More Related Content
Similar to งานบ้านถวาย (18)
งานบ้านถวาย
- 1. บ้านถวาย หมู่บ้านไม้แกะสลัก
อดีตที่ผ่านมา 40 กว่าปี บ้านถวายได้สืบสานงานไม้ จากรุ่ นสู่
รุ่ น จากการก่อกาเนิดขึ้น ของปูชนียบุคคล 3 ท่าน คือพ่อหนาน
แดง พันธุสา , พ่อใจ๋ มา อิ่นแก้ว และพ่อเฮือน พันธุศาสตร์ ที่ได้เดินทาง
ไปทางานและเรี ยนแกะสลักไม้ที่ร้านน้อมศิลป์ บ้านวัวลาย ประตูเชียงใหม่
อาเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ เมื่อ พ.ศ. 2500-2505 และได้นามาแพร่ หลาย
ในหมู่บานถวาย จนกลายเป็ นหมู่บานหัตถกรรม ไม้แกะสลักที่มีฝีมือ และ
้ ้
มีชื่อเสี ยง เป็ นที่รู้จกของชาวไทยและชาวต่างประเทศ
ั
ประวัติหมู่บ้าน บ้านถวาย เป็ นหมู่บานเก่าแก่ ตั้งมาประมาณ 100 กว่าปี สาเหตุที่ชื่อบ้านถวาย ตามคาบอกเล่าของผูเ้ ฒ่าผู ้
้
แก่ เล่าว่าบ้านถวาย ดั้งเดิมเป็ นจุดถวายของให้พระนางเจ้าจามเทวีทเี่ สด็จผ่าน จากนครลาพูน ซึ่ งเดินทางโดยทางเกวียนผ่าน
มาทางบ้านถวาย ชาวบ้านเมื่อทราบข่าวการจะเสด็จผ่านของพระนางฯ จึงพากันเตรี ยมข้าวของ หรื อบางครอบครัวก็จะ
ช่วยกันรี บตีเครื่ องเงินเตรี ยมไว้ถวาย
บ้านถวายเป็ นหมู่บานหนึ่ง ในตาบลขุนคง อาเภอหางดง จังหวัดเชียงใหม่ ระยะทางห่างจากตัวเมือง
้
เชียงใหม่ ประมาณ 18 กิโลเมตร แต่เดิมชาวบ้านประกอบอาชีพหลักทางด้านการเกษตร แต่เมื่อประสบกับภาวะขาดแคลน
น้ าในฤดูแล้งทาให้ผลผลิตตกต่า ส่ งผลให้ชาวบ้านมีรายได้นอย ดังนั้นหลังฤดูเก็บเกี่ยวชาวบ้านส่ วนใหญ่จะเดินทางไป
้
รับจ้างทางานในตัว เมืองเชียงใหม่ เช่น รับจ้าง ก่อสร้าง และอื่น ๆ แต่มีบางส่ วนออกไปค้าขายไม่ได้ประกอบอาชีพอยูใน
่
ท้องถิ่นของตัวเอง
จนกระทัง ปี พ.ศ. 2500- 2505 พ่อใจ๋ มา อิ่นแก้ว พ่อหนานแดง พันธุสา และพ่อเฮือน พันธุศาสตร์ ทั้งสามท่านได้ไป
่
รับจ้างอยูในตัวเมืองเชียงใหม่ เช่นเดียวกับชาวบ้านทัวไป จนท่านได้ไปที่ร้านน้อมศิลป์ บ้านวัวลายซึ่ งเป็ นร้านจาหน่ายไม้
่ ่
แกะสลักที่โด่งดังในช่วงนั้น ทั้งสามท่านเกิดความสนใจในการรับจ้างแกะสลักไม้ จึงได้ขอทางร้านทดลองแกะดู ปรากฏว่า
ฝี มือพอทาได้ ทางร้านจึงให้เริ่ มทางานรับจ้างที่ร้านน้อมศิลป์ ตั้งแต่น้ นมา การทางานแกะสลักไม้ของทั้งสามท่านปรากฏว่า
ั
มีรายได้ดีกว่าการรับจ้างก่อสร้าง และทุกวันฝี มือการแกะสลักก็พฒนาขึ้นเรื่ อย ๆ ท่านจึงเปลี่ยนอาชีพจากการับจ้างทัวไปมา
