SlideShare a Scribd company logo
1 of 16
กิจกรรมที่3
ประเภทเเละขั้นตอนการทาโครงงาน
คอมพิวเตอร ์
ประเภทของโครงงานคอมพิวเตอร์
คอมพิวเตอร์ เป็นเครื่องมือที่ใช้ในงานวิจัยในทุก ๆ สาขาวิชา ดังนั้นโครงงานคอมพิวเตอร์
จึงมีความหลากหลายเป็นอย่างมาก ทั้งในลักษณะของเนื้อหา กิจกรรม และลักษณะของ
ประโยชน์หรือผลงานที่ได้ ซึ่งอาจแบ่งเป็นประเภทใหญ่ ๆ ได้ 5 ประเภท คือ
1. โครงงานพัฒนาสื่อเพื่อการศึกษา (Educational Media)
Media)
2. โครงงานพัฒนาเครื่องมือ (Tools Development)
3. โครงงานประเภทจาลองทฤษฎี (Theory Experiment)
Experiment)
4. โครงงานประเภทการประยุกต์ใช้งาน (Application)
1.โครงงานพัฒนาสื่อเพื่อการศึกษา (Educational
Media)
เป็ นโครงงานที่ใช้คอมพิวเตอร ์ในการผลิตสื่อเพื่อการศึกษา
บทเรียน หรือหน่วยการเรียน ซึ่งอาจจะต้องมีภาคแบบฝึกหัด บท
ไว้พร ้อม ผู้เรียนสามารถเรียนแบบรายบุคคลหรือรายกลุ่ม การสอน
ถือว่าเครื่องคอมพิวเตอร ์เป็ นอุปกรณ์การสอน ไม่ใช่เป็ นครูผู้สอน ซึ่ง
บทเรียนแบบ Online ให้นักเรียนเข้ามาศึกษาด้วยตนเองก็ได้
โครงงานประเภทนี้สามารถพัฒนาขึ้นเพื่อใช้ประกอบการสอน
จะเป็ นสาขาคอมพิวเตอร ์วิชาคณิตศาสตร ์วิชาวิทยาศาสตร ์วิชา
นักเรียนอาจคัดเลือกหัวข้อที่นักเรียนทั่วไปที่ทาความเข้าใจยาก มา
โปรแกรมบทเรียน ตัวอย่างเช่น โปรแกรมสอนวิธีการใช้งาน ระบบ
แบบทดสอบวิชาต่าง ๆ
2.โครงงานพัฒนาเครื่องมือ (Tools
Development)
เป็ นโครงงานเพื่อพัฒนาเครื่องมือมาใช้ช่วยสร ้างงานประยุกต์
ใหญ่จะเป็ นในรูปซอฟต์แวร ์ตัวอย่างของเครื่องมือช่วยงาน เช่น
พิมพ์งาน ซอฟต์แวร ์ช่วยการมองวัตถุในมุมต่าง ๆ เป็ นต้น สาหรับ
นั้นสร ้างขึ้นเป็ นโปรแกรมประมวลผลภาษา ซึ่งจะเป็ นเครื่องมือให้เราใช้
บนเครื่องคอมพิวเตอร ์เป็ นไปได้โดยง่าย ซึ่งรูปที่ได้สามารถนาไปใช้
สาหรับซอฟต์แวร ์ช่วยในการมองวัตถุในมุมต่าง ๆ ใช้สาหรับช่วยใน
เช่น โปรแกรมประเภท 3D
3. โครงงานประเภทจาลองทฤษฎี (Theory
Experiment)
เป็ นโครงงานใช้คอมพิวเตอร ์ในการจาลองการทดลองของ
ที่ผู้ทาต้องศึกษารวบรวมความรู้หลักการ ข้อเท็จจริงและแนวความคิด
เรื่องที่ต้องการศึกษา แล้วเสนอเป็ นแนวคิด แบบจาลอง หลักการ ซึ่ง
สูตร หรือคาอธิบายก็ได้พร ้อมทั้งนาเสนอวิธีการจาลองทฤษฎีด้วย
โครงงานประเภทนี้มีจุดสาคัญอยู่ที่ผู้ทาต้องมีความรู้เรื่องนั้น ๆ เป็ น
ทดลองเรื่องการไหลของเหลว การทดลองเรื่องพฤติกรรมของปลาอโร
ดีเอ็นเอ เป็ นต้น
4. โครงงานประเภทการประยุกต์ใช้งาน
(Application)
เป็ นโครงงานที่ใช้คอมพิวเตอร ์ในการสร ้างผลงานเพื่อ
ชีวิตประจาวัน เช่น ซอฟต์แวร ์สาหรับการออกแบบและตกแต่งอาคาร
ผสมสี ซอฟต์แวร ์สาหรับการระบุคนร ้าย เป็ นต้น โครงงานงานประเภท
ฮาร ์ดแวร ์ซอฟต์แวร ์หรืออุปกรณ์ใช้สอยต่าง ๆ ซึ่งอาจจะสร ้างใหม่
ของเดิมที่มีอยู่แล้วให้มี ประสิทธิภาพสูงขึ้นก็ได้ โครงงานลักษณะนี้
ความต้องการของผู้ใช้ก่อน แล้วนาข้อมูลที่ได้มาใช้ในการออกแบบ
ต่อจากนั้นต้องมีการทดสอบการทางานหรือทดสอบคุณภาพของ
ให้มีความสมบูรณ์ โครงงานประเภทนี้นักเรียนต้องใช้ความรู้เกี่ยวกับ
โปรแกรม และเครื่องมือต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งอาจใช้วิธีทาง
ซอฟต์แวร ์ในการพัฒนาด้วย
