More Related Content
More from Mookda Phiansoongnern
More from Mookda Phiansoongnern (14)
jjjjjjj
- 6. 5. ผนังเซลล์ (cell wall) ประกอบไปด้วยสารเพปทิโดไกลแคน
(peptidoglycan) ไม่มี
6. เซลลูโลส
7. ไม่มีการแบ่งเซลล์ที่มีการแบ่งนิวเคลียสแบบไมโอซิส (meiosis)
8. ไม่มีไซโทสเกเลตัน (cytoskeleton)
9. โครโมโซมมีลักษณะเป็นวง (Circular DNA) โดยไม่มีโปรตีนฮิสโตน
ลักษณะสาคัญของสิ่งมีชีวิตในอาณาจักรมอเนอรา
- 7. โครงสร้างของแบคทีเรีย
1. เป็นสิ่งมีชีวิตเซลล์เดียวที่มีขนาดเล็กประมาณ 1- 5 ไมโครเมตร
โครงสร้างเซลล์แบบโพรคาริโอต (prokaryotic cell) มีผนังเซลล์เป็น
สารประกอบเพปทิโดไกลแคน
2. ภายในเซลล์ไม่มีเยื่อหุ้มสารพันธุกรรมและโครงสร้างอื่นหลายชนิด เช่น
ร่างแหเอนโดพลาสซึม กอลจิคอมเพลกซ์ ไลโซโซม คลอโรพลาสต์ มีเฉพาะ
ออร์แกเนลล์ที่ไม่มีเยื่อหุ้ม คือ ไรโบโซม
3. แบคทีเรียที่พบส่วนใหญ่ เซลล์เดียวหรืออาจอยู่รวมกันเป็นกลุ่มหรือเป็น
สาย
- 8. สิ่งมีชีวิตในอาณาจักรมอเนอรา
ได้แก่ แบคทีเรีย(Bacteria)
ลักษณะรูปร่าง มี 3 ลักษณะคือ
1. รูปร่างกลม เรียกว่า coccus (coccus = เอกพจน์ cocci = พหูพจน์)
แบคทีเรียที่มีรูปร่างทรงกลม มีการเรียงตัวหลายแบบ
- เซลล์ทรงกลม 2 เซลล์เรียงต่อกันเรียก diplococci
- เซลล์หลายเซลล์เรียงต่อกันเป็นลูกโซ่เรียก streptococci
- เซลล์หลายเซลล์เรียงกันเป็นกลุ่มก้อนคล้ายพวงองุ่น เรียก
staphylococci
- เซลล์ 8 เซลล์ เรียงเป็นลูกบาศก์เรียก sarcina
- 10. 2. รูปร่างแบบแท่งยาว เรียกว่า bacillus (bacillus = เอกพจน์
bacilliพหูพจน์) ไม่ค่อยมีแบบแผนการเรียงตัวที่เด่นชัดเท่าทรงกลม แต่
อาจมีการเรียงตัวของเซลล์เนื่องมาจากระยะการเจริญเติบโตหรือขึ้นกับ
สภาพของการเพาะเลี้ยงในอาหาร
3. รูปร่างเกลียว เรียกว่า spirillum (spirillum = เอกพจน์
spirillum = พหูพจน์) มักอยู่เป็นเซลล์เดี่ยว ๆ แต่ละชนิดมีความ
แตกต่างกันทั้งทางด้านความยาว จานวนเกลียว ความโค้ง
- 13. โครงสร้างของแบคทีเรียที่แตกต่างจากเซลล์อื่น ๆ
1. แบคทีเรียมี ribosome ชนิด 70 s และสารพันธุกรรมเป็น DNA โดย (single circular DNA)
2. ผนังเซลล์ (cell wall) ทาหน้าที่คงรูปร่างของเซลล์ ป้ องกันเซลล์แตกประกอบด้วย
peptidoglycan ซึ่งประกอบด้วยน้าตาล 2 ชนิด คือ N-actyl glucosamine (NAG) และN-acytyl
muramic acid (NAM) และ มี amino acid หลายชนิด และ lipoprotein lipopolysac teichoic
acid
3. Capsule เป็นส่วนที่อยู่นอกผนังเซลล์ สามารถทนต่อสภาพแวดล้อมที่ไม่เหมาะสม และทนต่อ
การทาลายของเม็ดเลือดขาว พบแคปซูลในแบคทีเรียบางชนิดเท่านั้น แบคทีเรียที่มีแคปซูลมักก่อ
โรครุนแรง
4. pilil มีลักษณะเป็นขนคล้ายแฟลกเจลลา แต่มีขนาดเล็ก มีลักษณเป็นท่อกลวง ไม่มีหน้าที่ในการ
เคลื่อนที่แต่ช่วยให้เกาะยึดติดกับผิววัสดุ และ Sex pilli ช่วยในการถ่ายทอด DNA ใน Conjugation
- 14. 6. Flagella เป็นโครงสร้างใช้ในการเคลื่อนที่ แบคทีเรียส่วนใหญ่เป็นพวกที่เคลื่อนที่ได้ แฟลกเจล
ลาประกอบด้วยเส้นใยเส้นเดี่ยว ๆ ซึ่งต่างจากแฟลกเจลลาของสิ่งมีชีวิตอื่น ๆ แบคทีเรียอาจมีแฟล
