SlideShare a Scribd company logo
1 of 28
Download to read offline
1

Greeting (การทักทาย)
ทางการ
Good morning สวัสดี (ตอนเช้า)
Good afternoon สวัสดี (ตอนบ่าย)
Good evening สวัสดี (ตอนเย็น)
Good night ราตรีสวัสดิ์ คากล่าวลาเพื่อไปนอน
ไม่เป็นทางการ
Hello สวัสดี
Hi สวัสดี (มักใช้กับคนที่สนิทสนมคุ้นเคย เช่น ใช้กับบุคคลในครอบครัว เพื่อนฝูง)
การถามเกี่ยวกับสุขภาพ
How are you? คุณสบายดีไหม?
How are you doing? คุณสบายดีไหม?
How about you? คุณสบายดีไหม?
How are you going? คุณสบายดีไหม?
การตอบเกี่ยวกับสุขภาพ (สบายดี)
Fine, thank you.
Fine, thanks.
Good, thank you.
Good, thanks.
Not bad, thank you.
Not bad, thanks.
And how are you? แล้วคุณเป็นอย่างไรบ้าง
And you? แล้วคุณละเป็นอย่างไรบ้าง
การตอบเกี่ยวกับสุขภาพ (ไม่สบาย)
I am not very well. I have a headache.
Thanks, Thank you

เอกสารประกอบการอบรมเชิงปฏิบัติการ หลักสูตรภาษาอังกฤษเพือการสื่อสารในการเตรียมความพร้อมสู่ประชาคมอาเซียน
่
2

Parting (การกล่าวลา)
Good bye
ลาก่อน
Bye-Bye
ลาก่อน
Bye
ลาก่อน
See you
พบกันใหม่ มาจากประโยค (I will see you.)
See you later
พบกันใหม่โอกาสหน้า
See you tomorrow พบกันใหม่วันพรุ่งนี้
See you on Monday พบกันใหม่วันจันทร์
Have a good weekend ขอให้มีความสุขในวันหยุด
See you tomorrow ,sir พบกันใหม่พรุ่งนี้ (พูดกับผู้ชาย)
See you tomorrow, madam พบกันใหม่วันพรุ่งนี้ (พูดกับผู้หญิง)

self-introduce (การแนะนาตนเอง)
การแนะนาตนเอง
My name is Edrin. ผมชื่อเอ็ดริน
I am Edrin.
ผมเอ็ดริน
I’m Edrin
ผมเอ็ดริน
ก่อนการแนะนาตนเอง
อาจกล่าวเกริ่นนาดังนี้
I’d like to introduce myself. ผมขอแนะนาตนเอง
I’d like = I would like. ขอ อยากที่จะ
Introduce = แนะนา
Myself = ตนเอง
Let me introduce myself ผมขอแนะนาตนเอง
Let me = ขอ
I’d like to introduce myself.
I’m Edrin. or My name’s Edrin.
Let me introduce my self.
I’m Edrin. or My name’s Edrin.
Pleased to meet you. ยินดีที่ได้รู้จักครับ
หรือจะใช้แบบนี้
I’m Edrin. How do you do? ยินดีที่ได้รู้จัก
I’m Warunyoo. How do you do? ยินดีที่ได้รู้จัก

เอกสารประกอบการอบรมเชิงปฏิบัติการ หลักสูตรภาษาอังกฤษเพือการสื่อสารในการเตรียมความพร้อมสู่ประชาคมอาเซียน
่
3

ตัวอย่าง
A: Good morning.
I would like to introduce myself.
My name is ________________________.
I’m _______________________________.
B: Good morning.
Let me introduce myself.
My name is ________________________.
I’m _______________________________.
B: Pleased to meet you
A: Pleased to meet you too.

How to respond thank you (การกล่าวตอบรับคาขอบคุณ)
A: Excuse me, how can I go to Mahasarakham?
ขอโทษครับผมจะไปสารคามได้อย่างไร
B: You can go by the Khonkaen –Surin bus.
ไปได้โดยใช้บริการรถบัสสายขอนแก่น-สุรินทร์
A: Thank you very much
ขอบคุณมากครับ
การพูดตอบรับคาขอบคุณ
B: You’re welcome.
ด้วยความยินดี
สาหรับการพูดตอบรับการขอบคุณ อาจใช้สานวนอื่น ๆ ต่อไปนี้
My pleasure
(มาย พลีสเชอร์) ด้วยความยินดี
Don’t mention it
(โด้นท์ เม้นชั่น อิท) ไม่เป็นไร
Not at all (น๊อทแธท ออล) ไม่เป็นไร
Any time (เอ นิ ทาม) ยินดีเสมอ

เอกสารประกอบการอบรมเชิงปฏิบัติการ หลักสูตรภาษาอังกฤษเพือการสื่อสารในการเตรียมความพร้อมสู่ประชาคมอาเซียน
่
4

ตัวอย่างบทสนทนา
Tim : Thank you very much for the gift.
ทิม : (แธงค์ กิ่ว เวริ มัช ฟอเ ธอะ กิฟท์) ขอบคุณมากสาหรับของขวัญ
Suda : Don’t mention it
สุดา : ( โด้นท์ เม้นชั่น อิท ) ไม่เป็นไร
Yutthapong : That’s very kind of you .Thanks.
(แดทส เวริ คาย อ๊อฟ ยู แธงค์) ช่างเป็นความกรุณามากเลย ขอบคุณมาก
Suda : It’s my pleasure.
(อิส มาย พลีสเชอร์) ด้วยความยินดีครับ

Buying Fruit (การซื้อผลไม้)
A : Good morning. Can I help you ?
(กู้ด ม้อร์นิ่ง แคน ไอ เฮล ยู)
สวัสดีค่ะ มีอะไรให้ฉันช่วยไหมคะ
B : Yes, please. I want to buy some fruit. Do you have some papayas ?
(เยส พลีส ไอ ว้อน ทู บาย ซัม ฟรุ้ท ดู ยู แฮฟ ซัม พัพพ่ะย่ะ)
มีค่ะ ฉันต้องการซื้อผลไม้ คุณมีมะละกอไหมคะ
A : Yes. How many do you want ?
(เยส ฮาว เม้นี่ ดู ยู ว้อน)
มีค่ะ คุณต้องการเท่าไหร่คะ
B : Two please, and give me six apples, a pomelo and a watermelon too. Do you have
Oranges ?
(ทู พลีส แอน กีฟ มี ซิกส แอปเปิล อะพอมมิโล แอน อะวอเทอร์มิเลิ่น ทุ ดู ยู แฮฟ ออเรนจส)
เอา 2 ลูกค่ะ และฉันอยากได้ แอปเปิ้ล 6 ลูก ส้มโอ 1 ลูก และแตงโม 1 ลูก คุณมีส้มไหมคะ
A : Yes. How many do you want ?
(เยส ฮาว เม้นี่ ดู ยู ว้อนท)
มีค่ะ คุณต้องการเท่าไหร่คะ
B : I want 2 kilos.
(ไอ ว้อน ทู กิโลส์)
ฉันต้องการ 2 กิโลค่ะ
A : Is there anything else ?
(อิส แด เอนี่ทิ่ง เอ้ลส)
คุณต้องการสิ่งอื่นอีกไหม
B : No, that’ s all (โน แดทส ออล) ไม่ล่ะ พอแล้ว
เอกสารประกอบการอบรมเชิงปฏิบัติการ หลักสูตรภาษาอังกฤษเพือการสื่อสารในการเตรียมความพร้อมสู่ประชาคมอาเซียน
่
5

Buying clothes (การซื้อเครื่องแต่งกาย)
Seller: Good morning. What can I do for you?
กุด มอรฺนิง ว็อท แคน ไอ ดู ฟอรฺ ยู?
(สวัสดีค่ะ มีอะไรให้ช่วยบ้างค่ะ?)
Lucy: How much is this white shirt?
ฮาว มัช อิซ ดิส ไวทฺ เชิรฺท?
(เสื้อเชิ้ตสีขาวตัวนี้ราคาเท่าไหร่ครับ?)
Seller: It is 700 Baht, sir. What is your size?
อิท อิซ เซเวนฮันเดร็ด บาท เซอรฺ ว็อท อิซ ยัวร ไสซฺ?
(เจ็ดร้อยบาทค่ะ คุณใส่ไสซ์อะไรค่ะ)
Lucy: My size is an L.
มาย ไสซฺ อิซ แอน แอล
(ผมใส่ไสซ์แอลครับ)
Seller: I am sorry. We don’t have this color, size L. Would you like a yellow one instead?
ไอ แอม ซอรฺริ วี โดนทฺ แฮฟวฺ ดิส คัลเลอรฺ ไสซฺ แอล วุด ยู ไลคฺ อะ เย็ลโลวฺ วัน อินสเต็ด?
(ขอโทษค่ะ เราไม่มีสีนี้ไสซ์แอล เปลี่ยนเป็นสีเหลืองแทนได้ไหมค่ะ?)
Lucy: No, I don’t like yellow. Do you have blue?
โน ไอ โดนทฺ ไลคฺ เยลโลวฺ ดู ยู แฮฟวฺ บลู?
(ผมไม่ชอบสีเหลืองครับ คุณมีสีน้าเงินไหมครับ?)
Seller: Yes, we do. Here you are. Would you like to try it on?
เย็ส วี ดู เฮียรฺ ยู อารฺ วุด ยู ไลคฺ ทู ไทรยฺ อิท ออน?
(มีค่ะ นี่ค่ะ ลองใส่ดูก่อนไหมค่ะ?)
Lucy: Yes, that’s good idea.
เย็ส แด็ทสฺ กุด ไอเดีย
(ครับ ลองดูหน่อยก็ดีครับ)
Seller: The fitting room is over there.
เดอะ ฟิตติง รูม อิซ โอเวอรฺ แดรฺ
(ห้องลองอยู่ทางนั้นค่ะ)
Lucy: It fits me perfectly. I take it.
อิท ฟิทสฺ มี เพอรฺเฟ็คลี ไอ เทค อิท
(ใส่ได้พอดีเลย ผมเอาตัวนี้แหละครับ)
เอกสารประกอบการอบรมเชิงปฏิบัติการ หลักสูตรภาษาอังกฤษเพือการสื่อสารในการเตรียมความพร้อมสู่ประชาคมอาเซียน
่
6

Seller: Would you like to pay in cash or by card?
วุด ยู ไลคฺ ทู เพยฺ อิน แค็ช ออรฺ ไบ การฺด
(จะสะดวกจ่ายด้วยเงินสดหรือว่าบัตรเครดิตค่ะ?)
Lucy: Here is my card.
เฮียรฺ อิซ ไม การฺด
(นี่ครับ บัตร)
Seller: Please sign your name here. Here is your shirt and receipt. Thank you very much, sir.
พลีส ไซนฺ ยัวรฺ เนม เฮียรฺ เฮียรฺ อิซ ยัวรฺ เชิรฺท แอน รีซีท แธงคฺ กิว เวรี มัช เซอรฺ
(กรุณาเซ็นชื่อตรงนี้ค่ะ นี่เสื้อเชิ้ตและใบเสร็จค่ะ ขอบคุณมากค่ะ)
Lucy: You are welcome. Good-bye.
ยู อารฺ เวลคัม กุดบาย
(ยินดีครับ ไปก่อนนะครับ)

Restaurant (ร้านอาหาร)
Situation 1
Yoo:

Do you like food?
ดู ยู ไลคฺ ไท ฟูด?
(คุณชอบอาหารไทยไหมครับ?)
อาจตอบได้ว่า
Jong: Yes, I like Thai food most especially Phad Thai and Tom Yam Kung.
เย็ส, ไอ ไลคฺ ไท ฟูด โมสทฺ เอ็สเปเชียลลิ ผัด ไท แอน ต้ม ยัม กุ้ง
(ชอบมากที่สุดเลยครับ โดยเฉพาะ ผัดไทย กับ ต้มยากุ้ง)
Jong: Yes, I like some dishes of them, but I don’t quite like some because they are so
spicy.
เย็ส, ไอ ไลคฺ ซัม ดิชชึส อ็อฟ เด็ม, บัท ไอ โดนทฺ ไควทฺ ไลคฺ ซัม บีคอซ เด อารฺ โซ สไปซิ
(ชอบอาหารไทยบางอย่างครับ แต่บางอย่างก็ไม่ค่อยชอบเท่าไหร่เพราะว่าเผ็ดมาก)
Yoo: Do you like salad?
ดู ยู ไลคฺ แซลลัด?
(คุณ ชอบ สลัดไหมครับ?)
อาจตอบได้ว่า
Jong: Yes, I really like it.
เย็ส, ไอ เรียลลิ ไลคฺ อิท
(ครับ ผมชอบสลัดมาก)
เอกสารประกอบการอบรมเชิงปฏิบัติการ หลักสูตรภาษาอังกฤษเพือการสื่อสารในการเตรียมความพร้อมสู่ประชาคมอาเซียน
่
7

Jong:

No, I don’t like salad. I like steak very much.
โน, ไอ โดนทฺ ไลคฺ แซลลัด ไอ ไลคฺ สเต็ก เวริ มัช
(ผมไม่ชอบสลัดครับแต่ชอบสเต็กมาก)
Yoo: Do you like papaya salad?
ดู ยู ไลคฺ พาพายา แซลลัด?
(คุณชอบส้มตาไหมครับ?)
อาจตอบได้ว่า
Jong: Yes, I really like it.
เย็ส, ไอ เรียลลิ ไลคฺ อิท
(ชอบมากครับ)
Jong: Yes, I like it, but I usually have it when I visit tourist attractions only.
เย็ส, ไอ ไลคฺ อิท บัท ไอ ยูสชวลลิ แฮฟ อิท เว็น ไอ วิสิท ทัวริสทฺ อะแทรคชึนสฺ โอนลิ
(ชอบครับ แต่ผมจะรับประทานส้มตาก็ต่อเมื่อไปตามสถานที่ท่องเที่ยวเท่านั้น)
Jong: No, I don’t like it.
โน, ไอ โดนทฺ ไลคฺ อิท
(ไม่ชอบครับ)
Yoo: Do you like Thai dessert?
ดู ยู ไลคฺ ไท ดีเซิท
(คุณชอบขนมหวานไทยไหมครับ?)
อาจตอบได้ว่า
Jong: Yes, I like especially corn in coconut milk syrup.
เย็ส, ไอ ไลคฺ เอ็สเปเชียลลิ คอรฺน อิน โคโคนัท มิลคฺ ไซรัพ
(ชอบครับ โดยเฉพาะ ข้าวโพดบวช)
Jong: I like some of them.
เย็ส ไอ ไลคฺ ซัม อ็อฟ เด็ม
(ชอบเป็นบางอย่างครับ)

เอกสารประกอบการอบรมเชิงปฏิบัติการ หลักสูตรภาษาอังกฤษเพือการสื่อสารในการเตรียมความพร้อมสู่ประชาคมอาเซียน
่
8

Situation 2
Yoo:

Jong:

Yoo:

Jong:

Yoo:

Jong:

Yoo:

Jong:

