง เป็นการ
ส่งเสริมเศรษฐกิจการค้าการจ้างงานและการท่องเที่ยวทั้งยังช่วยกระจาย ความเจริญไปยังพื้นที่ที่แนวเส้นทางผ่านทำ�ให้
ประชาชนมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น อีกทั้งยังช่วยประหยัดพลังงานเชื้อเพลิงภาคการขนส่งของประเทศจึงเป็นการ ประหยัดค่าใช้
จ่ายในการขนส่งสินค้า
	 ทั้งนี้ร.ฟ.ท.ได้แนะนำ�โครงการและรับฟังความ
คิดเห็น/ข้อเสนอแนะจากผู้บริหารระดับจังหวัดไปเมื่อ
วันที่ 10-11 มีนาคม 2558 พร้อมกับจัดประชุม
กลุ่มย่อยระดับอำ�เภอไปเมื่อวันที่ 26-28 พฤษภาคม
2558 และกำ�หนดเปิดรับฟังความเห็นประชาชน
จำ�นวนอีก 3 ครั้งคือวันที่ 24 มิถุนายนนี้ที่จังหวัด
นครสวรรค์ วันที่ 25 มิถุนายนที่จังหวัดกำ�แพงเพชร
และวันที่ 26 มิถุนายนที่จังหวัดตาก ก่อนที่จะเร่งสรุป
ข้อมูลเสนอผู้บริหารร.ฟ.ท. กระทรวงคมนาคมและ
คณะรัฐมนตรี(ครม.)อนุมัติให้ดำ�เนินการ ตามลำ�ดับ
11
คู่มือการจัดตั้งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นรูปแบบพิเศษ “นครแม่สอด”
ศักยภาพของนครแม่สอด 12
โครงการ
ขุดเจาะอุโมงค์ถนนสายเอเชีย (นครแม่สอด-ตาก)
	 ดร.เทอดเกียรติ ชินสรนันท์ นายกเทศมนตรีนครแม่สอด เปิดเผย “ ฐานเศรษฐกิจ” ว่า ตนเองพร้อมคณะได้เดินทาง
เข้าพบผู้บริหารการทางพิเศษแห่งประเทศไทย(กทพ.) นำ�ข้อเสนอข้อมูลและเอกสาร เพื่อให้กทพ.พิจารณาส่งเจ้าหน้าที่ฝ่ายช่าง
วิศวกร มาสำ�รวจออกแบบโครงการก่อสร้างทางด่วน จากตากสู่เมืองพิเศษนครแม่สอด แบบตัดตรง มีสะพานบก ตัดผ่านภูเขา
เจาะอุโมงค์เป็นทางด่วนลอดภูเขา เพื่อให้เป็นเส้นทางด่วนแบบตัดตรง ซึ่งในส่วนของการทางพิเศษฯ พร้อมที่จะลงมาดำ�เนินการ
เมื่อภาครัฐและเอกชนในพื้นที่จังหวัดตากได้เสนอต่อรัฐบาล ซึ่งเส้นทางตาก-แม่สอดเดิม ทางโค้งคดเคี้ยวขึ้นลงเขา ระยะทาง 86
กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางมาก หากตัดเส้นทางตรงแบบทางด่วนพิเศษ จะลดระยะทางและเวลา รวมทั้งอุบัติเหตุบนเส้นทางลง
	 โครงการก่อสร้างเส้นทางด่วนพิเศษ จะดำ�เนินการควบคู่กับโครงการพัฒนาระบบเส้นทางคมนาคมอื่นๆ ทั้งเส้นทางรถไฟ
นครสวรรค์-กำ�แพงเพชรนครแม่สอด ถนน 4 เลน เส้นทางตากนครแม่สอด รวมทั้งการคมนาคมทางอากาศ การก่อสร้าง
สนามบินนครแม่สอด แห่งที่ 2
	 นายสมชัยฐ์ หทยะตันย์ติ ผู้ว่าราชการจังหวัดตาก เปิดเผยหลังเป็นประธานการประชุมคณะทำ�งานขับเคลื่อนนโยบาย
เขตพัฒนาเศรษฐกิจ พิเศษแม่สอด และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) รูปแบบพิเศษ “ นครแม่สอด” ด้านโครงสร้าง
พื้นฐาน ด่านศุลกากรและการพัฒนาเส้นทางคมนาคม รวมทั้งระบบโลจิสติกส์ เมื่อวันที่ 13 ตุลาคมที่ผ่านมา ว่าการประชุม
ครั้งนี้เพื่อหารือแนวทางการขุดเจาะอุโมงค์ ถนนสายตาก-แม่สอด เพื่อขับเคลื่อนนโยบายเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษแม่สอดและ
เมืองพิเศษนครแม่สอด สู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) บนระเบียงเส้นทางเศรษฐกิจตะวันออก-ตะวันตก (EastWest
Economic Corridor: EWEC) โครงการก่อสร้างสนามบินนานาชาติแห่งที่ 2 โครงการเชื่อมเส้นทางรถไฟ สายนครสวรรค์-
กำ�แพงเพชร-สู่เมืองพิเศษนครแม่สอด การขุดอุโมงค์ลอดแม่น้ำ�เมย เชื่อมเมืองพิเศษนครแม่สอดกับจังหวัดเมียวดี ประเทศเมีย
นมาร์
	 โดยที่ประชุมเห็นด้วยกับการขุดเจาะอุโมงค์ แนวถนนสายตาก-แม่สอด รับ EWEC เพราะเป็นเรื่องที่ดีต่อระบบการ
ค้าและการขนส่ง โดยจะมีอุโมงค์ 4 แห่ง ตัดทะลุภูเขาระหว่างเส้นทาง เช่น ที่เขาดอยรวก ดอยคา ดอยมูเซอ ระยะทางอุโมงค์
ประมาณ 4.8-5 กิโลเมตร งบประมาณที่จะใช้ดำ�เนินการ 15,000 - 20,000 ล้านบาท ซึ่งจะลดระยะทางการเดินทางเหลือ
ไม่เกิน 70 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 50 นาที หรือไม่เกิน 1 ชั่วโมง นอกจากนี้ยังได้มีการเสนอสร้างเส้นทางด่วน
พิเศษ หรือมอเตอร์เวย์ของกทพ.ด้วย ซึ่งโครงการเมกะโปรเจ็กต์ สร้างเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษและเมืองพิเศษนครแม่สอดนั้น
รัฐบาลพร้อมให้การสนับสนุนด้วยงบประมาณในการดำ�เนินการหลาย
หมื่นล้านบาท
	 ด้านนายอิสระ ว่องกุศลกิจ ประธานกรรมการหอการค้าไทย
และสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ตามที่คณะรักษาความ
สงบแห่งชาติ (คสช.) และรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายก
รัฐมนตรี มีนโยบายผลักดันให้อำ�เภอแม่สอด จังหวัดตาก พัฒนาเป็น
เขตเศรษฐกิจพิเศษและเขตปกครองท้องถิ่นรูปแบบพิเศษ ตนมองว่า ใน
ปี 2558 ภาครัฐและภาคเอกชนมีความพร้อม โดยเฉพาะการทำ�เขต
เศรษฐกิจพิเศษแม่สอด ให้เป็นพื้นที่นำ�ร่องแห่งแรก จากโครงการใน
ระยะแรก 5 จังหวัด ทั้งนี้พบว่า แม่สอดมีการค้าชายแดนกับเมียนมาร์
และประเทศเกี่ยวเนื่อง ในปี 2556 สูงถึง 4.6 หมื่นล้านบาท และ ปี
2557 เพิ่มเป็น 5.5-6 หมื่นล้านบาท
สำ�หรับการเตรียมความพร้อม โดยเฉพาะโครงข่ายคมนาคม เป็นสิ่งจำ�เป็น ที่จะผลักดันเร่งด่วนคือถนนสายเมียวดี-กอ
กาเรก ที่อยู่ระหว่างก่อสร้าง หากแล้วเสร็จจะช่วยให้เพิ่มมูลค่าการค้าหลายเท่าตัวจากปัจจุบันที่สามารถ สร้างรายได้จากการค้า
สูงมากเป็นลำ�ดับต้นๆ ของประเทศ แม้เส้นทางเชื่อมโยงยังต้องสลับวันเว้นวัน และมีเส้นทางไม่สะดวกในการขนสินค้าไปยังท่าเรือที่
เมาะลำ�ไย เมาะละแหม่ง รวมทั้งการก่อสร้างถนน 4 ช่องจราจร เชื่อมโยงทั้งระบบ การขยายสนามบินแม่สอด ในปีงบประมาณ
2558 นอกจากนี้ยังจะผลักดันให้มีการก่อสร้างสะพานข้ามแม่น้ำ�เมยแห่งที่ 2 ที่กรมทางหลวงจัดสรรงบก่อสร้างไว้ปี 2559
อย่างไรก็ดีหากโครงข่ายจราจรรองรับการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษแม่สอดสมบูรณ์ ก็จะทำ�ให้การค้าชายแดนขยับขึ้นเป็นแสน
ล้านบาท ในช่วงเปิดประชา คมเศรษฐกิจอาเซียนหรือเออีซี ในปลายปี 2558 ที่จะถึงนี้แน่นอน		
	 ส่วนนายกิตติพันธ์ ปานจันทร์ ผู้อำ�นวยการ
สำ�นักงานทางหลวงตาก กรมทางหลวง กล่าวว่า
เมื่อรัฐบาลกำ�หนดให้อำ�เภอแม่สอด เป็นหนึ่งในแผน
พัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษ เนื่องจากความพร้อมและ
ศักยภาพด้านการค้าชายแดนกับประเทศเมียนมาร์ ที่
มีมูลค่าสูงที่สุดของประเทศ แต่เนื่องจากโครงข่าย
คมนาคมยังไม่สมบูรณ์ ดังนั้นเพื่อรองรับเขตเศรษฐกิจ
พิเศษ และเขตปกครองรูปแบบพิเศษที่จะเกิดขึ้น จึง
เร่งรัดโครงการให้แล้วเสร็จ ซึ่งถนนสายสำ�คัญที่เป็น
หัวใจสำ�คัญประกอบด้วย โครงการก่อสร้างถนนสาย
เมียวดี จากเมืองเมียวดีไปยังกอกาเรกระยะทาง 45
กิโลเมตร ขนาด 4 ช่องจราจร
	 ขณะนี้บริษัทสี่แสงการโยธา จำ�กัด (มหาชน) อยู่
ระหว่างก่อสร้าง คืบหน้าไปกว่า 80% คาดว่าจะแล้วเสร็จในเดือนเมษายน 2558 หากถนนสายนี้แล้วเสร็จ จะช่วยให้การขนส่ง
สินค้าจากอำ�เภอแม่สอด ประเทศไทย ที่ไปแวะพักบริเวณศูนย์วันสต็อปเซอร์วิส ของเขตเศรษฐกิจพิเศษเมียวดี สามารถขนส่งได้
ทุกวัน และช่วยให้การเดินทางสะดวกรวดเร็วขึ้น จากเดิมมีข้อจำ�กัดต้องใช้ขนส่งสินค้าวันเว้นวัน เพราะการเดินทางลำ�บากต้องขึ้น
เขาชัน และทางคดเคี้ยวเล็กคับแคบเสี่ยงต่ออันตราย ซึ่งปัจจุบันได้มีการตัดภูเขาตะนาวศรีเป็นทางราบเพื่อให้การเดินทางสะดวก
มาก ขึ้น
	 นอกจากนี้ยังมีแผนก่อสร้างโครง การสะพานมิตรภาพไทย-เมียนมาร์ แห่ง
	 ที่ 2 (สะพานข้ามแม่น้ำ�เมย2) งบประมาณก่อสร้าง 3,600 ล้านบาท งบเวนคืน 300 ล้านบาท โดยแนวสายทาง
80% จะอยู่ในเขตป่าตามมติคณะรัฐมนตรี ระยะทาง 21.4 กิโลเมตร ซึ่งจะอยู่ในฝั่งไทยถึงตำ�บลท่าสายลวด และตัวสะพานข้าม
แม่น้ำ�รวม 17.26 กิโลเมตร ส่วนอีก 4.14 กิโลเมตรจะอยู่ฝั่งเมียนมาร์ เมืองเมียวดี มีขนาด 4 ช่องจราจร จะเป็นทางยก
ระดับทั้งหมด โดยจะมีการเร่งรัดดำ�เนินการในปีงบ ประมาณ 2558 ใช้เวลาก่อสร้าง 3-5 ปี
	 โครงการก่อสร้างทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 12 ขนาด 4 ช่องจราจร สายตาก-แม่สอด ตอนที่ 3 ระยะทาง 25
