More Related Content
Similar to งานอาจารย.. (20)
งานอาจารย..
- 1. ประวัติและผลงานของ สล่ า เพชร วิริยะ
สล่ า เพชร วิริยะ เกิดเมื่อวันที่ 8 มีนาคม
พ.ศ. 2498 สถานที่เกิด บ้ านบวกค้ าง อาเภอ
สันกาแพง จังหวัดเชียงใหม่ เป็ นบุตรของ นาย
สิงห์ วิริยะ และ นางบัวจีน วิริยะ มีพี่น้อง 5
คน คือ
1. นายเพชร วิริยะ
2. นายสุภาพ วิริยะ
3. นายเสน่ห์ วิริยะ
4. นายพิภัคร์ วิริยะ
5. นางเพลินจิต วิริยะ
ที่อยู่ "บ้ านจ๊ างนัก"
บ้ านเลขที่ 56/1 หมู่ที่ 2 ตาบลบวกค้ าง
อาเภอสันกาแพง จังหวัดเชียงใหม่
โทรศัพท์ (053) 3446891,01-4725051
ครอบครั ว
นายเพชร วิริยะ สมรสกับนางนงเยาว์ วิริยะ (นันไชยศิลป) มีบตรธิดาทั ้งหมด 2 คน คือ
์ ุ
1. นางสาววารียา วิริยะ
2. นางสาวเวรุยา วิริยะ
การศึกษา
ระดับประถมศึกษาปี ที่ 4 จากโรงเรียนผู้ใหญ่ 1 หอพระ จังหวัดเชียงใหม่
- 2. การศึกษาผู้ใหญ่ ระดับ 4 (ม.ศ. 3) จากโรงเรียนผู้ใหญ่สนกาแพง อาเภอสันกาแพง จังหวัดเชียงใหม่
ั
วิถีชีวิต : เกษตรศิลปิ น “บ้ านจ๊ างนัก” “สล่าเพชร วิริยะ” “แกะสลัก” อนุรักษ์ “ช้ าง”
“ทีแรกก็ไม่ร้ ูด้วยซ ้าไปว่างานศิลปะคืออะไร... ”
เป็ นประโยคหนึงจากบทสนทนาของชายคนหนึง ชายชาวบ้ านหมู่ 2 ต.บวกค้ าง อ.สันกาแพง จ.เชียงใหม่ ซึงชายที่กล่าว
่ ่ ่
ประโยคนี ้ ณ วันนี ้นอกจากจะเป็ น “เกษตรกร” แล้ ว...เขายังเป็ น “ศิลปิ น” มีชื่อเสียงคนหนึงแถบล้ านนา...ในฐานะ “นัก
่
แกะสลัก ” ที่ไม่เพียงสร้ างสรรค์งานศิลปะชั ้นเลิศ...แม้ ว่าครั ้งหนึงจะไม่ร้ ูซึ ้งถึงความหมายของคาว่า “ศิลปะ” แต่งานศิลปะ
่
ที่เขาทายังใหญ่โตระดับ “ช้ าง”
“สล่าเพชร-เพชร วิริยะ ” ศิลปิ น “นักแกะสลัก ” แห่ง “บ้ านจ๊ างนัก ”
“เพชร วิริยะ ” หรือ “สล่าเพชร ” เป็ น “ช่างแกะสลักช้ าง ” ที่มีชื่อเสียง ได้ รับการยกย่องในฝี มือ เป็ นศิลปิ นดีเด่นจังหวัด
เชียงใหม่ปี 2543 สาขาทัศนศิลปด้ านประติมากรรม ซึงเขาเล่าถึงชีวิตตนเองให้ ฟังว่า... เป็ นคนเชียงใหม่โดยกาเนิด เกิดที่
์ ่
บ้ านบวกค้ าง สันกาแพง เมื่อวันที่ 8 มี.ค.2498 มีพี่น้องทั ้งหมด 5 คน เป็ นบุตรของ นายสิงห์-นางบัวจีน วิริยะ มีภรรยาชื่อ
นงเยาว์ วิริยะ มีบตรด้ วยกัน 2 คนพื ้นฐานครอบครัวที่อยู่ในชนบท พ่อแม่มีอาชีพทาไร่ทานาตามประสาคนต่างจังหวัด
ุ
ฐานะทางบ้ านจึงไม่ได้ ร่ารวยเงินทองอะไร แต่ก็ไม่ถงกับยากจนข้ นแค้ น ฐานะก็กลาง ๆ พ่อแม่ก็พอที่จะส่งเสียลูก ๆ ให้ ได้
ึ
เรียนตามสมควร โดยลูกทุกคน รวมถึงคนที่เติบโตขึ ้นมาเป็ นช่างแกะสลักช้ าง ต่างก็ได้ เรียนจนจบชั ้น ป. 4
“ที่ได้ เรียนกันแค่ชั ้น ป. 4 ก็เพราะว่าสมัยก่อนนั ้นชาวบ้ านแถบนี ้เขาจะคิดกันว่า ให้ ลกหลานเรียนแค่นี ้ก็พอ หลังจากนั ้นก็ให้
ู
ออกมาช่วยกันทามาหากิน ดังนั ้น ในสมัยนั ้นเพื่อน ๆ ทุกคน รวมทั ้งผม จึงมีโอกาสที่จะเรียนได้ แค่นี ้ ทั ้งที่ความจริงแล้ วก็
อยากที่จะเรียนต่อ ”อย่างไรก็ตาม สล่าเพชรบอกว่า... การที่ไม่ได้ เรียนสูง ๆ แต่แรกก็ใช่ว่าจะเป็ นเรื่องเลวร้ ายของชีวิต ก็ยง
ั
สามารถที่จะศึกษาเรียนรู้เพิ่มเติมด้ วยตัวเอง เพื่อพัฒนาชีวิตให้ ดีขึ ้นได้ ซึงสาหรับตัวเขาสิงแรกที่เรียนรู้เพิ่มเติมด้ วยตัวเอง
่ ่
ก็คือ “ฝึ กฝนการวาดภาพ ” เมื่อมีเวลาว่าง โดยเป็ นคนที่ “ชอบงานศิลปะ ” มาตั ้งแต่เด็ก “ทีแรกก็ไม่ร้ ูด้วยซ ้าไปว่างานศิลปะ
คืออะไร แต่จาได้ ว่าเมื่อตอนมีโอกาสได้ เข้ าไปเที่ยวในเมืองกับพ่อแม่ ไปเดินเล่นแล้ วไปพบเห็นหน้ าปกหนังสือที่มีรูป
สวยงาม ก็เกิดความชอบหลงใหล จาได้ ว่าเป็ นหนังสือเพชรพระอุมา ยืนดูชื่นชมเป็ นชัวโมง เมื่อได้ เห็นภาพวาดสวย ๆ ก็
่
เหมือนเป็ นแรงกระตุ้น หลังจากกลับมาก็เริ่มหัดวาดภาพต่าง ๆ ด้ วยตัวเอง ”
- 3. พออายุได้ ประมาณ 16-17 ปี เขาก็เริ่มที่จะสนใจงาน “แกะสลัก ” เพราะได้ เห็นเพื่อนรุ่นพี่เป็ นช่างแกะสลัก ซึงในตอนแรกก็
่
ไม่ได้ เรียนแกะสลักอย่างจริงจัง จนมาภายหลังได้ ยินในหมู่บ้านว่า “ครูคาอ้ าย เดชดวงตา ” ครูของทางกรมส่งเสริม
อุตสาหกรรมเข้ ามาสอนแกะสลัก ก็เกิดความสนใจและรีบไปสมัครเรียนทันที “ถือว่าเป็ นครูสอนแกะสลักคนแรกผม ”และที่
หันมาชอบงานแกะสลัก ก็เพราะคิดว่ามันเป็ นงานศิลปะที่ต่อเนื่อง เมื่อมีโอกาสที่จะได้ เรียนในเรื่องการแกะสลักจึงรีบไป