Have you ever tried this food yet? It‘s very delicious.
แฮฟ ยู เอฟเวอ ไทรดฺ ดิซ ฟูด เย็ท? อิทซ เวริ ดิลีชึซ
(คุณเคยทานอาหารนี้หรือยัง? อร่อยมากเลย)
No, not yet. What is it called?
โน, น็อท เย็ท ว็อท อิซ อิท คอลดฺ?
(ยังเลยครับ อะไรหรือครับ?)
It is Phat Thai.
อิท อิซ ผัด ไท
(ผัดไทยครับ)
What ingredient does it has?
ว็อท อินกรีเดียนทฺ ดาซ อิท แฮซ?
(มีส่วนผสมอะไรบ้างครับ?)
Its basic ingredients are noodle, shrimp and egg. They are fried together in the frying
pan with cooking oil and seasonings.
อิทซ เบสิค อินกรีเดียนทฺซ อารฺ นูดเดิล ชริมพฺ แอน เอ็ก เดยฺ อารฺ ฟรายดฺ ทูเก็ทเธอ อิน เดอะ
ฟรายอิง แพน วิดฬฺ คุกกิง ออยลฺ แอน ซีซันนิงซฺ
(มีเส้นหมี่ กุ้งและไข่เป็นส่วนผสมเบื้องต้น วิธีทาก็จะผัดส่วนผสมดังกล่าวรวมกันในกะทะด้วยน้ามัน
และใส่เครื่องปรุงรสต่างๆ)
Umm. That sounds good.
อืม แด็ด ซาวดฺซ กุด
(อืม ฟังดูน่าจะอร่อย)
Would you like to try?
วูด ยู ไลคฺ ทู ไทรยฺ?
(ลองดูหน่อยไหมครับ?)
Yes, why not?
เย็ส, วาย น็อท?
(ไม่พลาดอยู่แล้วครับ)

เอกสารประกอบการอบรมเชิงปฏิบัติการ หลักสูตรภาษาอังกฤษเพือการสื่อสารในการเตรียมความพร้อมสู่ประชาคมอาเซียน
่
9

Talking on the phone (การพูดคุยทางโทรศัพท์)
Situation 1
John: May I speak to MR. Tim please?
เมยฺ ไอ สปีค ทู มิสเตอรฺ ทิม พลีซ?
(ผมขอพูดสายกับคุณทิมครับ?)
Tim: Yes, I am Tim speaking. Who is this?
เย็ส, ไอ แอม ทิม สปีคกิง ฮู อิซ ดิซ?
(ครับ ผมทิมพูดสายอยู่ครับ ใครครับ?)
John: I am John. Can you remember me?
ไอ แอม จอหฺน แคน ยู รีเมมเบอ มี?
(ผมจอห์นครับ คุณจาผมได้ไหมครับ?)
Tim: Oh! John absolutely, how have you been these days? I haven’t seen you for a long
time.
โอ! จอหฺน แอบโซลูทลิ, ฮาว แฮฟวฺ ยู บีน ดีซ เดยฺซ? ไอ แฮฟวึนทฺ ซีน ยู ฟอรฺ อะ ลอง ไทมฺ
(โอ้! จอห์นนั่นเอง จาได้ซิครับ คุณเป็นอย่างไรบ้างไปอยู่ไหนมา? ผมไม่พบคุณนานมากแล้ว)
John: I am very well. What about you?
ไอ แอม เวริ เวล ว็อท อเบาทฺ ยู?
(ผมสบายดีครับ แล้วคุณล่ะครับ?)
Tim: I am very busy these days so I have no time to go out and see some old friends.
Where are you now, in Bangkok?
ไอ แอม เวริ บีซิ ดีซ เดยฺซ โซ ไอ แฮฟวฺ โน ไทมฺ ทู โก เอาทฺ แอน ซี ซัม โอลดฺ เฟรนดฺซ แวรฺ อารฺ ยู
นาว, อิน แบงค็อค?
(ผมยุ่งมากเลยช่วงนี้ ไม่มีเวลาไปพบเพื่อนเก่าๆเลย คุณอยู่ที่ไหนตอนนี้ อยู่ในกรุงเทพฯหรือเปล่า?)
John: I still live in Bangkok. If you have a free time, come and drink coffee at my home
ไอ สติล ลิฟ อิน แบงค็อก อิฟ ยู แฮฟวฺ อะ ฟรี ไทมฺ, คัม แอน ดริงคฺ ค็อฟฟี แอ็ท มาย โฮม
(ผมยังอยู่ในกรุงเทพฯ ถ้าคุณว่าง ๆ ก็แวะมาดื่มกาแฟที่บ้านผมซี)
Tim: That sounds great. I hope so. If I have an enough time, I will.
แด็ท ซาวดฺซ เกรท ไอ โฮพ โซ อิฟ ไอ แฮฟวฺ แอน อินัฟ ไทมฺ, ไอ วิล
(เข้าท่าดี ผมหวังว่าจะได้ไป ถ้าผมมีเวลาพอผมจะแวะไปครับ)
John: O.K. Take your time. Bye.
โอ เค เทค ยัวรฺ ไทมฺ บาย
(ได้เลยครับ ตามสบายครับ แค่นี้ก่อนนะ)

เอกสารประกอบการอบรมเชิงปฏิบัติการ หลักสูตรภาษาอังกฤษเพือการสื่อสารในการเตรียมความพร้อมสู่ประชาคมอาเซียน
่
10

Tim:

Bye.
บาย (สวัสดีครับ)

Situation 2
Tim:

Jane:

Tim:

Jane:

Tim:

Jane:

Tim:

Jane:

Tim:

Jane:

Hello. Could I speak to Mr.John, please?
เฮลโล คูด ไอ สปีค ทู มิสเตอรฺ จอหฺน พลีซ?
(สวัสดีครับ ผมต้องการพูดกับคุณจอห์นครับ?)
I’m sorry; he was out few minutes ago.
อาม ซอรฺริ ฮี ว็อซ เอาทฺ ฟิว มินิทสฺ อโก
(ขอโทษครับ เขาเพิ่งออกไปเมื่อตะกี้นี้)
Do you know when he’ll be back?
ดู ยู โนวฺ ฮเว็น ฮี อึล บี แบ็ค?
(ทราบไหมครับว่าเขาจะกลับมาตอนไหน?)
I think he’ll be back tomorrow evening because he travels to the upcountry.
ไอ ธิงคฺ ฮิ อึล บี แบ็ค ทูมอรฺโรวฺ อีฟวฺนิง บีคอซ ฮี แทรฟเวิล ทู ดิ อัพคันทริ
(ผมคิดว่าเขาน่าจะกลับพรุ่งนี้ตอนเย็นเพราะเขาไปต่างจังหวัดครับ)
Well, could I leave some message for him?
เวล, คูด ไอ ลีฟวฺ ซัม เมซเซจจฺ ฟอรฺ ฮิม?
(ผมฝากข้อความไว้ให้เขาหน่อยได้ไหมครับ?)
Yes, absolutely.
เย็ส, แอ็บโซลูทลิ
(ได้สิครับ)
Please ask him to call Tim when he is back.
พลีซ อาสคฺ ฮิม ทู คอล ทิม ฮเว็น ฮี อิซ แบ็ค
(เมื่อเขากลับมาบอกให้เขาโทรฯหาคนชื่อทิมนะครับ)
O.K. What is your number please?
โอ เค ว็อท อิซ ยัวรฺ นัมเบอรฺ พลีซ?
(ได้ครับ ขอเบอร์โทรฯคุณด้วยครับ?)
He has already known my number.
ฮี แฮซ ออลเรดดิ โนวฺน มาย นับเบอรฺ
(เขารู้เบอร์โทรฯแล้วครับ)
O.K. I will tell him to call you as soon as he gets back.
โอ เค ไอ วิล เทล ฮิม ทู คอล ยู แอ็ซ ซูน แอ็ซ ฮี เกทสฺ แบค
(ผมจะบอกให้เขาโทรฯหาคุณทันทีเมื่อเขามาถึงครับ)

เอกสารประกอบการอบรมเชิงปฏิบัติการ หลักสูตรภาษาอังกฤษเพือการสื่อสารในการเตรียมความพร้อมสู่ประชาคมอาเซียน
่
11

Tim:

Jane:

Thank you very much.
แธงคฺ กิว เวริ มัช
(ขอบคุณมากครับ)
That’s O key.
แดทสฺ โอ เค
(ไม่เป็นไรครับ)

(Asking for and Giving directions/locations)
การถามบอกทิศทางหรือที่ตั้ง
การถามทิศทาง
Excuse me, could you tell me……………………………………?
How to get to
the post office
How I can get to
the air port
The way to
the hospital

Where the (nearest)

post office
hospital
clinic

is

the railway station?
the national Museum?
Excuse me, where’s
The police station?
Dongbundphisai School?
Nadun district?
Excuse me. Could you tell me, How to get to the post office?
(เอ็กคิวซ มี คุด ยู เทล มี ฮาว ทู เกท ทู เธอะโพส อ๊อฟฟิซ)
ขอโทษค่ะ กรุณาบอกฉันหน่อยได้ไหม ไปที่ทาการไปรษณีย์อย่างไร
Excuse me . Could you tell me, The way to the airport?
(เอ็กคิวซ มี คุด ยู เทล มี เดอะ เวย์ ทู ดิ แอพอรท)
ขอโทษค่ะ กรุณาบอกทางไปสนามบินฉันหน่อยได้ไหม
Excuse me, Where post office is ?( เอ็กคิวซ มี แวร์ โพส อ๊อฟฟิช อิส)
ขอโทษ ที่ทาการไปรษณีย์ไปทางไหน

เอกสารประกอบการอบรมเชิงปฏิบัติการ หลักสูตรภาษาอังกฤษเพือการสื่อสารในการเตรียมความพร้อมสู่ประชาคมอาเซียน
่
12

การบอกทิศทาง
Go straight.
(โก สเตร้ท)
ตรงไป
Keep going straight.
(คีพ โกอิ่ง สเตร้ท )
ตรงไปเรื่อย ๆ
Just go straight on. ....
(จัสท์ โก สเตร็ท ออน)
ตรงไปเรื่อย ๆ บน./ ยัง........
The hospital is on the left.
(เธอะ ฮอทปิตอล อิซ ออน เธอะ เล็ฟท)
ธนาคารอยู่ทางซ้ายมือ
At the corner.
(แอท เธอะ คอร์เน่อร์)
ตรงหัวมุม
Turn left
(เทิน เล็ฟท์)
เลี้ยวซ้าย
Turn right
(เทิน ไรท์)
เลี้ยวขว
The first block.
(เธอะ เฟิสท์ บล็อก)
บล็อกแรก
Go straight ahead as far as the traffic lights. Then turn right .
(โก สเตร้ท อะเฮด แอส ฟา แอส เธอะ แทรฟฟิก ไล้ส เธน เทิน ไร้ท )
เดินตรงไป จนถึงสัญญาณ ไฟจราจร แล้วเลี้ยวขวา
บอกจุดเริ่มต้น = You are here .
(ยู อาร์ เฮีย)
คุณอยู่ตรงนี้
When you go out of the hotel……..
(เว็น ยู โก เอ้า อ๊อฟ เธอะ โฮเทล
เอกสารประกอบการอบรมเชิงปฏิบัติการ หลักสูตรภาษาอังกฤษเพือการสื่อสารในการเตรียมความพร้อมสู่ประชาคมอาเซียน
่
13

เมื่อคุณออกจากโรงแรม.... จากนั้นก็ต่อด้วยข้อความต่อไปนี้
เลี้ยวซ้าย /เลี้ยวขวา = Turn left/ turn right.
Cross over the road ข้ามถนน
Walk along the road. เดินไปตามถนน
Walk straight on เดินตรงไป
Go straight on เดินตรงไป
Walk pass the school เดินผ่านโรงเรียน
Go pass the school เดินผ่านโรงเรียน
Walk for about 10 minutes เดินไปประมาณ 10 นาที
Intersection / crossroads สี่แยก
Junction สามแยก
Traffic lights ไฟจราจร
at the end of the road. สุดถนน
on your right / left ข้างขวา / ข้างซ้าย
next to school ติดกับโรงเรียน
just before school ก่อนถึงโรงเรียน
at the corner มุมถนน
Go straight until you reach the main road. ตรงไปจนถึงถนนใหญ่
Take the U-turn at the traffic light. เลี้ยวกลับตรงไฟเขียวไฟแดง
It's on the right. อยู่ทางขวามือ
It's on the left. อยู่ทางซ้ายมือ
It's at the front. อยู่ข้างหน้าเลย
It's opposite the gas station. อยู่ตรงข้ามปั๊มน้ามัน
it's near the 7 - eleven shop. อยู่ใกล้ร้านเซเว่นอีลเลฟเว่น
It's next to the temple. อยู่ต่อจากวัดไป
บอกเส้นทางโดยให้ใช้รถแท็กซี่
You can catch a taxi / take a taxi . It will take you there in 10 minutes.
(ยู แคน แคช อะ แท็คซิ /เทค อะ แท็คซิ อิท วิวล์ เทค ยู แดร์ อิน เทน มินิทส)
คุณสามารถไปรถแท็กซี่ และจะพาคุณไปที่นั่นใน 10 นาที

เอกสารประกอบการอบรมเชิงปฏิบัติการ หลักสูตรภาษาอังกฤษเพือการสื่อสารในการเตรียมความพร้อมสู่ประชาคมอาเซียน
่
14

ตัวอย่างบทสนทนา
AT Dongbungphisai School.
Jong: Excuse me, could you tell me how to get to Wapipathum ?
Yoo: From the gate of the school, turn to your left where you can find the bus stop
along the junction then, wait for the bus
Jong: What’s the bus number?
You: You can take any bus that go to Khaen or Roi-et. Tell the bus conductor that you
need to get off in Wapipathum
Jong: Thank you very much.
Yoo: No problem. It’s my pleasure to help you.
ในบทความสนทนาภาษาอังกฤษบทนี้จะเป็นการถาม ชื่อ - นามสกุล อายุ วันเกิด น้าหนัก ส่วนสูง สัญชาติ
สถานภาพ ที่อยู่อื่นๆ และเรื่องครอบครัว ซื่อประโยคเหล่านี้ล้วนแต่มีความจาเป็นในชีวิตประจาวันเช่นกัน
อย่างเช่นหากเราต้องการรู้จักใครคนใดคนหนึ่ง ซึ่งต้องการทราบถึงข้อมูลส่วนตัวของเขา เราก็สามารถใช้
ประโยคเหล่านี้ในการถามได้
การถามชื่อ - นามสกุล
What’s your name?
คุณชื่ออะไร
(วอทส ยัวร์ เนม)
What’s your first name?
(วอทส ยัวร์ เฟิร์สท เนม)

ชื่อของคุณคือ

What’s your nickname?
(วอทส ยัวร์ นิคเนม)

ชื่อเล่นของคุณคือ

My name is …/ I am … .
(มาย เนม อีส … / ไอ แอม … .)