5. โครงงานพัฒนาเกม (Game Development)
เป็ นโครงงานพัฒนาซอฟต์แวร ์เกมเพื่อความรู้และ/หรือ
หมากรุก เกมหมากฮอส เกมการคานวณเลข ซึ่งเกมที่พัฒนาขึ้นนี้
รุนแรง เน้นการใช้สมองเพื่อฝึกคิดอย่างมีหลักการ โครงงานประเภทนี้
ลักษณะและกฎเกณฑ์การเล่น เพื่อให้น่าสนใจเก่ผู้เล่น พร ้อมทั้งให้
ผู้พัฒนาควรจะได้ทาการสารวจและรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับเกมต่าง ๆ
ปรับปรุงหรือพัฒนาขึ้นใหม่เพื่อให้เป็ นเกมที่แปลกใหม่ และน่าสนใจแก่
ขั้นตอนการทาโครงงาน
คอมพิวเตอร ์
1. คัดเลือกหัวข้อโครงงานที่
สนใจ
2. ศึกษาค้นคว้าจากเอกสาร
และแหล่งข้อมูล
3. จัดทาเค้าโครงของ
โครงงาน
4. การลงมือทาโครงงาน
5. การเขียนรายงาน
1. คัดเลือกหัวข้อโครงงานที่สนใจ
โดยทั่วไปเรื่องที่จะนามาพัฒนาเป็นโครงงานคอมพิวเตอร ์มักจะได้มาจาก
ปัญหา คาถาม หรือความสนใจในเรื่องต่างๆ จากการสังเกตสิ่งต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับ
ต่างๆ รอบตัว ปัญหาที่จะนามาพัฒนาโครงงานคอมพิวเตอร ์ได้จากแหล่งต่างๆ กัน
1. การอ่านค้นคว้าจากหนังสือ เอกสาร หนังสือพิมพ์หรือวารสารต่างๆ
2. การไปเยี่ยมชมสถานที่ต่างๆ
3. การฟังบรรยายทางวิชาการ รายการวิทยุและโทรทัศน์ รวมทั้งการสนทนา
อภิปรายแลกเปลี่ยนความคิดเห็นระหว่างเพื่อนนักเรียนหรือกับบุคคลอื่นๆ
4. กิจกรรมการเรียนการสอนในโรงเรียน
5. งานอดิเรกของนักเรียน
6. การเข้าชมงานนิทรรศการหรืองานประกวดโครงงานคอมพิวเตอร ์
ในการตัดสินใจเลือกหัวข้อที่จะนามาพัฒนาโครงงานคอมพิวเตอร ์ควรพิจารณา
1. ต้องมีความรู้และทักษะพื้นฐานอย่างเพียงพอในหัวข้อเรื่องที่จะศึกษา
2. สามารถจัดหาเครื่องคอมพิวเตอร ์ซอฟต์แวร ์และวัสดุอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้อง
ได้
3. มีแหล่งความรู้เพียงพอที่จะค้นคว้าหรือขอคาปรึกษา
4. มีเวลาเพียงพอ
5. มีงบประมาณเพียงพอ
6. มีความปลอดภัย
2. ศึกษาค้นคว้าจากเอกสารและแหล่งข้อมูล
การศึกษาค้นคว้าจากเอกสารและแหล่งข้อมูล ซึ่งรวมถึงการ
ขอคาปรึกษาจากผู้ทรงคุณวุฒิ จะช่วยให้นักเรียนได้แนวคิดที่ใช้ใน
เรื่องที่จะศึกษาได้เฉพาะเจาะจงมากยิ่งขึ้น รวมทั้งได้ความรู้เพิ่มเติมใน
สามารถใช้ออกแบบและวางแผนดาเนินการทาโครงงานนั้นได้อย่าง
จะต้องได้คาตอบว่า
1. จะทา อะไร
2. ทาไมต้องทา
3. ต้องการให้เกิดอะไร
4. ทาอย่างไร
5. ใช้ทรัพยากรอะไร
6. ทากับใคร
7. เสนอผลอย่างไร
รายงาน รายละเอียดที่ต้องระบุ
ชื่อโครงงาน ทาอะไร กับใคร เพื่ออะไร
ประเภทโครงงาน วิเคราะห์จากลักษณะของประโยชน์หรือผลงานที่ได้
ชื่อผู้จัดทาโครงงาน ผู้รับผิดชอบโครงงาน อาจเป็ นรายบุคคล หรือรายกลุ่มก็ได้
ครูที่ปรึกษาโครงงาน ครู-อาจารย์ผู้ทาหน้าที่เป็ นที่ปรึกษา และควบคุมการทา
ครูที่ปรึกษาร่วม ครู-อาจารย์ผู้ทาหน้าที่เป็ นที่ปรึกษาร่วม ให้คาแนะนาในการทา
ระยะเวลาดาเนินงาน
ระยะเวลาการดาเนินงานโครงงาน ตั้งแต่เริ่มต้นจนสิ้นสุด
ได้
แนวคิด ที่มา และ
ความสาคัญ
สภาพปัจจุบันที่เป็ นความต้องการและความคาดหวังที่จะเกิดผล
วัตถุประสงค์ สิ่งที่ต้องการให้เกิดขึ้นเมื่อสิ้นสุดโครงงานทั้งในเชิงกระบวนการ
หลักการและทฤษฎี หลักการและทฤษฎีที่นามาใช ้ในการพัฒนาโครงงาน
วิธีดาเนินงาน
กิจกรรมหรือขั้นตอนการดาเนินงาน เครื่องมือ วัสดุอุปกรณ์
