SlideShare a Scribd company logo
1 of 28
 การเลือกที่ดิน
สับปะรดเป็นพืชดอน ที่ชอบที่ลาดเทมากว่า 1% เช่น ที่ลาดเชิงเขา หรือเนินเขา ขึ้นได้ใน
ดินแทบทุกชนิด แต่ชอบดินร่วน ดินร่วนปนทราย ดินปน ลูกรัง (กรวด) ไม่ชอบดินเนื้ อละเอียด เช่น
ดินเหนียว หรือค่อนข้างเหนียว ต้องเป็นดินที่ระบายน้าได้ดีไม่มีน้าขัง หรือฉ่าน้าตลอดเวลา ปลูกได้
เช่นกันแต่ต้องยกร่องเพื่อป้ องกันน้าท่วมหรือน้าขัง
ดินควรเป็นกรดปานกลางถึงเป็นกรดมาก ความเป็นกรด-ด่าง ควรอยู่ระหว่าง 4.5 – 6 ถ้า
PH สูงกว่า 6 จะมีผลให้เป็นโรคง่ายขึ้น และผลผลิตจะลดลง ความอุดมสมบูรณ์ของดิน ไม่จาเป็นต้อง
สมบูรณ์มากนักและอินทรีย์วัตถุในดินไม่ควรสูงเกินควรจะอยู่ระหว่างร้อยละ 1 – 3 (1-3%) เพราะ
ถ้าดินสมบูรณ์ที่มีอินทรีย์วัตถุค่อนข้างสูง (เกินร้อยละ 3) จะมีผลทาให้การกาจัดวัชพืชยากและมี
ปัญหาเกี่ยวกับโรคมากขึ้น
ดินในตาบลนางแล ด้านทิศตะวันตก ซึ่งปลูกสับปะรดพันธุ์นางแลมาก และได้ผลผลิต
คุณภาพดี สภาพพื้นที่ ลาดเชิงเขา หรือเนินเขาเตี้ยมีการระบายน้าดีเป็นดินร่วนปนทราบ อยู่ในชุดดิน
หนองมด (Nong Mot) PH 5-6.5
การปลูกสับปะรดพันธุ์นางแลสับปะรดพันธุ์ภููแล
 การเตรียมดิน
เนื่องจากสับปะรดเป็นพืชที่มีอายุค่อนข้างยาว คือ ประมาณ 3-6 ปี มีระบบรากไม่
สามารถสู้กับรากของวัชพืชได้ โดยเฉพาะรากของหญ้าค้างปีต่าง ๆ เช่น หญ้าคา หญ้าแห้วหนู
เป็นต้น ดังนั้นการเตรียมดินจึงต้องพิถีพิถัน ถ้าเตรียมดินไม่ดีโดยเฉพาะการกาจัดวัชพืชค้างปีจะ
เป็นการเพิ่มต้นทุนในการผลิต
การปลูกสับปะรดพันธุ์นางแลสับปะรดพันธุ์ภููแล
 ขั้นตอนในการเตรียมดิน
1. การเคลียร์พื้นที่ จัดการขุดตอและต้นไม้ออกให้หมด ถ้ามีจอมปลวกให้ขุดฐานปลวก
ลึกลงไปไม่น้อยกว่า 50 ซม. แล้วกระจายดินจอมปลวกให้เป็นบริเวณกว้าง แล้วจึง
ดันดินส่วนอื่นมากลบจนเสมอ
2. การปรับพื้นที่ จัดการปรับพื้นที่ ให้ผิวเรียบทั้งแปลง ตามสภาพที่ดินเดิม
3. การไถ
 ไถดะ ใช้รถแทรกเตอร์ติดผาน 3 หรือ 4 ไถให้ลึก 25 – 30 ซม.เพื่อพลิก
หน้าดินตากดินไว้ไม่ต่ากว่า 15 วัน เพื่อให้ราก-ลาต้นใต้ดินของวัชพืชตาย
 ไถพรวน ใช้รถแทรกเตอร์ติดผาน 7 ไถพรวน 1 ครั้ง เพื่อย่อยดินและปรับ
หน้าดินให้สม่าเสมอ
4. เก็บวัชพืช หลังจากไถพรวนปรับหน้าดินให้สม่าเสมอ ใช้แรงคนเก็บเศษวัชพืชต่าง ๆ
ออกให้หมด และปรับบริเวณที่ไม่เรียบให้เรียบสม่าเสมอกัน
การปลูกสับปะรดพันธุ์นางแลสับปะรดพันธุ์ภููแล
 การเตรียมพันธุ์
เกษตรกรส่วนใหญ่ จะไม่ให้ความสนใจคิดว่าไม่ค่อยสาคัญ แต่แท้ที่จริงแล้วการเตรียม
พันธุ์ปลูกที่ถูกต้อง จะช่วยให้ได้ผลสับปะรดมีขนาดใหญ่ สม่าเสมอกันและสามารถกาหนดให้ออก
ผลได้แน่นอน ซึ่งส่งผลให้ได้ราคาดี เป็นการลงทุนที่ให้ผลกาไรสูง
การปลูกสับปะรดพันธุ์นางแลสับปะรดพันธุ์ภููแล
 หน่อพันธุ์สับปะรด แยกออกได้ดังนี้
1. จุกพันธุ์ (Crow) คือ ส่วนที่ติดอยู่บนผลของสับปะรด จุกจะเริ่มเติบโตขนาดใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ
เมื่อสับปะรดเริ่มออกดอก สับปะรดนางแลเกษตรกรจะหักจุกทิ้งตั้งแต่เริ่ม
ออกดอกได้ ประมาณ 2 ใน 3 ของดอก เกษตรกรจะไม่นาไปใช้ปลูก
เพราะต้องเสียเวลา ในการชาและเลี้ยงไว้ให้ต้นโตก่อน
2. หน่อพันธุ์ (Sacker) เกษตรกรนิยมใช้ปลูกมากกว่าจุก เพราะหน่อมีคุณสมบัติดี
- ทนโรคไส้เน่า
- ให้ผลเร็ว
การปลูกสับปะรดพันธุ์นางแลสับปะรดพันธุ์ภููแล
3. หน่อข้าง หรือตะเกียง คือ หน่อที่เกิดจากตาข้างต้น สับปะรดนางแลจะมีหน่อข้างอยู่ ระหว่าง
1–6 หน่อ ขึ้ นอยู่กับความอุดมสมบูรณ์ของต้นเฉลี่ย จะมีหน่อข้าง
ประมาณ 2 หน่อ/ต้น
4. หน่อแทงดิน คือ หน่อดิน หรือหน่องา หน่อที่แทงขึ้นมาจากใต้ดินติดกับต้นแม่
5. หน่อชา คือ หน่อที่เกิดจากต้นสับปะรดที่รื้อทิ้ ง เมื่อนาไปกองทิ้ งไว้ จะเกิดหน่อ
ขึ้นมาตามตาที่ติดกับต้น ขนาดหน่อเล็กไม่สมบูรณ์ ไม่แนะนา ให้เอามา
ปลูกเพราะหน่อขนาดเล็กไม่สมบูรณ์ และเป็นแหล่งสะสมเชื่อโรค
การปลูกสับปะรดพันธุ์นางแลสับปะรดพันธุ์ภููแล
 การเลือกหน่อปลูก
ควรเลือกหน่อข้างหรือหน่อตะเกียง ที่มีขนาดน้าหนักสม่าเสมอกัน มีความของหน่อ
ประมาณ 30 – 40 ซม.) โคนต้นพันธุ์เป็นหลัก คัดแยกขนาดออกเป็น 3 ขนาด ใหญ่ – กลาง –
เล็ก หรือคัดแยก 2 ขนาด ใหญ่ – เล็ก แล้วแต่ขนาดของหน่อที่มีอยู่
 การจุ่มสารเคมีก่อนนาไปปลูก
การจุ่มสารเคมีก่อนนาพันธุ์ไปปลูก เพื่อช่วยฆ่าเพลี้ยแป้ งที่ติดมากับพันธุ์และป้ องกัน
กาจัดโรคไส้เน่า (Heart rot) โดยการผสมพร้อมกับยาฆ่าแมลง + สารเคมีกันโรครา + สารจับใบ
ตามอัตราที่กาหนดใช้พันธุ์ที่เตรียมไว้นาไปจุ่มให้มิดทั้งต้น แล้วยกทิ้งให้สะเด็ดน้า
การปลูกสับปะรดพันธุ์นางแลสับปะรดพันธุ์ภููแล
 ฤดูปลูก
สับปะรดนางแล ปลูกได้ทุกฤดู โดยปรกติสับปะรดตั้งแต่ปลูกถึงเก็บเกี่ยวได้ อายุ
ประมาณ 18- 24 เดือน เกษตรกรต้องพิจารณาว่าเมื่อปลูกแล้วจะให้สับปะรดออกในช่วงไหน
แต่ถ้าปลูกแล้วสามารถบังคับให้ออกผลเก็บเกี่ยวได้ในเดือนเมษายน ก่อนที่สับปะรดนางแลจะ
ออกตามฤดูกาลและหลังจากสับปะรดนางแลที่ออกตามฤดูกาลหมด คือ เดือนตุลาคม –
มกราคม ก็จะทาให้เกษตรกรจาหน่ายได้ราคาดี
การปลูกสับปะรดพันธุ์นางแลสับปะรดพันธุ์ภููแล
การปลูกเพื่อต้องการบังคับให้สับปะรดออกก่อนฤดูกาล ต้องกาหนดช่วงระยะเวลาปลูกดังนี้
 ขนาดหน่อ 30 – 40 ซม.
 ปลูกเดือนมิถุนายน – สิงหาคม ขนาดหน่อยมีความยาวตั้งแต่ 30 – 40 ซม
 บังคับให้ออกผลเดือนตุลาคม (อายุ 16 เดือน)
 เก็บเกี่ยวได้ในเดือน เมษายน (อายุ 23 เดือน) จะได้ขนาดผลเฉลี่ยน้าหนักต่อผล 1.2 – 1.5
กก. ถ้าไม่บังคับให้ออกเดือนเมษายน ปล่อยให้ออกตามฤดูกาล จะได้สับปะรดที่มีขนาดผล
ใหญ่และน้าหนักดี
การปลูกสับปะรดพันธุ์นางแลสับปะรดพันธุ์ภููแล
 วิธีปลูก
เกษตรกรที่ปลูกสับปะรดนางแลในเขตตาบลนางแล จะไม่มีการเตรียมดินและยกร่อย
