SlideShare a Scribd company logo
1 of 15
Download to read offline
รายงาน
เรื่ อง เครื อข่ายคอมพิวเตอร์
จัดทําโดย
น.ส. อรอนงค์ เพชรสวัสดิ์ เลขที่ 22
ชั้นมัธยมศึกษาปี ที่ 4/2
เสนอ
อาจารย์จุฑารัตน์ ใจบุญ
โรงเรี ยนรัษฎานุประดิษฐ์อนุสรณ์
สํานักงานเขตพื้นที่การศึกษา ตรัง เขต 13
คํานํา
รายงานเล่มนี้เป็ นส่ วนหนึ่งของรายวิชาคอมพิวเตอร์ระดับชั้นม.4ซึ่งได้ชดทําในเรื่ องการใช้เครื อข่าย
ั
คอมพิวเตอร์เนื้อหาเกี่ยวกับการใช้เชื่อมโยงอุปกรณ์ หรื อ การสนทนา อุปกรณ์เครื อข่าย รายงานเล่มนี้จดทํา
ั
ั ้
ขึ้นเพื่อให้ความรู ้แก่ผอ่าน และ ใช้เป็ นสื่ อการเรี ยนการสอนให้กบผูอ่านหวังว่ารายงานเล่มนี้คงให้ประโยชน์
ู้
กับผูอ่านไม่มากก็นอย หากรายงานเล่มนี้มีขอผิดพลาดประการใดต้องขออภัยไว้ ณ ที่น้ ีดวย
้
้
้
้
จัดทําโดย
น.ส. อรอนงค์ เพชรสวัสดิ์
สารบัญ
เรื่อง

หน้ า

เครื อข่ายคอมพิวเตอร์

1

การเชื่อมโยงเครื อข่าย

2

เทคโนโลยีไร้สาย

3

ชนิดของเครื อข่าย

4

โพรโทคอลการสื่ อสาร

4

อีเทอร์เน็ต

5

ขอบเขตของเครื อข่าย

5

 
เครือข่ ายคอมพิวเตอร์
เครื อข่ายคอมพิวเตอร์ หรื อ คอมพิวเตอร์เน็ตเวิร์ก (อังกฤษ: computer network; ศัพท์บญญัติ
ั
ว่า ข่ ายงานคอมพิวเตอร์ ) คือเครื อข่ายการสื่ อสารโทรคมนาคมระหว่างคอมพิวเตอร์จานวนตั้งแต่สองเครื่ อง
ํ
ขึ้นไปสามารถแลกเปลี่ยนข้อมูลกันได้ การเชื่อมต่อระหว่างอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ต่างๆในเครื อข่าย (โหนด
เครื อข่าย) จะใช้สื่อที่เป็ นสายเคเบิลหรื อสื่ อไร้สาย เครื อข่ายคอมพิวเตอร์ที่รู้จกกันดีคือ อินเทอร์เน็ต
ั
การที่ระบบเครื อข่ายมีบทบาทสําคัญมากขึ้นในปัจจุบน เพราะมีการใช้งานคอมพิวเตอร์อย่าง
ั
แพร่ หลาย จึงเกิดความต้องการที่จะเชื่อมต่อคอมพิวเตอร์เหล่านั้นถึงกัน เพื่อเพิ่มความสามารถของระบบให้
สู งขึ้น และลดต้นทุนของระบบโดยรวมลง
การโอนย้ายข้อมูลระหว่างกันในเครื อข่าย ทําให้ระบบมีขีดความสามารถเพิ่มมากขึ้น การแบ่งการใช้
ทรัพยากร เช่น หน่วยประมวลผล, หน่วยความจํา, หน่วยจัดเก็บข้อมูล, โปรแกรมคอมพิวเตอร์ และอุปกรณ์
ต่าง ๆ ที่มีราคาแพงและไม่สามารถจัดหามาให้ทุกคนได้ เช่น เครื่ องพิมพ์ เครื่ องกราดภาพ (scanner) ทําให้
ลดต้นทุนของระบบลงได้
อุปกรณ์เครื อข่ายที่สร้างข้อมูล, ส่ งมาตามเส้นทางและบรรจบข้อมูลจะเรี ยกว่าโหนดเครื อข่าย. โหนด
ประกอบด้วยโฮสต์เช่นเซิร์ฟเวอร์, คอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลและฮาร์ดแวร์ของระบบเครื อข่าย อุปกรณ์สองตัว
็
จะกล่าวว่าเป็ นเครื อข่ายได้กต่อเมื่อกระบวนการในเครื่ องหนึ่งสามารถที่จะแลกเปลี่ยนข้อมูลกับ
กระบวนการในอีกอุปกรณ์หนึ่งได้
เครื อข่ายจะสนับสนุนแอปพลิเคชันเช่นการเข้าถึงเวิลด์ไวด์เว็บ, การใช้งานร่ วมกันของแอปพลิเคชัน,
การใช้เซิร์ฟเวอร์สาหรับเก็บข้อมูลร่ วมกัน, การใช้เครื่ องพิมพ์และเครื่ องแฟ็ กซ์ร่วมกันและการใช้อีเมลและ
ํ
โปรแกรมส่ งข้อความโต้ตอบแบบทันทีร่วมกัน
 
 

 
การเชื่อมโยงเครือข่ าย
ค
สื อกลางการสื่ อสารที่ใช้ในการเชื่อมโยง ปกรณ์เพื่อสร้างเป็ นเครื อ ายคอมพิวเเตอร์ประกอบ วยสาย
งอุ
ส
อข่
บด้
เคเบิลไฟ า (HomePN สายไฟฟ้ าสื่ อสาร, G.h ใยแก้วนําแสง และคลื่นวิทยุ (เครื อ ายไร้สาย) ในโมเดล
ฟฟ้
NA,
ฟ้
hn),
ลื
อข่
ใ
่
OSI สื่ อเหล่านี้จะถูกกําหนดให้อยูใ
ในเลเยอร์ที่ 1 และที่ 2 หรื อชั้นกายภาพและชั้นเชื่อมโยงข้อมูล
อ
ครอบครัวของ ่ อการสื่ อสา ่ถูกพัฒนา างกว้างขว
งสื
ารที
าอย่
วางและถูกนํา ในเทคโ
ามาใช้
โนโลยีเครื อข่าย
ข
ท้องถิ่น (
(LAN) เรี ยกวา อีเธอร์เน็ต มาตรฐานขอ ่ อกลางแล
ว่
องสื
ละของโพรโท
ทคอลที่ช่วยใน ่ อสารร าง
นการสื ระหว่
อุปกรณ์ใ อข่ายอีเธอร์เน็ตถูกกําหนดโดยมา
ในเครื
าตรฐาน IEEE 802. อีเธอร์เน็ตในโลกไซเบอร์มีท้ ง
E
ร์
ั
เทคโนโล ของ LAN แบบใช้สายแ
ลยี
และแบบไร้สาย อุปกรณ์ของ LAN แบบ สายจะส่ ง ญญาณผ่านสื่ อกลาง
อ
บใช้
งสั
น
ที่เป็ นสายเคเบิล อุปกรณ์ LAN ไร้ส คลื่นวิท หรื อสัญญาณอินฟราเรด นสื่ อกลางในการส่ งผ่าน
สายใช้
ทยุ
ดเป็
า
สํญญาณ
ณ
เทคโนโลยีแบบใช้สาย
ล
เทคโนโลยีแบบใช้สายต่อไปนี้เรี ยงลําดับตามความเร็วจากช้าไปเร็ วอย่างหยาบๆ
ท
ๆ
สายคู่บิด นสื่ อที่ใช้กนอย่างแพร่ ห ่สุดสําหรับการสื่ อสารโทรคมนา ้ งหมด ส ่บิดประก วย
ดเป็
กั
หลายที
ส
าคมทั
สายคู
กอบด้
กลุ่มของ
งสายทองแดง มฉนวนที่มีการบิดเป็ นคู่ๆ สายโทรศัพท์ธรรมดาที่ใช้ภายในบ้านทัวไปประก วย
งหุ ้
มี
ั
ที
กอบด้
่
สายทองแดงหุมฉนวน ยงสองสา ดเป็ นคู่ ส
้
นเพี
ายบิ
สายเคเบิลเครื อข่ายคอมพิวเเตอร์ (แบบใช้สายอีเธอร์เน็ตตามที่
อ
ช้
กําหนดโ
โดยมาตรฐาน IEEE 802.3) จะเป็ นสายคู่บิดจํานวน 4 คู่สายทองแด ่สามารถใ สาหรับการ งทั้ง
น
)
คู
ดงที
ใช้ ํ
รส่
เสี ยงและ อมูล การใชสายไฟสองเส้นบิดเป็ นเก ยวจะช่วยล crosstalk แ
ะข้
ช้
กลี
ลด
และการเหนี่ย าแม่เหล็กไฟฟ้ า
ยวนํ
่น
ระหว่างส
สายภายในเคเบิลชุดเดียวกัน ความเร็ วในการส่ งอยูในช่วง 2 ล้านบิตต่อวินาทีถึง 10 พันล้านบิตต่อ
กั
บิ
ถึ
น
วินาที สา ่บิดมาในส ปแบบคือคู่บิดไม่มีตวนําป้ องกัน(การรบกวนจากการเหนี่ยว าแม่เหล็กไฟฟ้ า
ายคู
สองรู
คื
้
(
วนํ
ไ
ภายนอก (unshielded twisted pair หรื อ UTP) แ ่บิดมีตวนําป้ องกัน (s
ก)
d
r
และคู
ว
ั
shielded twistted pair หรื อ STP) แต่
ละรู ปแบ
บบออกแบบม
มาหลายอัตราค
ความเร็วในก งานในส
การใช้
สถานการณ์ต่างกัน
ต่
 
 

 
สายโคแอคเชีย กใช้อย่างแพร่ หลายสําหรับระบบเค ลทีว,ี ในอาคารสํานักงา
ส
ยลถู
คเบิ
านและสถานท่ทางาน
ที ํ
อื่นๆ ในเครื อข่ายท้อง ่น สายโคแอ
งถิ
อคประกอบด้วยลวดทองแ
ด้
แดงหรื ออะลูมิเนียมเส้นเดี่ยวที่ลอมรอบ วยชั้น
มิ
้
บด้
ฉนวน (โ
โดยปกติจะเป็ นวัสดุที่มีคว ดหยุนกับ เล็กทริ กคงที่สูง) และ อมรอบทั้ง
ป็
วามยื ่ บไดอิ
ก
ะล้
งหมดด้วยตัวนําอีก
น
ชั้นหนึ่งเเพื่อป้ องกันการเหนี่ยวนําแ เหล็กไฟฟ้ า
แม่
าจากภายนอก ฉนวนไดอิเลกทริ กจะช่ว
ก
ล็
วยลดสัญญาณ
ณรบกวน
่
และความ ดเพี้ยน คว วในการ งข้อมูลอยูใ วง 200 ล้านบิตต่อวินา จนถึงมากก า 500 ล้านบิตต่อ
มผิ
วามเร็
รส่
ในช่
าที
กว่
น
วินาที

่
'I
ITU-T G.hn เป็ นเทคโนโลยีที่ใช้สายไฟที่มีอยูในบ้าน (สายโคแอค, สายโทรศัพท์และสายไฟฟ้ า)
ป็
ี
ค
ฟ
เพื่อสร้าง อข่ายท้องถิ่นความเร็ ว ง (ถึง 1 Gb
งเครื
วสู
b/s)
ใย วนําแสง เป็ นแก้วไฟเบ จะใช้พล ของแสงใน งข้อมูล ข้อดีบางประการของเส้นใยแสง
ยแก้
บอร์
ลส์
ั
นการส่
น
ที่เหนือก าสายโลหะก็คือมีการสูญ ยในการส่ อยและมีอิิสรภาพจากค ่นแม่เหล็กไ าและมีความเร็ ว
กว่
ญเสี
สงน้
อ
คลื
ไฟฟ้
ในการส่ งรวดเร็ วมากถึงล้านล้านบิตต่อวินาที เร
บิ
ราสามารถใช้ความยาวคลื่น ่แตกต่างขอ
ค
นที
องแสงที่จะเพิ่ม
พิ
จํานวนข อความที่ถูกส่ งผ่านสา
ของข้
ที
ายเคเบิลใยแก้วนําแสงพร้อมกันในเส้นเดียวกัน
ก้
อ