ผู้รับผิดชอบ
ขั้นตอนการปฏิบัติ วัน เวลา และกิจกรรมดาเนินการต่างๆ ตั้งแต่เริ่มต้นจนสิ้นสุด
ผลที่คาดว่าจะได้รับ สภาพของผลที่ต้องการให้เกิด ทั้งที่เป็ นผลผลิต กระบวนการ
เอกสารอ้างอิง สื่อเอกสาร ข้อมูลที่ได้จากแหล่งต่างๆ ที่นามาใช ้ในการ
3. องค์ประกอบของเค้าโครงของโครงงาน
4. การลงมือทาโครงงาน
4.1 การเตรียมการ
การเตรียมการ ต้องเตรียมเครื่องคอมพิวเตอร ์ซอฟต์แวร ์และวัสดุ
อื่นๆ ที่จะใช ้ในการพัฒนาให้พร ้อมด้วย และควรเตรียมสมุดบันทึกหรือ
ระบบคอมพิวเตอร ์สาหรับบันทึกการทากิจกรรมต่างๆ ระหว่างทาโครงงาน
ได้ผลอย่างไร มีปัญหาและแก้ไขได้หรือไม่อย่างไร รวมทั้งข้อสังเกตต่างๆ ที่
4.2 การลงมือพัฒนา
1. ปฏิบัติตามแผนงานที่วางไว้ในเค้าโครง แต่อาจเปลี่ยนแปลงหรือ
เพิ่มเติมได้ถ้าพบว่าจะช่วยทาให้ผลงานดีขึ้น
2. จัดระบบการทางานโดยทาส่วนที่เป็นหลักสาคัญๆ ให้แล้วเสร็จ
ก่อน จึงค่อยทา ส่วนที่เป็นส่วนประกอบหรือส่วนเสริมเพื่อให้โครงงานมี
ถ้ามีการแบ่งงานกันทา ให้ตกลงรายละเอียดในการต่อเชื่อมชิ้นงานที่
3. พัฒนาระบบงานด้วยความละเอียดรอบคอบ และบันทึกข้อมูลไว้
อย่างเป็นระบบและครบถ้วน
4.3 การทดสอบผลงานและแก้ไข
การตรวจสอบความถูกต้องของผลงาน เป็นความจาเป็นเพื่อให้
แน่ใจว่าผลงานที่พัฒนาขึ้นทางานได้ถูกต้องตรงกับความต้องการ ที่ระบุ
ประสิทธิภาพสูงด้วย
4.4 การอภิปรายและข้อเสนอแนะ
เมื่อพัฒนาผลงานเรียบร ้อยแล้ว ให้จัดทาสรุปด้วยข้อความที่สั้น
กะทัดรัดอย่างครอบคลุม เพื่อช่วยให้ผู้อ่านได้เข้าใจถึงสิ่งที่ค้นพบจาก
อภิปรายผลด้วย เพื่อพิจารณาข้อมูลและผลที่ได้พร ้อมกับนา ไปหา
ทฤษฎี หรือผลงานที่ผู้อื่นได้ศึกษาไว้แล้ว ทั้งนี้ยังรวมถึงการนาหลักการ
ผู้อื่นมาใช ้ประกอบการอภิปรายผลที่ได้ด้วย
4.5 แนวทางการพัฒนาโครงงานในอนาคตและ
ข้อเสนอแนะ
เมื่อทาโครงงานเสร็จสิ้นลงแล้ว นักเรียนอาจพบข้อสังเกต
ประเด็นที่สาคัญ หรือปัญหา ซึ่งสามารถเขียนเป็นข้อเสนอแนะและสิ่งที่
ประโยชน์ต่อไปได้
5. การเขียนรายงาน
การเขียนรายงานเป็ นวิธีการสื่อความหมายเพื่อให้ผู้อื่นได้
เข้าใจแนวคิด วิธีดาเนินการศึกษาค้นคว้า ข้อมูลที่ได้ตลอดจน
เกี่ยวกับโครงงานนั้น ในการเขียนรายงานนักเรียนควรใช้ภาษาที่อ่าน
ตรงไปตรงมา ให้ครอบคลุมหัวข้อต่างๆเหล่านี้
5.1 ส่วนนา
5.2 บทนา
5.3 หลักการและทฤษฎี
5.4 วิธีดาเนินการ
5.5 ผลการศึกษา
5.6 สรุปผลและข้อเสนอแนะ
5.7 ประโยชน์
5.8 บรรณานุกรม
5.9 การจัดทาคู่มือการใช้งาน
6. การนาเสนอและแสดงโครงงาน
การนาเสนอและการแสดงผลงานเป็นขั้นตอนที่สาคัญอีก
ขั้นตอนหนึ่งของการทาโครงงาน เพื่อแสดงออกถึงผลิตผลความคิด
ทางานที่ผู้ทาโครงงานได้ทุ่มเท และเป็ นวิธีทาให้ผู้อื่นได้รับรู้และเข้าใจ
ผลงานอาจทาได้ในหลายรูปแบบต่างๆ กัน เช่น การแสดงผลงานโดย
ประกอบการรายงานด้วยคาพูดในที่ประชุม การจัดนิทรรศการโดย
คาพูด เป็ นต้น โดยผลงานที่นามาเสนอหรือจัดแสดงควรประกอบด้วย
1. ชื่อโครงงาน
2. ชื่อผู้จัดทาโครงงาน
3. ชื่ออาจารย์ที่ปรึกษา
4. คาอธิบายถึงที่มาและความสาคัญของโครงงาน
5. วิธีการดาเนินการที่สาคัญ
6. การสาธิตผลงาน
7. ผลการสังเกตและข้อสรุปสาคัญที่ได้จากการทาโครงงาน
แหล่งที่มาของข้อมูล
• http://www.acr.ac.th/acr/ACR_E-Learning/
• http://158.108.203.7/elearning/