เพียงแต่ปรับดินให้เรียบเสมอกัน ใช้เชือกขึงให้เป็นแถว ขุดหลุมปลูก โดยขุดหลุมลึกประมาณ 1
หน้าจอม ( 15 ซม.) เอาหน่อที่เตรียมไว้ปลูกในหลุม การวางหน่อจะตั้งตรงหรือเอียงประมาณ
45 องศา อย่างใดอย่างหนึ่งก็ได้ แล้วกลบกดดินบริเวณโคนต้นให้แน่น
 ข้อควรระวัง
 อย่าให้ดินกลบยอด หรือดินเข้าไปในยอดจะทาให้ยอดเน่า
 ก่อนปลูกให้ดึงเอาใบล่างสุดออก 2 – 3 ใบ เพื่อให้รากเจริญเติบโตได้เร็วขึ้น
การปลูกสับปะรดพันธุ์นางแลสับปะรดพันธุ์ภููแล
 ระยะปลูก
ระยะปลูกของสับปะรดนางแล ค่อนข้างจะห่างกว่าสับปะรดพันธุ์อื่น ซึ่งโดยปรกติแล้ว
สับปะรดนางแลจะมีขนาดผลเล็ก เกษตรกรจึงต้องปลูกห่าง เพื่อจะได้ทรงพุ่มใหญ่และมีขนาดผลโต
ตามด้วย
1. แถวเดียว ระหว่างต้น 40 ซม ระหว่างแถว 100 ซม. จานวนต้นต่อไร่ 4,000 – 4,500 ต้น
ข้อดี สะดวกในการปฏิบัติดูแลรักษา ใส่ปุ๋ ย กาจัดวัชพืช และการเก็บเกี่ยว
ข้อเสีย ต้นสับปะรดจะล้มในปีที่ 2 และ 3 เปลืองพื้นที่ จานวนต้นต่อไร่น้อย
การปลูกสับปะรดพันธุ์นางแลสับปะรดพันธุ์ภููแล
2. แถวคู่ ปลูกสลับฟันปลา ระหว่างต้น 40 ซม. ระหว่างแถว 50 ซม. ระหว่างแถวคู่ 100 ซม.
ข้อดี จานวนต้นต่อไร่มากและสับปะรดไม่ล้มในปี 2-3
ข้อเสีย การกาจัดวัชพืชไม่สะดวกและการดูแลรักษาในแปลงปลูกบารุงรักษายาก
การปลูกสับปะรดพันธุ์นางแลสับปะรดพันธุ์ภููแล
 น้าหมักบารุงต้นสับปะรด มีวัตถุดิบและวิธีการดังนี้ คือ
1. กากน้าตาล 1 กิโลกรัม
2. เปลือกสับปะรด 3 กิโลกรัม
3. พด. 2 จานวน 1 ซอง
วิธีทา นาส่วนผสมทั้งหมดมาผสมให้เข้ากัน แล้วหมักไว้ประมาณ 3 เดือนสามารถนามาใช้ได้
วิธีการนาไปใช้ ใช้ในอัตราส่วน น้าหมัก 1 ลิตร ต่อน้า 200 ลิตร ใช้ฉีดพ่นพืชผักผลไม้
การปลูกสับปะรดพันธุ์นางแลสับปะรดพันธุ์ภููแล
 การใส่ปุ๋ ย
การปลูกสับปะรดนางแล ตาบลนางแล อาเภอเมือง จังหวัดเชียงราย พื้นที่ปลูกส่วนใหญ่จะ
เป็นลาดเทเชิงเขา หรือเนินเขาเตี้ย โดยอาศัยน้าฝน การใส่ปุ๋ ย ดังนี้
 ครั้งแรก ใส่หลังจากปลูกไม่เกิน 3 เดือน ใช้ปุ๋ ยที่เร่งการเจริญเติบโตทางต้น คือ 21-0-0
(Ammonium Sulphate) 46 – 0 –0 (ยูเรีย) อัตราส่วน 1 ช้อนแกงประมาณ 10 กรัม/ต้น
 ครั้งที่ 2 ใส่เมื่อเริ่มยางเข้าฤดูฝนเดือนพฤษภาคม ใส่ปุ๋ ยสูตร 15-15-15 หรือ 13-13-21
อัตราส่วน 1 ช้อนแกง ประมาณ 10 กรัม/ต้น ใส่ที่กาบใบที่ 2 ที่ 3 ที่พ้นจากใบล่างขึ้นมา
 ครั้งที่ 3 ใส่หลังจากใส่ปุ๋ ยครั้งที่ 2 ประมาณ 3 เดือน ก่อนจะหมดฤดูฝน คือ เดือนสิงหาคม ใช้
ปุ๋ ยสูตร 13-13-21 อัตราส่วน 1 ช้อนแกง ประมาณ 10 กรัม/ต้น ใส่ที่กาบใบที่ 2 ที่ 3 นับ
จากใบล่างขึ้นมา เพื่อให้ต้นสับปะรดสมบูรณ์เต็มที่ และเพิ่มโปรแตสเซียม ซึ่งจะทาให้สับปะรดมี
คุณภาพดี
การปลูกสับปะรดพันธุ์นางแลสับปะรดพันธุ์ภููแล
ในการปลูกสับปะรดนางแลที่ไม่มีการบังคับให้ออกก่อนฤดูกาลควรใส่ปุ๋ ยไม่เกิน 3ครั้ง ก็
เพียงพอ
กรณีเกษตรกรต้องการบังคับให้ออกก่อนฤดูกาลควรใส่ปุ๋ ยเสริมเพื่อให้ผลใหญ่ที่มีคุณภาพดี
ดังนี้
 ครั้งที่ 1 หลังจากที่สับปะรดออกผลและชูก้านผล ประมาณ 60 วัน หลังจากบังคับให้ออก
ผล ใช้ปุ๋ ยสูตร 13-0-46 ความเข้มข้น 5% อัตรา 150 ซีซี./ต้น ใส่ที่กาบใบ
การปลูกสับปะรดพันธุ์นางแลสับปะรดพันธุ์ภููแล
 การใส่ปุ๋ ยต้นตอ 1 และ 2
หลังจากที่เก็บเกี่ยวสับปะรดแล้ว ต้นตอที่สมบูรณ์จะแทงหน่อข้างออกมา คงไว้ที่หน่อข้างที่
อยู่ใกล้ดิน หรือหน่อดินอย่างใด อย่างหนึ่งไว้เพียงหน่อเดียว เมื่อคัดหน่อได้แล้วให้รีบใส่ปุ๋ ยโดยเร็วที่สุด
ใช้ปุ๋ ยสูตร 15-15-15 อัตรา 1 ช้อนแกง/ต้น ประมาณ 10 กรัม และใส่ปุ๋ ยอีกครั้งก่อนจะหมดฤดูฝน
ใส่ปุ๋ ยสูตร 13-13-21 อัตรา 1 ช้อนแกง/ต้น ใส่ที่กาบใบ
 ข้อควรระวังในการใส่ปุ๋ ย
 อย่าให้ปุ๋ ยถูกหรือตกลงไปในยอดสับปะรด จะทาให้ยอดเน่า
 การใส่ปุ๋ ยที่กาบใบ ใส่กระจาย 2 ถึง 3 กาบ เพื่อให้ปุ๋ ยเต็มกาบใบ และเพื่อป้ องกันการสูญเสีย
ปุ๋ ย
การปลูกสับปะรดพันธุ์นางแลสับปะรดพันธุ์ภููแล
 การบังคับผลสับปะรดนางแล
การปลูกสับปะรดนางแล การบังคับ นับว่ามีความสาคัญมาก สับปะรดนางแลจะออกผลเองตาม
ธรรมชาติตั้งแต่ปลายเดือนพฤษภาคม เป็นต้นไป และจะหมดในเดือนสิงหาคม ซึ่งถ้าออกมาพร้อมกันมาก ๆ ก็
จะทาให้ราคาตกต่า เพื่อที่จะให้ได้ราคาดีเกษตรกรจึงต้องมีการบังคับการออกผลให้กระจายออกก่อนฤดูกาล
ในการบังคับให้สับปะรดออกดอกก่อนกาหนดนั้น จะต้องคานึงถึงขนาดของต้นสับปะรดเป็นประการ
สาคัญ ถ้าต้นสับปะรดมีขนาดเล็กเกิดไปจะไม่ออกดอกหรือออกดอกได้แต่ขนาดผลเล็ก ต้นสับปะรดที่จะบังคับ
ได้ โคนต้นจะต้องอวบใหญ่ไม่เรียวหรือประมาณน้าหนักของต้นให้ได้ 2.5 กก. ขึ้นไปหรือประมาณใบ 45 ใบขึ้น
ไป
การปลูกสับปะรดพันธุ์นางแลสับปะรดพันธุ์ภููแล
การคานวณขนาดผลตามขนาดน้าหนักของต้น เรียกว่าอัตราส่วนของน้าหนักต้นต่อน้าหนักผล
 ขนาดน้าหนักต้น 1 กก. จะได้ขนาดผลหนัก 450 – 700 กรัม คือ เฉลี่ยได้น้าหนักผล ½ กก.
สับปะรดนางแลต้นที่ควรบังคับให้ออกผล ซึ่งจะได้ขนาดผลเป็นที่ต้องการของตลาด ควรจะมีน้าหนักต้นตั้งแต่
2.5 กก. ขึ้นไป หรือนับไปประมาณ 45 ใบ ขึ้นไป
การที่สับปะรดจะออกผลนั้น เนื่องจากต้นสับปะรดจะหยุดการเจริญทางต้น ทางใบ ต้นสับปะรดจึง
เริ่มสร้างดอกผลทันที ในธรรมชาติอุณหภูมิ ความชื้น และธาตุอาหาร (ปุ๋ ย) เป็นตัวที่ทาให้เกิดการชงักการ
เจริญเติบโตทางใบและต้น ทาให้สับปะรดเปลี่ยนไปสร้างดอกผลเพื่อขยายพันธุ์ต่อไป ทางธรรมชาติในการ
บังคับให้ออกผลของต้นสับปะรด คือ ต้องทาให้ต้นสับปะรดหยุดการเจริญเติบโตทางต้นและใบ
การปลูกสับปะรดพันธุ์นางแลสับปะรดพันธุ์ภููแล
 สารเคมีที่ใช้กันทั่วไปมี 3 ชนิด
 ฮอร์โมนสาเร็จรูปชนิดเม็ด (Pine top) ใช้หยอดที่ยอดสับปะรด 1-2 เม็ด
 ถ่านแก๊ส (Calcium carbide) มีลักษณะการใช้อย่าง 2 อย่าง คือ