่
ใยแก้วนํา หรื อ ออ กไฟเบอร หรื อ ไฟเบอ ออปติก เป็ นแก้วหรื อพล กคุณภา ง ยืดหยุนโค้งงอ
าแสง
อปติ
ร์
อร์
ลาสติ
าพสู
น
ได้ เส้นผาศูนย์กลางเพียง 8-10 ไมค [1] (10 ไ
ผ่
พี
ครอน
ไมครอน = 10 ในล้านส่ วน
0
นของเมตร =10x10^-6=0.0
00001
เมตร = 0 มม.) เล็ก าเส้นผมที่มีขนาด 40-1 ไมครอน,, กระดาษ 100 ไมครอน[2] ใยแก้วนําแส า
0.01
กกว่
ที
120
0
สงทํ
หน้าที่เป็ วกลางใน งแสงจากด้านหนึ่งไปอีกด้านหนึ่ง ด้วยความเร็ วเกือบเท่าแส เมื่อนํามาใ ในการ
ปนตั
นการส่
ร็
สง
ใช้
สื่ อสารโทรคมนาคม ทําให้สามารถ ง-รับข้อมูล เร็ วมาก ได้ระยะทางได้เกิน 100 กม
ถส่
ลได้
ไ
ม.ในหนึ่งช่วง และ
เทคโนโลยีไร้ สาย
'ไมโครเวฟบนผิวโลก - การสื่ อสารไมโครเวฟบนผิวโลกจะใช้เครื่ องส่ งและเครื่ องรับสัญญาณจาก
่
สถานีบนผิวโลกที่มีลกษณะคล้ายจานดาวเทียม ไมโครเวฟภาคพื้นดินอยูในช่วงกิกะเฮิรตซ์ที่ต่า ซึ่งจํากัดการ
ั
ํ
สื่ อสารทั้งหมดด้วยเส้นสายตาเท่านั้น สถานีทวนสัญญาณมีระยะห่างประมาณ 48 กิโลเมตร (30 ไมล์)
ดาวเทียมสื่ อสาร - การสื่ อสารดาวเทียมผ่านทางคลื่นวิทยุไมโครเวฟที่ไม่ได้เบี่ยงเบนโดยชั้น
่
บรรยากาศของโลก ดาวเทียมจะถูกส่ งไปประจําการในอวกาศ ที่มกจะอยูในวงโคจร geosynchronous ที่
ั
35,400 กิโลเมตร (22,000 ไมล์) เหนือเส้นศูนย์สูตร ระบบการโคจรของโลกนี้มีความสามารถในการรับและ
ถ่ายทอดสัญญาณเสี ยง, ข้อมูลและทีวี
ระบบเซลลูลาร์ และ PCS ใช้เทคโนโลยีการสื่ อสารวิทยุหลายเทคโนโลยี ระบบแบ่งภูมิภาคที่
ครอบคลุมออกเป็ นพื้นที่ทางภูมิศาสตร์หลายพื้นที่ แต่ละพื้นที่มีเครื่ องส่ งหรื ออุปกรณ์เสาอากาศถ่ายทอด
สัญญาณวิทยุพลังงานตํ่าเพือถ่ายทอดสัญญาณเรี ยกจากพื้นที่หนึ่งไปยังอีกพื้นที่หนึ่งข้างหน้า
่
เทคโนโลยีวทยุและการแพร่ กระจายสเปกตรัม - เครื อข่ายท้องถิ่นไร้สายจะใช้เทคโนโลยีวิทยุความถี่
ิ
สู งคล้ายกับโทรศัพท์มือถือดิจิทลและเทคโนโลยีวิทยุความถี่ต่า. LAN ไร้สายใช้เทคโนโลยีการแพร่ กระจาย
ั
ํ
คลื่นความถี่เพือการสื่ อสารระหว่างอุปกรณ์หลายชนิดในพื้นที่จากัด. IEEE 802.11 กําหนดคุณสมบัติทวไป
่
ํ
ั่
ของเทคโนโลยีคลื่นวิทยุไร้สายมาตรฐานเปิ ดที่รู้จกกันคือ Wifi
ั
การสื่ อสารอินฟราเรด สามารถส่ งสัญญาณระยะทางสั้นๆมักไม่เกิน 10 เมตร ในหลายกรณี ส่วนใหญ่
การส่ งแสงจะใช้แบบเส้นสายตา ซึ่งจํากัดตําแหน่งการติดตั้งของอุปกรณ์การสื่ อสาร
เครือข่ ายทัวโลก (global area network หรื อ GAN) เป็ นเครื อข่ายที่ใช้สาหรับการสนับสนุนการใช้งาน
่
ํ
มือถือข้ามหลายๆ LAN ไร้สาย หรื อในพื้นที่ที่ดาวเทียมครอบคลุมถึง ฯลฯ ความท้าทายที่สาคัญในการ
ํ
สื่ อสารเคลื่อนที่คือการส่ งมอบการสื่ อสารของผูใช้จากพื้นที่หนึ่งไปอีกพื้นที่หนึ่ง ใน IEEE 802 การส่ งมอบ
้
นี้เกี่ยวข้องกับความต่อเนื่องของ LAN ไร้สายบนผิวโลก .
ชนิดของเครือข่ าย
ระบบเครื อข่ายจะถูกแบ่งออกตามขนาดของเครื อข่าย ซึ่งปัจจุบนเครื อข่ายที่รู้จกกันดีมีอยู่ 6 แบบ
ั
ั
ได้แก่
เครื อข่ายภายใน หรื อ แลน (Local Area Network: LAN) เป็ นเครื อข่ายที่ใช้ในการ เชื่อมโยงกันใน
่
พื้นที่ใกล้เคียงกัน เช่นอยูในห้อง หรื อภายในอาคารเดียวกัน
• เครื อข่ายวงกว้าง หรื อ แวน (Wide Area Network: WAN) เป็ นเครื อข่ายที่ใช้ในการ เชื่อมโยงกัน ใน
ระยะทางที่ห่างไกล อาจจะเป็ น กิโลเมตร หรื อ หลาย ๆ กิโลเมตร
• เครื อข่ายงานบริ เวณนครหลวง หรื อ แมน (Metropolitan area network : MAN)
• เครื อข่ายของการติดต่อระหว่างไมโครคอนโทรลเลอร์ หรื อ แคน (Controller area network) : CAN)
เป็ นเครื อข่ายที่ใช้ติดต่อกันระหว่างไมโครคอนโทรลเลอร์ (Micro Controller unit: MCU)
• เครื อข่ายส่ วนบุคคล หรื อ แพน (Personal area network) : PAN) เป็ นเครื อข่ายระหว่างอุปกรณ์
เคลื่อนที่ส่วนบุคคล เช่น โน้ตบุก มือถือ อาจมีสายหรื อไร้สายก็ได้
๊
• เครื อข่ายข้อมูล หรื อ แซน (Storage area network) : SAN) เป็ นเครื อข่าย (หรื อเครื อข่ายย่อย) ความเร็ ว
สู งวัตถุประสงค์เฉพาะที่เชื่อมต่อภายในกับอุปกรณ์จดเก็บข้อมูลชนิดต่างกันด้วยแม่ข่ายข้อมูล
ั
ั
สัมพันธ์กนบนคัวแทนเครื อข่ายขนาดใหญ่ของผูใช้
้
อุปกรเครื อข่าย
•

•

•

•

•

่
เซิร์ฟเวอร์ (Server) หรื อเรี ยกอีกอย่างหนึ่งว่า เครื่ องแม่ขาย เป็ นเครื่ องคอมพิวเตอร์หลักในเครื อข่าย
ที่ทาหน้าที่จดเก็บและให้บริ การไฟล์ขอมูลและทรัพยากรอื่นๆ กับคอมพิวเตอร์เครื่ องอื่น ๆ ใน
ํ
ั
้
เครื อข่าย โดยปกติคอมพิวเตอร์ที่นามาใช้เป็ นเซิร์ฟเวอร์มกจะเป็ นเครื่ องที่มีสมรรถนะสูง และมี
ํ
ั
ฮาร์ดดิสก์ความจําสู งกว่าคอมพิวเตอร์เครื่ องอื่น ๆ ในเครื อข่าย
ไคลเอนต์ (Client) หรื อเรี ยกอีกอย่างหนึ่งว่า เครื่ องลูกข่าย เป็ นคอมพิวเตอร์ในเครื อข่ายที่ร้องขอ
บริ การและเข้าถึงไฟล์ขอมูลที่จดเก็บในเซิร์ฟเวอร์ หรื อพูดง่าย ๆ ก็คือ ไคลเอนต์ เป็ นคอมพิวเตอร์
้
ั
ของผูใช้แต่ละคนในระบบเครื อข่าย
้
ฮับ (HUB) หรื อ เรี ยก รี พีตเตอร์ (Repeater) คืออุปกรณ์ที่ใช้เชื่อมต่อกลุ่มคอมพิวเตอร์ ฮับ มีหน้าที่
รับส่ งเฟรมข้อมูลทุกเฟรมที่ได้รับจากพอร์ตใดพอร์ตหนึ่ง ไปยังพอร์ตที่เหลือ คอมพิวเตอร์ที่เชื่อมต่อ
เข้ากับฮับจะแชร์แบนด์วิธหรื ออัตราข้อมูลของเครื อข่าย เพราะฉะนั้นถ้ามีคอมพิวเตอร์เชื่อมต่อมาก
จะทําให้อตราการส่ งข้อมูลลดลง
ั
เนทเวิร์ค สวิตช์ (Switch) คืออุปกรณ์เครื อข่ายที่ทาหน้าที่ในเลเยอร์ที่ 2 และทําหน้าที่ส่งข้อมูลที่ได้
ํ
รับมาจากพอร์ตหนึ่งไปยังพอร์ตเฉพาะที่เป็ นปลายทางเท่านั้น และทําให้คอมพิวเตอร์ที่เชื่อมต่อกับ
•

•

เร เตอร์ (Rou
ราต์
uter)เป็ นอุปร ที่ทาหน้าที่ในเลเยอร์ที่ 3 เราท์เตอร์จะอ่านที่อยู่ (A
รณ์ ํ
Address) ของสถานี
ปลายทางที่ส่ว ว (Heade ข้อแพ็กเก็ต อมูล เพื่อที่จะกําหนดแล งแพ็กเก็ต อไป เราท์เตอร์จะมี
ป
วนหั
er)
ตข้
ละส่
ตต่
เ
ตัวจัดเส้นทางใ กเก็ต เรี ยกว่า เราติ้งเเทเบิ้ล (Routiing Table) หรื อตารางจัดเส้นทางนอกจา ้ ยง
ั
ในแพ็
รี
รื
ส้
ากนี ั
ส่ งข้อมูลไปยัง อข่ายที่ใหโพรโทคอล างกันได้ เช่ IP (Interne Protocol) , IPX (Interne
งเครื
ห้
ลต่
ชน
et
et
Package Exch
P
hange) และ A
AppleTalk นอ
อกจากนี้ยงเชื่อมต่อกับเครื อ ายอื่นได้ เชน เครื อข่าย
ั อ
อข่
ช่
อิินเทอร์เน็ต
บริ
บ ดจ์ (Bridge เป็ นอุปกรณที่มกจะใช้ใน
e)
ณ์ ั
นการเชื่อมต่อวงแลน (LAN Segments) เข้าด้วยกัน ทําให้
อ
N
)
ท
สามารถขยายข
ส
ขอบเขตของ L ออกไป เรื่ อยๆ โดยที่ประสิ ทธิภ
LAN
ปได้
ภาพรวมของร ไม่ลดล
ระบบ
ลงมาก
่ นเซกเมนต์เดียวกันจะไม่ถกส่งผ่าน ไปร
นัก เนื่องจากก ดต่อของ ่ องที่อยูใน
การติ
งเครื
ย
ู
รบกวนการจร
ราจรของ
เซ
ซกเมนต์อื่น แ ่องจากบ ดจ์เป็ นอุปกรณ์ที่ทางาน ในระดับ Data Link La จึงทําให้สามารถ
และเนื
บริ
ํ นอยู่
ayer
้
ใชในการเชื่อม อเครื อข่ายท่แตกต่างกัน
ช้
มต่
ที
นในระดับ Phy และ Data Link ได้ เเช่น ระหว่าง Eternet
ysical
กับ Token Rin เป็ นต้น
ng

บริ
บ ดจ์ มักจะถูก ในการเชื่อมเครื อข่ายยอย ๆ ในองค์กรเข้าด้วยกัน นเครื อข่า
กใช้
ชื
ย่
ค์
นเป็
ายใหญ่ เพียงเครื อข่าย
ค
เดียว เพื่อ เครื อข่ายย่อยๆ เหล่านั้นสามารถติด อกับเครื อข่ายย่อยอื่นๆ ไ
อให้
ดต่
ได้
เก (Gatew เป็ นอุปก ฮาร์ดแวร์ที่เชื่อมต่อเครืื อข่ายต่างปร
กตเวย์
way)
กรณ์
ร์
ระเภทเข้าด้วย น เช่น การ เกต
ยกั
รใช้
เว ในการเชื่อม อเครื อข่าย ที่เป็ นคอมพิวเตอร์ประเภ ซี (PC) เขากับคอมพิว ประเภท
วย์
มต่
พิ
ภทพี
ข้
วเตอร์
ทแมคอิน
ทอช
ท (MAC) เป็ นต้น
โพรโทคอลการสื่ อสาร คือชุดของ
ร
งกฎหรื อข้อกําหนดต่างๆสาหรับการแล ่ยนข้อมูลในเครื อข่าย ใน
สํ
ลกเปลี
า
•

