SlideShare a Scribd company logo
1 of 56
บทที่ 2
เอกสารทีเกี่ยวข้อง
่
ในการจัดทาโครงงานคอมพิวเตอร์ ประเภทซอฟต์แวร์ เรื่อง
HERB & HEALTH คณะผู้จัดทาได้ศึกษาข้อมูล
เอกสารที่เกี่ยวข้องดังต่อไปนี้
2.1 ความรู้ต่างๆเกี่ยวกับสมุนไพร
2.2 เอกสารที่เกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ช่วยสอน
- ความหมายเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ช่วยสอน
คุณสมบัติของโปรแกรมซอฟต์แวร์ที่พัฒนาบทเรียนคอมพิวเตอร์
2.1 ความรูต่างๆเกียวกับสมุนไพร
้
่
สมุนไพร
ความหมาย
คาว่า สมุนไพร ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2525
หมายถึง พืชที่ใช้ ทาเป็นเครื่องยา
สมุนไพรกาเนิดมาจากธรรมชาติและมีความหมายต่อชีวิตมนุษย์โดยเฉ
พาะ ในทางสุขภาพ
อันหมายถึงทั้งการส่งเสริมสุขภาพและการรักษาโรค
ความหมายของยาสมุนไพรในพระราชบัญญัติยา พ.ศ. 2510 ได้ระบุว่า
ยาสมุนไพร หมายความว่า ยาที่ได้จากพฤกษาชาติสัตว์หรือแร่ธาตุ
ซึ่งมิได้ผสมปรุงหรือแปรสภาพ เช่น พืชก็ยังเป็นส่วนของราก ลาต้น ใบ
ดอก ผลฯลฯ ซึ่งมิได้ผ่านขั้นตอนการแปรรูปใด ๆ แต่ในทางการค้า
สมุนไพรมักจะถูกดัดแปลงในรูปแบบต่าง ๆ เช่น ถูกหั่นให้เป็นชิ้นเล็กลง
บดเป็นผงละเอียด
หรืออัดเป็นแท่งแต่ในความรู้สึกของคนทั่วไปเมื่อกล่าวถึงสมุนไพร
มักนึกถึงเฉพาะต้นไม้ที่นามาใช้เป็นยาเท่านั้น
การเก็บรักษาสมุนไพร
1.ควรเก็บยาสมุนไพรไว้ในที่แห้งและเย็น
สถานที่เก็บสมุนไพรนั้นต้องมีอากาศถ่ายเทสะดวกเพื่อขับไล่ความอับชื้
นที่อาจจะก่อให้เกิดเชื้อราในสมุนไพรได้
2.สมุนไพรที่จะเก็บรักษานั้นต้องแห้งไม่เปียกชื้น
หากเสียงต่อการขึ้นราได้
่
ควรนาสมุนไพรนั้นออกมาตากแดดอย่างสม่าเสมอ
3.ในการเก็บสมุนไพรนั้นควรแยกประเภทของสมุนไพรในการรักษาโร
ค เพื่อป้องกันการหยิบยาผิดซึ่งอาจจะก่อให้เกิดอันตรายได้
4.ควรตรวจดูความเรียบร้อยในการเก็บสมุนไพรบ่อย ๆ
ว่ามีสัตว์หรือแมลงต่าง ๆ
เข้าไปทาลายหรือก่อความเสียหายกับสมุนไพรที่เก็บรักษาหรือไม่
ถ้ามีควรหาทางป้องกันเพื่อรักษาคุณภาพของสมุนไพร
การใช้สมุนไพรที่ถูกต้อง ควรปฏิบัติดังนี้
1. ใช้ให้ถูกต้น
สมุนไพรมีชื่อพ้องหรือซ้ากันมากและบางท้องถิ่นก็เรียกไม่เหมือนกัน
จึงต้องรู้จักสมุนไพร และใช้ให้ถูกต้น
2.ใช้ให้ถูกส่วน ต้นสมุนไพรไม่ว่าจะเป็นราก ใบ ดอก เปลือก ผล เมล็ด
จะมีฤทธิ์ไม่เท่ากัน บางทีผลแก่ ผลอ่อนก็มีฤทธิ์ต่างกันด้วย
จะต้องรู้ว่าส่วนใดใช้เป็นยาได้
3.ใช้ให้ถูกขนาด สมุนไพรถ้าใช้น้อยไป ก็รักษาไม่ได้ผล
แต่ถ้ามากไปก็อาจเป็นอันตราย หรือเกิดพิษต่อร่างกายได้
4.ใช้ให้ถูกวิธี สมุนไพรบางชนิดต้องใช้สด บางชนิดต้องปนกับเหล้า
บางชนิดใช้ต้มจะต้องรู้วิธีใช้ให้ถูกต้อง
5.ใช้ให้ถูกกับโรค เช่น ท้องผูกต้องใช้ยาระบาย
ถ้าใช้ยาที่มีฤทธิ์ผาดสมานจะทาให้ท้องผูกยิ่งขึ้น

สมุนไพรพืนบ้าน คุณประโยชน์ และสรรพคุณ
้
กระเจี๊ยบแดง

ภาพที่1 กระเจี๊ยบ
ชื่อภาษาอังกฤษ : Roselle
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Hibiscus sabdariffaL.
ลักษณะ : ไม้ล้มลุกเนื้ออ่อน ขึ้นเป็นพุ่มเตี้ย ขอบใบเรียบ ดอกเป็นสีชมพู
ตรงกลางดอกมีสีเข้มมากกว่าขอบนอกของกลีบ
สรรพคุณ : ใบ – รสเปรี้ยว ขับเสลด ทาให้โลหิตไหวเวียนดี
เมล็ดใน – รสจืด เป็นเมือก แก้อ่อนเพลีย บารุงกาลัง
บารุงธาตุ
ผล – รสจืด ขับเหงื่อ แก้ร้อนใน
สามารถใช้รักษาโรคพยาธิตัวจี๊ดได้
แค

ภาพที่ 2 แค
ชื่อภาษาอังกฤษ :Agasta
ชื่อวิทยาศาสตร์ :Sesbaniagrandiflora (L.) Poiret
ลักษณะ : ไม้ยืนต้นขนาดกลาง แตกกิ่งก้านสาขามากไม่เป็นระเบียบ
เนื้อไม้อ่อน ที่เปลือกต้นเป็นสีน้าตาลปนเทา เปลือกหนาและมีรอยขรุขระ
แตกเป็นสะเก็ด
สรรพคุณ : แก้ท้องร่วง คุมธาตุ แก้บิดมูกเลือด
สมานแผลทั้งภายในและภายนอก
ใบ – แก้ไข้หวัด

หอมแดง
ภาพที่ 3 หอมแดง
ชื่อภาษาอังกฤษ : Shallot
ชื่อวิทยาศาสตร์ :Allium ascalonicum
ลักษณะ : มีลาต้นสั้นและฝังอยู่ใต้ดิน กาบใบพองออกเพื่อสะสมอาหาร
ลักษณะเป็นช่อคล้ายร่ม ประกอบด้วยดอกย่อยจานวนมาก
กลีบดอกสีขาวอมม่วงมีกลีบดอก 6 กลีบ ออกดอกในช่วงฤดูร้อน
สรรพคุณ : ขับลม ขับปัสสาวะ ขับเสมหะ ขับประจาเดือน แก้ไข้ แก้หวัด
ช่วยย่อยอาหาร เจริญอาหาร ในหอมแดงประกอบด้วย
เซเลเนียมเป็นเกลือแร่ที่ทาหน้าที่เป็นตัวประสานการทางานของเอนไซม์
ระหว่างวิตามินดี เอ และซี

สะระแหน่

ภาพที่ 4 สะระแหน่
ชื่อภาษาอังกฤษ : Kitchen Mint
ชื่อวิทยาศาสตร์ :MethacordifoliaOpiz.
ลักษณะ : เป็นพืชล้มลุกเลี้อยตามพื้นดิน ลาต้นสีแดงเข้ม
ใบกลมขนาดหัวแม่มือ ใบค่อนข้างหนา ริมใบหยักโดยรอบ
ภายในใบเป็นคลื่นยับย่น และมีกลิ่นหอม
สรรพคุณ : น้าคั้นจากต้นและใบดื่มแก้ปวดมวนในท้อง แก้ท้องอืด
ท้องเฟ้อ ขับลม หรือกินสดเพื่อดับกลิ่นปาก ขับเหงื่อ
นอกจากนี้ยังช่วยฆ่าเชื้อ ระงับอาการเกร็งของกระเพาะอาหารและลาไส้
ในสะระแหน่ประกอบด้วย วิตามินเอ วิตามินบี 2 วิตามินซี แคลเซียม
และ ธาตุเหล็ก

ตะไคร้

ภาพที่ 5 ตะไคร้
ชื่อภาษาอังกฤษ : Lemongrass
ชื่อวิทยาศาสตร์ :Cymbopogoncitratus(DC.) Stapf, 1906
ลักษณะ : เป็นพืชตระกูลหญ้า ตะไคร้เป็นพืชที่เจริญเติบโตง่าย
มีลาต้นที่แท้จริงประมาณ 4-7 เซนติเมตร
ลาของต้นจะถูกห่อหุ้มไปด้วยกาบใบโดยรอบ
ใบยาวแคบเส้นใบขนานกับก้านใบ
ใบของตะไคร้อุดมไปด้วยน้ามันหอมระเหย
ที่นิยมนามาปลูกเป็นพันธุ์พื้นเมืองที่ปลูกกันโดยทั่วไป
สรรพคุณ : ใช้เป็นยาทาแก้ปวด เช่น โรครูมาติซัม
อาการปวดตามบั้นเอว ช่วยย่อยอาหาร ขับปัสสาวะอย่างอ่อน ขับเหงื่อ
แก้ตกขาว อาเจียน ลดความดันโลหิต ขับลม แก้ไข้ ปวดท้อง
โรคทางเดินปัสสาวะ นิ่ว และอาการปวดเกร็ง ในตะไคร้ประกอบด้วย
วิตามินเอ แคลเซียม ธาตุเหล็ก เส้นใยอาหาร และฟอสฟอรัส

มะกรูด

ภาพที่ 6 มะกรูด
ชื่อภาษาอังกฤษ : Kaffir lime
ชื่อทางวิทยาศาสตร์ : Citrus hystrix DC.
ลักษณะ : ไม้ต้นขนาดเล็ก กิ่งก้านอ่อนเป็นเหลี่ยม หนามตั้งตรง ใบเดี่ยว
เรียงสลับ รูปใบหอก โคนใบกลมหรือแหลม ปลายใบเว้า
ก้านใบแผ่ออกเป็นปีก รูปไข่กลับถึงรูปช้อนแกมรูปขอบขนาน
ดอกมีขนาดเล็ก สีขาว กลีบเลี้ยง 5 กลีบดอก 5 มีกลิ่นหอม ผลรูปผลแพร์
มีน้าน้อย รสเปรี้ยว สุกสีเหลืองหรือเหลืองปนเขียว เมล็ดใหญ่แข็ง
สรรพคุณ : ช่วยขับลม แก้จุกเสียด แก้ลมวิงเวียน
น้ามะกรูดแก้เลือดออกตามไรฟัน ในมะกรูดประกอบด้วย เบต้า-แคโรทีน
วิตามินเอ วิตามินบี 2 วิตามินซี แคลเซียม และโปรตีน
กระเทียม

ภาพที่ 7 กระเทียม
ชื่อภาษาอังกฤษ : Garlic
ชื่อทางวิทยาศาสตร์ :Allium sativum L.
ลักษณะ : ไม้พุ่ม กิ่งอ่อนมีหนาม ใบประกอบชนิดมีใบย่อยใบเดียว
เรียงสลับ รูปไข่ รูปวงรีหรือรูปไข่แกมขอบขนาน
เนื้อใบมีจุดน้ามันกระจาย ก้านใบมีครีบเล็ก ๆ ดอกเดี่ยวหรือช่อ
ออกที่ปลายกิ่งและที่ซอกใบ กลีบดอกสีขาว กลิ่นหอม
ร่วงง่าย ผลเป็นผลสด กลมเกลี้ยง ฉ่าน้า
สรรพคุณ : มีฤทธิ์ลดความดันโลหิต ลดระดับไขมัน
คอเลสเตอรอลและน้าตาลในเลือด ในกระเทียมประกอบด้วย เซเลเนียม
ซึ่งเป็นแร่ธาตุที่ทาหน้าที่เป็นตัวประสานการทางานของเอนไซม์ระหว่าง
วิตามินอี เอ และซี

ขิง

ภาพที่ 8 ขิง
ชื่อภาษาอังกฤษ : Ginger
ชื่อทางวิทยาศาสตร์ : Zingiberofficinale Roscoe
ลักษณะ : เป็นพืชล้มลุก มีเหง้าใต้ดิน เปลือกนอกสีน้าตาลแกมเหลือง
เนื้อในสีนวลมีกลิ่นหอมเฉพาะ
แทงหน่อหรือลาต้นเทียมขึ้นเป็นกอประกอบด้วยกาบหรือโคนใบหุ้มซ้อน
กัน ใบเดี่ยวออกเรียงสลับกันเป็นสองแถว ใบรูปหอกเกลี้ยง
หลังใบห่อจีบเป็นรูปรางนาปลายใบสอบเรียวแหลม
โคนใบสองแคบและจะเป็นกาบหุ้มลาต้นเทียม
ดอกสีขาวออกรวมกันเป็นช่อรูปเห็ด แทงขึ้นมาจากเหง้า
สรรพคุณ : ช่วยขับลม ขับน้าดี ลดอาการบีบตัวของลาไส้
แก้อาการคลื่นไส้ อาเจียน ปวดศีรษะ ปวดท้อง ป้องกันการอักเสบ
มีสารต้านการเกิดมะเร็ง
ต้านการเกิดปฏิกิริยากับออกซิเจนและอาการจิตซึมเศร้า
ในขิงประกอบด้วย แคลเซียม เป็นส่วนสาคัญในการสร้างกระดูกและฟัน
ช่วยในการแข็งตัวของเลือด

พริกชีฟ้า
้

ภาพที่ 9 พริกชี้ฟ้า
ชื่อภาษาอังกฤษ : Cayenne pepper
ชื่อทางวิทยาศาสตร์ : Capsicum annuum Linn.

VaracuminatumFingerh.
ลักษณะ : เป็นทรงพุ่มใหญ่
เมื่อเป็นผลอ่อนจะมีสีเขียวแลัวจะค่อยๆเปลี่ยนเป็นสีแดงเมื่อแก่เป็นไม้ล้ม
ลุก ใบเดี่ยวออกตรงกันข้ามหรือออกสลับ รูปใบหอก ดอกสีขาว
ผลรูปทรงกระบอกยาว ปลายเรียวแหลม มักโค้งงอ ผิวเป็นมันสีเขียว
เมื่อสุกเปลี่ยนเป็นสีเหลืองหรือสีแดง มีเมล็ดแบนสีนวลจานวนมาก
สรรพคุณ : ป้องกันหลอดลมอักเสบ แผลในกระเพาะอาหาร
ทาลายเชื้อแบคทีเรีย ลดก๊าซที่เกิดจากการย่อยอาหาร
ลดการเกร็งตัวของกล้ามเนื้อท้องที่เกิดจากอาการท้องอืดเฟ้อ
และป้องกันหวัด ในพริกชี้ฟ้า ประกอบด้วย โปรตีน เส้นใยอาหาร
วิตามินบี 1 วิตามินบี 2 วิตามินซี แคลเซียม และธาตุเหล็ก

มะตูม

ภาพที่ 10 มะตูม
ชื่อภาษาอังกฤษ :Bael
ชื่อทางวิทยาศาสตร์ :Aeglemarmelos
ลักษณะ : ไม้ยืนต้นขนาดกลาง มี3ชนิด คือ ลูกกลม ลูกยาว
และลูกนิมมีหนามแหลมอยู่ทั่วไป ใบประกอบแบบขนนก
ใบย่อยรูปไข่หรือรูปหอกมี 3 ใบ มองดูคล้ายตรีศูลของพระศิวะ
ดอกสีขาวหรือขาวอมเขียว มีกลิ่นหอม ผลมีเปลือกแข็งเรียบ
เนื้อผลเหนียวข้น มีกลิ่นหอม และมีเมล็ดจานวนมาก แทรกอยู่ในเนื้อผล
โดยเมล็ดจะมีขนหนาปกคลุม
สรรพคุณ : ราก – แก้พิษไข้ แก้สติเผลอ รักษาน้าดี
ใบสด – คั้นเอาน้ากินแก้หวัด แก้หลอดลมอักเสบ แก้บวม
แก้เยื่อตาอักเสบ
เปลือก ราก ลาต้น – แก้ไข้จับสั่น ขับลมในลาไส้
ผลอ่อน – แก้ธาตุพิการ
ผลสุก – ช่วยย่อยอาหาร ระบายท้อง แก้โรคไฟธาตุอ่อน บิด
ท้องเสีย แก้ครั่นเนื้อครั่นตัว

ขมินชัน
้

ภาพที่ 11 ขมิ้นชัน
ชื่อภาษาอังกฤษ : Turmeric
ชื่อทางวิทยาศาสตร์ : Curcuma Longa Linn
ลักษณะ : เป็นไม้ล้มลุก เหง้าใต้ดินรูปไข่ อ้วนสั้น
มีแขนงรูปทรงกระบอกแตกออกด้านข้าง 2 ด้าน ตรงกันข้าม
เนื้อในเหง้าสีเหลืองส้มหรือสีเหลืองจาปาปนสีแสด มีกลิ่นฉุน ใบเดี่ยว
กลางใบสีแดงคล้า แทงออกมาเหง้าเรียงเป็นวงซ้อนทับกันรูปใบหอก
ดอกช่อแทงออกจากเหง้า แทรกขึ้นมาระหว่างก้านใบ รูปทรงกระบอก
กลีบดอกสีเหลืองอ่อน ใบประดับสีเขียวอ่อนหรือสีนวล ผลรูปกลม
สรรพคุณ : แก้ไข้เรื้อรังผอมเหลือง แก้โรคผิวหนัง แก้เสมหะและโลหิต
แก้ท้องร่วง สมานแผล

ว่านหางจระเข้

ภาพที่ 12 ว่านหางจระเข้
ชื่อภาษาอังกฤษ : Aloe
ชื่อทางวิทยาศาสตร์ : Aloe barbadenisi Mill.
ลักษณะ : ไม้ส้มลุกอายุหลายปี ข้อและปล้องสั้น ใบ เป็น ใบเดี่ยว
เรียงรอบต้น อวบน้ามาก สีเขียวอ่อนหรือสีเขียวเข้ม
ภายในมีวุ้นใสใต้ผิว
สีเขียวมีน้ายางสีเหลือง ใบอ่อน มีประสีขาว ดอกเป็นช่อออกจากกลางต้
น ดอกย่อย เป็นหลอดห้อยลงสีส้ม บานจากล่างขึ้นบน ผล เป็นผลแห้ง
แตกได้
สรรพคุณ : วุ้นช่วยลดรอยแผลเป็นจากสิว รักษาอาการอักเสบต่างๆ
ใช้สระบารุงหนังศีรษะ ป้องกันผมร่วง ลดอาการคัน รังแค
สามารถใช้เป็นส่วนผสมของยาและเครื่องสาอางต่างๆในปัจจุบัน
แตงกวา

