More Related Content
Similar to กล้วย.docx (20)
กล้วย.docx
- 2. ชื่อผู้จัดทา : 1.เด็กชายฐิติ ใจบญ
2.เด็กชายณัฐวร เทียมศรี
3.เด็กหญิงสภาพรรณ อินทร์ดี
ระดับ : ชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น
ครูที่ปรึกษา : นางสถาพร กิติขจร
นางสาวพิจาริณี สุระ
โรงเรียน : บัวเชดวิทยา
ปีการศึกษา : 2560
สังกัด : สานักงานเขตพื้นที่การศึกษาสริทร์เขต 33
บทคัดย่อ
ปัจจบันคนส่วนมากไม่มีรายได้พิเศษทาจึงไปทางานในกรุงเทพจากบ้
านจากค
รอบครัวจึงสรรหางานที่ทาอยู่บ้านและสบายขึ้นมาเพื่อให้มีรายได้หาเ
ลี้ยงครอบครัววันละนิด
จึงทากล้วยฉาบขึ้นมาช่วงนี้ประไทยเกือบทกภาดจะมีฝนฟ้ าตกกระจา
ยทัวไปผลผลิตกล้วยแบบง่ายๆตามที่ภูมิปัญญาไทย
ได้ตกทอดมาให้จนถึงรุ่นลูกหลานในปัจจบัน ทาง่ายๆ
หากทาคล่องดีแล้วก็สามารถผลิตเป็นอาชีพเสริมรายได้พวกเราจึงทาโ
ครงงานเล่นนี้ขึ้นเพื่อศึกษาค้นคว้าสูตร
และการทากล้วยแบและได้รวบรามไว้ในโครงงานเล่นนี้
เพื่อให้บคคลที่สนใจได้ศึกษาและเป็นแนวทางต่อไป
- 4. สารบัญ
บทคัดย่อ หน้า
กิจติประกาศ
บทที่ 1 บทนา
-ที่มาและคาวมสาคัญของโครงงาน
-จดม่งหมายของการทาโครงงาน
-สมมติฐาน
-ขอบเขตการศึกษา
บทที่ 2 เอกสารที่เกียวข้อง
-ประวัติของกล้วยน้าว้า
-คณค่าทางอาหารและยา
บทที่ 3 วัสดอปกรณ์และชั่งตอนการดาเนินงาน
-วัสดอปกรณ์
-ขั้นตอนและวิธีการดาเนินงาน
บทที่ 4 ผลการเรียนรั
-วัสดอปกรณ์และส่วนผสม
-วิธีการกล้วยฉาบ
บทที่ 5 สรปผลและอภิปรายผลงาน
-สรุป
- 8. ไปสักการะพระเจ้ากาละจีนโบราณมีการบันทึกไว้ว่า มีกล้วยอยู่ 12
ชนิด ได้แก่ ปารู กัน-เชียวยาเชียว ปาเชียว นันเชียว เทียนเชียว
ชิเชียว ชงเชียว เมเจนเชียวโปโชวเชียว ยังเชียวเชียว
ยูฟเชียว กล้วยเหล่านี้ปลูกมากที่กวางต้ง ฟูเกียงฯลฯ
กล้วยมีเส้นทางการเผยแพร่ราวกับนิยาย เมื่อประมาณ ปี ค.ศ.
200บริเวณเมดิเตอร์เรเนียนยังไม่มีการปลูกกล้วย จนถึง
ค.ศ.650เมื่อชาวอาหรับเดินทางติดต่อค้าขายกับแอฟริกาพวกอาหรับ
ได้นากล้วยมาเผยแพร่ที่แอฟริกาด้วย ในราวศตวรรษที่
15เมื่อชาวยโรปเดินทางไปยังดินแดนต่างๆ
เพื่อการสารวจและแสวงหาดินแดนใหม่ ณ
เวลานั้นปรากฎว่าแถบชายฝั่งของแอฟริกาตะวันตกประชาชนนิยมปล
กกล้วยกันอย่างแพร่หลายการเดินทางของกล้วยมิได้หยุดอยู่แค่นั้น
เพราะในปี ค.ศ.