มีแฟลกเจลลา 1 เส้นจนถึงหลายร้อยเส้น และอยู่ได้หลายตาแหน่ง ส่วนของแฟลกเจลลา
ประกอบด้วย 3 ส่วน คือ basal body , hook และ filament
7. Plasmid เป็น DNA ที่อยู่นอกโครโมโซมของแบคทีเรีย ลักษณะของพลาสมิดเป็น DNA วง
แหวน และเป็นเกลียวคู่ สามารถจาลองตัวเองได้และสามารถถ่ายทอดไปยังแบคทีเรียอื่น ๆ ได้
ได้พลาสมิดมีหลายชนิด บางชนิดควบคุมการสืบพันธุ์แบบมีเพศของเซลล์ บางชนิดควบคุมการดื้อ
การดื้อต่อยาปฏิชีวนะต่าง
8. endospore เป็นโครงสร้างที่พบในแบคทีเรียบางชนิด เป็นโครงสร้างที่ทาให้แบคทีเรียมีความ
ทนทานต่อสภาพแวดล้อมที่ไม่เหมาะสมได้เอนโดสปอร์เกิดขึ้นภายในเซลล์และสร้างได้ 1 สปอร์
สปอร์ต่อ 1 เซลล์จะไม่ถือว่าเป็นการสืบพันธุ์ แต่ถือว่าเป็นการดารงชีพ
- 16. 2. Transformation คือ การถ่ายทอด DNA ตัวเปล่า (naked DNA) หรือ DNA อิสระ
จากแบคทีเรียเซลล์หนึ่งไปยังอีกเซลล์หนึ่ง
- 17. 3. Transduction คือ การถ่ายทอดยีนจากแบคทีเรียเซลล์หนึ่งไปยังอีกเซลล์หนึ่งโดย
อาศัยไวรัสหรือ Bacteriophage
- 20. 3. การติดสีของผนังเซลล์ [ Gram stain ] แบ่งเป็น
3.1 Gram positive เป็นพวกที่ติดสีย้อมคริสตัลไวโอเลต
3.2 Gram negative เป็นพวกที่ติดสีย้อมซาฟานิน
- 23. 1. อาณาจักรย่อยอาร์เคียแบคทีเรีย (Subkingdom Archaebacteria)
เป็นแบคทีเรียที่ผนังเซลล์ไม่มีสารเพปทิโดไกลแคน สามารถดารงชีวิต
ในสภาพแวดล้อมที่สิ่งมีชีวิตกลุ่มอื่นอาจไม่สามารถดารงอยู่ได้เช่น ในแหล่ง
น้าพุร้อน ทะเลที่มีน้าเค็มจัด ในบริเวณที่มีความเป็นกรดสูงและบริเวณทะเล
ลึกเป็นต้น
แบ่งได้ออกเป็ น 2 กลุ่ม คือ
1.1 กลุ่มยูริอาร์เคียโอตา ซึ่งสร้างมีเทนและชอบความเค็มจัด
1.2 กลุ่มครีนาร์เคียโอตา ซึ่งชอบอุณหภูมิสูงและกรดจัด
- 30. 2.4 แบคทีเรียแกรมบวก (Gram-Positive Bacteria)
เป็นยูแบคทีเรียที่พบแพร่กระจายทั่วไปในดิน อากาศ บางสปีชีส์
สามารถผลิตกรดแลกติกได้ เช่น Lactobacillus sp. จึงนามาใช้ใน
อุตสาหกรรมอาหารหลายชนิด เช่น การทาเนย ผักดอง และโยเกิร์ต เป็นต้น
เป็นต้น บางสปีชีส์ เช่น Streptomyces sp. ใช้ยาทาปฏิชีวนะ เช่น
ยาสเตร็บ โตมัยซิน ยาเตตราไซคลิน เป็นต้น ยูแบคทีเรียกลุ่มนี้บางสปีชีส์
- 32. 2.5 ไซยาโนแบคทีเรีย (Cyanobacteria)
เป็นยูแบคทีเรียที่สามารถสังเคราะห์ด้วยแสงได้ มีสารสีเช่น
คลอโรฟิลล์เอ แคโรทีนอยด์ และโฟโคบิลินอยู่ภายในถุงแบนๆที่มีเยื่อหุ้ม
เซลล์ พบแพร่กระจายในสภาพแวดล้อมที่หลากหลายทั้งในแหล่งน้าจืด
น้าเค็ม บางสปีชีส์พบในบ่อน้าพุร้อน และภายใต้น้าแข็งของมหาสมุทร เป็น
เป็นต้น จากหลักฐานซากดึกดาบรรพ์ทาให้นักวิทยาศาสตร์คาดคะเนได้ว่าไซ
ว่าไซยาโนแบคทีเรียทาให้ออกซิเจนในบรรยากาศเพิ่มขึ้น มากขึ้นในโลกยุค
ยุคนั้นและก่อให้เกิดวิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิตที่หายใจโดยใช้ออกซิเจนใน
ในปัจจุบัน
- 39. 3. การทดสอบคุณภาพน้า
4. ทางด้านการแพทย์ เช่นการผลิตยาปฏิชีวนะ
5. ใช้ในเทคโนโลยีชีวภาพ โดยใช้เทคนิคทางพันธุวิศวกรรมสร้างแบคทีเรียที่มีลักษณะ
ต่าง ๆ
6. ช่วยย่อยสลายซากสิ่งมีชีวิตให้เป็นอาหารของพืช
ยาปฏิชีวนะเพนนิซิลลิน