ฉันชื่อ…

Who are you?
(ฮู อาร์ ยู)

คุณเป็นใคร

Is your name …?
(อีส ยัวร์ เนม)

คุณชื่อ…ใช่ไหม

Are you …?
(อาร์ ยู)

คุณชื่อ…ใช่ไหม

What’s your last name?
(วอทส ยัวร์ ลาสท เนม)

นามสกุลของคุณคือ

เอกสารประกอบการอบรมเชิงปฏิบัติการ หลักสูตรภาษาอังกฤษเพือการสื่อสารในการเตรียมความพร้อมสู่ประชาคมอาเซียน
่
15

What’s your surname?
(วอทส ยัวร์ เซอร์เนม)

นามสกุลของคุณคือ

What’s your family name?
(วอทส ยัวร์ แฟมิลี เนม)

นามสกุลของคุณคือ

How do you spell that?
(ฮาว ดู ยู สเพล แธท)

คุณสะกดมันยังไง

Could you spell that for me? ช่วยสะกดให้ฉันหน่อยได้ไหม
(คูด ยู สเพล แธท ฟอร์ มี)
การถามอายุ
How old are you?
คุณอายุเท่าไหร่
(ฮาว โอลด อาร์ ยู)
What’s your age?
(วอทส ยัวร์ เอจ)

คุณอายุเท่าไหร่

I’m … years old.
(ไอม … เยียร์ส โอลด)
การถามวันเกิด
What’s your birthday?
(วอทส ยัวร์ เบิร์ธเดย์)

ฉันอายุ…

What’s your date of birth?
(วอทส ยัวร์ เดท ออฟ เบิร์ธ)

คุณเกิดวันอะไร

When were you born?
(เวน เวอร์ ยู บอร์น)

คุณเกิดเมื่อไหร่

Where were you born?
(แวร์ เวอร์ ยู บอร์น)

คุณเกิดที่ไหน

My birthday is … .
(มาย เบิร์ธเดย์ อีส …)

ฉันเกิดวันที่…

I was born in … .
(ไอ วอส บอร์น อิน …)

ฉันเกิดใน(เดือน/ปี)…

I was born on … .
(ไอ วอส บอร์น ออน)

ฉันเกิด(วัน/วันที่)…

I was born in … .
(ไอ วอส บอร์น อิน …)

ฉันเกิดที่(ประเทศ)…

คุณเกิดวันที่เท่าไหร่

เอกสารประกอบการอบรมเชิงปฏิบัติการ หลักสูตรภาษาอังกฤษเพือการสื่อสารในการเตรียมความพร้อมสู่ประชาคมอาเซียน
่
16

I was born at … .
(ไอ วอส บอร์น แอท …)
การถาม น้าหนัก - ส่วนสูง
How tall are you?
(ฮาว ทอล อาร์ ยู)

ฉันเกิดที่(สถานที่)…

I’m … centimeters tall.
(ไอม … เซนทิมีเทอะส ทอล)

ฉันสูง…เซนติเมตร

How much do you weigh?
(ฮาว มัช ดู ยู เว)

คุณหนักเท่าไหร่

I weigh … kilograms.
(ไอ เว … คิโลแกรมส)
การถามสัญชาติ
Where are you from?
(แวร์ อาร์ ยู ฟรอม)

ฉันหนัก…กิโลกรัม

I am from … .
(ไอ คัม ฟรอม)

ฉันมาจาก(ประเทศ)…

What is your nationality?
(วอท อีส ยัวร์ แนชชันแนลลิที)

คุณมีสัญชาติอะไร

I’m Thai.
(ไอม ไทย)
สถานภาพและคนในครอบครัว
Are you married?
(อาร์ ยุ แมริด)

ฉันเป็นคนไทย

Yes, I’m married.
(เยส ไอม แมริด)

ใช่ ฉันแต่งงานแล้ว

No, I’m single.
(โน ไอม ซิงเกิล)

ไม่ ฉันยังโสด

I’m divorced.
(ไอม ดิวอร์สด)

ฉันหย่าแล้ว

I’m widowed.
(ไอม วิดโดด)

ฉันเป็นหม้าย

Do you have any children?

คุณมีลูกบ้างไหม

คุณสูงเท่าไหร่

คุณมาจากไหน

คุณแต่งงานหรือยัง

เอกสารประกอบการอบรมเชิงปฏิบัติการ หลักสูตรภาษาอังกฤษเพือการสื่อสารในการเตรียมความพร้อมสู่ประชาคมอาเซียน
่
17

(ดู ยู แฮฟว เอนนี ชิลเดรน)
How many kids have you got? คุณมีลูกกี่คน
(ฮาว เมนี คิดส แฮฟว ยู กอท)
I have got … children.
(ไอ แฮฟว กอท … ชิลเดรน)

ผมมีลูก…คน

Where do they study?
(แวร์ ดู เธย์ สทัดดี)

พวกเขาเรียนที่ไหน

What does your husband do? สามีคุณทางานอะไร
(แวร์ ดาส ยัวร์ ฮัซแบนด ดู)
การถามเรื่องที่อยู่
Where do you live?
คุณอยู่ที่ไหน
(แวร์ ดู ยู ลีฟว)
I live in … .
(ไอ ลีฟว อิน)

ฉันอยู่ที่…

Where is your hometown?
(แวร์ อีส ยัวร์ โฮมทาวน)

บ้านเกิดของคุณอยู่ที่ไหน

Where are you staying now? ตอนนี้คุณพักที่ไหน
(แวร์ อาร์ ยู สเทย์อิง นาว)
Where’s your house?
(แวร์ส ยัวร์ เฮาซ)

บ้านคุณอยู่ที่ไหน

What’s your address?
(วอทส ยัวร์ แอดเดรส)

ที่อยู่ของคุณคือที่ไหน

My adress is … .
(มาย แอดเดรส อีส …)

ที่อยู่ของฉันคือ

May I have your address?
(เมย์ ไอ แฮฟว ยัวร์ แอดเดรส)

ขอทราบที่อยู่คุณได้ไหม

Could you tell/give me your กรุณาบอกที่อยู่ของคุณได้ไหม
address?
(คูด ยู เทล/กิฟว มี ยัวร์ แอดเดรส)

เอกสารประกอบการอบรมเชิงปฏิบัติการ หลักสูตรภาษาอังกฤษเพือการสื่อสารในการเตรียมความพร้อมสู่ประชาคมอาเซียน
่
18

การถามเรื่องครอบครัว
How many people are there in your family?
(ฮาว เมนี พีเพิล อาร์ แด อิน ยัวร์ แฟมมิลี)
ครอบครัวคุณมีกี่คน
There are …people in my family.
(แธร์ อาร์ … พีเพิล อิน มาย แฟมมิ )
ีลิ
ครอบครัวฉันมี … คน
How many brothers/sisters do you have?
(ฮาว เมนี บราเธอะส/ซิสเทอะส ดู ยูแฮฟว)
คุณมีพี่น้องทั้งหมดกี่คน
I have… brothers/sisters.
(ไอ แฮฟว …บราเธอะส/ซิสเทอะส)
ฉันมีพี่น้อง (ชาย/หญิง)…คน
Do you have any brothers and sisters?
(ดู ยู แฮฟว เอนนี บราเธอะส แอนด ซิสเทอะส)
คุณมีพี่น้องบ้างไหม
I don’t have any brothers or sisters.
(ไอ โดนท แฮฟว เอนนี บราเธอะส ออ ซิสเทอะส)
ฉันไม่มีพี่น้องเลย
Does your father/mother work?
(ดาส ยัวร์ ฟาเธอะ/มาเธอะ เวิร์ค)
พ่อแม่ ของคุณทางานหรือเปล่า
What does your father/mother do?
(วอท ดาส ยัวร์ ฟาเธอะ/มาเธอะ ดู)
พ่อแม่ ของคุณทางานอะไร
Tell me about your parents.
(เทล มี อะเบาท ยัวร์ แพเรนทส)
เล่าเรื่องครอบครัวของคุณให้ฟังหน่อย
What do they do?
(วอท ดู เธย์ ดู)
พวกเขาทางานอะไร
My father was a soldier but he is retired.
(มาย ฟาเธอะ วอส อะ โซลเจอะ บัท ฮี อิส รีไทเออะด)
พ่อของฉันเคยเป็นทหาร แต่เขาเกษียนแล้ว
เอกสารประกอบการอบรมเชิงปฏิบัติการ หลักสูตรภาษาอังกฤษเพือการสื่อสารในการเตรียมความพร้อมสู่ประชาคมอาเซียน
่
19

He/She is a…
(ฮี/ชี อีส อะ …)
เขา/เธอ เป็น….
Do you live with your parents now?
(ดู ยู ลิฟว วิธ ยัวร์ แพเรนทส นาว)
ตอนนี้คุณอยู่กับพ่อแม่หรือเปล่า
Do you live alone?
(ดู ยู ลีฟว อะโลน)
คุณอยู่คนเดียวหรอ
I live with…
(ไอ ลีฟว วิธ…)
ฉันอยู่กับ…
Do you live with your parents now ?
(ดู ยู ลีฟว วิธ ยัวร์ แพเรนทส นาว)
ตอนนี้คุณอยู่กับพ่อแม่หรือเปล่า
Do you live alone ?
(ดู ยู ลีฟว อะโลน)
คุณอยู่คนเดียวเหรอ
I live with …
(ไอ ลีฟว วิธ …)
ฉันอยู่กับ…
Are your parents still living ?
(อาร์ ยัวร์ แพเรนทส สทิล ลิฟวิง)
พ่อแม่ของคุณยังมีชีวิตอยู่หรือเปล่า
My father died many years ago.
(มาย ฟาเธอะ ไดด เมนี เยียร์ส อะโก)
พ่อของฉันเสียชีวิตไปหลายปีแล้ว
My mother is fine.
(มาย มาเธอะ อีส ไฟน)
แม่ของฉันสบายดี

เอกสารประกอบการอบรมเชิงปฏิบัติการ หลักสูตรภาษาอังกฤษเพือการสื่อสารในการเตรียมความพร้อมสู่ประชาคมอาเซียน
่
20

ตัวอย่างบทสนทนาภาษาอังกฤษ (Conversation)
Peter: Hey, John. How’s your holiday ?
(เฮ จอห์น ฮาวส ยัวร์ ฮอลลิเดย์)
สวัสดีจอห์น วันหยุดเป็นอย่างไรบ้าง
John: It was good, I just visited my hometown.
(อิท วอส กูด ไอ จัสท วิสซิททิด มาย โฮมทาวน)
ก็ดีนะ ผมเพิ่งไปเยี่ยมบ้านเกิดมา
Peter: That’s sound great. Where’s your hometown ?
(แธทส เซานด เกรท แวร์ส ยัวร์ โฮมทาวน)
ดีจังเลย แล้วบ้านเกิดคุณอยู่ไหนล่ะ
John: It’s in Chiang Mai.
(อิทส อิน เชียงใหม่)
อยู่เชียงใหม่ครับ
Peter: Well, how are your parents ?
(เวล ฮาว อาร์ ยัวร์ แพเรนทส)
แล้วพ่อแม่คุณล่ะ เป็นยังไงบ้าง
John: My mother’s fine but my father died 5 years ago.
(มาย มาเธอะส ไฟน บัท มาย ฟาเธอะ ไดด ไฟฟว เยียร์ส อะโก)
แม่ผมสบายดี ส่วนพ่อผมเสียชีวิตไป 5 ปีแล้วล่ะ
Peter: Sorry to hear that. So now she lives alone ?
(ซอรี ทู เฮียร์ แธท โซ นาว ชี ลีฟวส อะโลน)
เสียใจด้วยนะ งั้นตอนนี้แม่คุณก็อยู่คนเดียวน่ะสิ
John: No, she lives with my sister.
(โน ชี ลีฟวส วิธ มาย ซิสเทอะ)
ไม่หรอก ท่านอยู่กับน้องสาวผม
Peter: Good! I hope to meet them one day.
(กูด ไอ โฮพ ทู มีท เธม วัน เดย์)
ดีเลย หวังว่าผมจะได้พบพวกเขาสักวันนะ
John: Of course. If they come to Bangkok, I will let you know.
(ออฟ คอร์ส อิฟ เธย์ คัม ทู แบงคอค ไอ วิล เลท ยู โน)
ได้เลย ถ้าพวกเขามากรุงเทพเมื่อไหร่ ผมจะบอกคุณนะ
Peter: Thanks, if’s time to go now. See you then.
(แธงคส อิทส ไทม ทู โก นาว ซี ยู เธน)
เอกสารประกอบการอบรมเชิงปฏิบัติการ หลักสูตรภาษาอังกฤษเพือการสื่อสารในการเตรียมความพร้อมสู่ประชาคมอาเซียน
่
21

ขอบคุณนะ ได้เวลาไปแล้วล่ะ แล้วเจอกันครับ
John: See you. Bye!
(ซี ยู บาย)

Classroom Language (ภาษาที่ใช้ในห้องเรียน)
Asking for something (เมื่อต้องการขอสิ่งของ)
Can I have a pen, please?
Do you have a pen for me?
May I have a pen, please?
Asking about words (เมื่อต้องการถามว่าคานี้หมายถึงอะไรในภาษาอังกฤษ)
What's "(the word)" in English?
What does "(the word)" mean?
How do you say "(the word in your language)" in English?
How do you spell "(the word)"?
How do you pronounce "(the word)"?
Where's the stress in "(the word)"?
Asking to repeat (ขอให้พูดซ้า)
Could / Can you repeat that, please?
Could / can you say that again, please?
Pardon me?
Apologizing (ขอโทษ)
Excuse me, please.
I'm sorry.
Sorry about that.
Sorry I'm late. I don't understand.
Asking for help (ขอความช่วยเหลือ)
Can you help me, please?
Is this right / wrong?

เอกสารประกอบการอบรมเชิงปฏิบัติการ หลักสูตรภาษาอังกฤษเพือการสื่อสารในการเตรียมความพร้อมสู่ประชาคมอาเซียน
่
22

STUDENT - TEACHER (นักเรียนกับครูใช้สนทนากัน)
Excuse me. May I come in?
Could you speak more slowly, please?
Can you repeat that please? I didn't understand.
Sorry. I don't understand that.
How do you say 'mesa' in English?
How do you spell 'table'?
What's the difference between 'do' and 'did'?
I'm sorry, I've left my book at home.
Excuse me. I'm sorry I'm late.
Can you explain that again, please?
I didn't have time to do my homework.
I'm sorry. It's time to go.
See you next lesson.
Have a nice weekend
The same to you. Bye.
Have you finished?
STUDENT - STUDENT
Can you help me do this exercise?
Can you lend me a pen?
Have you done your homework?
What homework have we got to do?
Sorry, I can't remember your name.
Can I share your book with you?
Where's Angela today?
She's absent.
What page is it on?
Can you pass me that piece of paper, please?
Do we have to work in pairs?
Who's going to start
Whose turn is it?
It's my turn now.
เอกสารประกอบการอบรมเชิงปฏิบัติการ หลักสูตรภาษาอังกฤษเพือการสื่อสารในการเตรียมความพร้อมสู่ประชาคมอาเซียน
่
23

Sorry, can you say that again'!
Excuse me, that's my book.
What do we have to do now?
We have to compare our work.
คาสั่งของคุณครู
Please turn on the light.
Please turn off the light.
Please write your name on your paper.
Good job! คาชม
Please stand up and read number 1.
First, read the paragraphs and circle all the words that you don’t know.
Then, with your partner, answer the questions about the words that you don’t know
Please get into groups of 5, and practice the dialogue.
Please be quiet.
If you need help, ask the teacher.
If you need help, ask your partner.
Put your name at the top of your paper.
Push your chairs in before you leave.
Go stand in the corner!
Pick up the garbage before you leave.
Any questions?
Does that makes sense?
Please be on time to class.
Keep Learning. Have Heart!
Come here and write the answer on the board please.
Give me the answer to number 2.