เรียน และที่ชอบการแกะสลัก “ช้ าง” ก็เพราะครูคาอ้ ายที่มาสอนนั ้นจะสอนการแกะสลักช้ างเป็ นหลัก ซึงเรียน ไปได้
่ 2
สัปดาห์ก็สามารถแกะสลักช้ างได้ พอเป็ นรูปเป็ นร่าง “เพื่อน ๆ ที่เรียนด้ วยกันยังแกะไม่ได้ ตรงนี ้ยิ่งเป็ นการสร้ างแรงจูงใจ
มากขึ ้น”
สล่าเพชรเล่าต่อไปว่า... หลังจากที่ฝึกฝน รับการประสิทธิประสาทฝี มือการแกะสลักจากครูอยู่ 4 ปี ตั ้งแต่ปี 2515-2519 ก็
พอที่จะมีความรู้ความชานาญในการแกะสลัก จึงตัดสินใจลาครูออกท่องยุทธจักรวงการแกะสลักด้ วยตัวเอง ตระเวนหา
งานแกะสลักทาเพื่อเป็ นการเก็บเกี่ยวประสบการณ์ไปทัวเริ่มจากทางานตามร้ านเฟอร์ นิเจอร์ ที่ จ.ลาปาง ทาอยู่ไม่นานก็
่
ย้ ายไปทาที่ จ.เชียงราย และในเชียงใหม่ “เรียกว่าในตอนนั ้นที่ไหนมีงานมีเงินดีไปหมด ”ระหว่างที่ทางาน สล่าเพชรก็ได้
ศึกษาเพิ่มเติมไปด้ วย เพราะเดิมก็อยากเรียนต่ออยู่แล้ ว จึงทางานไปด้ วยเรียนศึกษาผู้ใหญ่ไปด้ วย จนสามารถจบระดับ ม.
ศ.3“พอผมเรียนจบเพื่อน ๆ หลายคนก็ชวนไปรับราชการ แต่ไม่ไป เพราะใจรักในงานแกะสลักมากกว่างานรับราชการ แต่ก็
หนีไม่พ้น เมื่อครูคาอ้ ายลาออกก็มาชวนให้ ไปเป็ นครูต่อจากท่าน จึงตัดสินใจเข้ ากรุงเทพฯไปเป็ นครูสอนแกะสลัก ”เป็ นครู
อยู่ได้ 2 ปี ก็เริ่มเบื่อกับการใช้ ชีวิตในกรุงเทพฯ และเบื่อกับระบบที่ต้องทาตามคาสัง เพราะโดยปกติแล้ วเป็ นคนที่ชอบทา
่
อะไรที่เป็ นอิสระ ประกอบกับช่วงนั ้นแต่งงาน เลยมีความคิดที่จะลาออกจากระบบราชการแล้ วกลับมาใช้ ชีวิตอยู่บ้านที่
เชียงใหม่กบภรรยา
ั
หลังจากที่ลาออกมาเมื่อปี 2528 ก็กลับมาใช้ ชีวิตอยู่ที่บ้าน ทางานสร้ างผลงานการแกะสลักตามที่ถนัดไปเรื่อย โดย
นอกจากงานแกะสลักแล้ วสล่าเพชรก็ไม่ทิ ้งความเป็ น “เกษตรกร” ที่มีมาแต่สายเลือด โดยยึดอาชีพทาไร่นาควบคู่ไปด้ วย
พอมีเวลาว่างก็นาความรู้ประสบการณ์ ที่มีสอนการแกะสลักให้ กบเด็ก ๆ ในหมู่บ้าน “ตอนนั ้นสอนเด็ก ๆ ก็เพราะต้ องการที่
ั
จะให้ พวกเขาได้ สบสานตานานการแกะสลัก และสร้ างรายได้ ให้ กบพวกเขา เมื่อทาไปเรื่อย ๆ ก็เลยสร้ างเป็ นกลุมแกะสลัก
ื ั ่
ขึ ้น โดยเงินทุนที่นามาลงนั ้นก็ได้ รับการสนับสนุนจาก ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) คือนอกจาก
เราจะเป็ นช่างแกะสลักแล้ วยังเป็ นเกษตรกรด้ วย ก็ได้ ก้ เู งิน ธ.ก.ส.มาลงทุนด้ านการเกษตร และแบ่งส่วนหนึงเพื่อลงทุนทา
่
กลุมงานแกะสลัก ”
่
ช่างแกะสลักช้ างฝี มือเยี่ยมเล่าต่อไปว่า... เมื่อกลับมาอยู่บ้านก็พยายามที่จะสร้ างผลงานให้ ออกมาเป็ นแบบฉบับของ
ตัวเองให้ ได้ ก็ทาการศึกษาเพิ่มเติมไปเรื่อย จนเมื่อได้ อาจารย์อรุณ ชัยเสรี ให้ คาแนะนา ให้ ความรู้ในเรื่องของช้ าง จึงทาให้
มีความรู้เรื่องช้ างมากขึ ้นและสามารถพัฒนาผลงานออกมาได้ ดีขึ ้น
ช้ างที่เขาแกะสลักตอนแรกนั ้นสัดส่วนยังไม่ค่อยดีนก เพราะรู้จกช้ างแค่เท่า ๆ กับชาวบ้ านทัวไป เมื่อได้ คนสอน แนะนาให้
ั ั ่
ลองไปศึกษาช้ างจริง ๆ จึงรู้จกช้ างมากขึ ้น จนทาให้ สามารถพัฒนาผลงานการแกะสลักช้ างออกมาได้ สดส่วนเหมือนจริง มี
ั ั
- 4. อิริยาบถต่าง ๆ และเป็ นแบบฉบับของตัวเองมากขึ ้น ”“การเป็ นช่างแกะสลักไม่ควรที่จะหยุดอยู่กบที่ จาเป็ นต้ องศึกษาหา
ั
ความรู้เพิ่มเติมไปเรื่อย ๆ ความรู้ในเรื่องของศิลปะ การแกะสลัก สามารถเรียนรู้ได้ ไม่มีวนหมด ”กับที่มาของคาว่า
ั
“บ้ านจ๊ างนัก ” ที่ปัจจุบนเป็ นทั ้งที่พกอาศัย สถานที่ทางานแกะสลักช้ าง รวมถึงเป็ นพิพิธภัณฑ์ย่อม ๆ
ั ั
สล่าเพชรบอกว่า... ตอนที่กลับมาอยู่บ้านก็มีโอกาสสร้ างสรรค์ผลงานการแกะสลักช้ างออกมาเรื่อย ๆ ก็มีผลงานมากจนไม่
มีที่เก็บ จึงใช้ ย้ งข้ าวของพ่อดัดแปลงทาเป็ นที่เก็บผลงานทั ้งหมดที่อยากเก็บรักษาไว้
ุ
จนเมื่อวันที่ 16 ม.ค. 2531 อาจารย์อรุณ ชัยเสรี ได้ พา ประยูร จรรยาวงษ์ นักเขียนการ์ ตนชื่อดัง มาเยี่ยมชมผลงานการ
ู
แกะสลักช้ าง เมื่อได้ เห็นผลงานช้ างแกะสลักมากมายเต็มบ้ าน จึงตั ้งชื่อตามภาษาท้ องถิ่นว่า “บ้ านจ๊ างนัก ” ที่แปลว่าบ้ านมี
ช้ างมากมาย จึงใช้ ชื่อนี ้เป็ นชื่อบ้ าน-ชื่อกลุมแกะสลักเรื่อยมาถามว่าผลงานที่ทามาชิ ้นไหนที่สร้ างความภูมิใจให้ มากที่สด
่ ุ ?
