5
- 1. ภาคใต้เป็นแหล่งทีปลูกพืชเศรษฐกิจทีสําคัญ คือ ยางพารา มะพร้าว เงาะ ทุเรียน มังคุด และลองกอง
ซึงพืชดังกล่าวจะปลูกระยะห่างระหว่างต้นและแถวมาก เช่น ยางพารา ปลูกระยะ 3x7 เมตร มะพร้าว เงาะ
ทุเรียน มังคุด ลองกอง จะปลูกระยะระหว่างต้นระหว่างแถว 6 – 8 เมตร ทําให้มีพืนทีระหว่างต้นและระหว่าง
แถวเหลืออยู่อีกจํานวนมาก ดังนันต้องใช้พืนทีในส่วนทีเหลืออยู่ให้เกิดประโยชน์ โดยทีพืชหลักไม่ได้รับ
ผลกระทบ เพือให้ได้ผลตอบแทนต่อไร่เพิมขึน ส่วนการจะเลือกใช้วิธีการขยายพืนทีปลูกพืชเศรษฐกิจดังกล่าว
เพิมขึนนัน เป็นวิธีทีลงทุนสูง เพราะราคาทีดินในปจจุบันสูงขึนั ดังนันจึงควรพิจารณาหาพืชทีนํามาปลูกแซม
ในสวนยางพารา มะพร้าว เงาะ ทุเรียน มังคุด และลองกอง โดยพืชหลักไม่ได้รับผลกระทบ และพืชทีจะนํามา
ปลูกแซมได้ใช้ร่มเงาของพืชหลักดังกล่าวด้วย พืชทีสามารถนํามาปลูกแซมได้มีด้วยกันหลายชนิด ตัวอย่าง
เช่น
ผักเหลียง เป็นพืชยืนต้นทีมีลักษณะเป็นพุ่ม สูงประมาณ 1 – 2 เมตร มีใบเรียวยาว สามารถ
ขึนได้ดีในทีร่มซึงผักเหลียงในทีร่มจะมีรสหวานอร่อย ผักเหลียงสามารถนํามาใช้ประกอบอาหารได้หลายชนิด
เช่น ต้มกระทิ ผักเหลียงผัดไข่ ผักเหลียงลวกกินกับนําพริก ฯลฯ ผักเหลียงเป็นผักทีมักจะไม่มีสัตรูมารบกวน
จึงถือได้ว่าผักเหลียงเป็นผักทีปลอดภัยจากสารพิษ นอกจากนีผักเหลียงเป็นผักทีอุดมไปด้วยเบต้าแคโรทีน
ซึงเป็นประโยชน์ต่อร่างกาย ซึงสารเบต้าแคโรทีน เป็นสารตังต้นของวิตามินเอซึงเป็นวิตามินทีจําเป็นต่อ
ร่างกายนอกจากนียังเป็นสารออกซิเดชัน และพบว่าสามารถลดอัตราในการเกิดโรคมะเร็ง ลดความเสียงต่อ
การเป็นต้อกระจก และทําให้ผิวพรรณมีสุขภาพดี ผักเหลียงจะมีสารเบต้าแคโรทีนสูงกว่าผักบุ้งจีน 3 เท่า
มากกว่าผักบุ้งไทย 5-10 เท่า และมีมากกว่าในตําลึงด้วย
ภาพที 1 ต้นผักเหลียงปลูกแซมระหว่างต้นมังคุด
การปลูกผักเหลียงโดยปกติจะขึนอยู่ในปา่ ทีราบ
สามารถนํามาปลูกในสวนยางพารา มะพร้าว เงาะ
ลองกอง มังคุด ฯลฯ โดยอาศัยร่มเงาของพืชดังกล่าว
ในการเจริญเติบโต ส่วนในสวนทุเรียนก็สามารถปลูก
ผักเหลียงได้เช่นกัน แต่ไม่อยากแนะนําให้ปลูก
เพราะถ้าหากปลูกผักเหลียงในสวนทุเรียนในช่วงฤดู
ฝน จะทําให้พืนดินมีความชืนอาจจะทําให้ทุเรียนเกิด
เป็นโรครากเน่าโคนเน่า ซึงเกิดจากเชือรา
Phytophthora ซึงเชือราชนิดนีมักจะอาศัยในดินที
มีความชืน การปลูกผักเหลียงอยากจะแนะนําให้ปลูก