เอกสารประกอบการอบรมเชิงปฏิบัติการ หลักสูตรภาษาอังกฤษเพือการสื่อสารในการเตรียมความพร้อมสู่ประชาคมอาเซียน
่
24

How to count from one – million (วิธีนับ 1-ล้านในภาษาอังกฤษ)
การนับตัวเลขภาษาอังกฤษกับภาษาไทยคล้ายกันครับ ยกเว้นหลักหมื่นกับหลักแสนเท่านั้นที่ต่างกัน
เพราะในภาษาอังกฤษไม่มีหลักหมื่นกับหลักแสนนั่นเอง
วิธีการนับ 1-10
วิธีการนับ 11-20
วิธีการนับ 20-1,000,000
การนับหลักสิบ
21 = 20+1 >>> twenty + one = twenty-one
32 = 30+2 >>> thirty + two = thirty-two
44 = 40+4 >>> forty + four = forty-four
68 = 60+8 >>> sixty + eight = sixty-eight
97 = 90+7 >>> ninety + seven = ninety-seven
ที่เหลือก็ทาคล้ายกันครับ ไม่ยาก สังเกตนิดหนึ่งนะครับว่าหลักสิบกับหลักหน่วยมีเส้นขีดคั่นกลาง
การนับหลักร้อย
153 =100+50+3 >>> one + hundred + fifty + three = one hundred and fifty three
576 = 500+70+6 >>> five + hundred + seventy +six = five hundred and seventy-six
880 = 800+80 >>> eight + hundred + eighty = eight hundred and eighty
905 = 900+5 >>> nine + hundred + five = nine hundred and five
ที่เหลือก็ไม่ยากครับทาคล้ายกัน โปรดสังเกตว่าระหว่างหลักร้อย กับหลักสิบและหน่วย มี and คั่นกลาง
การนับหลักพัน
3,234 = 3000 +200+30+4 >>> three thousand two hundred and thirty-four
7,302 = 7000+300+2 >>> seven thousand three hundred and two
5,045 = 5000+40+5 >>> five thousand and forty-five
การนับหลักหมื่น
เนื่องจากว่าคาว่า หมื่น ในภาษาอังกฤษไม่มี แล้วจะนับกันอย่างไรล่ะ คาตอบคือเขานับหลักพันนั่นแหละว่ามัน
มี กี่สิบพัน เช่น
10,000 = สิบพัน >> ten thousand
50,000 = ห้าสิบพัน >> fifty thousand
73,000 = เจ็ดสิบสามพัน >> seventy-three thousand
40,320 = 40 พัน+300+20 >>> forty thousand three hundred and twenty
64,327 = 64 พัน+300+20+7 >>> sixty-four thousand three hundred and twenty-seven
เอกสารประกอบการอบรมเชิงปฏิบัติการ หลักสูตรภาษาอังกฤษเพือการสื่อสารในการเตรียมความพร้อมสู่ประชาคมอาเซียน
่
25

98,028 = 98 พัน + 20 +8 >>> ninety-eight thousand and twenty-eight
การนับหลักแสน
คาว่า แสน ก็ไม่มีในภาษาอังกฤษอีกแล้ว เขาก็นับหลักพันอีกนั่นแหละว่ามี กีร้อยพัน เช่น
200,000 = สองร้อยพัน >> two hundred thousand
620,000 = หกร้อยยี่สิบพัน >> sixty-two hundred thousand
854,000= แปดร้อยห้าสิบสี่พัน >> eight hundred and fifty-four thousand
456,321 = 456 พัน+300+20+1 >>> four hundred and fifty-six thousand three hundred
and twenty-one
876,530 = 876 พัน + 500 >>> eight hundred and seventy-six thousand five hundred and
thirty
การนับหลักล้าน
คาว่า ล้าน มีในภาษาอังกฤษอยู่แล้ว ก็เอาไปนับได้เลยว่ามีกี่ล้าน ส่วนหลักอื่นๆก็ได้เรียนรู้มาหมดแล้วนะครับ
1,234,567 = one million two hundred and thirty-four thousand five hundred and sixtyseven
5,800,345 = five million eight hundred thousand three hundred and forty -five

เอกสารประกอบการอบรมเชิงปฏิบัติการ หลักสูตรภาษาอังกฤษเพือการสื่อสารในการเตรียมความพร้อมสู่ประชาคมอาเซียน
่
26

Telling the time (การอ่านเวลา)
การอ่านเวลา สามารถแบ่งออกเป็นสองวิธีด้วยกัน คือ
1. ระบบเวลาแบบ 12 ชั่วโมง (12-hour clock) เป็นวิธีการบอกเวลาที่นิยมใช้ในภาษาอังกฤษทั่วไป
โดยใช้เลข 1 ถึง 12 ตามด้วย a.m. (ante meridiem) หรือ p.m. (post meridiem) ต่อท้าย โดยมีหลักการ
อ่านดังนี้
หากเป็นเวลาเต็มชั่วโมง ให้เติมคาว่า “O’clock” ตามหลังเลขชั่วโมงนั้น ๆ ได้ และ หากเราต้องการย้า
ถึงเวลา ก็อาจจะเติมคาว่า “sharp” ลงไปด้วย เช่นIt’s six O’clock now. = ขณะนี้เป็นเวลาหกนาฬิกา
See you tomorrow at six o’clock sharp = แล้วเจอกันพรุ่งนี้ ตอนหกโมงตรง
หากเป็นเวลาที่ผ่านชั่วโมงมาแล้ว แต่ไม่เกินสามสิบนาที ให้ใช้คาว่า “past” เข้ามาช่วยในการบอกเวลา
เช่น
6.10 = Ten (minutes) past six / Six ten
6.15 = A quarter past six / Six fifteen
6.30 = Half past six / Six thirty
หากเป็นเวลาที่ผ่านชั่วโมง และเกินสามสิบนาทีมาแล้ว ให้ใช้คาว่า “to” เข้ามาช่วยในการบอกเวลา เช่น
6.45 = A quarter to seven / Six forty-five
6.50 = Ten (minutes) to seven / Six fifty
6.35 = Twenty-five (minutes) to seven / Six thirty-five
การอ่านเวลาแบบระบุเวลาเช้า เย็น เป็นวิธีที่ง่าย และมีความชัดเจนในการสื่อสาร ซึ่งเป็นที่นิยมเช่นกัน เช่น
4.45 p.m. = four forty-five in the evening
4.00 a.m. = four o’clock in the morning
* หากเป็นเวลาเที่ยงตรงพอดีจะใช้คาว่า “at noon หรือ midday” และหากเป็นเวลาเที่ยงคืนตรง ก็จะใช้คา
ว่า “at midnight”
2. ระบบเวลาแบบ 24 ชั่วโมง (24-hour clock) เป็นวิธีการบอกเวลาที่ใช้ในหมู่ทหาร หรือ ในการ
ประชุมทางการต่างๆ เพื่อป้องกันการสับสนในการบอกเวลา โดยใช้เลข 1 ถึง 23 และ เลข 00 ในเวลาเที่ยงคืน
และไม่มี a.m. / p.m. ตามหลัง โดยมีวิธีการอ่านเวลาที่ต่างไปจากการอ่านเวลาทั่วไป เช่น
20.00 = twenty hundred
03.05 = oh three oh five / zero three zero five
00.35 = midnight thirty-five

เอกสารประกอบการอบรมเชิงปฏิบัติการ หลักสูตรภาษาอังกฤษเพือการสื่อสารในการเตรียมความพร้อมสู่ประชาคมอาเซียน
่
27

การถามเกี่ยวกับเวลา (Asking about time)
การถามเวลาที่ใช้ในภาษาพูด
1. Do you have time?
2. What time do you make it?
การถามเวลาอย่างสุภาพ
1. What's the now?
2. Have you got the time?
3. what time is it?
4. Could/can you tell me the time please?
5. Would you mind telling the time?
การบอกเวลา (Telling the time)
1. ถ้าจะบอกเวลาเต็มๆชั่วโมง ให้ใช้คาว่า "o'clock" ตามหลังเวลาที่จะบอกเสมอ เช่น
It's six o'clock. มันเป็นเวลาหกโมงเช้า/เย็น
2. การบอกเวลาที่มีเศษนาทีในกรณีที่ไม่เกิน 30 นาที ให้ใช้ "past" นาหน้าชั่วโมงในขณะนั้น
รูปแบบ เศษนาที + past + ชั่วโมงขณะนั้น เช่น
9.25 = It's twenty-five past nine.
8.19 = It's nineteen past eight.
3. การบอกเวลาที่มีเศษนาทีในกรณีที่เกิน30นาที ให้ใช้ "to" นาหน้าเวลาที่จะถึง
รูปแบบ 60-เศษนาทีที่ให้มา + to + ชั่วโมงที่จะถึง เช่น
10.40 = It's twenty to eleven.
11.55 = It's five to twelve.
4. การบอกเวลาที่เศษนาทีเท่ากับ 15 นาที
รูปแบบ a quarter past + ชั่วโมงในขณะนั้น เช่น
3.15 = It's a quarter past three.
ถ้าเศษนาทีเท่ากับ 45 นาที
รูปแบบ a quarter to + ชั่วโมงที่จะถึง เช่น
5.45 = It's a quarter to six.
5. การบอกเวลาที่เศษนาทีเท่ากับ 30 นาทีให้ใช้ "half past"
รูปแบบ half past + ชั่วโมงในขณะนั้น เช่น
7.30 = It's half past seven.
6. การบอกเวลาตามตัวเลขบนหน้าปัดนาฬิกา เช่น
2.15 = It's two fifteen.
3.25 = It's three twenty-five.

เอกสารประกอบการอบรมเชิงปฏิบัติการ หลักสูตรภาษาอังกฤษเพือการสื่อสารในการเตรียมความพร้อมสู่ประชาคมอาเซียน
่
28

หมายเหตุ เราอาจใช้ a.m.และ p.m.ในการบอกเวลาโดยมีกฎเกณฑ์ ดังนี้
a.m. = ante meridiem ใช้ในการบอกเวลาตั้งแต่เที่ยงคืนถึงเที่ยงวัน
p.m. = past meridiem ใช้ในการบอกเวลาตั้งแต่เที่ยงวันถึงเที่ยงคืน
ตัวอย่างเช่น
9 โมงเช้า ใช้ว่า 9.00 a.m.
3 ทุ่ม ใช้ว่า 9.00 p.m.
6 โมง 20 นาที ในตอนเช้า ใช้ว่า 6.20 a.m.
6 โมง 20 นาที ในตอนเย็น ใช้ว่า 6.20 p.m.
7 โมง 30 นาที ในตอนเช้า ใช้ว่า 7.30 a.m.
1 ทุ่มครึ่ง ใช้ว่า 7.30 p.m.

เอกสารประกอบการอบรมเชิงปฏิบัติการ หลักสูตรภาษาอังกฤษเพือการสื่อสารในการเตรียมความพร้อมสู่ประชาคมอาเซียน
่

More Related Content

What's hot

ระบบสมการเชิงเส้นสองตัวแปร
ระบบสมการเชิงเส้นสองตัวแปรระบบสมการเชิงเส้นสองตัวแปร
ระบบสมการเชิงเส้นสองตัวแปรนายเค ครูกาย
 
2 ข้อสอบการตั้งและแก้ปัญหาทางคณิตศาสตร์
2 ข้อสอบการตั้งและแก้ปัญหาทางคณิตศาสตร์2 ข้อสอบการตั้งและแก้ปัญหาทางคณิตศาสตร์
2 ข้อสอบการตั้งและแก้ปัญหาทางคณิตศาสตร์Jirathorn Buenglee
 
บทที่ 14 การศึกษาเวลา
บทที่ 14 การศึกษาเวลาบทที่ 14 การศึกษาเวลา
บทที่ 14 การศึกษาเวลาTeetut Tresirichod
 
แบบทดสอบภาษาอังกฤษในชีวิตประจำวัน ม.ต้น
แบบทดสอบภาษาอังกฤษในชีวิตประจำวัน ม.ต้นแบบทดสอบภาษาอังกฤษในชีวิตประจำวัน ม.ต้น
แบบทดสอบภาษาอังกฤษในชีวิตประจำวัน ม.ต้นpeter dontoom
 
แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน
แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน
แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนAon Narinchoti
 
อังกฤษเพื่อการสื่อสาร
อังกฤษเพื่อการสื่อสารอังกฤษเพื่อการสื่อสาร
อังกฤษเพื่อการสื่อสารAroonroong Phukdee
 
การประยุกต์อัตราส่วนและร้อยละ
การประยุกต์อัตราส่วนและร้อยละการประยุกต์อัตราส่วนและร้อยละ
การประยุกต์อัตราส่วนและร้อยละนายเค ครูกาย
 
คู่มือการใช้โปรแกรม ActivInspire บน Active Board
คู่มือการใช้โปรแกรม ActivInspire บน Active Boardคู่มือการใช้โปรแกรม ActivInspire บน Active Board
คู่มือการใช้โปรแกรม ActivInspire บน Active Boardmansuang1978
 
การวิเคราะห์ข้อมูล
การวิเคราะห์ข้อมูลการวิเคราะห์ข้อมูล
การวิเคราะห์ข้อมูลDuangdenSandee
 
คอมพิวเตอร์
คอมพิวเตอร์คอมพิวเตอร์
คอมพิวเตอร์พัน พัน
 
โครงงานปะการังฟอกขาว (Coral Reef Bleaching){Test}
โครงงานปะการังฟอกขาว (Coral Reef Bleaching){Test}โครงงานปะการังฟอกขาว (Coral Reef Bleaching){Test}
โครงงานปะการังฟอกขาว (Coral Reef Bleaching){Test}firstyuppedu
 
ระบบจองห้องประชุมออนไลน์
ระบบจองห้องประชุมออนไลน์ระบบจองห้องประชุมออนไลน์
ระบบจองห้องประชุมออนไลน์Preepram Laedvilai
 
เปรียบเทียบหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน 2551 กับ 2560(ฉบับปรับปรุง)
เปรียบเทียบหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน 2551 กับ 2560(ฉบับปรับปรุง)เปรียบเทียบหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน 2551 กับ 2560(ฉบับปรับปรุง)
เปรียบเทียบหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน 2551 กับ 2560(ฉบับปรับปรุง)Rojsak Chiablaem
 
ใบความรู้
ใบความรู้ใบความรู้
ใบความรู้pummath
 
ขั้นตอนและหลักการสร้างระบบงาน
ขั้นตอนและหลักการสร้างระบบงานขั้นตอนและหลักการสร้างระบบงาน
ขั้นตอนและหลักการสร้างระบบงานเกวลิน เผ่าภูไพร
 

What's hot (20)

ระบบสมการเชิงเส้นสองตัวแปร
ระบบสมการเชิงเส้นสองตัวแปรระบบสมการเชิงเส้นสองตัวแปร
ระบบสมการเชิงเส้นสองตัวแปร
 
2 ข้อสอบการตั้งและแก้ปัญหาทางคณิตศาสตร์
2 ข้อสอบการตั้งและแก้ปัญหาทางคณิตศาสตร์2 ข้อสอบการตั้งและแก้ปัญหาทางคณิตศาสตร์
2 ข้อสอบการตั้งและแก้ปัญหาทางคณิตศาสตร์
 
บทที่ 14 การศึกษาเวลา
บทที่ 14 การศึกษาเวลาบทที่ 14 การศึกษาเวลา
บทที่ 14 การศึกษาเวลา
 
19556 lingkungan database
19556 lingkungan database19556 lingkungan database
19556 lingkungan database
 