โพรโทค
คอลสแต็ค (ระ บชั้นของโ
ะดั
โพรโทคอล ดูแบบจําลองโ
โอเอสไอ) แต่ละโพรโทคอ
อลยกระดับกา
าร
่ ชั
ให้บริ การของโพรโทตคลที่อยูในช้ นล่าง ตัวอย่างที่สาคัญใน
ํ นโพรโทคอลส คได้แก่ H ที่ทางานบน
สแต็
HTTP ํ
er
กํ
E
P
คอลอิ
น
TCP ove IP ผ่านข้อกาหนด IEEE 802.11 (TCP และ IP ที่เป็ นสมาชิกของชุดโปรโตค นเทอร์เน็ต.
IEEE 80 เป็ นสมา กของชุดอีเเธอร์เน็ตโพร
02.11
าชิ
รโทคอล.) สแ คนี้จะถูกใช้ระหว่างเราต์เตอร์ไร้สายกบ
แต็
ช้
ต์
กั
คอมพิวเตอร์ส่วนบุคค
คลของผูใช้ตา านเมื่อผูใ จะท่องเว็บ
้ ามบ้
ใช้
้
ั
โพรโทคอลกา ่ อสารมีลก
ารสื
กษณะต่างๆกัน ซึ่งอาจจะเชื่อมต่อแบบ connection ห อ connectio
ั
ชื
หรื
onless,
หรื ออาจจะใช้ circuit mode หรื อแพกเกตสวิตชิ หรื ออาจใชการ address ตามลําดับ ้ นหรื อแบบ flat
พ็
ชง,
ช้
sing
บชั
บ
มีโพรโทคอลการสื่ อสารมากมาย บางส่ วนได้อธิบายไว้ดานล่างนี้
ก
า
ไ ้
อีเธอร์ เน็ต
่
อีเธอร์เน็ตเป็ นครอบครัวของโพรโทคอลที่ใช้ในระบบ LAN, ตามที่อธิบายอยูในชุดของมาตรฐานที่
เรี ยกว่า IEEE 802 เผยแพร่ โดยสถาบันวิศวกรไฟฟ้ าและอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งมีวิธีการ addressing แบบ flat
และจะดําเนินการส่ วนใหญ่ที่ระดับ 1 และ 2 ของแบบจําลอง OSI. สําหรับผูใช้ที่บานในวันนี้ สมาชิกส่ วน
้
้
ใหญ่ของครอบครัวของโปรโตคอลที่รู้จกกันดีน้ ีคือ IEEE 802.11 หรื อที่เรี ยกว่า Wireless LAN (WLAN).
ั
IEEE 802 โพรโทคอลชุดสมบูรณ์จดให้มีความหลากหลายของความสามารถเครื อข่าย ตัวอย่างเช่น MAC
ั
bridging (IEEE 802.1D) ทํางานเกี่ยวกับการ forwarding ของแพ็กเกตอีเธอร์เน็ตโดยใช้โพรโทคอล
Spanning tree, IEEE 802.1Q อธิบาย VLANs และ IEEE 802.1X กําหนดโพรโทคอลที่ใช้ควบคุมการเข้าถึง
็ั
เครื อข่ายแบบพอร์ตซึ่งฟอร์มตัวเป็ นพื้นฐานสําหรับกลไกการตรวจสอบที่ใช้ใน VLANs (แต่กยงพบใน
เครื อข่าย WLANs อีกด้วย) - มันเป็ นสิ่ งที่ผใช้ตามบ้านเห็นเมื่อผูใช้จะต้องใส่ "wireless access key".
ู้
้

Internet protocol suite
อินเทอร์เน็ตโปรโตคอลสวืท, หรื อที่เรี ยกว่า TCP / IP, เป็ นรากฐานของระบบการเชื่อมโยงเครื อข่าย
ที่ทนสมัย ทําให้มีการเชื่อมต่อแบบ connection-less เช่นเดียวกับ connection-oriented ผ่านเครื อข่ายที่ไม่
ั
น่าเชื่อถือโดยการส่ งดาต้าแกรม(ข้อมูลที่ถูกแบ่งเป็ นชิ้นเล็กๆ)ที่เลเยอร์โปรโตคอลอินเทอร์เน็ต (IP) ที่
แกนกลางของมัน ชุดโพรโทคอลกําหนด address, การระบุตวตน, และคุณสมบัติของการเราต์ติงสําหรับ
ั
Internet Protocol Version 4 (IPv4) และ IPv6 ซึ่งรุ่ นต่อไปที่มีความสามารถในการขยายระบบ addressing
อย่างมาก
SONET/SDH
Synchronous optical networking (SONET) และ Synchronous Digital Hierarchy (SDH) เป็ นโพรโท
คอลมาตรฐานสําหรับการ multiplexing ที่ทาการถ่ายโอนกระแสบิตดิจิตอลที่หลากหลายผ่านใยแก้วนําแสง.
ํ
พวกมันแต่เดิมถูกออกแบบมาเพื่อการขนส่ งในการสื่ อสารแบบ circuit mode จากแหล่งที่มาที่หลากหลาย
แตกต่างกัน, เบื้องต้นเพื่อสนับสนุนระบบเสี ยงที่เป็ น circuit-switched ที่เข้ารหัสในฟอร์แมท PCM (PulseCode Modulation) ที่เป็ นเรี ยลไทม์และ ถูกบีบอัด. อย่างไรก็ตามเนื่องจากความเป็ นกลางและคุณสมบัติที่
เป็ น transport-oriented, SONET/SDH ยังเป็ นตัวเลือกที่ชดเจนสําหรับการขนส่ งเฟรมของ Asynchronous
ั
Transfer Mode (ATM)
ขอบเขตของเครือข่ าย
เครื อข่ายโดยทัวไปถูกจัดการโดยองค์กรที่เป็ นเจ้าของ เครื อข่ายองค์กรเอกชนอาจจะใช้รวมกันทั้ง
่
อินทราเน็ตและเอ็กซ์ทราเน็ต และยังอาจจัดให้มีการเข้าถึงเครื อข่ายอินเทอร์เน็ตซึ่งไม่มีเจ้าของเดียวและให้
การเชื่อมต่อทัวโลกแทบไม่จากัด
ํ
่
อินทราเน็ตและเอ็กซ์ ทราเน็ต
อินทราเน็ตและเอ็กซ์ทราเน็ตเป็ นส่ วนหนึ่งหรื อส่ วนขยายของเครื อข่ายคอมพิวเตอร์ที่มกจะเป็ น
ั
LAN
่
อินทราเน็ต เป็ นชุดของเครื อข่ายที่อยูภายใต้การควบคุมของหน่วยการบริ หารเดียว อินทราเน็ตใช้
โปรโตคอล IP และเครื่ องมือที่เป็ น IP-based เช่นเว็บเบราเซอร์และโปรแกรมการถ่ายโอนไฟล์ หน่วยการ
บริ หารจํากัดการใช้อินทราเน็ตเฉพาะผูได้รับอนุญาตเท่านั้น ส่ วนใหญ่แล้ว อินทราเน็ตจะเป็ นเครื อข่าย
้
ภายในองค์กร อินทราเน็ตขนาดใหญ่มกจะมีเว็บเซิร์ฟเวอร์อย่างน้อยหนึ่งตัวเพื่อให้ผใช้เข้าถึงข้อมูลของ
ั
ู้
องค์กรเอง

เอ็กซ์ ทราเน็ต เป็ นเครื อข่ายที่ยงอยูภายใต้การควบคุมของผูดูแลระบบขององค์กรเดียว แต่สนับสนุน
ั ่
้
การเชื่อมต่อที่จากัดเฉพาะเครื อข่ายภายนอกที่เฉพาะเจาะจง ตัวอย่างเช่นองค์กรอาจจัดให้มีการเข้าถึงบาง
ํ
แง่มุมของอินทราเน็ตของบริ ษทเพื่อแชร์ขอมูลร่ วมกับคู่คาทางธุรกิจหรื อลูกค้า หน่วยงานอื่น ๆ เหล่านี้ไม่
ั
้
้
จําเป็ นต้องได้รับความเชื่อถือจากมุมมองของการรักษาความปลอดภัย การเชื่อมต่อเครื อข่ายเอ็กซ์ทราเน็ต
มักจะเป็ น, แต่ไม่เสมอไป, การดําเนินการผ่านทาง WAN เทคโนโลยี
Internetwork
่
Internetwork คือการเชื่อมต่อของหลายเครื อข่ายคอมพิวเตอร์ผานทางเทคโนโลยีการกําหนดเส้นทาง
ร่ วมกันโดยใช้เราต์เตอร์
อินเทอร์ เน็ต
อินเทอร์เน็ตเป็ นตัวอย่างที่ใหญ่ที่สุดของ Internetwork มันเป็ นระบบที่เชื่อมต่อกันทัวโลกของภาครัฐ
่
่ ั
, นักวิชาการ, องค์กรของรัฐและเอกชน, และเครื อข่ายคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล มันขึ้นอยูกบเทคโนโลยี
ระบบเครื อข่ายของ Internet Protocol สวีท ซึ่งสื บทอดมาจากโครงการวิจยขั้นสู งของหน่วยงานเครื อข่าย
ั
(ARPANET) พัฒนาโดย DARPA ของกระทรวงกลาโหมสหรัฐอเมริ กา อินเทอร์เน็ตยังเป็ นแกนนําการ
สื่ อสารพื้นฐานเวิลด์ไวด์เว็บ (WWW)
ผูเ้ ข้าร่ วมใน Internet ใช้ความหลากหลายของวิธีการหลายร้อยโพรโทคอลที่ถูกทําเป็ นเอกสารและ
ั
เป็ นมาตรฐานไว้แล้ว โพรโทคอลดังกล่าวมักจะเข้ากันได้ดีกบ Internet Protocol Suite และระบบ addressing
(ที่อยู่ IP) ที่ถูกบริ หารงานโดยหน่วยงานกําหนดหมายเลขอินเทอร์เน็ตและทะเบียน address. ผูให้บริ การและ
้
องค์กรขนาดใหญ่ทาการแลกเปลี่ยนข้อมูลเกี่ยวกับความสามารถในการเข้าถึงพื้นที่ที่เป็ น address ของพวก
ํ
เขาผ่าน Border Gateway Protocol (BGP) ทําให้เป็ นเส้นทางการส่ งที่ซ้ าซ้อนของตาข่ายทัวโลก
ํ
่
โทโพโลยีเครือข่ าย
โทโพโลยีเครื อข่ายเป็ นรู ปแบบหรื อลําดับชั้นของโหนดที่เชื่อมต่อกันของเครื อข่ายคอมพิวเตอร์
รู ปแบบสามัญ
รู ปแบบที่พบบ่อยคือ:
•

เครื อข่ายแบบบัส: ทุกโหนดจะถูกเชื่อมต่อกับสื่ อกลางไปตลอดทั้งตัวสื่ อนี้ รู ปแบบนี้ใช้ในต้นฉบับอี
เธอร์เน็ตที่เรี ยกว่า 10BASE5 และ 10Base2

•

เครื อข่ายรู ปดาว: ทุกโหนดจะเชื่อมต่อกับโหนดกลางพิเศษ รู ปแบบนี้พบโดยทัวไปใน LAN ไร้สายที่
่
ลูกค้าแต่ละรายเชื่อมต่อแบบไร้สายกับจุดการเข้าถึง (Wireless access point)

•

่
เครื อข่ายวงแหวน: แต่ละโหนดมีการเชื่อมต่อไปยังโหนดข้างเคียงด้านซ้ายและด้านขวา เพื่อที่วาทุก
โหนดมีการเชื่อมต่อและแต่ละโหนดสามารถเข้าถึงโหนดอื่น โดยเข้าหาทางโหนดด้านซ้ายหรื อ
โหนดด้านขวาก็ได้ ไฟเบอร์การเชื่อมต่อข้อมูลแบบกระจาย (Fiber Distributed Data Interface หรื อ
FDDI) ใช้โทโพโลยีแบบนี้

•

่
เครื อข่ายตาข่าย: แต่ละโหนดจะเชื่อมต่อกับโหนดอื่นๆได้เกือบทั้งหมดในลักษณะที่มีอยูอย่างน้อย
หนึ่งเส้นทางไปยังโหนดใดๆ แต่อาจต้องผ่านโหนดอื่นไป

•

เครื อข่ายที่เชื่อมต่ออย่างเต็มที่: ในแต่ละโหนดจะเชื่อมต่อกับทุกโหนดอื่น ๆ ในเครื อข่าย
•