More Related Content

What's hot

โครงงานคอมพิวเตอร์
โครงงานคอมพิวเตอร์โครงงานคอมพิวเตอร์
โครงงานคอมพิวเตอร์Jom-Jam HulaHula
 
ใบงานท 4
ใบงานท   4ใบงานท   4
ใบงานท 4kanatakenta
 
Yanisaand prapasiriproject2
Yanisaand prapasiriproject2Yanisaand prapasiriproject2
Yanisaand prapasiriproject2YanisaKanya1
 
ใบงานที่ 2
ใบงานที่ 2 ใบงานที่ 2
ใบงานที่ 2 rohanlathel
 
กิจกรรมที่2+3
กิจกรรมที่2+3กิจกรรมที่2+3
กิจกรรมที่2+3PaiwarinLuanginta
 
ใบงานที่4
ใบงานที่4ใบงานที่4
ใบงานที่4juice1414
 
โครงร่างโครงงานคอม เรื่อง กว่าจะเป็น Apple inc.
โครงร่างโครงงานคอม เรื่อง กว่าจะเป็น Apple inc. โครงร่างโครงงานคอม เรื่อง กว่าจะเป็น Apple inc.
โครงร่างโครงงานคอม เรื่อง กว่าจะเป็น Apple inc. Thanatchaporn Yawichai
 
ใบงานที่4 เรื่อง โครงงานประเภทการพัฒนาเพื่อการศึกษา
ใบงานที่4 เรื่อง โครงงานประเภทการพัฒนาเพื่อการศึกษาใบงานที่4 เรื่อง โครงงานประเภทการพัฒนาเพื่อการศึกษา
ใบงานที่4 เรื่อง โครงงานประเภทการพัฒนาเพื่อการศึกษาNatnicha Nuanlaong
 
Presentation3
Presentation3Presentation3
Presentation3noeynymon
 
ประเภทของโครงงานคอมพิวเตอร์
ประเภทของโครงงานคอมพิวเตอร์ประเภทของโครงงานคอมพิวเตอร์
ประเภทของโครงงานคอมพิวเตอร์kannnikar Wannapa
 

What's hot (19)

3computerr
3computerr3computerr
3computerr
 
Work 3
Work 3Work 3
Work 3
 
โครงงานคอมพิวเตอร์
โครงงานคอมพิวเตอร์โครงงานคอมพิวเตอร์
โครงงานคอมพิวเตอร์
 
2 3
2 32 3
2 3
 
ใบงานท 4
ใบงานท   4ใบงานท   4
ใบงานท 4
 
Yanisaand prapasiriproject2
Yanisaand prapasiriproject2Yanisaand prapasiriproject2
Yanisaand prapasiriproject2
 
ใบงานท 3
ใบงานท  3ใบงานท  3
ใบงานท 3
 
Work 3
Work 3Work 3
Work 3
 
Work2 3
Work2 3Work2 3
Work2 3
 
ใบงานที่ 2
ใบงานที่ 2 ใบงานที่ 2
ใบงานที่ 2
 
กิจกรรมที่2+3
กิจกรรมที่2+3กิจกรรมที่2+3
กิจกรรมที่2+3
 
ใบงานที่4
ใบงานที่4ใบงานที่4
ใบงานที่4
 
โครงร่างโครงงานคอม เรื่อง กว่าจะเป็น Apple inc.
โครงร่างโครงงานคอม เรื่อง กว่าจะเป็น Apple inc. โครงร่างโครงงานคอม เรื่อง กว่าจะเป็น Apple inc.
โครงร่างโครงงานคอม เรื่อง กว่าจะเป็น Apple inc.
 