คาตอบที่ได้ จากศิลปิ นคนนี ้ก็คือ... “ผลงานที่ผมทาออกมาเป็ นสิงที่ภูมิใจทุกชิ ้น เพราะผลงานทุกชิ ้นที่ทาออกมานั ้นเกิด
่
จากการที่เราตั ้งใจ ใส่ใจที่จะสร้ างสรรค์ออกมา แต่ถ้าพูดถึงงานที่สร้ างความท้ าทายที่สดชิ ้นแรกก็เห็นจะเป็ นการแกะสลัก
ุ
ช้ างไม้ ที่ใหญ่เท่าตัวจริงที่สด ”เมื่อประมาณปี
ุ 2537-2538 ทางบริษัทยูคอมได้ ว่าจ้ างแกะสลักช้ างไม้ ที่ใหญ่เท่าช้ างจริง มี
ความสูงจากเท้ าถึงหัวไหล่ 2.60 เมตร ถือว่าเป็ นงานแกะ สลักชิ ้นใหญ่ชิ ้นแรกที่เขารับทา เพราะคิดว่าเป็ นงานที่ท้าทาย
แถมยังได้ แรงบันดาลใจมาจากม้ าไม้ ขนาดใหญ่ในภาพยนตร์ เรื่องทรอย ซึงกว่าที่จะทาได้ สาเร็จก็ใช้ เวลาอยู่เป็ นปี แต่ก็
่
สร้ างความภูมิใจให้ ไม่น้อย “และล่าสุดผมก็กาลังแกะสลักช้ างเอราวัณสามเศียรที่สง
ู 5 เมตรอยู่”นอกจากนี ้ ในงานพืชสวน
โลกที่ไทยจะเป็ นเจ้ าภาพจัดขึ ้นปลายปี นี ้ที่ จ.เชียงใหม่ ซึงจะมีการทาช้ างขึ ้นมาเป็ นส่วนหนึงในการทาให้ งานนี ้ดูยิ่งใหญ่
่ ่
สล่าเพชรก็ได้ รับมอบหมายให้ สร้ างสรรค์ต้นแบบของช้ างด้ วย
“งานแกะสลักช้ างนี่ก็คงจะทาไปเรื่อย ๆ เพราะเป็ นงานที่รักและชอบที่จะทาตรงนี ้ แล้ วยังถือว่าเป็ นหน้ าที่ ปั จจุบนนี ้การ
ั
แกะสลักช้ างให้ ผ้ คนได้ ชื่นชมชื่นชอบไม่ใช่จิตวิญญาณที่แท้ จริง แต่ในความเป็ นจริงคืออยากที่จะสะท้ อนให้ คนไทยทุกคน
ู
หันมาให้ ความสนใจในเผ่าพันธุ์ของช้ างอย่างจริงจัง อยากให้ มีการอนุรักษ์ ให้ ช้างอยู่ค่กบบ้ านเมืองเราไปตราบนานเท่า
ูั
นาน สิงนี ้มันเป็ นสาระสาคัญของผลงานที่ผมทาออกมาทั ้งหมด... ”
่
“สล่าเพชร ” แห่ง “บ้ านจ๊ างนัก” กล่าวทิ ้งท้ ายก่อนจะเป็ น “ช้ างแกะสลัก ”
“เสกสรรค์งานศิลป ถิ่นล้ านนา
์
สืบสานคุณค่า จิตวิญญาณช้ างไทย”
- 5. “เสกสรรค์งานศิลป ถิ่นล้ านนาสืบสานคุณค่า จิตวิญญาณช้ างไทย”
์
นี่เป็ นคาจากัดความหนึงของ “บ้ านจ๊ างนัก” ศูนย์รวมกลุมสล่า-ช่างแกะสลักช้ างหลายสิบชีวิต ที่นาโดย
่ ่
“สล่าเพชร ” ซึงการแกะสลักช้ างของกลุมสล่าบ้ านจ๊ างนักเป็ นทั ้งการสืบสานต่อศิลปะวิธีการแกะสลักช้ างที่ทาสืบทอดกัน
่ ่
มาเป็ นเวลายาวนานใน จ.เชียงใหม่ เป็ นการสร้ างรายได้ ให้ กบคนในท้ องถิ่นและช่วยสร้ างฝี มือไว้ แก่คนรุ่นหลังไม่ให้ สญ
ั ู
หาย อีกทั ้งยังเป็ นการนาวัตถุดิบไม้ ที่หาได้ ในท้ องถิ่นมาสร้ างคุณค่าให้ เพิ่มพูนอย่างสูงสุด
ทั ้งนี ้ กับผลงานแกะสลักช้ างนั ้น นอกจากฝี มือการแกะแล้ วก็จาเป็ นต้ องมีองค์ประกอบในเชิงช่าง ไม่ว่าจะเป็ นเครื่องมือที่
หลัก ๆ ก็มี... สิวหมัก (สิวตัว V) มีขนาดใหญ่ กลาง เล็ก ใช้ สลักนาเส้ นตามแบบงานและใช้ แต่งลายเส้ นต่าง ๆ , สิวแบน มี
่ ่ ่
หลายขนาด ทั ้งใหญ่ กลาง เล็ก ใช้ ถาก ย ้าเส้ นต่าง ๆ และตัดไม้ สวนที่ไม่ต้องการออก , สิวแกะ (สิวตัว U) ขนาดใหญ่ กลาง
่ ่ ่
เล็ก ใช้ แกะ ถาก เจาะ และตกแต่งรายละเอียดของชิ ้นงานค้ อน ใช้ ตอกสิว ทาด้ วยไม้ เนื ้อแข็งมีด้ามจับ มีหลายขนาดและ
่
หลายน ้าหนัก
ไม้ ปั จจุบน ไม้ ขี ้เหล็ก-ไม้ ฉาฉา-ไม้ ขนุน เป็ นไม้ ที่บ้านจ๊ างนักเลือกใช้ แทนไม้ สก เนื่องจากเป็ นไม้ ที่ขึ ้นในท้ องถิ่น ไม่ใช่ไม้ จาก
ั ั
ป่ า ซึงในอดีตเป็ นเพียงไม้ ทาฟื นของชาวบ้ าน และก็ยงใช้ บางส่วนของ ไม้ ตาล ด้ วยสี ก็เป็ นสีที่ได้ จากธรรมชาติ เป็ นสีของ
่ ั
ผลมะเกลือ นามาผ่านกรรมวิธีเฉพาะ
ว่าไปแล้ ว “ช้ างแกะสลัก ” บ้ านจ๊ างนัก...ก็มีจดกาเนิดจากธรรมชาติเฉกเช่นช้ างจริง ในวันที่ 15 มิถนายน 2550 เป็ นวันเปิ ด
ุ ุ
งานแสดงผลงาน “พลังหญิงพลังศิลป ” เป็ นการรวมตัวของศิลปิ นหญิงในประเทศไทยเพื่อจัดกิจกรรมและแสดงผลงาน