ต้นไม้: ในกรณี น้ ีโหนดทั้งหมดมีการจัดลําดับชั้น

โปรดสังเกตว่ารู ปแบบทางกายภาพของโหนดในเครื อข่ายอาจไม่จาเป็ นต้องสะท้อนให้เห็นถึง
ํ
โทโพโลยีเครื อข่าย ตัวอย่างเช่น, FDDI มีโทโพโลยีเครื อข่ายเป็ นวงแหวน (ที่จริ งสองวงหมุนสวนทางกัน)
่
แต่โครงสร้างทางกายภาพอาจเป็ นรู ปดาวเพราะทุกการเชื่อมต่อกับโหนดที่อยูใกล้เคียงจะถูกส่ งผ่านโหนดที่
่
อยูตรงกลาง
เครือข่ ายซ้ อนทับ
เครื อข่ายซ้อนทับเป็ นเครื อข่ายคอมพิวเตอร์เสมือนที่ถูกสร้างขึ้นทับบนเครื อข่ายอื่น โหนดใน
เครื อข่ายซ้อนทับจะถูกลิงค์เข้าด้วยกันแบบเสมือนหรื อแบบลอจิก ที่ซ่ ึงแต่ละลิงค์จะสอดคล้องกับเส้นทาง
ในเครื อข่ายหลักด้านล่าง ที่อาจจะผ่านการลิงค์ทางกายภาพหลายลิงค์ โทโพโลยีของเครื อข่ายซ้อนทับอาจ
(และมักจะ) แตกต่างจากของเครื อข่ายด้านล่าง. เช่น เครื อข่ายแบบ peer-to-peer หลายเครื อข่ายเป็ นเครื่ อข่าย
ซ้อนทับ พวกมันจะถูกจัดให้เป็ นโหนดของระบบเสมือนจริ งของลิงค์ที่ทางานบนอินเทอร์เน็ต อินเทอร์เน็ต
ํ
ถูกสร้างขึ้นครั้งแรกเป็ นภาพซ้อนทับบนเครื อข่ายโทรศัพท์.
ตัวอย่างที่โดดเด่นที่สุดของเครื อข่ายซ้อนทับคือระบบของ Internet เอง. ที่เลเยอร์เครื อข่ายแต่ละ
โหนดสามารถเข้าถึงโหนดอื่น ๆ โดยการเชื่อมต่อโดยตรงไปยัง IP address ที่ตองการ ทําให้เกิดการสร้าง
้
เครื อข่ายที่ถูกเชื่อมต่ออย่างเต็มที่ อย่างไรก็ตาม เครื อข่ายด้านล่างจะประกอบด้วยการเชื่อมต่อภายในเหมือน
ตาข่ายของเครื อข่ายย่อยที่มี topologies (และเทคโนโลยี)ที่แตกต่างกัน การจําแนก address และการเราต์ติงค์
เป็ นวิธีที่ใช้ในการทํา mapping ของเครื อข่ายซ้อนทับ(แบบ IP ที่ถูกเชื่อมต่ออย่างเต็มที่)ข้างบนกับเครื อข่ายที่
่ ้
อยูขางล่าง
เครื อข่ายซ้อนทับเกิดขึ้นตั้งแต่มีการสร้างเครื อข่ายเมื่อระบบคอมพิวเตอร์ถูกเชื่อมต่อผ่าน
สายโทรศัพท์โดยใช้โมเด็ม และเกิดขึ้นก่อนที่จะมีเครื อข่ายข้อมูลเสี ยอีก
อีกตัวอย่างของเครื อข่ายซ้อนทับก็คือตารางแฮชกระจายซึ่ง map คีย(์ keys)ไปยังโหนดในเครื อข่าย ใน
กรณี น้ ีเครื อข่ายข้างใต้เป็ นเครื อข่าย IP และเครื อข่ายทับซ้อนเป็ นตาราง (ที่จริ งเป็ นแผนที่) ที่ถูกทําดัชนีโดย
คีย ์
เครื อข่ายซ้อนทับยังได้รับการเสนอให้เป็ นวิธีการปรับปรุ งการเราต์ติงค์ในอินเทอร์เน็ต เช่นการเราต์
โดยการรับประกันคุณภาพการให้บริ การเพื่อให้ได้สื่อกลางสตรี มมิ่งที่มีคุณภาพสูง ข้อเสนอก่อนหน้านี้เช่น
IntServ, DiffServ และ IP Multicast ไม่ได้เห็นการยอมรับอย่างกว้างขวางเพราะข้อเสนอเหล่านี้จาเป็ นต้องมี
ํ
การปรับเปลี่ยนของเราต์เตอร์ท้ งหมดในเครื อข่าย. ในขณะที่เครื อข่ายทับซ้อนถูกนําไปใช้งานเพิ่มขึ้นบน
ั
end-hosts ที่ run ซอฟแวร์โปรโตคอลทับซ้อนโดยไม่ตองรับความร่ วมมือจากผูให้บริ การ
้
้
อินเทอร์เน็ต เครื อข่ายซ้อนทับไม่มีการควบคุมวิธีการที่แพ็คเก็ตจะถูกเราต์ในเครื อข่ายข้างล่างระหว่างสอง
ตัวอย่างเช่น Akamai เทคโนโลยีทาการบริ หารจัดการเครื อข่ายซ้อนทับที่ดาเนินการจัดส่ งเนื้อหาอย่าง
ํ
ํ
มีประสิ ทธิภาพและน่าเชื่อถือ (ชนิดหนึ่งของ multicast). งานวิจยที่เป็ นวิชาการรวมถึงการ multicast ระบบ
ั
่
ปลาย, การเราต์ติงค์ที่มีความยืดหยุนและการศึกษาเรื่ อง'คุณภาพของบริ การ'(quality of service), ระหว่าง
เครื อข่ายซ้อนทับอื่น ๆ
อ้างอิง http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B9%80%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%B7%E0%B8%AD
%E0%B8%82%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%84%E0%B8%AD%E0%B8%A1%E0%B8%
9E%E0%B8%B4%E0%B8%A7%E0%B9%80%E0%B8%95%E0%B8%AD%E0%B8%A3%E0%B9%8C

More Related Content

What's hot

การสื่อสารข้อมูล
การสื่อสารข้อมูลการสื่อสารข้อมูล
การสื่อสารข้อมูลsawalee kongyuen
 
ระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์
ระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์
ระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์Benjamas58
 
เครือข่ายคอมพิวเตอร์ 27
เครือข่ายคอมพิวเตอร์ 27เครือข่ายคอมพิวเตอร์ 27
เครือข่ายคอมพิวเตอร์ 27sawalee kongyuen
 
หน้าปก
หน้าปกหน้าปก
หน้าปกmanit2617
 
บทที่6 การออกแบบระบบเครือข่าย
บทที่6 การออกแบบระบบเครือข่ายบทที่6 การออกแบบระบบเครือข่าย
บทที่6 การออกแบบระบบเครือข่ายTum WinNing
 
ระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์
ระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์
ระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ARAM Narapol
 
แบบฝึกหัดบทที่ 4
แบบฝึกหัดบทที่ 4แบบฝึกหัดบทที่ 4
แบบฝึกหัดบทที่ 4Chutikan Mint
 
สื่อการเรียน เรื่อง ชนิดของเครือข่ายคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยี
สื่อการเรียน  เรื่อง ชนิดของเครือข่ายคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีสื่อการเรียน  เรื่อง ชนิดของเครือข่ายคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยี
สื่อการเรียน เรื่อง ชนิดของเครือข่ายคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีKhunakon Thanatee
 
รายงาน 4 2
รายงาน 4 2รายงาน 4 2
รายงาน 4 2Varid Tunyamat
 
สื่อการเรียน เรื่อง ตัวกลางของการสื่อสารในเครือข่ายคอมพิวเตอร์
สื่อการเรียน เรื่อง ตัวกลางของการสื่อสารในเครือข่ายคอมพิวเตอร์สื่อการเรียน เรื่อง ตัวกลางของการสื่อสารในเครือข่ายคอมพิวเตอร์
สื่อการเรียน เรื่อง ตัวกลางของการสื่อสารในเครือข่ายคอมพิวเตอร์Khunakon Thanatee
 
ระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์
ระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์
ระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์Wanphen Wirojcharoenwong
 
สื่อการเรียน เรื่อง พัฒนาการของการติดต่อสื่อสาร
สื่อการเรียน เรื่อง พัฒนาการของการติดต่อสื่อสารสื่อการเรียน เรื่อง พัฒนาการของการติดต่อสื่อสาร
สื่อการเรียน เรื่อง พัฒนาการของการติดต่อสื่อสารKhunakon Thanatee
 
เครือข่ายคอมพิวเตอร์
เครือข่ายคอมพิวเตอร์เครือข่ายคอมพิวเตอร์
เครือข่ายคอมพิวเตอร์KachonsakBunchuai41
 

What's hot (19)

การสื่อสารข้อมูล
การสื่อสารข้อมูลการสื่อสารข้อมูล
การสื่อสารข้อมูล
 
รายงานเครือข่ายคอมพิวเตอร์
รายงานเครือข่ายคอมพิวเตอร์รายงานเครือข่ายคอมพิวเตอร์
รายงานเครือข่ายคอมพิวเตอร์
 
เครือข่ายคอมพิวเตอร์45
เครือข่ายคอมพิวเตอร์45เครือข่ายคอมพิวเตอร์45
เครือข่ายคอมพิวเตอร์45
 
ระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์
ระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์
ระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์
 
Network
NetworkNetwork
Network
 
เครือข่ายคอมพิวเตอร์ 27
เครือข่ายคอมพิวเตอร์ 27เครือข่ายคอมพิวเตอร์ 27
เครือข่ายคอมพิวเตอร์ 27
 
Media
MediaMedia
Media
 
หน้าปก
หน้าปกหน้าปก
หน้าปก
 
บทที่6 การออกแบบระบบเครือข่าย
บทที่6 การออกแบบระบบเครือข่ายบทที่6 การออกแบบระบบเครือข่าย
บทที่6 การออกแบบระบบเครือข่าย
 
ระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์
ระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์
ระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์
 
แบบฝึกหัดบทที่ 4
แบบฝึกหัดบทที่ 4แบบฝึกหัดบทที่ 4
แบบฝึกหัดบทที่ 4
 
สื่อการเรียน เรื่อง ชนิดของเครือข่ายคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยี
สื่อการเรียน  เรื่อง ชนิดของเครือข่ายคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีสื่อการเรียน  เรื่อง ชนิดของเครือข่ายคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยี
สื่อการเรียน เรื่อง ชนิดของเครือข่ายคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยี
 
รายงาน 4 2
รายงาน 4 2รายงาน 4 2
รายงาน 4 2
 
สื่อการเรียน เรื่อง ตัวกลางของการสื่อสารในเครือข่ายคอมพิวเตอร์
สื่อการเรียน เรื่อง ตัวกลางของการสื่อสารในเครือข่ายคอมพิวเตอร์สื่อการเรียน เรื่อง ตัวกลางของการสื่อสารในเครือข่ายคอมพิวเตอร์
สื่อการเรียน เรื่อง ตัวกลางของการสื่อสารในเครือข่ายคอมพิวเตอร์
 
รายงาน (1) (2)
รายงาน (1) (2)รายงาน (1) (2)
รายงาน (1) (2)
 
ระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์
ระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์
ระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์
 
สื่อการเรียน เรื่อง พัฒนาการของการติดต่อสื่อสาร
สื่อการเรียน เรื่อง พัฒนาการของการติดต่อสื่อสารสื่อการเรียน เรื่อง พัฒนาการของการติดต่อสื่อสาร
สื่อการเรียน เรื่อง พัฒนาการของการติดต่อสื่อสาร
 
Datacom
DatacomDatacom
Datacom
 
เครือข่ายคอมพิวเตอร์
เครือข่ายคอมพิวเตอร์เครือข่ายคอมพิวเตอร์
เครือข่ายคอมพิวเตอร์
 

Similar to เครือข่ายคอมพิวเตอร์ (1)

เครือข่ายคอมพิวเตอร์
เครือข่ายคอมพิวเตอร์เครือข่ายคอมพิวเตอร์
เครือข่ายคอมพิวเตอร์Buzzer'Clup Her-Alone
 
2.2 เครือข่ายคอมพิวเตอร์
2.2 เครือข่ายคอมพิวเตอร์2.2 เครือข่ายคอมพิวเตอร์
2.2 เครือข่ายคอมพิวเตอร์Meaw Sukee
 
ใบความรู้ที่ 1
ใบความรู้ที่ 1ใบความรู้ที่ 1
ใบความรู้ที่ 1Nattapon
 
เทอม 1 คาบ 9 สื่อกลางในการสื่อสาร
เทอม 1 คาบ 9 สื่อกลางในการสื่อสารเทอม 1 คาบ 9 สื่อกลางในการสื่อสาร
เทอม 1 คาบ 9 สื่อกลางในการสื่อสารMrpopovic Popovic
 
ระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์
ระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์
ระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์เบญจมาศ คงดี
 
หน่วยที่ 8 การสื่อสารข้อมูลและเครือข่ายคอมพิวเตอร์
หน่วยที่ 8 การสื่อสารข้อมูลและเครือข่ายคอมพิวเตอร์หน่วยที่ 8 การสื่อสารข้อมูลและเครือข่ายคอมพิวเตอร์
หน่วยที่ 8 การสื่อสารข้อมูลและเครือข่ายคอมพิวเตอร์jzturbo
 