โดยใช้กิงตอนทีนํามาชําไว้ประมาณ 1 เดือน แล้ว
นําไปปลูกระยะ 2.5 x 2.5 เมตร โดยปลูกให้เสมอกับ
ระดับดินเดิมทีอยู่ในถุง ปลูกเสร็จแล้วปกไม้ผูกเชือกั
เพือปองกันไม่ให้ต้นล้ม้ โดยควรจะปลูกในช่วงฤดู
ฝนหรือปลูกในช่วงฤดูแล้งก็ได้แต่ต้องมีนํารด
- 2. การดูแลผักเหลียง เป็นพืชทีมีศัตรูน้อย
มากในช่วงปลูกใหม่ๆ หากฝนทิงช่วงติดต่อ
หลายวันควรจะรดนําด้วย เกษตรกรบาง
รายได้ให้นําโดยการติดตังระบบสปริงเกอร์ใ
แปลงทีปลูกผักเหลียงทํา ให้ผักเหลียง
เจริญเติบโตได้ดี การใส่ปุยควรจะใช้ปุยคอก๋ ๋
และปุยเคมีด้วย๋ จะทําให้ต้นเจริญเติบโตมีกิง
และใบมาก โดยใส่ปุยคอกประมาณ๋ 2
กิโลกรัม/ต้น/ปี และปุยเคมี๋ สูตร 46-0-0 อัตรา
200 กรัม/ต้น/ปี
การเก็บเกียว ผักเหลียงทีปลูกจากกิงตอน
อายุ 2 ปี สามารถเก็บเกียวได้ แต่ถ้าหากดู
และรดนําใส่ปุยคอกปุยเคมีอย่างดี๋ ๋ สามารถ
เก็บเกียวได้ไม่ถึง 2 ปีหลังจากปลูก ลักษณะ
ใบทีจะเก็บควรเก็บในระยะใบเพสลาด คือใบ
จะไม่อ่อนและแก่เกิน ใบเมือนํามากินแล้วใบ
จะออกรดมันและหวานนิดๆ การเก็บเกียวใบ
ไม่ควรใช้มีดตัดก้านใบ ควรจะใช้มือเด็ดก้าน
ใบให้ขาดตรงบริเวณข้อต่อ เพราะจะทําให้ใบ
ออกมาใหม่ได้เร็ว อีกประมาณ 25 – 30 วัน
ก็สามารถเก็บใบใหม่ได้อีกครัง เมือเก็บเสร็จ
แล้วก็นําไปผูกเป็นกําเพือจําหน่ายต่อไป ราคา
5 – 10 บาท/กํา (ขึนอยู่กับขนาดกํา) ต้นผัก
เหลียงทีปลูกควรตัดต้นให้ความสูงไม่เกิน 1
เมตร เพือจะเก็บเกียวง่ายและแตกใบออกมาก
ภาพที 2 ยอกผักเหลียงทีออกยอดใหม่
2
- 3. ไม้ตัดใบ หมายถึง พันธุ์ไม้ทีปลูกโดยมีวัตถุประสงค์หลัก คือ การตัดใบเพือจําหน่าย การใช้
ประโยชน์จากไม้ตัดใบส่วนใหญ่เป็นการนําใบเพือมาใช้ร่วมกับดอกไม้ในการจัดตกแต่ง
สถานที จัดแจกัน ช่อดอกไม้ หรือ พวงรีดในงานพิธีต่าง ๆ ตัวอย่าง เช่น
ฟิ โลเดนดรอน เป็นไม้เถาเลือย ใบเป็นใบเลียงเดียว มีสีเขียว รูปร่างของใบมี
ลักษณะแตกต่างกันไป เป็นพืชทีปลูกในทีร่มเงาพรางแสง 60 – 70 % เช่น ต้นฟิโลใบมะ
ละกอ ต้นซันนาดู ต้นฟิโลใบเลือย มอนสเตร่า พืชพวกนี ต้องการดูแลอย่างดี คือ ต้องรด
นํา ใส่ปุยคอกหรือปุยหมัก๋ ๋ ปุยเคมีสูตร๋ 16-16-16 หลังจากปลูกประมาณ 8 – 12 เดือน
สามารถเก็บใบจําหน่ายได้ ราคาขายส่งใบฟิโลใบมะละกอ ใบฟิโลใบเลือย ขนาดใบใหญ่
ราคาใบละประมาณ 7 บาท ส่วนใบซันนาดู พันธุ์จักรพัฒน์ (ใบใหญ่) ราคาขายส่งใบละ