ั ่
เป็ นการรับจ้างแกะสลักไม้ที่ร้าน ดังกล่าว จนเมื่อเกิดความชานาญ และเมื่อมีงานมากขึ้นทั้งสามท่านจึงได้ขอนามาทาที่
บ้าน และถือเป็ นจุดเริ่ มต้นของการถ่ายทอดงานแกะสลักไม้ให้แก่ลูกหลาน ญาติพี่นอง เพื่อนบ้านโดยไม่รู้ตวและไม่หวง
้ ั
ความรู ้แม้แต่นอย งานที่นามาถ่ายทอดครั้งแรก เป็ นการแกะสลักไม้แผ่นลวดลายต่าง ๆ เช่น ลายรามเกียรติ์ ลายครุ ฑ ตุ๊กตา
้
ดนตรี ต่อมาเริ่ มทาเป็ น ตัวพระ และรับซ่ อมตกแต่งของเก่าประเภทงานไม้ และเริ่ มเลียนแบบของเก่าที่มีผูนามาซ่ อม พร้อม
้
ทั้งออกแบบงานที่เป็ นเอกลักษณ์ของบ้านถวายเอง จากนั้นได้มีกลุ่มสตรี แม่บานของบ้านถวายเองซึ่ งออกไปรับจ้างทางานสี
้
งานแอนติค และตกแต่งลวดลายเส้นที่ร้านในเมืองเชียงใหม่ ย่านวัวลาย และได้พฒนาฝี มือ ทาลวดลาย ปิ ดทอง จนเกิดความ
ั
ชานาญเช่นเดียวกัน เมื่อมีงานเพิ่มขึ้นทางร้านให้นามาทาที่บานโดยคิดค่าจ้างทาเป็ นชิ้น เมื่องานเสร็ จก็นาไปส่ งที่ร้าน ก็
้
นับว่าเป็ นโอกาสดีที่จะได้นามาถ่ายทอดในหมู่บาน และโอกาสในการพบปะกับลูกค้าของทางร้าน ซึ่ งลูกค้าก็ได้ติดต่อ
้
โดยตรงและเข้ามาซื้ อสิ นค้าถึงในหมู่บานจึงทาให้บาน ถวายเริ่ มกลายเป็ นแหล่งซื้ อหาไม้แกะสลักและเกิดธุรกิจขึ้นใน
้ ้
หมู่บาน ตั้งแต่น้ นมาแต่ละบ้านเริ่ มจะปรับบริ เวณบ้านของตนเอง โดยใช้บริ เวณหน้าบ้านเป็ นร้านค้า ส่ วนหลังบ้านก็
้ ั
ทางานหัตถกรรมแกะสลักไม้ ตกแต่งผลิตภัณฑ์ ในครอบครัวตั้งแต่น้ นมา ั
- 2. งานแกะสลักไม้
ถือว่าเป็ นเอกลักษณ์ของบ้านถวาย และของจังหวัดเชียงใหม่
เครื่องมือที่ใช้ ในการแกะสลัก
1. สิ่ ว เป็ นเหล็กยาวทาจากเหล็กกล้า มีดามถือทาด้วยไม้
้
ส่ วนมากทาจากไม้ตะโก ปลายมีดคม ซึ่ งจะมีลกษณะ ั
รู ปร่ าง ขนาดที่แตกต่างกันไป เช่น สิ่ วโค้ง สิ่ วแบน สิ่วฮาย
สิ่ วเล็บมือ สิ่ วขุด สิ่ วฉาก และสิ่ วขมวด
2. มีด เป็ นอุปกรณ์ชิ้นแรกที่จะต้องใช้กบงานแกะสลัก
ั
ไม้ เช่น ใช้ถาก ใช้เหลา
3. หินลับ เป็ นเครื่ องมือแกะสลักที่ใช้ลบคมห้วยหินที่มี
ั
ผิดขรุ ขระเพื่อให้เกิดความคม
4. ค้อน หรื อ ตะลุมพลุก ทาจากไม้เนื้อ
แข็ง เช่น ไม้แดง ไม้ชิงชัน ค้อนไม้ที่ใช้จะมีน้ าหนักเบา ไม่กินแรงเวลาทุบ ควบคุมน้ าหนักของการทุบได้ และรักษา
สภาพของสิ่ งให้มีอายุการใช้งานที่นานขึ้น
5. เหล็กตอกลาย ใช้สาหรับตอกลายผิวไม้ให้เป็ นลวดลายตามต้องการ ในการสร้างงานให้สวยงามหรื อใช้ตอกส่ วนที่เป็ น