์
ศิลปกรรมร่วมกัน ในวันนั ้นดิฉนมีหน้ าที่กล่าวในพิธีเปิ ดงานในฐานะเป็ นผู้จดทาโครงการนี ้ในช่ว งระยะเวลาของการกล่าว
ั ั
เพื่อขอบคุณดิฉนไล่เรียงทุกส่วนที่เกี่ยวข้ องอย่างราบรื่นจนถึงช่วงสุดท้ ายของการกล่าวโดยรู้สกว่าควรจะต้ องจบการกล่าว
ั ึ
ได้ แล้ วช่วงเวลานั ้นมีบางอย่างปรากฏเป็ นภาพประจันขึ ้นเต็มหน้ าดิฉน ภาพนั ้นเป็ นภาพขององค์พระคเณศเต็มพระพักตร
ั
สีขาว
- 6. ผลงานและเกียรติประวัติ
ศิลปิ นดีเด่ นจังหวัดเชียงใหม่ ประจาปี 2543 สาขาทัศนศิลป ด้ านประติมากรรม
์
พ.ศ.2535 : นาทีมกลุมสล่าบ้ านจ๊ างนัก จัดนิทรรศการ คาราวานช้ างไม้ ๑ที่จงหวัดภูเก็ต
่ ั
พ.ศ.2536 : ร่วมแสดงมหกรรมประติมากรรม 93ปี ศาสตราจารย์ ศิลป พีระศรี
์ ณ พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติ
หอศิลปะ ถนนเจ้ าฟา กรุงเทพ
้
พ.ศ.2537 :นาทีมงานกลุมสล่าบ้ านจ๊ างนัก จัดนิทรรศการคาราวานช้ างไม้ ๒ ณ ศูนย์การแพทย์
่
โรงพยาบาลเทพธารินทร์ กรุงเทพมหานคร
พ.ศ.2541 :นาทีมงานกลุมสล่าบ้ านจ๊ างนัก จัดนิทรรศการคาราวานช้ างไม้ ๓ ณ ศูนย์การค้ าโอเรียลเต็ลเพลส
่
พ.ศ.2542 :นาทีมงานกลุมสล่าบ้ านจ๊ างนัก จัดนิทรรศการคาราวานช้ างไม้ ๔ ณ โรงแรมรอยัลการ์ เด้ นทร์ รีสอร์ ท พัทยา
่
พ.ศ.2542 : ร่วมนิทรรศการศิลปกรรมศิลปิ นภาคเหนือ เทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้ าอยู่หว
ั
มหามงคลเฉลิมพระ ชนมพรรษา 6รอบ ณ หอนิทรรศการศิลปวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
พ.ศ.2543 :ร่วมแสดงนิทรรศการศิลปกรรมของศิลปิ นภาคเหนือ “จิตวิญญาณล้ านนา ๗ คนเมือง ”
พ.ศ.2543 :คณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ โดยสภาวัฒนธรรมจังหวัดเชียงใหม่ มอบโล่เชิดชูเกียรติ เป็ นศิลปิ นดีเด่น
จังหวัดเชียงใหม่ สาขาทัศนศิลป ประจาปี 2543
์
คือเพชร วิริยะยอดแล้ ว ลือสมัย
วิเศษเลิศล้ านนาไทย ทิพย์แท้
สล่าสลักรักไกล คับถิ่น สวรรค์เนอ
แสนลิขิตไป่ เปรียบแม้ หนึงช้ างเสกศิลปะ
่
- 10. ผลงานพิพิธภัณฑ์บานจ๊างนัก
้
________________________________________________________________________________________________________________________________________________
- 12. ขันตอนการแกะสลักช้าง มีดงต่อไปนี้
้ ั
1. ออกแบบงานที่ต้องการแกะสลัก โดยวาดคร่าวๆ บนกระดาษ กาหนด
ขนาด และสัดส่วนของชิ ้นงานตามต้ องการ
2. จัดเตรียมอุปกรณ์ ได้ แก่
- ไม้ ไม้ ที่ใช้ แกะสลักทัวไป ควรเป็ นไม้ เนื ้อแข็ง มีความแห้ ง ได้ แก่ ไม้ สก ไม้ ขี ้เหล็ก
่ ั
ไม้ ขนุน เป็ นต้ น ในการนี ้ ต้ องตัดไม้ ตามขนาดที่ต้องการ
- สิ่ว สิวที่ใช้
่ โดยหลักแบ่งตามลักษณะรูปร่าง ได้ 3 ประเภท แบ่งเป็ น
1 สิ่วเล็บเมือ มีขนาดใหญ่ กลาง เล็ก ทาจากเหล็กกล้ า ด้ ามเป็ นไม้ สามารถ
เปลียนด้ ามได้ ปลายตัดเป็ น รูปตัวยู ใช้ เจาะ ขึ ้นรูป หรือเซาะร่อง
่
2 สิ่วตัววี มีขนาดใหญ่ กลาง เล็ก ทาจากเหล็กกล้ า ด้ ามเป็ นไม้ สามารถเปลียนด้ ามได้ ปลายตัดเป็ น รูปตัววี
่
ส่วนมากใช้ เซาะร่องให้ ลก และใช้ ทารายละเอียด
ึ
3 สิ่วแบน มีขนาดใหญ่ กลาง เล็ก ทาจากเหล็กกล้ า ด้ ามเป็ นไม้ สามารถเปลียนด้ ามได้ ปลายตัดแบน ใช้
่
สาหรับเดินเส้ น หรือตัดเส้ นทั ้งนี ้ สล่าหนึงคน จะมีสวคู่ใจของตัวเองหนึงชุด ซึงแต่ละคนจะให้ ความสาคัญ และ
่ ิ่ ่ ่
เก็บรักษาสิวของตัวเองเป็ นอย่างดี ถือว่าเป็ นของสูง เป็ นเครื่องมือสาคัญ สิวบางอัน แรกใช้ ยาวสักสิบนิ ้ว ใช้ มา
่ ่
ตั ้งแต่เป็ นหนุ่มน้ อย จนปั จจุบน หนุ่มเหลือน้ อย ลับคมไปมาจนเหลือความยาวแค่ครึ่งเดียวก็มี