ภาพที่ 13 แตงกวา
ชื่อภาษาอังกฤษ : Cucumber
ชื่อทางวิทยาศาสตร์ :Sucumissativus Linn
ลักษณะ : เป็นไม้เถามีอายุปีเดียว ต้นมีขนหยาบสีขาว
ใบออกสลับกันตรงสามเหลี่ยมมนใหญ่ มีแฉกใหญ่ 3 – 5 แฉก
ตัวใบมีขนทั้ง 2 ด้าน
ดอกแยกเป็นตัวผู้และตัวเมียอยู่บนต้นเดียวกันกลีบดอกเป็นหลอดสีเหลือ
งส่วยปลายแยกเป็น 5 กลีบ เมล็ดลีแบนผิวเรียนสีขาว ผล
รูปทรงกระบอกมีลายเขียวแก่มีพื้นสีเขียวอมขาวมีขนาดต่างๆกัน
สรรพคุณ : เป็นยาเย็นใช้ขับปัสสาวะ แก้ไข้ แก้เจ็บคอ ตาแดง ไฟลวก
ผดผื่นคัน แก้ท้องเสีย บิด เนื้อในเมล็กแก่เป็นยาถ่ายพยาธิ

ใบบัวบก

ภาพที่ 14 ใบบัวบก
ชื่อภาษาอังกฤษ : Asiatic pennywort
ชื่อทางวิทยาศาสตร์ : centellaasiatica urban
ลักษณะ :
เป็นไม้ล้มลุกเลื้อยแผ่ไปตามพื้นดินชอบที่ชื้นแฉะมีรากฝังลงในดินและง
อกปลายยอดใหม่ชูขึ้น ใบเดี่ยวออกเป็นกระจุกตรงข้อจานวน 2- 6
ใบแผ่นใบรูปไตขอบใบหยัก
ออกดอกดอกช่อเป็นกระจุกสีแดงอมเขียวออกระหว่างช่อก้านใบกับลาต้
นที่แผ่ติดดินผลขนาดเล็กเป็นลูกค่อนข้างกลมแตกได้
สรรพคุณ :
มีฤทธิ์ในการสมานแผลโดยมีคุณสมบัติในการเพิ่มการสร้างเซลล์ผิวหนั
งและเพิ่มการไหวเวียนโลหิตของเลือดไปยังบริเวณที่เป็นบาดแผล
จึงทาให้มีการนาไปใช้ประกอบเป็นยาและเครื่องสาอางมากขึ้น
น้าคั้นจากใบสดลดอาการหน้ามัน แก้ช้าใน

กระชาย

ภาพที่ 15 กระชาย
ชื่อภาษาอังกฤษ : Fingerroot
ชื่อทางวิทยาศาสตร์ : Boesenbergia rotunda
ลักษณะ : เป็นไม้ล้มลุกไม่มีลาต้นบนดิน
มีเหง้าใต้ดินซึ่งแตกรากออกไปเป็นกระจุกจานวนมาก อวบน้า
ตรงกลาลพองกว้างกว่าส่วนหัวและท้าย ใบ เดี่ยว
เรียงสลับเป็นระนาบเดียวกัน รูปขอบขนานแกมรูปไข่ กว้าง 4.5-10
เซนติเมตร ยาว 13-15 เซนติเมตร ตรงกลางด้านในของก้านใบมีร่องลึก
ดอก ช่อ ออกแทรกอยู่ระหว่างกาบใบที่โคนต้น
กลีบดอกสีขาวหรือชมพูอ่อน ใบประดับรูปใบหอกสีม่วงแดง
ดอกย่อยบานครั้งละ 1 ดอก
สรรพคุณ : เป็นพืชที่ใช้เป็นส่วนผสมของอาหารโดยเฉพาะรากกระชาย
ใช้เป็นเครื่องจิ้มหรือเป็นส่วนประกอบของน้าพริกแกงโดยเฉพาะแกงที่ใ
ส่ปลา เช่น แกงป่า ต้มโฮกอือ กระชายดับกลิ่นคาวของปลาได้ดี
ตารายาไทยใช้เหง้าแก้โรคในปากเช่นปากเปื่อย ปากเป็นแผล ปากแห้ง
ขับระดูขาว ขับปัสสาวะ รักษาโรคบิด แก้ปวดมวนท้อง
จากการทดลองในสารสกัดแอลกอฮอล์และคลอโรฟอร์ม
พบว่ามีฤทธิ์ต้านเชื้อราที่ทาให้เกิดโรคผิวหนังและในปากได้ดีพอควร

โรคมะเร็ง
มะเร็ง หรือทางการแพทย์ว่า เนื้องอกร้าย เป็นกลุ่มโรคที่เกี่ยวข้อง
กับการเจริญของเซลล์ที่ผิดปกติ คือ
เซลล์จะแบ่งตัวและเจริญอย่างควบคุมไม่ได้ ก่อเป็นเนื้องอกร้าย
และรุกรานร่างกายส่วนข้างเคียง
มะเร็งอาจแพร่กระจายไปยังร่างกายส่วนที่อยู่ห่างไกลได้ผ่านระบบน้าเ
หลืองหรือกระแสเลือด ไม่ใช่ว่าเนื้องอกทุกชนิดจะเป็นมะเร็ง
เพราะเนื้องอกไม่ร้ายไม่ลุกลามอวัยวะข้างเคียงและไม่กระจายไปทั่วร่าง
กาย มีมะเร็งที่ส่งผลต่อมนุษย์ที่ทราบแล้วกว่า 200 ชนิด
การรักษาผู้ป่วยด้วยโรคมะเร็งตามทฤษฎีการแพทย์แผนตะวันตก มี
๒ วิธีหลักที่ปฏิบัติกันแพร่หลายคือการใช้รังสี และการใช้เคมีบาบัด
ซึ่งทั้งสองวิธี ต่างก็ใช้หลักการเดียวกันคือทาลายเนื้อร้าย
แต่ทั้งนี้ไม่สามารถเลือกทาลายเฉพาะเนื้อร้ายได้
เซลล์ดีจานวนมากต้องถูกทาลายไปด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง
เซลล์ที่มีการแบ่งตัวเร็วเช่น เซลล์ผม เซลล์ผิวหนัง
เซลล์เยื่อบุทางเดินอาหาร และเซลล์เม็ดเลือดในไขกระดูก
จึงเกิดผลข้างเคียงตามมาเช่น ผมร่วง แผลในปาก ท้องเดิน คลื่นไส้
อาเจียน อ่อนเพลีย เบื่ออาหาร โลหิตจาง
เม็ดเลือดขาวต่าเสี่ยงต่อการติดเชื้อ เกล็ดเลือดต่าทาให้เลือดออกง่าย
อีกทั้งผู้ป่วยยังมีโอกาสที่จะกลับมาเป็นอีก
จากการกระจายตัวของเซลล์มะเร็ง
โดยเหตุนี้จึงมีผู้ป่วยตายด้วยโรคมะเร็งปีละ ๕๐,๐๐๐ คน
นับเป็นการสูญเสียทรัพยากรเนื่องจากเคมีบาบัดล้วนเป็นยานาเข้าทั้งสิ้น
ยังไม่นับถึงค่าใช้จ่ายในส่วนบุคลากรที่ต้องใช้เวลาในการอภิบาลผู้ป่วย
เหล่านี้เป็นเวลานาน แต่ไม่สามารถช่วยชีวิตบุคคลเหล่านั้นได้
มะเร็งนับเป็นโรคที่ร้ายแรงและคร่าชีวิตผู้คนมาตั้งแต่ศตวรรษที่
20 ต่อเนื่องมาจนถึงศตวรรษที่ 21
นับเป็นสาเหตุสาคัญในการเสียชีวิตในอเมริกา (ร้อยละ 25)
ปัจจุบันมีผู้แสวงหาแนวทางอื่นในการรักษามากขึ้น
เช่นจากการแพทย์อายุรเวทของอินเดียที่มีมาตั้งแต่สมัยก่อนพุทธกาล
ในตาราอายุรเวทได้มีการกล่าวถึงมะเร็งว่าเป็นเนื้องอกที่เกิดจากการอัก
เสบหรือไม่อักเสบก็ได้ อาจเกิดจากความไม่สมดุลย์ของระบบ วาตะ
(ระบบประสาท) ปิตตะ (ระบบโลหิตดา) หรือเสมหะ (ระบบโลหิตแดง)
หนึ่งหรือ สองระบบ เป็น benign neoplasm
แต่ถ้าเกิดจากความผิดปกติของทั้งสามระบบจะกลายเป็น malignant
tumourหรือเนื้อร้ายนั่นเอง
สาเหตุของการเกิดมะเร็งนั้นตาราอายุรเวทได้กล่าวถึงการบาดเจ็
บของผิวชั้นที่หกที่เรียกว่า โรหิณี (epithelium)
ของกล้ามเนื้อและหลอดเลือด ซึ่งเกิดจากการใช้ชีวิตที่ผิดพลาด
การกินอาหารไม่ถูกสุขลักษณะ สุขอนามัยที่ไม่ดี และ
พฤติกรรมที่ไม่ถูกต้องอันก่อให้เกิดความไม่สมดุลย์ของระบบในร่างกาย
(dosha) นาไปสูการเกิดเนื้องอก
่
ในแต่ละคนเกิดมะเร็งแตกต่างกันไปแล้วแต่ปัจจัยเสี่ยงและพันธุกรรมซี่ง
ทาให้แต่ละคนมีการตอบสนองต่ออาหารชนิดเดียวกันได้ต่างกัน
(ขึ้นอยู่กับ doshaของแต่ละคน)
ปัจจัยที่ก่อให้เกิดความเสื่อมของระบบในร่างกายได้แก่
- สิ่งกระตุ้นระบบวาตะ การกินรสขม รสเผ็ด หรือรสฝาดมากเกินไป
อาหารแห้ง หรืออยู่ในสภาวะเครียดมากไป
- สิ่งกระตุ้นระบบปิตตะ การกินรสเปรี้ยว รสเค็มมากเกินไป
อาหารทอด หรืออยู่ในสภาวะโกรธมากไป
- สิ่งกระตุนระบบเสมหะ การกินรสหวานมากเกินไป อาหารมัน
หรือชอบอยู่นิ่งๆเกินไป
-

สิ่งกระตุ้นระบบเลือด (rakta)
กินอาหารที่เป็นกรดหรือเป็นด่างมากเกินไป อาหารทอดหรือย่าง
เครื่องดื่มแอลกอฮอลล์ อารมณ์โกรธหรือโศกเศร้ามากไป
การตากแดดจัดหรือทางานภายใต้ความร้อนนานไป
-

สิ่งกระตุ้นระบบกล้ามเนื้อ (mamsa) การกินอาหารจาพวกเนื้อ
ปลา โยเกิต นมและครีมมากไป การนอนกลางวัน
และการกินมากเกินไป

-

สิงกระตุ้นระบบไขมัน (medo) การกินอาหารประเภทน้ามัน
่
อาหารหวาน แอลกอฮอลล์และความขี้เกียจ
หลักของการรักษามี 4 อย่างคือ บารุงสุขภาพ (health

maintenance) รักษาโรค (disease cure) การคืนสู่สภาพปกติ
(Rasayana /restoration of normal function) จิตวิญญาณ (spiritual
approach)
หลักที่สาคัญคือต้องหาสาเหตุของการเจ็บป่วยที่ทาให้เกิดการขาดความ
สมดุลย์และแก้ไขส่วนขาดและลดส่วนเกิน
โดยทั่วไปจะเป็นส่วนประกอบของสมุนไพรหลายๆ ชนิด
ซึ่งจะเข้าไปช่วยระบบการทางานของอวัยวะต่างๆ ของร่างกายพร้อมๆ
กันและบารุงร่างกายไปด้วย สมุนไพรสามารถออกฤทธิ์ต่างๆ ดังนี้
1) ระงับการสร้างเส้นเลือดใหม่ (antiangiogenesis)
2) ยับยั้งการเจริญของเซลล์มะเร็ง (antiproliferative)
3) ระงับการอักเสบ 4) ซ่อมแซม DNA
5) ต้านการอ็อกซิไดส์ กาจัดอนุมูลอิสระ
6) ยับยั้งจุลชีพ
ในด้านของการรักษาหรือบาบัดโดยการใช้สมุนไพร
สมุนไพรดังต่อไปนี้มีผลการทดสอบในการใช้รักษาโรคมะเร็ง ได้แก่
ฟ้าทะลายโจร (Andrographispaniculata)
ในอินเดียใช้กันมานานรักษาไทฟอยด์ แก้อักเสบ แก้มาเลเรีย
กระตุ้นภูมิคุ้มกัน สารสาคัญคือ
andrographolideสามารถยับยั้งเซลล์มะเร็งได้หลายชนิด
มะตูม (Aeglemarmelos) สารจากผลมะตูมสามารถยับยั้ง thyroid
cancer และมีฤทธิ์ยับยั้งไวรัส และต้านการอักเสบ
บัวบก (Centellaasiatica) มีสาร
asiaticosideที่ช่วยให้แผลเรื้อรังหายได้เร็วขึ้น เพิ่มภูมิคุ้มกัน
และในบราซิลมีการใช้เพื่อรักษามะเร็งมดลูก
ขมิ้น (Curcuma longa) สารสาคัญคือ
curcuminมีฤทธิ์ต้านการอ็อกซิไดส์และต้านการอักเสบที่แรง
สามารถทาให้เกิดการตายของเซลมะเร็งหลายชนิดเช่น ผิวหนัง
ลาไส้ใหญ่ กระเพาะ ลาไส้เล็ก รังไข่ และยังมีฤทธิ์ต้านไวรัส
แบคทีเรียและราอีกด้วย
หญ้างวงช้างดอกขาว (Heliotropiumindicum)
อายุรเวทใช้ใบในการรักษาไข้ ลมพิษ แผล การอักเสบเฉพาะที่ กลาก
ปวดข้อ (rheumatism) มีอัลคาลอยด์ Indicine-N-oxide
ที่มีฤทธิยับยั้งเนื้องอก มีการทดลองทางคลีนิคในลิวคีเมีย และ solid
tumour
ว่านหางจรเข้ (Aloe vera) มีสาร aloe-emodinที่กระตุ้น
macrophage ให้กาจัดเซล์ลมะเร็ง และยังมี
acemannanช่วยกระตุ้นภูมิคุ้มกัน
ว่านหางจรเข้ช่วยกระตุ้นการเจริญของเซลล์ปกติและยับยั้งการเจริญขอ
งเซลล์มะเร็ง
Rubiacordifolia พืชตระกูลเดียวกับกาแฟมีมากในอินเดียตอนใต้
สารสกัดจากพืชนี้มีฤทธิ์ต้านการอ็อกซิไดส์และกระตุ้นภูมิคุ้มกัน
และต้านมะเร็งหลายชนิดเช่น leukemia, ascetic carcinoma,
melanoma, lung and large intestinal tumourเป็นต้น
Whitaniasomnifera หรือ Indian ginseng เป็น
adaptogenที่ช่วยทาให้ร่างกายทางานได้เป็นปกติ โดยผ่าน
Hypothalamic Pituitary Adrenal (HPA) axis มีสารสาคัญคือ
whithanolideซึ่งมีฤทธิ์เสริมภูมิต้านทาน
และสามารถยับยั้งเซลล์มะเร็งผิวหนัง
กะเพรา (Ocimum sanctum)
เป็นสมุนไพรที่ใช้ในการแพทย์โบราณหลายระบบ เช่นอายุรเวท สิธธา
ยูนานนิ กรีก โรมันเป็นต้น ใช้ในระบบทางเดินอาหาร ทางเดินหายใจ
หัวใจ ผิวหนัง ฯลฯ
ทุเรียนเทศ (Anonamuricata) สาร
acetogeninจากผลทาให้เซลล์มะเร็งตายได้
ลูกใต้ใบ/หญ้าใต้ใบ (Phyllanthusniruri/amarus)
เป็นที่รู้จักว่าเป็น stonebreaker และมีการใช้แพร่หลายทั่วโลก
ในระบบปัสสาวะและน้าดี ตับอักเสบ หวัด วัณโรค
และโรคจากไวรัสอื่นๆ
ดีปลี (Piper longum) มี piperineซึ่งมีฤทธิ์ต้านการอ็อกซิไดส์ทั้ง
in vitro และ in vivo
จึงเป็นส่วนประกอบของตารับยารักษามะเร็งของอายุรเวท
Podophyllumhexandrum เป็นพืชบนเทือกเขาหิมาลัย มีสาร
podophyllinและ
podophyllotoxinซึ่งยับยั้งการแบ่งตัวของเซลล์มะเร็งหลายชนิด เช่น
sarcomas,adenocarcinomaและ melanoma
มีการเตรียมอนุพันธ์และใช้เป็นยารักษามะเร็งตับคือ etoposide
บอระเพ็ด (Tinosporacordifolia)
สารสาคัญจากบอระเพ็ดกระตุ้นภูมิคุ้มกันโดยการเพิ่มระดับเม็ดเลือดขาว
และสามารถลดขนาดเนื้องอกได้ 58.8% เทียบเท่า
cyclophosphamide
รักขน (Semecarpusanacardium)
ผลของรักขนมีการใช้ในอายุรเวทเพื่อรักษามะเร็ง
มีงานวิจัยแสดงว่าสารสกัดคลอโรฟอร์มมีฤทธิ์ต้านมะเร็งและยืดอายุในก
รณี leukemia, melanoma และ
gliomaในสัตว์ทดลองที่ถูกเหนี่ยวนาให้เป็นมะเร็งตับสารสกัดจากรักขน
ทาให้เนื้อเยื่อตับเป็นปกติ ยาเตรียม anacartin forte
นิยมใช้รักษามะเร็งหลอดอาหาร chronic myeloid leukemia, urinary
bladder และมะเร็งตับ
ยังมีสมุนไพรอีกมากที่มีฤทธิ์ในการยับยั้งเซลล์มะเร็งโดยตรงหรือ
ช่วยระงับอาการข้างเคียงต่างๆ
ของผู้ป่วยมะเร็งซึ่งรอผลการสนับสนุนจากงานวิจัยทางวิทยาศาสตร์

สมุนไพรกับการรักษาโรค

โรคเบาหวาน
ช้าพลู
ช้าพลูต้มสามารถช่วยลดน้าตาลได้ดีมีฤทธิ์แอนตี้อ๊อกซิแด็นท์สูงมากโด
ยนาช้าพลูทั้งห้า (ทั้งต้นจนถึงราก) 1 กาต้มกับน้า 3 ขันเคี้ยวให้เหลือ 1
ขันรับประทานครั้งละครึ่งแก้วกาแฟก่อนอาหาร 3 มื้อ
มะระขี้นก
กระตุ้นการหลั่งอินซูลินยับยั้งการสังเคราะห์กลูโคสและเพิ่มการใช้กลูโค
สของตับโดยนาผลมะระขี้นกสด 8-10
ผลเอาเมล็ดในออกใส่น้าเล็กน้อยปั่นคั้นเอาแต่น้าดื่มหรือรับประทานทั้ง
กาก
รับประทานวันละ3เวลา
เตยหอม
มีฤทธิ์ลดน้าตาลในเลือดลดความดันโลหิตลดอัตราการเต้นหัวใจขับปัส
สาวะโดยนารากเตยหอมประมาณ 1 ขีดสับเป็นท่อนเล็กๆต้มกับน้า 1
ลิตรจากนั้นเคี่ยวต่อประมาณ 15-20 นาที
ดื่มครั้งละครึ่งแก้ววันละ 3 มื้อ
กะเพรา
กะเพราเป็นยารักษาเบาหวานโดยใช้ผงใบกะเพราทาชาประมาณ 1
ช้อนชาน้าร้อน 1 ถ้วยดื่มวันละ 3 ครั้ง
ตาลึง
ตาลึงแสดงผลการลดน้าตาลสามารถใช้ได้ทั้งส่วนที่เป็นใบรากผลโดยก
ารนายอดตาลึง 1
กามือหรือขนาดที่กินพออิ่มห่อด้วยใบตองเผาไฟจนสุกแล้วกินให้หมดห
รือกินจนอิ่มกินก่อน
นอนติดต่อกันสามเดือน
ว่านหางจระเข้
ช่วยลดน้าตาลในเลือดกระตุ้นการเผาผลาญของร่างกายรับประทานเนื้อ
ว่านหางจระเข้สดวันละ 15 กรัมทุกวันติดต่อกันอย่างน้อย 4 สัปดาห์