กิโลเมตร ขณะนี้ได้รับจัดสรรในงบประมาณปี 2558 และสายตาก-แม่สอด ตอนที่ 4 ระยะทาง 25 กิโลเมตร จะได้รับจัดสรร
งบประมาณกลางปี 2558 วงเงิน 1,400 ล้านบาท จะช่วยให้การเดินทางขนส่งสินค้าร่นระยะเวลาได้มาก โดยจะมีการขุดเจาะ
อุโมงค์ ถนนสายตาก-แม่สอด หรือถนนสายเอเซีย ระยะทาง 85 กิโลเมตร เพื่อสะดวกในการเดินทาง และเชื่อมต่อกับสะพานเมย
2 รวมถึงการก่อสร้างถนนสายตะวันออก-ตะวันตก หรือ อีสต์-เวสต์ อีโคโนมิก คอร์ริดอร์ เป็น 4 ช่องจราจร จากมุกดาหาร
มาที่แม่สอด ระยะทาง 770 กิโลเมตร ซึ่งขณะนี้ดำ�เนินการไปแล้ว 75% ให้แล้วเสร็จในปีงบ ประมาณ 2558
คู่มือการจัดตั้งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นรูปแบบพิเศษ “นครแม่สอด”
ศักยภาพของนครแม่สอด13
คู่มือการจัดตั้งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นรูปแบบพิเศษ “นครแม่สอด”
ศักยภาพของนครแม่สอด
โครงการปรับปรุงท่าอากาศยานแม่สอดแห่งที่ 1
14
คู่มือการจัดตั้งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นรูปแบบพิเศษ “นครแม่สอด”
ศักยภาพของนครแม่สอด
ขอบเขตงาน โครงการปรับปรุงขยายท่าอากาศยานแม่สอด
15
คู่มือการจัดตั้งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นรูปแบบพิเศษ “นครแม่สอด”
ศักยภาพของนครแม่สอด
นครแม่สอด...แหล่งแรงงานเข้มข้น
แรงงานเข้มข้น
W2. แรงงานพม่าที่เป็นแรงงานหลักในอุตสาหกรรมแม่สอดเป็นแรงงานไร้ทักษะ
	 แรงงานพม่าที่เข้ามาขายแรงงานในประเทศไทยมีจำ�นวนมาก โดยในช่วงปี 2555-2556 คนพม่าเดินทางเข้ามา
โดยใช้บัตรผ่านแดน (Boarder Pass) ประมาณ 500,000 คน และกว่าร้อยละ 90 มีจุดประสงคะเพื่อขายแรงงานใน
ประเทศไทย สำ�หรับแรงงานพม่าที่ผ่านการพิสูจน์สัญชาติ ที่ทำ�งานในอำ�เภอแม่สอดในปี 2556 มีถึง 17,910 คน ซึ่ง
มากที่สุดในทุกอำ�เภอในจังหวัดตาก แต่อย่างไรก็ตามข้อมูลที่ได้จากการสัมภาษณ์เชิงลึก หน่วยงานใต้สังกัดกระทรวง
แรงงานในพื้นที่อำ�เภอแม่สอดพบว่าแรงงานพม่าที่เข้ามาในประเทศไทยเป็นแรงงานไร้ฝีมือ (Non-Skill labor) และเข้ามา
เป็นแรงงานในอุตสาหกรรมที่ใช้แรงงานเข้มข้น (Labor lntensive) โดยส่วนมากแรงงานเหล่านี้ที่ทำ�งานในอำ�เภอแม่สอด
จะทำ�งานในอุตสาหกรรมเสื้อผ้าและเครื่องนุ่งห่มที่เป็นอุตสาหกรรมหลักในพื้นที่ ซึ่งแรงงานพม่ามีผลิตภาพแรงงานต่ำ�เมื่อ
เปรียบเทียบกับประเทศใน ASEAN ดังนั้นแรงงานในอำ�เภอแม่สอดส่วนมากเป็นแรงงานไร้ฝีมือ
16
คู่มือการจัดตั้งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นรูปแบบพิเศษ “นครแม่สอด”
ศักยภาพของนครแม่สอด
เป็นศูนย์กลางทางการค้าเชื่อมโยงกับประเทศเพื่อนบ้าน
ความพร้อมของพื้นที่
02. เมียนมาร์เป็นช่องทางที่สำ�คัญในการกระจายสินค้าออกสู่ประเทศจีน อินเดีย
และบังกลาเทศ
	 เมียนมาร์ตั้งอยู่ท่ามกลางประเทศที่มีตลาดใหญ่เป็นลำ�ดับต้นๆ ของโลก ได้แก่ จีน อินเดีย และบังกลาเทศ (ดูราย
ละเอียดในแผนภาพที่ 5.3 ) โดยแต่ละประเทศนั้นมีจำ�นวนประชากรมากเป็นอันดับต้น ๆ ของโลก โดยในปี 2556 จีน
อินเดีย และบังกลาเทศ มีจำ�นวนประชากรมากที่สุดเป็นอันดับที่ 1 อันดับที่ 2 และอันดับที่ 4 ของโลกตามลำ�ดับ6 (ln-
ternational Monetary Fund: IMF ข้อมูล ณ วันที่ 19 มิถุนายน พ.ศ. 2557) รวมทั้งเป็นประเทศที่มีอัตราการ
เพิ่มของประชากรสูง ดังนั้นจึงถือว่าเป็นจุดแข็งของเมียนมาร์ในการทำ�การค้ากับทั้ง 3 ประเทศ ดังกล่าว ซึ่งสอดคล้อง
กับผล SWOT Analysis ในงานศึกษาหลายชิ้น เช่น กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (2555) และมหาวิทยาลัย
หอการค้าไทย (2555) เป็นต้น
17
คู่มือการจัดตั้งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นรูปแบบพิเศษ “นครแม่สอด”
ศักยภาพของนครแม่สอด 18
19
คู่มือการจัดตั้งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นรูปแบบพิเศษ “นครแม่สอด”
ศักยภาพของนครแม่สอด
		พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พอใจผลการ
ลงพื้นที่อ�ำเภอแม่สอด จังหวัดตาก เร่งผลักดันเขตเศรษฐกิจพิเศษภายในรัฐบาลนี้ แม่สอดถือว่า
มีศักยภาพสูง โดยต้องร่วมมือพัฒนากับเพื่อนบ้านสร้างการค้าที่ไร้พรมแดน เพิ่มมูลค่าการค้า
ชายแดนให้มากกว่า 1 แสนล้านบาท
พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พอใจการลงพื้นที่ติดตาม
ความก้าวหน้าของการพัฒนาพื้นที่ เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษตาก เพราะมี
ความคืบหน้าในด้านต่างๆ พร้อมยืนยันว่าภายในปี 2559 หรือภายในรัฐบาล
นี้จะต้องให้เกิดผลเป็นรูปธรรม ทั้งนี้จะเร่งแก้ปัญหาที่มีทั้งหมดพร้อมทั้ง
พิจารณาเรื่องของสิทธิประโยชน์ด้านการลงทุนทั้งกับนักลงทุนในพื้นที่ และ
นักธุรกิจจากภายนอก เพื่อให้เกิดโครงการน�ำร่องให้มากที่สุด เพราะแม่สอด
ถือว่ามีศักยภาพสูง โดยต้องร่วมมือพัฒนากับ
เพื่อนบ้านสร้างการค้าที่ไร้พรมแดน เพิ่มมูลค่า
การค้าชายแดนให้มากกว่า 1 แสนล้านบาท สิ่ง
ส�ำคัญ คือ ต้องเตรียมความพร้อมสร้างความ
เข้าใจกับประชาชนในพื้นที่ว่าจะได้รับประโยชน์
อย่างไร ด้านความร่วมมือระหว่างภาคเอกชน
กับทางจังหวัดในการขับเคลื่อนเขตเศรษฐกิจ
พิเศษนั้น นายกรัฐมนตรี พบกับผู้ว่าราชการ
จังหวัดเมียวดี และ ประธานหอการค้าเมียวดี
ที่มาให้การต้อนรับโดยนายกรัฐมนตรี ให้ค�ำมั่น
ว่า จะท�ำให้มูลค่าการค้าของทั้งสองประเทศ
เพิ่มขึ้นและ ให้ได้ผลประโยชน์ร่วมกัน
นายกฯหวังเขตศก.พิเศษตากเชื่อม ASEAN-EU
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชานายกรัฐมนตรีเป็น
ประธานประชุมติดตามผลการด�ำเนินงาน เขตพัฒนา
เศรษฐกิจพิเศษตาก ระบุการที่เราจะสร้างบ้านแปลง
เมืองประเทศไทยกันใหม่ ทุกจังหวัด ทุกพื้นที่ต้อง
ท�ำยุทธศาสตร์ของประเทศไทยคือ มั่นคง มั่งคั่งและ
ยั่งยืน ตามหลักการวิสัยทัศน์ของตน และความมั่นคง
ต้องควบคู่ไปกับความมั่งคั่ง แล้วในวันหน้าจะยั่งยืน
หากท�ำจุดนี้ส�ำเร็จจะเป็นประตูไปสู่อันดามัน เชื่อมต่อ
เมียนมาไปอินเดีย ปากีสถาน อิหร่าน ตุรกี ยุโรป ซึ่ง
เป็นการเชื่อมต่ออาเซียนกับสหภาพยุโรป
เส้นทางสายเมียวดี - กอกะเร็กสามารถเดินทางต่อไปยังเมือง
ผาอัน เมืองหลวงของรัฐกะเหรี่ยง เมืองสะเทิมในรัฐมอญ และ
ไปถึงนครย่างกุ้งได้
รัฐบาลไทย ส่งมอบ เส้นทาง แม่สอด-เมียวดี-กอกาเร็ก พร้อม จัดพิธี
ปฐมฤกษ์สะพานมิตรภาพไทย-เมียนมา ข้ามแม่น�้ำเมย แห่งที่ 2 หลังจากมีการ
ลงนามความตกลงว่าด้วยการก่อสร้างสะพานมิตรภาพไทย-เมียนมา แห่งที่ 2
เส้นทางสายเมียวดี-กอกะเร็กเส้นตัดใหม่เป็นส่วนหนึ่งของทางหลวงสายเอเชีย
หมายเลข 1 หรือ AH-1 โตเกียว-อิสตันบุล ระยะทาง 20,921 กิโลเมตรเชื่อมเอเชีย
ตะวันออกถึงยุโรป ซึ่งรัฐบาลไทยรับผิดชอบก่อสร้างถนนในช่วงเชิงเขา ตะนาว
ศรี-กอกะเร็ก วงเงินค่าก่อสร้าง 1,320 ล้านบาททั้งนี้ นอกจากนี้รัฐบาลไทยยัง
ได้มีโครงการก่อสร้าง สะพานมิตรภาพไทย-เมียนมา ข้ามแม่น�้ำเมย(ตองยิน) แห่ง
ที่ 2 มีมูลค่าการก่อสร้างทั้งสิ้น 3,910 ล้านบาท การด�ำเนินการในโครงการดัง
กล่าว เพื่อเป็นการพัฒนาโครงข่ายทางหลวงรองรับการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจ
ตะวันออก – ตะวันตก (East-West Economic Corridor) ที่จะเชื่อมโยงเส้น
ทางคมนาคม และขนส่งระหว่างประเทศไทยกับสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา ใน
การรองรับปริมาณการเดินทาง และการขนส่งสินค้าที่เพิ่มมากขึ้น และสอดรับการ
พัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษ และท้องถิ่นรูปแบบพิเศษนครแม่สอด โครงการก่อสร้าง สะพานมิตรภาพ
ไทย-เมียนมา ข้ามแม่น�้ำเมยแห่งที่ 2
มีมูลค่าการก่อสร้างทั้งสิ้น 3,910 ล้านบาท
20
คู่มือการจัดตั้งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นรูปแบบพิเศษ “นครแม่สอด”
ศักยภาพของนครแม่สอด
		