ั
- 13. - ค้ อน ค้ อนที่ใช้ ในการแกะสลัก ก็มีหลายชนิดด้ วยกัน
ดังนี ้
1 ค้ อนเหล็ก ส่วนมากทามาจากเหล็กกล้ า เอาไว้
สาหรับงานชิ ้นใหญ่ที่ต้องใช้ แรงเยอะ เช่นงานเจาะไม้ ตอกไม้ เป็ นต้ น
2ค้ อนไม้ โดยมากค้ อนไม้ เป็ นที่นิยมที่สด ทามาจากไม้ เนื ้อแข็งได้ หลายชนิด เช่นไม้ ประดู่ ไม้ ชิงชัน ไม้ แก่น
ุ
มะขาม ส่วนไม้ ที่ดีที่สด คือ แก่นมะขาม เพราะมีความแข็ง และยืดหยุ่นสูง เวลาแกะ เช่นเดียวกันกับสิว สล่า
ุ ่
มักจะมีค้อนคู่ใจ ที่ร้ ูน ้าหนักมือ ถึงแม้ อายุการใช้ งานจะไม่ยาวนานเท่าสิวเหล็ก แต่ก็มกจะใช้ ค้อนนคู่ใจเป็ นเวลา
่ ั
ยาวนานจนกว่าค้ อนจะสึก หรือสล่าจะตายจากค้ อนไปทีเดียว
นอกจากนี ้ บางคนยังใช้ มือแทนค้ อน ในกรณีที่ต้องการแกะในส่วนที่มีความละเอียดมากๆ เพราะสามารถ
ควบคุมน ้าหนักมือที่ถ่ายทอดไปยังปลายสิวได้ อีกด้ วย
่
- 14. บ้ านถวาย เป็ นหมู่บ้านเก่าแก่ ตั ้งมาประมาณ 100 กว่าปี สาเหตุที่
ชื่อบ้ านถวาย ตามคาบอกเล่าของผู้เฒ่าผู้แก่ เล่าว่าบ้ านถวาย
ดั ้งเดิมเป็ นจุดถวายของให้ พระนางเจ้ าจามเทวีที่เสด็จผ่าน จากนคร
ลาพูน ซึงเดินทางโดยทางเกวียนผ่านมาทางบ้ านถวาย ชาวบ้ านเมื่อ
่
ทราบข่าวการจะเสด็จผ่านของพระนางฯ จึงพากันเตรียมข้ าวของ
หรือบางครอบครัวก็จะช่วยกันรีบตีเครื่องเงินเตรียมไว้ ถวาย
บ้ านถวายเป็ นหมู่บ้านหนึง ในตาบลขุนคง อาเภอหางดง จังหวัดเชียงใหม่ ระยะทางห่างจากตัวเมืองเชียงใหม่
่
ประมาณ 18 กิโลเมตร แต่เดิมชาวบ้ านประกอบอาชีพหลักทางด้ านการเกษตร แต่เมื่อประสบกับภาวะขาด
แคลนน ้าในฤดูแล้ งทาให้ ผลผลิตตกต่า ส่งผลให้ ชาวบ้ านมีรายได้ น้อย ดังนั ้นหลังฤดูเก็บเกี่ยวชาวบ้ านส่วนใหญ่
จะเดินทางไปรับจ้ างทางานในตัวเมืองเชียงใหม่ เช่น รับจ้ าง ก่อสร้ าง และอื่น ๆ แต่มีบางส่วนออกไปค้ าขาย
ไม่ได้ ประกอบอาชีพอยู่ในท้ องถิ่นของตัวเอง
จนกระทัง ปี พ.ศ. 2500- 2505 พ่อใจ๋มา อิ่นแก้ ว พ่อหนานแดง พันธุสา และพ่อเฮือน พันธุศาสตร์ ทั ้งสามท่าน
่
ได้ ไปรับจ้ างอยู่ในตัวเมืองเชียงใหม่ เช่นเดียวกับชาวบ้ านทัวไป จนท่านได้ ไปที่ร้านน้ อมศิลป บ้ านวัวลายซึงเป็ น
่ ์ ่
ร้ านจาหน่ายไม้ แกะสลักที่โด่งดังในช่วงนั ้น ทั ้งสามท่านเกิดความสนใจในการรับจ้ างแกะสลักไม้ จึงได้ ขอทางร้ าน
ทดลองแกะดู ปรากฏว่าฝี มือพอทาได้ ทางร้ านจึงให้ เริ่มทางานรับจ้ างที่ร้านน้ อมศิลปตั ้งแต่นั ้นมา การทางาน
์
แกะสลักไม้ ของทั ้งสามท่านปรากฏว่ามีรายได้ ดีกว่าการรับจ้ างก่อสร้ าง และทุกวันฝี มือการแกะสลักก็พฒนาขึ ้น
ั
เรื่อย ๆ ท่านจึงเปลียนอาชีพจากการับจ้ างทัวไปมาเป็ นการรับจ้ างแกะสลักไม้ ที่ร้านดังกล่าว จนเมื่อเกิดความ
่ ่
ชานาญ และเมื่อมีงานมากขึ ้นทั ้งสามท่านจึงได้ ขอนามาทาที่บ้าน และถือเป็ นจุดเริ่มต้ นของการถ่ายทอดงาน
แกะสลักไม้ ให้ แก่ลกหลาน ญาติพี่น้อง เพื่อนบ้ านโดยไม่ร้ ูตวและไม่หวงความรู้แม้ แต่น้อย งานที่นามาถ่ายทอด
ู ั
ครั ้งแรก เป็ นการแกะสลักไม้ แผ่นลวดลายต่าง ๆ เช่น ลายรามเกียรติ์ ลายครุฑ ตุ๊กตาดนตรี ต่อมาเริ่มทาเป็ น ตัว
พระ และรับซ่อมตกแต่งของเก่าประเภทงานไม้ และเริ่มเลียนแบบของเก่าที่มีผ้ นามาซ่อม พร้ อมทั ้งออกแบบงาน
ู
ที่เป็ นเอกลักษณ์ของบ้ านถวายเอง จากนั ้นได้ มีกลุมสตรีแม่บ้านของบ้ านถวายเองซึงออกไปรับจ้ างทางานสี งาน
่ ่
แอนติค และตกแต่งลวดลายเส้ นที่ร้านในเมืองเชียงใหม่ ย่านวัวลาย และได้ พฒนาฝี มือ ทาลวดลาย ปิ ดทอง จน
ั
เกิดความชานาญเช่นเดียวกัน เมื่อมีงานเพิ่มขึ ้นทางร้ านให้ นามาทาที่บ้านโดยคิดค่าจ้ างทาเป็ นชิ ้น เมื่องานเสร็จ