อบเชยจีน
ช่วยในการลดระดับน้าตาลในเลือดมีสาร MHCP
ที่ทาให้เซลล์ไขมันตอบสนองการทางานของอินซูลินได้มากขึ้นช่วยลด
ระดับน้าตาลในเลือดด้วยโดยรับประทานผงอบเชยจีนประมาณ 1
ช้อนชาต่อวัน
อินทนิลน้า
มีฤทธิ์ลดระดับน้าตาลในเลือดโดยมีสารชื่อ Corosolic acid
จัดเป็นอินซูลินจากธรรมชาติไม่พบผลข้างเคียงโดยใบอินทนิลน้าแก่
100 กรัมน้าสะอาด 1 ลิตรต้มให้เดือดจากนั้นเคี่ยวไฟอ่อน
ดื่มครั้งละ 1 ถ้วยชาเช้ากลางวันเย็นประมาณ 3 สัปดาห์
หว้า
มีฤทธิ์ยับยั้งการทาลายอินซูลินช่วยเพิ่มปริมาณอินซูลินกระตุ้นการหลั่ง
อินซูลินลดระดับน้าตาลในเลือดยับยั้งเบาหวานนาเมล็ดลูกหว้ามาโขลก
ใส่หม้อต้มให้เดือดเคี่ยวไฟอ่อนๆสัก 15 นาทีรับประทานครั้งละ 1
ถ้วยชาวันละ 3 มื้อ

โรคความดันโลหิตสูง
ใบทองพันชั่งนาใบที่ไม่อ่อนหรือแก่เกินไปนามาตากแดดให้แห้งป
ระมาณ 20 ใบผสมกับชาจีน 1
หยิบมือหลังจากนั้นใช้ชงในน้าร้อนปล่อยทิ้งไว้ประมาณ 15 นาที
แล้วนามารับประทานวันละ3 ครั้งก่อนอาหารเช้ากลางวันและเย็น 5-7
วันติดต่อกัน
กระเทียมให้ซอยกระเทียมสดประมาณครึ่งช้อนชากินพร้อมอาหา
รวันละ2-3
ครั้งหรืออาจจะเคี้ยวกระเทียมกินสดๆก็ได้แต่ห้ามกินตอนท้องว่างเพราะ
ฤทธิ์ร้อนของกระเทียมจะทาให้แสบกระเพาะได้
ขึ้นฉ่ายวิธีการนาขึ้นฉ่ายมารักษานั้นให้เลือกต้นสดๆมาตาคั้นเอา
แต่น้าดื่มหรือใช้ต้นสด 12 กามือตาให้ละเอียดต้มกับน้าแล้วกรองเอากากออกใช้รับประทานครั้ง
ละ 1-2 ช้อนโต๊ะก่อนอาหารหรือกินเป็นผักสดผสมในอาหารก็ได้
กาฝากมะม่วงใช้กาฝากของต้นมะม่วงนามาตากแห้งต้มน้าดื่มหรือ
ตากแห้งคั่วแล้วชงดื่ม
วิธีการทาเอาน้าใส่หม้อต้มใส่กาฝากมะม่วงที่ตากแห้งแล้วลงไปต้มให้เดื
อดและเคี่ยวจนกว่าน้าของกาฝากจะออกมาเป็นสีน้าตาลอ่อนๆ
ที่ก็สามารถนามาดื่มเป็นน้าชาหรือดื่มแทนน้าได้ตลอดเวลาที่หิวน้า
กระเจี๊ยบแดง
ส่วนที่ใช้ลดอาการความดันโลหิตสูงก็คือส่วนของกลีบเลี้ยงวิธีการเพียง
นากลีบเลี้ยงที่แห้งต้มน้าหรือชงน้าร้อนกิน
เป็นชากระเจี๊ยบนอกจากจะช่วยลดอาการความดันโลหิตสูงแล้วยังช่วย
ลดคอเลสเตอรอล
ใบบัวบกหากนาต้นสดจานวน 12 กามือมาต้มกับน้าดื่มแล้วดื่มเป็นประจาก็จะสามารถลดอาการความดัน
โลหิตสูงได้
หญ้าหนวดแมวหญ้าหนวดแมวช่วยอาการลดความดันโลหิตสูงได้
เพียงนาใบไปตากจนแห้งหลังจากนั้นนามาชงกับน้าดื่มเป็นประจาจนก
ว่าอาการความดันจะกลับสู่ภาวะปกติแต่สิ่งที่ควรจาไว้ก็คือหญ้าหนวดแ
มวมีเกลือโพแทสเซียมอยู่ในปริมาณสูงดังนั้นจึงไม่ควรใช้คู่กับยาแอสไ
พรินและผู้ป่วยที่เป็นโรคหัวใจเพราะอาจเกิดอันตรายต่อสุขภาพได้หาก
ไม่มั่นใจต้องปรึกษาแพทย์ก่อนนามาดื่ม

โรคกระเพาะอาหาร
หมายถึงอาการปวดแสบปวดต้อปวดเสียดหรือจุกแน่นตรงบริเวณใ
ต้ลิ้นปี่ (เหนือสะดือ)
เวลาก่อนรับประทานอาหารหรือหลังรับประทานอาหารใหม่ ๆ
สาเหตุสาคัญของโรคกระเพาะคือความเครียด
(วิตกกังวลคิดมากเคร่งเครียดกับการงานการเรียน)
พฤติกรรมการรับประทานอาหารผิดเวลาและการรับประทานอาหารที่ระ
คายเคืองต่อกระเพาะอาหารและลาไส้
กล้วยน้าว้า
นาผลมาปอกเปลือกหั่นเป็นแว่นบางๆตากแดดให้แห้งบดให้ละเอียดเป็น
ผงใส่ขวดเก็บไว้ใช้ผง 1-2 ช้อนโต๊ะชงน้าร้อนดื่มหรือผสมกับน้าผึ้ง 1
ช้อนโต๊ะผสมให้เข้ากันกินก่อนอาหารและก่อนนอน
ขมิ้นชัน ใช้เหง้าแก่สดล้างให้สะอาดหั่นเป็นชิ้นบางๆตากแดดจัด
1-2 วันบดให้ละเอียดผสมกับน้าผึ้งปั้นเป็นลูกกลอนหินครั้งละ 3-5
เม็ดวันละ 4 ครั้งหลังอาหารและก่อนนอน
ว่านหางจระเข้ ใช้ใบสดที่เพิ่งตัดออกจากต้นนามาล้างให้สะอาดป
อกเปลือกส่วนที่มีสีเขียวออกให้หมดเหลือแต่วุ้นใสหากมียางสีเหลืองติด
ทีวุ้นให้ล้างออกก่อนหั่นวุ้นเป็นชิ้นเล็ก ๆ ขนาดประมาณ 3
่
นิ้วล้างให้สะอาดอีกครั้งกินวันละ 2 เวลาก่อนอาหารเช้าเย็น
กระเจี๊ยบเขียว ใช้ผักลวกกินน้าพริกทุกวันเมือกลื่นๆในผลกระเจี๊ย
บเขียวช่วยเคลือบแผลในกระเพาะอาหารได้
หัวปลี นาปลีกล้วยน้าว้ามาเผาแล้วบีบเอาแต่น้าได้ประมาณครึ่งแก้
วดื่มก่อนอาหารรสชาติฝาดเฝื่อนกินยากมากแต่มีตนกินติดกันประ
มาณ 3 วันอาการปวดกระเพาะที่อักเสบเรื้อรังมานานหายสนิท

อาการต่างๆ
คัดจมูก
สาเหตุสาคัญของอาการคัดจมูกมักเกิดจากการติดเชื้อไวรัสและยังอา
จเกิดจากภาวะภูมิแพ้หรือการใช้สเปรย์
พ่นจมูกบ่อยเกินไปซึ่งจะทาให้เยื่อบุผิวจมูกบวมและมีสิ่งคัดหลั่งไหลออ
กมาซึ่งถือเป็นสิ่งที่มีประโยชน์ต่อกระบวนการช่วยเหลือตนเองของร่างก
ายแต่มีข้อควรสังเกตก็คืออาการคัดจมูกที่เกิดจากการติดเชื้อมักมีอาการ
อื่นร่วมด้วยเช่นไข้ไอและเจ็บคอแต่ถ้าเกิดจากภาวะภูมิแพ้จะมีน้ามูกใสมี
อาการจามคันตาและมีน้าตาไหลร่วมด้วย
พริกใช้ต้นพริก (ยกเว้นเม็ดพริก)
ล้างน้าให้สะอาดสับเป็นท่อนสั้นๆและตากแดดจนแห้งประมาณ 15
กรัมต้มกับน้าเปล่า 1 ลิตรจนเดือดรินเฉพาะน้าดื่มก่อนอาหารครั้งละ 1
แก้วเช้า-เย็นจะช่วยให้คุณหายใจสะดวกขึ้นทันที
ฟ้าทะลายโจรนาใบแก่และกิ่งสดล้างน้าให้สะอาดสับเป็นท่อนสั้นๆปร
ะมาณ 300 –500
กรัมตากแดดให้แห้งนามาบดเป็นผงผสมกับน้าผึ้งเล็กน้อยปั้นเป็นเม็ดลูก
กลอนขนาดปลายก้อยหรือใส่แคปซูลเพื่อความสะดวกในการกินใช้รับป
ระทานก่อนอาหารครั้งละ 3 เม็ดเช้า เย็นช่วยบรรเทาอาการหวัดคัดจมูกและแก้เจ็บคอได้
หญ้าใต้ใบไม้ต้นเล็กๆมีรสขมเย็นใช้ต้นสดประมาณ 3
ต้นล้างน้าให้สะอาดหั่นเป็นท่อนสั้นๆต้มกับน้า 1
ลิตรรอจนเดือดกรองด้วยผ้าขาวบางเอาแต่น้าดื่มก่อนอาหารครั้งละ 1
แก้วเช้า-เย็นแก้หวัดคัดจมูกและทาให้น้ามูกแห้ง
กระเทียมควรปรุงอาหารด้วยกระเทียมจะช่วยลดอาการคัดจมูกหรือกิ
นกระเทียมสดๆครั้งละ 7 กลีบพร้อมมื้ออาหารทุกวัน
หอมเล็กนาหอมเล็ก 1
หัวปอกเปลือกกินพร้อมอาหารเป็นประจาทุกวันจะช่วยป้องกันหวัดและบ
รรเทาอาการคัดจมูกได้หรือถ้ายังไม่หายใช้หอมเล็ก 4-5
หัวทุบพอแตกต้มกับน้า 1
ลิตรรอเดือดยกลงเทน้าใส่ชามใบใหญ่จึงก้มหน้าลงให้ห่างชามพอประม
าณใช้ผ้าขนหนูคลุมศีรษะและชามไว้สูดไอระเหยเข้าทางจมูกประมาณ
5-10
นาทีจะรู้สึกโล่งจมูกนอกจากนี้ยังใช้หอมเล็กต้มน้าอาบแก้คัดจมูกได้เช่น
กันโดยนาหอมเล็ก 3 หัวทุบพอแตกใบมะขาม 1
กามือและเปลือกส้มโอประมาณครึ่งลูกต้มกับน้า 3
ลิตรพอน้าเดือดยกลงรอจนอุ่นจึงอาบแทนน้าเปล่าด้วยสรรพคุณทางยา
ของสมุนไพรเหล่านี้จึงช่วยบรรเทาหวัดและลดน้ามูก
ขิงนาขิงแก่ 1 แง่งหั่นเป็นแว่นบางๆต้มกับน้า 1 ลิตรประมาณ 5
นาทีเสร็จแล้วตักขิงออกดื่มขณะยังอุ่นๆครั้งละ 1
แก้วช่วงเช้ากลางและเย็นจะช่วยลดน้ามูกได้
ตะไคร้ใช้ตะไคร้ 3-4 ต้นบุบให้แตกต้มกับน้า 1
ลิตรจนเดือดยกลงรินเฉพาะน้าจิบบ่อยๆตลอดวันช่วยแก้อาการน้ามูกไห
ลจากหวัดได้เช่นกัน

ข่าวเกียวกับสมุนไพร
่
“ขิง” สมุนไพรไทยชั้นดี ช่วยต้านหนาว
พอดีมีโอกาสได้ไปรับลมหนาวที่เชียงใหม่ค่ะ ก็ไปเที่ยวเขา
เที่ยวดอย ตามภาษาคนที่อยากไปรับรู้ความหนาวเย็นจัดๆ เป็นยังไงบ้าง
ซึ่งก็ต้องบอกว่าหนาวมาก หนาวเย็นกว่าปกติซะด้วย
และก็สังเกตอย่างนึงว่าชาวบ้านท้องถิ่น หรือชาวเขา ที่อยู่ตามดอย
จะนิยมเปิดร้านขายมันปิ้ง ไข่ปิ้ง หรือน้าสมุนไพรร้อนๆ
ที่ใส่หม้อดินและตั้งเตาถ่านไว้ ขายกันสดๆร้อนๆ หลากหลายชนิด
เช่นน้าขิงผสมน้าผึ้ง นมร้อนผสมน้าผึ้ง น้าเก็กฮวย อะไรประมาณนั้น
ซึ่งเค้าก็จะขายอยู่ตลอดข้างทางที่เดินผ่านไปอ่ะซึ่งก็แอบไปดื่มมา
ซึ่งก็อร่อยมากและได้บรรยากาศสุดๆ และที่สังเกตอีกอย่างนึงคือ
ในทุกร้านจะต้องมีน้าขิงขายทุกร้าน..
ภาพที่ 16 ร้านค้าที่ขายน้าขิง
ซึ่งสิ่งที่เราจะเล่าวันนี้นั้น ก็คือ ใน“ขิง”นั้นก็มีสรรพคุณอย่างหนึ่ง
คือ ช่วยบรรเทาความหนาวเย็นได้ค่ะ
ซึ่งนั่นก็อาจจะเป็นเหตุผลหนึ่งของชาวท้องถิ่น
หรือนักท่องเที่ยวเค้านิยมดื่มกัน
ซึ่งก็อาจจะมาจากสภาพอากาศบนดอยที่หนาวเย็นเกือบตลอดทั้งปีด้วยแ
ละนอกจากนี้
เรายังมีสาระน่ารู้เกี่ยวกับสรรพคุณของ“ขิง”จากโรงพยาบาลลาปาง
มาฝากเพื่อนๆ กันอีกด้วยค่ะ
“ขิง” ปรับสมดุลธาตุหน้าหนาว
ภกญ. ดร.สุภาภรณ์ปิติพรหัวหน้ากลุ่มงานเภสัชกรรม
โรงพยาบาลอภัยภูเบศร
ได้กล่าวว่าหน้าหนาวเป็นช่วงของวาตะธาตุหรือธาตุลมส่งผลกระทบต่อ
ธาตุทั้ง 4 คือ ดิน น้า ลมและไฟใครที่มีธาตุ 4
สมดุลก็จะมีภูมิต้านทานกับการเปลี่ยนแปลงแห่งฤดูกาลมากกว่าคนอื่น
สาหรับคนที่มีวาตะธาตุเป็นเจ้าเรือน คือที่ผอมแห้งแรงน้อยคนชรา
หรือวัยเด็ก
ก็จะได้รับผลกระทบมากกว่าคนอื่นธาตุไฟในคนกลุ่มนี้จะอ่อนแรงยิ่งเมื่อ
ถึงหน้าหนาวจะอ่อนแรงไปอีกธาตุน้าและลมจะกาเริบร่วมกันทาให้มีเสม
หะเหนียวแห้งช่วงนี้คนมักเจ็บป่วยด้วยอาการหวัดและไอแห้งๆรวมทั้งมี
การกาเริบของหอบหืดในช่วงฤดูหนาว

ภาพที่ 17 สมุนไพร “ขิง”
สมุนไพรขิง
จึงเป็นสมุนไพรพื้นบ้านที่ถูกนามาใช้ได้อย่างเหมาะสมปลอดภัยเป็นการ
ช่วยเพิ่มธาตุไฟขิงเป็นสมุนไพรที่ทุกมุมโลกนามาใช้
พบว่ามีสารหลายชนิดที่มีฤทธิ์ฆ่าเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่มีการทดลองพบ
ว่าน้าขิงต้มทาให้เม็ดเลือดขาวแมคโครฟาจ
จับกินไวรัสไข้หวัดใหญ่ได้ดีขึ้นจึงเหมาะที่จะเป็นเครื่องดื่มสมุนไพรสาห
รับในฤดูกาลนี้เพราะขิงเป็นสมุนไพรที่หาง่ายมีความปลอดภัยใช้มานาน
ดังนั้น
เมื่อมีอาการเป็นหวัดไม่สบายเราอาจเลือกกินน้าต้มขิงหรือต้มซุปไก่บ้าน
ที่ใส่ตะไคร้และขิงจะช่วยให้อาการดีขึ้น
ภาพที่ 18 น้าขิง
ปัจจุบันขิงเป็นสมุนไพรที่บรรจุเป็นยาหลักแห่งชาติและองค์การอ
นามัยโลกรับรองขิงรักษาหวัด แต่มีข้อจากัดในคนท้อง
ยกเว้นต้องซื้อจากบริษัทที่ควบคุมคุณภาพที่ดีพอ
ขิงเป็นสมุนไพรที่ใช้ในหลายประเทศทั่วโลกเช่นแพทย์จีนโบราณจัดขิง
เป็นพืชรสเผ็ดอุ่นมีฤทธิ์แก้หวัดเย็นขับเหงื่อบารุงกระเพาะแก้คลื่นไส้อาเ
จียนลดโคเลสเตอรอลที่สะสมในตับและหลอดเลือดอินเดียใช้ขิงลดการอั
กเสบแก้ปวด
ลดการบวมน้าใช้เป็นยากระตุ้นอาหารเป็นยาช่วยย่อยช่วยขับลมในลาไ
ส้ระงับการคลื่นไส้อาเจียนกระตุ้นกาหนัดตารายาทางอายุรเวทใช้ขิงลด
อาการบวม
และลดการอักเสบของตับคนยุโรปโดยทั่วไปจะใช้ชาขิงช่วยย่อยช่วยรัก
ษาท้องอืดจาการดื่มเหล้าช่วยขับลมใช้รักษาโรคเก๊าท์
และกระตุ้นการไหลเวียนเลือด
สาหรับคนไทย
จะรู้จักขิงเป็นอย่างดีสามารถนามาเป็นเครื่องเทศปรุงเป็นอาหารได้สาร
พัดช่วยปรุงแต่งให้อาหารมีรสที่ชวนกินดับกลิ่นคาวอยู่ในตาหรับยารัก
ษาโรคได้มากมายขับลมช่วยย่อยอาหารขับเหงื่อขับน้านมบารุงธาตุบารุ
งกาลังฉะนั้นในหน้าหนาวนี้ลองปรุงอาหารที่มีขิงถ้าหาอะไรไม่ได้ลองต้
มน้าต้มขิงช่วยปรับสมดุลธาตุกันนะคะ