	 นายกฯ อินเดียเร่งสร้างทางหลวงเศรษฐกิจยาว 3,200 กิโลเมตรเชื่อมถึง 	
“นครแม่สอด” หนุนค้าภูมิภาคโตอีก 60%
เอเจนซีส์ / ASTV ผู้จัดการออนไลน์
	 นายกรัฐมนตรีนเรนทรา โมดีแห่งอินเดีย สร้างความฮือฮาครั้ง
ใหญ่ เมื่อมีการเปิดเผยการเดินหน้าโครงการสร้างถนนความยาว 3,200
กิโลเมตร เชื่อมเมืองโมเรห์ในรัฐมณีปุระของอินเดีย เข้ากับ “อำ�เภอแม่สอด”
ในจังหวัดตากของไทย ชี้หากสร้างเสร็จจะมีผลให้การค้าขายของภูมิภาค
เอเชียใต้ขยายตัวเพิ่มขึ้นถึง 60 เปอร์เซ็นต์จากระดับปัจจุบัน
รายงานข่าวซึ่งถูกเผยแพร่เมื่อวันพุธ (1) โดยหนังสือพิมพ์ “อินเดียน เอ็กซ์เพ
รสส์” ของอินเดีย ตลอดจนสื่อออนไลน์ชื่อดังของบังกลาเทศอย่าง “บีดีนิวส์ 24”
ระบุว่า นายกรัฐมนตรีนเรนทรา โมดีแห่งอินเดียในวัย 64 ปี ที่เข้ารับตำ�แหน่ง
หัวหน้ารัฐบาลแดนภารตะคนที่ 15 ในประวัติศาสตร์ตั้งแต่เมื่อเดือนพฤษภาคมปี
ที่แล้ว ประกาศเร่งเดินหน้าโครงการเมกะโปรเจกต์ก่อสร้างทางหลวงความยาว
ถึง 3,200 กิโลเมตร เพื่อเชื่อมโยงเมืองโมเรห์ในรัฐมณีปุระทางภาคตะวันออก
ของอินเดียเข้ากับอำ�เภอแม่สอดในจังหวัดตากของไทย โดยตัดผ่านเมืองมัณฑะ
เลย์ อดีตเมืองหลวงของพม่าและปัจจุบันเป็นเมืองใหญ่อันดับที่ 3 ของประเทศ
รองจากนครย่างกุ้ง และกรุงเนปิดอว์ ในความเป็นจริงแล้ว โครงการก่อสร้าง
ทางหลวงซึ่งเปรียบเสมือน “สะพานเศรษฐกิจ” ซึ่งเชื่อมอินเดียเข้ากับ “ภูมิภาค
อาเซียน” สายนี้ได้เริ่มต้นก่อสร้างมาบ้างแล้วบางส่วน แต่แหล่งข่าวทางการทูตในกรุงนิวเดลีของอินเดีย เปิดเผยว่านายกรัฐมนตรีโมดีต้องการ
ผลักดันให้การก่อสร้างเส้นทางคมนาคมสายนี้มีความคืบหน้ามากกว่าที่เป็นอยู่ โดยเฉพาะในส่วนของเส้นทางส่วนที่ต้องตัดผ่านประเทศเมีย
นมาร์ รายงานข่าวระบุว่า การเดินหน้าโครงการสร้างถนนความยาว 3,200 กิโลเมตร (เท่ากับความยาวของแนวชายฝั่งทะเลทั้งหมดของ
เวียดนาม) ถือเป็นส่วนหนึ่งในนโยบายต่างประเทศ “Act East policy” ของรัฐบาลโมดี ที่พัฒนาต่อยอดมาจากนโยบาย “Look East” ที่เน้น
การเสริมสร้างและกระชับความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจและการเมืองกับประเทศในเอเชียเป็นสำ�คัญ โดยเฉพาะประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออก
เฉียงใต้ที่เป็น “สมาชิกกลุ่มอาเซียน” ทั้งนี้ เป็นที่คาดกันว่า บางส่วนของทางหลวงเศรษฐกิจสายนี้จะเริ่มเปิดใช้ได้บางส่วนตั้งแต่ช่วงไตรมาสแรก
ของปี 2016 แต่หากการก่อสร้างแล้วเสร็จครบทั้ง 3,200 กิโลเมตร คาดว่าจะช่วยให้การค้าขายข้ามชายแดนระหว่างไทย พม่า และอินเดียจะ
ขยายตัวเพิ่มสูงขึ้นถึง 60 เปอร์เซ็นต์ และจะช่วยย่นระยะเวลาในการเดินทางและขนส่งสินค้าลงได้อย่างสำ�คัญ รายงานข่าวระบุว่า ในปัจจุบัน
การเดินทางจากรัฐมณีปุระของอินเดีย มายังเมืองมัณฑะเลย์ของเมียนมาร์ อาจต้องใช้เวลากว่า 48 ชั่วโมงหรือ 2 วัน แต่หากถนนสายนี้แล้ว
เสร็จจะใช้เวลาเหลือเพียง “14 ชั่วโมง” เท่านั้น ในอีกด้านหนึ่ง แหล่งข่าวซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูงภายในกระทรวงถนน การขนส่งและทางหลวง
(MoRTH) ของอินเดียเปิดเผยว่า รัฐบาลภายใต้การนำ�ของนายกรัฐมนตรีนเรนทรา โมดี ต้องการใช้ทางหลวงเศรษฐกิจสายนี้เป็นจุดเริ่มต้น
ในการเข้าถึงกลุ่มประเทศแถบลุ่มแม่น้ำ�โขงทั้งลาว เวียดนามและกัมพูชาด้วยเช่นกัน ซึ่งหากนโยบายนี้ประสบความสำ�เร็จ จะส่งผลให้อินเดียมี
ทางออกสู่ทะเลเพิ่มขึ้นอีกแห่ง นั่นคือ ทางออกสู่ “ทะเลจีนใต้” ที่ถือเป็นเขตอิทธิพลดั้งเดิมของจีน
21
คู่มือการจัดตั้งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นรูปแบบพิเศษ “นครแม่สอด”
ศักยภาพของนครแม่สอด
AEC อาเซียน NEWS…นายกรัฐมนตรีอินเดีย สร้างทางหลวงอินเดีย มุ่งสู่-แม่สอด! AEC
รองรับเส้นทางระเบียงเศรษฐกิจตะวันออก-ตะวันตก East-West Economic Corridor :
EWEC นครแม่สอดศูนย์กลางและประตู อาเซียน
		 นายนเรนทรา โมดี นายรัฐมนตรี ประเทศอินเดีย ได้เสนอสร้างถนนเส้นทางจาก
อินเดียเชื่อมผ่านพม่ามาสู่ไทย ที่ อ.แม่สอด จ.ตาก เพราะแม่สอด-ไทยอ ยู่จุดตรงกลางขนส่งสินค้า
ระหว่างอินเดีย กับกลุ่มประชาคมAsean Economics Communit- AEC –10 ประเทศอาเซียน
และเชื่อต่อผ่านไปจีนได้สบาย ทั้งเป็นแหล่งพักสินค้า ขายสินค้า กระจายสินค้า นำ�เข้า ส่งออก
เม็ดเงินมหาศาล ไม่แปลกที่อินเดีย ต่อถนนตรงถึงประเทศไทย เชื่อมผ่านพม่า ผลประโยขน์ทั้ง
อาเซียน บนเส้นทางระเบียงเศรษฐกิจตะวันออก-ตะวันตก East-West Economic Corri-
dor : EWEC
		 นายนเรนทรา โมดี นายรัฐมนตรี ประเทศอินเดีย ประกาศเร่งสร้างทางหลวง
เพื่อเศรษฐกิจความยาว 3,200 กิโลเมตรเชื่อมถึง “แม่สอด” หนุนค้าข้ามชายแดนโตอีก 60%
	 นายกรัฐมนตรีนเรนทรา โมดีแห่งอินเดีย สร้างความฮือฮาครั้งใหญ่ ด้วยการประกาศเดิน
หน้าโครงการสร้างถนนความยาว 3,200 กิโลเมตร เชื่อมเมืองโมเรห์ในรัฐมณีปุระของอินเดีย
มาเชื่อมกับ อำ�เภอแม่สอด จังหวัดตาก ของไทย ชี้หากสร้างเสร็จจะมีผลให้การค้าขายข้ามพรมแดน
ขยายตัวเพิ่มขึ้นถึง 60 % จากระดับปัจจุบัน
		 รายงานข่าวระบุว่า นายกรัฐมนตรีนเรนทรา โมดีแห่งอินเดียในวัย 64 ปีซึ่งเข้า
รับตำ�แหน่งหัวหน้ารัฐบาลแดนภารตะคนที่ 15 ในประวัติศาสตร์ตั้งแต่เมื่อเดือนพฤษภาคมปีที่
แล้ว ประกาศเร่งเดินหน้าโครงการเมกะโปรเจคต์ก่อสร้างทางหลวงความยาวถึง 3,200
กิโลเมตร เพื่อเชื่อมโยงเมืองโมเรห์ในรัฐมณีปุระทางภาคตะวันออกของอินเดียเข้ากับอำ�เภอ
แม่สอดในจังหวัดตากของไทย โดยตัดผ่านเมืองมัณฑะเลย์ ซึ่งเป็นอดีตเมืองหลวงของเมีย
นมาร์และปัจจุบันเป็นเมืองใหญ่อันดับที่สามของประเทศรองจากนครย่างกุ้งและกรุงเนปิด
อว์ ในความเป็นจริงแล้ว โครงการก่อสร้างทางหลวงซึ่งเปรียบเสมือน “สะพานเศรษฐกิจ” ซึ่งเชื่อมอินเดียเข้ากับ “ภูมิภาคอาเซียน” สายนี้
ได้เริ่มต้นก่อสร้างมาบ้างแล้วบางส่วน แต่แหล่งข่าวทางการทูตในกรุงนิวเดลีของอินเดีย เปิดเผยว่านายกรัฐมนตรีโมดีต้องการผลักดันให้การ
ก่อสร้างเส้นทางคมนาคมสายนี้มีความคืบหน้ามากกว่าที่เป็นอยู่ โดยเฉพาะในส่วนของเส้นทางส่วนที่ต้องตัดผ่านประเทศพม่า
	 รายงานข่าวระบุว่า การเดินหน้าโครงการสร้างถนนความยาว 3,200 กิโลเมตร ( ซึ่งเท่ากับความยาวของแนวชายฝั่งทะเลทั้งหมด
ของเวียดนาม) ถือเป็นส่วนหนึ่งในนโยบายต่างประเทศ “Act East policy” ของรัฐบาลอินเดีย ที่พัฒนาต่อยอดมาจากนโยบาย “Look
East” ที่เน้นการเสริมสร้างและกระชับความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจและการเมืองกับประเทศในเอเชียเป็นสำ�คัญ โดยเฉพาะประเทศในภูมิภาค
เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่เป็น “สมาชิกกลุ่มอาเซียน”
	 ทั้งนี้ เป็นที่คาดกันว่า บางส่วนของทางหลวงเศรษฐกิจสายนี้ จะเริ่มเปิดใช้ได้บางส่วนตั้งแต่ช่วงไตรมาสแรกของปี 2016 แต่หากการ
ก่อสร้างแล้วเสร็จครบทั้ง 3,200 กิโลเมตร คาดว่าจะช่วยให้การค้าขายข้ามชายแดนระหว่างไทย เมียนมา และอินเดียจะขยายตัวเพิ่มสูงขึ้นถึง
60 เปอร์เซ็นต์ และจะช่วยย่นระยะเวลาในการเดินทางและขนส่งสินค้าลงได้อย่างสำ�คัญ
	 รายงานข่าวระบุว่า ในปัจจุบันการเดินทางจากรัฐมณีปุระของอินเดีย มายังเมืองมัณฑะเลย์ของเมียนมาร์ อาจต้องใช้เวลากว่า 48
ชั่วโมงหรือ 2 วัน แต่หากถนนสายนี้แล้วเสร็จจะใช้เวลาเหลือเพียง “14 ชั่วโมง” เท่านั้น
	 แหล่งข่าวซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูงภายในกระทรวงถนน การขนส่งและทางหลวง (MoRTH) ของอินเดียแจ้งว่า รัฐบาลภายใต้การนำ�
ของนายกรัฐมนตรีนเรนทรา โมดี ต้องการใช้ทางหลวงเศรษฐกิจสายนี้ เชื่อมเส้นทางระเบียงเศรษฐกิจตะวันออก-ตะวันตก East-West
Economic Corridor : EWEC เป็นจุดเริ่มต้นในการเข้าถึงกลุ่มประเทศแถบลุ่มแม่น้ำ�โขงทั้งลาว เวียดนามและกัมพูชาด้วยเช่นกัน ซึ่งหาก
นโยบายนี้ประสบความสำ�เร็จ จะส่งผลให้อินเดียมีทางออกสู่ทะเลเพิ่มขึ้นอีกแห่ง นั่นคือ ทางออกสู่ “ทะเลจีนใต้” ที่ถือเป็นเขตอิทธิพลดั้งเดิมของ
จีน
22
คู่มือการจัดตั้งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นรูปแบบพิเศษ “นครแม่สอด”
ศักยภาพของนครแม่สอด
เมียนมาเห็นด้วยกับการพัฒนาโครงการในการพัฒนาถนน Trilateral Highway เชื่อมโยง
ระหว่างเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และเอเชียใต้
นายกรัฐมนตรีนเรนทรา โมดี แห่งอินเดีย และพลเอก
ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีประเทศไทย
ในโอกาสที่เยือนประเทศเมียนมา
พลเอกเต็ง เส่ง
ประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา
	 เมียนมาเห็นด้วยกับการพัฒนาโครงการในการพัฒนา
ถนน Trilateral Highway ซึ่งจะเป็นการเชื่อมโยงการคมนาคมทาง
บกระหว่างอินเดีย เมียนมา และไทย เพราะจะช่วยส่งเสริมการเชื่อม
โยงระหว่างเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และเอเชียใต้ โดยไทยและเมียนมา
เตรียมหารือกับนายกรัฐมนตรีอินเดียในการประชุม ASEAN +3 เพื่อ
พัฒนาถนนเส้นดังกล่าว เนื่องจากว่าเป็นการพัฒนาการเชื่อมโยงตาม
แนวทางพัฒนามองตะวันออก หรือ LOOK EAST ของอินเดีย
	 ไทยสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตกับเมียนมาเมื่อวันที่ 24 สิงหาคม พ.ศ. 2491
โดยมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกันทั้งด้านการเมือง เศรษฐกิจ และสังคม เช่น การท�ำข้อตกลงการข้า
ระหว่างกัน เพื่อร่วมมือและแก้ไขปัญหาทางการค้า โดยที่ไทยมีมูลค่าการลงทุนในเมียนมาเป็น
ล�ำดับที่ 3 รองจากสิงคโปร์และอังกฤษ การพัฒนาโครงข่ายเส้นทางคมนาคม เช่น โครงการ
พัฒนาท่าเรือน�้ำลึกทวาย นิคมอุตสาหกรรมและเส้นทางคมนาคมเชื่อมระหว่างประเทศไทยและ
ประเทศเมียนมา เพื่อเป็นการเชื่อมโยงแนวเส้นทางพื้นที่เศรษฐกิจระหว่างทะเลอันดามันกับอ่าว
ไทย และยังมีการสร้างเส้นทางถนนสามฝ่าย เชื่อมโยงไทย – เมียนมา – อินเดีย ซึ่งรัฐบาลไทย
ช่วยเหลือแบบให้เปล่า นอกจากนี้ยังมีความร่วมมือในด้านการแก้ปัญหาต่างด้าว เพื่ออ�ำนวย
ความสะดวกให้แก่แรงงานต่างด้าวสัญชาติเมียนมา ความร่วมมือด้านยาเสพติดเพื่อแลกเปลี่ยน
ข้อมูลและจับกุมขบวนการค้ายาเสพติดข้ามชาติ รวมทั้งความร่วมมือด้านการพัฒนาทรัพยากร
มนุษย์ การท่องเที่ยว และความร่วมมือวิชาการ
	 การสถาปนาความสัมพันธ์บ้านพี่เมืองน้อง (Sister City)) ระหว่างแม่สอดและเมียวดี โดยที่
อ�ำเภอแม่สอด จังหวัดตาก และจังหวัดเมียวดีของเมียนมามีความสัมพันธ์ทางด้านเศรษฐกิจ การค้า สังคม
และวัฒนธรรมระหว่างกันมาอย่างยาวนาน โดยเฉพาะในด้านการค้าชายแดนผ่านด่านศุลกากรแม่สอด
จังหวัดตาก มีมูลค่าการส่งออกสูงสุดเมื่อเทียบกับด่านศุลกากรอื่น ๆ ระหว่างไทย - เมียนมา โดยในปี 2557
(มกราคม - พฤศจิกายน) ปริมาณการค้ารวมผ่านด่านแม่สอดมีมูลค่า 57,000 ล้านบาท แยกเป็นการส่งออก 54,300 ล้านบาท ขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 37 และ
การน�ำเข้า 2,700 ล้านบาท ขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 13 การสถาปนาความสัมพันธ์บ้านพี่เมืองน้อง (Sister City) ระหว่างแม่สอดและเมียวดี จะช่วยเสริมสร้าง
ความใกล้ชิดระหว่างสองเมืองเพิ่มมากขึ้น อันจะเป็นส่วนส�ำคัญในการขยายตัวทางการค้าชายแดนและการลงทุนระหว่างกัน และเป็นประโยชน์ต่อทั้งสองประเทศ
ในภาพรวม รวมทั้งจะสนับสนุนสอดคล้องกับการจัดตั้งนครแม่สอด เป็นองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นรูปแบบพิเศษ นครแม่สอด
	 มติ ครม. ให้ไทย-เมียนมา ถือหนังสือเดินทางเข้าประเทศได้ 14 วัน ไม่ต้องท�ำวีซ่า มติ ครม. อนุญาตให้ทั้งผู้ถือหนังสือเดินทางไทยและเมียนมา เข้าประเทศ
ของแต่ละฝ่ายได้โดยไม่ต้องขอวีซ่าเป็นเวลา 14 วัน โดยการยกเว้นวีซ่านี้ มีผลเพียงการเดินทางทางอากาศ ประกอบไปด้วยด่านตรวจคนเข้าเมืองในสนามบินนานาชาติ
ของเมียนมาทั้ง 3 แห่ง ได้แก่ สนามบินย่างกุ้ง สนามบินมัณฑะเลย์ สนามบินเนปิดอ ซึ่งผลในทางกลับกัน ผู้ถือหนังสือเดินทางเมียนมาสามารถเข้าประเทศไทยทางอากาศ
ทั้ง 23 สนามบินในประเทศไทยได้โดยไม่ต้องมีวีซ่า 14 วัน ส่วนการเดินทางผ่านแดนทางบก ทุกด่านชายแดนถาวร ยังจ�ำเป็นต้องมีวีซ่า ซึ่งในอนาคตการเดินทางผ่าน
พรมแดนระหว่างประเทศเพื่อนบ้านต้องมีการอ�ำนวยความสะดวกมากยิ่งขึ้น เพื่อรองรับการเปิดประตู สู่ ประชาคมอาเซียนต่อไป