ใบงานที่4 เรื่อง โครงงานประเภทการพัฒนาเพื่อการศึกษา
ใบงานที่4 เรื่อง โครงงานประเภทการพัฒนาเพื่อการศึกษาใบงานที่4 เรื่อง โครงงานประเภทการพัฒนาเพื่อการศึกษา
ใบงานที่4 เรื่อง โครงงานประเภทการพัฒนาเพื่อการศึกษา
 
Com3
Com3Com3
Com3
 
วิจัยฝุ่น
วิจัยฝุ่นวิจัยฝุ่น
วิจัยฝุ่น
 
Presentation3
Presentation3Presentation3
Presentation3
 
3computer
3computer3computer
3computer
 
ประเภทของโครงงานคอมพิวเตอร์
ประเภทของโครงงานคอมพิวเตอร์ประเภทของโครงงานคอมพิวเตอร์
ประเภทของโครงงานคอมพิวเตอร์
 

Similar to Comm3

โครงงานคอมพิวเตอร์
โครงงานคอมพิวเตอร์โครงงานคอมพิวเตอร์
โครงงานคอมพิวเตอร์cham45314
 
ใบงานที่4 เรื่อง โครงงานประเภทการพัฒนาเพื่อการศึกษา
ใบงานที่4 เรื่อง โครงงานประเภทการพัฒนาเพื่อการศึกษาใบงานที่4 เรื่อง โครงงานประเภทการพัฒนาเพื่อการศึกษา
ใบงานที่4 เรื่อง โครงงานประเภทการพัฒนาเพื่อการศึกษาNatnicha Nuanlaong
 
โครงงานคอม
โครงงานคอมโครงงานคอม
โครงงานคอมJid Supharada
 
โครงงานคอม
โครงงานคอมโครงงานคอม
โครงงานคอมChorpaka Sarawat
 
โครงงานคอม
โครงงานคอมโครงงานคอม
โครงงานคอมChorpaka Sarawat
 
โครงงานคอม
โครงงานคอมโครงงานคอม
โครงงานคอมAratchaporn Julla
 
Computer project fm
Computer project fmComputer project fm
Computer project fmfahjirachaya
 
ความหมายของโครงงาน
ความหมายของโครงงานความหมายของโครงงาน
ความหมายของโครงงานhuntertoy
 
ความหมายโครงงานคอมพิวเตอร์
ความหมายโครงงานคอมพิวเตอร์ความหมายโครงงานคอมพิวเตอร์
ความหมายโครงงานคอมพิวเตอร์miiztake
 
Com3 602 1718
Com3 602 1718Com3 602 1718
Com3 602 1718KUMBELL
 

Similar to Comm3 (20)

ใบงานท 4
ใบงานท   4ใบงานท   4
ใบงานท 4
 
โครงงานคอมพิวเตอร์
โครงงานคอมพิวเตอร์โครงงานคอมพิวเตอร์
โครงงานคอมพิวเตอร์
 
ใบงานที่4 เรื่อง โครงงานประเภทการพัฒนาเพื่อการศึกษา
ใบงานที่4 เรื่อง โครงงานประเภทการพัฒนาเพื่อการศึกษาใบงานที่4 เรื่อง โครงงานประเภทการพัฒนาเพื่อการศึกษา
ใบงานที่4 เรื่อง โครงงานประเภทการพัฒนาเพื่อการศึกษา
 
Computer projrct 3
Computer projrct 3Computer projrct 3
Computer projrct 3
 
Presentation 3 11,37 612
Presentation 3  11,37 612Presentation 3  11,37 612
Presentation 3 11,37 612
 
K2
K2K2
K2
 
ใบงานที่ 2
ใบงานที่ 2ใบงานที่ 2
ใบงานที่ 2
 
โครงงานคอม
โครงงานคอมโครงงานคอม
โครงงานคอม
 
โครงงานคอม
โครงงานคอมโครงงานคอม
โครงงานคอม
 
โครงงานคอม
โครงงานคอมโครงงานคอม
โครงงานคอม
 
โครงงานคอม
โครงงานคอมโครงงานคอม
โครงงานคอม
 
K2
 K2 K2
K2
 
Pranpriya605
Pranpriya605Pranpriya605
Pranpriya605
 
Computer project fm
Computer project fmComputer project fm
Computer project fm
 
ใบงานที่ 5
ใบงานที่ 5ใบงานที่ 5
ใบงานที่ 5
 
ความหมายของโครงงาน
ความหมายของโครงงานความหมายของโครงงาน
ความหมายของโครงงาน
 
ความหมายโครงงานคอมพิวเตอร์
ความหมายโครงงานคอมพิวเตอร์ความหมายโครงงานคอมพิวเตอร์
ความหมายโครงงานคอมพิวเตอร์
 