 ป่นถ่านแก๊สให้เป็นเม็ดขนาดเท่าปลายนิ้ วก้อย หยอดที่ยอดแล้วหยอดน้าตามประมาณ 50 ซีซี
 ใช้ถ่านแก๊สละลายน้า โดยใช้ถ่ายแก๊ส 1.5 –2 กก. ต่อน้า 20 ลิตร หยอดที่ยอดต้นละ 50 ซีซี
 การใช้สารเคมีอีเทรล (Ethrel) สูตรเคมีของสารเร่งอีเทรล คือ 2- Chloroethyl phosphonicacid
ซึ่งจะปล่อยสารเอททีลีน (Ethelene) เข้าไปในเหยื่อของสับปะรดแล้วก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลง
ทางสรีระของพืชคล้าย ๆ กับฮอร์โมน สารเคมีที่จาหน่ายในท้องตลาดมี 2 ชนิด คือ
 ชนิดเข้มข้นมีสารออกฤทธิ์ (Active ingredient) 39% บรรจุในขวดพลาสติกขนาด 1 ลิตร มีชื่อทางการค้า เช่น
อีเทรล โปรเทรล (Prothrel)
 ชนิดที่ผสมให้เจือจางแล้ว (Ethrel P.G.R.30) บรรจุในขวดพลาสติก
การปลูกสับปะรดพันธุ์นางแลสับปะรดพันธุ์ภููแล
 อัตราการใช้สารเร่งอีเทรล
ชนิดเข้มข้นมีสารออกฤทธิ 39% จะใช้อีเทรลหรือโปรเทรล อย่างใดอย่างหนึ่งในอัตรา 10
– 15 ซีซี. ปุ๋ ยยูเรีย 300-400 กรัม/น้า 20 ลิตร ผสมและคนให้ปุ๋ ยละลายใช้หยอดที่ยอดต้นละ 60
ซีซี. ครั้งเดียวหยอดในตอนเช้าหรือหลังจากหยอดยาประมาณ 45 วัน จะสังเกตเห็นดอก แต่เพื่อความ
แน่นอนควรสุ่มตัวอย่างหลังหยอดยา 10 –15 วัน ทาการผ่าดูถ้าได้ผลที่ปลายสุดของยอดจะมีปุ่มเห็น
ได้ ชัดเจน
การปลูกสับปะรดพันธุ์นางแลสับปะรดพันธุ์ภููแล
 ข้อควรระวังในการหยอดยา
 การใช้สารเร่งปุ๋ ยและน้าสะอาดควรให้ได้ตามอัตราส่วน
 เมื่อผสมน้าแล้วต้องนาออกไปใช้ทันที ไม่ควรเกิน 2 ชม. มิฉะนั้นประสิทธิภาพของสารเร่งจะเสื่อม
 การหยอดสารเร่งให้หยอดที่กลางยอด อย่าให้สารเร่งหยอดหกหรือกระฉอก
 การหยอดสารเร่งจะได้รับผลดีมากน้อยเพียงใด ขึ้นอยู่กับอุณหภูมิ อัตราการใช้ ควรหยอดในขณะอากาศ
เย็น เช่น ตอนเช้าหรือตอนเย็นแดดไม่ร้อนจัด
 ขณะที่หยอดสารเร่งฝนตกให้หยุดหยอดทันที หรือหลังจากหยอดสารเร่งแล้วภายใน 2 ชม. ถ้าฝนตกให้
หยอดสารเร่งซ้าอีกครั้ง
 หลีกเลี่ยงการสัมผัสกับสารเร่งทั้งทางผิวหนัง เสื้อผ้า และตา
การปลูกสับปะรดพันธุ์นางแลสับปะรดพันธุ์ภููแล
 การหักจุก
จุก (Crown) คือ ส่วนที่ติดอยู่บนผลสับปะรด โดยปรกติสับปะรด 1 ผล จะมีจุก 1 จุก
นอกจากกรณีผิดปรกติจะมี 2 จุกติดกัน การหักจุกสับปะรด ซึ่งเกษตรกรที่นี่จะหักจุกสับปะรดออก
เพราะคนปลูกครั้งแรกต้องการขยายพันธุ์ให้ได้มากเลยหักจุกมาปลูก และถ้ามีจุกอยู่ไม่สะดวกในการ
มัดใบ
การหักจุกสับปะรดนางแล จะหักเมื่อดอกสับปะรดเริ่มบานแล้ว เริ่มฝ่อประมาณ 2 ใน 3
ของดอก หรือหลังจากบังคับให้ออกดอกประมาณ 90 วัน ถ้าปล่อยไว้ให้จุกใหญ่จะทาให้หักจุกยาก
สับปะรดนางแลมีความจาเป็นมากที่จะต้องมัดใบสับปะรด เพราะสับปะรดนางแล เปลือกผิวบางถ้าไม่
มัดจะทาให้แดดเผาผิว ทาให้ผิวซีดเหลือง(ชาวบ้านเรียกว่า ม้านแดด) วิธีการมัดสับปะรด โดยการ
รวบใบขึ้นมาห่อหุ้มผลสับปะรด แล้วใช้ตอกมัดที่ปลายใบที่รวบมาห่อหุ้มผลสับปะรด รวบใบมาห่อหุ้ม
ผลสับปะรดแล้ว ใช้ตอกมัดที่ปลายใบ ข้อดี รวดเร็ว ข้อเสีย หลุดง่ายเมื่อถูกลมพัด
การปลูกสับปะรดพันธุ์นางแลสับปะรดพันธุ์ภููแล
 การเก็บผล
การเก็บผลสับปะรดนางแล โดยปรกติถ้าสภาพภูมิอากาศไม่ผิดปรกติมากสับปะรด
นางแลจะเริ่มสุก พร้อมที่จะเก็บเกี่ยวประมาณ 180 วัน หลังจากบังคับให้ออกดอก
 การสังเกตการสุกของสับปะรดนางแล
 สีของผิว เมื่อเริ่มแก่ผิวของสับปะรดจะเปลี่ยนจากสีเขียวอมม่วงแดงมาเป็นสีเขียว และสี
ของขนตาจะเริ่มเปลี่ยนจากสีชมพูม่วงเป็นสีน้าตาลอ่อน (สีขนตาจะซีดลงและเริ่มเหี่ยว) สี
ผิวตาเปลี่ยนเป็นสีเขียวอมเหลืองหรือเหลือง ประมาณ 3-5 ตา ถ้าในฤดูหนาว อาจต้อง
รอสีตาล่างของผลเปลี่ยนเป็นสีเขียวอมเหลือหรือเหลืองประมาณ 1 ใน 3 ของผล
 ตา คือ ตาสดใส เต่งตึงโปนออกมา
 ก้านผล คือ ก้านของสับปะรดจะเหี่ยวเป็นร่องเล็กๆ มองดูไม่ค่อยเห็นใช้มือลูบหรือถูจะ
เห็นเป็นร่อง
 ใบรองผลจะเหี่ยว
การปลูกสับปะรดพันธุ์นางแลสับปะรดพันธุ์ภููแล
 ประโยชน์ของสับปะรด
สับปะรดมีสารอาหารที่มีประโยชน์จานวนมากและมีคุณค่าทางยาสูงมีสรรพคุณช่วยย่อย
อาหารจาพวกเนื้ อเสริมการดูดซึมอาหาร ดับร้อนแก้กระหาย สับปะรดยังมีสารจาพวก น้าตาล กรด
วิตามิน อยู่หลายชนิด การรับประทานสับปะรดเป็นประจาจะช่วยป้ องกันโรค ไตอักเสบ ความดันโลหิต
สูง หลอดลมอักเสบ
การปลูกสับปะรดพันธุ์นางแลสับปะรดพันธุ์ภููแล
 สรุปข้อแตกต่างระหว่างสับปะรดนางกับสับประรดภููแล
สับปะรดนางแลจะให้ผลผลิตค่อนข้างดีกว่าภูแลประมาณ 2000 กิโลกรัมต่อไร่ ส่วน
ราคาจาหน่ายพันธุ์นางแลจะต่ากว่าภูแลเล็กน้อย นางแลราคาต่าสุดอยู่ที่ประมาณ 2-3 บาทต่อ
กิโลกรัม สูงสุดประมาณ 12 บาทต่อกิโลกรัม แต่ปัจจุบันจาหน่ายกก.ละ7-8 บาท ส่วนสับปะรด
พันธุ์ภูแลจะให้ผลผลิตประมาณ 800 กิโลกรัมต่อไร่ และราคาต่าสุดจะอยู่ที่ประมาณ 5 บาทต่อ
กิโลกรัม สูงสุดประมาณ 17 บาทต่อกิโลกรัม ปัจจุบันจาหน่ายในราคากิโลกรัมละ 11 บาท
การปลูกสับปะรดพันธุ์นางแลสับปะรดพันธุ์ภููแล
ลักษณะของสับปะรดนางแลนั้นผลจะไม่ใหญ่มากนัก มีขนาดใหญ่กว่าพันธุ์ภูแลแต่ก็เล็ก
กว่าสับปะรดพันธุ์อื่นๆมาก สับปะรดนางแลที่ได้รับการดูแลเอาใจใส่เป็นอย่างดีและถูกต้องตั้งแต่
เริ่มปลูก จะมีรสชาติหวานฉ่า เนื้ อด้านในมีสีเหลืองน่ารับประทาน สับปะรดนางแลจะมีรสชาติดี
ที่สุดในช่วงเดือนเมษายน-มิถุนายน หลังจากเดือนกันยายนไปแล้วรสชาติจะไม่ค่อยดีเท่าที่ควร
ส่วนสับปะรดพันธุ์ภูแล เป็นสับปะรดที่มีผลขนาดเล็ก เนื้ อด้านในมีสีเหลืองอ่อน น่า
รับประทาน มีรสชาติหวาน กรอบ สับปะรดภูแลจะมีรสชาติอร่อยคงเดิมตลอดทั้งปี จึงสามารถ
รับประทานได้ตลอดปี แต่ช่วงที่นิยมกันมากที่สุดคือช่วงเดือนกันยายน-ตุลาคม เพราะช่วงนี้
สับปะรดพันธุ์นางแลจะขาดตลาดและมีรสชาติไม่ค่อยดีเท่าที่ควร คนทั่วไปจึงหันมาทานภูแลกัน
มากขึ้นในช่วงนี้
การปลูกสับปะรดพันธุ์นางแลสับปะรดพันธุ์ภููแล
สิ้นสุดการนาเสนอ