More Related Content

More from nakornmaesot59

More from nakornmaesot59 (20)

หัวข้อ 06
หัวข้อ 06หัวข้อ 06
หัวข้อ 06
 
เนื้องาน
เนื้องานเนื้องาน
เนื้องาน
 
หน้าปก
หน้าปกหน้าปก
หน้าปก
 
บทนำสารบัญ
บทนำสารบัญบทนำสารบัญ
บทนำสารบัญ
 
หัวข้อ 11
หัวข้อ 11หัวข้อ 11
หัวข้อ 11
 
หัวข้อ 14
หัวข้อ 14หัวข้อ 14
หัวข้อ 14
 
หัวข้อ 15
หัวข้อ 15หัวข้อ 15
หัวข้อ 15
 
หัวข้อ 13
หัวข้อ 13หัวข้อ 13
หัวข้อ 13
 
หัวข้อ 12
หัวข้อ 12หัวข้อ 12
หัวข้อ 12
 
หัวข้อ 17
หัวข้อ 17หัวข้อ 17
หัวข้อ 17
 
หัวข้อ 16
หัวข้อ 16หัวข้อ 16
หัวข้อ 16
 
หัวข้อ 19
หัวข้อ 19หัวข้อ 19
หัวข้อ 19
 
หัวข้อ 18
หัวข้อ 18หัวข้อ 18
หัวข้อ 18
 
หัวข้อ 20
หัวข้อ 20หัวข้อ 20
หัวข้อ 20
 
หัวข้อ 21
หัวข้อ 21หัวข้อ 21
หัวข้อ 21
 
หัวข้อ 04
หัวข้อ 04หัวข้อ 04
หัวข้อ 04
 
หัวข้อ 03
หัวข้อ 03หัวข้อ 03
หัวข้อ 03
 
หัวข้อ 01
หัวข้อ 01หัวข้อ 01
หัวข้อ 01
 
หัวข้อ 05
หัวข้อ 05หัวข้อ 05
หัวข้อ 05
 
หัวข้อ 07
หัวข้อ 07หัวข้อ 07
หัวข้อ 07
 

หัวข้อ 02

  • 1. 3 คู่มือการจัดตั้งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นรูปแบบพิเศษ “นครแม่สอด” ศักยภาพของนครแม่สอด ศักยภาพของนครแม่สอด มูลค่าการนำ�เข้า/ ส่งออกสินค้า เส้นทางโลจิสติกส์ แรงงานเข้มข้น ความพร้อม ของพื้นที่ www.themegallery.com EASTWESTECONOMICSCORRIDOR จุดเด่นของพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษตาก จังหวัดตาก มีพื้นที่ชายแดนติดประเทศเมียนมาร์ยาวประมาณ 540 กิโลเมตร โดยด่านการค้าหลักอยู่ระหว่างชายแดน อำ�เภอแม่สอด และจังหวัดเมียวดี นับตั้งแต่เมียนมาเริ่มพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ ในปี พ.ศ. 2554 ประเทศไทยจึงมีโอกาส อย่างสูงในการเข้าไปเพื่อลงทุนหรือขยายธุรกิจการค้าระหว่างประเทศและการค้าชายแดนให้มากขึ้นหลายเท่าตัว ด้วยศักยภาพและความพร้อมของจังหวัดตาก ทั้งด้านเศรษฐกิจ การลงทุนภาคอุตสาหกรรม ภาคการเกษตร และ ภาคการท่องเที่ยว และได้รับการสนับสนุนจากทุกภาคส่วนในพื้นที่ร่วมกันผลักดันอย่างต่อเนื่อง โดยพื้นที่ชายแดนจังหวัดตาก สามารถเชื่อมโยงกับเขตการค้าเมียวดี (Myawady Trade Zone) ของประเทศเมียนมา มีพื้นที่ตั้งอยู่ปลายแนวเชื่อมโยงทาง เศรษฐกิจ (East-Weast Economic Corridor: EWEC ) เป็นจุดตัดระหว่างแนวทางการเชื่อมโยงเศรษฐกิจ Nouth South Eco- nomic Corridor ( NSEC ) มีโครงข่ายการคมนาคมทางบกที่สนับสนุนการขนส่งทั้งผู้โดยสารและสินค้า มีสนามบินพาณิยช์ เป็น แหล่งผลิตทางการเกษตรและแหล่งท่องเที่ยวเชิงนิเวศที่มีความโดดเด่นเฉพาะตัว ตลอดจนประตูสู่อันดามัน รวมทั้งกรอบความร่วมมือระหว่างประเทศที่มีอิทธิพลต่อการพัฒนาพื้นที่แม่สอด เช่น กรอบความร่วมมืออนุภูมิภาคลุ่ม แม่น้ำ�โขง กรอบความร่วมมือ อิระวดี-เจ้าพระยา-แม่โขง และกรอบยุทธศาสตร์ BIMSTEC รวมถึงสามารถเชื่อมโยงกับเส้นทางการ ค้าขายเป็นประตูสู่ยุโรปได้ ประกอบกับมีมูลค่าการค้าขายชายแดน ปีละกว่า 60,000 ล้านบาท และคาดว่าในปี 2558 ในการ เข้าสู่ประชาคมอาเซียน จะเพิ่มมูลค่าการค้าขายชายแดนกว่า 100,000 ล้านบาท มีฐานการลงทุนเดิมในพื้นที่ เป็นอุตสาหกรรม ที่ใช้แรงงานเข็มข้น เช่น อุตสาหกรรมสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม มีพื้นที่ชายแดนติดกับจังหวัดเมียวดีทำ�ให้สามารถใช้ประโยชน์จาก แรงงานต่างด้าวที่เดินทางไปกลับได้ นอกจากนี้ยังมีกลุ่มนักธุรกิจ นักลงทุน ทั้งในและต่างประเทศ เช่น จีน มาเลเซีย เกาหลีใต้ เวียดนาม ต่างสนใจมาลงทุนในพื้นที่ ทั้งด้านการค้าขาย ด้านอุตสาหกรรม ด้านการท่องเที่ยว ด้านการค้าอัญมณี ด้านการเกษตร กรรม พื้นที่ชายแดนจังหวัดตากจึงมีศักยภาพและความพร้อมของพื้นที่จึงส่งผลให้จังหวัดตากเป็นพื้นที่ยุทธศาสตร์ทั้งในเชิง ความมั่นคง เศรษฐกิจแหล่งทรัพยากร และจุดเชื่อมโยงไปยังภูมิภาคอื่น มีศักยภาพสูงต่อการส่งเสริมให้เกิดการพัฒนาไปสู่ความ เป็นศูนย์กลางทางการค้าและเศรษฐกิจชายแดนฝั่งตะวันตกของประเทศไทย
  • 2. 4 คู่มือการจัดตั้งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นรูปแบบพิเศษ “นครแม่สอด” ศักยภาพของนครแม่สอด มูลค่าการนำ�เข้า/ส่งออกสินค้า มูลค่าการนำ�เข้า ด่านศุลกากรแม่สอด ปีงบประมาณ 2558 ( 1 ตุลาคม 2557-31พฤษภาคม 2558 ) มูลค่านำ�เข้า 2,594.76 ล้านบาท เปรียบเทียบกับปีที่ผ่านมาในช่วงเดียวกัน ซึ่งมีมูลค่า 2,387.09 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 8.70 มูลค่าการค้ารวม 45,275.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้น ร้อยละ 17.18 มูลค่าการส่งออก ด่านศุลกากรแม่สอด ปีงบประมาณ 2558 ( 1 ตุลาคม 2557-31พฤษภาคม 2558 ) มูลค่านำ�เข้า 42,680.731 ล้านบาท เปรียบเทียบกับปีที่ผ่านมาในช่วงเดียวกัน ซึ่งมีมูลค่า 36,248.664 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 17.74
  • 3. คู่มือการจัดตั้งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นรูปแบบพิเศษ “นครแม่สอด” ศักยภาพของนครแม่สอด สถิติส่งออกสินค้าถ่ายลํา/ผ่านแดน ด่านศุลกากรแม่สอด ปีงบประมาณ 2558 (ตุลาคม 2557 - พฤษภาคม 2558) ปริมาณ หน่วย นํ�าหนัก (ตัน) มูลค่า (ล้านบาท) รถยนต์ 18,734 คัน - 1,375.19 จักรยาน 283,441 คัน - 147.86 รถจักรยานยนต์ 7,397 คัน - 1,272,52 หมาก 342,136 กระสอบ 26,599.47 1,160.35 สถิติส่งออกสินค้าถ่ายลํา/ผ่านแดน ด่านศุลกากรแม่สอด ปีงบประมาณ 2558 (ตุลาคม 2557 - พฤษภาคม 2558) สินค้าเก่าจากญี�ปุ่น นํ�าหนัก (ตัน) มูลค่า (ล้านบาท) เครื�องใช้ในครัวเรือน เครื�องใช้ไฟฟ้ าเก่าใช้แล้ว, 3,754.08 155.736 เสื�อผ้าเก่าใช้แล้ว 432.398 13.851 ถังแก๊สเปล่าใช้แล้ว 232.292 5.565 อุปกรณ์ใช้ในโรงพยาบาลเก่าใช้แล้ว (เตียง เก้าอี� ฯลฯ จํานวน 12,123 ชิ�น) 226.689 6.335 4,645.46 181.489 5
  • 4. คู่มือการจัดตั้งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นรูปแบบพิเศษ “นครแม่สอด” ศักยภาพของนครแม่สอด ปัญหาอุปสรรคและข้อเสนอแนะ ประเด็น รายละเอียด / ข้อเสนอ ๑. ขอระงับการบังคับใช้ผังเมืองรวม (ฉบับใหม่) ที่จะประกาศใช้ในพื้นที่เขต พัฒนาเศรษฐกิจพิเศษตาก ๑๔ ตาบล มอบหมายให้จังหวัดตากมีหน้าที่ในการ จัดทาผังเมืองในพื้นที่ เขตพัฒนาเศรษฐกิจ พิเศษตาก ๑๔ ตาบล ๒. การใช้ประโยชน์ที่ดินในเขต พัฒนาเศรษฐกิจพิเศษตาก ในพื้นที่ สหกรณ์นิคมสปก., นสร., ป่ามติ ครม., สทก., ทุ่งหญ้าเลี้ยงสัตว์ และอื่นๆ ข้อเสนอ : เห็นควรพิจารณาใช้มาตรา ๔๔ รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับ ชั่วคราว) พ.ศ. ๒๕๕๗ บังคับใช้ ดังนี้ (1) จัดทาผังเมืองรวมเฉพาะเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษตาก รวม 14 ตาบล (2) ยกเลิกการบังคับใช้กฎหมายปฏิรูปที่ดินในเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ ตาก (3) ให้หัวหน้าคณะทางานขับเคลื่อนเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษตาก ระดับ ตาบลทั้ง 14 ตาบลเป็นคณะทางานสารวจรังวัดที่ดินเพื่อออกเอกสารสิทธิ์ (โฉนด) โดยมอบให้ จังหวัดเป็นเจ้าภาพดาเนินการ ข้อเสนอ : เห็นควรพิจารณาใช้มาตรา ๔๔ รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับ ชั่วคราว) พ.ศ. ๒๕๕๗ ดังนี้ (๑) สหกรณ์นิคม - ยกเลิกประกาศป่าทับที่สหกรณ์นิคม - เพิ่มวัตถุประสงค์ในการใช้ประโยชน์ที่ดิน เพื่อให้สมาชิกสหกรณ์นิคมซึ่งเป็นประชาชนในพื้นที่ได้มี โอกาสนาที่ดินในการรวมกลุ่มกันให้นักลงทุนเช่า หรือให้ สมาชิกเข้าไปเป็นหุ้นส่วนกับการลงทุนในพื้นที่โดยวิธีอื่นๆ ซึ่งจะทาให้คนในพื้นที่ได้รับโอกาสในการพัฒนาพื้นที่เขต พัฒนาเศรษฐกิจพิเศษตากควบคู่กับนักลงทุนภายนอก (๒) ป่ามติ ครม. - ยกเลิกประกาศป่ามติ ครม. /ที่ราชพัสดุ ชดเชยค่าเวนคืนที่ดินให้ ประชาชนที่ครอบครองพื้นที่ดังกล่าวอย่าง เป็นธรรม - สทก. (สิทธิทากิน) ที่ป่าไม้สารวจแล้วให้เพิกถอนออกเอกสารสิทธิ์ ที่ดินทากินให้ประชาชนที่ครอบครองได้ - ทุ่งหญ้าเลี้ยงสัตว์ ตาบลแม่กุ, ตาบลแม่ตาว (1) ให้สามารถออกเอกสารสิทธิ์ที่ดินทากินให้ประชาชน ครอบครองได้ 6