ก็นาไปส่งที่ร้าน ก็นบว่าเป็ นโอกาสดีที่จะได้ นามาถ่ายทอดในหมู่บ้าน และโอกาสในการพบปะกับลูกค้ าของทาง
ั
ร้ าน ซึงลูกค้ าก็ได้ ติดต่อโดยตรงและเข้ ามาซื ้อสินค้ าถึงในหมู่บ้านจึงทาให้ บ้าน
่
- 15. "หมู่บ้านถวาย" หมู่บ้านท่องเที่ยว OTOP ต้ นแบบของประเทศไทย
กับความมีชื่อเสียงด้ านงานศิลปหัตถกรรมไม้ แกะสลัก และเป็ นศูนย์
รวมของสินค้ าหัตถกรรมทุกแขนงทัวประเทศ เป็ นหมู่บ้านหัตถกรรม
่
ที่ใหญ่ที่สดในประเทศไทย เป็ นที่ยอมรับในคุณค่าแห่งงานหัตถศิลป
ุ ์
และคุณภาพของสินค้ า จนเป็ นที่ร้ ูจกไปทัวโลก
ั ่
ผลิตภัณฑ์ไม้ แกะสลัก หมู่บ้านถวาย อาเภอหางดง จังหวัดเชียงใหม่ "บ้ านถวาย" เป็ นแหล่งศิลปะหัตถกรรมชั ้น
ยอดของเมืองเชียงใหม่ ที่สร้ างผลงานไม้ แกะมากมาย ส่งออกขายทั ้งไทยและต่างประเทศ อันเป็ นสถานที่ที่นามา
ซึงชื่อเสียงของชาวบ้ านถวาย และเมื่อกล่าวถึง “งานไม้ งานแกะสลักไม้ หรืองานประดิษฐ์ จากไม้ ” บุคคลทัวไป
่ ่
ทุกคนจะต้ องนึกถึง “บ้ านถวาย ” อาเภอหางดง จังหวัดเชียงใหม่ เพราะเหตุว่า งานไม้ งานแกะสลักไม้ หรืองาน
ประดิษฐ์ จากไม้ ของบ้ านถวายนั ้น เป็ นงานศิลปหัตถกรรมที่มีคณภาพ มีชื่อเสียงเป็ นระยะเวลานาน มีความ
ุ
สวยงาม ประณีต และเป็ นงานที่ทาขึ ้นด้ วยมือ ( Hand Made) ผสมกับภูมิปัญญาท้ องถิ่นที่สบทอดกันมาตลอด
ื
ระยะเวลา 40 กว่าปี ที่ผ่านมา จนเป็ นที่ร้ ูจกกันอย่างแพร่หลาย ทั ้งชาวไทยและชาวต่างประเทศทัวโลก และด้ วย
ั ่
เหตุผลนี ้ ในปี พ.ศ.2547 จากนโยบายหนึงผลิตภัณฑ์ หนึงตาบลของรัฐบาล บ้ านถวายได้ รับเกียรติจากกรม
่ ่
พัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย เป็ น “หมู่บ้าน OTOP ต้ นแบบ” ของประเทศไทย และได้ รับเกียรติจาก
สานักงานพัฒนาการท่องเที่ยว กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เป็ น “ หมู่บ้านท่องเที่ยว OTOP (OTOP
Tourism Village)” แห่งแรกของประเทศไทย
นักท่ องเที่ยวที่มาเยี่ยมชมหมู่บ้านแห่ งนี ้ จะได้ พบกับ การสาธิตในทุกขันตอน ได้ แก่
้
•การผลิตผลิตภัณฑ์จากไม้
•การสาธิต ลงรักปิ ดทอง
•การแสดงศิลปะพื ้นบ้ าน
•การแข่ง "สุดยอดสล่าไม้ "
•ชมขบวนแห่ลกแก้ ว ในพิธีบรรพชาสามเณรหมู่
ู
- 16. ศูนย์ หัตถกรรมบ้ านถวาย และศูนย์ หตถกรรมบ้ านถวายสองฝั่ งคลอง
ั
ศูนย์หตถกรรมบ้ านถวายสองฝั่ งคลอง ตั ้งอยู่บริเวณใจกลางหมู่บ้านถวายที่ถือว่าเป็ นจุดกาเนิดของงาน
ั
แกะสลักที่แท้ จริง มีร้านค้ าหัตถกรรมอยู่บริเวณสองข้ างคลองชลประทาน มีการประดับตกแต่งพื ้นที่ด้วย
สถาปั ตยกรรมล้ านนา มีภูมิทศน์ที่สวยงาม ภายใต้ บรรยากาศวิถีชีวิตหมู่บ้านไม้ แกะสลักบ้ านถวาย จน
ั
ผลิตภัณฑ์ไม้ แกะสลักได้ รับความนิยมกันอย่างแพร่หลายในปั จจุบนทั ้งด้ านคุณค่า และคุณภาพของสินค้ า เป็ น
ั
จุดรวมความหลากของงานด้ านศิลปหัตถกรรม มีสนค้ าหลายประเภทให้ เลือกชม ไม่ว่าจะเป็ นงานแกะสลักเป็ น
ิ
รูปสัตว์ รูปเทวดา รูปสัตว์ในป่ าหิมพานต์ ตลอดจนของตกแต่งบ้ านอีกมากมาย อันได้ แก่ ดอกไม้ , กรอบรูป ,
กรอบกระจก, โคมไฟ, ที่ใส่กระดาษทิชชูแบบต่าง ๆ รวมถึงแจกันดอกไม้ หลายขนาด ตลอดจนเฟอร์ นิเจอร์ ไม้
คุณภาพส่งออก และอื่น ๆ
สินค้ าศูนย์ หัตถกรรมบ้ านถวาย
- 17. สินค้ าที่สนใจ
โคมไฟไม้ สก โคมไฟติดผนัง โคมไฟแขวน โคมไฟหัวเสางานโคมไฟแบบไทยๆ เน้ นติดผนังและแขวนเพดาน ทา
ั
จากไม้ สกแท้ ทาสีโอ๊ ค (หรือจะไม่ทาสีก็ได้ ) ทุกชิ ้นมีขั ้วหลอดไฟพร้ อมสายต่อเรียบร้ อย
ั
โคมไฟติดผนัง 5 เหลียม ฉลุลาย
่ โคมไฟติดผนัง กระจกลาย โคมไฟ ติดผนัง หรือ ตั ้งหัวเสา โคมไฟหัวเสาซี่ไม้ กลม