รับมือกับผิวแห้งในช่วงหน้าหนาว...สมุนไพรไทยช่วยได้
สาหรับช่วงอากาศหนาวเย็นเช่นนี้
ทุกคนต้องเผชิญและหลีกเลี่ยงไม่ได้ก็คือความแห้งของอากาศนี่เองควา
มแห้งของอากาศมีส่วนสาคัญอย่างมากที่ทาให้ผิวแห้ง ลอกเป็นขุย
หรืออาจแตกเป็นแผลได้ด้วย อากาศหนาวจะทาให้ผิวขาดความชุ่มชื้น
และขาดน้าหล่อเลี้ยงตามธรรมชาติจนเกิดปัญหาผิวแห้ง พอแห้งมากๆ
ก็คัน บางรายเมื่อคันก็เกาจนเกิดการอักเสบขึ้นได้
ภาพที่ 19 สภาพผิวหน้า
หน้าหนาวเมืองไทยตอนกลางวันมีแดดจัด เหงื่อออกมามาก
ทาให้หลายคนที่หน้าแห้งแล้วก็ยังบอกว่าผิวมัน
จึงขยันล้างหน้ากันบ่อยๆ
เพื่อกาจัดความเหนียวเหนอะหนะหรือความมันบนใบหน้ายิ่งทาให้ผิวแห้
งและลอกง่าย
ผิวแห้งเราก็จาเป็นต้องเลือกครีมบารุงผิวชนิดที่มีคุณสมบัติเคลือบผิว
ลดการระเหยของน้าในผิว
ช่วงหน้าหนาวบางครั้งครีมราคาแพงๆก็เอาไม่อยู่หรือเกิดอาการแ
พ้
วันนี้รามีวิธีมีสูตรธรรมชาติเป็นสมุนไพรบารุงผิวแห้งมฝากเรียกว่าสูตร
นี้ว่า "สามทหารเสือ" ซึ่งส่วนผสมเป็น กลุ่มสมุนไพรเย็น ได้แก่
ใบเตยหอม น้าผึ้ง ใบบัวบก
มีสรรพคุณบารุงผิวสร้างความชุ่มชื้นและผ่อนคลายซึ่งต่างจากกลุ่มน้ามั
นทาผิวมีสรรพคุณป้องกันลดการแตกแห้งของผิวแต่ไม่บารุง
ก่อนที่จะเริ่มลงมือทาเราไปดูกันว่าสมุนไพรแต่ละอย่างงมีสรรพคุณช่วยเ
รื่องอะไรบ้าง
ใบเตยหอมช่วยสร้างความชุ่มชื้นและกลิ่นช่วยให้เกิดการผ่อนคลาย
น้าผึงมีเกสรดอกไม้ต่างๆ ช่วยสมานผิว บารุงผิว
้
มีขี้ผึ้งช่วยเคลือบผิวชั้นนอกให้ความชุ่มชื้น แต่ไม่ทาให้ผิวมัน
ใบบัวบกบัวบกดีต่อผิวโดยมีสารสร้างเสริมเซลล์ผิวให้แข็งแรง
ช่วยสร้างส่วนที่สึกหรอได้เร็วขึ้น ต้านการอักเสบของผิวหนัง สมานแผล
ลดรอยดาจากสิว และลดการแพ้ของผิวหนังต่อสารต่างๆ
วิธีการทา: นาใบเตยหอม คั้นเฉพาะน้า 2 ช้อนโต๊ะ ใบบัวบก
คั้นเฉพาะน้า 1 ช้อนโต๊ะ น้าผึ้ง 2 ช้อนโต๊ะ ผสมให้เข้ากัน
วิธใช้: ทาความสะอาดผิวหน้าด้วยน้าอุ่น เพื่อเปิดรูขุมขน
ี
และสิ่งสกปรกออกจากผิว
จากนั้นนาสมุนไพรพอกหน้าสูตรผิวแห้งพอกให้ทั่วหน้า เว้นรอบดวงตา
ริมฝีปาก ทิ้งไว้ 10-15 นาทีแล้วเช็ดออก

สาหรับใครทีมเวลาอยากแนะนาอีกสูตรช่วยลดผิวแห้งในช่วงหน้าหนา
่ ี
วได้ดี
เป็นลูกประคบหน้า มีส่วนผสมขมิ้นชัน บัวบก ตะไคร้บ้าน
ขิงสดนามาหั่นละเอียดแล้วผสมด้วยงาดาคั่ว จมูกข้าวและเหลือเล็กน้อย
เกลือจะช่วยดึงตัวยาเข้าสู่ผิวทาให้รับตัวยาได้ดี
จากนั้นห่อผ้าดิบเป็นลูกขนาดเล็ก นาไปนึ่ง 15-20 นาที
ก่อนนามาใช้ประคบที่บริเวณหน้า ทั้งนี้
ต้องทดสอบความร้อนที่บริเวณท้องแขนก่อนใช้ที่บริเวณใบหน้า
ลูกประคบสูตรนี้จะช่วยบารุงผิวหน้า สมานผิว ลดรอยดาผิว
และช่วยลดผิวแห้งในช่วงหน้าหนาวได้ดี
ตัวอย่างผลิตภัณฑ์ขากสมุนไพร

บีบครีมว่านหอม ( Galanga BB cream) SPF 40
ี

ภาพที่ 20 บีบีครีมว่านหอม
ครีมปรับสภาพผิว เพื่อผิวหน้าเนียนใส
ที่ผสานทั้งเบสที่เนื้อบางบางกว่าครีมรองพื้น แต่ช่วยปกปิดได้ดี
และมีส่วนผสมของสมุนไพร "ว่านหอม" ไว้ด้วยกัน
ซึ่งมีคุณสมบัติช่วยดูดซับรังสียูวี ปกป้องผิวจากแสงแดด
บารุงให้ผิวพรรณเปล่งปลั่งสดใส พร้อมทั้งปรับสภาพผิวให้เป็นปกติ
ลดรอยแดงและสามารถเข้าได้กับทุกสีผิว พร้อมด้วยคุณค่าจากสารสกั
ดว่านหางจระเข้ น้ามันราข้าวและวิตามินอี ที่บารุงผิว ให้ความชุ่มชื้น
เนื้อครีมเกลี่ยง่าย ซึมซาบเร็ว ไม่เหนียวเหนอะหนะ
ส่วนประกอบ:


สารสกัดว่านหอม (Galanga Extract)



สารสกัดว่านหางจระเข้ (Aloe Vera Extract)



น้ามันราข้าว (Rice Bran Oil)

สรรพคุณ: สาหรับปรับสภาพผิว ให้ดูเรียบเนียน เปล่งปลั่ง
และช่วยป้องกันแสงแดด เนื้อครีมเกลี่ยง่ายไม่เหนียวเหนอะหนะ

วิธีใช้: แต้มบางๆบนผิวหน้า หลังขั้นตอนการบารุงผิวหน้าในตอนเช้า
ใช้นิ้วนางเกลี่ยเบาๆ จนเนืือครีมเรียบเนียนกลืนกับผิวหน้า

ข้อควรระวัง:
1. การใช้ผลิตภัณฑ์เครื่องสาอางที่มีส่วนผสมสารป้องกันแสงแดด
เป็นเพียงวิธีหนึ่งที่ช่วยลดความเสี่ยงจากอันตรายจากแสงแดด
2. อ่านวิธีใช้ให้ละเอียดและปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด
3. หากใช้แล้วมีความผิดปกติใดๆเกิดขึ้น
ต้องหยุดใช้และรีบปรึกษาแพทย์
4. เก็บให้พ้นแสงแดด

เจลสมุนไพรบารุงผิวรอบดวงตา
ภาพที่ 21 เจลสมุนไพรบารุงผิวรอบดวงตา
ผลิตภัณฑ์ที่ใช้บารุงผิวรอบดวงตาที่มีส่วนผสมของสารสกัดสมุนไ
พรมากกว่า 10 ชนิด เพื่อลดเลือนริ้วรอย และรอยคล้ารอบดวงตา
เหมาะกับทุกสภาพผิว

ส่วนประกอบ: ว่านหางจระเข้ บัวบก แตงกวา มะขามป้อม
และสารจากธรรมชาติอื่นๆ เช่น สารสกัดจากดอกคาโมมายล์
สารสกัดจากดอกดาวเรือง สารสกัดจากรากโสม วิตามินอี ไฮยาลูโรเนต

สรรพคุณ: ช่วยลบเลือนริ้วรอย และรอยคล้าใต้ตา
วิธีใช้: กดเจล 1 ครั้งลงบนนิ้วนาง แต้มที่ตาทั้งสองข้าง
แล้วใช้นิ้วนางเกลี่ยเจลให้รอบดวงตา เป็นประจาเช้าและก่อนนอน

อายุผลิตภัณฑ์: 2 ปี (นับจากวันผลิต)
การเก็บรักษา: เก็บที่อุณหภูมิห้องห่างจากแสงแดดและความร้อน
เจลล้างหน้าแตงกวา

ภาพที่ 22 เจลล้างหน้าแตงกวา
ผลิตภัณฑ์ทาความสะอาดผิวหน้าที่มีส่วนผสมของสารสกัดแตงกว
า ช่วยทาให้ผิวชุ่มชื้นไม่แห้งตึงหลังการล้างหน้า
ซึ่งความชุ่มชื้นที่เกิดขึ้นนอกจากจะทาให้ลดโอกาสการเกิดริ้วรอยแล้ว
ยังทาให้ผิวมีความยืดหยุ่นที่ดีขึ้นอีกด้วย

ส่วนประกอบ: สารสกัดแตงกวา
สรรพคุณ: ทาความสะอาดผิวได้อย่างหมดจด
ด้วยส่วนผสมของสารสกัดจาก แตงกวาจึงช่วยคืนความชุ่มชื้นสู่ผิวหน้า
เหมาะกับทุกสภาพผิว

วิธีใช้: บีบเจลลงบนฝ่ามือ ผสมน้าเล็กน้อย
ลูบไล้ทั่วใบหน้าแล้วล้างออกด้วยน้าสะอาด วันละ 2 ครั้ง เช้า-เย็น

อายุผลิตภัณฑ์: 2 ปี (นับจากวันผลิต)
การเก็บรักษา: เก็บที่อุณหภูมิห้อง ห่างจากแสงแดดและความร้อน
สบูลกยอ
่ ู

ภาพที่ 23 สบู่ลูกยอ
ใช้ทาความสะอาดผิว และกระตุ้นการผลัดเซลล์ผิว
เผยเซลล์ผิวชั้นในที่กระจ่างใสและเนียนกว่า เหมาะกับทุกสภาพผิว

ส่วนประกอบ: ผงลูกยอบดละเอียด
สรรพคุณ: อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระจากธรรมชาติ
บารุงผิวพรรณ

วิธีใช้: ใช้มือที่เปียกน้าถูสบู่ให้เกิดฟอง แล้วนาฟองนุ่มที่
ได้มาถูตัวให้ทั่วจนสะอาด ล้างตามด้วยน้าสะอาด เพื่อประสิทธิภาพที่ดี
ควรใช้อาบน้าวันละ 2 ครั้ง เช้าและเย็น
อายุผลิตภัณฑ์: 3 ปี (นับจากวันผลิต)
รูปแบบ/ขนาดที่บรรจุ: สบู่ก้อน บรรจุในกล่องกระดาษ ขนาด 100 กรัม
การเก็บรักษา: เก็บในที่แห้ง ห่างจากความชื้น แสงแดดและความร้อน

ครีมอาบน้าตะไคร้ต้น

ภาพที่ 24 ครีมอาบน้าตะไคร้ต้น
ผลิตภัณฑ์ทาความสะอาดผิวกายที่มีส่วนผสมของน้ามันหอมระเห
ยแท้จากธรรมชาติของตะไคร้ต้น หรือ Litsea cubeba L.
ให้กลิ่นหอมสดชื่นผ่อนคลาย และฟื้นฟูสภาพผิว
คืนพลังความสดใสให้กับคุณทุกครั้งหลังอาบน้า

ส่วนประกอบ: ส่วนผสมของน้ามันหอมระเหยตะไคร้ต้น
สรรพคุณ: ครีมอาบน้าอโรมาเทอราปีที่ช่วยปลุกพลังความสดชื่น
ผ่อนคลายพร้อมช่วยกระชับรูขุมขน ลดเหงื่อ ลดกลิ่นตัว
ให้กลิ่นหอมติดผิว

วิธีใช้: ลูบไล้ทั่วผิวกายแล้วล้างออก
อายุผลิตภัณฑ์: 2 ปี (นับจากวันผลิต)
รูปร่าง/ขนาดบรรจุ: ขวดพลาสติกขนาด 250 มิลลิลิตร
การเก็บรักษา: เก็บที่อุณหภูมิห้อง ห่างจากแสงแดดและความร้อน

ครีมล้างหน้าสมุนไพรมะขาม

ภาพที่ 25 ครีมล้างหน้าสมุนไพรมะขาม
คนไทยโบราณ ทาผิวด้วยขมิ้น ขัดผิวด้วยมะขามเปียก
ในมะขามเปียก มีกรดผลไม้ (AHA)
เพิ่มความชุ่มชื้นและความยืดหยุ่นของผิว
ด้วยคุณค่าของมะขามร่วมกับขมิ้น นมและน้าผึ้ง
จึงเป็นผลิตภัณฑ์พอกและล้างหน้า
หรือจุดแห้งกร้านให้ผิวพรรณเปล่งปลั่ง งดงามนุ่มนวลน่าสัมผัส

ส่วนประกอบ: เนื้อมะขามเปียก นมสด น้าผึ้ง และขมิ้นชัน
สรรพคุณ: ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยกระตุ้นการผลัดเซลล์ผิว (Exfoliating
products) จากคุณค่าของ AHA จากธรรมชาติ 100%
ช่วยขจัดเซลล์ผิวหยาบกร้าน เผยผิวที่กระจ่างใส
วิธีใช้: ใช้น้าชโลมผิวหน้าพอเปียก (ควรล้างเครื่องสาอางออกก่อน)
แล้วใช้ครีมล้างหน้าสมุนไพรเล็กน้อยลูบไล้จนทั่ว ทิ้งไว้สักครู่
แล้วล้างออก สาหรับผู้ที่มีผิวมันอาจใช้ร่วมกับสบู่ล้างหน้าทั่วไป

ข้อควรระวัง:



ระวังการใช้ในผู้ที่มีปัญหาผิวบอบบางแพ้ง่าย หรือไวต่อกรด AHA
ควรทากันแดดทุกวันอย่างสม่าเสมอ เพื่อปกป้องผิวสวยจากแสงแดด

อายุผลิตภัณฑ์: 6 เดือน (นับจากวันผลิต)
รูปร่าง/ขนาดบรรจุ: เนื้อครีมสีน้าตาลในหลอดพลาสติกขนาด 80 กรัม
การเก็บรักษา: เก็บที่อุณหภูมิห้อง ห่างจากแสงแดดและความร้อน

ชาอู่หลง
ภาพที่ 26 ชาอู่หลง
ช่วยทาให้ฟันแข็งแรง ป้องกันฟันผุและเหงือกอักเสบ
นอกจากนี้ยังสามารถป้องกันสนิม และทาให้ดวงตาสดชื่น
การเก็บรักษา
สามารถเก็บรักษาไว้ที่อุณหภูมิห้อง
หลีกเลี่ยงการให้ใบชาสัมผัสกับอากาศ ดังนั้นควร
เก็บในภาชนะที่ปิดสนิท ทึบแสง และสะอาดมากๆ
อีกยังไม่ควรวางไว้ใกล้สถานที่ที่มีกลิ่นรุนแรง หรือมีกลิ่นแปลกปลอม
ข้อแนะนา
หากนาใบชามาถูกับกระทะ จะสามารถป้องกันสนิมได้
เพราะสารแทนนิน จะจับตัวกับ
เหล็กและสร้างสารเคลือบบางๆซึ่งป้องกันสนิม
ถ้านาถุงชาที่เปียกและเย็นประคบดวงตา สามารถทาให้สดชื่นได้

น้ากระเจี๊ยบ
ภาพที่ 27 น้ากระเจี๊ยบ
ช่วยเป็นยาระบาย ละลายไขมัน แก้ไขหลอดเลือดตีบตัน
และทาให้หลอดเลือดแข็งแรง
อ่อนนิ่มยืดหยุ่นได้
การเก็บรักษา
ขวดเก็บใส่ขวดแล้วปิดฝาให้แน่นสนิท และควรเก็บใส่ไว้ในตู้เย็น
หากทาการต้มแล้ว
ควรดื่มให้หมดทันทีที่เปิด

ข้อแนะนา
- อาจจะทาให้เกิดอาการท้องเสียกับบางคน
เพราะกระเจี๊ยบมีฤทธิ์เป็นยาระบาย
- น้ากระเจี๊ยบมีฤทธิ์ขับปัสสาวะ แม้ว่าจะมีความเป็นพิษมาก
แต่ไม่ควรดื่มในปริมาณ
เข้มข้นและติดต่อกันนานๆ เพราะอาจจะไม่เกิดผลดีต่อสุขภาพ

น้าดอกอัญชัน
ภาพที่ 28 น้าดอกอัญชัน
มีสารแอนโธไซยานินช่วยเพิ่มการไหลเวียนของหลอดเลือดเส้นเล็
กๆที่ไปเลี้ยง ไต สมอง และดวงตา ลดโอกาสการแพ้ที่เกิดจากสารเคมี
การเก็บรักษา
สามารถเก็บรักษาไว้ที่อุณหภูมิห้อง
หลีกเลี่ยงการให้เครื่องดื่มสัมผัสแสงและความร้อน
ในกรณีที่ต้องการเพิ่มรสชาติอาจเก็บไว้ในตู้เย็น และเมื่อเปิดดื่มแล้ว
ต้องเก็บไว้ในตู้เย็นและดื่มให้หมดภายใน 1 วัน

ข้อแนะนา
- ควรดื่มทันทีที่ปรุงเสร็จ เพื่อให้ได้คุณค่าทางอาหารและยา
- การดื่มน้าสมุนไพรชนิดเดียวกันติดต่อกันเป็นระยะนานๆอาจ
ทาให้เกิดการสะสมของ
สารบางชนิดที่มีฤทธิ์ต่อร่างกาย
- การดื่มน้าสมุนไพร ที่มีอุณหภูมิ 60 องศาเซลเซียสขึ้นไป
จะทาให้เยื้อบุผิว
เสียสภาพภูมิคุ้มกันเฉพาะที่ อาจทาให้มีการดูดซึมสารก่อมะเร็งได้ง่าย