More Related Content

More from krooprakarn

บันทึกการประเมินคุณภาพการปฏิบัติงาน ผอ กิจจา
บันทึกการประเมินคุณภาพการปฏิบัติงาน ผอ กิจจาบันทึกการประเมินคุณภาพการปฏิบัติงาน ผอ กิจจา
บันทึกการประเมินคุณภาพการปฏิบัติงาน ผอ กิจจา
krooprakarn
 
บันทึกการประเมินคุณภาพการปฏิบัติงาน ผอ กิจจา
บันทึกการประเมินคุณภาพการปฏิบัติงาน ผอ กิจจาบันทึกการประเมินคุณภาพการปฏิบัติงาน ผอ กิจจา
บันทึกการประเมินคุณภาพการปฏิบัติงาน ผอ กิจจา
krooprakarn
 
ข อม ลท__วไป
ข อม ลท__วไปข อม ลท__วไป
ข อม ลท__วไป
krooprakarn
 
แบบเสนอรายละเอ ยดโครงการ(เกษตรกรรม)
แบบเสนอรายละเอ ยดโครงการ(เกษตรกรรม)แบบเสนอรายละเอ ยดโครงการ(เกษตรกรรม)
แบบเสนอรายละเอ ยดโครงการ(เกษตรกรรม)
krooprakarn
 

More from krooprakarn (10)

ศูนย์การเรียนรู้ธรรมชาติศึกษา สู่ชุมชน
ศูนย์การเรียนรู้ธรรมชาติศึกษา สู่ชุมชนศูนย์การเรียนรู้ธรรมชาติศึกษา สู่ชุมชน
ศูนย์การเรียนรู้ธรรมชาติศึกษา สู่ชุมชน
 