  • 5. คู่มือการจัดตั้งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นรูปแบบพิเศษ “นครแม่สอด” ศักยภาพของนครแม่สอด ประเด็น รายละเอียด / ข้อเสนอ (2) จ่ายค่าเช่าพื้นที่ที่ประชาชนครอบครอง กรณีมีการก่อสร้าง อุตสาหกรรม และสถานที่ราชการ อย่างเป็นธรรม (3) ชดเชยค่าเวนคืนที่ดินให้ประชาชนที่ครอบครองพื้นที่ดังกล่าว อย่างเป็นธรรม (๓) ที่ดินประเภท สปก. นสร. และอื่นๆ ที่รัฐบาลเห็นว่าเหมาะสม ให้สามารถออกเอกสารสิทธิ์ที่ดินทากินให้ประชาชนที่ครอบครองได้ และผลที่คาด ว่าจะได้รับ มีดังต่อไปนี้ (3.1) รัฐจะได้รับค่าธรรมเนียมจากการออกเอกสารสิทธิ์จากเจ้าของที่ดินเดิมทั้งหมด 391,392 ไร่ฯ ละ 1,000 บาท (3.2) จะมีรายได้ค่าธรรมเนียมในการซื้อ - ขาย โอน, จานอง และทาธุรกรรมต่างๆ (3.3) ไม่มีผลกระทบต่อประชาชนที่ครอบครองที่ดินเดิม (3.4) ตรงกับความต้องการของนักลงทุนที่มีความประสงค์จะซื้อที่ดินเพื่อการลงทุน (3.5) ทาให้เกิดกระบวนการซื้อขายที่ดินและทาธุรกรรมต่างๆ อย่างถูกต้องตาม กฎหมาย (3.6) ทาให้การวางผังเมืองในพื้นที่เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษตาก เป็นไปตาม ศักยภาพของพื้นที่ (3.7) ทาให้เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษตาก ประสบความสาเร็จตามนโยบายของ คสช. ๓. การจัดเก็บค่าธรรมเนียม แรงงาน ต่างด้าว ในเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษตาก “สหกรณ์แรงงานอาเซียน” ตามดาริของ พลเอก สุรศักดิ์ กาญจนรัตน์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ในการ ประชุมตรวจเยี่ยมพื้นที่เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษตาก เมื่อวันที่ ๑๖ กรกฎาคม ๒๕๕๘ ณ ห้องประชุมอาคารเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษตาก ชั้น ๔ ได้มีดาริในประเด็นสนับสนุนให้ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น สมควรได้รับส่วนแบ่งการจัดเก็บค่าธรรมเนียมแรงงานต่างด้าว ใน เขตพัฒนาเศรษฐกิจ พิเศษตาก เนื่องจากเกิดผลกระทบเกี่ยวกับภาระค่าใช้จ่ายของ อปท.ที่ ต้องใช้ เพื่อควบคุมและดูแลรักษาสิ่งแวดล้อมที่เกิดจากการกระทาของคนต่างด้าวที่อาศัยอยู่ ในเขต อปท. เช่น ค่ากาจัดขยะ การบาบัดน้าเสีย หรือการแก้ไขปัญหาชุมชนแออัด เป็นต้น ข้อเสนอ : เห็นควรพิจารณาให้ อปท.ในเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษตาก ได้รับส่วนแบ่งการ จัดเก็บค่าธรรมเนียมแรงงานต่างด้าวในพื้นที่ และร่วมเป็นคณะกรรมการด้านแรงงานในเขต พัฒนาเศรษฐกิจพิเศษตาก 7
  • 6. คู่มือการจัดตั้งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นรูปแบบพิเศษ “นครแม่สอด” ศักยภาพของนครแม่สอด ประเด็น รายละเอียด / ข้อเสนอ ๔. โครงการแม่ละเมา (โครงการ เพิ่ม น้าให้อ่างเก็บน้าเขื่อนภูมิพล ระยะที่ 1) โครงการเพิ่มน้าในอ่างเก็บน้าเขื่อนภูมิพล กฟผ.ได้ด้าเนินโครงการศึกษาตามมติ คณะรัฐมนตรี เมื่อ ๑๗ พฤศจิกายน ๒๕๓๕ เพื่อน้าไปใช้เป็นมาตรการแก้ไขปัญหาการขาด แคลนน้าระยะยาว สามารถส่งน้าไปใช้เพื่อการอุปโภค บริโภค และพืนที่เกษตรกรรมท้าย เขื่อนในฤดูแล้งได้ประมาณ ๒๐,๐๐๐ ไร่ ส้าหรับปริมาณน้าที่ผันมายังเขื่อนภูมิพลนันสามารถ น้าไปใช้เพื่อการอุปโภคและบริโภค อุตสาหกรรมหรือเกษตรกรรมด้านท้ายน้าของเขื่อนภูมิพล ได้ตามความเหมาะสมและสามารถน้ามาผลิตกระแสไฟฟ้าเป็นผลพลอยได้อีกด้วย ข้อเสนอ : เพื่อเป็นทางเลือกในการแก้ไขปัญหาวิกฤตการณ์ขาดแคลนน้าใน ระยะยาว เห็นควรพิจารณาผลักดันโครงการแม่ละเมา (โครงการเพิ่มน้าให้ อ่างเก็บน้าเขื่อนภูมิพล ระยะที่ ๑) ให้เกิดขึนอย่างเป็นรูปธรรมต่อไป ๕.โครงสร้างการบริหารเขตพัฒนา เศรษฐกิจพิเศษตาก ๑๔ ต้าบล (ผู้ว่าราชการจังหวัด+ส่วนราชการ+ ภาคเอกชน+ท้องถิ่น) ข้อเสนอ : เห็นควรพิจารณามอบอ้านาจให้ผู้ว่าราชการจังหวัดหรือรูปแบบ คณะกรรมการหรือหัวหน้าส่วนราชการ มีอ้านาจในการอนุมัติ อนุญาตการพิจารณาหรือการ ปฏิบัติใดๆ ตามที่ก้าหนดไว้ในพระราชกฤษฎีกา ทัง ๒๐ ฉบับ ได้แก่ กฎหมายว่าด้วยการ ส่งเสริมการลงทุน ว่าด้วยการท้างานของคนต่างด้าว ,ว่าด้วยการประกอบธุรกิจน้าเที่ยวและ มัคคุเทศก์ ,ว่าด้วยการส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม ,ว่าด้วยผังเมือง ,ว่าด้วยโรงงาน , ว่าด้วยการจราจรทางบก ,ว่าด้วยการเวนคืนที่ดิน ,ว่าด้วยประมวลกฎหมายที่ดิน , ว่าด้วย การบินพลเรือน ,ว่าด้วยด่านศุลกากร,ว่าด้วยกรมทางหลวง ,ว่าด้วยการทางพิเศษ .ว่าด้วยป่า ไม้ ,ว่าด้วยการปฏิรูปที่ดิน (สปก.) ,ว่าด้วยการนิคมสหกรณ์การเกษตร ,ว่าด้วยนิคม อุตสาหกรรม ,ว่าด้วยตรวจคนเข้าเมือง เป็นต้น รายได้ - ภาษี, อากร, ที่จัดเก็บในพืนที่ โดยจัดแบ่งตามที่รัฐบาลก้าหนด - แผนปฏิบัติการพัฒนา SEZ ตากในรูปแบบเป็นงบประมาณอุดหนุนจาก รัฐบาล - อื่นๆ ตามที่รัฐบาลก้าหนด ก้ากับดูแล - กนพ. โดยนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน หมายเหตุ : แผนงานโครงการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนในเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษตาก ระดับต้าบล ทัง 14 ต้าบล ให้ คณะท้างานขับเคลื่อนเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษตาก ระดับต้าบลแต่ละต้าบล น้าส่งผ่าน อ้าเภอ/จังหวัด ต่อไป 8
  • 7. คู่มือการจัดตั้งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นรูปแบบพิเศษ “นครแม่สอด” ศักยภาพของนครแม่สอด แม่สอดเป็นศูนย์กลางของระบบโลจิสติกส์ที่เชื่อม โยง ไปสู่ภูมิภาคต่างๆ ด่านแม่สอดเป็นศักยภาพในการกระจายสินค้า แปรรูปของไทยและนำ�เข้าวัตถุดิบอุตสาหกรรม เพื่อแปรรูปสร้างมูลค่าเพิ่ม เชี่อมโยงไปยังย่างกุ้งศูนย์กลางทางเศรษฐกิจของ เมียนมาร์ได้สะดวก เป็นอุปทานแรงงานพม่า ความต้องการสินค้าของเมียนมาร์มีแนวโน้มเพิ่ม สูงขึ้น เปิดโอกาสให้ขยายตลาดสินค้าไทยเมียมาร์ เมียนมาร์เป็นช่องทางที่สำ�คัญในการกระจาย สินค้าออกสู่ประเทศจีน อินเดีย และบังกลาเทศ การปฏิรูปการเมืองทำ�ให้เมียนมาร์เปิดประเทศ มากขึ้น เพิ่มโอกาสในการพัฒนาเศรษฐกิจร่วม กันระหว่างไทย-เมียนมาร์ พื้นที่แม่สอดเป็นเขตป่าทำ�ให้พื้นที่ใช้ประโยชน์ได อย่างจำ�กัด เสถียรภาพทางการเมืองเมียนมาร์ไม่ลงตัว ทำ�ให้ การดำ�เนินนโยบายการพัฒนาในระดับพื้นที่ไม่ ชัดเจน ระเบียบการค้าชายแดนไม่เอื้ออำ�นวยการค้า ชายแดนในอนาคต นโยบายการพัฒนาระบบโครงสร้างถนนของฝั่ง เมียนมาร์ยังไม่เสร็จสมบูรณ์ ระบบโครงสร้างสาธารณูปโภคพื้นฐานในแม่สอดมี จำ�กัด แรงงานพม่าที่เป็นแรงงานหลักในอุตสาหกรรม แม่สอดเป็นแรงงานไร้ทักษะ อุตสาหกรรมในแม่สอดมีผลิตภาพแรงงานต่ำ� ขาดเอกภาพในการบริหารจัดการปัญหาและขาด การประสานความร่วมมือของหน่วยงานต่างๆ ใน พื้นที่ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นต้องรับภาระการจัดการ ส่งธารณะมากกว่าปกติอันเนื่องมาจากจำ�นวน แรงงานข้ามชาติที่เข้ามาทำ�งานในแม่สอด โอกาส (Opportunities: O) จุดแข็ง (Strengths: S) จุดอ่อน (Weaknesses: W) ข้อจำ�กัด (Threats: T) S2. W1. W2. W3. W4. W5. S1. S3. S4. O1. T1. T2. T3. T4. O2. O3. การวิเคราะห์ SWOT ANALYSIS 9
  • 8. คู่มือการจัดตั้งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นรูปแบบพิเศษ “นครแม่สอด” ศักยภาพของนครแม่สอด 10 เส้นทางโลจิสติกส์ S1. เป็นศูนย์กลางของระบบโลจิสติกส์ที่เชื่อมโยงไปสู่ภูมิภาคต่างๆ อำ�เภอแม่สอดตั้งอยู่เส้นทางที่สำ�คัญ 2 เส้นทาง ได้แก่ เส้นทาง เชื่อมโยงเศรษฐกิจตะวันออก-ตะวันตก หรือ เส้นทางระเบียงเศรษฐกิจแนว ตะวันออก-ตะวันตก (East-Weast Economic Corridor: EWEC) ที่เชื่อมต่อระหว่างมหาสมุทรอินเดียทางตะวันตกและมหาสมุทรแปซิฟิกทาง ตะวันออกและ เส้นทางหลวงสายเอเชียสาย1 (Asian Highway: AH1) ที่เป็นเส้นทางเชื่อมระหว่างทวีปเอเชียกับยุโรป
  • 9. คู่มือการจัดตั้งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นรูปแบบพิเศษ “นครแม่สอด” ศักยภาพของนครแม่สอด รถไฟทางคู่ เส้นทาง นครสวรรค์-กำ�แพงเพชร-ตาก-แม่สอด ร.ฟ.ท.เปิดแนวเส้นทางใหม่เชื่อมโยงโลจิสติกส์ขนส่งสินค้าและผู้โดยสารรับแผนการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษแม่สอด ด้วยรถไฟทางคู่ เส้นทางนครสวรรค์–กำ�แพงเพชร–ตาก–แม่สอด ระยะทางกว่า 256 กิโลเมตร ปลายเดือนมิถุนายนเริ่ม กระบวนการเปิดรับฟังความเห็นประชาชนในพื้นที่ แบ่ง 2 ช่วงดำ�เนินการยื่นขออีไอเอปี 59 นี้ แหล่งข่าวระดับสูงจากการรถไฟแห่งประเทศไทย(ร.ฟ.ท.) เปิดเผย “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า จากการที่รัฐบาลดำ�เนินนโยบาย เปิดเขตเศรษฐกิจพิเศษ โดยเฉพาะพื้นที่อำ�เภอสอด จังหวัดตาก ให้เกิดขึ้นก่อน เพื่อให้สอดรับแผนดังกล่าว ร.ฟ.ท.เตรียม เพิ่มประสิทธิภาพการคมนาคมขนส่งและเชื่อมโยงพื้นที่เศรษฐกิจพิเศษ โดยว่าจ้างกลุ่มบริษัทที่ปรึกษาศึกษาความเหมาะสม โครงการก่อสร้างทางรถไฟสายนครสวรรค์–กำ�แพงเพชร–ตาก–แม่สอด “เนื่องจากจังหวัดตากและจังหวัด กำ�แพงเพชรยังไม่มีเส้นทางรถไฟผ่านซึ่งหากมีการพัฒนาโครงข่ายทางรถไฟใน พื้นที่ดังกล่าวจะเกิดผลดีต่อการเดินทางและขนส่งสินค้าไปยังอำ�เภอแม่สอดหรือ บริเวณใกล้เคียงให้มีความสะดวกประหยัดและ ปลอดภัยทั้งยังเป็นกำ�ลังสำ�คัญในการ ส่งเสริมการพัฒนาพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษแม่สอดให้ประสบผลสำ�เร็จ” สำ�หรับโครงการก่อสร้างทางรถไฟสายนครสวรรค์–กำ�แพงเพชร–ตาก–แม่สอด แบ่งเป็น 2 ช่วงคือช่วงแรกมีระยะ ทาง 187.9 กิโลเมตรผ่านพื้นที่ 3 จังหวัด 10 อำ�เภอ มีจำ�นวน 24 สถานี จุดเริ่มต้นจากสถานีนครสวรรค์ ผ่าน อำ�เภอเมืองนครสวรรค์ อำ�เภอ เก้าเลี้ยว อำ�เภอบรรพตพิสัย เข้าสู่จังหวัดกำ�แพงเพชร ผ่านอำ�เภอขาณุวรลักษบุรี อำ�เภอ คลองขลุง อำ�เภอเมือง อำ�เภอพรานกระต่าย อำ�เภอโกสัมพีนคร เข้าสู่พื้นที่จังหวัดตาก ผ่านอำ�เภอวังเจ้า สิ้นสุดเส้นทางช่วง ที่ 1 ที่อำ�เภอเมืองตาก และช่วงที่ 2 ระยะทาง 68.5 กิโลเมตร จำ�นวน 5 สถานี ผ่านพื้นที่ 1 จังหวัด 2 อำ�เภอ เริ่ม ต้นจากจังหวัดตาก ผ่านอำ�เภอเมืองตากมุ่งหน้าไปทางทิศตะวันตก สิ้นสุดที่อำ�เภอแม่สอด ในส่วนรูปแบบแนวเส้นทางมีทั้งทาง ระดับพื้นสะพานยกระดับสะพานขนาดเล็กอุโมงค์ แหล่งข่าวกล่าวต่อไปว่าคาดปี 2559 จะยื่นขอรับรองผลกระทบสิ่งแวดล้อม(อีไอเอ) ก่อนขออนุมัติสำ�รวจออกแบบที่ จะใช้งบปี 2559 หรืองบปี 2560 กว่า 100 ล้านบาทเข้าไปดำ�เนินการ คาดว่าจะใช้งบก่อสร้างประมาณ 9.5 หมื่น ล้าน โดยประโยชน์ของโครงการจะเพิ่มทางเลือกใหม่ในการเดินทางและการขนส่ง สินค้าด้วยการเชื่อมต่อโครงข่ายทางรถไฟจาก สถานีรถไฟนครสวรรค์ไปสู่จังหวัด กำ�แพงเพชรและจังหวัดตากซึ่งปัจจุบันยังไม่มีเส้นทางรถไฟผ่านนอกจากนั้นยัง เป็นการ ส่งเสริมเศรษฐกิจการค้าการจ้างงานและการท่องเที่ยวทั้งยังช่วยกระจาย ความเจริญไปยังพื้นที่ที่แนวเส้นทางผ่านทำ�ให้ ประชาชนมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น อีกทั้งยังช่วยประหยัดพลังงานเชื้อเพลิงภาคการขนส่งของประเทศจึงเป็นการ ประหยัดค่าใช้ จ่ายในการขนส่งสินค้า ทั้งนี้ร.ฟ.ท.ได้แนะนำ�โครงการและรับฟังความ คิดเห็น/ข้อเสนอแนะจากผู้บริหารระดับจังหวัดไปเมื่อ วันที่ 10-11 มีนาคม 2558 พร้อมกับจัดประชุม กลุ่มย่อยระดับอำ�เภอไปเมื่อวันที่ 26-28 พฤษภาคม 2558 และกำ�หนดเปิดรับฟังความเห็นประชาชน จำ�นวนอีก 3 ครั้งคือวันที่ 24 มิถุนายนนี้ที่จังหวัด นครสวรรค์ วันที่ 25 มิถุนายนที่จังหวัดกำ�แพงเพชร และวันที่ 26 มิถุนายนที่จังหวัดตาก ก่อนที่จะเร่งสรุป ข้อมูลเสนอผู้บริหารร.ฟ.ท. กระทรวงคมนาคมและ คณะรัฐมนตรี(ครม.)อนุมัติให้ดำ�เนินการ ตามลำ�ดับ 11