Com3 602 1718
Com3 602 1718Com3 602 1718
Com3 602 1718
 
Presentation3
Presentation3Presentation3
Presentation3
 
Computer
ComputerComputer
Computer
 

Comm3

  • 2. ประเภทของโครงงานคอมพิวเตอร์ คอมพิวเตอร์ เป็นเครื่องมือที่ใช้ในงานวิจัยในทุก ๆ สาขาวิชา ดังนั้นโครงงานคอมพิวเตอร์ จึงมีความหลากหลายเป็นอย่างมาก ทั้งในลักษณะของเนื้อหา กิจกรรม และลักษณะของ ประโยชน์หรือผลงานที่ได้ ซึ่งอาจแบ่งเป็นประเภทใหญ่ ๆ ได้ 5 ประเภท คือ 1. โครงงานพัฒนาสื่อเพื่อการศึกษา (Educational Media) Media) 2. โครงงานพัฒนาเครื่องมือ (Tools Development) 3. โครงงานประเภทจาลองทฤษฎี (Theory Experiment) Experiment) 4. โครงงานประเภทการประยุกต์ใช้งาน (Application)
  • 3. 1.โครงงานพัฒนาสื่อเพื่อการศึกษา (Educational Media) เป็ นโครงงานที่ใช้คอมพิวเตอร ์ในการผลิตสื่อเพื่อการศึกษา บทเรียน หรือหน่วยการเรียน ซึ่งอาจจะต้องมีภาคแบบฝึกหัด บท ไว้พร ้อม ผู้เรียนสามารถเรียนแบบรายบุคคลหรือรายกลุ่ม การสอน ถือว่าเครื่องคอมพิวเตอร ์เป็ นอุปกรณ์การสอน ไม่ใช่เป็ นครูผู้สอน ซึ่ง บทเรียนแบบ Online ให้นักเรียนเข้ามาศึกษาด้วยตนเองก็ได้ โครงงานประเภทนี้สามารถพัฒนาขึ้นเพื่อใช้ประกอบการสอน จะเป็ นสาขาคอมพิวเตอร ์วิชาคณิตศาสตร ์วิชาวิทยาศาสตร ์วิชา นักเรียนอาจคัดเลือกหัวข้อที่นักเรียนทั่วไปที่ทาความเข้าใจยาก มา โปรแกรมบทเรียน ตัวอย่างเช่น โปรแกรมสอนวิธีการใช้งาน ระบบ แบบทดสอบวิชาต่าง ๆ
  • 4. 2.โครงงานพัฒนาเครื่องมือ (Tools Development) เป็ นโครงงานเพื่อพัฒนาเครื่องมือมาใช้ช่วยสร ้างงานประยุกต์ ใหญ่จะเป็ นในรูปซอฟต์แวร ์ตัวอย่างของเครื่องมือช่วยงาน เช่น พิมพ์งาน ซอฟต์แวร ์ช่วยการมองวัตถุในมุมต่าง ๆ เป็ นต้น สาหรับ นั้นสร ้างขึ้นเป็ นโปรแกรมประมวลผลภาษา ซึ่งจะเป็ นเครื่องมือให้เราใช้ บนเครื่องคอมพิวเตอร ์เป็ นไปได้โดยง่าย ซึ่งรูปที่ได้สามารถนาไปใช้ สาหรับซอฟต์แวร ์ช่วยในการมองวัตถุในมุมต่าง ๆ ใช้สาหรับช่วยใน เช่น โปรแกรมประเภท 3D
  • 5. 3. โครงงานประเภทจาลองทฤษฎี (Theory Experiment) เป็ นโครงงานใช้คอมพิวเตอร ์ในการจาลองการทดลองของ ที่ผู้ทาต้องศึกษารวบรวมความรู้หลักการ ข้อเท็จจริงและแนวความคิด เรื่องที่ต้องการศึกษา แล้วเสนอเป็ นแนวคิด แบบจาลอง หลักการ ซึ่ง สูตร หรือคาอธิบายก็ได้พร ้อมทั้งนาเสนอวิธีการจาลองทฤษฎีด้วย โครงงานประเภทนี้มีจุดสาคัญอยู่ที่ผู้ทาต้องมีความรู้เรื่องนั้น ๆ เป็ น ทดลองเรื่องการไหลของเหลว การทดลองเรื่องพฤติกรรมของปลาอโร ดีเอ็นเอ เป็ นต้น
  • 6. 4. โครงงานประเภทการประยุกต์ใช้งาน (Application) เป็ นโครงงานที่ใช้คอมพิวเตอร ์ในการสร ้างผลงานเพื่อ ชีวิตประจาวัน เช่น ซอฟต์แวร ์สาหรับการออกแบบและตกแต่งอาคาร ผสมสี ซอฟต์แวร ์สาหรับการระบุคนร ้าย เป็ นต้น โครงงานงานประเภท ฮาร ์ดแวร ์ซอฟต์แวร ์หรืออุปกรณ์ใช้สอยต่าง ๆ ซึ่งอาจจะสร ้างใหม่ ของเดิมที่มีอยู่แล้วให้มี ประสิทธิภาพสูงขึ้นก็ได้ โครงงานลักษณะนี้ ความต้องการของผู้ใช้ก่อน แล้วนาข้อมูลที่ได้มาใช้ในการออกแบบ ต่อจากนั้นต้องมีการทดสอบการทางานหรือทดสอบคุณภาพของ ให้มีความสมบูรณ์ โครงงานประเภทนี้นักเรียนต้องใช้ความรู้เกี่ยวกับ โปรแกรม และเครื่องมือต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งอาจใช้วิธีทาง ซอฟต์แวร ์ในการพัฒนาด้วย