Present 13082014
Present 13082014Present 13082014
Present 13082014
 
บันทึกการประเมินคุณภาพการปฏิบัติงาน ผอ กิจจา
บันทึกการประเมินคุณภาพการปฏิบัติงาน ผอ กิจจาบันทึกการประเมินคุณภาพการปฏิบัติงาน ผอ กิจจา
บันทึกการประเมินคุณภาพการปฏิบัติงาน ผอ กิจจา
 
บันทึกการประเมินคุณภาพการปฏิบัติงาน ผอ กิจจา
บันทึกการประเมินคุณภาพการปฏิบัติงาน ผอ กิจจาบันทึกการประเมินคุณภาพการปฏิบัติงาน ผอ กิจจา
บันทึกการประเมินคุณภาพการปฏิบัติงาน ผอ กิจจา
 
ข อม ลท__วไป
ข อม ลท__วไปข อม ลท__วไป
ข อม ลท__วไป
 
แบบเสนอรายละเอ ยดโครงการ(เกษตรกรรม)
แบบเสนอรายละเอ ยดโครงการ(เกษตรกรรม)แบบเสนอรายละเอ ยดโครงการ(เกษตรกรรม)
แบบเสนอรายละเอ ยดโครงการ(เกษตรกรรม)
 
Lesson03
Lesson03Lesson03
Lesson03
 
Lesson01
Lesson01Lesson01
Lesson01
 
Lesson02
Lesson02Lesson02
Lesson02
 
Test
TestTest
Test
 

Lesson04

  • 1.
  • 2.  การเลือกที่ดิน สับปะรดเป็นพืชดอน ที่ชอบที่ลาดเทมากว่า 1% เช่น ที่ลาดเชิงเขา หรือเนินเขา ขึ้นได้ใน ดินแทบทุกชนิด แต่ชอบดินร่วน ดินร่วนปนทราย ดินปน ลูกรัง (กรวด) ไม่ชอบดินเนื้ อละเอียด เช่น ดินเหนียว หรือค่อนข้างเหนียว ต้องเป็นดินที่ระบายน้าได้ดีไม่มีน้าขัง หรือฉ่าน้าตลอดเวลา ปลูกได้ เช่นกันแต่ต้องยกร่องเพื่อป้ องกันน้าท่วมหรือน้าขัง ดินควรเป็นกรดปานกลางถึงเป็นกรดมาก ความเป็นกรด-ด่าง ควรอยู่ระหว่าง 4.5 – 6 ถ้า PH สูงกว่า 6 จะมีผลให้เป็นโรคง่ายขึ้น และผลผลิตจะลดลง ความอุดมสมบูรณ์ของดิน ไม่จาเป็นต้อง สมบูรณ์มากนักและอินทรีย์วัตถุในดินไม่ควรสูงเกินควรจะอยู่ระหว่างร้อยละ 1 – 3 (1-3%) เพราะ ถ้าดินสมบูรณ์ที่มีอินทรีย์วัตถุค่อนข้างสูง (เกินร้อยละ 3) จะมีผลทาให้การกาจัดวัชพืชยากและมี ปัญหาเกี่ยวกับโรคมากขึ้น ดินในตาบลนางแล ด้านทิศตะวันตก ซึ่งปลูกสับปะรดพันธุ์นางแลมาก และได้ผลผลิต คุณภาพดี สภาพพื้นที่ ลาดเชิงเขา หรือเนินเขาเตี้ยมีการระบายน้าดีเป็นดินร่วนปนทราบ อยู่ในชุดดิน หนองมด (Nong Mot) PH 5-6.5 การปลูกสับปะรดพันธุ์นางแลสับปะรดพันธุ์ภููแล
  • 3.  การเตรียมดิน เนื่องจากสับปะรดเป็นพืชที่มีอายุค่อนข้างยาว คือ ประมาณ 3-6 ปี มีระบบรากไม่ สามารถสู้กับรากของวัชพืชได้ โดยเฉพาะรากของหญ้าค้างปีต่าง ๆ เช่น หญ้าคา หญ้าแห้วหนู เป็นต้น ดังนั้นการเตรียมดินจึงต้องพิถีพิถัน ถ้าเตรียมดินไม่ดีโดยเฉพาะการกาจัดวัชพืชค้างปีจะ เป็นการเพิ่มต้นทุนในการผลิต การปลูกสับปะรดพันธุ์นางแลสับปะรดพันธุ์ภููแล
  • 4.  ขั้นตอนในการเตรียมดิน 1. การเคลียร์พื้นที่ จัดการขุดตอและต้นไม้ออกให้หมด ถ้ามีจอมปลวกให้ขุดฐานปลวก ลึกลงไปไม่น้อยกว่า 50 ซม. แล้วกระจายดินจอมปลวกให้เป็นบริเวณกว้าง แล้วจึง ดันดินส่วนอื่นมากลบจนเสมอ 2. การปรับพื้นที่ จัดการปรับพื้นที่ ให้ผิวเรียบทั้งแปลง ตามสภาพที่ดินเดิม 3. การไถ  ไถดะ ใช้รถแทรกเตอร์ติดผาน 3 หรือ 4 ไถให้ลึก 25 – 30 ซม.เพื่อพลิก หน้าดินตากดินไว้ไม่ต่ากว่า 15 วัน เพื่อให้ราก-ลาต้นใต้ดินของวัชพืชตาย  ไถพรวน ใช้รถแทรกเตอร์ติดผาน 7 ไถพรวน 1 ครั้ง เพื่อย่อยดินและปรับ หน้าดินให้สม่าเสมอ 4. เก็บวัชพืช หลังจากไถพรวนปรับหน้าดินให้สม่าเสมอ ใช้แรงคนเก็บเศษวัชพืชต่าง ๆ ออกให้หมด และปรับบริเวณที่ไม่เรียบให้เรียบสม่าเสมอกัน การปลูกสับปะรดพันธุ์นางแลสับปะรดพันธุ์ภููแล
  • 5.  การเตรียมพันธุ์ เกษตรกรส่วนใหญ่ จะไม่ให้ความสนใจคิดว่าไม่ค่อยสาคัญ แต่แท้ที่จริงแล้วการเตรียม พันธุ์ปลูกที่ถูกต้อง จะช่วยให้ได้ผลสับปะรดมีขนาดใหญ่ สม่าเสมอกันและสามารถกาหนดให้ออก ผลได้แน่นอน ซึ่งส่งผลให้ได้ราคาดี เป็นการลงทุนที่ให้ผลกาไรสูง การปลูกสับปะรดพันธุ์นางแลสับปะรดพันธุ์ภููแล
  • 6.  หน่อพันธุ์สับปะรด แยกออกได้ดังนี้ 1. จุกพันธุ์ (Crow) คือ ส่วนที่ติดอยู่บนผลของสับปะรด จุกจะเริ่มเติบโตขนาดใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ เมื่อสับปะรดเริ่มออกดอก สับปะรดนางแลเกษตรกรจะหักจุกทิ้งตั้งแต่เริ่ม ออกดอกได้ ประมาณ 2 ใน 3 ของดอก เกษตรกรจะไม่นาไปใช้ปลูก เพราะต้องเสียเวลา ในการชาและเลี้ยงไว้ให้ต้นโตก่อน 2. หน่อพันธุ์ (Sacker) เกษตรกรนิยมใช้ปลูกมากกว่าจุก เพราะหน่อมีคุณสมบัติดี - ทนโรคไส้เน่า - ให้ผลเร็ว การปลูกสับปะรดพันธุ์นางแลสับปะรดพันธุ์ภููแล