ประมาณ 3 บาท ส่วนใบมอนสเตร่า ราคาใบละประมาณ 10 บาท
ภาพที 3 ต้นฟิโล ปลูกให้ขึนต้นมะพร้าว
ภาพที 4 ต้นฟิโล ปลูกแซมในสวนมะพร้าว
ภาพที 5 ต้นซันนาดู ปลูกโดยใช้ร่มเงาต้นมังคุด
3
- 4. ภาพที 6 ต้นฟิโลใบเลือย ปลูกแซมในสวนมะพร้าว ภาพที 7 ต้นมอนสเตร่า ปลูกแซมในสวนมะพร้าว
หมากเหลือง เป็นพืชตระกูลปาล์มมีหน่อและขึนเป็นกอ มีใบแบบขนนกอยู่ส่วนยอดของลํา
ต้นนิยมนํามาปลูกเป็นไม้ประดับอาคารสถานที และปลูกเป็นไม้ตัดใบจําหน่าย การปลูกหมากเหลืองจะต้อง
นําเมล็ดหมากเหลืองทีสุกแก่มีผลสีเหลืองอมนําตาลเล็กน้อย นําเมล็ดไปเพาะประมาณ 1 เดือน หลังจากนัน
เมล็ดจะงอกออกมาเป็นต้นเล็กๆ เมือต้นมีอายุ 3 – 4 เดือน ต้นจะสูง 6 – 8 นิว ให้ขุดย้ายไปชําในถุง หรือ
ปลูกชํา ในแปลงเพาะระยะ 30 x 30 ซม. เมือหมากเหลืองสูงประมาณ 40 – 50 ซม. จึงขุดไปปลูกในแปลง
ยางพารา เงาะ มังคุด และลองกอง โดยปลูกในฤดูฝน หากฝนทิงช่วงหลายวันจะต้องรดนําด้วย การปลูก
หมากเหลืองจําหน่าย ใบจะต้องปลูกแน่น คือปลูกระยะประมาณ 1 – 2 เมตร แต่ถ้าปลูกจําหน่ายต้นควร
ปลูกระยะ 3 x 3 เมตร หลังจากปลูกแล้วจะต้องดูแลโดยการรดนํา ใส่ปุยคอก๋ /ปุยหมัก๋ หรือปุยเคมี๋ สูตร
15-15-15 โดยพรวนดินตืนๆ เพือกลบปุยและรดนําตาม๋ หรือจะใช้วิธีหว่านปุยเคมีแล้วรดนําก็ได้๋ ส่วนวัชพืช
จะต้องดูแลกําจัดในช่วงต้นเล็กๆ แต่เมือต้นโตแล้วใบจะคลุมโคนทําให้วัชพืชขึนน้อย การตัดใบจําหน่าย
จะตัดใบได้เมือต้นอายุประมาณ 3 ปี โดยใช้มีดตัดใบบริเวณโคนด้านใบ แล้วนํามากําๆ ละ 10 ใบ จําหน่าย
ราคาส่งประมาณ 1.50 – 2.00 บาท/ใบ
การปลูกพืชแซมเสริมเพิมรายได้ มีพืชอีกหลายชนิดทีสามารถนํามาปลูกในทีร่มเงาได้ เพราะพืชบาง
ชนิดไม่สามารถขึนได้ในทีกลางแจ้ง แต่การปลูกพืชแซมในสวนยางพาราหรือในสวนผลไม้นัน นอกจากจะ
ปลูกเพือจําหน่ายใบแล้วควรปลูกเพือจําหน่ายต้นด้วย เพราะการจําหน่ายต้นจะได้ผลตอบแทนต่อไร่สูงกว่า
การจําหน่ายใบ เช่น กิงตอนต้นผักเหลียง ราคาขายส่งกิงละ 7 บาท เมือชําถุงแล้วราคาต้นละ 10 บาท แต่
ถ้าขายปลีกจะจําหน่ายได้ต้นละ 25 - 35 บาท ส่วนหมากเหลือง
ก็เช่นเดียวกัน สามารถจําหน่ายได้ต้นละ 50 – 500 บาท (ขึนอยู่
กับขนาดต้น) ดังนันเกษตรกรทีมีพืนทีไม่มาก และมีนําเพียงพอ
ควรจะหาพืชทีขึนได้ในทีร่มเงามาปลูกเพือเสริมรายได้ ซึง
บางครังอาจจะได้ผลตอบแทนมากกว่าพืชหลักก็ได้
ภาพที 8 ต้นหมากเหลืองปลูกแซมในสวนมังคุด
4