ใบความรุ้ 2 เรื่อง เครือข่ายคอมพิวเตอร์
ใบความรุ้ 2 เรื่อง เครือข่ายคอมพิวเตอร์ใบความรุ้ 2 เรื่อง เครือข่ายคอมพิวเตอร์
ใบความรุ้ 2 เรื่อง เครือข่ายคอมพิวเตอร์jansaowapa
 
การสื่อสารและเครือข่ายคอมพิวเตอร์
การสื่อสารและเครือข่ายคอมพิวเตอร์การสื่อสารและเครือข่ายคอมพิวเตอร์
การสื่อสารและเครือข่ายคอมพิวเตอร์ดุลยวัต วิไลพันธุ์
 
ใบงานหน่วยที่ 2 ทิศทางการส่งและชนิดของสัญญาณข้อมูล
ใบงานหน่วยที่ 2 ทิศทางการส่งและชนิดของสัญญาณข้อมูลใบงานหน่วยที่ 2 ทิศทางการส่งและชนิดของสัญญาณข้อมูล
ใบงานหน่วยที่ 2 ทิศทางการส่งและชนิดของสัญญาณข้อมูลwatnawong
 
เทอม 1 คาบ 8 ตัวกลางในการสื่อสาร
เทอม 1 คาบ 8 ตัวกลางในการสื่อสารเทอม 1 คาบ 8 ตัวกลางในการสื่อสาร
เทอม 1 คาบ 8 ตัวกลางในการสื่อสารMrpopovic Popovic
 
เครือข่ายคอมพิวเตอร์.
เครือข่ายคอมพิวเตอร์.เครือข่ายคอมพิวเตอร์.
เครือข่ายคอมพิวเตอร์.Kanokwan Kanjana
 
2.3 เทคโนโลยีการรับส่งข้อมูลในเครือข่ายคอมพิวเตอร์
2.3 เทคโนโลยีการรับส่งข้อมูลในเครือข่ายคอมพิวเตอร์2.3 เทคโนโลยีการรับส่งข้อมูลในเครือข่ายคอมพิวเตอร์
2.3 เทคโนโลยีการรับส่งข้อมูลในเครือข่ายคอมพิวเตอร์Meaw Sukee
 
Internet1
Internet1Internet1
Internet1mod2may
 
การสื่อสารและระบบเครือข่าย (Communication and Network)
การสื่อสารและระบบเครือข่าย (Communication and Network)การสื่อสารและระบบเครือข่าย (Communication and Network)
การสื่อสารและระบบเครือข่าย (Communication and Network)supatra2011
 
เทอม 1 คาบ 10 เครือข่ายคอมพิวเตอร์
เทอม 1 คาบ 10 เครือข่ายคอมพิวเตอร์เทอม 1 คาบ 10 เครือข่ายคอมพิวเตอร์
เทอม 1 คาบ 10 เครือข่ายคอมพิวเตอร์Mrpopovic Popovic
 

Similar to เครือข่ายคอมพิวเตอร์ (1) (20)

เครือข่ายคอมพิวเตอร์
เครือข่ายคอมพิวเตอร์เครือข่ายคอมพิวเตอร์
เครือข่ายคอมพิวเตอร์
 
2.2 เครือข่ายคอมพิวเตอร์
2.2 เครือข่ายคอมพิวเตอร์2.2 เครือข่ายคอมพิวเตอร์
2.2 เครือข่ายคอมพิวเตอร์
 
ใบความรู้ที่ 1
ใบความรู้ที่ 1ใบความรู้ที่ 1
ใบความรู้ที่ 1
 
รายงาน การสื่อสารข้อมูล
รายงาน การสื่อสารข้อมูลรายงาน การสื่อสารข้อมูล
รายงาน การสื่อสารข้อมูล
 
Network System
Network SystemNetwork System
Network System
 
เทอม 1 คาบ 9 สื่อกลางในการสื่อสาร
เทอม 1 คาบ 9 สื่อกลางในการสื่อสารเทอม 1 คาบ 9 สื่อกลางในการสื่อสาร
เทอม 1 คาบ 9 สื่อกลางในการสื่อสาร
 
ระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์
ระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์
ระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์
 
เครือข่ายคอมพิวเตอร์
เครือข่ายคอมพิวเตอร์เครือข่ายคอมพิวเตอร์
เครือข่ายคอมพิวเตอร์
 
Learning network
Learning networkLearning network
Learning network
 
หน่วยที่ 8 การสื่อสารข้อมูลและเครือข่ายคอมพิวเตอร์
หน่วยที่ 8 การสื่อสารข้อมูลและเครือข่ายคอมพิวเตอร์หน่วยที่ 8 การสื่อสารข้อมูลและเครือข่ายคอมพิวเตอร์
หน่วยที่ 8 การสื่อสารข้อมูลและเครือข่ายคอมพิวเตอร์
 
ใบความรุ้ 2 เรื่อง เครือข่ายคอมพิวเตอร์
ใบความรุ้ 2 เรื่อง เครือข่ายคอมพิวเตอร์ใบความรุ้ 2 เรื่อง เครือข่ายคอมพิวเตอร์
ใบความรุ้ 2 เรื่อง เครือข่ายคอมพิวเตอร์
 
การสื่อสารและเครือข่ายคอมพิวเตอร์
การสื่อสารและเครือข่ายคอมพิวเตอร์การสื่อสารและเครือข่ายคอมพิวเตอร์
การสื่อสารและเครือข่ายคอมพิวเตอร์
 
ใบงานหน่วยที่ 2 ทิศทางการส่งและชนิดของสัญญาณข้อมูล
ใบงานหน่วยที่ 2 ทิศทางการส่งและชนิดของสัญญาณข้อมูลใบงานหน่วยที่ 2 ทิศทางการส่งและชนิดของสัญญาณข้อมูล
ใบงานหน่วยที่ 2 ทิศทางการส่งและชนิดของสัญญาณข้อมูล
 
เทอม 1 คาบ 8 ตัวกลางในการสื่อสาร
เทอม 1 คาบ 8 ตัวกลางในการสื่อสารเทอม 1 คาบ 8 ตัวกลางในการสื่อสาร
เทอม 1 คาบ 8 ตัวกลางในการสื่อสาร
 
เครือข่ายคอมพิวเตอร์.
เครือข่ายคอมพิวเตอร์.เครือข่ายคอมพิวเตอร์.
เครือข่ายคอมพิวเตอร์.
 
2.3 เทคโนโลยีการรับส่งข้อมูลในเครือข่ายคอมพิวเตอร์
2.3 เทคโนโลยีการรับส่งข้อมูลในเครือข่ายคอมพิวเตอร์2.3 เทคโนโลยีการรับส่งข้อมูลในเครือข่ายคอมพิวเตอร์
2.3 เทคโนโลยีการรับส่งข้อมูลในเครือข่ายคอมพิวเตอร์
 
Internet1
Internet1Internet1
Internet1
 
การสื่อสารและระบบเครือข่าย (Communication and Network)
การสื่อสารและระบบเครือข่าย (Communication and Network)การสื่อสารและระบบเครือข่าย (Communication and Network)
การสื่อสารและระบบเครือข่าย (Communication and Network)
 
Communication Concept 3
Communication Concept 3Communication Concept 3
Communication Concept 3
 
เทอม 1 คาบ 10 เครือข่ายคอมพิวเตอร์
เทอม 1 คาบ 10 เครือข่ายคอมพิวเตอร์เทอม 1 คาบ 10 เครือข่ายคอมพิวเตอร์
เทอม 1 คาบ 10 เครือข่ายคอมพิวเตอร์
 

More from Onanong Phetsawat (9)

Phatcharida5 3 23
Phatcharida5 3 23Phatcharida5 3 23
Phatcharida5 3 23
 
Onanong5 2 19
Onanong5 2 19Onanong5 2 19
Onanong5 2 19
 
งานจ ม
งานจ  มงานจ  ม
งานจ ม
 
Onanong5 2 19
Onanong5 2 19Onanong5 2 19
Onanong5 2 19
 
Onanong5 2 19
Onanong5 2 19Onanong5 2 19
Onanong5 2 19
 
งานใหม่1
งานใหม่1งานใหม่1
งานใหม่1
 
Mxcc
MxccMxcc
Mxcc
 
สังคมออนไ..ศศิ
สังคมออนไ..ศศิสังคมออนไ..ศศิ
สังคมออนไ..ศศิ
 
รายงาน1
รายงาน1รายงาน1
รายงาน1
 

เครือข่ายคอมพิวเตอร์ (1)