  • 7. 3. หน่อข้าง หรือตะเกียง คือ หน่อที่เกิดจากตาข้างต้น สับปะรดนางแลจะมีหน่อข้างอยู่ ระหว่าง 1–6 หน่อ ขึ้ นอยู่กับความอุดมสมบูรณ์ของต้นเฉลี่ย จะมีหน่อข้าง ประมาณ 2 หน่อ/ต้น 4. หน่อแทงดิน คือ หน่อดิน หรือหน่องา หน่อที่แทงขึ้นมาจากใต้ดินติดกับต้นแม่ 5. หน่อชา คือ หน่อที่เกิดจากต้นสับปะรดที่รื้อทิ้ ง เมื่อนาไปกองทิ้ งไว้ จะเกิดหน่อ ขึ้นมาตามตาที่ติดกับต้น ขนาดหน่อเล็กไม่สมบูรณ์ ไม่แนะนา ให้เอามา ปลูกเพราะหน่อขนาดเล็กไม่สมบูรณ์ และเป็นแหล่งสะสมเชื่อโรค การปลูกสับปะรดพันธุ์นางแลสับปะรดพันธุ์ภููแล
  • 8.  การเลือกหน่อปลูก ควรเลือกหน่อข้างหรือหน่อตะเกียง ที่มีขนาดน้าหนักสม่าเสมอกัน มีความของหน่อ ประมาณ 30 – 40 ซม.) โคนต้นพันธุ์เป็นหลัก คัดแยกขนาดออกเป็น 3 ขนาด ใหญ่ – กลาง – เล็ก หรือคัดแยก 2 ขนาด ใหญ่ – เล็ก แล้วแต่ขนาดของหน่อที่มีอยู่  การจุ่มสารเคมีก่อนนาไปปลูก การจุ่มสารเคมีก่อนนาพันธุ์ไปปลูก เพื่อช่วยฆ่าเพลี้ยแป้ งที่ติดมากับพันธุ์และป้ องกัน กาจัดโรคไส้เน่า (Heart rot) โดยการผสมพร้อมกับยาฆ่าแมลง + สารเคมีกันโรครา + สารจับใบ ตามอัตราที่กาหนดใช้พันธุ์ที่เตรียมไว้นาไปจุ่มให้มิดทั้งต้น แล้วยกทิ้งให้สะเด็ดน้า การปลูกสับปะรดพันธุ์นางแลสับปะรดพันธุ์ภููแล
  • 9.  ฤดูปลูก สับปะรดนางแล ปลูกได้ทุกฤดู โดยปรกติสับปะรดตั้งแต่ปลูกถึงเก็บเกี่ยวได้ อายุ ประมาณ 18- 24 เดือน เกษตรกรต้องพิจารณาว่าเมื่อปลูกแล้วจะให้สับปะรดออกในช่วงไหน แต่ถ้าปลูกแล้วสามารถบังคับให้ออกผลเก็บเกี่ยวได้ในเดือนเมษายน ก่อนที่สับปะรดนางแลจะ ออกตามฤดูกาลและหลังจากสับปะรดนางแลที่ออกตามฤดูกาลหมด คือ เดือนตุลาคม – มกราคม ก็จะทาให้เกษตรกรจาหน่ายได้ราคาดี การปลูกสับปะรดพันธุ์นางแลสับปะรดพันธุ์ภููแล
  • 10. การปลูกเพื่อต้องการบังคับให้สับปะรดออกก่อนฤดูกาล ต้องกาหนดช่วงระยะเวลาปลูกดังนี้  ขนาดหน่อ 30 – 40 ซม.  ปลูกเดือนมิถุนายน – สิงหาคม ขนาดหน่อยมีความยาวตั้งแต่ 30 – 40 ซม  บังคับให้ออกผลเดือนตุลาคม (อายุ 16 เดือน)  เก็บเกี่ยวได้ในเดือน เมษายน (อายุ 23 เดือน) จะได้ขนาดผลเฉลี่ยน้าหนักต่อผล 1.2 – 1.5 กก. ถ้าไม่บังคับให้ออกเดือนเมษายน ปล่อยให้ออกตามฤดูกาล จะได้สับปะรดที่มีขนาดผล ใหญ่และน้าหนักดี การปลูกสับปะรดพันธุ์นางแลสับปะรดพันธุ์ภููแล
  • 11.  วิธีปลูก เกษตรกรที่ปลูกสับปะรดนางแลในเขตตาบลนางแล จะไม่มีการเตรียมดินและยกร่อย เพียงแต่ปรับดินให้เรียบเสมอกัน ใช้เชือกขึงให้เป็นแถว ขุดหลุมปลูก โดยขุดหลุมลึกประมาณ 1 หน้าจอม ( 15 ซม.) เอาหน่อที่เตรียมไว้ปลูกในหลุม การวางหน่อจะตั้งตรงหรือเอียงประมาณ 45 องศา อย่างใดอย่างหนึ่งก็ได้ แล้วกลบกดดินบริเวณโคนต้นให้แน่น  ข้อควรระวัง  อย่าให้ดินกลบยอด หรือดินเข้าไปในยอดจะทาให้ยอดเน่า  ก่อนปลูกให้ดึงเอาใบล่างสุดออก 2 – 3 ใบ เพื่อให้รากเจริญเติบโตได้เร็วขึ้น การปลูกสับปะรดพันธุ์นางแลสับปะรดพันธุ์ภููแล
  • 12.  ระยะปลูก ระยะปลูกของสับปะรดนางแล ค่อนข้างจะห่างกว่าสับปะรดพันธุ์อื่น ซึ่งโดยปรกติแล้ว สับปะรดนางแลจะมีขนาดผลเล็ก เกษตรกรจึงต้องปลูกห่าง เพื่อจะได้ทรงพุ่มใหญ่และมีขนาดผลโต ตามด้วย 1. แถวเดียว ระหว่างต้น 40 ซม ระหว่างแถว 100 ซม. จานวนต้นต่อไร่ 4,000 – 4,500 ต้น ข้อดี สะดวกในการปฏิบัติดูแลรักษา ใส่ปุ๋ ย กาจัดวัชพืช และการเก็บเกี่ยว ข้อเสีย ต้นสับปะรดจะล้มในปีที่ 2 และ 3 เปลืองพื้นที่ จานวนต้นต่อไร่น้อย การปลูกสับปะรดพันธุ์นางแลสับปะรดพันธุ์ภููแล
  • 13. 2. แถวคู่ ปลูกสลับฟันปลา ระหว่างต้น 40 ซม. ระหว่างแถว 50 ซม. ระหว่างแถวคู่ 100 ซม. ข้อดี จานวนต้นต่อไร่มากและสับปะรดไม่ล้มในปี 2-3 ข้อเสีย การกาจัดวัชพืชไม่สะดวกและการดูแลรักษาในแปลงปลูกบารุงรักษายาก การปลูกสับปะรดพันธุ์นางแลสับปะรดพันธุ์ภููแล
  • 14.  น้าหมักบารุงต้นสับปะรด มีวัตถุดิบและวิธีการดังนี้ คือ 1. กากน้าตาล 1 กิโลกรัม 2. เปลือกสับปะรด 3 กิโลกรัม 3. พด. 2 จานวน 1 ซอง วิธีทา นาส่วนผสมทั้งหมดมาผสมให้เข้ากัน แล้วหมักไว้ประมาณ 3 เดือนสามารถนามาใช้ได้ วิธีการนาไปใช้ ใช้ในอัตราส่วน น้าหมัก 1 ลิตร ต่อน้า 200 ลิตร ใช้ฉีดพ่นพืชผักผลไม้ การปลูกสับปะรดพันธุ์นางแลสับปะรดพันธุ์ภููแล
  • 15.  การใส่ปุ๋ ย การปลูกสับปะรดนางแล ตาบลนางแล อาเภอเมือง จังหวัดเชียงราย พื้นที่ปลูกส่วนใหญ่จะ เป็นลาดเทเชิงเขา หรือเนินเขาเตี้ย โดยอาศัยน้าฝน การใส่ปุ๋ ย ดังนี้  ครั้งแรก ใส่หลังจากปลูกไม่เกิน 3 เดือน ใช้ปุ๋ ยที่เร่งการเจริญเติบโตทางต้น คือ 21-0-0 (Ammonium Sulphate) 46 – 0 –0 (ยูเรีย) อัตราส่วน 1 ช้อนแกงประมาณ 10 กรัม/ต้น  ครั้งที่ 2 ใส่เมื่อเริ่มยางเข้าฤดูฝนเดือนพฤษภาคม ใส่ปุ๋ ยสูตร 15-15-15 หรือ 13-13-21 อัตราส่วน 1 ช้อนแกง ประมาณ 10 กรัม/ต้น ใส่ที่กาบใบที่ 2 ที่ 3 ที่พ้นจากใบล่างขึ้นมา  ครั้งที่ 3 ใส่หลังจากใส่ปุ๋ ยครั้งที่ 2 ประมาณ 3 เดือน ก่อนจะหมดฤดูฝน คือ เดือนสิงหาคม ใช้ ปุ๋ ยสูตร 13-13-21 อัตราส่วน 1 ช้อนแกง ประมาณ 10 กรัม/ต้น ใส่ที่กาบใบที่ 2 ที่ 3 นับ จากใบล่างขึ้นมา เพื่อให้ต้นสับปะรดสมบูรณ์เต็มที่ และเพิ่มโปรแตสเซียม ซึ่งจะทาให้สับปะรดมี คุณภาพดี การปลูกสับปะรดพันธุ์นางแลสับปะรดพันธุ์ภููแล