พื้นภาพ
ไม้ แกะสลักรูป วัสดุคอ ไม้ ราคา 4000 บาท
ื
ประโยชน์ที่ใช้ในงานภูมิทศน์
ั
- ใช้ตกแต่งประดับสวนให้สวยงาม
- ใช้วางประดับตกแต่งบริ เวณหน้าบ้าน หรื อหน้าร้าน เพื่อเป็ นการต้อนรับ
- 3. - สร้างเอกลักษณ์ความเป็ นไทย
- สามารถใช้ได้ท้ ง กลางแจ้งและในร่ ม
ั
บ้านเมืองกุง
ตะเกียง ออกแบบเป็ น รู ปปั้น เด็ก วัสดุเป็ นปูนปั้น ตกแต่งเก็บ
รายละเอียด และทาสีให้สวยงาม
ราคา 200 บาท
ประโยชน์ใช้ในงานภูมิทศน์
ั
- ใช้ตกแต่งประดับสวน
- ให้แสงสว่างในเวลากลางคืน
- สามารถสร้างสุนทรี ยภาพได้ดี
- ใช้ประดับได้ท้ ง กลางแจ้ง และในร่ ม
ั
เครื่องมือ สาหรับงานปั้นปูน ของช่างปั้นแต่ละคน เมื่อสมัยก่อนก็ดี
หรื อ สาหรับช่างปั้นปูนปัจจุบนก็ดี มีเครื่ องมือไม่มากชิ้น ทั้งนี้เป็ น
ั
ด้วยช่างปั้นปูน พอใจจะใช้ฝีมือของตัวเองมากกว่า จะใช้เครื่ องมือช่วย
ในการปั้นก็เฉพาะที่จาเป็ น หรื อ ในส่ วนที่ใช้นิ้วมือปั้นทาส่ วนย่อยๆ
ในงานปั้นนั้นไม่ถนัด
เครื่ องมือ สาหรับงานปั้น ของช่างปั้นปูนมักทาขึ้นด้วยไม้ไผ่ โดยช่างปั้นปูนแต่ละคนจะทาขึ้นใช้เอง ตามความเหมาะสมแก่
งาน และ ถนัดมือช่างเอง ที่พอยกขึ้นเป็ นตัวอย่าง และอธิบายให้ทราบ มีดงต่อไปนี้
ั
1. เกรี ยง เกรี ยงสาหรับงานปั้นปูน มีหลายขนาด ใช้สาหรับตัก ป้ าย ปาด แตะ แต่งปูนเพื่อขึ้นรู ปประเภทต่างๆ หรื อ
ขูดแต่งผิวปูน
2. ไม้กวด ทาด้วยไผ่เหลาเป็ นชินแบนๆ ใช้สาหรับปาดปูน แต่ง และ กวดผิวปูนให้เรี ยบเกลี้ยง
้
3. ไม้เนียน ทาด้วยไม้ไผ่เหลาเป็ นชิ้นแบนอย่างท้องปลิง ปลายข้างหนึ่ งปาดเฉี ยง ใช้สาหรับปั้นแต่งส่ วนย่อยๆ ใน
งานปั้นปูน เช่นขีดทาเป็ นเส้น ทารอยบากขอบลวดลาย
4. ไม้เล็บมือ ทาด้วยไม้ไผ่ก่งเล็กๆ ช่างปั้นบางคนเรี ยกว่า ไม้แวว ใช้สาหรับกด ทาเป็ นวงกลมล้อมลายตาไก่บาง ลาย
ิ ้
มุกบ้าง ไม้เล็บมือนี้ อาจทาขึ้นไว้หลายอัน และต่างขนาดกันเพื่อให้เหมาะสมแก่งานที่จะปั้น
5. ขวาน ทาด้วยเหล็กใส่ ดามไม้ ใช้สาหรับ ฟัน หรื อ เฉาะพื้นปูนให้เป็ นรอยถี่ๆ เพื่อช่วยให้ปูนที่จะปั้นทับลงบนฝา
้
หรื อ พื้นปูนเกาะ หรื อ จับติดแน่น
6. ตะลุมพุก ทาด้วยไม้รูปทรงกระบอกสั้นๆ ต่อด้ามไม้ยาวขนาดจับถนัด ใช้สาหรับตอก “ทอย” ลงบนพื้นปูน หรื อ
พื้นไม้
- 4. พิพธภัณฑ์ บ้านจ๊างนัก
ิ
ก่อตั้งเมื่อปี พ.ศ. 2528 โดย สล่าเพชร วิริยะซึ่ งได้รวบรวมเพื่อนฝูง ตลอดจน
