Lesson02
- 2. ประวัติความเป็นมาของสับปะรดนางแล
สับปะรดนางแลหรือสับปะรดพันธุ์น้าผึ้ ง กลุ่มสายพันธุ์ยาเคน เป็นพันธุ์ย่อยของพันธุ์
ปัตตาเวีย เพราะมีลักษณะ ต้นใบและดอก คล้ายกัน การตั้งชื่อ สับปะรดนางแล ผู้ที่นาสับปะรด
นางแลมาปลูกในตาบลนางแลครั้งแรก ชื่อ นายเข่ง แซ่อุย เป็นชาวจีนไหหลาอพยพมาจาก
ประเทศจีน ได้ภรรยาชื่อ นางจันทร์ เกิดคา เดิมอาศัยอยู่ที่บ้านปากกองอาเภอสารภี จังหวัด
เชียงใหม่แล้วอพยพมาตั้งถิ่นฐานอยู่ที่บ้านป่าซางวิวัฒน์หมู่ที่ 17 ตาบลนางแล อาเภอเมือง จังหวัด
เชียงราย นายเข่งได้กลับไปเยี่ยมญาติ และได้นาสับปะรดพันธุ์นี้ มาจากสิงคโปร์ประมาณปี พ.ศ.
2480 ประมาณ 30 หน่อ
สับปะรดนางแล
- 3. สับปะรดนางแล
สับปะรดนางแลมีอยู่ 3 พันธุ์ คือ
- พันธุ์ใบอ่อน มีหนาม ขนาดผลเล็กหวานหอม เนื้ อกรอบ
- พันธุ์ใบแข็ง มีหนาม ขนาดผลใหญ่กว่าพันธุ์ใบอ่อนมีหนาม หวานหอม ฉ่า ตาตื้ น
- พันธุ์ใบไม่มีหนาม (มีหนามปลายใบเล็กน้อย) ขนาดผลใหญ่ตาโปนยื่นออกมา หวาน หอม
พันธุ์ใบไม่มีหนามเป็นพันธุ์ที่ปลูกกันแพร่หลายอยู่ทุกวันนี้ โดยนามาปลูกที่หลังโบสถ์
คริสตจักรบ้านป่ าซางวิวัฒน์เป็นครั้งแรก ปรากฏว่าในปีแรกสับปะรดทั้ง 3 พันธุ์ มีเนื้ อขาว หวาน
กรอบ แต่ปีต่อๆมา สีเนื้ อได้เปลี่ยนเป็นสีน้าผึ้ง หวานฉ่า กลิ่นหอมเหมือนน้าผึ้ง นายเข่ง แซ่อุย หรือโก
เข่ง เป็นคนที่หวงพันธุ์มาก จึงแพร่ขยายพันธุ์ช้า ในปี พ.ศ. 2505 กานันคาลือ เขื่อนเพชร กานันเก่า
ตาบลนางแลได้ซื้อหน่อสับปะรด จากสวนนายเข่ง แซ่อุย มาปลูกและไม่หวงพันธุ์สับปะรดพันธุ์นี้ จึงได้
แพร่ขยายพันธุ์ต่อไป และเป็นที่นิยมของผู้บริโภค
- 4. ทรงพุ่ม - เล็กกว่าพันธุ์ปัตตาเวีย
ใบ - ขอบใบเรียบไม่มีหนาม จะมีหนามที่ปลายใบเล็กน้อย
ผล - มีรูปทรงกระบอก ผลย่อยมีจานวนน้อย และใหญ่กว่าพันธุ์ปัตตาเวีย
ตา - นูนโปนยื่นออกมา ตาไม่ฝังลึก ปอกด้วยมีดเพียงบาง ๆ ก็จะถึงเนื้ อในไม่มี
ส่วนของตาเหลืออยู่ ทาให้ไม่ต้องเสียเวลาและเสียเนื้ อใน
เนื้ อ - มีรสหวานแหลมจัด ฉ่า สีเหลือเข้มออกสีน้าผึ้ง กลิ่นหอมเหมือนกลิ่นน้าผึ้ง
ขนาดผล - มีขนาดผลตั้งแต่ 0.5 กก. ถึง 2.5 กก. เฉลี่ยน้าหนักผล 1 – 1.5 กก.
เปลือก - บาง ไม่เหมาะสาหรับการขนส่งทางไกล เพราะจะทาให้ชอกช้าได้ง่าย
ลักษณะของสับปะรดนางแล