น้าลูกยอ
ภาพที่ 29 น้าลูกยอ
ช่วยให้เจริญอาหาร ขับลม แก้ปวดเมื่อย
ช่วยระบบย่อยอาหารและขับถ่าย
การเก็บรักษา
สามารถเก็บรักษาไว้ที่อุณหภูมิห้อง
หลีกเลี่ยงการให้เครื่องดื่มสัมผัสแสงและความร้อน
ในกรณีที่ต้องการเพิ่มรสชาติอาจเก็บไว้ในตู้เย็น และเมื่อเปิดดื่มแล้ว
ต้องเก็บไว้ในตู้เย็น
และดื่มให้หมดภายใน 1 วัน
ข้อแนะนา
- เด็กและสตรีมีครรภ์ไม่ควรดื่ม
- ควรดื่มในปริมาณที่กาหนดจะเป็นประโยชน์มาก

ชาชงดอกคาฝอย
ภาพที่ 30 ชาชงดอกคาฝอย
บารุงร่างกาย ลดโคเลสเตอรอลในเลือดได้

การเก็บรักษา: การเก็บในที่แห้งอุณหภูมิห้องไม่เกิน 25 องศาเซลเซียส
ห่างจากแสงแดดและความร้อน

ข้ อ ควรระวั ง :
- ห้ า มใช้ ใ นสตรี มี ค รรภ์
เนื่ อ งจากมี ฤ ทธิ์ ก ระตุ้ น การบี บ ตั ว ของมดลู ก ในสั ต ว์ ท ดล
อง
- ห้ า มใช้ ใ น Hemorrhagic disease
มี เ ลื อ ดออกหรื อ เป็ น แผลในกระเพาะอาหาร
และมี ป ระจาเดื อ นมากผิ ด ปกติ
- ควรระมั ด ระวั ง เมื่ อ ใช้ ร่ ว มกั บ ยากลุ่ ม ต้ า นการแข็ ง ตั ว ของ
เลื อ ด

ยาดมสมุนไพร
บทที่ 2 HERB & HEALTH
บทที่ 2 HERB & HEALTH
บทที่ 2 HERB & HEALTH
บทที่ 2 HERB & HEALTH
บทที่ 2 HERB & HEALTH
บทที่ 2 HERB & HEALTH
บทที่ 2 HERB & HEALTH
บทที่ 2 HERB & HEALTH
บทที่ 2 HERB & HEALTH

More Related Content

Viewers also liked

Ahwaan Foundation
Ahwaan FoundationAhwaan Foundation
Ahwaan Foundationnishadcds
 
IAB Native Advertising Playbook 12-04-2013
IAB Native Advertising Playbook 12-04-2013IAB Native Advertising Playbook 12-04-2013
IAB Native Advertising Playbook 12-04-2013Newsmonkey
 
Life by the Golfcourse
Life by the GolfcourseLife by the Golfcourse
Life by the GolfcourseFrank Jermusek
 
บทที่ 1 HERB & HEALTH
บทที่ 1 HERB & HEALTHบทที่ 1 HERB & HEALTH
บทที่ 1 HERB & HEALTHChinRae FunFun
 
A Guide To Creating Curiosity Gaps In Social Media
A Guide To Creating Curiosity Gaps In Social MediaA Guide To Creating Curiosity Gaps In Social Media
A Guide To Creating Curiosity Gaps In Social MediaGermano Silveira
 
Music magazine evaluation
Music magazine evaluationMusic magazine evaluation
Music magazine evaluationmeganbrown_
 
Digital marketing lecture flow
Digital marketing lecture flowDigital marketing lecture flow
Digital marketing lecture flowPranay Gothi
 

Viewers also liked (11)

adcgfwrkd
adcgfwrkdadcgfwrkd
adcgfwrkd
 
Sap basis slide . pp
Sap basis slide . ppSap basis slide . pp
Sap basis slide . pp
 
Ahwaan Foundation
Ahwaan FoundationAhwaan Foundation
Ahwaan Foundation
 
IAB Native Advertising Playbook 12-04-2013
IAB Native Advertising Playbook 12-04-2013IAB Native Advertising Playbook 12-04-2013
IAB Native Advertising Playbook 12-04-2013
 
Life by the Golfcourse
Life by the GolfcourseLife by the Golfcourse
Life by the Golfcourse
 
บทที่ 1 HERB & HEALTH
บทที่ 1 HERB & HEALTHบทที่ 1 HERB & HEALTH
บทที่ 1 HERB & HEALTH
 
Amrit's ppt
Amrit's pptAmrit's ppt
Amrit's ppt
 
A Guide To Creating Curiosity Gaps In Social Media
A Guide To Creating Curiosity Gaps In Social MediaA Guide To Creating Curiosity Gaps In Social Media
A Guide To Creating Curiosity Gaps In Social Media
 
Links
LinksLinks
Links
 
Music magazine evaluation
Music magazine evaluationMusic magazine evaluation
Music magazine evaluation
 
Digital marketing lecture flow
Digital marketing lecture flowDigital marketing lecture flow
Digital marketing lecture flow
 

Similar to บทที่ 2 HERB & HEALTH

สมุนไพรไทย
สมุนไพรไทยสมุนไพรไทย
สมุนไพรไทยguestd908c1
 
สมุนไพร
สมุนไพรสมุนไพร
สมุนไพรguestd908c1
 
สมุนไพร
สมุนไพรสมุนไพร
สมุนไพรguestd908c1
 
สมุนไพร
สมุนไพรสมุนไพร
สมุนไพรguestccf562
 
โครงงาน
โครงงานโครงงาน
โครงงานTiwapon Wiset
 
พืชสมุนไพร
พืชสมุนไพรพืชสมุนไพร
พืชสมุนไพรkrittiyanee16
 
ประเภทต้น
ประเภทต้นประเภทต้น
ประเภทต้นNew Nan
 
ความหมายของสมุนไพร
ความหมายของสมุนไพรความหมายของสมุนไพร
ความหมายของสมุนไพรWaree Wera
 
โครงงาน 602 เลขที่15 38
โครงงาน 602 เลขที่15 38โครงงาน 602 เลขที่15 38
โครงงาน 602 เลขที่15 38worrakamon_yim
 
นิทรรศการ Herb for Health ชีวิตแฮปปี้ สุขภาพดี ด้วยสมุนไพร
นิทรรศการ Herb for Health ชีวิตแฮปปี้ สุขภาพดี ด้วยสมุนไพรนิทรรศการ Herb for Health ชีวิตแฮปปี้ สุขภาพดี ด้วยสมุนไพร
นิทรรศการ Herb for Health ชีวิตแฮปปี้ สุขภาพดี ด้วยสมุนไพรInsubstantial Bell
 
โครงสร้างและหน้าที่ของใบ
โครงสร้างและหน้าที่ของใบโครงสร้างและหน้าที่ของใบ
โครงสร้างและหน้าที่ของใบnokbiology
 
กลุ่มที่ 33
กลุ่มที่ 33กลุ่มที่ 33
กลุ่มที่ 33Kan Chaya
 
งานSh
งานShงานSh
งานShxavi2536
 
สมุนไพรใกล้ตัว
สมุนไพรใกล้ตัวสมุนไพรใกล้ตัว
สมุนไพรใกล้ตัวThanyalak Chanmai
 
ขมิ้นชัน+..
ขมิ้นชัน+..ขมิ้นชัน+..
ขมิ้นชัน+..preeyanuch2
 
ขมิ้นชัน+..
ขมิ้นชัน+..ขมิ้นชัน+..
ขมิ้นชัน+..preeyanuch2
 

Similar to บทที่ 2 HERB & HEALTH (20)

สมุนไพรไทย
สมุนไพรไทยสมุนไพรไทย
สมุนไพรไทย
 
สมุนไพร
สมุนไพรสมุนไพร
สมุนไพร
 
สมุนไพร
สมุนไพรสมุนไพร
สมุนไพร
 
ดอกอัญชัน
ดอกอัญชันดอกอัญชัน
ดอกอัญชัน
 
สมุนไพร
สมุนไพรสมุนไพร
สมุนไพร
 
สมุนไพร
สมุนไพรสมุนไพร
สมุนไพร
 
โครงงาน
โครงงานโครงงาน
โครงงาน
 
พืชสมุนไพร
พืชสมุนไพรพืชสมุนไพร
พืชสมุนไพร
 
ประเภทต้น
ประเภทต้นประเภทต้น
ประเภทต้น
 
Psychotropic plants
Psychotropic plantsPsychotropic plants
Psychotropic plants
 
Herb
HerbHerb
Herb
 
ความหมายของสมุนไพร
ความหมายของสมุนไพรความหมายของสมุนไพร
ความหมายของสมุนไพร
 
โครงงาน 602 เลขที่15 38
โครงงาน 602 เลขที่15 38โครงงาน 602 เลขที่15 38
โครงงาน 602 เลขที่15 38
 
นิทรรศการ Herb for Health ชีวิตแฮปปี้ สุขภาพดี ด้วยสมุนไพร
นิทรรศการ Herb for Health ชีวิตแฮปปี้ สุขภาพดี ด้วยสมุนไพรนิทรรศการ Herb for Health ชีวิตแฮปปี้ สุขภาพดี ด้วยสมุนไพร
นิทรรศการ Herb for Health ชีวิตแฮปปี้ สุขภาพดี ด้วยสมุนไพร
 
โครงสร้างและหน้าที่ของใบ
โครงสร้างและหน้าที่ของใบโครงสร้างและหน้าที่ของใบ
โครงสร้างและหน้าที่ของใบ
 
กลุ่มที่ 33
กลุ่มที่ 33กลุ่มที่ 33
กลุ่มที่ 33
 
งานSh
งานShงานSh
งานSh
 
สมุนไพรใกล้ตัว
สมุนไพรใกล้ตัวสมุนไพรใกล้ตัว
สมุนไพรใกล้ตัว
 
ขมิ้นชัน+..
ขมิ้นชัน+..ขมิ้นชัน+..
ขมิ้นชัน+..
 
ขมิ้นชัน+..
ขมิ้นชัน+..ขมิ้นชัน+..
ขมิ้นชัน+..
 