กระจกลายนูน ราคา250
ราคา250 ราคา250 ราคา250
โคมไฟหัวเสาซี่ไม้ กลม โคมไฟหัวเสา สีเ่ หลียมกระจกฝา
่ ้ โคมไฟติดผนังปี กแมงทับ โคมไฟสีเ่ หลียมฉลุมือ
่
ราคา250 ราคา250 ราคา250 ราคา 300
- 18. โคมไฟไม้ สักแบบแขวน
โคมไฟไม้ แบบแขวน ทาจากไม้ สกแท้ สวยงามตามแบบงานศิลปไทย
ั
ลักษณะ ส่วนด้ านบนของโคมไฟจะทาลวดลายทาทรงคล้ ายหลังคาบ้ าน
แบบไทยๆแล้ วทายอดหลังคาสูงขึ ้น เจาะรูตรงยอดไม้ เผื่อสามารถ
นาไปแขวนโชว์ หรือตกแต่งบ้ าน ตกแต่งสวนให้ สวยงาม มากยิ่งขึ ้น
โคมไฟจะเป็ นมีหกมุม แต่ละมุมจะเป็ นไม้ สวนระหว่างไม้ จะเป็ นอคิลก
่ ิ
เผื่อที่เปิ ดโคมไฟแล้ วจะให้ ความสว่างได้
ส่วนฐานจะนาไม้ มาฉลุลายเพิ่มความสวยงามงานจะเป็ นไปตามแบบ
ศิลปวัฒนธรรมแบบไทยๆ
ประโยชน์ ในงานภูมทศน์
ิ ั
-เพิ่มความสวยงามงานจะเป็ นไปตามแบบศิลปวัฒนธรรมแบบ
ไทยๆ
-ตกแต่งบ้ านให้ มีความเป็ นไทยและล้ านนา
-มีความสวยงามของตัวโครมไฟตอนแสงออกจากไฟทาให้
บรรยากาศดี
- 19. บ้ านเหมืองกุง
บ้ านเหมืองกุงเป็ นหมูบ้านเล็ก ๆ อยู่ไม่ไกลจากตัวเมือง
่
เชียงใหม่มากนัก เดินทางสะดวกตามถนนสายเชียงใหม่-
หางดงเพียง 6 กิโลเมตร ใช้ เวลาเดินทางประมาณ 10
นาที และยังเป็ นทางผ่านไปยังสถานที่ท่องเที่ยวสาคัญ
เช่น บ้ านถวาย ดอยอินทนนท์ ทังยังอยู่ใกล้ แหล่ง
้
ท่องเที่ยวใหม่ อาทิ เชียงใหม่ไนท์ซาฟารี ,พืชสวนโลก
เป็ นต้ น
บ้ านเหมืองกุงได้ รับเลือกจากพัฒนาชุมชน อ.หางดง และการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ให้ เป็ น
หมูบ้านโอท็อปเพื่อการท่องเที่ยวเมื่อหลายปี ก่อน เพราะเป็ นหมูบ้านผลิตเครื่องปั นดินเผาที่มี
่ ่ ้
เรื่องราวประวัติศาสตร์ วิถีวฒนธรรมที่สามารถร้ อยเรียงเชื่อมโยงได้ อย่างกลมกลืนกับการ
ั
ท่องเที่ยว
จากคาบอกเล่าของผู้อาวุโสในหมูบ้านเหมืองกุงที่ได้ รับคา
่
บอกเล่าต่อกันมาจากบรรพบุรุษที่มาตังรกรากอยู่บ้าน
้
เหมืองกุง เป็ นคนไทที่ถกกวาดต้ อนมาจากเมืองปุ เมือง
ู
สาด รัฐเชียงตุง ซึ่งปั จจุบนอยู่ในเขตรัฐฉานประเทศพม่า
ั
แต่ก่อนหน้ าที่จะมาอยู่ในพม่า บรรพบุรุษของที่นี่น่าจะเคย
อยู่ที่แคว้ นสิบสองปั นนาทางตอนใต้ ของจีนมาก่อน จึงคาด
ว่าวิชาชีพด้ านช่างเครื่องปั นดินเผาของบ้ านเหมืองกุงน่าจะ
้
สืบทอดมาจากสิบสองปั นนา โดยมีหตถกรรมที่เป็ นมรดกชิ ้นสาคัญคือ “น ้าต้ น” หรือ “คนโท”
ั
และ “หม้ อน ้า” ที่เป็ นเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมอย่างหนึ่งของล้ านนา
- 20. ปั จจุบนหมูบ้านแห่งนี ้มีประชากรอยู่
ั ่
อาศัย 135 ครัวเรือน ในอดีตเกือบทุก
ครัวเรือนมีอาชีพงานปั นเป็ นหลัก แต่เป็ น
้
ลักษณะต่างคนต่างทาส่งขายให้ กบ
ั
พ่อค้ าคนกลาง มายุคนี ้มีครัวเรือนที่
ทางานปั นไม่มากนัก เพราะชาวบ้ านส่วน
้
หนึ่งเข้ าไปทางานรับจ้ างในตัวเมือง แต่
เมื่อมีการตังกลุมหัตถกรรมเครื่องปั นดินเผาบ้ านเหมืองกุงขึ ้นเมื่อ 3 ปี ที่แล้ ว ทาให้ ชาวบ้ านเริ่มเห็น
้ ่ ้
ความสาคัญและรวมตัวกันมากขึ ้น มีสมาชิกกลุมทังหมด 22 ครัวเรือน ที่ยงคงทาอาชีพ
่ ้ ั
เครื่องปั นดินเผาอย่างจริง ๆ จัง ๆ โดยรายได้ หลักของหมูบ้านแห่งนี ้ประมาณ 70 % มาจากงาน
้ ่
ปั น
้
สัญลักษณ์โดดเด่นของหมูบ้านแห่งนี ้ก็คือ “น ้าต้ น” หรือ
่
“คนโท” ขนาดใหญ่สง 18 เมตร เส้ นผ่าศูนย์กลาง 8 เมตร
ู
85 เซนติเมตร ซึ่งคาดว่าจะเป็ นคนโทที่ใหญ่ที่สดในโลก ตัง้
ุ
เด่นตระหง่านอยู่ปากทางเข้ าหมูบ้าน เป็ น Landmark ที่
่
เพิ่มแรงดึงดูดให้ นกท่องเที่ยวแวะเวียนมาเที่ยวชมอย่างไม่ขาด
ั
สาย
- 21. จากซุ้มประตูทางเข้ าหมูบ้านถึงท้ ายหมูบ้านมี
่ ่