  • 1. รายงาน เรื่ อง เครื อข่ายคอมพิวเตอร์ จัดทําโดย น.ส. อรอนงค์ เพชรสวัสดิ์ เลขที่ 22 ชั้นมัธยมศึกษาปี ที่ 4/2 เสนอ อาจารย์จุฑารัตน์ ใจบุญ โรงเรี ยนรัษฎานุประดิษฐ์อนุสรณ์ สํานักงานเขตพื้นที่การศึกษา ตรัง เขต 13
  • 2. คํานํา รายงานเล่มนี้เป็ นส่ วนหนึ่งของรายวิชาคอมพิวเตอร์ระดับชั้นม.4ซึ่งได้ชดทําในเรื่ องการใช้เครื อข่าย ั คอมพิวเตอร์เนื้อหาเกี่ยวกับการใช้เชื่อมโยงอุปกรณ์ หรื อ การสนทนา อุปกรณ์เครื อข่าย รายงานเล่มนี้จดทํา ั ั ้ ขึ้นเพื่อให้ความรู ้แก่ผอ่าน และ ใช้เป็ นสื่ อการเรี ยนการสอนให้กบผูอ่านหวังว่ารายงานเล่มนี้คงให้ประโยชน์ ู้ กับผูอ่านไม่มากก็นอย หากรายงานเล่มนี้มีขอผิดพลาดประการใดต้องขออภัยไว้ ณ ที่น้ ีดวย ้ ้ ้ ้ จัดทําโดย น.ส. อรอนงค์ เพชรสวัสดิ์
  • 3. สารบัญ เรื่อง หน้ า เครื อข่ายคอมพิวเตอร์ 1 การเชื่อมโยงเครื อข่าย 2 เทคโนโลยีไร้สาย 3 ชนิดของเครื อข่าย 4 โพรโทคอลการสื่ อสาร 4 อีเทอร์เน็ต 5 ขอบเขตของเครื อข่าย 5  
  • 4. เครือข่ ายคอมพิวเตอร์ เครื อข่ายคอมพิวเตอร์ หรื อ คอมพิวเตอร์เน็ตเวิร์ก (อังกฤษ: computer network; ศัพท์บญญัติ ั ว่า ข่ ายงานคอมพิวเตอร์ ) คือเครื อข่ายการสื่ อสารโทรคมนาคมระหว่างคอมพิวเตอร์จานวนตั้งแต่สองเครื่ อง ํ ขึ้นไปสามารถแลกเปลี่ยนข้อมูลกันได้ การเชื่อมต่อระหว่างอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ต่างๆในเครื อข่าย (โหนด เครื อข่าย) จะใช้สื่อที่เป็ นสายเคเบิลหรื อสื่ อไร้สาย เครื อข่ายคอมพิวเตอร์ที่รู้จกกันดีคือ อินเทอร์เน็ต ั การที่ระบบเครื อข่ายมีบทบาทสําคัญมากขึ้นในปัจจุบน เพราะมีการใช้งานคอมพิวเตอร์อย่าง ั แพร่ หลาย จึงเกิดความต้องการที่จะเชื่อมต่อคอมพิวเตอร์เหล่านั้นถึงกัน เพื่อเพิ่มความสามารถของระบบให้ สู งขึ้น และลดต้นทุนของระบบโดยรวมลง การโอนย้ายข้อมูลระหว่างกันในเครื อข่าย ทําให้ระบบมีขีดความสามารถเพิ่มมากขึ้น การแบ่งการใช้ ทรัพยากร เช่น หน่วยประมวลผล, หน่วยความจํา, หน่วยจัดเก็บข้อมูล, โปรแกรมคอมพิวเตอร์ และอุปกรณ์ ต่าง ๆ ที่มีราคาแพงและไม่สามารถจัดหามาให้ทุกคนได้ เช่น เครื่ องพิมพ์ เครื่ องกราดภาพ (scanner) ทําให้ ลดต้นทุนของระบบลงได้ อุปกรณ์เครื อข่ายที่สร้างข้อมูล, ส่ งมาตามเส้นทางและบรรจบข้อมูลจะเรี ยกว่าโหนดเครื อข่าย. โหนด ประกอบด้วยโฮสต์เช่นเซิร์ฟเวอร์, คอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลและฮาร์ดแวร์ของระบบเครื อข่าย อุปกรณ์สองตัว ็ จะกล่าวว่าเป็ นเครื อข่ายได้กต่อเมื่อกระบวนการในเครื่ องหนึ่งสามารถที่จะแลกเปลี่ยนข้อมูลกับ กระบวนการในอีกอุปกรณ์หนึ่งได้ เครื อข่ายจะสนับสนุนแอปพลิเคชันเช่นการเข้าถึงเวิลด์ไวด์เว็บ, การใช้งานร่ วมกันของแอปพลิเคชัน, การใช้เซิร์ฟเวอร์สาหรับเก็บข้อมูลร่ วมกัน, การใช้เครื่ องพิมพ์และเครื่ องแฟ็ กซ์ร่วมกันและการใช้อีเมลและ ํ โปรแกรมส่ งข้อความโต้ตอบแบบทันทีร่วมกัน      
  • 5. การเชื่อมโยงเครือข่ าย ค สื อกลางการสื่ อสารที่ใช้ในการเชื่อมโยง ปกรณ์เพื่อสร้างเป็ นเครื อ ายคอมพิวเเตอร์ประกอบ วยสาย งอุ ส อข่ บด้ เคเบิลไฟ า (HomePN สายไฟฟ้ าสื่ อสาร, G.h ใยแก้วนําแสง และคลื่นวิทยุ (เครื อ ายไร้สาย) ในโมเดล ฟฟ้ NA, ฟ้ hn), ลื อข่ ใ ่ OSI สื่ อเหล่านี้จะถูกกําหนดให้อยูใ ในเลเยอร์ที่ 1 และที่ 2 หรื อชั้นกายภาพและชั้นเชื่อมโยงข้อมูล อ ครอบครัวของ ่ อการสื่ อสา ่ถูกพัฒนา างกว้างขว งสื ารที าอย่ วางและถูกนํา ในเทคโ ามาใช้ โนโลยีเครื อข่าย ข ท้องถิ่น ( (LAN) เรี ยกวา อีเธอร์เน็ต มาตรฐานขอ ่ อกลางแล ว่ องสื ละของโพรโท ทคอลที่ช่วยใน ่ อสารร าง นการสื ระหว่ อุปกรณ์ใ อข่ายอีเธอร์เน็ตถูกกําหนดโดยมา ในเครื าตรฐาน IEEE 802. อีเธอร์เน็ตในโลกไซเบอร์มีท้ ง E ร์ ั เทคโนโล ของ LAN แบบใช้สายแ ลยี และแบบไร้สาย อุปกรณ์ของ LAN แบบ สายจะส่ ง ญญาณผ่านสื่ อกลาง อ บใช้ งสั น ที่เป็ นสายเคเบิล อุปกรณ์ LAN ไร้ส คลื่นวิท หรื อสัญญาณอินฟราเรด นสื่ อกลางในการส่ งผ่าน สายใช้ ทยุ ดเป็ า สํญญาณ ณ เทคโนโลยีแบบใช้สาย ล เทคโนโลยีแบบใช้สายต่อไปนี้เรี ยงลําดับตามความเร็วจากช้าไปเร็ วอย่างหยาบๆ ท ๆ สายคู่บิด นสื่ อที่ใช้กนอย่างแพร่ ห ่สุดสําหรับการสื่ อสารโทรคมนา ้ งหมด ส ่บิดประก วย ดเป็ กั หลายที ส าคมทั สายคู กอบด้ กลุ่มของ งสายทองแดง มฉนวนที่มีการบิดเป็ นคู่ๆ สายโทรศัพท์ธรรมดาที่ใช้ภายในบ้านทัวไปประก วย งหุ ้ มี ั ที กอบด้ ่ สายทองแดงหุมฉนวน ยงสองสา ดเป็ นคู่ ส ้ นเพี ายบิ สายเคเบิลเครื อข่ายคอมพิวเเตอร์ (แบบใช้สายอีเธอร์เน็ตตามที่ อ ช้ กําหนดโ โดยมาตรฐาน IEEE 802.3) จะเป็ นสายคู่บิดจํานวน 4 คู่สายทองแด ่สามารถใ สาหรับการ งทั้ง น ) คู ดงที ใช้ ํ รส่ เสี ยงและ อมูล การใชสายไฟสองเส้นบิดเป็ นเก ยวจะช่วยล crosstalk แ ะข้ ช้ กลี ลด และการเหนี่ย าแม่เหล็กไฟฟ้ า ยวนํ ่น ระหว่างส สายภายในเคเบิลชุดเดียวกัน ความเร็ วในการส่ งอยูในช่วง 2 ล้านบิตต่อวินาทีถึง 10 พันล้านบิตต่อ กั บิ ถึ น วินาที สา ่บิดมาในส ปแบบคือคู่บิดไม่มีตวนําป้ องกัน(การรบกวนจากการเหนี่ยว าแม่เหล็กไฟฟ้ า ายคู สองรู คื ้ ( วนํ ไ ภายนอก (unshielded twisted pair หรื อ UTP) แ ่บิดมีตวนําป้ องกัน (s ก) d r และคู ว ั shielded twistted pair หรื อ STP) แต่ ละรู ปแบ บบออกแบบม มาหลายอัตราค ความเร็วในก งานในส การใช้ สถานการณ์ต่างกัน ต่      
  • 6. สายโคแอคเชีย กใช้อย่างแพร่ หลายสําหรับระบบเค ลทีว,ี ในอาคารสํานักงา ส ยลถู คเบิ านและสถานท่ทางาน ที ํ อื่นๆ ในเครื อข่ายท้อง ่น สายโคแอ งถิ อคประกอบด้วยลวดทองแ ด้ แดงหรื ออะลูมิเนียมเส้นเดี่ยวที่ลอมรอบ วยชั้น มิ ้ บด้ ฉนวน (โ โดยปกติจะเป็ นวัสดุที่มีคว ดหยุนกับ เล็กทริ กคงที่สูง) และ อมรอบทั้ง ป็ วามยื ่ บไดอิ ก ะล้ งหมดด้วยตัวนําอีก น ชั้นหนึ่งเเพื่อป้ องกันการเหนี่ยวนําแ เหล็กไฟฟ้ า แม่ าจากภายนอก ฉนวนไดอิเลกทริ กจะช่ว ก ล็ วยลดสัญญาณ ณรบกวน ่ และความ ดเพี้ยน คว วในการ งข้อมูลอยูใ วง 200 ล้านบิตต่อวินา จนถึงมากก า 500 ล้านบิตต่อ มผิ วามเร็ รส่ ในช่ าที กว่ น วินาที ่ 'I ITU-T G.hn เป็ นเทคโนโลยีที่ใช้สายไฟที่มีอยูในบ้าน (สายโคแอค, สายโทรศัพท์และสายไฟฟ้ า) ป็ ี ค ฟ เพื่อสร้าง อข่ายท้องถิ่นความเร็ ว ง (ถึง 1 Gb งเครื วสู b/s) ใย วนําแสง เป็ นแก้วไฟเบ จะใช้พล ของแสงใน งข้อมูล ข้อดีบางประการของเส้นใยแสง ยแก้ บอร์ ลส์ ั นการส่ น ที่เหนือก าสายโลหะก็คือมีการสูญ ยในการส่ อยและมีอิิสรภาพจากค ่นแม่เหล็กไ าและมีความเร็ ว กว่ ญเสี สงน้ อ คลื ไฟฟ้ ในการส่ งรวดเร็ วมากถึงล้านล้านบิตต่อวินาที เร บิ ราสามารถใช้ความยาวคลื่น ่แตกต่างขอ ค นที องแสงที่จะเพิ่ม พิ จํานวนข อความที่ถูกส่ งผ่านสา ของข้ ที ายเคเบิลใยแก้วนําแสงพร้อมกันในเส้นเดียวกัน ก้ อ ่ ใยแก้วนํา หรื อ ออ กไฟเบอร หรื อ ไฟเบอ ออปติก เป็ นแก้วหรื อพล กคุณภา ง ยืดหยุนโค้งงอ าแสง อปติ ร์ อร์ ลาสติ าพสู น ได้ เส้นผาศูนย์กลางเพียง 8-10 ไมค [1] (10 ไ ผ่ พี ครอน ไมครอน = 10 ในล้านส่ วน 0 นของเมตร =10x10^-6=0.0 00001 เมตร = 0 มม.) เล็ก าเส้นผมที่มีขนาด 40-1 ไมครอน,, กระดาษ 100 ไมครอน[2] ใยแก้วนําแส า 0.01 กกว่ ที 120 0 สงทํ หน้าที่เป็ วกลางใน งแสงจากด้านหนึ่งไปอีกด้านหนึ่ง ด้วยความเร็ วเกือบเท่าแส เมื่อนํามาใ ในการ ปนตั นการส่ ร็ สง ใช้ สื่ อสารโทรคมนาคม ทําให้สามารถ ง-รับข้อมูล เร็ วมาก ได้ระยะทางได้เกิน 100 กม ถส่ ลได้ ไ ม.ในหนึ่งช่วง และ