  • 10. คู่มือการจัดตั้งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นรูปแบบพิเศษ “นครแม่สอด” ศักยภาพของนครแม่สอด 12 โครงการ ขุดเจาะอุโมงค์ถนนสายเอเชีย (นครแม่สอด-ตาก) ดร.เทอดเกียรติ ชินสรนันท์ นายกเทศมนตรีนครแม่สอด เปิดเผย “ ฐานเศรษฐกิจ” ว่า ตนเองพร้อมคณะได้เดินทาง เข้าพบผู้บริหารการทางพิเศษแห่งประเทศไทย(กทพ.) นำ�ข้อเสนอข้อมูลและเอกสาร เพื่อให้กทพ.พิจารณาส่งเจ้าหน้าที่ฝ่ายช่าง วิศวกร มาสำ�รวจออกแบบโครงการก่อสร้างทางด่วน จากตากสู่เมืองพิเศษนครแม่สอด แบบตัดตรง มีสะพานบก ตัดผ่านภูเขา เจาะอุโมงค์เป็นทางด่วนลอดภูเขา เพื่อให้เป็นเส้นทางด่วนแบบตัดตรง ซึ่งในส่วนของการทางพิเศษฯ พร้อมที่จะลงมาดำ�เนินการ เมื่อภาครัฐและเอกชนในพื้นที่จังหวัดตากได้เสนอต่อรัฐบาล ซึ่งเส้นทางตาก-แม่สอดเดิม ทางโค้งคดเคี้ยวขึ้นลงเขา ระยะทาง 86 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางมาก หากตัดเส้นทางตรงแบบทางด่วนพิเศษ จะลดระยะทางและเวลา รวมทั้งอุบัติเหตุบนเส้นทางลง โครงการก่อสร้างเส้นทางด่วนพิเศษ จะดำ�เนินการควบคู่กับโครงการพัฒนาระบบเส้นทางคมนาคมอื่นๆ ทั้งเส้นทางรถไฟ นครสวรรค์-กำ�แพงเพชรนครแม่สอด ถนน 4 เลน เส้นทางตากนครแม่สอด รวมทั้งการคมนาคมทางอากาศ การก่อสร้าง สนามบินนครแม่สอด แห่งที่ 2 นายสมชัยฐ์ หทยะตันย์ติ ผู้ว่าราชการจังหวัดตาก เปิดเผยหลังเป็นประธานการประชุมคณะทำ�งานขับเคลื่อนนโยบาย เขตพัฒนาเศรษฐกิจ พิเศษแม่สอด และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) รูปแบบพิเศษ “ นครแม่สอด” ด้านโครงสร้าง พื้นฐาน ด่านศุลกากรและการพัฒนาเส้นทางคมนาคม รวมทั้งระบบโลจิสติกส์ เมื่อวันที่ 13 ตุลาคมที่ผ่านมา ว่าการประชุม ครั้งนี้เพื่อหารือแนวทางการขุดเจาะอุโมงค์ ถนนสายตาก-แม่สอด เพื่อขับเคลื่อนนโยบายเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษแม่สอดและ เมืองพิเศษนครแม่สอด สู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) บนระเบียงเส้นทางเศรษฐกิจตะวันออก-ตะวันตก (EastWest Economic Corridor: EWEC) โครงการก่อสร้างสนามบินนานาชาติแห่งที่ 2 โครงการเชื่อมเส้นทางรถไฟ สายนครสวรรค์- กำ�แพงเพชร-สู่เมืองพิเศษนครแม่สอด การขุดอุโมงค์ลอดแม่น้ำ�เมย เชื่อมเมืองพิเศษนครแม่สอดกับจังหวัดเมียวดี ประเทศเมีย นมาร์ โดยที่ประชุมเห็นด้วยกับการขุดเจาะอุโมงค์ แนวถนนสายตาก-แม่สอด รับ EWEC เพราะเป็นเรื่องที่ดีต่อระบบการ ค้าและการขนส่ง โดยจะมีอุโมงค์ 4 แห่ง ตัดทะลุภูเขาระหว่างเส้นทาง เช่น ที่เขาดอยรวก ดอยคา ดอยมูเซอ ระยะทางอุโมงค์ ประมาณ 4.8-5 กิโลเมตร งบประมาณที่จะใช้ดำ�เนินการ 15,000 - 20,000 ล้านบาท ซึ่งจะลดระยะทางการเดินทางเหลือ ไม่เกิน 70 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 50 นาที หรือไม่เกิน 1 ชั่วโมง นอกจากนี้ยังได้มีการเสนอสร้างเส้นทางด่วน พิเศษ หรือมอเตอร์เวย์ของกทพ.ด้วย ซึ่งโครงการเมกะโปรเจ็กต์ สร้างเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษและเมืองพิเศษนครแม่สอดนั้น รัฐบาลพร้อมให้การสนับสนุนด้วยงบประมาณในการดำ�เนินการหลาย หมื่นล้านบาท ด้านนายอิสระ ว่องกุศลกิจ ประธานกรรมการหอการค้าไทย และสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ตามที่คณะรักษาความ สงบแห่งชาติ (คสช.) และรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายก รัฐมนตรี มีนโยบายผลักดันให้อำ�เภอแม่สอด จังหวัดตาก พัฒนาเป็น เขตเศรษฐกิจพิเศษและเขตปกครองท้องถิ่นรูปแบบพิเศษ ตนมองว่า ใน ปี 2558 ภาครัฐและภาคเอกชนมีความพร้อม โดยเฉพาะการทำ�เขต เศรษฐกิจพิเศษแม่สอด ให้เป็นพื้นที่นำ�ร่องแห่งแรก จากโครงการใน ระยะแรก 5 จังหวัด ทั้งนี้พบว่า แม่สอดมีการค้าชายแดนกับเมียนมาร์ และประเทศเกี่ยวเนื่อง ในปี 2556 สูงถึง 4.6 หมื่นล้านบาท และ ปี 2557 เพิ่มเป็น 5.5-6 หมื่นล้านบาท
  • 11. สำ�หรับการเตรียมความพร้อม โดยเฉพาะโครงข่ายคมนาคม เป็นสิ่งจำ�เป็น ที่จะผลักดันเร่งด่วนคือถนนสายเมียวดี-กอ กาเรก ที่อยู่ระหว่างก่อสร้าง หากแล้วเสร็จจะช่วยให้เพิ่มมูลค่าการค้าหลายเท่าตัวจากปัจจุบันที่สามารถ สร้างรายได้จากการค้า สูงมากเป็นลำ�ดับต้นๆ ของประเทศ แม้เส้นทางเชื่อมโยงยังต้องสลับวันเว้นวัน และมีเส้นทางไม่สะดวกในการขนสินค้าไปยังท่าเรือที่ เมาะลำ�ไย เมาะละแหม่ง รวมทั้งการก่อสร้างถนน 4 ช่องจราจร เชื่อมโยงทั้งระบบ การขยายสนามบินแม่สอด ในปีงบประมาณ 2558 นอกจากนี้ยังจะผลักดันให้มีการก่อสร้างสะพานข้ามแม่น้ำ�เมยแห่งที่ 2 ที่กรมทางหลวงจัดสรรงบก่อสร้างไว้ปี 2559 อย่างไรก็ดีหากโครงข่ายจราจรรองรับการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษแม่สอดสมบูรณ์ ก็จะทำ�ให้การค้าชายแดนขยับขึ้นเป็นแสน ล้านบาท ในช่วงเปิดประชา คมเศรษฐกิจอาเซียนหรือเออีซี ในปลายปี 2558 ที่จะถึงนี้แน่นอน ส่วนนายกิตติพันธ์ ปานจันทร์ ผู้อำ�นวยการ สำ�นักงานทางหลวงตาก กรมทางหลวง กล่าวว่า เมื่อรัฐบาลกำ�หนดให้อำ�เภอแม่สอด เป็นหนึ่งในแผน พัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษ เนื่องจากความพร้อมและ ศักยภาพด้านการค้าชายแดนกับประเทศเมียนมาร์ ที่ มีมูลค่าสูงที่สุดของประเทศ แต่เนื่องจากโครงข่าย คมนาคมยังไม่สมบูรณ์ ดังนั้นเพื่อรองรับเขตเศรษฐกิจ พิเศษ และเขตปกครองรูปแบบพิเศษที่จะเกิดขึ้น จึง เร่งรัดโครงการให้แล้วเสร็จ ซึ่งถนนสายสำ�คัญที่เป็น หัวใจสำ�คัญประกอบด้วย โครงการก่อสร้างถนนสาย เมียวดี จากเมืองเมียวดีไปยังกอกาเรกระยะทาง 45 กิโลเมตร ขนาด 4 ช่องจราจร ขณะนี้บริษัทสี่แสงการโยธา จำ�กัด (มหาชน) อยู่ ระหว่างก่อสร้าง คืบหน้าไปกว่า 80% คาดว่าจะแล้วเสร็จในเดือนเมษายน 2558 หากถนนสายนี้แล้วเสร็จ จะช่วยให้การขนส่ง สินค้าจากอำ�เภอแม่สอด ประเทศไทย ที่ไปแวะพักบริเวณศูนย์วันสต็อปเซอร์วิส ของเขตเศรษฐกิจพิเศษเมียวดี สามารถขนส่งได้ ทุกวัน และช่วยให้การเดินทางสะดวกรวดเร็วขึ้น จากเดิมมีข้อจำ�กัดต้องใช้ขนส่งสินค้าวันเว้นวัน เพราะการเดินทางลำ�บากต้องขึ้น เขาชัน และทางคดเคี้ยวเล็กคับแคบเสี่ยงต่ออันตราย ซึ่งปัจจุบันได้มีการตัดภูเขาตะนาวศรีเป็นทางราบเพื่อให้การเดินทางสะดวก มาก ขึ้น นอกจากนี้ยังมีแผนก่อสร้างโครง การสะพานมิตรภาพไทย-เมียนมาร์ แห่ง ที่ 2 (สะพานข้ามแม่น้ำ�เมย2) งบประมาณก่อสร้าง 3,600 ล้านบาท งบเวนคืน 300 ล้านบาท โดยแนวสายทาง 80% จะอยู่ในเขตป่าตามมติคณะรัฐมนตรี ระยะทาง 21.4 กิโลเมตร ซึ่งจะอยู่ในฝั่งไทยถึงตำ�บลท่าสายลวด และตัวสะพานข้าม แม่น้ำ�รวม 17.26 กิโลเมตร ส่วนอีก 4.14 กิโลเมตรจะอยู่ฝั่งเมียนมาร์ เมืองเมียวดี มีขนาด 4 ช่องจราจร จะเป็นทางยก ระดับทั้งหมด โดยจะมีการเร่งรัดดำ�เนินการในปีงบ ประมาณ 2558 ใช้เวลาก่อสร้าง 3-5 ปี โครงการก่อสร้างทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 12 ขนาด 4 ช่องจราจร สายตาก-แม่สอด ตอนที่ 3 ระยะทาง 25 กิโลเมตร ขณะนี้ได้รับจัดสรรในงบประมาณปี 2558 และสายตาก-แม่สอด ตอนที่ 4 ระยะทาง 25 กิโลเมตร จะได้รับจัดสรร งบประมาณกลางปี 2558 วงเงิน 1,400 ล้านบาท จะช่วยให้การเดินทางขนส่งสินค้าร่นระยะเวลาได้มาก โดยจะมีการขุดเจาะ อุโมงค์ ถนนสายตาก-แม่สอด หรือถนนสายเอเซีย ระยะทาง 85 กิโลเมตร เพื่อสะดวกในการเดินทาง และเชื่อมต่อกับสะพานเมย 2 รวมถึงการก่อสร้างถนนสายตะวันออก-ตะวันตก หรือ อีสต์-เวสต์ อีโคโนมิก คอร์ริดอร์ เป็น 4 ช่องจราจร จากมุกดาหาร มาที่แม่สอด ระยะทาง 770 กิโลเมตร ซึ่งขณะนี้ดำ�เนินการไปแล้ว 75% ให้แล้วเสร็จในปีงบ ประมาณ 2558 คู่มือการจัดตั้งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นรูปแบบพิเศษ “นครแม่สอด” ศักยภาพของนครแม่สอด13