แบบทดสอบภาษาอังกฤษในชีวิตประจำวัน ม.ต้น
แบบทดสอบภาษาอังกฤษในชีวิตประจำวัน ม.ต้นแบบทดสอบภาษาอังกฤษในชีวิตประจำวัน ม.ต้น
แบบทดสอบภาษาอังกฤษในชีวิตประจำวัน ม.ต้น
 
แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน
แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน
แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน
 
อังกฤษเพื่อการสื่อสาร
อังกฤษเพื่อการสื่อสารอังกฤษเพื่อการสื่อสาร
อังกฤษเพื่อการสื่อสาร
 
ภาษาอังกฤษ ม.ต้น
ภาษาอังกฤษ ม.ต้น ภาษาอังกฤษ ม.ต้น
ภาษาอังกฤษ ม.ต้น
 
การประยุกต์อัตราส่วนและร้อยละ
การประยุกต์อัตราส่วนและร้อยละการประยุกต์อัตราส่วนและร้อยละ
การประยุกต์อัตราส่วนและร้อยละ
 
ตรรกศาสตร์
ตรรกศาสตร์ตรรกศาสตร์
ตรรกศาสตร์
 
คู่มือการใช้โปรแกรม ActivInspire บน Active Board
คู่มือการใช้โปรแกรม ActivInspire บน Active Boardคู่มือการใช้โปรแกรม ActivInspire บน Active Board
คู่มือการใช้โปรแกรม ActivInspire บน Active Board
 
การวิเคราะห์ข้อมูล
การวิเคราะห์ข้อมูลการวิเคราะห์ข้อมูล
การวิเคราะห์ข้อมูล
 
คอมพิวเตอร์
คอมพิวเตอร์คอมพิวเตอร์
คอมพิวเตอร์
 
โครงงานปะการังฟอกขาว (Coral Reef Bleaching){Test}
โครงงานปะการังฟอกขาว (Coral Reef Bleaching){Test}โครงงานปะการังฟอกขาว (Coral Reef Bleaching){Test}
โครงงานปะการังฟอกขาว (Coral Reef Bleaching){Test}
 
Line Balancing
Line BalancingLine Balancing
Line Balancing
 
ระบบจองห้องประชุมออนไลน์
ระบบจองห้องประชุมออนไลน์ระบบจองห้องประชุมออนไลน์
ระบบจองห้องประชุมออนไลน์
 
เปรียบเทียบหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน 2551 กับ 2560(ฉบับปรับปรุง)
เปรียบเทียบหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน 2551 กับ 2560(ฉบับปรับปรุง)เปรียบเทียบหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน 2551 กับ 2560(ฉบับปรับปรุง)
เปรียบเทียบหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน 2551 กับ 2560(ฉบับปรับปรุง)
 
Materi 7. array
Materi 7. arrayMateri 7. array
Materi 7. array
 
ใบความรู้
ใบความรู้ใบความรู้
ใบความรู้
 
ขั้นตอนและหลักการสร้างระบบงาน
ขั้นตอนและหลักการสร้างระบบงานขั้นตอนและหลักการสร้างระบบงาน
ขั้นตอนและหลักการสร้างระบบงาน
 

Similar to เอกสารประกอบการอบรมปรับปรุง

Greeting การทักทาย
Greeting การทักทายGreeting การทักทาย
Greeting การทักทายKrutip777
 
Use ful english new
Use          ful     english  newUse          ful     english  new
Use ful english newkunkrukularb
 
เทคนิคการใช้ภาษาอังกฤษ
เทคนิคการใช้ภาษาอังกฤษเทคนิคการใช้ภาษาอังกฤษ
เทคนิคการใช้ภาษาอังกฤษKanjanaporn Thompat
 
วิชาภาษาอังกฤษอ่าน–เขียน พต22001 ม.ต้น
วิชาภาษาอังกฤษอ่าน–เขียน พต22001 ม.ต้นวิชาภาษาอังกฤษอ่าน–เขียน พต22001 ม.ต้น
วิชาภาษาอังกฤษอ่าน–เขียน พต22001 ม.ต้นpeter dontoom
 
ภาษาอาเซียน
ภาษาอาเซียนภาษาอาเซียน
ภาษาอาเซียนpoompeemm
 
ภาษาจีนง่ายนิดเดียว
ภาษาจีนง่ายนิดเดียวภาษาจีนง่ายนิดเดียว
ภาษาจีนง่ายนิดเดียวThunyalak Thumphila
 
Situation dialogues
Situation dialoguesSituation dialogues
Situation dialoguespingpingmum
 
คำและสำนวนภาษาอังกฤษ
คำและสำนวนภาษาอังกฤษคำและสำนวนภาษาอังกฤษ
คำและสำนวนภาษาอังกฤษYoo Ni
 

Similar to เอกสารประกอบการอบรมปรับปรุง (12)

Greeting การทักทาย
Greeting การทักทายGreeting การทักทาย
Greeting การทักทาย
 
Use ful english new
Use          ful     english  newUse          ful     english  new
Use ful english new
 
Life style english
Life style englishLife style english
Life style english
 
เทคนิคการใช้ภาษาอังกฤษ
เทคนิคการใช้ภาษาอังกฤษเทคนิคการใช้ภาษาอังกฤษ
เทคนิคการใช้ภาษาอังกฤษ
 
Present simple tense
Present simple tensePresent simple tense
Present simple tense
 
วิชาภาษาอังกฤษอ่าน–เขียน พต22001 ม.ต้น
วิชาภาษาอังกฤษอ่าน–เขียน พต22001 ม.ต้นวิชาภาษาอังกฤษอ่าน–เขียน พต22001 ม.ต้น
วิชาภาษาอังกฤษอ่าน–เขียน พต22001 ม.ต้น
 
ภาษาอาเซียน
ภาษาอาเซียนภาษาอาเซียน
ภาษาอาเซียน
 
ภาษาอาเซียน
ภาษาอาเซียนภาษาอาเซียน
ภาษาอาเซียน
 
ภาษาจีนง่ายนิดเดียว
ภาษาจีนง่ายนิดเดียวภาษาจีนง่ายนิดเดียว
ภาษาจีนง่ายนิดเดียว
 
Situation dialogues
Situation dialoguesSituation dialogues
Situation dialogues
 
General English
General EnglishGeneral English
General English
 
คำและสำนวนภาษาอังกฤษ
คำและสำนวนภาษาอังกฤษคำและสำนวนภาษาอังกฤษ
คำและสำนวนภาษาอังกฤษ
 