  • 7. เทคโนโลยีไร้ สาย 'ไมโครเวฟบนผิวโลก - การสื่ อสารไมโครเวฟบนผิวโลกจะใช้เครื่ องส่ งและเครื่ องรับสัญญาณจาก ่ สถานีบนผิวโลกที่มีลกษณะคล้ายจานดาวเทียม ไมโครเวฟภาคพื้นดินอยูในช่วงกิกะเฮิรตซ์ที่ต่า ซึ่งจํากัดการ ั ํ สื่ อสารทั้งหมดด้วยเส้นสายตาเท่านั้น สถานีทวนสัญญาณมีระยะห่างประมาณ 48 กิโลเมตร (30 ไมล์) ดาวเทียมสื่ อสาร - การสื่ อสารดาวเทียมผ่านทางคลื่นวิทยุไมโครเวฟที่ไม่ได้เบี่ยงเบนโดยชั้น ่ บรรยากาศของโลก ดาวเทียมจะถูกส่ งไปประจําการในอวกาศ ที่มกจะอยูในวงโคจร geosynchronous ที่ ั 35,400 กิโลเมตร (22,000 ไมล์) เหนือเส้นศูนย์สูตร ระบบการโคจรของโลกนี้มีความสามารถในการรับและ ถ่ายทอดสัญญาณเสี ยง, ข้อมูลและทีวี ระบบเซลลูลาร์ และ PCS ใช้เทคโนโลยีการสื่ อสารวิทยุหลายเทคโนโลยี ระบบแบ่งภูมิภาคที่ ครอบคลุมออกเป็ นพื้นที่ทางภูมิศาสตร์หลายพื้นที่ แต่ละพื้นที่มีเครื่ องส่ งหรื ออุปกรณ์เสาอากาศถ่ายทอด สัญญาณวิทยุพลังงานตํ่าเพือถ่ายทอดสัญญาณเรี ยกจากพื้นที่หนึ่งไปยังอีกพื้นที่หนึ่งข้างหน้า ่ เทคโนโลยีวทยุและการแพร่ กระจายสเปกตรัม - เครื อข่ายท้องถิ่นไร้สายจะใช้เทคโนโลยีวิทยุความถี่ ิ สู งคล้ายกับโทรศัพท์มือถือดิจิทลและเทคโนโลยีวิทยุความถี่ต่า. LAN ไร้สายใช้เทคโนโลยีการแพร่ กระจาย ั ํ คลื่นความถี่เพือการสื่ อสารระหว่างอุปกรณ์หลายชนิดในพื้นที่จากัด. IEEE 802.11 กําหนดคุณสมบัติทวไป ่ ํ ั่ ของเทคโนโลยีคลื่นวิทยุไร้สายมาตรฐานเปิ ดที่รู้จกกันคือ Wifi ั การสื่ อสารอินฟราเรด สามารถส่ งสัญญาณระยะทางสั้นๆมักไม่เกิน 10 เมตร ในหลายกรณี ส่วนใหญ่ การส่ งแสงจะใช้แบบเส้นสายตา ซึ่งจํากัดตําแหน่งการติดตั้งของอุปกรณ์การสื่ อสาร เครือข่ ายทัวโลก (global area network หรื อ GAN) เป็ นเครื อข่ายที่ใช้สาหรับการสนับสนุนการใช้งาน ่ ํ มือถือข้ามหลายๆ LAN ไร้สาย หรื อในพื้นที่ที่ดาวเทียมครอบคลุมถึง ฯลฯ ความท้าทายที่สาคัญในการ ํ สื่ อสารเคลื่อนที่คือการส่ งมอบการสื่ อสารของผูใช้จากพื้นที่หนึ่งไปอีกพื้นที่หนึ่ง ใน IEEE 802 การส่ งมอบ ้ นี้เกี่ยวข้องกับความต่อเนื่องของ LAN ไร้สายบนผิวโลก .
  • 8. ชนิดของเครือข่ าย ระบบเครื อข่ายจะถูกแบ่งออกตามขนาดของเครื อข่าย ซึ่งปัจจุบนเครื อข่ายที่รู้จกกันดีมีอยู่ 6 แบบ ั ั ได้แก่ เครื อข่ายภายใน หรื อ แลน (Local Area Network: LAN) เป็ นเครื อข่ายที่ใช้ในการ เชื่อมโยงกันใน ่ พื้นที่ใกล้เคียงกัน เช่นอยูในห้อง หรื อภายในอาคารเดียวกัน • เครื อข่ายวงกว้าง หรื อ แวน (Wide Area Network: WAN) เป็ นเครื อข่ายที่ใช้ในการ เชื่อมโยงกัน ใน ระยะทางที่ห่างไกล อาจจะเป็ น กิโลเมตร หรื อ หลาย ๆ กิโลเมตร • เครื อข่ายงานบริ เวณนครหลวง หรื อ แมน (Metropolitan area network : MAN) • เครื อข่ายของการติดต่อระหว่างไมโครคอนโทรลเลอร์ หรื อ แคน (Controller area network) : CAN) เป็ นเครื อข่ายที่ใช้ติดต่อกันระหว่างไมโครคอนโทรลเลอร์ (Micro Controller unit: MCU) • เครื อข่ายส่ วนบุคคล หรื อ แพน (Personal area network) : PAN) เป็ นเครื อข่ายระหว่างอุปกรณ์ เคลื่อนที่ส่วนบุคคล เช่น โน้ตบุก มือถือ อาจมีสายหรื อไร้สายก็ได้ ๊ • เครื อข่ายข้อมูล หรื อ แซน (Storage area network) : SAN) เป็ นเครื อข่าย (หรื อเครื อข่ายย่อย) ความเร็ ว สู งวัตถุประสงค์เฉพาะที่เชื่อมต่อภายในกับอุปกรณ์จดเก็บข้อมูลชนิดต่างกันด้วยแม่ข่ายข้อมูล ั ั สัมพันธ์กนบนคัวแทนเครื อข่ายขนาดใหญ่ของผูใช้ ้ อุปกรเครื อข่าย • • • • • ่ เซิร์ฟเวอร์ (Server) หรื อเรี ยกอีกอย่างหนึ่งว่า เครื่ องแม่ขาย เป็ นเครื่ องคอมพิวเตอร์หลักในเครื อข่าย ที่ทาหน้าที่จดเก็บและให้บริ การไฟล์ขอมูลและทรัพยากรอื่นๆ กับคอมพิวเตอร์เครื่ องอื่น ๆ ใน ํ ั ้ เครื อข่าย โดยปกติคอมพิวเตอร์ที่นามาใช้เป็ นเซิร์ฟเวอร์มกจะเป็ นเครื่ องที่มีสมรรถนะสูง และมี ํ ั ฮาร์ดดิสก์ความจําสู งกว่าคอมพิวเตอร์เครื่ องอื่น ๆ ในเครื อข่าย ไคลเอนต์ (Client) หรื อเรี ยกอีกอย่างหนึ่งว่า เครื่ องลูกข่าย เป็ นคอมพิวเตอร์ในเครื อข่ายที่ร้องขอ บริ การและเข้าถึงไฟล์ขอมูลที่จดเก็บในเซิร์ฟเวอร์ หรื อพูดง่าย ๆ ก็คือ ไคลเอนต์ เป็ นคอมพิวเตอร์ ้ ั ของผูใช้แต่ละคนในระบบเครื อข่าย ้ ฮับ (HUB) หรื อ เรี ยก รี พีตเตอร์ (Repeater) คืออุปกรณ์ที่ใช้เชื่อมต่อกลุ่มคอมพิวเตอร์ ฮับ มีหน้าที่ รับส่ งเฟรมข้อมูลทุกเฟรมที่ได้รับจากพอร์ตใดพอร์ตหนึ่ง ไปยังพอร์ตที่เหลือ คอมพิวเตอร์ที่เชื่อมต่อ เข้ากับฮับจะแชร์แบนด์วิธหรื ออัตราข้อมูลของเครื อข่าย เพราะฉะนั้นถ้ามีคอมพิวเตอร์เชื่อมต่อมาก จะทําให้อตราการส่ งข้อมูลลดลง ั เนทเวิร์ค สวิตช์ (Switch) คืออุปกรณ์เครื อข่ายที่ทาหน้าที่ในเลเยอร์ที่ 2 และทําหน้าที่ส่งข้อมูลที่ได้ ํ รับมาจากพอร์ตหนึ่งไปยังพอร์ตเฉพาะที่เป็ นปลายทางเท่านั้น และทําให้คอมพิวเตอร์ที่เชื่อมต่อกับ
  • 9. • • เร เตอร์ (Rou ราต์ uter)เป็ นอุปร ที่ทาหน้าที่ในเลเยอร์ที่ 3 เราท์เตอร์จะอ่านที่อยู่ (A รณ์ ํ Address) ของสถานี ปลายทางที่ส่ว ว (Heade ข้อแพ็กเก็ต อมูล เพื่อที่จะกําหนดแล งแพ็กเก็ต อไป เราท์เตอร์จะมี ป วนหั er) ตข้ ละส่ ตต่ เ ตัวจัดเส้นทางใ กเก็ต เรี ยกว่า เราติ้งเเทเบิ้ล (Routiing Table) หรื อตารางจัดเส้นทางนอกจา ้ ยง ั ในแพ็ รี รื ส้ ากนี ั ส่ งข้อมูลไปยัง อข่ายที่ใหโพรโทคอล างกันได้ เช่ IP (Interne Protocol) , IPX (Interne งเครื ห้ ลต่ ชน et et Package Exch P hange) และ A AppleTalk นอ อกจากนี้ยงเชื่อมต่อกับเครื อ ายอื่นได้ เชน เครื อข่าย ั อ อข่ ช่ อิินเทอร์เน็ต บริ บ ดจ์ (Bridge เป็ นอุปกรณที่มกจะใช้ใน e) ณ์ ั นการเชื่อมต่อวงแลน (LAN Segments) เข้าด้วยกัน ทําให้ อ N ) ท สามารถขยายข ส ขอบเขตของ L ออกไป เรื่ อยๆ โดยที่ประสิ ทธิภ LAN ปได้ ภาพรวมของร ไม่ลดล ระบบ ลงมาก ่ นเซกเมนต์เดียวกันจะไม่ถกส่งผ่าน ไปร นัก เนื่องจากก ดต่อของ ่ องที่อยูใน การติ งเครื ย ู รบกวนการจร ราจรของ เซ ซกเมนต์อื่น แ ่องจากบ ดจ์เป็ นอุปกรณ์ที่ทางาน ในระดับ Data Link La จึงทําให้สามารถ และเนื บริ ํ นอยู่ ayer ้ ใชในการเชื่อม อเครื อข่ายท่แตกต่างกัน ช้ มต่ ที นในระดับ Phy และ Data Link ได้ เเช่น ระหว่าง Eternet ysical กับ Token Rin เป็ นต้น ng บริ บ ดจ์ มักจะถูก ในการเชื่อมเครื อข่ายยอย ๆ ในองค์กรเข้าด้วยกัน นเครื อข่า กใช้ ชื ย่ ค์ นเป็ ายใหญ่ เพียงเครื อข่าย ค เดียว เพื่อ เครื อข่ายย่อยๆ เหล่านั้นสามารถติด อกับเครื อข่ายย่อยอื่นๆ ไ อให้ ดต่ ได้ เก (Gatew เป็ นอุปก ฮาร์ดแวร์ที่เชื่อมต่อเครืื อข่ายต่างปร กตเวย์ way) กรณ์ ร์ ระเภทเข้าด้วย น เช่น การ เกต ยกั รใช้ เว ในการเชื่อม อเครื อข่าย ที่เป็ นคอมพิวเตอร์ประเภ ซี (PC) เขากับคอมพิว ประเภท วย์ มต่ พิ ภทพี ข้ วเตอร์ ทแมคอิน ทอช ท (MAC) เป็ นต้น โพรโทคอลการสื่ อสาร คือชุดของ ร งกฎหรื อข้อกําหนดต่างๆสาหรับการแล ่ยนข้อมูลในเครื อข่าย ใน สํ ลกเปลี า • โพรโทค คอลสแต็ค (ระ บชั้นของโ ะดั โพรโทคอล ดูแบบจําลองโ โอเอสไอ) แต่ละโพรโทคอ อลยกระดับกา าร ่ ชั ให้บริ การของโพรโทตคลที่อยูในช้ นล่าง ตัวอย่างที่สาคัญใน ํ นโพรโทคอลส คได้แก่ H ที่ทางานบน สแต็ HTTP ํ er กํ E P คอลอิ น TCP ove IP ผ่านข้อกาหนด IEEE 802.11 (TCP และ IP ที่เป็ นสมาชิกของชุดโปรโตค นเทอร์เน็ต. IEEE 80 เป็ นสมา กของชุดอีเเธอร์เน็ตโพร 02.11 าชิ รโทคอล.) สแ คนี้จะถูกใช้ระหว่างเราต์เตอร์ไร้สายกบ แต็ ช้ ต์ กั คอมพิวเตอร์ส่วนบุคค คลของผูใช้ตา านเมื่อผูใ จะท่องเว็บ ้ ามบ้ ใช้ ้ ั โพรโทคอลกา ่ อสารมีลก ารสื กษณะต่างๆกัน ซึ่งอาจจะเชื่อมต่อแบบ connection ห อ connectio ั ชื หรื onless, หรื ออาจจะใช้ circuit mode หรื อแพกเกตสวิตชิ หรื ออาจใชการ address ตามลําดับ ้ นหรื อแบบ flat พ็ ชง, ช้ sing บชั บ มีโพรโทคอลการสื่ อสารมากมาย บางส่ วนได้อธิบายไว้ดานล่างนี้ ก า ไ ้
  • 10. อีเธอร์ เน็ต ่ อีเธอร์เน็ตเป็ นครอบครัวของโพรโทคอลที่ใช้ในระบบ LAN, ตามที่อธิบายอยูในชุดของมาตรฐานที่ เรี ยกว่า IEEE 802 เผยแพร่ โดยสถาบันวิศวกรไฟฟ้ าและอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งมีวิธีการ addressing แบบ flat และจะดําเนินการส่ วนใหญ่ที่ระดับ 1 และ 2 ของแบบจําลอง OSI. สําหรับผูใช้ที่บานในวันนี้ สมาชิกส่ วน ้ ้ ใหญ่ของครอบครัวของโปรโตคอลที่รู้จกกันดีน้ ีคือ IEEE 802.11 หรื อที่เรี ยกว่า Wireless LAN (WLAN). ั IEEE 802 โพรโทคอลชุดสมบูรณ์จดให้มีความหลากหลายของความสามารถเครื อข่าย ตัวอย่างเช่น MAC ั bridging (IEEE 802.1D) ทํางานเกี่ยวกับการ forwarding ของแพ็กเกตอีเธอร์เน็ตโดยใช้โพรโทคอล Spanning tree, IEEE 802.1Q อธิบาย VLANs และ IEEE 802.1X กําหนดโพรโทคอลที่ใช้ควบคุมการเข้าถึง ็ั เครื อข่ายแบบพอร์ตซึ่งฟอร์มตัวเป็ นพื้นฐานสําหรับกลไกการตรวจสอบที่ใช้ใน VLANs (แต่กยงพบใน เครื อข่าย WLANs อีกด้วย) - มันเป็ นสิ่ งที่ผใช้ตามบ้านเห็นเมื่อผูใช้จะต้องใส่ "wireless access key". ู้ ้ Internet protocol suite อินเทอร์เน็ตโปรโตคอลสวืท, หรื อที่เรี ยกว่า TCP / IP, เป็ นรากฐานของระบบการเชื่อมโยงเครื อข่าย ที่ทนสมัย ทําให้มีการเชื่อมต่อแบบ connection-less เช่นเดียวกับ connection-oriented ผ่านเครื อข่ายที่ไม่ ั น่าเชื่อถือโดยการส่ งดาต้าแกรม(ข้อมูลที่ถูกแบ่งเป็ นชิ้นเล็กๆ)ที่เลเยอร์โปรโตคอลอินเทอร์เน็ต (IP) ที่ แกนกลางของมัน ชุดโพรโทคอลกําหนด address, การระบุตวตน, และคุณสมบัติของการเราต์ติงสําหรับ ั Internet Protocol Version 4 (IPv4) และ IPv6 ซึ่งรุ่ นต่อไปที่มีความสามารถในการขยายระบบ addressing อย่างมาก SONET/SDH Synchronous optical networking (SONET) และ Synchronous Digital Hierarchy (SDH) เป็ นโพรโท คอลมาตรฐานสําหรับการ multiplexing ที่ทาการถ่ายโอนกระแสบิตดิจิตอลที่หลากหลายผ่านใยแก้วนําแสง. ํ พวกมันแต่เดิมถูกออกแบบมาเพื่อการขนส่ งในการสื่ อสารแบบ circuit mode จากแหล่งที่มาที่หลากหลาย แตกต่างกัน, เบื้องต้นเพื่อสนับสนุนระบบเสี ยงที่เป็ น circuit-switched ที่เข้ารหัสในฟอร์แมท PCM (PulseCode Modulation) ที่เป็ นเรี ยลไทม์และ ถูกบีบอัด. อย่างไรก็ตามเนื่องจากความเป็ นกลางและคุณสมบัติที่ เป็ น transport-oriented, SONET/SDH ยังเป็ นตัวเลือกที่ชดเจนสําหรับการขนส่ งเฟรมของ Asynchronous ั Transfer Mode (ATM)