  • 14. คู่มือการจัดตั้งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นรูปแบบพิเศษ “นครแม่สอด” ศักยภาพของนครแม่สอด นครแม่สอด...แหล่งแรงงานเข้มข้น แรงงานเข้มข้น W2. แรงงานพม่าที่เป็นแรงงานหลักในอุตสาหกรรมแม่สอดเป็นแรงงานไร้ทักษะ แรงงานพม่าที่เข้ามาขายแรงงานในประเทศไทยมีจำ�นวนมาก โดยในช่วงปี 2555-2556 คนพม่าเดินทางเข้ามา โดยใช้บัตรผ่านแดน (Boarder Pass) ประมาณ 500,000 คน และกว่าร้อยละ 90 มีจุดประสงคะเพื่อขายแรงงานใน ประเทศไทย สำ�หรับแรงงานพม่าที่ผ่านการพิสูจน์สัญชาติ ที่ทำ�งานในอำ�เภอแม่สอดในปี 2556 มีถึง 17,910 คน ซึ่ง มากที่สุดในทุกอำ�เภอในจังหวัดตาก แต่อย่างไรก็ตามข้อมูลที่ได้จากการสัมภาษณ์เชิงลึก หน่วยงานใต้สังกัดกระทรวง แรงงานในพื้นที่อำ�เภอแม่สอดพบว่าแรงงานพม่าที่เข้ามาในประเทศไทยเป็นแรงงานไร้ฝีมือ (Non-Skill labor) และเข้ามา เป็นแรงงานในอุตสาหกรรมที่ใช้แรงงานเข้มข้น (Labor lntensive) โดยส่วนมากแรงงานเหล่านี้ที่ทำ�งานในอำ�เภอแม่สอด จะทำ�งานในอุตสาหกรรมเสื้อผ้าและเครื่องนุ่งห่มที่เป็นอุตสาหกรรมหลักในพื้นที่ ซึ่งแรงงานพม่ามีผลิตภาพแรงงานต่ำ�เมื่อ เปรียบเทียบกับประเทศใน ASEAN ดังนั้นแรงงานในอำ�เภอแม่สอดส่วนมากเป็นแรงงานไร้ฝีมือ 16
  • 15. คู่มือการจัดตั้งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นรูปแบบพิเศษ “นครแม่สอด” ศักยภาพของนครแม่สอด เป็นศูนย์กลางทางการค้าเชื่อมโยงกับประเทศเพื่อนบ้าน ความพร้อมของพื้นที่ 02. เมียนมาร์เป็นช่องทางที่สำ�คัญในการกระจายสินค้าออกสู่ประเทศจีน อินเดีย และบังกลาเทศ เมียนมาร์ตั้งอยู่ท่ามกลางประเทศที่มีตลาดใหญ่เป็นลำ�ดับต้นๆ ของโลก ได้แก่ จีน อินเดีย และบังกลาเทศ (ดูราย ละเอียดในแผนภาพที่ 5.3 ) โดยแต่ละประเทศนั้นมีจำ�นวนประชากรมากเป็นอันดับต้น ๆ ของโลก โดยในปี 2556 จีน อินเดีย และบังกลาเทศ มีจำ�นวนประชากรมากที่สุดเป็นอันดับที่ 1 อันดับที่ 2 และอันดับที่ 4 ของโลกตามลำ�ดับ6 (ln- ternational Monetary Fund: IMF ข้อมูล ณ วันที่ 19 มิถุนายน พ.ศ. 2557) รวมทั้งเป็นประเทศที่มีอัตราการ เพิ่มของประชากรสูง ดังนั้นจึงถือว่าเป็นจุดแข็งของเมียนมาร์ในการทำ�การค้ากับทั้ง 3 ประเทศ ดังกล่าว ซึ่งสอดคล้อง กับผล SWOT Analysis ในงานศึกษาหลายชิ้น เช่น กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (2555) และมหาวิทยาลัย หอการค้าไทย (2555) เป็นต้น 17
  • 17. 19 คู่มือการจัดตั้งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นรูปแบบพิเศษ “นครแม่สอด” ศักยภาพของนครแม่สอด พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พอใจผลการ ลงพื้นที่อ�ำเภอแม่สอด จังหวัดตาก เร่งผลักดันเขตเศรษฐกิจพิเศษภายในรัฐบาลนี้ แม่สอดถือว่า มีศักยภาพสูง โดยต้องร่วมมือพัฒนากับเพื่อนบ้านสร้างการค้าที่ไร้พรมแดน เพิ่มมูลค่าการค้า ชายแดนให้มากกว่า 1 แสนล้านบาท พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พอใจการลงพื้นที่ติดตาม ความก้าวหน้าของการพัฒนาพื้นที่ เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษตาก เพราะมี ความคืบหน้าในด้านต่างๆ พร้อมยืนยันว่าภายในปี 2559 หรือภายในรัฐบาล นี้จะต้องให้เกิดผลเป็นรูปธรรม ทั้งนี้จะเร่งแก้ปัญหาที่มีทั้งหมดพร้อมทั้ง พิจารณาเรื่องของสิทธิประโยชน์ด้านการลงทุนทั้งกับนักลงทุนในพื้นที่ และ นักธุรกิจจากภายนอก เพื่อให้เกิดโครงการน�ำร่องให้มากที่สุด เพราะแม่สอด ถือว่ามีศักยภาพสูง โดยต้องร่วมมือพัฒนากับ เพื่อนบ้านสร้างการค้าที่ไร้พรมแดน เพิ่มมูลค่า การค้าชายแดนให้มากกว่า 1 แสนล้านบาท สิ่ง ส�ำคัญ คือ ต้องเตรียมความพร้อมสร้างความ เข้าใจกับประชาชนในพื้นที่ว่าจะได้รับประโยชน์ อย่างไร ด้านความร่วมมือระหว่างภาคเอกชน กับทางจังหวัดในการขับเคลื่อนเขตเศรษฐกิจ พิเศษนั้น นายกรัฐมนตรี พบกับผู้ว่าราชการ จังหวัดเมียวดี และ ประธานหอการค้าเมียวดี ที่มาให้การต้อนรับโดยนายกรัฐมนตรี ให้ค�ำมั่น ว่า จะท�ำให้มูลค่าการค้าของทั้งสองประเทศ เพิ่มขึ้นและ ให้ได้ผลประโยชน์ร่วมกัน นายกฯหวังเขตศก.พิเศษตากเชื่อม ASEAN-EU พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชานายกรัฐมนตรีเป็น ประธานประชุมติดตามผลการด�ำเนินงาน เขตพัฒนา เศรษฐกิจพิเศษตาก ระบุการที่เราจะสร้างบ้านแปลง เมืองประเทศไทยกันใหม่ ทุกจังหวัด ทุกพื้นที่ต้อง ท�ำยุทธศาสตร์ของประเทศไทยคือ มั่นคง มั่งคั่งและ ยั่งยืน ตามหลักการวิสัยทัศน์ของตน และความมั่นคง ต้องควบคู่ไปกับความมั่งคั่ง แล้วในวันหน้าจะยั่งยืน หากท�ำจุดนี้ส�ำเร็จจะเป็นประตูไปสู่อันดามัน เชื่อมต่อ เมียนมาไปอินเดีย ปากีสถาน อิหร่าน ตุรกี ยุโรป ซึ่ง เป็นการเชื่อมต่ออาเซียนกับสหภาพยุโรป เส้นทางสายเมียวดี - กอกะเร็กสามารถเดินทางต่อไปยังเมือง ผาอัน เมืองหลวงของรัฐกะเหรี่ยง เมืองสะเทิมในรัฐมอญ และ ไปถึงนครย่างกุ้งได้ รัฐบาลไทย ส่งมอบ เส้นทาง แม่สอด-เมียวดี-กอกาเร็ก พร้อม จัดพิธี ปฐมฤกษ์สะพานมิตรภาพไทย-เมียนมา ข้ามแม่น�้ำเมย แห่งที่ 2 หลังจากมีการ ลงนามความตกลงว่าด้วยการก่อสร้างสะพานมิตรภาพไทย-เมียนมา แห่งที่ 2 เส้นทางสายเมียวดี-กอกะเร็กเส้นตัดใหม่เป็นส่วนหนึ่งของทางหลวงสายเอเชีย หมายเลข 1 หรือ AH-1 โตเกียว-อิสตันบุล ระยะทาง 20,921 กิโลเมตรเชื่อมเอเชีย ตะวันออกถึงยุโรป ซึ่งรัฐบาลไทยรับผิดชอบก่อสร้างถนนในช่วงเชิงเขา ตะนาว ศรี-กอกะเร็ก วงเงินค่าก่อสร้าง 1,320 ล้านบาททั้งนี้ นอกจากนี้รัฐบาลไทยยัง ได้มีโครงการก่อสร้าง สะพานมิตรภาพไทย-เมียนมา ข้ามแม่น�้ำเมย(ตองยิน) แห่ง ที่ 2 มีมูลค่าการก่อสร้างทั้งสิ้น 3,910 ล้านบาท การด�ำเนินการในโครงการดัง กล่าว เพื่อเป็นการพัฒนาโครงข่ายทางหลวงรองรับการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจ ตะวันออก – ตะวันตก (East-West Economic Corridor) ที่จะเชื่อมโยงเส้น ทางคมนาคม และขนส่งระหว่างประเทศไทยกับสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา ใน การรองรับปริมาณการเดินทาง และการขนส่งสินค้าที่เพิ่มมากขึ้น และสอดรับการ พัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษ และท้องถิ่นรูปแบบพิเศษนครแม่สอด โครงการก่อสร้าง สะพานมิตรภาพ ไทย-เมียนมา ข้ามแม่น�้ำเมยแห่งที่ 2 มีมูลค่าการก่อสร้างทั้งสิ้น 3,910 ล้านบาท
  • 18. 20 คู่มือการจัดตั้งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นรูปแบบพิเศษ “นครแม่สอด” ศักยภาพของนครแม่สอด นายกฯ อินเดียเร่งสร้างทางหลวงเศรษฐกิจยาว 3,200 กิโลเมตรเชื่อมถึง “นครแม่สอด” หนุนค้าภูมิภาคโตอีก 60% เอเจนซีส์ / ASTV ผู้จัดการออนไลน์ นายกรัฐมนตรีนเรนทรา โมดีแห่งอินเดีย สร้างความฮือฮาครั้ง ใหญ่ เมื่อมีการเปิดเผยการเดินหน้าโครงการสร้างถนนความยาว 3,200 กิโลเมตร เชื่อมเมืองโมเรห์ในรัฐมณีปุระของอินเดีย เข้ากับ “อำ�เภอแม่สอด” ในจังหวัดตากของไทย ชี้หากสร้างเสร็จจะมีผลให้การค้าขายของภูมิภาค เอเชียใต้ขยายตัวเพิ่มขึ้นถึง 60 เปอร์เซ็นต์จากระดับปัจจุบัน รายงานข่าวซึ่งถูกเผยแพร่เมื่อวันพุธ (1) โดยหนังสือพิมพ์ “อินเดียน เอ็กซ์เพ รสส์” ของอินเดีย ตลอดจนสื่อออนไลน์ชื่อดังของบังกลาเทศอย่าง “บีดีนิวส์ 24” ระบุว่า นายกรัฐมนตรีนเรนทรา โมดีแห่งอินเดียในวัย 64 ปี ที่เข้ารับตำ�แหน่ง หัวหน้ารัฐบาลแดนภารตะคนที่ 15 ในประวัติศาสตร์ตั้งแต่เมื่อเดือนพฤษภาคมปี ที่แล้ว ประกาศเร่งเดินหน้าโครงการเมกะโปรเจกต์ก่อสร้างทางหลวงความยาว ถึง 3,200 กิโลเมตร เพื่อเชื่อมโยงเมืองโมเรห์ในรัฐมณีปุระทางภาคตะวันออก ของอินเดียเข้ากับอำ�เภอแม่สอดในจังหวัดตากของไทย โดยตัดผ่านเมืองมัณฑะ เลย์ อดีตเมืองหลวงของพม่าและปัจจุบันเป็นเมืองใหญ่อันดับที่ 3 ของประเทศ รองจากนครย่างกุ้ง และกรุงเนปิดอว์ ในความเป็นจริงแล้ว โครงการก่อสร้าง ทางหลวงซึ่งเปรียบเสมือน “สะพานเศรษฐกิจ” ซึ่งเชื่อมอินเดียเข้ากับ “ภูมิภาค อาเซียน” สายนี้ได้เริ่มต้นก่อสร้างมาบ้างแล้วบางส่วน แต่แหล่งข่าวทางการทูตในกรุงนิวเดลีของอินเดีย เปิดเผยว่านายกรัฐมนตรีโมดีต้องการ ผลักดันให้การก่อสร้างเส้นทางคมนาคมสายนี้มีความคืบหน้ามากกว่าที่เป็นอยู่ โดยเฉพาะในส่วนของเส้นทางส่วนที่ต้องตัดผ่านประเทศเมีย นมาร์ รายงานข่าวระบุว่า การเดินหน้าโครงการสร้างถนนความยาว 3,200 กิโลเมตร (เท่ากับความยาวของแนวชายฝั่งทะเลทั้งหมดของ เวียดนาม) ถือเป็นส่วนหนึ่งในนโยบายต่างประเทศ “Act East policy” ของรัฐบาลโมดี ที่พัฒนาต่อยอดมาจากนโยบาย “Look East” ที่เน้น การเสริมสร้างและกระชับความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจและการเมืองกับประเทศในเอเชียเป็นสำ�คัญ โดยเฉพาะประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออก เฉียงใต้ที่เป็น “สมาชิกกลุ่มอาเซียน” ทั้งนี้ เป็นที่คาดกันว่า บางส่วนของทางหลวงเศรษฐกิจสายนี้จะเริ่มเปิดใช้ได้บางส่วนตั้งแต่ช่วงไตรมาสแรก ของปี 2016 แต่หากการก่อสร้างแล้วเสร็จครบทั้ง 3,200 กิโลเมตร คาดว่าจะช่วยให้การค้าขายข้ามชายแดนระหว่างไทย พม่า และอินเดียจะ ขยายตัวเพิ่มสูงขึ้นถึง 60 เปอร์เซ็นต์ และจะช่วยย่นระยะเวลาในการเดินทางและขนส่งสินค้าลงได้อย่างสำ�คัญ รายงานข่าวระบุว่า ในปัจจุบัน การเดินทางจากรัฐมณีปุระของอินเดีย มายังเมืองมัณฑะเลย์ของเมียนมาร์ อาจต้องใช้เวลากว่า 48 ชั่วโมงหรือ 2 วัน แต่หากถนนสายนี้แล้ว เสร็จจะใช้เวลาเหลือเพียง “14 ชั่วโมง” เท่านั้น ในอีกด้านหนึ่ง แหล่งข่าวซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูงภายในกระทรวงถนน การขนส่งและทางหลวง (MoRTH) ของอินเดียเปิดเผยว่า รัฐบาลภายใต้การนำ�ของนายกรัฐมนตรีนเรนทรา โมดี ต้องการใช้ทางหลวงเศรษฐกิจสายนี้เป็นจุดเริ่มต้น ในการเข้าถึงกลุ่มประเทศแถบลุ่มแม่น้ำ�โขงทั้งลาว เวียดนามและกัมพูชาด้วยเช่นกัน ซึ่งหากนโยบายนี้ประสบความสำ�เร็จ จะส่งผลให้อินเดียมี ทางออกสู่ทะเลเพิ่มขึ้นอีกแห่ง นั่นคือ ทางออกสู่ “ทะเลจีนใต้” ที่ถือเป็นเขตอิทธิพลดั้งเดิมของจีน
