More Related Content
Similar to เสียงวรรณยุกต์ (10)
เสียงวรรณยุกต์
- 2. เสียงวรรณยุกต์มี ๕ เสียง คือ เสียงสามัญ เสียงเอก เสียงโท เสียงตรี
และเสียงจัตวา เสียงวรรณยุกต์มีความสาคัญมาก เพราะเสียงที่มีระดับ
เสียงต่าสูงต่างกัน ทาให้ความหมายของคาเปลี่ยนไป
เสียงวรรณยุกต์ในภาษาไทยมาตรฐาน มี ๕ เสียง คือ
๑. เสียงสามัญ คือ เสียงระดับปานกลางและมีระดับคงที่ตลอดไป
แต่ตกตอนท้ายนิดหนึ่ง เช่น กา นอน ใน รัง ไม่มีรูปวรรณยุกต์
ปรากฏเสียงสามัญเฉพาะในคาเป็นเท่านั้น คาตายไม่มีเสียงสามัญ
๒. เสียงเอก คือ เสียงที่เริ่มต้นระดับต่ากว่าเสียงสามัญเล็กน้อย
แล้วลดระดับต่ากว่าเสียงสามัญ
คาเป็น เสียงคงที่ชั่วระยะหนึ่งแล้วค่อยๆ ลดลงเล็กน้อย เช่น
ด่าง แข่ง ต่อ สู่ มีรูปวรรณยุกต์เอก ( ่่ )
คาตาย เสียงจะคงระดับตลอด เช่น เด็ก กัด จะ เจ็บ ไม่มีรูป
วรรณยุกต์
๓. เสียงโท คือ เสียงที่เริ่มต้นระดับสูงสุดแล้วค่อยๆ ลดระดับลงมาต่า
ที่สุด มีลักษณะดังนี้
พยัญชนะต้นเป็นอักษรกลางและสูงจะมีรูปวรรณยุกต์โท ( ่้ )
เช่น ด้าน ต้าน สู้ ห้า
พยัญชนะต้นเป็นอักษรต่าคาเป็นจะมีรูปวรรณยุกต์เอก ( ่่ )
เช่น ท่อ ที่ ย่า ล่าง ว่าน คู่ แม่ แน่น
พยัญชนะต้นเป็นอักษรต่าคาตายจะไม่มีรูปวรรณยุกต์ เช่น ลาด
มาก
- 3. ๔. เสียงตรี คือ เสียงที่เริ่มต้นสูงกว่าเสียงสามัญเล็กน้อย
คาตาย เสียงคงระดับสูงและตกลงตอนท้ายเล็กน้อย มีลักษณะดังนี้
พยัญชนะต้นเป็นอักษรกลางจะมีรูปวรรณยุกต์ตรี ( ่๊ ) เช่น ก๊าซ
จ๊ะ โต๊ะ โป๊ ะ
พยัญชนะต้นเป็นอักษรต่าคาตายจะไม่มีรูปวรรณยุกต์ เช่น คิด ลึก นะ
คาเป็น เสียงคงระดับสูงไปตลอดในคาที่มีพยัญชนะต้นเป็นอักษร
กลางจะมีรูปวรรณยุกต์ตรี ( ่๊ ) เช่น ป๊ า ด๊า
พยัญชนะต้นเป็นอักษรต่าจะมีรูปวรรณยุกต์โท ( ่้ ) เช่น รู้ แล้ว
คล้อง ไว้ ค้าน แท้
๕. เสียงจัตวา คือ เสียงที่เริ่มในระดับต่าสุดแล้วลดต่าลงอีก ต่อจากนั้น
เปลี่ยนระดับขึ้นสูงสุด มีลักษณะดังนี้
พยัญชนะต้นอักษรกลางคาเป็นจะมีรูปวรรณยุกต์จัตวา ( ่๋ ) เช่น ป๋ า
ก๋า
พยัญชนะต้นเป็นอักษรสูงคาเป็นจะไม่มีรูปวรรณยุกต์ เช่น หนู เห็น
เขา สูง ไหม