บทที่ 2 HERB & HEALTH

  • 1. บทที่ 2 เอกสารทีเกี่ยวข้อง ่ ในการจัดทาโครงงานคอมพิวเตอร์ ประเภทซอฟต์แวร์ เรื่อง HERB & HEALTH คณะผู้จัดทาได้ศึกษาข้อมูล เอกสารที่เกี่ยวข้องดังต่อไปนี้ 2.1 ความรู้ต่างๆเกี่ยวกับสมุนไพร 2.2 เอกสารที่เกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ช่วยสอน - ความหมายเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ช่วยสอน คุณสมบัติของโปรแกรมซอฟต์แวร์ที่พัฒนาบทเรียนคอมพิวเตอร์ 2.1 ความรูต่างๆเกียวกับสมุนไพร ้ ่ สมุนไพร ความหมาย คาว่า สมุนไพร ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2525 หมายถึง พืชที่ใช้ ทาเป็นเครื่องยา สมุนไพรกาเนิดมาจากธรรมชาติและมีความหมายต่อชีวิตมนุษย์โดยเฉ พาะ ในทางสุขภาพ อันหมายถึงทั้งการส่งเสริมสุขภาพและการรักษาโรค ความหมายของยาสมุนไพรในพระราชบัญญัติยา พ.ศ. 2510 ได้ระบุว่า ยาสมุนไพร หมายความว่า ยาที่ได้จากพฤกษาชาติสัตว์หรือแร่ธาตุ ซึ่งมิได้ผสมปรุงหรือแปรสภาพ เช่น พืชก็ยังเป็นส่วนของราก ลาต้น ใบ ดอก ผลฯลฯ ซึ่งมิได้ผ่านขั้นตอนการแปรรูปใด ๆ แต่ในทางการค้า สมุนไพรมักจะถูกดัดแปลงในรูปแบบต่าง ๆ เช่น ถูกหั่นให้เป็นชิ้นเล็กลง บดเป็นผงละเอียด หรืออัดเป็นแท่งแต่ในความรู้สึกของคนทั่วไปเมื่อกล่าวถึงสมุนไพร มักนึกถึงเฉพาะต้นไม้ที่นามาใช้เป็นยาเท่านั้น
  • 2. การเก็บรักษาสมุนไพร 1.ควรเก็บยาสมุนไพรไว้ในที่แห้งและเย็น สถานที่เก็บสมุนไพรนั้นต้องมีอากาศถ่ายเทสะดวกเพื่อขับไล่ความอับชื้ นที่อาจจะก่อให้เกิดเชื้อราในสมุนไพรได้ 2.สมุนไพรที่จะเก็บรักษานั้นต้องแห้งไม่เปียกชื้น หากเสียงต่อการขึ้นราได้ ่ ควรนาสมุนไพรนั้นออกมาตากแดดอย่างสม่าเสมอ 3.ในการเก็บสมุนไพรนั้นควรแยกประเภทของสมุนไพรในการรักษาโร ค เพื่อป้องกันการหยิบยาผิดซึ่งอาจจะก่อให้เกิดอันตรายได้ 4.ควรตรวจดูความเรียบร้อยในการเก็บสมุนไพรบ่อย ๆ ว่ามีสัตว์หรือแมลงต่าง ๆ เข้าไปทาลายหรือก่อความเสียหายกับสมุนไพรที่เก็บรักษาหรือไม่ ถ้ามีควรหาทางป้องกันเพื่อรักษาคุณภาพของสมุนไพร การใช้สมุนไพรที่ถูกต้อง ควรปฏิบัติดังนี้ 1. ใช้ให้ถูกต้น สมุนไพรมีชื่อพ้องหรือซ้ากันมากและบางท้องถิ่นก็เรียกไม่เหมือนกัน จึงต้องรู้จักสมุนไพร และใช้ให้ถูกต้น 2.ใช้ให้ถูกส่วน ต้นสมุนไพรไม่ว่าจะเป็นราก ใบ ดอก เปลือก ผล เมล็ด จะมีฤทธิ์ไม่เท่ากัน บางทีผลแก่ ผลอ่อนก็มีฤทธิ์ต่างกันด้วย จะต้องรู้ว่าส่วนใดใช้เป็นยาได้ 3.ใช้ให้ถูกขนาด สมุนไพรถ้าใช้น้อยไป ก็รักษาไม่ได้ผล แต่ถ้ามากไปก็อาจเป็นอันตราย หรือเกิดพิษต่อร่างกายได้ 4.ใช้ให้ถูกวิธี สมุนไพรบางชนิดต้องใช้สด บางชนิดต้องปนกับเหล้า บางชนิดใช้ต้มจะต้องรู้วิธีใช้ให้ถูกต้อง 5.ใช้ให้ถูกกับโรค เช่น ท้องผูกต้องใช้ยาระบาย ถ้าใช้ยาที่มีฤทธิ์ผาดสมานจะทาให้ท้องผูกยิ่งขึ้น สมุนไพรพืนบ้าน คุณประโยชน์ และสรรพคุณ ้
  • 3. กระเจี๊ยบแดง ภาพที่1 กระเจี๊ยบ ชื่อภาษาอังกฤษ : Roselle ชื่อวิทยาศาสตร์ : Hibiscus sabdariffaL. ลักษณะ : ไม้ล้มลุกเนื้ออ่อน ขึ้นเป็นพุ่มเตี้ย ขอบใบเรียบ ดอกเป็นสีชมพู ตรงกลางดอกมีสีเข้มมากกว่าขอบนอกของกลีบ สรรพคุณ : ใบ – รสเปรี้ยว ขับเสลด ทาให้โลหิตไหวเวียนดี เมล็ดใน – รสจืด เป็นเมือก แก้อ่อนเพลีย บารุงกาลัง บารุงธาตุ ผล – รสจืด ขับเหงื่อ แก้ร้อนใน สามารถใช้รักษาโรคพยาธิตัวจี๊ดได้
  • 4. แค ภาพที่ 2 แค ชื่อภาษาอังกฤษ :Agasta ชื่อวิทยาศาสตร์ :Sesbaniagrandiflora (L.) Poiret ลักษณะ : ไม้ยืนต้นขนาดกลาง แตกกิ่งก้านสาขามากไม่เป็นระเบียบ เนื้อไม้อ่อน ที่เปลือกต้นเป็นสีน้าตาลปนเทา เปลือกหนาและมีรอยขรุขระ แตกเป็นสะเก็ด สรรพคุณ : แก้ท้องร่วง คุมธาตุ แก้บิดมูกเลือด สมานแผลทั้งภายในและภายนอก ใบ – แก้ไข้หวัด หอมแดง
  • 5. ภาพที่ 3 หอมแดง ชื่อภาษาอังกฤษ : Shallot ชื่อวิทยาศาสตร์ :Allium ascalonicum ลักษณะ : มีลาต้นสั้นและฝังอยู่ใต้ดิน กาบใบพองออกเพื่อสะสมอาหาร ลักษณะเป็นช่อคล้ายร่ม ประกอบด้วยดอกย่อยจานวนมาก กลีบดอกสีขาวอมม่วงมีกลีบดอก 6 กลีบ ออกดอกในช่วงฤดูร้อน สรรพคุณ : ขับลม ขับปัสสาวะ ขับเสมหะ ขับประจาเดือน แก้ไข้ แก้หวัด ช่วยย่อยอาหาร เจริญอาหาร ในหอมแดงประกอบด้วย เซเลเนียมเป็นเกลือแร่ที่ทาหน้าที่เป็นตัวประสานการทางานของเอนไซม์ ระหว่างวิตามินดี เอ และซี สะระแหน่ ภาพที่ 4 สะระแหน่ ชื่อภาษาอังกฤษ : Kitchen Mint
  • 6. ชื่อวิทยาศาสตร์ :MethacordifoliaOpiz. ลักษณะ : เป็นพืชล้มลุกเลี้อยตามพื้นดิน ลาต้นสีแดงเข้ม ใบกลมขนาดหัวแม่มือ ใบค่อนข้างหนา ริมใบหยักโดยรอบ ภายในใบเป็นคลื่นยับย่น และมีกลิ่นหอม สรรพคุณ : น้าคั้นจากต้นและใบดื่มแก้ปวดมวนในท้อง แก้ท้องอืด ท้องเฟ้อ ขับลม หรือกินสดเพื่อดับกลิ่นปาก ขับเหงื่อ นอกจากนี้ยังช่วยฆ่าเชื้อ ระงับอาการเกร็งของกระเพาะอาหารและลาไส้ ในสะระแหน่ประกอบด้วย วิตามินเอ วิตามินบี 2 วิตามินซี แคลเซียม และ ธาตุเหล็ก ตะไคร้ ภาพที่ 5 ตะไคร้ ชื่อภาษาอังกฤษ : Lemongrass ชื่อวิทยาศาสตร์ :Cymbopogoncitratus(DC.) Stapf, 1906 ลักษณะ : เป็นพืชตระกูลหญ้า ตะไคร้เป็นพืชที่เจริญเติบโตง่าย มีลาต้นที่แท้จริงประมาณ 4-7 เซนติเมตร ลาของต้นจะถูกห่อหุ้มไปด้วยกาบใบโดยรอบ ใบยาวแคบเส้นใบขนานกับก้านใบ ใบของตะไคร้อุดมไปด้วยน้ามันหอมระเหย ที่นิยมนามาปลูกเป็นพันธุ์พื้นเมืองที่ปลูกกันโดยทั่วไป
  • 7. สรรพคุณ : ใช้เป็นยาทาแก้ปวด เช่น โรครูมาติซัม อาการปวดตามบั้นเอว ช่วยย่อยอาหาร ขับปัสสาวะอย่างอ่อน ขับเหงื่อ แก้ตกขาว อาเจียน ลดความดันโลหิต ขับลม แก้ไข้ ปวดท้อง โรคทางเดินปัสสาวะ นิ่ว และอาการปวดเกร็ง ในตะไคร้ประกอบด้วย วิตามินเอ แคลเซียม ธาตุเหล็ก เส้นใยอาหาร และฟอสฟอรัส มะกรูด ภาพที่ 6 มะกรูด ชื่อภาษาอังกฤษ : Kaffir lime ชื่อทางวิทยาศาสตร์ : Citrus hystrix DC. ลักษณะ : ไม้ต้นขนาดเล็ก กิ่งก้านอ่อนเป็นเหลี่ยม หนามตั้งตรง ใบเดี่ยว เรียงสลับ รูปใบหอก โคนใบกลมหรือแหลม ปลายใบเว้า ก้านใบแผ่ออกเป็นปีก รูปไข่กลับถึงรูปช้อนแกมรูปขอบขนาน ดอกมีขนาดเล็ก สีขาว กลีบเลี้ยง 5 กลีบดอก 5 มีกลิ่นหอม ผลรูปผลแพร์ มีน้าน้อย รสเปรี้ยว สุกสีเหลืองหรือเหลืองปนเขียว เมล็ดใหญ่แข็ง สรรพคุณ : ช่วยขับลม แก้จุกเสียด แก้ลมวิงเวียน น้ามะกรูดแก้เลือดออกตามไรฟัน ในมะกรูดประกอบด้วย เบต้า-แคโรทีน วิตามินเอ วิตามินบี 2 วิตามินซี แคลเซียม และโปรตีน
  • 8. กระเทียม ภาพที่ 7 กระเทียม ชื่อภาษาอังกฤษ : Garlic ชื่อทางวิทยาศาสตร์ :Allium sativum L. ลักษณะ : ไม้พุ่ม กิ่งอ่อนมีหนาม ใบประกอบชนิดมีใบย่อยใบเดียว เรียงสลับ รูปไข่ รูปวงรีหรือรูปไข่แกมขอบขนาน
  • 9. เนื้อใบมีจุดน้ามันกระจาย ก้านใบมีครีบเล็ก ๆ ดอกเดี่ยวหรือช่อ ออกที่ปลายกิ่งและที่ซอกใบ กลีบดอกสีขาว กลิ่นหอม ร่วงง่าย ผลเป็นผลสด กลมเกลี้ยง ฉ่าน้า สรรพคุณ : มีฤทธิ์ลดความดันโลหิต ลดระดับไขมัน คอเลสเตอรอลและน้าตาลในเลือด ในกระเทียมประกอบด้วย เซเลเนียม ซึ่งเป็นแร่ธาตุที่ทาหน้าที่เป็นตัวประสานการทางานของเอนไซม์ระหว่าง วิตามินอี เอ และซี ขิง ภาพที่ 8 ขิง ชื่อภาษาอังกฤษ : Ginger ชื่อทางวิทยาศาสตร์ : Zingiberofficinale Roscoe ลักษณะ : เป็นพืชล้มลุก มีเหง้าใต้ดิน เปลือกนอกสีน้าตาลแกมเหลือง เนื้อในสีนวลมีกลิ่นหอมเฉพาะ แทงหน่อหรือลาต้นเทียมขึ้นเป็นกอประกอบด้วยกาบหรือโคนใบหุ้มซ้อน กัน ใบเดี่ยวออกเรียงสลับกันเป็นสองแถว ใบรูปหอกเกลี้ยง หลังใบห่อจีบเป็นรูปรางนาปลายใบสอบเรียวแหลม โคนใบสองแคบและจะเป็นกาบหุ้มลาต้นเทียม ดอกสีขาวออกรวมกันเป็นช่อรูปเห็ด แทงขึ้นมาจากเหง้า
  • 10. สรรพคุณ : ช่วยขับลม ขับน้าดี ลดอาการบีบตัวของลาไส้ แก้อาการคลื่นไส้ อาเจียน ปวดศีรษะ ปวดท้อง ป้องกันการอักเสบ มีสารต้านการเกิดมะเร็ง ต้านการเกิดปฏิกิริยากับออกซิเจนและอาการจิตซึมเศร้า ในขิงประกอบด้วย แคลเซียม เป็นส่วนสาคัญในการสร้างกระดูกและฟัน ช่วยในการแข็งตัวของเลือด พริกชีฟ้า ้ ภาพที่ 9 พริกชี้ฟ้า ชื่อภาษาอังกฤษ : Cayenne pepper ชื่อทางวิทยาศาสตร์ : Capsicum annuum Linn. VaracuminatumFingerh. ลักษณะ : เป็นทรงพุ่มใหญ่ เมื่อเป็นผลอ่อนจะมีสีเขียวแลัวจะค่อยๆเปลี่ยนเป็นสีแดงเมื่อแก่เป็นไม้ล้ม ลุก ใบเดี่ยวออกตรงกันข้ามหรือออกสลับ รูปใบหอก ดอกสีขาว ผลรูปทรงกระบอกยาว ปลายเรียวแหลม มักโค้งงอ ผิวเป็นมันสีเขียว เมื่อสุกเปลี่ยนเป็นสีเหลืองหรือสีแดง มีเมล็ดแบนสีนวลจานวนมาก สรรพคุณ : ป้องกันหลอดลมอักเสบ แผลในกระเพาะอาหาร ทาลายเชื้อแบคทีเรีย ลดก๊าซที่เกิดจากการย่อยอาหาร ลดการเกร็งตัวของกล้ามเนื้อท้องที่เกิดจากอาการท้องอืดเฟ้อ
  • 11. และป้องกันหวัด ในพริกชี้ฟ้า ประกอบด้วย โปรตีน เส้นใยอาหาร วิตามินบี 1 วิตามินบี 2 วิตามินซี แคลเซียม และธาตุเหล็ก มะตูม ภาพที่ 10 มะตูม ชื่อภาษาอังกฤษ :Bael ชื่อทางวิทยาศาสตร์ :Aeglemarmelos
  • 12. ลักษณะ : ไม้ยืนต้นขนาดกลาง มี3ชนิด คือ ลูกกลม ลูกยาว และลูกนิมมีหนามแหลมอยู่ทั่วไป ใบประกอบแบบขนนก ใบย่อยรูปไข่หรือรูปหอกมี 3 ใบ มองดูคล้ายตรีศูลของพระศิวะ ดอกสีขาวหรือขาวอมเขียว มีกลิ่นหอม ผลมีเปลือกแข็งเรียบ เนื้อผลเหนียวข้น มีกลิ่นหอม และมีเมล็ดจานวนมาก แทรกอยู่ในเนื้อผล โดยเมล็ดจะมีขนหนาปกคลุม สรรพคุณ : ราก – แก้พิษไข้ แก้สติเผลอ รักษาน้าดี ใบสด – คั้นเอาน้ากินแก้หวัด แก้หลอดลมอักเสบ แก้บวม แก้เยื่อตาอักเสบ เปลือก ราก ลาต้น – แก้ไข้จับสั่น ขับลมในลาไส้ ผลอ่อน – แก้ธาตุพิการ ผลสุก – ช่วยย่อยอาหาร ระบายท้อง แก้โรคไฟธาตุอ่อน บิด ท้องเสีย แก้ครั่นเนื้อครั่นตัว ขมินชัน ้ ภาพที่ 11 ขมิ้นชัน ชื่อภาษาอังกฤษ : Turmeric ชื่อทางวิทยาศาสตร์ : Curcuma Longa Linn ลักษณะ : เป็นไม้ล้มลุก เหง้าใต้ดินรูปไข่ อ้วนสั้น มีแขนงรูปทรงกระบอกแตกออกด้านข้าง 2 ด้าน ตรงกันข้าม
  • 13. เนื้อในเหง้าสีเหลืองส้มหรือสีเหลืองจาปาปนสีแสด มีกลิ่นฉุน ใบเดี่ยว กลางใบสีแดงคล้า แทงออกมาเหง้าเรียงเป็นวงซ้อนทับกันรูปใบหอก ดอกช่อแทงออกจากเหง้า แทรกขึ้นมาระหว่างก้านใบ รูปทรงกระบอก กลีบดอกสีเหลืองอ่อน ใบประดับสีเขียวอ่อนหรือสีนวล ผลรูปกลม สรรพคุณ : แก้ไข้เรื้อรังผอมเหลือง แก้โรคผิวหนัง แก้เสมหะและโลหิต แก้ท้องร่วง สมานแผล ว่านหางจระเข้ ภาพที่ 12 ว่านหางจระเข้ ชื่อภาษาอังกฤษ : Aloe ชื่อทางวิทยาศาสตร์ : Aloe barbadenisi Mill. ลักษณะ : ไม้ส้มลุกอายุหลายปี ข้อและปล้องสั้น ใบ เป็น ใบเดี่ยว เรียงรอบต้น อวบน้ามาก สีเขียวอ่อนหรือสีเขียวเข้ม ภายในมีวุ้นใสใต้ผิว สีเขียวมีน้ายางสีเหลือง ใบอ่อน มีประสีขาว ดอกเป็นช่อออกจากกลางต้ น ดอกย่อย เป็นหลอดห้อยลงสีส้ม บานจากล่างขึ้นบน ผล เป็นผลแห้ง แตกได้ สรรพคุณ : วุ้นช่วยลดรอยแผลเป็นจากสิว รักษาอาการอักเสบต่างๆ ใช้สระบารุงหนังศีรษะ ป้องกันผมร่วง ลดอาการคัน รังแค สามารถใช้เป็นส่วนผสมของยาและเครื่องสาอางต่างๆในปัจจุบัน
  • 14. แตงกวา ภาพที่ 13 แตงกวา ชื่อภาษาอังกฤษ : Cucumber ชื่อทางวิทยาศาสตร์ :Sucumissativus Linn ลักษณะ : เป็นไม้เถามีอายุปีเดียว ต้นมีขนหยาบสีขาว ใบออกสลับกันตรงสามเหลี่ยมมนใหญ่ มีแฉกใหญ่ 3 – 5 แฉก
  • 15. ตัวใบมีขนทั้ง 2 ด้าน ดอกแยกเป็นตัวผู้และตัวเมียอยู่บนต้นเดียวกันกลีบดอกเป็นหลอดสีเหลือ งส่วยปลายแยกเป็น 5 กลีบ เมล็ดลีแบนผิวเรียนสีขาว ผล รูปทรงกระบอกมีลายเขียวแก่มีพื้นสีเขียวอมขาวมีขนาดต่างๆกัน สรรพคุณ : เป็นยาเย็นใช้ขับปัสสาวะ แก้ไข้ แก้เจ็บคอ ตาแดง ไฟลวก ผดผื่นคัน แก้ท้องเสีย บิด เนื้อในเมล็กแก่เป็นยาถ่ายพยาธิ ใบบัวบก ภาพที่ 14 ใบบัวบก ชื่อภาษาอังกฤษ : Asiatic pennywort ชื่อทางวิทยาศาสตร์ : centellaasiatica urban ลักษณะ : เป็นไม้ล้มลุกเลื้อยแผ่ไปตามพื้นดินชอบที่ชื้นแฉะมีรากฝังลงในดินและง อกปลายยอดใหม่ชูขึ้น ใบเดี่ยวออกเป็นกระจุกตรงข้อจานวน 2- 6 ใบแผ่นใบรูปไตขอบใบหยัก ออกดอกดอกช่อเป็นกระจุกสีแดงอมเขียวออกระหว่างช่อก้านใบกับลาต้ นที่แผ่ติดดินผลขนาดเล็กเป็นลูกค่อนข้างกลมแตกได้ สรรพคุณ : มีฤทธิ์ในการสมานแผลโดยมีคุณสมบัติในการเพิ่มการสร้างเซลล์ผิวหนั งและเพิ่มการไหวเวียนโลหิตของเลือดไปยังบริเวณที่เป็นบาดแผล
  • 16. จึงทาให้มีการนาไปใช้ประกอบเป็นยาและเครื่องสาอางมากขึ้น น้าคั้นจากใบสดลดอาการหน้ามัน แก้ช้าใน กระชาย ภาพที่ 15 กระชาย ชื่อภาษาอังกฤษ : Fingerroot ชื่อทางวิทยาศาสตร์ : Boesenbergia rotunda ลักษณะ : เป็นไม้ล้มลุกไม่มีลาต้นบนดิน มีเหง้าใต้ดินซึ่งแตกรากออกไปเป็นกระจุกจานวนมาก อวบน้า ตรงกลาลพองกว้างกว่าส่วนหัวและท้าย ใบ เดี่ยว เรียงสลับเป็นระนาบเดียวกัน รูปขอบขนานแกมรูปไข่ กว้าง 4.5-10 เซนติเมตร ยาว 13-15 เซนติเมตร ตรงกลางด้านในของก้านใบมีร่องลึก ดอก ช่อ ออกแทรกอยู่ระหว่างกาบใบที่โคนต้น กลีบดอกสีขาวหรือชมพูอ่อน ใบประดับรูปใบหอกสีม่วงแดง ดอกย่อยบานครั้งละ 1 ดอก สรรพคุณ : เป็นพืชที่ใช้เป็นส่วนผสมของอาหารโดยเฉพาะรากกระชาย ใช้เป็นเครื่องจิ้มหรือเป็นส่วนประกอบของน้าพริกแกงโดยเฉพาะแกงที่ใ ส่ปลา เช่น แกงป่า ต้มโฮกอือ กระชายดับกลิ่นคาวของปลาได้ดี ตารายาไทยใช้เหง้าแก้โรคในปากเช่นปากเปื่อย ปากเป็นแผล ปากแห้ง ขับระดูขาว ขับปัสสาวะ รักษาโรคบิด แก้ปวดมวนท้อง