ลูกศิษย์ลูกหา ช่างแกะสลักฝี มือดีและมีความรักในศิลปะการแกะสลัก ไม้แบบ
ล้านนามารวมตัวกันจัดตั้ง กลุ่มแกะสลักขึ้นมา
เมื่อปี พ.ศ.2531 คุณลุงประยูร จรรยาวงศ์ (2458) คอลัมน์นิสต์ชื่อดังแห่ง
หนังสื อพิมพ์ ไทยรัฐในขณะ นั้น ได้ให้เกียรติ มา เยียม เยือน พร้อมกับตั้งชื่อ
่
บ้านว่า “บ้านจ๊างนัก” อันหมายถึงบ้านที่มีชาง เยอะแยะมากมาย
้
บ้านจ๊างนัก ได้มีการพัฒนารู ปแบบการแกะสลักช้าง จากเดิมที่ช่างแกะจะมี
การแกะสลักแบบ ตายตัว รู ปแบบจะซ้ ากัน มาเป็ นการแกะสลักช้างที่ดูมี
ชีวิตชีวา มีท่าทางท่วงทานองที่เหมือน ช้างจริ ง ๆ ซึ่ งนับเป็ นแห่งแรกที่มีการ
แกะสลักช้าง รู ปแบบนี้
บ้านจ๊างนักยังเป็ นแห่งแรกที่มีการทดลองนาวัสดุใหม่ๆ ที่หาได้ในท้องถิ่นมาทดแทนวัสดุเดิม ที่นบวันมีแต่จะหายากมาก
ั
ขึ้น เช่น มีการนาเอาไม้ข้ ีเหล็กมาทดแทนไม้สัก ซึ่ งประโยชน์เพียงอย่างเดียวของไม้ข้ ีเหล็ก ในสมัยก่อน คือนามาทาเป็ น
เชื้อเพลิงเท่านั้น และผลที่ได้จากการนามาแกะสลักพบว่า ไม้ข้ ีเหล็กเป็ นไม้เนื้อแข็งมากการแกะค่อน ข้างยากกว่าไม้สัก แต่
ผลงานที่ออกมาจะสวยงาม และสีเป็ นธรรมชาติ
นอกจากการทดลองเรื่ องของไม้แล้ว ยังมีการนาเอาภูมิปัญญาชาวบ้านที่สืบทอด กันมามาประยุกต์ใช้ กับงานแกะสลัก นันก็ ่
คือ นาเอาลูกมะเกลือที่ใช้ในการย้อมผ้า มาย้อมสี ไม้ซ่ ึ งก็ให้สีที่เป็ นธรรมชาติและ ไม่มีสารพิษตกค้างเป็ นอันตราย ต่อมนุษย์
และสิ่ งแวดล้อม
เมื่อปี พ.ศ. 2546 บ้านจ๊างนัก ได้รับการบรรจุให้เป็ นหนึ่งในพิพิธภัณฑ์ทองถิ่น สังกัด เอกชน ยังผลให้เป็ นที่รู้จก กันอย่าง
้ ั
แพร่ หลายในหมู่นกท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและ ชาวต่างประเทศ ที่มีความสนใจในศิลปะแขนงนี้นอกจากนี้ หนึ่งในความ
ั
ภาคภูมิใจของสล่าบ้านจ๊างนักทุกคนคือ การที่เป็ นส่ วนหนึ่งของการทาให้ผคน ได้เกิดความรัก หวงแหน และ ตระหนักถึง
ู้
ความสาคัญ และปัญหาของ ช้างไทยในปัจจุบน และร่ วมกันอนุรักษ์ชางไทยให้อยูคู่กบคนไทยอีกนานเท่านานประวัติและ
ั ้ ่ ั
ผลงานของ สล่า เพชร วิริยะ
ศิลปิ นดีเด่นจังหวัดเชียงใหม่ ประจาปี 2543
สาขาทัศนศิลป์ ด้านประติมากรรม
- 5. ประวัติ
สล่า เพชร วิริยะ เกิดเมื่อวันที่ 8 มีนาคม พ.ศ. 2498
สถานที่เกิด บ้านบวกค้าง อาเภอสันกาแพง จังหวัด
เชียงใหม่ เป็ นบุตรของ นายสิ งห์ วิริยะ และ นางบัว
จีน วิริยะ มีพี่นอง 5 คน คือ
้