ลักษณะเสียงวรรณยุกต์ในภาษาไทย มี ๒ พวก คือ
ก.วรรณยุกต์เสียงระดับ มีระดับเสียงค่อนข้างคงที่ไปตลอด มี ๓
เสียง คือ สามัญ เอก ตรี
ข.วรรณยุกต์เสียงเลื่อน มีการเปลี่ยนแปลงระดับเสียง มี ๒ เสียง คือ
โท เลื่อนจากสูงลงต่า และ จัตวา เลื่อนจากต่าขึ้นไปสูง
- 4. ความสาคัญของเสียงวรรณยุกต์
เสียงวรรณยุกต์เป็นตัวกาหนดความหมายของคาให้มีความแตกต่าง
กัน และช่วยให้สาเนียงการพูดมีระดับเสียงสูงต่าเกิดความไพเราะ
ข้อสังเกตเกี่ยวกับวรรณยุกต์
๑. คาไทยทุกคาต้องมีเสียงวรรณยุกต์ คาที่ใช้ในภาษาไทย มีทั้งคาที่มี
และไม่มีรูปวรรณยุกต์กากับ แต่ทุกคาจะต้องมีเสียงวรรณยุกต์ ซึ่งเสียง
วรรณยุกต์อาจไม่ตรงกับรูปวรรณยุกต์ที่กากับอยู่ก็ได้
๑.๑ คาที่มีรูปวรรณยุกต์และเสียงตรงกับรูปวรรณยุกต์ เช่น
คาว่า “ การ” ไม่มีรูปวรรณยุกต์ เสียงวรรณยุกต์ คือ เสียงสามัญ
คาว่า “ สิ่ง” มีรูปวรรณยุกต์เอก เสียงวรรณยุกต์ คือ เสียงเอก
คาว่า “ห้าม” มีรูปวรรณยุกต์โท เสียงวรรณยุกต์ คือ เสียงโท
คาว่า “โต๊ะ” มีรูปวรรณยุกต์ตรี เสียงวรรณยุกต์ คือ เสียงตรี
คาว่า “ป๋ า” มีรูปวรรณยุกต์จัตวา เสียงวรรณยุกต์ คือ เสียงจัตวา
๑.๒. คาที่ออกเสียงวรรณยุกต์ไม่ตรงกับรูปวรรณยุกต์ เช่น
คาว่า “แพร่ น่า เที่ยว” มีรูปวรรณยุกต์เอก แต่ออกเสียงเป็น
วรรณยุกต์โท
คาว่า “น้า ค้า ไม้” มีรูปวรรณยุกต์โท แต่ออกเสียงเป็นวรรณยุกต์
ตรี
๑.๓. คาในภาษาไทยทุกคาจะมีเสียงวรรณยุกต์ทั้งหมด แม้ว่าคา
นั้นจะไม่มีรูปวรรณยุกต์ก็ตาม เช่น
คาว่า “ ยาย” ไม่มีรูปวรรณยุกต์ เสียงวรรณยุกต์ คือ เสียงสามัญ
- 5. คาว่า “ปัด” ไม่มีรูปวรรณยุกต์ เสียงวรรณยุกต์ คือ เสียงเอก
คาว่า “นาค” ไม่มีรูปวรรณยุกต์ เสียงวรรณยุกต์ คือ เสียงโท
คาว่า “คิด” ไม่มีรูปวรรณยุกต์ เสียงวรรณยุกต์ คือ เสียงตรี
คาว่า “สาย” ไม่มีรูปวรรณยุกต์ เสียงวรรณยุกต์ คือ เสียงจัตวา
๒. คาที่ประสมด้วยสระเสียงยาว เมื่อเติมวรรณยุกต์แล้ว อาจจะออก
เสียงสั้น หรืออาจจะคงเสียงยาวตามเดิมก็ได้
๒.๑. เติมรูปวรรณยุกต์แล้วออกเสียงสั้น เช่น เดน - เด่น, เลน -
เล่น
๒.๒. เติมรูปวรรณยุกต์แล้วยังคงออกเสียงยาวตามเดิม เช่น
หาม - ห้าม, ดวง - ด้วง