  • 11. ขอบเขตของเครือข่ าย เครื อข่ายโดยทัวไปถูกจัดการโดยองค์กรที่เป็ นเจ้าของ เครื อข่ายองค์กรเอกชนอาจจะใช้รวมกันทั้ง ่ อินทราเน็ตและเอ็กซ์ทราเน็ต และยังอาจจัดให้มีการเข้าถึงเครื อข่ายอินเทอร์เน็ตซึ่งไม่มีเจ้าของเดียวและให้ การเชื่อมต่อทัวโลกแทบไม่จากัด ํ ่ อินทราเน็ตและเอ็กซ์ ทราเน็ต อินทราเน็ตและเอ็กซ์ทราเน็ตเป็ นส่ วนหนึ่งหรื อส่ วนขยายของเครื อข่ายคอมพิวเตอร์ที่มกจะเป็ น ั LAN ่ อินทราเน็ต เป็ นชุดของเครื อข่ายที่อยูภายใต้การควบคุมของหน่วยการบริ หารเดียว อินทราเน็ตใช้ โปรโตคอล IP และเครื่ องมือที่เป็ น IP-based เช่นเว็บเบราเซอร์และโปรแกรมการถ่ายโอนไฟล์ หน่วยการ บริ หารจํากัดการใช้อินทราเน็ตเฉพาะผูได้รับอนุญาตเท่านั้น ส่ วนใหญ่แล้ว อินทราเน็ตจะเป็ นเครื อข่าย ้ ภายในองค์กร อินทราเน็ตขนาดใหญ่มกจะมีเว็บเซิร์ฟเวอร์อย่างน้อยหนึ่งตัวเพื่อให้ผใช้เข้าถึงข้อมูลของ ั ู้ องค์กรเอง เอ็กซ์ ทราเน็ต เป็ นเครื อข่ายที่ยงอยูภายใต้การควบคุมของผูดูแลระบบขององค์กรเดียว แต่สนับสนุน ั ่ ้ การเชื่อมต่อที่จากัดเฉพาะเครื อข่ายภายนอกที่เฉพาะเจาะจง ตัวอย่างเช่นองค์กรอาจจัดให้มีการเข้าถึงบาง ํ แง่มุมของอินทราเน็ตของบริ ษทเพื่อแชร์ขอมูลร่ วมกับคู่คาทางธุรกิจหรื อลูกค้า หน่วยงานอื่น ๆ เหล่านี้ไม่ ั ้ ้ จําเป็ นต้องได้รับความเชื่อถือจากมุมมองของการรักษาความปลอดภัย การเชื่อมต่อเครื อข่ายเอ็กซ์ทราเน็ต มักจะเป็ น, แต่ไม่เสมอไป, การดําเนินการผ่านทาง WAN เทคโนโลยี Internetwork ่ Internetwork คือการเชื่อมต่อของหลายเครื อข่ายคอมพิวเตอร์ผานทางเทคโนโลยีการกําหนดเส้นทาง ร่ วมกันโดยใช้เราต์เตอร์
  • 12. อินเทอร์ เน็ต อินเทอร์เน็ตเป็ นตัวอย่างที่ใหญ่ที่สุดของ Internetwork มันเป็ นระบบที่เชื่อมต่อกันทัวโลกของภาครัฐ ่ ่ ั , นักวิชาการ, องค์กรของรัฐและเอกชน, และเครื อข่ายคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล มันขึ้นอยูกบเทคโนโลยี ระบบเครื อข่ายของ Internet Protocol สวีท ซึ่งสื บทอดมาจากโครงการวิจยขั้นสู งของหน่วยงานเครื อข่าย ั (ARPANET) พัฒนาโดย DARPA ของกระทรวงกลาโหมสหรัฐอเมริ กา อินเทอร์เน็ตยังเป็ นแกนนําการ สื่ อสารพื้นฐานเวิลด์ไวด์เว็บ (WWW) ผูเ้ ข้าร่ วมใน Internet ใช้ความหลากหลายของวิธีการหลายร้อยโพรโทคอลที่ถูกทําเป็ นเอกสารและ ั เป็ นมาตรฐานไว้แล้ว โพรโทคอลดังกล่าวมักจะเข้ากันได้ดีกบ Internet Protocol Suite และระบบ addressing (ที่อยู่ IP) ที่ถูกบริ หารงานโดยหน่วยงานกําหนดหมายเลขอินเทอร์เน็ตและทะเบียน address. ผูให้บริ การและ ้ องค์กรขนาดใหญ่ทาการแลกเปลี่ยนข้อมูลเกี่ยวกับความสามารถในการเข้าถึงพื้นที่ที่เป็ น address ของพวก ํ เขาผ่าน Border Gateway Protocol (BGP) ทําให้เป็ นเส้นทางการส่ งที่ซ้ าซ้อนของตาข่ายทัวโลก ํ ่ โทโพโลยีเครือข่ าย โทโพโลยีเครื อข่ายเป็ นรู ปแบบหรื อลําดับชั้นของโหนดที่เชื่อมต่อกันของเครื อข่ายคอมพิวเตอร์ รู ปแบบสามัญ รู ปแบบที่พบบ่อยคือ: • เครื อข่ายแบบบัส: ทุกโหนดจะถูกเชื่อมต่อกับสื่ อกลางไปตลอดทั้งตัวสื่ อนี้ รู ปแบบนี้ใช้ในต้นฉบับอี เธอร์เน็ตที่เรี ยกว่า 10BASE5 และ 10Base2 • เครื อข่ายรู ปดาว: ทุกโหนดจะเชื่อมต่อกับโหนดกลางพิเศษ รู ปแบบนี้พบโดยทัวไปใน LAN ไร้สายที่ ่ ลูกค้าแต่ละรายเชื่อมต่อแบบไร้สายกับจุดการเข้าถึง (Wireless access point) • ่ เครื อข่ายวงแหวน: แต่ละโหนดมีการเชื่อมต่อไปยังโหนดข้างเคียงด้านซ้ายและด้านขวา เพื่อที่วาทุก โหนดมีการเชื่อมต่อและแต่ละโหนดสามารถเข้าถึงโหนดอื่น โดยเข้าหาทางโหนดด้านซ้ายหรื อ โหนดด้านขวาก็ได้ ไฟเบอร์การเชื่อมต่อข้อมูลแบบกระจาย (Fiber Distributed Data Interface หรื อ FDDI) ใช้โทโพโลยีแบบนี้ • ่ เครื อข่ายตาข่าย: แต่ละโหนดจะเชื่อมต่อกับโหนดอื่นๆได้เกือบทั้งหมดในลักษณะที่มีอยูอย่างน้อย หนึ่งเส้นทางไปยังโหนดใดๆ แต่อาจต้องผ่านโหนดอื่นไป • เครื อข่ายที่เชื่อมต่ออย่างเต็มที่: ในแต่ละโหนดจะเชื่อมต่อกับทุกโหนดอื่น ๆ ในเครื อข่าย
  • 13. • ต้นไม้: ในกรณี น้ ีโหนดทั้งหมดมีการจัดลําดับชั้น โปรดสังเกตว่ารู ปแบบทางกายภาพของโหนดในเครื อข่ายอาจไม่จาเป็ นต้องสะท้อนให้เห็นถึง ํ โทโพโลยีเครื อข่าย ตัวอย่างเช่น, FDDI มีโทโพโลยีเครื อข่ายเป็ นวงแหวน (ที่จริ งสองวงหมุนสวนทางกัน) ่ แต่โครงสร้างทางกายภาพอาจเป็ นรู ปดาวเพราะทุกการเชื่อมต่อกับโหนดที่อยูใกล้เคียงจะถูกส่ งผ่านโหนดที่ ่ อยูตรงกลาง เครือข่ ายซ้ อนทับ เครื อข่ายซ้อนทับเป็ นเครื อข่ายคอมพิวเตอร์เสมือนที่ถูกสร้างขึ้นทับบนเครื อข่ายอื่น โหนดใน เครื อข่ายซ้อนทับจะถูกลิงค์เข้าด้วยกันแบบเสมือนหรื อแบบลอจิก ที่ซ่ ึงแต่ละลิงค์จะสอดคล้องกับเส้นทาง ในเครื อข่ายหลักด้านล่าง ที่อาจจะผ่านการลิงค์ทางกายภาพหลายลิงค์ โทโพโลยีของเครื อข่ายซ้อนทับอาจ (และมักจะ) แตกต่างจากของเครื อข่ายด้านล่าง. เช่น เครื อข่ายแบบ peer-to-peer หลายเครื อข่ายเป็ นเครื่ อข่าย ซ้อนทับ พวกมันจะถูกจัดให้เป็ นโหนดของระบบเสมือนจริ งของลิงค์ที่ทางานบนอินเทอร์เน็ต อินเทอร์เน็ต ํ ถูกสร้างขึ้นครั้งแรกเป็ นภาพซ้อนทับบนเครื อข่ายโทรศัพท์. ตัวอย่างที่โดดเด่นที่สุดของเครื อข่ายซ้อนทับคือระบบของ Internet เอง. ที่เลเยอร์เครื อข่ายแต่ละ โหนดสามารถเข้าถึงโหนดอื่น ๆ โดยการเชื่อมต่อโดยตรงไปยัง IP address ที่ตองการ ทําให้เกิดการสร้าง ้ เครื อข่ายที่ถูกเชื่อมต่ออย่างเต็มที่ อย่างไรก็ตาม เครื อข่ายด้านล่างจะประกอบด้วยการเชื่อมต่อภายในเหมือน ตาข่ายของเครื อข่ายย่อยที่มี topologies (และเทคโนโลยี)ที่แตกต่างกัน การจําแนก address และการเราต์ติงค์ เป็ นวิธีที่ใช้ในการทํา mapping ของเครื อข่ายซ้อนทับ(แบบ IP ที่ถูกเชื่อมต่ออย่างเต็มที่)ข้างบนกับเครื อข่ายที่ ่ ้ อยูขางล่าง เครื อข่ายซ้อนทับเกิดขึ้นตั้งแต่มีการสร้างเครื อข่ายเมื่อระบบคอมพิวเตอร์ถูกเชื่อมต่อผ่าน สายโทรศัพท์โดยใช้โมเด็ม และเกิดขึ้นก่อนที่จะมีเครื อข่ายข้อมูลเสี ยอีก อีกตัวอย่างของเครื อข่ายซ้อนทับก็คือตารางแฮชกระจายซึ่ง map คีย(์ keys)ไปยังโหนดในเครื อข่าย ใน กรณี น้ ีเครื อข่ายข้างใต้เป็ นเครื อข่าย IP และเครื อข่ายทับซ้อนเป็ นตาราง (ที่จริ งเป็ นแผนที่) ที่ถูกทําดัชนีโดย คีย ์ เครื อข่ายซ้อนทับยังได้รับการเสนอให้เป็ นวิธีการปรับปรุ งการเราต์ติงค์ในอินเทอร์เน็ต เช่นการเราต์ โดยการรับประกันคุณภาพการให้บริ การเพื่อให้ได้สื่อกลางสตรี มมิ่งที่มีคุณภาพสูง ข้อเสนอก่อนหน้านี้เช่น IntServ, DiffServ และ IP Multicast ไม่ได้เห็นการยอมรับอย่างกว้างขวางเพราะข้อเสนอเหล่านี้จาเป็ นต้องมี ํ การปรับเปลี่ยนของเราต์เตอร์ท้ งหมดในเครื อข่าย. ในขณะที่เครื อข่ายทับซ้อนถูกนําไปใช้งานเพิ่มขึ้นบน ั end-hosts ที่ run ซอฟแวร์โปรโตคอลทับซ้อนโดยไม่ตองรับความร่ วมมือจากผูให้บริ การ ้ ้ อินเทอร์เน็ต เครื อข่ายซ้อนทับไม่มีการควบคุมวิธีการที่แพ็คเก็ตจะถูกเราต์ในเครื อข่ายข้างล่างระหว่างสอง
  • 14. ตัวอย่างเช่น Akamai เทคโนโลยีทาการบริ หารจัดการเครื อข่ายซ้อนทับที่ดาเนินการจัดส่ งเนื้อหาอย่าง ํ ํ มีประสิ ทธิภาพและน่าเชื่อถือ (ชนิดหนึ่งของ multicast). งานวิจยที่เป็ นวิชาการรวมถึงการ multicast ระบบ ั ่ ปลาย, การเราต์ติงค์ที่มีความยืดหยุนและการศึกษาเรื่ อง'คุณภาพของบริ การ'(quality of service), ระหว่าง เครื อข่ายซ้อนทับอื่น ๆ