  • 16. ในการปลูกสับปะรดนางแลที่ไม่มีการบังคับให้ออกก่อนฤดูกาลควรใส่ปุ๋ ยไม่เกิน 3ครั้ง ก็ เพียงพอ กรณีเกษตรกรต้องการบังคับให้ออกก่อนฤดูกาลควรใส่ปุ๋ ยเสริมเพื่อให้ผลใหญ่ที่มีคุณภาพดี ดังนี้  ครั้งที่ 1 หลังจากที่สับปะรดออกผลและชูก้านผล ประมาณ 60 วัน หลังจากบังคับให้ออก ผล ใช้ปุ๋ ยสูตร 13-0-46 ความเข้มข้น 5% อัตรา 150 ซีซี./ต้น ใส่ที่กาบใบ การปลูกสับปะรดพันธุ์นางแลสับปะรดพันธุ์ภููแล
  • 17.  การใส่ปุ๋ ยต้นตอ 1 และ 2 หลังจากที่เก็บเกี่ยวสับปะรดแล้ว ต้นตอที่สมบูรณ์จะแทงหน่อข้างออกมา คงไว้ที่หน่อข้างที่ อยู่ใกล้ดิน หรือหน่อดินอย่างใด อย่างหนึ่งไว้เพียงหน่อเดียว เมื่อคัดหน่อได้แล้วให้รีบใส่ปุ๋ ยโดยเร็วที่สุด ใช้ปุ๋ ยสูตร 15-15-15 อัตรา 1 ช้อนแกง/ต้น ประมาณ 10 กรัม และใส่ปุ๋ ยอีกครั้งก่อนจะหมดฤดูฝน ใส่ปุ๋ ยสูตร 13-13-21 อัตรา 1 ช้อนแกง/ต้น ใส่ที่กาบใบ  ข้อควรระวังในการใส่ปุ๋ ย  อย่าให้ปุ๋ ยถูกหรือตกลงไปในยอดสับปะรด จะทาให้ยอดเน่า  การใส่ปุ๋ ยที่กาบใบ ใส่กระจาย 2 ถึง 3 กาบ เพื่อให้ปุ๋ ยเต็มกาบใบ และเพื่อป้ องกันการสูญเสีย ปุ๋ ย การปลูกสับปะรดพันธุ์นางแลสับปะรดพันธุ์ภููแล
  • 18.  การบังคับผลสับปะรดนางแล การปลูกสับปะรดนางแล การบังคับ นับว่ามีความสาคัญมาก สับปะรดนางแลจะออกผลเองตาม ธรรมชาติตั้งแต่ปลายเดือนพฤษภาคม เป็นต้นไป และจะหมดในเดือนสิงหาคม ซึ่งถ้าออกมาพร้อมกันมาก ๆ ก็ จะทาให้ราคาตกต่า เพื่อที่จะให้ได้ราคาดีเกษตรกรจึงต้องมีการบังคับการออกผลให้กระจายออกก่อนฤดูกาล ในการบังคับให้สับปะรดออกดอกก่อนกาหนดนั้น จะต้องคานึงถึงขนาดของต้นสับปะรดเป็นประการ สาคัญ ถ้าต้นสับปะรดมีขนาดเล็กเกิดไปจะไม่ออกดอกหรือออกดอกได้แต่ขนาดผลเล็ก ต้นสับปะรดที่จะบังคับ ได้ โคนต้นจะต้องอวบใหญ่ไม่เรียวหรือประมาณน้าหนักของต้นให้ได้ 2.5 กก. ขึ้นไปหรือประมาณใบ 45 ใบขึ้น ไป การปลูกสับปะรดพันธุ์นางแลสับปะรดพันธุ์ภููแล
  • 19. การคานวณขนาดผลตามขนาดน้าหนักของต้น เรียกว่าอัตราส่วนของน้าหนักต้นต่อน้าหนักผล  ขนาดน้าหนักต้น 1 กก. จะได้ขนาดผลหนัก 450 – 700 กรัม คือ เฉลี่ยได้น้าหนักผล ½ กก. สับปะรดนางแลต้นที่ควรบังคับให้ออกผล ซึ่งจะได้ขนาดผลเป็นที่ต้องการของตลาด ควรจะมีน้าหนักต้นตั้งแต่ 2.5 กก. ขึ้นไป หรือนับไปประมาณ 45 ใบ ขึ้นไป การที่สับปะรดจะออกผลนั้น เนื่องจากต้นสับปะรดจะหยุดการเจริญทางต้น ทางใบ ต้นสับปะรดจึง เริ่มสร้างดอกผลทันที ในธรรมชาติอุณหภูมิ ความชื้น และธาตุอาหาร (ปุ๋ ย) เป็นตัวที่ทาให้เกิดการชงักการ เจริญเติบโตทางใบและต้น ทาให้สับปะรดเปลี่ยนไปสร้างดอกผลเพื่อขยายพันธุ์ต่อไป ทางธรรมชาติในการ บังคับให้ออกผลของต้นสับปะรด คือ ต้องทาให้ต้นสับปะรดหยุดการเจริญเติบโตทางต้นและใบ การปลูกสับปะรดพันธุ์นางแลสับปะรดพันธุ์ภููแล
  • 20.  สารเคมีที่ใช้กันทั่วไปมี 3 ชนิด  ฮอร์โมนสาเร็จรูปชนิดเม็ด (Pine top) ใช้หยอดที่ยอดสับปะรด 1-2 เม็ด  ถ่านแก๊ส (Calcium carbide) มีลักษณะการใช้อย่าง 2 อย่าง คือ  ป่นถ่านแก๊สให้เป็นเม็ดขนาดเท่าปลายนิ้ วก้อย หยอดที่ยอดแล้วหยอดน้าตามประมาณ 50 ซีซี  ใช้ถ่านแก๊สละลายน้า โดยใช้ถ่ายแก๊ส 1.5 –2 กก. ต่อน้า 20 ลิตร หยอดที่ยอดต้นละ 50 ซีซี  การใช้สารเคมีอีเทรล (Ethrel) สูตรเคมีของสารเร่งอีเทรล คือ 2- Chloroethyl phosphonicacid ซึ่งจะปล่อยสารเอททีลีน (Ethelene) เข้าไปในเหยื่อของสับปะรดแล้วก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลง ทางสรีระของพืชคล้าย ๆ กับฮอร์โมน สารเคมีที่จาหน่ายในท้องตลาดมี 2 ชนิด คือ  ชนิดเข้มข้นมีสารออกฤทธิ์ (Active ingredient) 39% บรรจุในขวดพลาสติกขนาด 1 ลิตร มีชื่อทางการค้า เช่น อีเทรล โปรเทรล (Prothrel)  ชนิดที่ผสมให้เจือจางแล้ว (Ethrel P.G.R.30) บรรจุในขวดพลาสติก การปลูกสับปะรดพันธุ์นางแลสับปะรดพันธุ์ภููแล
  • 21.  อัตราการใช้สารเร่งอีเทรล ชนิดเข้มข้นมีสารออกฤทธิ 39% จะใช้อีเทรลหรือโปรเทรล อย่างใดอย่างหนึ่งในอัตรา 10 – 15 ซีซี. ปุ๋ ยยูเรีย 300-400 กรัม/น้า 20 ลิตร ผสมและคนให้ปุ๋ ยละลายใช้หยอดที่ยอดต้นละ 60 ซีซี. ครั้งเดียวหยอดในตอนเช้าหรือหลังจากหยอดยาประมาณ 45 วัน จะสังเกตเห็นดอก แต่เพื่อความ แน่นอนควรสุ่มตัวอย่างหลังหยอดยา 10 –15 วัน ทาการผ่าดูถ้าได้ผลที่ปลายสุดของยอดจะมีปุ่มเห็น ได้ ชัดเจน การปลูกสับปะรดพันธุ์นางแลสับปะรดพันธุ์ภููแล