1400ชาวโปรตุเกสซึ่งเป็นนักเดินเรือผู้ก่งกล้าสามารถได้นากล้วยไป
ยังหมู่เกาะดานารีด้วย
ปัจจุบันหมู่เกาะคานารีเป็นแหล่งปลูกกล้วยที่สาคัญแห่งหนึ่งของโลกห
มู่กาะนี้ในเวลาต่อมาได้รับการยกย่องว่าเป็นเกาะประวัติศาสตร์ของก
ารแพร่พันธ์กล้วยสุโลกใหม่
ความเป็นมาของกล้วยในประเทศไทยในตอนแรกได้กล่าวไปบ้างแล้ว
ว่ากล้วยเป็นพีชเก่าแก่ที่อยู่คู่กับคนไทยมานานแสนนานและโดยทางป
ระวัติศาสตร์แล้วประเทศไทยของเราเป็นประเทศที่ตั้งอยู่ในแถบเอเชี
ยตะวันออกเฉียงใต้ซึ่งถือว่าเป็นถิ่นกาเนิดสาคัญของกล้วยปาขึ้นชกช
มกล้วยที่ถือว่าเป็นพันธ์ดั่งเดิมของไทยเป็นกล้วยที่ขึ้นอยในบริเวณภา
คใต้ของไทย ได้แก่ กล้วยไขทองร่วงกล้วยเล็บมือนาง
เป็นต้นประเทศไทยมีกล้วยหลากหลายพันธ์
และสันนิฐานกันว่าคนไทยเป็นชนชาติที่อพยพมาจากจีนตอนใต้ซึ่งจี
นตอนใต้นี้มีอาณาเขตอยู่ทางตอนเหนือของประเทศอินเดียดังนั้นการ
อพยพของคนไทยจึงเป็นไป
ได้ว่าได้นาพันธ์กล้วยที่เป็นสายพันธ์จะเหมาะสาหรับนาติดตัวปลูกไว้
เป็นอาหารยามขาดแคลนมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ได้เคยมีการสาร
วจสายพันธ์กล้วยในประเทศไทยพบว่ามีสายพันธ์กล้วยใน
- 9. 2.2 ประเภทของกล้วย
2.1 กล้วยปาออร์นาตา ปลูกกันแถบภาคเหนือ นิยมเรียก "กล้วยบัว"
หรือบางท้องถิ่นเรียกว่า "กล้วยปา" (ลาปาง)
2.2 กล้วยปาอะคิวมินาตา
กล้วยในกล่มนี้มีแพร่หลายในประเทศไทยแต่ละถิ่นอาจเรียกชื่อต่างกั
น เช่น ที่จังหวัดสงขลา เรียก "กล้วยทอง"ที่จังหวัดแพร่
จังหวัดอตรดิตถ์และจังหวัดลาปาง เรียก "กล้วยแข"
2.3 กล้วยในสายพันธ์อะคิวมินาตา คัลทิฟาร์ กล้วยในกล่มนี้
มีหลายชนิด ได้แก่
กล้วยเล็บมือนาง ปลูกกันมากในภาคใต้ บางท้องถิ่น
เช่นจังหวัดนครศรีธรรมราช เรียก "กล้วยหมาก" จังหวัดพัทลง
เรีย"กล้วยทองหมาก" ส่วนจังหวัดนครสวรรค์ เรียก "กล้วยเล็บมือ"
กล้วยทองร่วงที่จังหวัดนครศรีธรรมราช เรียก "กล้วยไขทองร่วง"
ที่จังหวัดสงขลา เรียก"ค่อมเบา"
-กล้วยไข่ ปลูกกันทั่วไป ที่จังหวัดสุรินทร์ เรียก "เจ็กบง"
-กล้วยหอม
ปลูกในสวนหลังบ้านแถบภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