ระยะทางประมาณ 300 เมตร ตลอดระยะทางจะได้ เห็น
ชาวบ้ านนังปั นเครื่องปั นดินเผากันอยู่ภายในตัวบ้ าน ความ
่ ้ ้
โดดเด่นของเครื่องปั นที่นี่อยู่ที่ความละเอียดและเรียบง่าย
้
เป็ นดีไซน์ที่ตกทอดมาจากบรรพบุรุษ มีกรรมวิธีที่เรียบง่าย
ไม่ซบซ้ อน และใช้ วตถุดิบคือดินเหนียวในท้ องถิ่นและจาก
ั ั
อาเภอรอบนอก มีรูปแบบที่สามารถใช้ ประโยชน์ในชีวิตประจาวันได้ และมีราคาถูก เพราะเป็ น
เครื่องปั นดินเผาเนื ้อดินธรรมดาไม่เคลือบ และการเผาก็ยงใช้ เตาแบบโบราณที่ต้องใช้ ฟืนเป็ น
้ ั
วัตถุดิบหลัก อย่างคนโทราคาเริ่มตังแต่ใบละ 12 บาท ส่วนหม้ อน ้าใบละ 35 บาท นอกจากคนโท
้
และหม้ อน ้าที่เป็ นหัตถกรรมชิ ้นเอกของหมูบ้าน ปั จจุบนชาวบ้ านก็เริ่มพัฒนาผลิตภัณฑ์ไปใน
่ ั
รูปแบบอื่น ๆ ตามคาสังซื ้อของลูกค้ า เช่น โคมไฟ กระถาง อ่างบัว แจกัน ฯลฯ
่
ด้ วยเพราะเป็ นหมูบ้านเล็ก ๆ และสงบ นักท่องเที่ยว
่
จึงสามารถเดินดูความเป็ นอยู่และงานหัตถกรรมของ
ชาวบ้ านได้ อย่างสะดวก จะแวะเข้ าไปชมงานปั นบ้ าน
้
ไหนก็ได้ ชาวบ้ านก็ยิ ้มแย้ มและพร้ อมจะเล่าเรื่องราว
ให้ ฟังอย่างเต็มใจ อนาคตทางกลุมฯ ได้ เตรียม
่
แผนพัฒนาไว้ หลายด้ าน โดยเฉพาะการจัดให้ มีการสาธิตการปั นหากนักท่องเที่ยวสนใจอยาก
้
ทดลองทา พร้ อมกับจะมีมคคุเทศก์หรือไกด์ในท้ องถิ่นเป็ นผู้นาทางและบอกเล่าเรื่องราว รวมถึง
ั
การทาโฮมสเตย์ เพื่อให้ นกท่องเที่ยวได้ สมผัสวิถีชีวิตได้ อย่างเข้ าถึงมากขึ ้น
ั ั
- 22. วิถีชีวิต งานหัตถกรรมเครื่องปั นดินเผาดีไซน์เรียบง่ายที่มีบริบททางประวัติศาสตร์ทาบทาอยู่ น่าจะ
้
ทาให้ “บ้ านเหมืองกุง” เป็ นแหล่งท่องเที่ยวอีกแห่งของเมืองเชียงใหม่ที่นกท่องเที่ยวไม่ควรพลาด
ั
เข้ ามาสัมผัส
สินค้ าที่น่าสนใจน ้าพุ น ้าล้น ราคา500บาท
แต่ งสวนสวยเสริ มฮวงจุ้ย
น ้าล้ น หรือ น ้าผุด... น ้าที่มีความเคลือนไหว
่
เปรียบเสมือนทรัพย์ เป็ นพลังแห่ง “หยาง” พลัง
หมุนเวียน ขจัดสิงชัวร้ าย เงินทองไหลมาเทมา อยู่เย็นเป็ นสุข รุ่งเรืองมหาผล นอกจากนี ้ ละอองน ้ายังนาความชุ่ม
่ ่
ชื่น เข้ าสูภายในบ้ านอีกด้ วย
่
รูปทรงของน ้าล้ น หรือ น ้าผุด ควรเป็ นทรงกลม หรือ ทรงรี ไม่ควรมีเหลียมมุม เพราะอาจพุ่งเข้ าสูตวบ้ าน จะเป็ น
่ ่ ั
ผลเสียมากกว่าผลดี
การจัดตังหรื อจัดวางควรพิจารณาจากหลักการดังนี ้
้
- 23. จัดวางไว้ ในสวน เพราะสวนเป็ นไม้ น ้ากับไม้ เสริมกันให้ พลังกับตัวบ้ าน
ห้ องรับแขก เป็ นห้ องที่มีความเคลือนไหว น ้าล้ นหรือน ้าผุด เป็ น “หยาง” พลังแห่งความเคลือนไหว จึงเหมาะใน
่ ่
การจัดวางน ้าล้ นเช่นกัน
อาคารพาณิชย์ อาคารสานักงาน มีความเคลือนไหวอยู่เสมอ ควรจัดวางทางด้ านหน้ าหรือด้ านข้ าง แต่อย่าวาง
่
ด้ านหลัง เพราะตามหลักฮวงจุ้ย ถือว่า เป็ นความมันคง ควรมีความนิ่งมากกว่า
่
ไม่ควรมีน ้าล้ น หรือน ้าผุด ในห้ องนอน เพราะเป็ นห้ องแห่งความสงบ (หยิน) ถ้ าเอาสิงเคลือนไหว ไปตั ้งใน
่ ่
ห้ องนอนจะไม่เป็ นสุข
ห้ องครัวไม่ควรจัดวาง เพราะครัวเป็ นธาตุไฟ จะทาให้ เกิดความขัดแย้ งภายในบ้ าน
ทิศที่ควรจัดวาง
ทิศตะวันออกเฉียงใต้ (ดีที่สด) อยู่เย็นเป็ นสุข เจริญรุ่งเรือง
ุ
ทิศเหนือ เป็ นธาตุไม้ น ้ากับไม้ เกื ้อหนุนกันดี จัดวางได้ เช่นกัน
ทิศตะวันออกเฉียงเหนือ ช่วยให้ อาชีพการงานเจริญรุ่งเรือง
**ตาแหน่งในการจัดวาง ควรพิจารณาจากหลักข้ างต้ นนี ้ ประกอบกับความเหมาะสมของบ้ านด้ วย อย่ายึดติดกับ
ทิศทางมากนัก ให้ คานึงถึง ความกลมกลืนลงตัวกับธรรมชาติ และเหมาะสม กับพื ้นที่ในบ้ านเป็ นดีที่สด
ุ
นางสาวอัมพิกา อินไชย รหัส 5219101336 สาขาเทคโนโลยีภูมิทศน์
ั