1. นายเพชร วิริยะ
2. นายสุ ภาพ วิริยะ
3. นายเสน่ห์ วิริยะ
4. นายพิภคร์ วิริยะ
ั
5. นางเพลินจิต วิริยะ
ที่อยู่ "บ้านจ๊างนัก"
บ้านเลขที่ 56/1 หมู่ที่ 2 ตาบลบวกค้าง อาเภอสันกาแพง จังหวัดเชียงใหม่
โทรศัพท์ (053) 3446891,01-4725051
ครอบครัว
นายเพชร วิริยะ สมรสกับนางนงเยาว์ วิริยะ (นันไชยศิลป์ ) มีบุตรธิดาทั้งหมด 2 คน คือ
1. นางสาววารี ยา วิริยะ
2. นางสาวเวรุ ยา วิริยะ
การศึกษา
ระดับประถมศึกษาปี ที่ 4 จากโรงเรี ยนผูใหญ่ 1 หอพระ จังหวัดเชียงใหม่
้
การศึกษาผูใหญ่ ระดับ 4 (ม.ศ. 3) จากโรงเรี ยนผูใหญ่สันกาแพง อาเภอสันกาแพง จังหวัดเชียงใหม่
้ ้
ผลงาน
ผลงานของสล่าเพชรทาจาหน่ายในนาม "บ้านจ๊างนัก” ซึ่ งเขาเป็ นหัวเรื อใหญ่ใน
การรวบรวมช่างฝี มือในท้องถิ่น ต.บวกค้าง อ.สันกาแพง จ.เชียงใหม่ และผ่านการคัดเลือก
ให้เป็ นสิ นค้าหนึ่งตาบล หนึ่งผลิตภัณฑ์ ประเภทผลิตภัณฑ์ 5 ดาว ระดับภาค ทุกวันนี้สินค้า
จากชุมชนแห่ งนี้กระจายไปอยูทวโลก
่ ั่
กว่าจะถึงจุดนี้ สล่าเพชร ย้อนเรื่ องราวในวัยหนุ่มว่า เมื่อปี 2515-2519 ได้เรี ยนรู ้การ
แกะสลักไม้รูปช้าง กับ ครู คาอ้าย เดชดวงตา พร้อมกับเพื่อนร่ วม
รุ่ นอีกหลายคน พอมีฝีมือติดตัวก็ตระเวนทางานแกะสลักไม้ตาม
สถานที่ต่างๆ และตามประสาวัยรุ่ นที่รักความท้าทาย
หลังจากเป็ นหนุ่มพเนจรอยูหลายปี จึงหวนคืนสู่ บานเกิดที่สัน
่ ้
กาแพงราวปี 2528 และคิดปักหลักทามาหากินบนผืนดินมารดา จึงรวบรวมเพื่อนสล่าและลูกศิษย์
5-6 คน ก่อตัวเป็ นทีมงานแกะสลักช้างในแบบเหมือนจริ งจาหน่าย จนมีผลงานออกมาเป็ นที่รู้ จก ั
- 6. ของคนทัวไป ่
"ที่มาของบ้านจ๊างนัก คุณลุงประยูร จรรยาวงษ์ ราชานักเขียนการ์ ตนชื่อดัง เป็ นผูต้ งให้ บ้านจ๊างนักเป็ นภาษาถิ่นความหมาย
ู ้ั
ว่า มีชางแกะสลักมากนันเอง ทุกวันนี้บานจ๊างนักมีทีมงานแกะสลักเกือบ 50 คน ซึ่ งเป็ นญาติพี่นอง เพื่อน ลูกศิษย์ และคน
้ ่ ้ ้
หนุ่มๆ ในหมู่บานทั้งสิ้ น" สล่าเพชร เล่าความเป็ นมา
้
มาถึงยุคปัจจุบนงานฝี มือจากบ้านจ๊างนักยิงทวีความนิยมมากขึ้น โดยเฉพาะในหมู่นกท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติ ที่มี
ั ่ ั
โอกาสแวะชมงานหัตถกรรมล้านนา ต่างซื้ อติดมือกลับบ้านเพื่อเป็ นของฝากหรื อนาไปตกแต่งบ้าน แต่ถาเป็ นช้างตัวโตๆ ้
ทีมงานของสล่าเพชรก็จะหาหนทางจัดส่ งให้ลูกค้าถึงปลายทาง งานศิลปะของบ้านจ๊างนักจึงกระจายไปทัวทุกมุมโลก ่