  • 7. 5. โครงงานพัฒนาเกม (Game Development) เป็ นโครงงานพัฒนาซอฟต์แวร ์เกมเพื่อความรู้และ/หรือ หมากรุก เกมหมากฮอส เกมการคานวณเลข ซึ่งเกมที่พัฒนาขึ้นนี้ รุนแรง เน้นการใช้สมองเพื่อฝึกคิดอย่างมีหลักการ โครงงานประเภทนี้ ลักษณะและกฎเกณฑ์การเล่น เพื่อให้น่าสนใจเก่ผู้เล่น พร ้อมทั้งให้ ผู้พัฒนาควรจะได้ทาการสารวจและรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับเกมต่าง ๆ ปรับปรุงหรือพัฒนาขึ้นใหม่เพื่อให้เป็ นเกมที่แปลกใหม่ และน่าสนใจแก่
  • 8. ขั้นตอนการทาโครงงาน คอมพิวเตอร ์ 1. คัดเลือกหัวข้อโครงงานที่ สนใจ 2. ศึกษาค้นคว้าจากเอกสาร และแหล่งข้อมูล 3. จัดทาเค้าโครงของ โครงงาน 4. การลงมือทาโครงงาน 5. การเขียนรายงาน
  • 9. 1. คัดเลือกหัวข้อโครงงานที่สนใจ โดยทั่วไปเรื่องที่จะนามาพัฒนาเป็นโครงงานคอมพิวเตอร ์มักจะได้มาจาก ปัญหา คาถาม หรือความสนใจในเรื่องต่างๆ จากการสังเกตสิ่งต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับ ต่างๆ รอบตัว ปัญหาที่จะนามาพัฒนาโครงงานคอมพิวเตอร ์ได้จากแหล่งต่างๆ กัน 1. การอ่านค้นคว้าจากหนังสือ เอกสาร หนังสือพิมพ์หรือวารสารต่างๆ 2. การไปเยี่ยมชมสถานที่ต่างๆ 3. การฟังบรรยายทางวิชาการ รายการวิทยุและโทรทัศน์ รวมทั้งการสนทนา อภิปรายแลกเปลี่ยนความคิดเห็นระหว่างเพื่อนนักเรียนหรือกับบุคคลอื่นๆ 4. กิจกรรมการเรียนการสอนในโรงเรียน 5. งานอดิเรกของนักเรียน 6. การเข้าชมงานนิทรรศการหรืองานประกวดโครงงานคอมพิวเตอร ์ ในการตัดสินใจเลือกหัวข้อที่จะนามาพัฒนาโครงงานคอมพิวเตอร ์ควรพิจารณา 1. ต้องมีความรู้และทักษะพื้นฐานอย่างเพียงพอในหัวข้อเรื่องที่จะศึกษา 2. สามารถจัดหาเครื่องคอมพิวเตอร ์ซอฟต์แวร ์และวัสดุอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้อง ได้ 3. มีแหล่งความรู้เพียงพอที่จะค้นคว้าหรือขอคาปรึกษา 4. มีเวลาเพียงพอ 5. มีงบประมาณเพียงพอ 6. มีความปลอดภัย
  • 10. 2. ศึกษาค้นคว้าจากเอกสารและแหล่งข้อมูล การศึกษาค้นคว้าจากเอกสารและแหล่งข้อมูล ซึ่งรวมถึงการ ขอคาปรึกษาจากผู้ทรงคุณวุฒิ จะช่วยให้นักเรียนได้แนวคิดที่ใช้ใน เรื่องที่จะศึกษาได้เฉพาะเจาะจงมากยิ่งขึ้น รวมทั้งได้ความรู้เพิ่มเติมใน สามารถใช้ออกแบบและวางแผนดาเนินการทาโครงงานนั้นได้อย่าง จะต้องได้คาตอบว่า 1. จะทา อะไร 2. ทาไมต้องทา 3. ต้องการให้เกิดอะไร 4. ทาอย่างไร 5. ใช้ทรัพยากรอะไร 6. ทากับใคร 7. เสนอผลอย่างไร
  • 11. รายงาน รายละเอียดที่ต้องระบุ ชื่อโครงงาน ทาอะไร กับใคร เพื่ออะไร ประเภทโครงงาน วิเคราะห์จากลักษณะของประโยชน์หรือผลงานที่ได้ ชื่อผู้จัดทาโครงงาน ผู้รับผิดชอบโครงงาน อาจเป็ นรายบุคคล หรือรายกลุ่มก็ได้ ครูที่ปรึกษาโครงงาน ครู-อาจารย์ผู้ทาหน้าที่เป็ นที่ปรึกษา และควบคุมการทา ครูที่ปรึกษาร่วม ครู-อาจารย์ผู้ทาหน้าที่เป็ นที่ปรึกษาร่วม ให้คาแนะนาในการทา ระยะเวลาดาเนินงาน ระยะเวลาการดาเนินงานโครงงาน ตั้งแต่เริ่มต้นจนสิ้นสุด ได้ แนวคิด ที่มา และ ความสาคัญ สภาพปัจจุบันที่เป็ นความต้องการและความคาดหวังที่จะเกิดผล วัตถุประสงค์ สิ่งที่ต้องการให้เกิดขึ้นเมื่อสิ้นสุดโครงงานทั้งในเชิงกระบวนการ หลักการและทฤษฎี หลักการและทฤษฎีที่นามาใช ้ในการพัฒนาโครงงาน วิธีดาเนินงาน กิจกรรมหรือขั้นตอนการดาเนินงาน เครื่องมือ วัสดุอุปกรณ์ ผู้รับผิดชอบ ขั้นตอนการปฏิบัติ วัน เวลา และกิจกรรมดาเนินการต่างๆ ตั้งแต่เริ่มต้นจนสิ้นสุด ผลที่คาดว่าจะได้รับ สภาพของผลที่ต้องการให้เกิด ทั้งที่เป็ นผลผลิต กระบวนการ เอกสารอ้างอิง สื่อเอกสาร ข้อมูลที่ได้จากแหล่งต่างๆ ที่นามาใช ้ในการ 3. องค์ประกอบของเค้าโครงของโครงงาน