เอกสารประกอบการอบรมปรับปรุง

  • 1. 1 Greeting (การทักทาย) ทางการ Good morning สวัสดี (ตอนเช้า) Good afternoon สวัสดี (ตอนบ่าย) Good evening สวัสดี (ตอนเย็น) Good night ราตรีสวัสดิ์ คากล่าวลาเพื่อไปนอน ไม่เป็นทางการ Hello สวัสดี Hi สวัสดี (มักใช้กับคนที่สนิทสนมคุ้นเคย เช่น ใช้กับบุคคลในครอบครัว เพื่อนฝูง) การถามเกี่ยวกับสุขภาพ How are you? คุณสบายดีไหม? How are you doing? คุณสบายดีไหม? How about you? คุณสบายดีไหม? How are you going? คุณสบายดีไหม? การตอบเกี่ยวกับสุขภาพ (สบายดี) Fine, thank you. Fine, thanks. Good, thank you. Good, thanks. Not bad, thank you. Not bad, thanks. And how are you? แล้วคุณเป็นอย่างไรบ้าง And you? แล้วคุณละเป็นอย่างไรบ้าง การตอบเกี่ยวกับสุขภาพ (ไม่สบาย) I am not very well. I have a headache. Thanks, Thank you เอกสารประกอบการอบรมเชิงปฏิบัติการ หลักสูตรภาษาอังกฤษเพือการสื่อสารในการเตรียมความพร้อมสู่ประชาคมอาเซียน ่
  • 2. 2 Parting (การกล่าวลา) Good bye ลาก่อน Bye-Bye ลาก่อน Bye ลาก่อน See you พบกันใหม่ มาจากประโยค (I will see you.) See you later พบกันใหม่โอกาสหน้า See you tomorrow พบกันใหม่วันพรุ่งนี้ See you on Monday พบกันใหม่วันจันทร์ Have a good weekend ขอให้มีความสุขในวันหยุด See you tomorrow ,sir พบกันใหม่พรุ่งนี้ (พูดกับผู้ชาย) See you tomorrow, madam พบกันใหม่วันพรุ่งนี้ (พูดกับผู้หญิง) self-introduce (การแนะนาตนเอง) การแนะนาตนเอง My name is Edrin. ผมชื่อเอ็ดริน I am Edrin. ผมเอ็ดริน I’m Edrin ผมเอ็ดริน ก่อนการแนะนาตนเอง อาจกล่าวเกริ่นนาดังนี้ I’d like to introduce myself. ผมขอแนะนาตนเอง I’d like = I would like. ขอ อยากที่จะ Introduce = แนะนา Myself = ตนเอง Let me introduce myself ผมขอแนะนาตนเอง Let me = ขอ I’d like to introduce myself. I’m Edrin. or My name’s Edrin. Let me introduce my self. I’m Edrin. or My name’s Edrin. Pleased to meet you. ยินดีที่ได้รู้จักครับ หรือจะใช้แบบนี้ I’m Edrin. How do you do? ยินดีที่ได้รู้จัก I’m Warunyoo. How do you do? ยินดีที่ได้รู้จัก เอกสารประกอบการอบรมเชิงปฏิบัติการ หลักสูตรภาษาอังกฤษเพือการสื่อสารในการเตรียมความพร้อมสู่ประชาคมอาเซียน ่
  • 3. 3 ตัวอย่าง A: Good morning. I would like to introduce myself. My name is ________________________. I’m _______________________________. B: Good morning. Let me introduce myself. My name is ________________________. I’m _______________________________. B: Pleased to meet you A: Pleased to meet you too. How to respond thank you (การกล่าวตอบรับคาขอบคุณ) A: Excuse me, how can I go to Mahasarakham? ขอโทษครับผมจะไปสารคามได้อย่างไร B: You can go by the Khonkaen –Surin bus. ไปได้โดยใช้บริการรถบัสสายขอนแก่น-สุรินทร์ A: Thank you very much ขอบคุณมากครับ การพูดตอบรับคาขอบคุณ B: You’re welcome. ด้วยความยินดี สาหรับการพูดตอบรับการขอบคุณ อาจใช้สานวนอื่น ๆ ต่อไปนี้ My pleasure (มาย พลีสเชอร์) ด้วยความยินดี Don’t mention it (โด้นท์ เม้นชั่น อิท) ไม่เป็นไร Not at all (น๊อทแธท ออล) ไม่เป็นไร Any time (เอ นิ ทาม) ยินดีเสมอ เอกสารประกอบการอบรมเชิงปฏิบัติการ หลักสูตรภาษาอังกฤษเพือการสื่อสารในการเตรียมความพร้อมสู่ประชาคมอาเซียน ่
  • 4. 4 ตัวอย่างบทสนทนา Tim : Thank you very much for the gift. ทิม : (แธงค์ กิ่ว เวริ มัช ฟอเ ธอะ กิฟท์) ขอบคุณมากสาหรับของขวัญ Suda : Don’t mention it สุดา : ( โด้นท์ เม้นชั่น อิท ) ไม่เป็นไร Yutthapong : That’s very kind of you .Thanks. (แดทส เวริ คาย อ๊อฟ ยู แธงค์) ช่างเป็นความกรุณามากเลย ขอบคุณมาก Suda : It’s my pleasure. (อิส มาย พลีสเชอร์) ด้วยความยินดีครับ Buying Fruit (การซื้อผลไม้) A : Good morning. Can I help you ? (กู้ด ม้อร์นิ่ง แคน ไอ เฮล ยู) สวัสดีค่ะ มีอะไรให้ฉันช่วยไหมคะ B : Yes, please. I want to buy some fruit. Do you have some papayas ? (เยส พลีส ไอ ว้อน ทู บาย ซัม ฟรุ้ท ดู ยู แฮฟ ซัม พัพพ่ะย่ะ) มีค่ะ ฉันต้องการซื้อผลไม้ คุณมีมะละกอไหมคะ A : Yes. How many do you want ? (เยส ฮาว เม้นี่ ดู ยู ว้อน) มีค่ะ คุณต้องการเท่าไหร่คะ B : Two please, and give me six apples, a pomelo and a watermelon too. Do you have Oranges ? (ทู พลีส แอน กีฟ มี ซิกส แอปเปิล อะพอมมิโล แอน อะวอเทอร์มิเลิ่น ทุ ดู ยู แฮฟ ออเรนจส) เอา 2 ลูกค่ะ และฉันอยากได้ แอปเปิ้ล 6 ลูก ส้มโอ 1 ลูก และแตงโม 1 ลูก คุณมีส้มไหมคะ A : Yes. How many do you want ? (เยส ฮาว เม้นี่ ดู ยู ว้อนท) มีค่ะ คุณต้องการเท่าไหร่คะ B : I want 2 kilos. (ไอ ว้อน ทู กิโลส์) ฉันต้องการ 2 กิโลค่ะ A : Is there anything else ? (อิส แด เอนี่ทิ่ง เอ้ลส) คุณต้องการสิ่งอื่นอีกไหม B : No, that’ s all (โน แดทส ออล) ไม่ล่ะ พอแล้ว เอกสารประกอบการอบรมเชิงปฏิบัติการ หลักสูตรภาษาอังกฤษเพือการสื่อสารในการเตรียมความพร้อมสู่ประชาคมอาเซียน ่
  • 5. 5 Buying clothes (การซื้อเครื่องแต่งกาย) Seller: Good morning. What can I do for you? กุด มอรฺนิง ว็อท แคน ไอ ดู ฟอรฺ ยู? (สวัสดีค่ะ มีอะไรให้ช่วยบ้างค่ะ?) Lucy: How much is this white shirt? ฮาว มัช อิซ ดิส ไวทฺ เชิรฺท? (เสื้อเชิ้ตสีขาวตัวนี้ราคาเท่าไหร่ครับ?) Seller: It is 700 Baht, sir. What is your size? อิท อิซ เซเวนฮันเดร็ด บาท เซอรฺ ว็อท อิซ ยัวร ไสซฺ? (เจ็ดร้อยบาทค่ะ คุณใส่ไสซ์อะไรค่ะ) Lucy: My size is an L. มาย ไสซฺ อิซ แอน แอล (ผมใส่ไสซ์แอลครับ) Seller: I am sorry. We don’t have this color, size L. Would you like a yellow one instead? ไอ แอม ซอรฺริ วี โดนทฺ แฮฟวฺ ดิส คัลเลอรฺ ไสซฺ แอล วุด ยู ไลคฺ อะ เย็ลโลวฺ วัน อินสเต็ด? (ขอโทษค่ะ เราไม่มีสีนี้ไสซ์แอล เปลี่ยนเป็นสีเหลืองแทนได้ไหมค่ะ?) Lucy: No, I don’t like yellow. Do you have blue? โน ไอ โดนทฺ ไลคฺ เยลโลวฺ ดู ยู แฮฟวฺ บลู? (ผมไม่ชอบสีเหลืองครับ คุณมีสีน้าเงินไหมครับ?) Seller: Yes, we do. Here you are. Would you like to try it on? เย็ส วี ดู เฮียรฺ ยู อารฺ วุด ยู ไลคฺ ทู ไทรยฺ อิท ออน? (มีค่ะ นี่ค่ะ ลองใส่ดูก่อนไหมค่ะ?) Lucy: Yes, that’s good idea. เย็ส แด็ทสฺ กุด ไอเดีย (ครับ ลองดูหน่อยก็ดีครับ) Seller: The fitting room is over there. เดอะ ฟิตติง รูม อิซ โอเวอรฺ แดรฺ (ห้องลองอยู่ทางนั้นค่ะ) Lucy: It fits me perfectly. I take it. อิท ฟิทสฺ มี เพอรฺเฟ็คลี ไอ เทค อิท (ใส่ได้พอดีเลย ผมเอาตัวนี้แหละครับ) เอกสารประกอบการอบรมเชิงปฏิบัติการ หลักสูตรภาษาอังกฤษเพือการสื่อสารในการเตรียมความพร้อมสู่ประชาคมอาเซียน ่
  • 6. 6 Seller: Would you like to pay in cash or by card? วุด ยู ไลคฺ ทู เพยฺ อิน แค็ช ออรฺ ไบ การฺด (จะสะดวกจ่ายด้วยเงินสดหรือว่าบัตรเครดิตค่ะ?) Lucy: Here is my card. เฮียรฺ อิซ ไม การฺด (นี่ครับ บัตร) Seller: Please sign your name here. Here is your shirt and receipt. Thank you very much, sir. พลีส ไซนฺ ยัวรฺ เนม เฮียรฺ เฮียรฺ อิซ ยัวรฺ เชิรฺท แอน รีซีท แธงคฺ กิว เวรี มัช เซอรฺ (กรุณาเซ็นชื่อตรงนี้ค่ะ นี่เสื้อเชิ้ตและใบเสร็จค่ะ ขอบคุณมากค่ะ) Lucy: You are welcome. Good-bye. ยู อารฺ เวลคัม กุดบาย (ยินดีครับ ไปก่อนนะครับ) Restaurant (ร้านอาหาร) Situation 1 Yoo: Do you like food? ดู ยู ไลคฺ ไท ฟูด? (คุณชอบอาหารไทยไหมครับ?) อาจตอบได้ว่า Jong: Yes, I like Thai food most especially Phad Thai and Tom Yam Kung. เย็ส, ไอ ไลคฺ ไท ฟูด โมสทฺ เอ็สเปเชียลลิ ผัด ไท แอน ต้ม ยัม กุ้ง (ชอบมากที่สุดเลยครับ โดยเฉพาะ ผัดไทย กับ ต้มยากุ้ง) Jong: Yes, I like some dishes of them, but I don’t quite like some because they are so spicy. เย็ส, ไอ ไลคฺ ซัม ดิชชึส อ็อฟ เด็ม, บัท ไอ โดนทฺ ไควทฺ ไลคฺ ซัม บีคอซ เด อารฺ โซ สไปซิ (ชอบอาหารไทยบางอย่างครับ แต่บางอย่างก็ไม่ค่อยชอบเท่าไหร่เพราะว่าเผ็ดมาก) Yoo: Do you like salad? ดู ยู ไลคฺ แซลลัด? (คุณ ชอบ สลัดไหมครับ?) อาจตอบได้ว่า Jong: Yes, I really like it. เย็ส, ไอ เรียลลิ ไลคฺ อิท (ครับ ผมชอบสลัดมาก) เอกสารประกอบการอบรมเชิงปฏิบัติการ หลักสูตรภาษาอังกฤษเพือการสื่อสารในการเตรียมความพร้อมสู่ประชาคมอาเซียน ่
  • 7. 7 Jong: No, I don’t like salad. I like steak very much. โน, ไอ โดนทฺ ไลคฺ แซลลัด ไอ ไลคฺ สเต็ก เวริ มัช (ผมไม่ชอบสลัดครับแต่ชอบสเต็กมาก) Yoo: Do you like papaya salad? ดู ยู ไลคฺ พาพายา แซลลัด? (คุณชอบส้มตาไหมครับ?) อาจตอบได้ว่า Jong: Yes, I really like it. เย็ส, ไอ เรียลลิ ไลคฺ อิท (ชอบมากครับ) Jong: Yes, I like it, but I usually have it when I visit tourist attractions only. เย็ส, ไอ ไลคฺ อิท บัท ไอ ยูสชวลลิ แฮฟ อิท เว็น ไอ วิสิท ทัวริสทฺ อะแทรคชึนสฺ โอนลิ (ชอบครับ แต่ผมจะรับประทานส้มตาก็ต่อเมื่อไปตามสถานที่ท่องเที่ยวเท่านั้น) Jong: No, I don’t like it. โน, ไอ โดนทฺ ไลคฺ อิท (ไม่ชอบครับ) Yoo: Do you like Thai dessert? ดู ยู ไลคฺ ไท ดีเซิท (คุณชอบขนมหวานไทยไหมครับ?) อาจตอบได้ว่า Jong: Yes, I like especially corn in coconut milk syrup. เย็ส, ไอ ไลคฺ เอ็สเปเชียลลิ คอรฺน อิน โคโคนัท มิลคฺ ไซรัพ (ชอบครับ โดยเฉพาะ ข้าวโพดบวช) Jong: I like some of them. เย็ส ไอ ไลคฺ ซัม อ็อฟ เด็ม (ชอบเป็นบางอย่างครับ) เอกสารประกอบการอบรมเชิงปฏิบัติการ หลักสูตรภาษาอังกฤษเพือการสื่อสารในการเตรียมความพร้อมสู่ประชาคมอาเซียน ่
  • 8. 8 Situation 2 Yoo: Jong: Yoo: Jong: Yoo: Jong: Yoo: Jong: Have you ever tried this food yet? It‘s very delicious. แฮฟ ยู เอฟเวอ ไทรดฺ ดิซ ฟูด เย็ท? อิทซ เวริ ดิลีชึซ (คุณเคยทานอาหารนี้หรือยัง? อร่อยมากเลย) No, not yet. What is it called? โน, น็อท เย็ท ว็อท อิซ อิท คอลดฺ? (ยังเลยครับ อะไรหรือครับ?) It is Phat Thai. อิท อิซ ผัด ไท (ผัดไทยครับ) What ingredient does it has? ว็อท อินกรีเดียนทฺ ดาซ อิท แฮซ? (มีส่วนผสมอะไรบ้างครับ?) Its basic ingredients are noodle, shrimp and egg. They are fried together in the frying pan with cooking oil and seasonings. อิทซ เบสิค อินกรีเดียนทฺซ อารฺ นูดเดิล ชริมพฺ แอน เอ็ก เดยฺ อารฺ ฟรายดฺ ทูเก็ทเธอ อิน เดอะ ฟรายอิง แพน วิดฬฺ คุกกิง ออยลฺ แอน ซีซันนิงซฺ (มีเส้นหมี่ กุ้งและไข่เป็นส่วนผสมเบื้องต้น วิธีทาก็จะผัดส่วนผสมดังกล่าวรวมกันในกะทะด้วยน้ามัน และใส่เครื่องปรุงรสต่างๆ) Umm. That sounds good. อืม แด็ด ซาวดฺซ กุด (อืม ฟังดูน่าจะอร่อย) Would you like to try? วูด ยู ไลคฺ ทู ไทรยฺ? (ลองดูหน่อยไหมครับ?) Yes, why not? เย็ส, วาย น็อท? (ไม่พลาดอยู่แล้วครับ) เอกสารประกอบการอบรมเชิงปฏิบัติการ หลักสูตรภาษาอังกฤษเพือการสื่อสารในการเตรียมความพร้อมสู่ประชาคมอาเซียน ่
  • 9. 9 Talking on the phone (การพูดคุยทางโทรศัพท์) Situation 1 John: May I speak to MR. Tim please? เมยฺ ไอ สปีค ทู มิสเตอรฺ ทิม พลีซ? (ผมขอพูดสายกับคุณทิมครับ?) Tim: Yes, I am Tim speaking. Who is this? เย็ส, ไอ แอม ทิม สปีคกิง ฮู อิซ ดิซ? (ครับ ผมทิมพูดสายอยู่ครับ ใครครับ?) John: I am John. Can you remember me? ไอ แอม จอหฺน แคน ยู รีเมมเบอ มี? (ผมจอห์นครับ คุณจาผมได้ไหมครับ?) Tim: Oh! John absolutely, how have you been these days? I haven’t seen you for a long time. โอ! จอหฺน แอบโซลูทลิ, ฮาว แฮฟวฺ ยู บีน ดีซ เดยฺซ? ไอ แฮฟวึนทฺ ซีน ยู ฟอรฺ อะ ลอง ไทมฺ (โอ้! จอห์นนั่นเอง จาได้ซิครับ คุณเป็นอย่างไรบ้างไปอยู่ไหนมา? ผมไม่พบคุณนานมากแล้ว) John: I am very well. What about you? ไอ แอม เวริ เวล ว็อท อเบาทฺ ยู? (ผมสบายดีครับ แล้วคุณล่ะครับ?) Tim: I am very busy these days so I have no time to go out and see some old friends. Where are you now, in Bangkok? ไอ แอม เวริ บีซิ ดีซ เดยฺซ โซ ไอ แฮฟวฺ โน ไทมฺ ทู โก เอาทฺ แอน ซี ซัม โอลดฺ เฟรนดฺซ แวรฺ อารฺ ยู นาว, อิน แบงค็อค? (ผมยุ่งมากเลยช่วงนี้ ไม่มีเวลาไปพบเพื่อนเก่าๆเลย คุณอยู่ที่ไหนตอนนี้ อยู่ในกรุงเทพฯหรือเปล่า?) John: I still live in Bangkok. If you have a free time, come and drink coffee at my home ไอ สติล ลิฟ อิน แบงค็อก อิฟ ยู แฮฟวฺ อะ ฟรี ไทมฺ, คัม แอน ดริงคฺ ค็อฟฟี แอ็ท มาย โฮม (ผมยังอยู่ในกรุงเทพฯ ถ้าคุณว่าง ๆ ก็แวะมาดื่มกาแฟที่บ้านผมซี) Tim: That sounds great. I hope so. If I have an enough time, I will. แด็ท ซาวดฺซ เกรท ไอ โฮพ โซ อิฟ ไอ แฮฟวฺ แอน อินัฟ ไทมฺ, ไอ วิล (เข้าท่าดี ผมหวังว่าจะได้ไป ถ้าผมมีเวลาพอผมจะแวะไปครับ) John: O.K. Take your time. Bye. โอ เค เทค ยัวรฺ ไทมฺ บาย (ได้เลยครับ ตามสบายครับ แค่นี้ก่อนนะ) เอกสารประกอบการอบรมเชิงปฏิบัติการ หลักสูตรภาษาอังกฤษเพือการสื่อสารในการเตรียมความพร้อมสู่ประชาคมอาเซียน ่