-กลัวยหอมทองสาน ปลูกมากไนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
-กล้วยสา ปลูกกันมากภาคใต้
-กล้วยนมสาว ปลูกกันมากภาคใต้
-กล้วยลาย ปลูกกันมากภาคใต้
-กล้วยทองกาบดา ปลูกกันมากภาคใต้เช่นกัน
-กล้วยนาก กลัวยชนิดนี้มีการเรียกต่างกันหลายแห่ง
ที่จังหวัดพะเยาและจังหวัดแพร่ เรียก "กล้วยน้าครั่ง"
จังหวัดนครศรีธรรมราชเรียก "กลัวยกัง" ส่วนที่จังหวัดสุรินทร์ เรียก
"กล้วยครั่ง"
- 10. -กลัวยหอมทอง ที่จังหวัดจันทบรี เรียก "หอมทอง"
นิยมรับประทานสดมากที่สุด
-กล้วยหอมเขียว ที่จังหวัดแพร่ เรียกกล้วยคร้าว
จังหวัดนครศรีธรรมราช เรียก "กล้วยเขียวคอหักหรือกล้วยเขียว"
ส่วนที่จังหวัดพะเยา เรียก "กล้วยหอมคร้าว"
-กล้วยกุ้งเขียว เป็นลูกผ่าเหล่าของกล้วยนาก ที่จังหวัดแพร่
เรียก "กล้วยหอมทอง"
-กล้วยหอมค่อม ที่จังหวัดพัทลง และจังหวัดอบลราชธานี เรียก
"กล้วยเตี๋ย" จังหวัดนครศรีธรรมราช เรียกกล้วยไข่บอง
ที่จังหวัดนครราชสีมา เรียก "กล้วยไข่พระตะบอง"
กล้วยดอกไม้ เมื่อสกผลจะเป็นสีทอง
จัดอยู่พวกเดียวกับกล้วยหอมทอง
4. กล้วยปาบาลบิเชียน่า นิยมเรียก "กล้วยตานี"
มีแพร่หลายทั่วประเทศไทยที่จังหวัดนครศรีธรรมราช เรียก
"กล้วยพองลา"ส่วนที่จังหวัดแพร่และจังหวัดลาปาง เรียก "กล้วยปา"
5. กลัวยลุกผสมอะคิวมินาตากับบาลบิเชียน่า กลัวยในกล่มนี้
มีหลายชนิด ได้แก่ กล้วยลังกา ที่จังหวัดพัทลง เรียก
"กล้วยจีน"กล้วยเงิน เป็นกล้วยที่หาพันธ์ยาก
มีเฉพาะที่จังหวัดสงขลากล้วยน้าพัด ที่จังหวัดจันทบรี เรียก
"กล้วยน้ากาบดา"กล้วยทองเดช
มีการปลูกมากในจังหวัดสงขลากล้วยนางนวล
มีการปลกมากในจังหวัดสงขลา
กล้วยนางนวล มีการปลูกมากในจังหวัดสงขลา
กล้วยไขโบราณ มีเฉพาะที่จังหวัดตราด
เป็นกล้วยที่หาพันธ์ยากเช่นกัน
- 11. กล้วยน้า มีหลายถิ่นเรียกต่างกัน ที่จังหวัดนครนายก เรียก
"กล้วยหอมนางนวล" จังหวัดนครศรีธรรมราช เรียก "กล้วยแก้ว"
จังหวัดสกลนายกและจังหวัดชัยภูมิ เรียก "กล้วยหอม" จังหวัดยโสธร
เรียก "กลัวยหอมเล็ก" และที่จังหวัดกาฬสินธ์ เรียก "กล้วยหอมจันทร์"
กล้วยขม เป็นกล้วยที่มีรสขมเช่นเดียวกับ ชื่อ ปลูกมากที่ภาคใต้