  • 12. 4. การลงมือทาโครงงาน 4.1 การเตรียมการ การเตรียมการ ต้องเตรียมเครื่องคอมพิวเตอร ์ซอฟต์แวร ์และวัสดุ อื่นๆ ที่จะใช ้ในการพัฒนาให้พร ้อมด้วย และควรเตรียมสมุดบันทึกหรือ ระบบคอมพิวเตอร ์สาหรับบันทึกการทากิจกรรมต่างๆ ระหว่างทาโครงงาน ได้ผลอย่างไร มีปัญหาและแก้ไขได้หรือไม่อย่างไร รวมทั้งข้อสังเกตต่างๆ ที่ 4.2 การลงมือพัฒนา 1. ปฏิบัติตามแผนงานที่วางไว้ในเค้าโครง แต่อาจเปลี่ยนแปลงหรือ เพิ่มเติมได้ถ้าพบว่าจะช่วยทาให้ผลงานดีขึ้น 2. จัดระบบการทางานโดยทาส่วนที่เป็นหลักสาคัญๆ ให้แล้วเสร็จ ก่อน จึงค่อยทา ส่วนที่เป็นส่วนประกอบหรือส่วนเสริมเพื่อให้โครงงานมี ถ้ามีการแบ่งงานกันทา ให้ตกลงรายละเอียดในการต่อเชื่อมชิ้นงานที่ 3. พัฒนาระบบงานด้วยความละเอียดรอบคอบ และบันทึกข้อมูลไว้ อย่างเป็นระบบและครบถ้วน
  • 13. 4.3 การทดสอบผลงานและแก้ไข การตรวจสอบความถูกต้องของผลงาน เป็นความจาเป็นเพื่อให้ แน่ใจว่าผลงานที่พัฒนาขึ้นทางานได้ถูกต้องตรงกับความต้องการ ที่ระบุ ประสิทธิภาพสูงด้วย 4.4 การอภิปรายและข้อเสนอแนะ เมื่อพัฒนาผลงานเรียบร ้อยแล้ว ให้จัดทาสรุปด้วยข้อความที่สั้น กะทัดรัดอย่างครอบคลุม เพื่อช่วยให้ผู้อ่านได้เข้าใจถึงสิ่งที่ค้นพบจาก อภิปรายผลด้วย เพื่อพิจารณาข้อมูลและผลที่ได้พร ้อมกับนา ไปหา ทฤษฎี หรือผลงานที่ผู้อื่นได้ศึกษาไว้แล้ว ทั้งนี้ยังรวมถึงการนาหลักการ ผู้อื่นมาใช ้ประกอบการอภิปรายผลที่ได้ด้วย 4.5 แนวทางการพัฒนาโครงงานในอนาคตและ ข้อเสนอแนะ เมื่อทาโครงงานเสร็จสิ้นลงแล้ว นักเรียนอาจพบข้อสังเกต ประเด็นที่สาคัญ หรือปัญหา ซึ่งสามารถเขียนเป็นข้อเสนอแนะและสิ่งที่ ประโยชน์ต่อไปได้
  • 14. 5. การเขียนรายงาน การเขียนรายงานเป็ นวิธีการสื่อความหมายเพื่อให้ผู้อื่นได้ เข้าใจแนวคิด วิธีดาเนินการศึกษาค้นคว้า ข้อมูลที่ได้ตลอดจน เกี่ยวกับโครงงานนั้น ในการเขียนรายงานนักเรียนควรใช้ภาษาที่อ่าน ตรงไปตรงมา ให้ครอบคลุมหัวข้อต่างๆเหล่านี้ 5.1 ส่วนนา 5.2 บทนา 5.3 หลักการและทฤษฎี 5.4 วิธีดาเนินการ 5.5 ผลการศึกษา 5.6 สรุปผลและข้อเสนอแนะ 5.7 ประโยชน์ 5.8 บรรณานุกรม 5.9 การจัดทาคู่มือการใช้งาน
  • 15. 6. การนาเสนอและแสดงโครงงาน การนาเสนอและการแสดงผลงานเป็นขั้นตอนที่สาคัญอีก ขั้นตอนหนึ่งของการทาโครงงาน เพื่อแสดงออกถึงผลิตผลความคิด ทางานที่ผู้ทาโครงงานได้ทุ่มเท และเป็ นวิธีทาให้ผู้อื่นได้รับรู้และเข้าใจ ผลงานอาจทาได้ในหลายรูปแบบต่างๆ กัน เช่น การแสดงผลงานโดย ประกอบการรายงานด้วยคาพูดในที่ประชุม การจัดนิทรรศการโดย คาพูด เป็ นต้น โดยผลงานที่นามาเสนอหรือจัดแสดงควรประกอบด้วย 1. ชื่อโครงงาน 2. ชื่อผู้จัดทาโครงงาน 3. ชื่ออาจารย์ที่ปรึกษา 4. คาอธิบายถึงที่มาและความสาคัญของโครงงาน 5. วิธีการดาเนินการที่สาคัญ 6. การสาธิตผลงาน 7. ผลการสังเกตและข้อสรุปสาคัญที่ได้จากการทาโครงงาน