  • 10. 10 Tim: Bye. บาย (สวัสดีครับ) Situation 2 Tim: Jane: Tim: Jane: Tim: Jane: Tim: Jane: Tim: Jane: Hello. Could I speak to Mr.John, please? เฮลโล คูด ไอ สปีค ทู มิสเตอรฺ จอหฺน พลีซ? (สวัสดีครับ ผมต้องการพูดกับคุณจอห์นครับ?) I’m sorry; he was out few minutes ago. อาม ซอรฺริ ฮี ว็อซ เอาทฺ ฟิว มินิทสฺ อโก (ขอโทษครับ เขาเพิ่งออกไปเมื่อตะกี้นี้) Do you know when he’ll be back? ดู ยู โนวฺ ฮเว็น ฮี อึล บี แบ็ค? (ทราบไหมครับว่าเขาจะกลับมาตอนไหน?) I think he’ll be back tomorrow evening because he travels to the upcountry. ไอ ธิงคฺ ฮิ อึล บี แบ็ค ทูมอรฺโรวฺ อีฟวฺนิง บีคอซ ฮี แทรฟเวิล ทู ดิ อัพคันทริ (ผมคิดว่าเขาน่าจะกลับพรุ่งนี้ตอนเย็นเพราะเขาไปต่างจังหวัดครับ) Well, could I leave some message for him? เวล, คูด ไอ ลีฟวฺ ซัม เมซเซจจฺ ฟอรฺ ฮิม? (ผมฝากข้อความไว้ให้เขาหน่อยได้ไหมครับ?) Yes, absolutely. เย็ส, แอ็บโซลูทลิ (ได้สิครับ) Please ask him to call Tim when he is back. พลีซ อาสคฺ ฮิม ทู คอล ทิม ฮเว็น ฮี อิซ แบ็ค (เมื่อเขากลับมาบอกให้เขาโทรฯหาคนชื่อทิมนะครับ) O.K. What is your number please? โอ เค ว็อท อิซ ยัวรฺ นัมเบอรฺ พลีซ? (ได้ครับ ขอเบอร์โทรฯคุณด้วยครับ?) He has already known my number. ฮี แฮซ ออลเรดดิ โนวฺน มาย นับเบอรฺ (เขารู้เบอร์โทรฯแล้วครับ) O.K. I will tell him to call you as soon as he gets back. โอ เค ไอ วิล เทล ฮิม ทู คอล ยู แอ็ซ ซูน แอ็ซ ฮี เกทสฺ แบค (ผมจะบอกให้เขาโทรฯหาคุณทันทีเมื่อเขามาถึงครับ) เอกสารประกอบการอบรมเชิงปฏิบัติการ หลักสูตรภาษาอังกฤษเพือการสื่อสารในการเตรียมความพร้อมสู่ประชาคมอาเซียน ่
  • 11. 11 Tim: Jane: Thank you very much. แธงคฺ กิว เวริ มัช (ขอบคุณมากครับ) That’s O key. แดทสฺ โอ เค (ไม่เป็นไรครับ) (Asking for and Giving directions/locations) การถามบอกทิศทางหรือที่ตั้ง การถามทิศทาง Excuse me, could you tell me……………………………………? How to get to the post office How I can get to the air port The way to the hospital Where the (nearest) post office hospital clinic is the railway station? the national Museum? Excuse me, where’s The police station? Dongbundphisai School? Nadun district? Excuse me. Could you tell me, How to get to the post office? (เอ็กคิวซ มี คุด ยู เทล มี ฮาว ทู เกท ทู เธอะโพส อ๊อฟฟิซ) ขอโทษค่ะ กรุณาบอกฉันหน่อยได้ไหม ไปที่ทาการไปรษณีย์อย่างไร Excuse me . Could you tell me, The way to the airport? (เอ็กคิวซ มี คุด ยู เทล มี เดอะ เวย์ ทู ดิ แอพอรท) ขอโทษค่ะ กรุณาบอกทางไปสนามบินฉันหน่อยได้ไหม Excuse me, Where post office is ?( เอ็กคิวซ มี แวร์ โพส อ๊อฟฟิช อิส) ขอโทษ ที่ทาการไปรษณีย์ไปทางไหน เอกสารประกอบการอบรมเชิงปฏิบัติการ หลักสูตรภาษาอังกฤษเพือการสื่อสารในการเตรียมความพร้อมสู่ประชาคมอาเซียน ่
  • 12. 12 การบอกทิศทาง Go straight. (โก สเตร้ท) ตรงไป Keep going straight. (คีพ โกอิ่ง สเตร้ท ) ตรงไปเรื่อย ๆ Just go straight on. .... (จัสท์ โก สเตร็ท ออน) ตรงไปเรื่อย ๆ บน./ ยัง........ The hospital is on the left. (เธอะ ฮอทปิตอล อิซ ออน เธอะ เล็ฟท) ธนาคารอยู่ทางซ้ายมือ At the corner. (แอท เธอะ คอร์เน่อร์) ตรงหัวมุม Turn left (เทิน เล็ฟท์) เลี้ยวซ้าย Turn right (เทิน ไรท์) เลี้ยวขว The first block. (เธอะ เฟิสท์ บล็อก) บล็อกแรก Go straight ahead as far as the traffic lights. Then turn right . (โก สเตร้ท อะเฮด แอส ฟา แอส เธอะ แทรฟฟิก ไล้ส เธน เทิน ไร้ท ) เดินตรงไป จนถึงสัญญาณ ไฟจราจร แล้วเลี้ยวขวา บอกจุดเริ่มต้น = You are here . (ยู อาร์ เฮีย) คุณอยู่ตรงนี้ When you go out of the hotel…….. (เว็น ยู โก เอ้า อ๊อฟ เธอะ โฮเทล เอกสารประกอบการอบรมเชิงปฏิบัติการ หลักสูตรภาษาอังกฤษเพือการสื่อสารในการเตรียมความพร้อมสู่ประชาคมอาเซียน ่
  • 13. 13 เมื่อคุณออกจากโรงแรม.... จากนั้นก็ต่อด้วยข้อความต่อไปนี้ เลี้ยวซ้าย /เลี้ยวขวา = Turn left/ turn right. Cross over the road ข้ามถนน Walk along the road. เดินไปตามถนน Walk straight on เดินตรงไป Go straight on เดินตรงไป Walk pass the school เดินผ่านโรงเรียน Go pass the school เดินผ่านโรงเรียน Walk for about 10 minutes เดินไปประมาณ 10 นาที Intersection / crossroads สี่แยก Junction สามแยก Traffic lights ไฟจราจร at the end of the road. สุดถนน on your right / left ข้างขวา / ข้างซ้าย next to school ติดกับโรงเรียน just before school ก่อนถึงโรงเรียน at the corner มุมถนน Go straight until you reach the main road. ตรงไปจนถึงถนนใหญ่ Take the U-turn at the traffic light. เลี้ยวกลับตรงไฟเขียวไฟแดง It's on the right. อยู่ทางขวามือ It's on the left. อยู่ทางซ้ายมือ It's at the front. อยู่ข้างหน้าเลย It's opposite the gas station. อยู่ตรงข้ามปั๊มน้ามัน it's near the 7 - eleven shop. อยู่ใกล้ร้านเซเว่นอีลเลฟเว่น It's next to the temple. อยู่ต่อจากวัดไป บอกเส้นทางโดยให้ใช้รถแท็กซี่ You can catch a taxi / take a taxi . It will take you there in 10 minutes. (ยู แคน แคช อะ แท็คซิ /เทค อะ แท็คซิ อิท วิวล์ เทค ยู แดร์ อิน เทน มินิทส) คุณสามารถไปรถแท็กซี่ และจะพาคุณไปที่นั่นใน 10 นาที เอกสารประกอบการอบรมเชิงปฏิบัติการ หลักสูตรภาษาอังกฤษเพือการสื่อสารในการเตรียมความพร้อมสู่ประชาคมอาเซียน ่
  • 14. 14 ตัวอย่างบทสนทนา AT Dongbungphisai School. Jong: Excuse me, could you tell me how to get to Wapipathum ? Yoo: From the gate of the school, turn to your left where you can find the bus stop along the junction then, wait for the bus Jong: What’s the bus number? You: You can take any bus that go to Khaen or Roi-et. Tell the bus conductor that you need to get off in Wapipathum Jong: Thank you very much. Yoo: No problem. It’s my pleasure to help you. ในบทความสนทนาภาษาอังกฤษบทนี้จะเป็นการถาม ชื่อ - นามสกุล อายุ วันเกิด น้าหนัก ส่วนสูง สัญชาติ สถานภาพ ที่อยู่อื่นๆ และเรื่องครอบครัว ซื่อประโยคเหล่านี้ล้วนแต่มีความจาเป็นในชีวิตประจาวันเช่นกัน อย่างเช่นหากเราต้องการรู้จักใครคนใดคนหนึ่ง ซึ่งต้องการทราบถึงข้อมูลส่วนตัวของเขา เราก็สามารถใช้ ประโยคเหล่านี้ในการถามได้ การถามชื่อ - นามสกุล What’s your name? คุณชื่ออะไร (วอทส ยัวร์ เนม) What’s your first name? (วอทส ยัวร์ เฟิร์สท เนม) ชื่อของคุณคือ What’s your nickname? (วอทส ยัวร์ นิคเนม) ชื่อเล่นของคุณคือ My name is …/ I am … . (มาย เนม อีส … / ไอ แอม … .) ฉันชื่อ… Who are you? (ฮู อาร์ ยู) คุณเป็นใคร Is your name …? (อีส ยัวร์ เนม) คุณชื่อ…ใช่ไหม Are you …? (อาร์ ยู) คุณชื่อ…ใช่ไหม What’s your last name? (วอทส ยัวร์ ลาสท เนม) นามสกุลของคุณคือ เอกสารประกอบการอบรมเชิงปฏิบัติการ หลักสูตรภาษาอังกฤษเพือการสื่อสารในการเตรียมความพร้อมสู่ประชาคมอาเซียน ่
  • 15. 15 What’s your surname? (วอทส ยัวร์ เซอร์เนม) นามสกุลของคุณคือ What’s your family name? (วอทส ยัวร์ แฟมิลี เนม) นามสกุลของคุณคือ How do you spell that? (ฮาว ดู ยู สเพล แธท) คุณสะกดมันยังไง Could you spell that for me? ช่วยสะกดให้ฉันหน่อยได้ไหม (คูด ยู สเพล แธท ฟอร์ มี) การถามอายุ How old are you? คุณอายุเท่าไหร่ (ฮาว โอลด อาร์ ยู) What’s your age? (วอทส ยัวร์ เอจ) คุณอายุเท่าไหร่ I’m … years old. (ไอม … เยียร์ส โอลด) การถามวันเกิด What’s your birthday? (วอทส ยัวร์ เบิร์ธเดย์) ฉันอายุ… What’s your date of birth? (วอทส ยัวร์ เดท ออฟ เบิร์ธ) คุณเกิดวันอะไร When were you born? (เวน เวอร์ ยู บอร์น) คุณเกิดเมื่อไหร่ Where were you born? (แวร์ เวอร์ ยู บอร์น) คุณเกิดที่ไหน My birthday is … . (มาย เบิร์ธเดย์ อีส …) ฉันเกิดวันที่… I was born in … . (ไอ วอส บอร์น อิน …) ฉันเกิดใน(เดือน/ปี)… I was born on … . (ไอ วอส บอร์น ออน) ฉันเกิด(วัน/วันที่)… I was born in … . (ไอ วอส บอร์น อิน …) ฉันเกิดที่(ประเทศ)… คุณเกิดวันที่เท่าไหร่ เอกสารประกอบการอบรมเชิงปฏิบัติการ หลักสูตรภาษาอังกฤษเพือการสื่อสารในการเตรียมความพร้อมสู่ประชาคมอาเซียน ่
  • 16. 16 I was born at … . (ไอ วอส บอร์น แอท …) การถาม น้าหนัก - ส่วนสูง How tall are you? (ฮาว ทอล อาร์ ยู) ฉันเกิดที่(สถานที่)… I’m … centimeters tall. (ไอม … เซนทิมีเทอะส ทอล) ฉันสูง…เซนติเมตร How much do you weigh? (ฮาว มัช ดู ยู เว) คุณหนักเท่าไหร่ I weigh … kilograms. (ไอ เว … คิโลแกรมส) การถามสัญชาติ Where are you from? (แวร์ อาร์ ยู ฟรอม) ฉันหนัก…กิโลกรัม I am from … . (ไอ คัม ฟรอม) ฉันมาจาก(ประเทศ)… What is your nationality? (วอท อีส ยัวร์ แนชชันแนลลิที) คุณมีสัญชาติอะไร I’m Thai. (ไอม ไทย) สถานภาพและคนในครอบครัว Are you married? (อาร์ ยุ แมริด) ฉันเป็นคนไทย Yes, I’m married. (เยส ไอม แมริด) ใช่ ฉันแต่งงานแล้ว No, I’m single. (โน ไอม ซิงเกิล) ไม่ ฉันยังโสด I’m divorced. (ไอม ดิวอร์สด) ฉันหย่าแล้ว I’m widowed. (ไอม วิดโดด) ฉันเป็นหม้าย Do you have any children? คุณมีลูกบ้างไหม คุณสูงเท่าไหร่ คุณมาจากไหน คุณแต่งงานหรือยัง เอกสารประกอบการอบรมเชิงปฏิบัติการ หลักสูตรภาษาอังกฤษเพือการสื่อสารในการเตรียมความพร้อมสู่ประชาคมอาเซียน ่
  • 17. 17 (ดู ยู แฮฟว เอนนี ชิลเดรน) How many kids have you got? คุณมีลูกกี่คน (ฮาว เมนี คิดส แฮฟว ยู กอท) I have got … children. (ไอ แฮฟว กอท … ชิลเดรน) ผมมีลูก…คน Where do they study? (แวร์ ดู เธย์ สทัดดี) พวกเขาเรียนที่ไหน What does your husband do? สามีคุณทางานอะไร (แวร์ ดาส ยัวร์ ฮัซแบนด ดู) การถามเรื่องที่อยู่ Where do you live? คุณอยู่ที่ไหน (แวร์ ดู ยู ลีฟว) I live in … . (ไอ ลีฟว อิน) ฉันอยู่ที่… Where is your hometown? (แวร์ อีส ยัวร์ โฮมทาวน) บ้านเกิดของคุณอยู่ที่ไหน Where are you staying now? ตอนนี้คุณพักที่ไหน (แวร์ อาร์ ยู สเทย์อิง นาว) Where’s your house? (แวร์ส ยัวร์ เฮาซ) บ้านคุณอยู่ที่ไหน What’s your address? (วอทส ยัวร์ แอดเดรส) ที่อยู่ของคุณคือที่ไหน My adress is … . (มาย แอดเดรส อีส …) ที่อยู่ของฉันคือ May I have your address? (เมย์ ไอ แฮฟว ยัวร์ แอดเดรส) ขอทราบที่อยู่คุณได้ไหม Could you tell/give me your กรุณาบอกที่อยู่ของคุณได้ไหม address? (คูด ยู เทล/กิฟว มี ยัวร์ แอดเดรส) เอกสารประกอบการอบรมเชิงปฏิบัติการ หลักสูตรภาษาอังกฤษเพือการสื่อสารในการเตรียมความพร้อมสู่ประชาคมอาเซียน ่
  • 18. 18 การถามเรื่องครอบครัว How many people are there in your family? (ฮาว เมนี พีเพิล อาร์ แด อิน ยัวร์ แฟมมิลี) ครอบครัวคุณมีกี่คน There are …people in my family. (แธร์ อาร์ … พีเพิล อิน มาย แฟมมิ ) ีลิ ครอบครัวฉันมี … คน How many brothers/sisters do you have? (ฮาว เมนี บราเธอะส/ซิสเทอะส ดู ยูแฮฟว) คุณมีพี่น้องทั้งหมดกี่คน I have… brothers/sisters. (ไอ แฮฟว …บราเธอะส/ซิสเทอะส) ฉันมีพี่น้อง (ชาย/หญิง)…คน Do you have any brothers and sisters? (ดู ยู แฮฟว เอนนี บราเธอะส แอนด ซิสเทอะส) คุณมีพี่น้องบ้างไหม I don’t have any brothers or sisters. (ไอ โดนท แฮฟว เอนนี บราเธอะส ออ ซิสเทอะส) ฉันไม่มีพี่น้องเลย Does your father/mother work? (ดาส ยัวร์ ฟาเธอะ/มาเธอะ เวิร์ค) พ่อแม่ ของคุณทางานหรือเปล่า What does your father/mother do? (วอท ดาส ยัวร์ ฟาเธอะ/มาเธอะ ดู) พ่อแม่ ของคุณทางานอะไร Tell me about your parents. (เทล มี อะเบาท ยัวร์ แพเรนทส) เล่าเรื่องครอบครัวของคุณให้ฟังหน่อย What do they do? (วอท ดู เธย์ ดู) พวกเขาทางานอะไร My father was a soldier but he is retired. (มาย ฟาเธอะ วอส อะ โซลเจอะ บัท ฮี อิส รีไทเออะด) พ่อของฉันเคยเป็นทหาร แต่เขาเกษียนแล้ว เอกสารประกอบการอบรมเชิงปฏิบัติการ หลักสูตรภาษาอังกฤษเพือการสื่อสารในการเตรียมความพร้อมสู่ประชาคมอาเซียน ่
  • 19. 19 He/She is a… (ฮี/ชี อีส อะ …) เขา/เธอ เป็น…. Do you live with your parents now? (ดู ยู ลิฟว วิธ ยัวร์ แพเรนทส นาว) ตอนนี้คุณอยู่กับพ่อแม่หรือเปล่า Do you live alone? (ดู ยู ลีฟว อะโลน) คุณอยู่คนเดียวหรอ I live with… (ไอ ลีฟว วิธ…) ฉันอยู่กับ… Do you live with your parents now ? (ดู ยู ลีฟว วิธ ยัวร์ แพเรนทส นาว) ตอนนี้คุณอยู่กับพ่อแม่หรือเปล่า Do you live alone ? (ดู ยู ลีฟว อะโลน) คุณอยู่คนเดียวเหรอ I live with … (ไอ ลีฟว วิธ …) ฉันอยู่กับ… Are your parents still living ? (อาร์ ยัวร์ แพเรนทส สทิล ลิฟวิง) พ่อแม่ของคุณยังมีชีวิตอยู่หรือเปล่า My father died many years ago. (มาย ฟาเธอะ ไดด เมนี เยียร์ส อะโก) พ่อของฉันเสียชีวิตไปหลายปีแล้ว My mother is fine. (มาย มาเธอะ อีส ไฟน) แม่ของฉันสบายดี เอกสารประกอบการอบรมเชิงปฏิบัติการ หลักสูตรภาษาอังกฤษเพือการสื่อสารในการเตรียมความพร้อมสู่ประชาคมอาเซียน ่