กล้วยขมนาก ปลูกมากแภบภาถใต้
กล้วยร้อยหวี หรือ กล้วยงวงช้าง ถิ่นกาเนิดอยู่ที่ประเทศอินโดนีเซีย
นิยมเป็นไม้ประดับ
กล้วยนมหมี ที่จังหวัดอ่างทอง เรียก "กล้วยแหกคุก"
กล้วยปลวกนา มีการปลูกมากในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
ที่จังหวัดนครนายก เรียก "กล้วยน้าไทย" จังหวัดยโสธร เรียก
"กล้วยส้ม" และจังหวัดอบลราชธานีเรียก "กล้วยทิพย์ใหญ่"
กล้วยน้าว้า ปลูกกันอย่างแพร่หลายในประเทศไทย ที่จังหวัดแพร่
เรียก "กล้วยน้าว้าเหลือง" จังหวัดเชียงราย เรียก "กล้วยใต้"
กล้วยน้าว้าค่อม มีลักษณะแคระ กลายพันธ์มาจากกล้วยน้าว้า
กล้วยน้าว้าขาว เนื้อของผลมีสีขาว กลายพันธ์มาจากกล้วยน้าว้า
-กล้วยน้าว้าแดง เนื้อของผลมีสีแดง
กลายพันธ์มาจากกล้วยน้าว้าเช่นกัน บางทีเรียกต่างกัน ที่จังหวัดชัยภูมิ
เรียก
"กล้วยอ่อง" จังหวัดนครสวรรค์ เรียก "กล้วยสุกไสแดง"
ส่วนจังหวัดแพร่ เรียก "กล้วยน้าว้าในออก"
-กล้วยเทพรส ที่จังหวัดเชียงราย เรียก "กล้วยทิพย์คุ้ม"
กล้วยพญา มีการปลูกมากในจังหวัดสงขลา
กล้วยส้ม ที่จังหวัดจันทบรี เรียก "กล้วยหักมุก"
- 12. บทที่ 3
วิธีการดาเนินโครงงาน
การจัดทาโครงงานเรื่อง เรื่องของกล้วย
คณะผู้จัดทาโครงงานมีธการดาเนินโครงงานจามขั้นตอนดังต่อไปนี้
3.1 ขั้นตอนการดาเนินงาน
3.1.1 คิดหัวข้อโครงงาน
3.1.2 ศึกษาต้นคว้ารวบรวมข้อมูลที่เกี่ยวกับขนมกล้วย
3.1.3 ศึกษาวัสดอปกรณ์ในการทาขนมกล้วย
3.1.4 จัดทาโครงงานร่างโครงงานเสนออาจารย์ที่ปรึกษาโครงงาน
3.1.5 สาธิตวิธีการททาขนมกล้วยและถ่ายทา
3.1.6 จัดทาโครงงานเรื่อง เรื่องของกล้วย
3.1.7 เผยแพร่ผลงานโดยการนาเสนอผ่านการจัดตั้งโครงงาน
3.1.8 ทาเอกสารสรุปรายงาน
3.2 วิธีการเก็บรวบรวมข้อมูล
3.2. 1 ศึกษาเรื่องราวต่างๆของขนมกล้วย
3.2.2 ศึกษาการนาเสนอ
3.2.3 ศึกษาวัตฤดิบ ส่วนผสม
อปกรณ์และขั้นตอนต่างๆทีใช้ในการทาขนมไทย
3.3 วัสด อปกรณ์ เครื่องมือและโปรแกรมที่ใช้ในการดาเนินงาน
3.3.1 เครื่องคอมพิวเตอร์พร้อมเชื่อมต่อเครีอข่ายอินเตอร์เน็ต
3.3.2 ซอฟต์แวร์
3.3.3 โปรแกรม Microsoft Word 2007
3.3.4 อปกรณ์ประกอบการทาขนม
3.3.5 วัตถุดิบในกรทาขนม