  • 17. จากการทดลองในสารสกัดแอลกอฮอล์และคลอโรฟอร์ม พบว่ามีฤทธิ์ต้านเชื้อราที่ทาให้เกิดโรคผิวหนังและในปากได้ดีพอควร โรคมะเร็ง มะเร็ง หรือทางการแพทย์ว่า เนื้องอกร้าย เป็นกลุ่มโรคที่เกี่ยวข้อง กับการเจริญของเซลล์ที่ผิดปกติ คือ เซลล์จะแบ่งตัวและเจริญอย่างควบคุมไม่ได้ ก่อเป็นเนื้องอกร้าย และรุกรานร่างกายส่วนข้างเคียง มะเร็งอาจแพร่กระจายไปยังร่างกายส่วนที่อยู่ห่างไกลได้ผ่านระบบน้าเ หลืองหรือกระแสเลือด ไม่ใช่ว่าเนื้องอกทุกชนิดจะเป็นมะเร็ง เพราะเนื้องอกไม่ร้ายไม่ลุกลามอวัยวะข้างเคียงและไม่กระจายไปทั่วร่าง กาย มีมะเร็งที่ส่งผลต่อมนุษย์ที่ทราบแล้วกว่า 200 ชนิด การรักษาผู้ป่วยด้วยโรคมะเร็งตามทฤษฎีการแพทย์แผนตะวันตก มี ๒ วิธีหลักที่ปฏิบัติกันแพร่หลายคือการใช้รังสี และการใช้เคมีบาบัด ซึ่งทั้งสองวิธี ต่างก็ใช้หลักการเดียวกันคือทาลายเนื้อร้าย แต่ทั้งนี้ไม่สามารถเลือกทาลายเฉพาะเนื้อร้ายได้ เซลล์ดีจานวนมากต้องถูกทาลายไปด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เซลล์ที่มีการแบ่งตัวเร็วเช่น เซลล์ผม เซลล์ผิวหนัง เซลล์เยื่อบุทางเดินอาหาร และเซลล์เม็ดเลือดในไขกระดูก จึงเกิดผลข้างเคียงตามมาเช่น ผมร่วง แผลในปาก ท้องเดิน คลื่นไส้ อาเจียน อ่อนเพลีย เบื่ออาหาร โลหิตจาง เม็ดเลือดขาวต่าเสี่ยงต่อการติดเชื้อ เกล็ดเลือดต่าทาให้เลือดออกง่าย อีกทั้งผู้ป่วยยังมีโอกาสที่จะกลับมาเป็นอีก จากการกระจายตัวของเซลล์มะเร็ง โดยเหตุนี้จึงมีผู้ป่วยตายด้วยโรคมะเร็งปีละ ๕๐,๐๐๐ คน นับเป็นการสูญเสียทรัพยากรเนื่องจากเคมีบาบัดล้วนเป็นยานาเข้าทั้งสิ้น ยังไม่นับถึงค่าใช้จ่ายในส่วนบุคลากรที่ต้องใช้เวลาในการอภิบาลผู้ป่วย เหล่านี้เป็นเวลานาน แต่ไม่สามารถช่วยชีวิตบุคคลเหล่านั้นได้ มะเร็งนับเป็นโรคที่ร้ายแรงและคร่าชีวิตผู้คนมาตั้งแต่ศตวรรษที่
  • 18. 20 ต่อเนื่องมาจนถึงศตวรรษที่ 21 นับเป็นสาเหตุสาคัญในการเสียชีวิตในอเมริกา (ร้อยละ 25) ปัจจุบันมีผู้แสวงหาแนวทางอื่นในการรักษามากขึ้น เช่นจากการแพทย์อายุรเวทของอินเดียที่มีมาตั้งแต่สมัยก่อนพุทธกาล ในตาราอายุรเวทได้มีการกล่าวถึงมะเร็งว่าเป็นเนื้องอกที่เกิดจากการอัก เสบหรือไม่อักเสบก็ได้ อาจเกิดจากความไม่สมดุลย์ของระบบ วาตะ (ระบบประสาท) ปิตตะ (ระบบโลหิตดา) หรือเสมหะ (ระบบโลหิตแดง) หนึ่งหรือ สองระบบ เป็น benign neoplasm แต่ถ้าเกิดจากความผิดปกติของทั้งสามระบบจะกลายเป็น malignant tumourหรือเนื้อร้ายนั่นเอง สาเหตุของการเกิดมะเร็งนั้นตาราอายุรเวทได้กล่าวถึงการบาดเจ็ บของผิวชั้นที่หกที่เรียกว่า โรหิณี (epithelium) ของกล้ามเนื้อและหลอดเลือด ซึ่งเกิดจากการใช้ชีวิตที่ผิดพลาด การกินอาหารไม่ถูกสุขลักษณะ สุขอนามัยที่ไม่ดี และ พฤติกรรมที่ไม่ถูกต้องอันก่อให้เกิดความไม่สมดุลย์ของระบบในร่างกาย (dosha) นาไปสูการเกิดเนื้องอก ่ ในแต่ละคนเกิดมะเร็งแตกต่างกันไปแล้วแต่ปัจจัยเสี่ยงและพันธุกรรมซี่ง ทาให้แต่ละคนมีการตอบสนองต่ออาหารชนิดเดียวกันได้ต่างกัน (ขึ้นอยู่กับ doshaของแต่ละคน) ปัจจัยที่ก่อให้เกิดความเสื่อมของระบบในร่างกายได้แก่ - สิ่งกระตุ้นระบบวาตะ การกินรสขม รสเผ็ด หรือรสฝาดมากเกินไป อาหารแห้ง หรืออยู่ในสภาวะเครียดมากไป - สิ่งกระตุ้นระบบปิตตะ การกินรสเปรี้ยว รสเค็มมากเกินไป อาหารทอด หรืออยู่ในสภาวะโกรธมากไป - สิ่งกระตุนระบบเสมหะ การกินรสหวานมากเกินไป อาหารมัน หรือชอบอยู่นิ่งๆเกินไป - สิ่งกระตุ้นระบบเลือด (rakta) กินอาหารที่เป็นกรดหรือเป็นด่างมากเกินไป อาหารทอดหรือย่าง
  • 19. เครื่องดื่มแอลกอฮอลล์ อารมณ์โกรธหรือโศกเศร้ามากไป การตากแดดจัดหรือทางานภายใต้ความร้อนนานไป - สิ่งกระตุ้นระบบกล้ามเนื้อ (mamsa) การกินอาหารจาพวกเนื้อ ปลา โยเกิต นมและครีมมากไป การนอนกลางวัน และการกินมากเกินไป - สิงกระตุ้นระบบไขมัน (medo) การกินอาหารประเภทน้ามัน ่ อาหารหวาน แอลกอฮอลล์และความขี้เกียจ หลักของการรักษามี 4 อย่างคือ บารุงสุขภาพ (health maintenance) รักษาโรค (disease cure) การคืนสู่สภาพปกติ (Rasayana /restoration of normal function) จิตวิญญาณ (spiritual approach) หลักที่สาคัญคือต้องหาสาเหตุของการเจ็บป่วยที่ทาให้เกิดการขาดความ สมดุลย์และแก้ไขส่วนขาดและลดส่วนเกิน โดยทั่วไปจะเป็นส่วนประกอบของสมุนไพรหลายๆ ชนิด ซึ่งจะเข้าไปช่วยระบบการทางานของอวัยวะต่างๆ ของร่างกายพร้อมๆ กันและบารุงร่างกายไปด้วย สมุนไพรสามารถออกฤทธิ์ต่างๆ ดังนี้ 1) ระงับการสร้างเส้นเลือดใหม่ (antiangiogenesis) 2) ยับยั้งการเจริญของเซลล์มะเร็ง (antiproliferative) 3) ระงับการอักเสบ 4) ซ่อมแซม DNA 5) ต้านการอ็อกซิไดส์ กาจัดอนุมูลอิสระ 6) ยับยั้งจุลชีพ ในด้านของการรักษาหรือบาบัดโดยการใช้สมุนไพร สมุนไพรดังต่อไปนี้มีผลการทดสอบในการใช้รักษาโรคมะเร็ง ได้แก่ ฟ้าทะลายโจร (Andrographispaniculata) ในอินเดียใช้กันมานานรักษาไทฟอยด์ แก้อักเสบ แก้มาเลเรีย กระตุ้นภูมิคุ้มกัน สารสาคัญคือ andrographolideสามารถยับยั้งเซลล์มะเร็งได้หลายชนิด
  • 20. มะตูม (Aeglemarmelos) สารจากผลมะตูมสามารถยับยั้ง thyroid cancer และมีฤทธิ์ยับยั้งไวรัส และต้านการอักเสบ บัวบก (Centellaasiatica) มีสาร asiaticosideที่ช่วยให้แผลเรื้อรังหายได้เร็วขึ้น เพิ่มภูมิคุ้มกัน และในบราซิลมีการใช้เพื่อรักษามะเร็งมดลูก ขมิ้น (Curcuma longa) สารสาคัญคือ curcuminมีฤทธิ์ต้านการอ็อกซิไดส์และต้านการอักเสบที่แรง สามารถทาให้เกิดการตายของเซลมะเร็งหลายชนิดเช่น ผิวหนัง ลาไส้ใหญ่ กระเพาะ ลาไส้เล็ก รังไข่ และยังมีฤทธิ์ต้านไวรัส แบคทีเรียและราอีกด้วย หญ้างวงช้างดอกขาว (Heliotropiumindicum) อายุรเวทใช้ใบในการรักษาไข้ ลมพิษ แผล การอักเสบเฉพาะที่ กลาก ปวดข้อ (rheumatism) มีอัลคาลอยด์ Indicine-N-oxide ที่มีฤทธิยับยั้งเนื้องอก มีการทดลองทางคลีนิคในลิวคีเมีย และ solid tumour ว่านหางจรเข้ (Aloe vera) มีสาร aloe-emodinที่กระตุ้น macrophage ให้กาจัดเซล์ลมะเร็ง และยังมี acemannanช่วยกระตุ้นภูมิคุ้มกัน ว่านหางจรเข้ช่วยกระตุ้นการเจริญของเซลล์ปกติและยับยั้งการเจริญขอ งเซลล์มะเร็ง Rubiacordifolia พืชตระกูลเดียวกับกาแฟมีมากในอินเดียตอนใต้ สารสกัดจากพืชนี้มีฤทธิ์ต้านการอ็อกซิไดส์และกระตุ้นภูมิคุ้มกัน และต้านมะเร็งหลายชนิดเช่น leukemia, ascetic carcinoma, melanoma, lung and large intestinal tumourเป็นต้น Whitaniasomnifera หรือ Indian ginseng เป็น adaptogenที่ช่วยทาให้ร่างกายทางานได้เป็นปกติ โดยผ่าน
  • 21. Hypothalamic Pituitary Adrenal (HPA) axis มีสารสาคัญคือ whithanolideซึ่งมีฤทธิ์เสริมภูมิต้านทาน และสามารถยับยั้งเซลล์มะเร็งผิวหนัง กะเพรา (Ocimum sanctum) เป็นสมุนไพรที่ใช้ในการแพทย์โบราณหลายระบบ เช่นอายุรเวท สิธธา ยูนานนิ กรีก โรมันเป็นต้น ใช้ในระบบทางเดินอาหาร ทางเดินหายใจ หัวใจ ผิวหนัง ฯลฯ ทุเรียนเทศ (Anonamuricata) สาร acetogeninจากผลทาให้เซลล์มะเร็งตายได้ ลูกใต้ใบ/หญ้าใต้ใบ (Phyllanthusniruri/amarus) เป็นที่รู้จักว่าเป็น stonebreaker และมีการใช้แพร่หลายทั่วโลก ในระบบปัสสาวะและน้าดี ตับอักเสบ หวัด วัณโรค และโรคจากไวรัสอื่นๆ ดีปลี (Piper longum) มี piperineซึ่งมีฤทธิ์ต้านการอ็อกซิไดส์ทั้ง in vitro และ in vivo จึงเป็นส่วนประกอบของตารับยารักษามะเร็งของอายุรเวท Podophyllumhexandrum เป็นพืชบนเทือกเขาหิมาลัย มีสาร podophyllinและ podophyllotoxinซึ่งยับยั้งการแบ่งตัวของเซลล์มะเร็งหลายชนิด เช่น sarcomas,adenocarcinomaและ melanoma มีการเตรียมอนุพันธ์และใช้เป็นยารักษามะเร็งตับคือ etoposide บอระเพ็ด (Tinosporacordifolia) สารสาคัญจากบอระเพ็ดกระตุ้นภูมิคุ้มกันโดยการเพิ่มระดับเม็ดเลือดขาว และสามารถลดขนาดเนื้องอกได้ 58.8% เทียบเท่า cyclophosphamide
  • 22. รักขน (Semecarpusanacardium) ผลของรักขนมีการใช้ในอายุรเวทเพื่อรักษามะเร็ง มีงานวิจัยแสดงว่าสารสกัดคลอโรฟอร์มมีฤทธิ์ต้านมะเร็งและยืดอายุในก รณี leukemia, melanoma และ gliomaในสัตว์ทดลองที่ถูกเหนี่ยวนาให้เป็นมะเร็งตับสารสกัดจากรักขน ทาให้เนื้อเยื่อตับเป็นปกติ ยาเตรียม anacartin forte นิยมใช้รักษามะเร็งหลอดอาหาร chronic myeloid leukemia, urinary bladder และมะเร็งตับ ยังมีสมุนไพรอีกมากที่มีฤทธิ์ในการยับยั้งเซลล์มะเร็งโดยตรงหรือ ช่วยระงับอาการข้างเคียงต่างๆ ของผู้ป่วยมะเร็งซึ่งรอผลการสนับสนุนจากงานวิจัยทางวิทยาศาสตร์ สมุนไพรกับการรักษาโรค โรคเบาหวาน ช้าพลู ช้าพลูต้มสามารถช่วยลดน้าตาลได้ดีมีฤทธิ์แอนตี้อ๊อกซิแด็นท์สูงมากโด ยนาช้าพลูทั้งห้า (ทั้งต้นจนถึงราก) 1 กาต้มกับน้า 3 ขันเคี้ยวให้เหลือ 1 ขันรับประทานครั้งละครึ่งแก้วกาแฟก่อนอาหาร 3 มื้อ มะระขี้นก กระตุ้นการหลั่งอินซูลินยับยั้งการสังเคราะห์กลูโคสและเพิ่มการใช้กลูโค สของตับโดยนาผลมะระขี้นกสด 8-10 ผลเอาเมล็ดในออกใส่น้าเล็กน้อยปั่นคั้นเอาแต่น้าดื่มหรือรับประทานทั้ง กาก รับประทานวันละ3เวลา เตยหอม
  • 23. มีฤทธิ์ลดน้าตาลในเลือดลดความดันโลหิตลดอัตราการเต้นหัวใจขับปัส สาวะโดยนารากเตยหอมประมาณ 1 ขีดสับเป็นท่อนเล็กๆต้มกับน้า 1 ลิตรจากนั้นเคี่ยวต่อประมาณ 15-20 นาที ดื่มครั้งละครึ่งแก้ววันละ 3 มื้อ กะเพรา กะเพราเป็นยารักษาเบาหวานโดยใช้ผงใบกะเพราทาชาประมาณ 1 ช้อนชาน้าร้อน 1 ถ้วยดื่มวันละ 3 ครั้ง ตาลึง ตาลึงแสดงผลการลดน้าตาลสามารถใช้ได้ทั้งส่วนที่เป็นใบรากผลโดยก ารนายอดตาลึง 1 กามือหรือขนาดที่กินพออิ่มห่อด้วยใบตองเผาไฟจนสุกแล้วกินให้หมดห รือกินจนอิ่มกินก่อน นอนติดต่อกันสามเดือน ว่านหางจระเข้ ช่วยลดน้าตาลในเลือดกระตุ้นการเผาผลาญของร่างกายรับประทานเนื้อ ว่านหางจระเข้สดวันละ 15 กรัมทุกวันติดต่อกันอย่างน้อย 4 สัปดาห์ อบเชยจีน ช่วยในการลดระดับน้าตาลในเลือดมีสาร MHCP ที่ทาให้เซลล์ไขมันตอบสนองการทางานของอินซูลินได้มากขึ้นช่วยลด ระดับน้าตาลในเลือดด้วยโดยรับประทานผงอบเชยจีนประมาณ 1 ช้อนชาต่อวัน อินทนิลน้า
  • 24. มีฤทธิ์ลดระดับน้าตาลในเลือดโดยมีสารชื่อ Corosolic acid จัดเป็นอินซูลินจากธรรมชาติไม่พบผลข้างเคียงโดยใบอินทนิลน้าแก่ 100 กรัมน้าสะอาด 1 ลิตรต้มให้เดือดจากนั้นเคี่ยวไฟอ่อน ดื่มครั้งละ 1 ถ้วยชาเช้ากลางวันเย็นประมาณ 3 สัปดาห์ หว้า มีฤทธิ์ยับยั้งการทาลายอินซูลินช่วยเพิ่มปริมาณอินซูลินกระตุ้นการหลั่ง อินซูลินลดระดับน้าตาลในเลือดยับยั้งเบาหวานนาเมล็ดลูกหว้ามาโขลก ใส่หม้อต้มให้เดือดเคี่ยวไฟอ่อนๆสัก 15 นาทีรับประทานครั้งละ 1 ถ้วยชาวันละ 3 มื้อ โรคความดันโลหิตสูง ใบทองพันชั่งนาใบที่ไม่อ่อนหรือแก่เกินไปนามาตากแดดให้แห้งป ระมาณ 20 ใบผสมกับชาจีน 1 หยิบมือหลังจากนั้นใช้ชงในน้าร้อนปล่อยทิ้งไว้ประมาณ 15 นาที แล้วนามารับประทานวันละ3 ครั้งก่อนอาหารเช้ากลางวันและเย็น 5-7 วันติดต่อกัน กระเทียมให้ซอยกระเทียมสดประมาณครึ่งช้อนชากินพร้อมอาหา รวันละ2-3 ครั้งหรืออาจจะเคี้ยวกระเทียมกินสดๆก็ได้แต่ห้ามกินตอนท้องว่างเพราะ ฤทธิ์ร้อนของกระเทียมจะทาให้แสบกระเพาะได้ ขึ้นฉ่ายวิธีการนาขึ้นฉ่ายมารักษานั้นให้เลือกต้นสดๆมาตาคั้นเอา แต่น้าดื่มหรือใช้ต้นสด 12 กามือตาให้ละเอียดต้มกับน้าแล้วกรองเอากากออกใช้รับประทานครั้ง ละ 1-2 ช้อนโต๊ะก่อนอาหารหรือกินเป็นผักสดผสมในอาหารก็ได้ กาฝากมะม่วงใช้กาฝากของต้นมะม่วงนามาตากแห้งต้มน้าดื่มหรือ ตากแห้งคั่วแล้วชงดื่ม วิธีการทาเอาน้าใส่หม้อต้มใส่กาฝากมะม่วงที่ตากแห้งแล้วลงไปต้มให้เดื
  • 25. อดและเคี่ยวจนกว่าน้าของกาฝากจะออกมาเป็นสีน้าตาลอ่อนๆ ที่ก็สามารถนามาดื่มเป็นน้าชาหรือดื่มแทนน้าได้ตลอดเวลาที่หิวน้า กระเจี๊ยบแดง ส่วนที่ใช้ลดอาการความดันโลหิตสูงก็คือส่วนของกลีบเลี้ยงวิธีการเพียง นากลีบเลี้ยงที่แห้งต้มน้าหรือชงน้าร้อนกิน เป็นชากระเจี๊ยบนอกจากจะช่วยลดอาการความดันโลหิตสูงแล้วยังช่วย ลดคอเลสเตอรอล ใบบัวบกหากนาต้นสดจานวน 12 กามือมาต้มกับน้าดื่มแล้วดื่มเป็นประจาก็จะสามารถลดอาการความดัน โลหิตสูงได้ หญ้าหนวดแมวหญ้าหนวดแมวช่วยอาการลดความดันโลหิตสูงได้ เพียงนาใบไปตากจนแห้งหลังจากนั้นนามาชงกับน้าดื่มเป็นประจาจนก ว่าอาการความดันจะกลับสู่ภาวะปกติแต่สิ่งที่ควรจาไว้ก็คือหญ้าหนวดแ มวมีเกลือโพแทสเซียมอยู่ในปริมาณสูงดังนั้นจึงไม่ควรใช้คู่กับยาแอสไ พรินและผู้ป่วยที่เป็นโรคหัวใจเพราะอาจเกิดอันตรายต่อสุขภาพได้หาก ไม่มั่นใจต้องปรึกษาแพทย์ก่อนนามาดื่ม โรคกระเพาะอาหาร หมายถึงอาการปวดแสบปวดต้อปวดเสียดหรือจุกแน่นตรงบริเวณใ ต้ลิ้นปี่ (เหนือสะดือ) เวลาก่อนรับประทานอาหารหรือหลังรับประทานอาหารใหม่ ๆ สาเหตุสาคัญของโรคกระเพาะคือความเครียด (วิตกกังวลคิดมากเคร่งเครียดกับการงานการเรียน) พฤติกรรมการรับประทานอาหารผิดเวลาและการรับประทานอาหารที่ระ คายเคืองต่อกระเพาะอาหารและลาไส้ กล้วยน้าว้า นาผลมาปอกเปลือกหั่นเป็นแว่นบางๆตากแดดให้แห้งบดให้ละเอียดเป็น