  • 20. 20 ตัวอย่างบทสนทนาภาษาอังกฤษ (Conversation) Peter: Hey, John. How’s your holiday ? (เฮ จอห์น ฮาวส ยัวร์ ฮอลลิเดย์) สวัสดีจอห์น วันหยุดเป็นอย่างไรบ้าง John: It was good, I just visited my hometown. (อิท วอส กูด ไอ จัสท วิสซิททิด มาย โฮมทาวน) ก็ดีนะ ผมเพิ่งไปเยี่ยมบ้านเกิดมา Peter: That’s sound great. Where’s your hometown ? (แธทส เซานด เกรท แวร์ส ยัวร์ โฮมทาวน) ดีจังเลย แล้วบ้านเกิดคุณอยู่ไหนล่ะ John: It’s in Chiang Mai. (อิทส อิน เชียงใหม่) อยู่เชียงใหม่ครับ Peter: Well, how are your parents ? (เวล ฮาว อาร์ ยัวร์ แพเรนทส) แล้วพ่อแม่คุณล่ะ เป็นยังไงบ้าง John: My mother’s fine but my father died 5 years ago. (มาย มาเธอะส ไฟน บัท มาย ฟาเธอะ ไดด ไฟฟว เยียร์ส อะโก) แม่ผมสบายดี ส่วนพ่อผมเสียชีวิตไป 5 ปีแล้วล่ะ Peter: Sorry to hear that. So now she lives alone ? (ซอรี ทู เฮียร์ แธท โซ นาว ชี ลีฟวส อะโลน) เสียใจด้วยนะ งั้นตอนนี้แม่คุณก็อยู่คนเดียวน่ะสิ John: No, she lives with my sister. (โน ชี ลีฟวส วิธ มาย ซิสเทอะ) ไม่หรอก ท่านอยู่กับน้องสาวผม Peter: Good! I hope to meet them one day. (กูด ไอ โฮพ ทู มีท เธม วัน เดย์) ดีเลย หวังว่าผมจะได้พบพวกเขาสักวันนะ John: Of course. If they come to Bangkok, I will let you know. (ออฟ คอร์ส อิฟ เธย์ คัม ทู แบงคอค ไอ วิล เลท ยู โน) ได้เลย ถ้าพวกเขามากรุงเทพเมื่อไหร่ ผมจะบอกคุณนะ Peter: Thanks, if’s time to go now. See you then. (แธงคส อิทส ไทม ทู โก นาว ซี ยู เธน) เอกสารประกอบการอบรมเชิงปฏิบัติการ หลักสูตรภาษาอังกฤษเพือการสื่อสารในการเตรียมความพร้อมสู่ประชาคมอาเซียน ่
  • 21. 21 ขอบคุณนะ ได้เวลาไปแล้วล่ะ แล้วเจอกันครับ John: See you. Bye! (ซี ยู บาย) Classroom Language (ภาษาที่ใช้ในห้องเรียน) Asking for something (เมื่อต้องการขอสิ่งของ) Can I have a pen, please? Do you have a pen for me? May I have a pen, please? Asking about words (เมื่อต้องการถามว่าคานี้หมายถึงอะไรในภาษาอังกฤษ) What's "(the word)" in English? What does "(the word)" mean? How do you say "(the word in your language)" in English? How do you spell "(the word)"? How do you pronounce "(the word)"? Where's the stress in "(the word)"? Asking to repeat (ขอให้พูดซ้า) Could / Can you repeat that, please? Could / can you say that again, please? Pardon me? Apologizing (ขอโทษ) Excuse me, please. I'm sorry. Sorry about that. Sorry I'm late. I don't understand. Asking for help (ขอความช่วยเหลือ) Can you help me, please? Is this right / wrong? เอกสารประกอบการอบรมเชิงปฏิบัติการ หลักสูตรภาษาอังกฤษเพือการสื่อสารในการเตรียมความพร้อมสู่ประชาคมอาเซียน ่
  • 22. 22 STUDENT - TEACHER (นักเรียนกับครูใช้สนทนากัน) Excuse me. May I come in? Could you speak more slowly, please? Can you repeat that please? I didn't understand. Sorry. I don't understand that. How do you say 'mesa' in English? How do you spell 'table'? What's the difference between 'do' and 'did'? I'm sorry, I've left my book at home. Excuse me. I'm sorry I'm late. Can you explain that again, please? I didn't have time to do my homework. I'm sorry. It's time to go. See you next lesson. Have a nice weekend The same to you. Bye. Have you finished? STUDENT - STUDENT Can you help me do this exercise? Can you lend me a pen? Have you done your homework? What homework have we got to do? Sorry, I can't remember your name. Can I share your book with you? Where's Angela today? She's absent. What page is it on? Can you pass me that piece of paper, please? Do we have to work in pairs? Who's going to start Whose turn is it? It's my turn now. เอกสารประกอบการอบรมเชิงปฏิบัติการ หลักสูตรภาษาอังกฤษเพือการสื่อสารในการเตรียมความพร้อมสู่ประชาคมอาเซียน ่
  • 23. 23 Sorry, can you say that again'! Excuse me, that's my book. What do we have to do now? We have to compare our work. คาสั่งของคุณครู Please turn on the light. Please turn off the light. Please write your name on your paper. Good job! คาชม Please stand up and read number 1. First, read the paragraphs and circle all the words that you don’t know. Then, with your partner, answer the questions about the words that you don’t know Please get into groups of 5, and practice the dialogue. Please be quiet. If you need help, ask the teacher. If you need help, ask your partner. Put your name at the top of your paper. Push your chairs in before you leave. Go stand in the corner! Pick up the garbage before you leave. Any questions? Does that makes sense? Please be on time to class. Keep Learning. Have Heart! Come here and write the answer on the board please. Give me the answer to number 2. เอกสารประกอบการอบรมเชิงปฏิบัติการ หลักสูตรภาษาอังกฤษเพือการสื่อสารในการเตรียมความพร้อมสู่ประชาคมอาเซียน ่
  • 24. 24 How to count from one – million (วิธีนับ 1-ล้านในภาษาอังกฤษ) การนับตัวเลขภาษาอังกฤษกับภาษาไทยคล้ายกันครับ ยกเว้นหลักหมื่นกับหลักแสนเท่านั้นที่ต่างกัน เพราะในภาษาอังกฤษไม่มีหลักหมื่นกับหลักแสนนั่นเอง วิธีการนับ 1-10 วิธีการนับ 11-20 วิธีการนับ 20-1,000,000 การนับหลักสิบ 21 = 20+1 >>> twenty + one = twenty-one 32 = 30+2 >>> thirty + two = thirty-two 44 = 40+4 >>> forty + four = forty-four 68 = 60+8 >>> sixty + eight = sixty-eight 97 = 90+7 >>> ninety + seven = ninety-seven ที่เหลือก็ทาคล้ายกันครับ ไม่ยาก สังเกตนิดหนึ่งนะครับว่าหลักสิบกับหลักหน่วยมีเส้นขีดคั่นกลาง การนับหลักร้อย 153 =100+50+3 >>> one + hundred + fifty + three = one hundred and fifty three 576 = 500+70+6 >>> five + hundred + seventy +six = five hundred and seventy-six 880 = 800+80 >>> eight + hundred + eighty = eight hundred and eighty 905 = 900+5 >>> nine + hundred + five = nine hundred and five ที่เหลือก็ไม่ยากครับทาคล้ายกัน โปรดสังเกตว่าระหว่างหลักร้อย กับหลักสิบและหน่วย มี and คั่นกลาง การนับหลักพัน 3,234 = 3000 +200+30+4 >>> three thousand two hundred and thirty-four 7,302 = 7000+300+2 >>> seven thousand three hundred and two 5,045 = 5000+40+5 >>> five thousand and forty-five การนับหลักหมื่น เนื่องจากว่าคาว่า หมื่น ในภาษาอังกฤษไม่มี แล้วจะนับกันอย่างไรล่ะ คาตอบคือเขานับหลักพันนั่นแหละว่ามัน มี กี่สิบพัน เช่น 10,000 = สิบพัน >> ten thousand 50,000 = ห้าสิบพัน >> fifty thousand 73,000 = เจ็ดสิบสามพัน >> seventy-three thousand 40,320 = 40 พัน+300+20 >>> forty thousand three hundred and twenty 64,327 = 64 พัน+300+20+7 >>> sixty-four thousand three hundred and twenty-seven เอกสารประกอบการอบรมเชิงปฏิบัติการ หลักสูตรภาษาอังกฤษเพือการสื่อสารในการเตรียมความพร้อมสู่ประชาคมอาเซียน ่
  • 25. 25 98,028 = 98 พัน + 20 +8 >>> ninety-eight thousand and twenty-eight การนับหลักแสน คาว่า แสน ก็ไม่มีในภาษาอังกฤษอีกแล้ว เขาก็นับหลักพันอีกนั่นแหละว่ามี กีร้อยพัน เช่น 200,000 = สองร้อยพัน >> two hundred thousand 620,000 = หกร้อยยี่สิบพัน >> sixty-two hundred thousand 854,000= แปดร้อยห้าสิบสี่พัน >> eight hundred and fifty-four thousand 456,321 = 456 พัน+300+20+1 >>> four hundred and fifty-six thousand three hundred and twenty-one 876,530 = 876 พัน + 500 >>> eight hundred and seventy-six thousand five hundred and thirty การนับหลักล้าน คาว่า ล้าน มีในภาษาอังกฤษอยู่แล้ว ก็เอาไปนับได้เลยว่ามีกี่ล้าน ส่วนหลักอื่นๆก็ได้เรียนรู้มาหมดแล้วนะครับ 1,234,567 = one million two hundred and thirty-four thousand five hundred and sixtyseven 5,800,345 = five million eight hundred thousand three hundred and forty -five เอกสารประกอบการอบรมเชิงปฏิบัติการ หลักสูตรภาษาอังกฤษเพือการสื่อสารในการเตรียมความพร้อมสู่ประชาคมอาเซียน ่
  • 26. 26 Telling the time (การอ่านเวลา) การอ่านเวลา สามารถแบ่งออกเป็นสองวิธีด้วยกัน คือ 1. ระบบเวลาแบบ 12 ชั่วโมง (12-hour clock) เป็นวิธีการบอกเวลาที่นิยมใช้ในภาษาอังกฤษทั่วไป โดยใช้เลข 1 ถึง 12 ตามด้วย a.m. (ante meridiem) หรือ p.m. (post meridiem) ต่อท้าย โดยมีหลักการ อ่านดังนี้ หากเป็นเวลาเต็มชั่วโมง ให้เติมคาว่า “O’clock” ตามหลังเลขชั่วโมงนั้น ๆ ได้ และ หากเราต้องการย้า ถึงเวลา ก็อาจจะเติมคาว่า “sharp” ลงไปด้วย เช่นIt’s six O’clock now. = ขณะนี้เป็นเวลาหกนาฬิกา See you tomorrow at six o’clock sharp = แล้วเจอกันพรุ่งนี้ ตอนหกโมงตรง หากเป็นเวลาที่ผ่านชั่วโมงมาแล้ว แต่ไม่เกินสามสิบนาที ให้ใช้คาว่า “past” เข้ามาช่วยในการบอกเวลา เช่น 6.10 = Ten (minutes) past six / Six ten 6.15 = A quarter past six / Six fifteen 6.30 = Half past six / Six thirty หากเป็นเวลาที่ผ่านชั่วโมง และเกินสามสิบนาทีมาแล้ว ให้ใช้คาว่า “to” เข้ามาช่วยในการบอกเวลา เช่น 6.45 = A quarter to seven / Six forty-five 6.50 = Ten (minutes) to seven / Six fifty 6.35 = Twenty-five (minutes) to seven / Six thirty-five การอ่านเวลาแบบระบุเวลาเช้า เย็น เป็นวิธีที่ง่าย และมีความชัดเจนในการสื่อสาร ซึ่งเป็นที่นิยมเช่นกัน เช่น 4.45 p.m. = four forty-five in the evening 4.00 a.m. = four o’clock in the morning * หากเป็นเวลาเที่ยงตรงพอดีจะใช้คาว่า “at noon หรือ midday” และหากเป็นเวลาเที่ยงคืนตรง ก็จะใช้คา ว่า “at midnight” 2. ระบบเวลาแบบ 24 ชั่วโมง (24-hour clock) เป็นวิธีการบอกเวลาที่ใช้ในหมู่ทหาร หรือ ในการ ประชุมทางการต่างๆ เพื่อป้องกันการสับสนในการบอกเวลา โดยใช้เลข 1 ถึง 23 และ เลข 00 ในเวลาเที่ยงคืน และไม่มี a.m. / p.m. ตามหลัง โดยมีวิธีการอ่านเวลาที่ต่างไปจากการอ่านเวลาทั่วไป เช่น 20.00 = twenty hundred 03.05 = oh three oh five / zero three zero five 00.35 = midnight thirty-five เอกสารประกอบการอบรมเชิงปฏิบัติการ หลักสูตรภาษาอังกฤษเพือการสื่อสารในการเตรียมความพร้อมสู่ประชาคมอาเซียน ่
  • 27. 27 การถามเกี่ยวกับเวลา (Asking about time) การถามเวลาที่ใช้ในภาษาพูด 1. Do you have time? 2. What time do you make it? การถามเวลาอย่างสุภาพ 1. What's the now? 2. Have you got the time? 3. what time is it? 4. Could/can you tell me the time please? 5. Would you mind telling the time? การบอกเวลา (Telling the time) 1. ถ้าจะบอกเวลาเต็มๆชั่วโมง ให้ใช้คาว่า "o'clock" ตามหลังเวลาที่จะบอกเสมอ เช่น It's six o'clock. มันเป็นเวลาหกโมงเช้า/เย็น 2. การบอกเวลาที่มีเศษนาทีในกรณีที่ไม่เกิน 30 นาที ให้ใช้ "past" นาหน้าชั่วโมงในขณะนั้น รูปแบบ เศษนาที + past + ชั่วโมงขณะนั้น เช่น 9.25 = It's twenty-five past nine. 8.19 = It's nineteen past eight. 3. การบอกเวลาที่มีเศษนาทีในกรณีที่เกิน30นาที ให้ใช้ "to" นาหน้าเวลาที่จะถึง รูปแบบ 60-เศษนาทีที่ให้มา + to + ชั่วโมงที่จะถึง เช่น 10.40 = It's twenty to eleven. 11.55 = It's five to twelve. 4. การบอกเวลาที่เศษนาทีเท่ากับ 15 นาที รูปแบบ a quarter past + ชั่วโมงในขณะนั้น เช่น 3.15 = It's a quarter past three. ถ้าเศษนาทีเท่ากับ 45 นาที รูปแบบ a quarter to + ชั่วโมงที่จะถึง เช่น 5.45 = It's a quarter to six. 5. การบอกเวลาที่เศษนาทีเท่ากับ 30 นาทีให้ใช้ "half past" รูปแบบ half past + ชั่วโมงในขณะนั้น เช่น 7.30 = It's half past seven. 6. การบอกเวลาตามตัวเลขบนหน้าปัดนาฬิกา เช่น 2.15 = It's two fifteen. 3.25 = It's three twenty-five. เอกสารประกอบการอบรมเชิงปฏิบัติการ หลักสูตรภาษาอังกฤษเพือการสื่อสารในการเตรียมความพร้อมสู่ประชาคมอาเซียน ่
  • 28. 28 หมายเหตุ เราอาจใช้ a.m.และ p.m.ในการบอกเวลาโดยมีกฎเกณฑ์ ดังนี้ a.m. = ante meridiem ใช้ในการบอกเวลาตั้งแต่เที่ยงคืนถึงเที่ยงวัน p.m. = past meridiem ใช้ในการบอกเวลาตั้งแต่เที่ยงวันถึงเที่ยงคืน ตัวอย่างเช่น 9 โมงเช้า ใช้ว่า 9.00 a.m. 3 ทุ่ม ใช้ว่า 9.00 p.m. 6 โมง 20 นาที ในตอนเช้า ใช้ว่า 6.20 a.m. 6 โมง 20 นาที ในตอนเย็น ใช้ว่า 6.20 p.m. 7 โมง 30 นาที ในตอนเช้า ใช้ว่า 7.30 a.m. 1 ทุ่มครึ่ง ใช้ว่า 7.30 p.m. เอกสารประกอบการอบรมเชิงปฏิบัติการ หลักสูตรภาษาอังกฤษเพือการสื่อสารในการเตรียมความพร้อมสู่ประชาคมอาเซียน ่