  • 22.  ข้อควรระวังในการหยอดยา  การใช้สารเร่งปุ๋ ยและน้าสะอาดควรให้ได้ตามอัตราส่วน  เมื่อผสมน้าแล้วต้องนาออกไปใช้ทันที ไม่ควรเกิน 2 ชม. มิฉะนั้นประสิทธิภาพของสารเร่งจะเสื่อม  การหยอดสารเร่งให้หยอดที่กลางยอด อย่าให้สารเร่งหยอดหกหรือกระฉอก  การหยอดสารเร่งจะได้รับผลดีมากน้อยเพียงใด ขึ้นอยู่กับอุณหภูมิ อัตราการใช้ ควรหยอดในขณะอากาศ เย็น เช่น ตอนเช้าหรือตอนเย็นแดดไม่ร้อนจัด  ขณะที่หยอดสารเร่งฝนตกให้หยุดหยอดทันที หรือหลังจากหยอดสารเร่งแล้วภายใน 2 ชม. ถ้าฝนตกให้ หยอดสารเร่งซ้าอีกครั้ง  หลีกเลี่ยงการสัมผัสกับสารเร่งทั้งทางผิวหนัง เสื้อผ้า และตา การปลูกสับปะรดพันธุ์นางแลสับปะรดพันธุ์ภููแล
  • 23.  การหักจุก จุก (Crown) คือ ส่วนที่ติดอยู่บนผลสับปะรด โดยปรกติสับปะรด 1 ผล จะมีจุก 1 จุก นอกจากกรณีผิดปรกติจะมี 2 จุกติดกัน การหักจุกสับปะรด ซึ่งเกษตรกรที่นี่จะหักจุกสับปะรดออก เพราะคนปลูกครั้งแรกต้องการขยายพันธุ์ให้ได้มากเลยหักจุกมาปลูก และถ้ามีจุกอยู่ไม่สะดวกในการ มัดใบ การหักจุกสับปะรดนางแล จะหักเมื่อดอกสับปะรดเริ่มบานแล้ว เริ่มฝ่อประมาณ 2 ใน 3 ของดอก หรือหลังจากบังคับให้ออกดอกประมาณ 90 วัน ถ้าปล่อยไว้ให้จุกใหญ่จะทาให้หักจุกยาก สับปะรดนางแลมีความจาเป็นมากที่จะต้องมัดใบสับปะรด เพราะสับปะรดนางแล เปลือกผิวบางถ้าไม่ มัดจะทาให้แดดเผาผิว ทาให้ผิวซีดเหลือง(ชาวบ้านเรียกว่า ม้านแดด) วิธีการมัดสับปะรด โดยการ รวบใบขึ้นมาห่อหุ้มผลสับปะรด แล้วใช้ตอกมัดที่ปลายใบที่รวบมาห่อหุ้มผลสับปะรด รวบใบมาห่อหุ้ม ผลสับปะรดแล้ว ใช้ตอกมัดที่ปลายใบ ข้อดี รวดเร็ว ข้อเสีย หลุดง่ายเมื่อถูกลมพัด การปลูกสับปะรดพันธุ์นางแลสับปะรดพันธุ์ภููแล
  • 24.  การเก็บผล การเก็บผลสับปะรดนางแล โดยปรกติถ้าสภาพภูมิอากาศไม่ผิดปรกติมากสับปะรด นางแลจะเริ่มสุก พร้อมที่จะเก็บเกี่ยวประมาณ 180 วัน หลังจากบังคับให้ออกดอก  การสังเกตการสุกของสับปะรดนางแล  สีของผิว เมื่อเริ่มแก่ผิวของสับปะรดจะเปลี่ยนจากสีเขียวอมม่วงแดงมาเป็นสีเขียว และสี ของขนตาจะเริ่มเปลี่ยนจากสีชมพูม่วงเป็นสีน้าตาลอ่อน (สีขนตาจะซีดลงและเริ่มเหี่ยว) สี ผิวตาเปลี่ยนเป็นสีเขียวอมเหลืองหรือเหลือง ประมาณ 3-5 ตา ถ้าในฤดูหนาว อาจต้อง รอสีตาล่างของผลเปลี่ยนเป็นสีเขียวอมเหลือหรือเหลืองประมาณ 1 ใน 3 ของผล  ตา คือ ตาสดใส เต่งตึงโปนออกมา  ก้านผล คือ ก้านของสับปะรดจะเหี่ยวเป็นร่องเล็กๆ มองดูไม่ค่อยเห็นใช้มือลูบหรือถูจะ เห็นเป็นร่อง  ใบรองผลจะเหี่ยว การปลูกสับปะรดพันธุ์นางแลสับปะรดพันธุ์ภููแล
  • 25.  ประโยชน์ของสับปะรด สับปะรดมีสารอาหารที่มีประโยชน์จานวนมากและมีคุณค่าทางยาสูงมีสรรพคุณช่วยย่อย อาหารจาพวกเนื้ อเสริมการดูดซึมอาหาร ดับร้อนแก้กระหาย สับปะรดยังมีสารจาพวก น้าตาล กรด วิตามิน อยู่หลายชนิด การรับประทานสับปะรดเป็นประจาจะช่วยป้ องกันโรค ไตอักเสบ ความดันโลหิต สูง หลอดลมอักเสบ การปลูกสับปะรดพันธุ์นางแลสับปะรดพันธุ์ภููแล
  • 26.  สรุปข้อแตกต่างระหว่างสับปะรดนางกับสับประรดภููแล สับปะรดนางแลจะให้ผลผลิตค่อนข้างดีกว่าภูแลประมาณ 2000 กิโลกรัมต่อไร่ ส่วน ราคาจาหน่ายพันธุ์นางแลจะต่ากว่าภูแลเล็กน้อย นางแลราคาต่าสุดอยู่ที่ประมาณ 2-3 บาทต่อ กิโลกรัม สูงสุดประมาณ 12 บาทต่อกิโลกรัม แต่ปัจจุบันจาหน่ายกก.ละ7-8 บาท ส่วนสับปะรด พันธุ์ภูแลจะให้ผลผลิตประมาณ 800 กิโลกรัมต่อไร่ และราคาต่าสุดจะอยู่ที่ประมาณ 5 บาทต่อ กิโลกรัม สูงสุดประมาณ 17 บาทต่อกิโลกรัม ปัจจุบันจาหน่ายในราคากิโลกรัมละ 11 บาท การปลูกสับปะรดพันธุ์นางแลสับปะรดพันธุ์ภููแล
  • 27. ลักษณะของสับปะรดนางแลนั้นผลจะไม่ใหญ่มากนัก มีขนาดใหญ่กว่าพันธุ์ภูแลแต่ก็เล็ก กว่าสับปะรดพันธุ์อื่นๆมาก สับปะรดนางแลที่ได้รับการดูแลเอาใจใส่เป็นอย่างดีและถูกต้องตั้งแต่ เริ่มปลูก จะมีรสชาติหวานฉ่า เนื้ อด้านในมีสีเหลืองน่ารับประทาน สับปะรดนางแลจะมีรสชาติดี ที่สุดในช่วงเดือนเมษายน-มิถุนายน หลังจากเดือนกันยายนไปแล้วรสชาติจะไม่ค่อยดีเท่าที่ควร ส่วนสับปะรดพันธุ์ภูแล เป็นสับปะรดที่มีผลขนาดเล็ก เนื้ อด้านในมีสีเหลืองอ่อน น่า รับประทาน มีรสชาติหวาน กรอบ สับปะรดภูแลจะมีรสชาติอร่อยคงเดิมตลอดทั้งปี จึงสามารถ รับประทานได้ตลอดปี แต่ช่วงที่นิยมกันมากที่สุดคือช่วงเดือนกันยายน-ตุลาคม เพราะช่วงนี้ สับปะรดพันธุ์นางแลจะขาดตลาดและมีรสชาติไม่ค่อยดีเท่าที่ควร คนทั่วไปจึงหันมาทานภูแลกัน มากขึ้นในช่วงนี้ การปลูกสับปะรดพันธุ์นางแลสับปะรดพันธุ์ภููแล