"การทาช้างของบ้านจ๊างนักตอนนี้ มีท้ งงานแกะสลักไม้และปูนปั้น เดือนหนึ่งมีผลงานนับร้อยชิน ราคาขึ้นอยูกบขนาดเฉลี่ย
ั ้ ่ ั
ตั้งแต่ 1,000 บาท ไปจนถึงมูลค่า 7 หลัก ซึ่ งผลงาน
ที่เราภูมิใจมากคือการแกะ สลักช้างไม้ชื่อ คิริเมขล์
ไตยดายุค เป็ นช้างสามเศียรขนาดสู ง 5 เมตร กว้าง 3
เมตร ใช้เวลาสร้างประมาณ 3 ปี ผมเตรี ยมส่ งให้
ลูกค้าราวกลางเดือนสิ งหาคมนี้" สล่าเพชร กล่าว
สล่าเพชร บอกอีกว่า งานมหกรรมพืชสวนโลก
เฉลิมพระเกียรติ ราชพฤกษ์ 2549 ซึ่ งประเทศไทย
เป็ นเจ้าภาพจัดขึ้นที่ จ.เชียงใหม่ ระหว่างวันที่ 1
พฤศจิกายน 2549 ถึงวันที่ 31 มกราคม 2550 สล่า
เพชรได้รับความไว้วางใจจากภาครัฐให้ทาช้าง
ประดับทางเข้าสู่ เข้างาน ประกอบด้วย บริ เวณวงแหวน 5 ตัว สะพาน 4 ตัว และหัวช้างประดับเสา 44 หัว
สาหรับวัตถุดิบสาคัญคือ "ไม้" ใช้ได้ท้ งไม้เนื้ออ่อน และไม้เนื้อแข็ง แต่ที่นิยมกันมากและทากันมาโดยตลอดคือ ไม้สัก ซึ่ ง
ั
เป็ นไม้เนื้อละเอียดง่ายต่อการ นามาแกะสลักเป็ นลวดลายต่างๆ ไม่ว่าจะ
เป็ นสัตว์ หรื อต้นไม้ แต่ไม้ชนิดนี้ขนาดใหญ่หายาก และราคาสู ง จึงเลือกใช้
ไม้ข้ ีเหล็ก ไม้ฉาฉา และไม้ขนุน ซึ่ งในอดีตเป็ นเพียงไม้ทาฟื นของชาวบ้าน
เท่านั้น
เครื่ องมือที่ใช้แกะสลัก คือ สิ่ วหมัก หรื อ สิ่ วตัววี (V) ใช้สลักนาเส้น
ตามแบบงานและใช้แต่งลาย เส้นต่างๆ สิ่ วแบน ใช้ถากย้าเส้นต่างๆ และตัด
ไม้ส่วนที่ไม่ตองการออก สิ่ วแกะ หรื อ สิ่ วตัวยู (U) ใช้ถาก เจาะ และ
้
ตกแต่งรายละเอียดของชิ้นงาน และ ค้อน อุปกรณ์ที่ตองใช้ตอกสิ่ ว ้
วิธีแกะสลัก ร่ างแบบงานบนกระดาษแข็ง แล้วนามาทาบกับไม้ที่เตรี ยมไว้ แกะเอาไม้ส่วนที่ไม่ตองการออกให้เหลือแต่ ้
โครงสร้างตามแบบที่ร่างไว้ ส่ วนความเว้าก็แกะออกจนเป็ นรู ปร่ างตามแบบที่ร่างไว้เช่นกัน จากนั้นตกแต่งรายละเอียด เช่น
ลายผิวหนัง หรื อลายกลีบดอกไม้
ขั้นตอนสุ ดท้าย ทาสี และขัดตกแต่ง ใช้สีธรรมชาติทาจากผลมะเกลือ ขั้นตอนคือนาผลมะเกลือมาตา แล้วหมักกับน้ าปูนใส
ก่อนใช้น้ าที่หมักทาผลงานให้เป็ นสี ดา และทาซ้ าจนกระทังดาจนพอใจ จึงนาไปตากให้แห้งสนิท ใช้แปลงทองเหลืองขัด
่
กากของมะเกลือออก จะได้ชินงานสี ดาเทาดูเป็ นธรรมชาติ
้
ทั้งนี้ “บ้านจ๊างนัก” นับเป็ นแหล่งศึกษาด้านการแกะสลักช้าง และการท่องเที่ยวด้านศิลปวัฒนธรรมท้องถิ่นที่สาคัญของ อ.
สันกาแพง