  • 19. 21 คู่มือการจัดตั้งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นรูปแบบพิเศษ “นครแม่สอด” ศักยภาพของนครแม่สอด AEC อาเซียน NEWS…นายกรัฐมนตรีอินเดีย สร้างทางหลวงอินเดีย มุ่งสู่-แม่สอด! AEC รองรับเส้นทางระเบียงเศรษฐกิจตะวันออก-ตะวันตก East-West Economic Corridor : EWEC นครแม่สอดศูนย์กลางและประตู อาเซียน นายนเรนทรา โมดี นายรัฐมนตรี ประเทศอินเดีย ได้เสนอสร้างถนนเส้นทางจาก อินเดียเชื่อมผ่านพม่ามาสู่ไทย ที่ อ.แม่สอด จ.ตาก เพราะแม่สอด-ไทยอ ยู่จุดตรงกลางขนส่งสินค้า ระหว่างอินเดีย กับกลุ่มประชาคมAsean Economics Communit- AEC –10 ประเทศอาเซียน และเชื่อต่อผ่านไปจีนได้สบาย ทั้งเป็นแหล่งพักสินค้า ขายสินค้า กระจายสินค้า นำ�เข้า ส่งออก เม็ดเงินมหาศาล ไม่แปลกที่อินเดีย ต่อถนนตรงถึงประเทศไทย เชื่อมผ่านพม่า ผลประโยขน์ทั้ง อาเซียน บนเส้นทางระเบียงเศรษฐกิจตะวันออก-ตะวันตก East-West Economic Corri- dor : EWEC นายนเรนทรา โมดี นายรัฐมนตรี ประเทศอินเดีย ประกาศเร่งสร้างทางหลวง เพื่อเศรษฐกิจความยาว 3,200 กิโลเมตรเชื่อมถึง “แม่สอด” หนุนค้าข้ามชายแดนโตอีก 60% นายกรัฐมนตรีนเรนทรา โมดีแห่งอินเดีย สร้างความฮือฮาครั้งใหญ่ ด้วยการประกาศเดิน หน้าโครงการสร้างถนนความยาว 3,200 กิโลเมตร เชื่อมเมืองโมเรห์ในรัฐมณีปุระของอินเดีย มาเชื่อมกับ อำ�เภอแม่สอด จังหวัดตาก ของไทย ชี้หากสร้างเสร็จจะมีผลให้การค้าขายข้ามพรมแดน ขยายตัวเพิ่มขึ้นถึง 60 % จากระดับปัจจุบัน รายงานข่าวระบุว่า นายกรัฐมนตรีนเรนทรา โมดีแห่งอินเดียในวัย 64 ปีซึ่งเข้า รับตำ�แหน่งหัวหน้ารัฐบาลแดนภารตะคนที่ 15 ในประวัติศาสตร์ตั้งแต่เมื่อเดือนพฤษภาคมปีที่ แล้ว ประกาศเร่งเดินหน้าโครงการเมกะโปรเจคต์ก่อสร้างทางหลวงความยาวถึง 3,200 กิโลเมตร เพื่อเชื่อมโยงเมืองโมเรห์ในรัฐมณีปุระทางภาคตะวันออกของอินเดียเข้ากับอำ�เภอ แม่สอดในจังหวัดตากของไทย โดยตัดผ่านเมืองมัณฑะเลย์ ซึ่งเป็นอดีตเมืองหลวงของเมีย นมาร์และปัจจุบันเป็นเมืองใหญ่อันดับที่สามของประเทศรองจากนครย่างกุ้งและกรุงเนปิด อว์ ในความเป็นจริงแล้ว โครงการก่อสร้างทางหลวงซึ่งเปรียบเสมือน “สะพานเศรษฐกิจ” ซึ่งเชื่อมอินเดียเข้ากับ “ภูมิภาคอาเซียน” สายนี้ ได้เริ่มต้นก่อสร้างมาบ้างแล้วบางส่วน แต่แหล่งข่าวทางการทูตในกรุงนิวเดลีของอินเดีย เปิดเผยว่านายกรัฐมนตรีโมดีต้องการผลักดันให้การ ก่อสร้างเส้นทางคมนาคมสายนี้มีความคืบหน้ามากกว่าที่เป็นอยู่ โดยเฉพาะในส่วนของเส้นทางส่วนที่ต้องตัดผ่านประเทศพม่า รายงานข่าวระบุว่า การเดินหน้าโครงการสร้างถนนความยาว 3,200 กิโลเมตร ( ซึ่งเท่ากับความยาวของแนวชายฝั่งทะเลทั้งหมด ของเวียดนาม) ถือเป็นส่วนหนึ่งในนโยบายต่างประเทศ “Act East policy” ของรัฐบาลอินเดีย ที่พัฒนาต่อยอดมาจากนโยบาย “Look East” ที่เน้นการเสริมสร้างและกระชับความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจและการเมืองกับประเทศในเอเชียเป็นสำ�คัญ โดยเฉพาะประเทศในภูมิภาค เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่เป็น “สมาชิกกลุ่มอาเซียน” ทั้งนี้ เป็นที่คาดกันว่า บางส่วนของทางหลวงเศรษฐกิจสายนี้ จะเริ่มเปิดใช้ได้บางส่วนตั้งแต่ช่วงไตรมาสแรกของปี 2016 แต่หากการ ก่อสร้างแล้วเสร็จครบทั้ง 3,200 กิโลเมตร คาดว่าจะช่วยให้การค้าขายข้ามชายแดนระหว่างไทย เมียนมา และอินเดียจะขยายตัวเพิ่มสูงขึ้นถึง 60 เปอร์เซ็นต์ และจะช่วยย่นระยะเวลาในการเดินทางและขนส่งสินค้าลงได้อย่างสำ�คัญ รายงานข่าวระบุว่า ในปัจจุบันการเดินทางจากรัฐมณีปุระของอินเดีย มายังเมืองมัณฑะเลย์ของเมียนมาร์ อาจต้องใช้เวลากว่า 48 ชั่วโมงหรือ 2 วัน แต่หากถนนสายนี้แล้วเสร็จจะใช้เวลาเหลือเพียง “14 ชั่วโมง” เท่านั้น แหล่งข่าวซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูงภายในกระทรวงถนน การขนส่งและทางหลวง (MoRTH) ของอินเดียแจ้งว่า รัฐบาลภายใต้การนำ� ของนายกรัฐมนตรีนเรนทรา โมดี ต้องการใช้ทางหลวงเศรษฐกิจสายนี้ เชื่อมเส้นทางระเบียงเศรษฐกิจตะวันออก-ตะวันตก East-West Economic Corridor : EWEC เป็นจุดเริ่มต้นในการเข้าถึงกลุ่มประเทศแถบลุ่มแม่น้ำ�โขงทั้งลาว เวียดนามและกัมพูชาด้วยเช่นกัน ซึ่งหาก นโยบายนี้ประสบความสำ�เร็จ จะส่งผลให้อินเดียมีทางออกสู่ทะเลเพิ่มขึ้นอีกแห่ง นั่นคือ ทางออกสู่ “ทะเลจีนใต้” ที่ถือเป็นเขตอิทธิพลดั้งเดิมของ จีน
  • 20. 22 คู่มือการจัดตั้งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นรูปแบบพิเศษ “นครแม่สอด” ศักยภาพของนครแม่สอด เมียนมาเห็นด้วยกับการพัฒนาโครงการในการพัฒนาถนน Trilateral Highway เชื่อมโยง ระหว่างเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และเอเชียใต้ นายกรัฐมนตรีนเรนทรา โมดี แห่งอินเดีย และพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีประเทศไทย ในโอกาสที่เยือนประเทศเมียนมา พลเอกเต็ง เส่ง ประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา เมียนมาเห็นด้วยกับการพัฒนาโครงการในการพัฒนา ถนน Trilateral Highway ซึ่งจะเป็นการเชื่อมโยงการคมนาคมทาง บกระหว่างอินเดีย เมียนมา และไทย เพราะจะช่วยส่งเสริมการเชื่อม โยงระหว่างเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และเอเชียใต้ โดยไทยและเมียนมา เตรียมหารือกับนายกรัฐมนตรีอินเดียในการประชุม ASEAN +3 เพื่อ พัฒนาถนนเส้นดังกล่าว เนื่องจากว่าเป็นการพัฒนาการเชื่อมโยงตาม แนวทางพัฒนามองตะวันออก หรือ LOOK EAST ของอินเดีย ไทยสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตกับเมียนมาเมื่อวันที่ 24 สิงหาคม พ.ศ. 2491 โดยมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกันทั้งด้านการเมือง เศรษฐกิจ และสังคม เช่น การท�ำข้อตกลงการข้า ระหว่างกัน เพื่อร่วมมือและแก้ไขปัญหาทางการค้า โดยที่ไทยมีมูลค่าการลงทุนในเมียนมาเป็น ล�ำดับที่ 3 รองจากสิงคโปร์และอังกฤษ การพัฒนาโครงข่ายเส้นทางคมนาคม เช่น โครงการ พัฒนาท่าเรือน�้ำลึกทวาย นิคมอุตสาหกรรมและเส้นทางคมนาคมเชื่อมระหว่างประเทศไทยและ ประเทศเมียนมา เพื่อเป็นการเชื่อมโยงแนวเส้นทางพื้นที่เศรษฐกิจระหว่างทะเลอันดามันกับอ่าว ไทย และยังมีการสร้างเส้นทางถนนสามฝ่าย เชื่อมโยงไทย – เมียนมา – อินเดีย ซึ่งรัฐบาลไทย ช่วยเหลือแบบให้เปล่า นอกจากนี้ยังมีความร่วมมือในด้านการแก้ปัญหาต่างด้าว เพื่ออ�ำนวย ความสะดวกให้แก่แรงงานต่างด้าวสัญชาติเมียนมา ความร่วมมือด้านยาเสพติดเพื่อแลกเปลี่ยน ข้อมูลและจับกุมขบวนการค้ายาเสพติดข้ามชาติ รวมทั้งความร่วมมือด้านการพัฒนาทรัพยากร มนุษย์ การท่องเที่ยว และความร่วมมือวิชาการ การสถาปนาความสัมพันธ์บ้านพี่เมืองน้อง (Sister City)) ระหว่างแม่สอดและเมียวดี โดยที่ อ�ำเภอแม่สอด จังหวัดตาก และจังหวัดเมียวดีของเมียนมามีความสัมพันธ์ทางด้านเศรษฐกิจ การค้า สังคม และวัฒนธรรมระหว่างกันมาอย่างยาวนาน โดยเฉพาะในด้านการค้าชายแดนผ่านด่านศุลกากรแม่สอด จังหวัดตาก มีมูลค่าการส่งออกสูงสุดเมื่อเทียบกับด่านศุลกากรอื่น ๆ ระหว่างไทย - เมียนมา โดยในปี 2557 (มกราคม - พฤศจิกายน) ปริมาณการค้ารวมผ่านด่านแม่สอดมีมูลค่า 57,000 ล้านบาท แยกเป็นการส่งออก 54,300 ล้านบาท ขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 37 และ การน�ำเข้า 2,700 ล้านบาท ขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 13 การสถาปนาความสัมพันธ์บ้านพี่เมืองน้อง (Sister City) ระหว่างแม่สอดและเมียวดี จะช่วยเสริมสร้าง ความใกล้ชิดระหว่างสองเมืองเพิ่มมากขึ้น อันจะเป็นส่วนส�ำคัญในการขยายตัวทางการค้าชายแดนและการลงทุนระหว่างกัน และเป็นประโยชน์ต่อทั้งสองประเทศ ในภาพรวม รวมทั้งจะสนับสนุนสอดคล้องกับการจัดตั้งนครแม่สอด เป็นองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นรูปแบบพิเศษ นครแม่สอด มติ ครม. ให้ไทย-เมียนมา ถือหนังสือเดินทางเข้าประเทศได้ 14 วัน ไม่ต้องท�ำวีซ่า มติ ครม. อนุญาตให้ทั้งผู้ถือหนังสือเดินทางไทยและเมียนมา เข้าประเทศ ของแต่ละฝ่ายได้โดยไม่ต้องขอวีซ่าเป็นเวลา 14 วัน โดยการยกเว้นวีซ่านี้ มีผลเพียงการเดินทางทางอากาศ ประกอบไปด้วยด่านตรวจคนเข้าเมืองในสนามบินนานาชาติ ของเมียนมาทั้ง 3 แห่ง ได้แก่ สนามบินย่างกุ้ง สนามบินมัณฑะเลย์ สนามบินเนปิดอ ซึ่งผลในทางกลับกัน ผู้ถือหนังสือเดินทางเมียนมาสามารถเข้าประเทศไทยทางอากาศ ทั้ง 23 สนามบินในประเทศไทยได้โดยไม่ต้องมีวีซ่า 14 วัน ส่วนการเดินทางผ่านแดนทางบก ทุกด่านชายแดนถาวร ยังจ�ำเป็นต้องมีวีซ่า ซึ่งในอนาคตการเดินทางผ่าน พรมแดนระหว่างประเทศเพื่อนบ้านต้องมีการอ�ำนวยความสะดวกมากยิ่งขึ้น เพื่อรองรับการเปิดประตู สู่ ประชาคมอาเซียนต่อไป