  • 26. ผงใส่ขวดเก็บไว้ใช้ผง 1-2 ช้อนโต๊ะชงน้าร้อนดื่มหรือผสมกับน้าผึ้ง 1 ช้อนโต๊ะผสมให้เข้ากันกินก่อนอาหารและก่อนนอน ขมิ้นชัน ใช้เหง้าแก่สดล้างให้สะอาดหั่นเป็นชิ้นบางๆตากแดดจัด 1-2 วันบดให้ละเอียดผสมกับน้าผึ้งปั้นเป็นลูกกลอนหินครั้งละ 3-5 เม็ดวันละ 4 ครั้งหลังอาหารและก่อนนอน ว่านหางจระเข้ ใช้ใบสดที่เพิ่งตัดออกจากต้นนามาล้างให้สะอาดป อกเปลือกส่วนที่มีสีเขียวออกให้หมดเหลือแต่วุ้นใสหากมียางสีเหลืองติด ทีวุ้นให้ล้างออกก่อนหั่นวุ้นเป็นชิ้นเล็ก ๆ ขนาดประมาณ 3 ่ นิ้วล้างให้สะอาดอีกครั้งกินวันละ 2 เวลาก่อนอาหารเช้าเย็น กระเจี๊ยบเขียว ใช้ผักลวกกินน้าพริกทุกวันเมือกลื่นๆในผลกระเจี๊ย บเขียวช่วยเคลือบแผลในกระเพาะอาหารได้ หัวปลี นาปลีกล้วยน้าว้ามาเผาแล้วบีบเอาแต่น้าได้ประมาณครึ่งแก้ วดื่มก่อนอาหารรสชาติฝาดเฝื่อนกินยากมากแต่มีตนกินติดกันประ มาณ 3 วันอาการปวดกระเพาะที่อักเสบเรื้อรังมานานหายสนิท อาการต่างๆ คัดจมูก สาเหตุสาคัญของอาการคัดจมูกมักเกิดจากการติดเชื้อไวรัสและยังอา จเกิดจากภาวะภูมิแพ้หรือการใช้สเปรย์ พ่นจมูกบ่อยเกินไปซึ่งจะทาให้เยื่อบุผิวจมูกบวมและมีสิ่งคัดหลั่งไหลออ กมาซึ่งถือเป็นสิ่งที่มีประโยชน์ต่อกระบวนการช่วยเหลือตนเองของร่างก ายแต่มีข้อควรสังเกตก็คืออาการคัดจมูกที่เกิดจากการติดเชื้อมักมีอาการ อื่นร่วมด้วยเช่นไข้ไอและเจ็บคอแต่ถ้าเกิดจากภาวะภูมิแพ้จะมีน้ามูกใสมี อาการจามคันตาและมีน้าตาไหลร่วมด้วย พริกใช้ต้นพริก (ยกเว้นเม็ดพริก) ล้างน้าให้สะอาดสับเป็นท่อนสั้นๆและตากแดดจนแห้งประมาณ 15
  • 27. กรัมต้มกับน้าเปล่า 1 ลิตรจนเดือดรินเฉพาะน้าดื่มก่อนอาหารครั้งละ 1 แก้วเช้า-เย็นจะช่วยให้คุณหายใจสะดวกขึ้นทันที ฟ้าทะลายโจรนาใบแก่และกิ่งสดล้างน้าให้สะอาดสับเป็นท่อนสั้นๆปร ะมาณ 300 –500 กรัมตากแดดให้แห้งนามาบดเป็นผงผสมกับน้าผึ้งเล็กน้อยปั้นเป็นเม็ดลูก กลอนขนาดปลายก้อยหรือใส่แคปซูลเพื่อความสะดวกในการกินใช้รับป ระทานก่อนอาหารครั้งละ 3 เม็ดเช้า เย็นช่วยบรรเทาอาการหวัดคัดจมูกและแก้เจ็บคอได้ หญ้าใต้ใบไม้ต้นเล็กๆมีรสขมเย็นใช้ต้นสดประมาณ 3 ต้นล้างน้าให้สะอาดหั่นเป็นท่อนสั้นๆต้มกับน้า 1 ลิตรรอจนเดือดกรองด้วยผ้าขาวบางเอาแต่น้าดื่มก่อนอาหารครั้งละ 1 แก้วเช้า-เย็นแก้หวัดคัดจมูกและทาให้น้ามูกแห้ง กระเทียมควรปรุงอาหารด้วยกระเทียมจะช่วยลดอาการคัดจมูกหรือกิ นกระเทียมสดๆครั้งละ 7 กลีบพร้อมมื้ออาหารทุกวัน หอมเล็กนาหอมเล็ก 1 หัวปอกเปลือกกินพร้อมอาหารเป็นประจาทุกวันจะช่วยป้องกันหวัดและบ รรเทาอาการคัดจมูกได้หรือถ้ายังไม่หายใช้หอมเล็ก 4-5 หัวทุบพอแตกต้มกับน้า 1 ลิตรรอเดือดยกลงเทน้าใส่ชามใบใหญ่จึงก้มหน้าลงให้ห่างชามพอประม าณใช้ผ้าขนหนูคลุมศีรษะและชามไว้สูดไอระเหยเข้าทางจมูกประมาณ 5-10 นาทีจะรู้สึกโล่งจมูกนอกจากนี้ยังใช้หอมเล็กต้มน้าอาบแก้คัดจมูกได้เช่น กันโดยนาหอมเล็ก 3 หัวทุบพอแตกใบมะขาม 1 กามือและเปลือกส้มโอประมาณครึ่งลูกต้มกับน้า 3 ลิตรพอน้าเดือดยกลงรอจนอุ่นจึงอาบแทนน้าเปล่าด้วยสรรพคุณทางยา ของสมุนไพรเหล่านี้จึงช่วยบรรเทาหวัดและลดน้ามูก
  • 28. ขิงนาขิงแก่ 1 แง่งหั่นเป็นแว่นบางๆต้มกับน้า 1 ลิตรประมาณ 5 นาทีเสร็จแล้วตักขิงออกดื่มขณะยังอุ่นๆครั้งละ 1 แก้วช่วงเช้ากลางและเย็นจะช่วยลดน้ามูกได้ ตะไคร้ใช้ตะไคร้ 3-4 ต้นบุบให้แตกต้มกับน้า 1 ลิตรจนเดือดยกลงรินเฉพาะน้าจิบบ่อยๆตลอดวันช่วยแก้อาการน้ามูกไห ลจากหวัดได้เช่นกัน ข่าวเกียวกับสมุนไพร ่ “ขิง” สมุนไพรไทยชั้นดี ช่วยต้านหนาว พอดีมีโอกาสได้ไปรับลมหนาวที่เชียงใหม่ค่ะ ก็ไปเที่ยวเขา เที่ยวดอย ตามภาษาคนที่อยากไปรับรู้ความหนาวเย็นจัดๆ เป็นยังไงบ้าง ซึ่งก็ต้องบอกว่าหนาวมาก หนาวเย็นกว่าปกติซะด้วย และก็สังเกตอย่างนึงว่าชาวบ้านท้องถิ่น หรือชาวเขา ที่อยู่ตามดอย จะนิยมเปิดร้านขายมันปิ้ง ไข่ปิ้ง หรือน้าสมุนไพรร้อนๆ ที่ใส่หม้อดินและตั้งเตาถ่านไว้ ขายกันสดๆร้อนๆ หลากหลายชนิด เช่นน้าขิงผสมน้าผึ้ง นมร้อนผสมน้าผึ้ง น้าเก็กฮวย อะไรประมาณนั้น ซึ่งเค้าก็จะขายอยู่ตลอดข้างทางที่เดินผ่านไปอ่ะซึ่งก็แอบไปดื่มมา ซึ่งก็อร่อยมากและได้บรรยากาศสุดๆ และที่สังเกตอีกอย่างนึงคือ ในทุกร้านจะต้องมีน้าขิงขายทุกร้าน..
  • 29. ภาพที่ 16 ร้านค้าที่ขายน้าขิง ซึ่งสิ่งที่เราจะเล่าวันนี้นั้น ก็คือ ใน“ขิง”นั้นก็มีสรรพคุณอย่างหนึ่ง คือ ช่วยบรรเทาความหนาวเย็นได้ค่ะ ซึ่งนั่นก็อาจจะเป็นเหตุผลหนึ่งของชาวท้องถิ่น หรือนักท่องเที่ยวเค้านิยมดื่มกัน ซึ่งก็อาจจะมาจากสภาพอากาศบนดอยที่หนาวเย็นเกือบตลอดทั้งปีด้วยแ ละนอกจากนี้ เรายังมีสาระน่ารู้เกี่ยวกับสรรพคุณของ“ขิง”จากโรงพยาบาลลาปาง มาฝากเพื่อนๆ กันอีกด้วยค่ะ “ขิง” ปรับสมดุลธาตุหน้าหนาว ภกญ. ดร.สุภาภรณ์ปิติพรหัวหน้ากลุ่มงานเภสัชกรรม โรงพยาบาลอภัยภูเบศร ได้กล่าวว่าหน้าหนาวเป็นช่วงของวาตะธาตุหรือธาตุลมส่งผลกระทบต่อ ธาตุทั้ง 4 คือ ดิน น้า ลมและไฟใครที่มีธาตุ 4 สมดุลก็จะมีภูมิต้านทานกับการเปลี่ยนแปลงแห่งฤดูกาลมากกว่าคนอื่น สาหรับคนที่มีวาตะธาตุเป็นเจ้าเรือน คือที่ผอมแห้งแรงน้อยคนชรา
  • 30. หรือวัยเด็ก ก็จะได้รับผลกระทบมากกว่าคนอื่นธาตุไฟในคนกลุ่มนี้จะอ่อนแรงยิ่งเมื่อ ถึงหน้าหนาวจะอ่อนแรงไปอีกธาตุน้าและลมจะกาเริบร่วมกันทาให้มีเสม หะเหนียวแห้งช่วงนี้คนมักเจ็บป่วยด้วยอาการหวัดและไอแห้งๆรวมทั้งมี การกาเริบของหอบหืดในช่วงฤดูหนาว ภาพที่ 17 สมุนไพร “ขิง” สมุนไพรขิง จึงเป็นสมุนไพรพื้นบ้านที่ถูกนามาใช้ได้อย่างเหมาะสมปลอดภัยเป็นการ ช่วยเพิ่มธาตุไฟขิงเป็นสมุนไพรที่ทุกมุมโลกนามาใช้ พบว่ามีสารหลายชนิดที่มีฤทธิ์ฆ่าเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่มีการทดลองพบ ว่าน้าขิงต้มทาให้เม็ดเลือดขาวแมคโครฟาจ จับกินไวรัสไข้หวัดใหญ่ได้ดีขึ้นจึงเหมาะที่จะเป็นเครื่องดื่มสมุนไพรสาห รับในฤดูกาลนี้เพราะขิงเป็นสมุนไพรที่หาง่ายมีความปลอดภัยใช้มานาน ดังนั้น เมื่อมีอาการเป็นหวัดไม่สบายเราอาจเลือกกินน้าต้มขิงหรือต้มซุปไก่บ้าน ที่ใส่ตะไคร้และขิงจะช่วยให้อาการดีขึ้น
  • 31. ภาพที่ 18 น้าขิง ปัจจุบันขิงเป็นสมุนไพรที่บรรจุเป็นยาหลักแห่งชาติและองค์การอ นามัยโลกรับรองขิงรักษาหวัด แต่มีข้อจากัดในคนท้อง ยกเว้นต้องซื้อจากบริษัทที่ควบคุมคุณภาพที่ดีพอ ขิงเป็นสมุนไพรที่ใช้ในหลายประเทศทั่วโลกเช่นแพทย์จีนโบราณจัดขิง เป็นพืชรสเผ็ดอุ่นมีฤทธิ์แก้หวัดเย็นขับเหงื่อบารุงกระเพาะแก้คลื่นไส้อาเ จียนลดโคเลสเตอรอลที่สะสมในตับและหลอดเลือดอินเดียใช้ขิงลดการอั กเสบแก้ปวด ลดการบวมน้าใช้เป็นยากระตุ้นอาหารเป็นยาช่วยย่อยช่วยขับลมในลาไ ส้ระงับการคลื่นไส้อาเจียนกระตุ้นกาหนัดตารายาทางอายุรเวทใช้ขิงลด อาการบวม และลดการอักเสบของตับคนยุโรปโดยทั่วไปจะใช้ชาขิงช่วยย่อยช่วยรัก ษาท้องอืดจาการดื่มเหล้าช่วยขับลมใช้รักษาโรคเก๊าท์ และกระตุ้นการไหลเวียนเลือด สาหรับคนไทย จะรู้จักขิงเป็นอย่างดีสามารถนามาเป็นเครื่องเทศปรุงเป็นอาหารได้สาร พัดช่วยปรุงแต่งให้อาหารมีรสที่ชวนกินดับกลิ่นคาวอยู่ในตาหรับยารัก
  • 32. ษาโรคได้มากมายขับลมช่วยย่อยอาหารขับเหงื่อขับน้านมบารุงธาตุบารุ งกาลังฉะนั้นในหน้าหนาวนี้ลองปรุงอาหารที่มีขิงถ้าหาอะไรไม่ได้ลองต้ มน้าต้มขิงช่วยปรับสมดุลธาตุกันนะคะ รับมือกับผิวแห้งในช่วงหน้าหนาว...สมุนไพรไทยช่วยได้ สาหรับช่วงอากาศหนาวเย็นเช่นนี้ ทุกคนต้องเผชิญและหลีกเลี่ยงไม่ได้ก็คือความแห้งของอากาศนี่เองควา มแห้งของอากาศมีส่วนสาคัญอย่างมากที่ทาให้ผิวแห้ง ลอกเป็นขุย หรืออาจแตกเป็นแผลได้ด้วย อากาศหนาวจะทาให้ผิวขาดความชุ่มชื้น และขาดน้าหล่อเลี้ยงตามธรรมชาติจนเกิดปัญหาผิวแห้ง พอแห้งมากๆ ก็คัน บางรายเมื่อคันก็เกาจนเกิดการอักเสบขึ้นได้
  • 33. ภาพที่ 19 สภาพผิวหน้า หน้าหนาวเมืองไทยตอนกลางวันมีแดดจัด เหงื่อออกมามาก ทาให้หลายคนที่หน้าแห้งแล้วก็ยังบอกว่าผิวมัน จึงขยันล้างหน้ากันบ่อยๆ เพื่อกาจัดความเหนียวเหนอะหนะหรือความมันบนใบหน้ายิ่งทาให้ผิวแห้ งและลอกง่าย ผิวแห้งเราก็จาเป็นต้องเลือกครีมบารุงผิวชนิดที่มีคุณสมบัติเคลือบผิว ลดการระเหยของน้าในผิว ช่วงหน้าหนาวบางครั้งครีมราคาแพงๆก็เอาไม่อยู่หรือเกิดอาการแ พ้ วันนี้รามีวิธีมีสูตรธรรมชาติเป็นสมุนไพรบารุงผิวแห้งมฝากเรียกว่าสูตร นี้ว่า "สามทหารเสือ" ซึ่งส่วนผสมเป็น กลุ่มสมุนไพรเย็น ได้แก่ ใบเตยหอม น้าผึ้ง ใบบัวบก มีสรรพคุณบารุงผิวสร้างความชุ่มชื้นและผ่อนคลายซึ่งต่างจากกลุ่มน้ามั นทาผิวมีสรรพคุณป้องกันลดการแตกแห้งของผิวแต่ไม่บารุง ก่อนที่จะเริ่มลงมือทาเราไปดูกันว่าสมุนไพรแต่ละอย่างงมีสรรพคุณช่วยเ รื่องอะไรบ้าง ใบเตยหอมช่วยสร้างความชุ่มชื้นและกลิ่นช่วยให้เกิดการผ่อนคลาย น้าผึงมีเกสรดอกไม้ต่างๆ ช่วยสมานผิว บารุงผิว ้ มีขี้ผึ้งช่วยเคลือบผิวชั้นนอกให้ความชุ่มชื้น แต่ไม่ทาให้ผิวมัน ใบบัวบกบัวบกดีต่อผิวโดยมีสารสร้างเสริมเซลล์ผิวให้แข็งแรง ช่วยสร้างส่วนที่สึกหรอได้เร็วขึ้น ต้านการอักเสบของผิวหนัง สมานแผล ลดรอยดาจากสิว และลดการแพ้ของผิวหนังต่อสารต่างๆ วิธีการทา: นาใบเตยหอม คั้นเฉพาะน้า 2 ช้อนโต๊ะ ใบบัวบก คั้นเฉพาะน้า 1 ช้อนโต๊ะ น้าผึ้ง 2 ช้อนโต๊ะ ผสมให้เข้ากัน
  • 34. วิธใช้: ทาความสะอาดผิวหน้าด้วยน้าอุ่น เพื่อเปิดรูขุมขน ี และสิ่งสกปรกออกจากผิว จากนั้นนาสมุนไพรพอกหน้าสูตรผิวแห้งพอกให้ทั่วหน้า เว้นรอบดวงตา ริมฝีปาก ทิ้งไว้ 10-15 นาทีแล้วเช็ดออก สาหรับใครทีมเวลาอยากแนะนาอีกสูตรช่วยลดผิวแห้งในช่วงหน้าหนา ่ ี วได้ดี เป็นลูกประคบหน้า มีส่วนผสมขมิ้นชัน บัวบก ตะไคร้บ้าน ขิงสดนามาหั่นละเอียดแล้วผสมด้วยงาดาคั่ว จมูกข้าวและเหลือเล็กน้อย เกลือจะช่วยดึงตัวยาเข้าสู่ผิวทาให้รับตัวยาได้ดี จากนั้นห่อผ้าดิบเป็นลูกขนาดเล็ก นาไปนึ่ง 15-20 นาที ก่อนนามาใช้ประคบที่บริเวณหน้า ทั้งนี้ ต้องทดสอบความร้อนที่บริเวณท้องแขนก่อนใช้ที่บริเวณใบหน้า ลูกประคบสูตรนี้จะช่วยบารุงผิวหน้า สมานผิว ลดรอยดาผิว และช่วยลดผิวแห้งในช่วงหน้าหนาวได้ดี
  • 35. ตัวอย่างผลิตภัณฑ์ขากสมุนไพร บีบครีมว่านหอม ( Galanga BB cream) SPF 40 ี ภาพที่ 20 บีบีครีมว่านหอม
  • 36. ครีมปรับสภาพผิว เพื่อผิวหน้าเนียนใส ที่ผสานทั้งเบสที่เนื้อบางบางกว่าครีมรองพื้น แต่ช่วยปกปิดได้ดี และมีส่วนผสมของสมุนไพร "ว่านหอม" ไว้ด้วยกัน ซึ่งมีคุณสมบัติช่วยดูดซับรังสียูวี ปกป้องผิวจากแสงแดด บารุงให้ผิวพรรณเปล่งปลั่งสดใส พร้อมทั้งปรับสภาพผิวให้เป็นปกติ ลดรอยแดงและสามารถเข้าได้กับทุกสีผิว พร้อมด้วยคุณค่าจากสารสกั ดว่านหางจระเข้ น้ามันราข้าวและวิตามินอี ที่บารุงผิว ให้ความชุ่มชื้น เนื้อครีมเกลี่ยง่าย ซึมซาบเร็ว ไม่เหนียวเหนอะหนะ ส่วนประกอบ:  สารสกัดว่านหอม (Galanga Extract)  สารสกัดว่านหางจระเข้ (Aloe Vera Extract)  น้ามันราข้าว (Rice Bran Oil) สรรพคุณ: สาหรับปรับสภาพผิว ให้ดูเรียบเนียน เปล่งปลั่ง และช่วยป้องกันแสงแดด เนื้อครีมเกลี่ยง่ายไม่เหนียวเหนอะหนะ วิธีใช้: แต้มบางๆบนผิวหน้า หลังขั้นตอนการบารุงผิวหน้าในตอนเช้า ใช้นิ้วนางเกลี่ยเบาๆ จนเนืือครีมเรียบเนียนกลืนกับผิวหน้า ข้อควรระวัง: 1. การใช้ผลิตภัณฑ์เครื่องสาอางที่มีส่วนผสมสารป้องกันแสงแดด เป็นเพียงวิธีหนึ่งที่ช่วยลดความเสี่ยงจากอันตรายจากแสงแดด 2. อ่านวิธีใช้ให้ละเอียดและปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด 3. หากใช้แล้วมีความผิดปกติใดๆเกิดขึ้น ต้องหยุดใช้และรีบปรึกษาแพทย์ 4. เก็บให้พ้นแสงแดด เจลสมุนไพรบารุงผิวรอบดวงตา
  • 37. ภาพที่ 21 เจลสมุนไพรบารุงผิวรอบดวงตา ผลิตภัณฑ์ที่ใช้บารุงผิวรอบดวงตาที่มีส่วนผสมของสารสกัดสมุนไ พรมากกว่า 10 ชนิด เพื่อลดเลือนริ้วรอย และรอยคล้ารอบดวงตา เหมาะกับทุกสภาพผิว ส่วนประกอบ: ว่านหางจระเข้ บัวบก แตงกวา มะขามป้อม และสารจากธรรมชาติอื่นๆ เช่น สารสกัดจากดอกคาโมมายล์ สารสกัดจากดอกดาวเรือง สารสกัดจากรากโสม วิตามินอี ไฮยาลูโรเนต สรรพคุณ: ช่วยลบเลือนริ้วรอย และรอยคล้าใต้ตา วิธีใช้: กดเจล 1 ครั้งลงบนนิ้วนาง แต้มที่ตาทั้งสองข้าง แล้วใช้นิ้วนางเกลี่ยเจลให้รอบดวงตา เป็นประจาเช้าและก่อนนอน อายุผลิตภัณฑ์: 2 ปี (นับจากวันผลิต) การเก็บรักษา: เก็บที่อุณหภูมิห้องห่างจากแสงแดดและความร้อน
  • 38. เจลล้างหน้าแตงกวา ภาพที่ 22 เจลล้างหน้าแตงกวา ผลิตภัณฑ์ทาความสะอาดผิวหน้าที่มีส่วนผสมของสารสกัดแตงกว า ช่วยทาให้ผิวชุ่มชื้นไม่แห้งตึงหลังการล้างหน้า ซึ่งความชุ่มชื้นที่เกิดขึ้นนอกจากจะทาให้ลดโอกาสการเกิดริ้วรอยแล้ว ยังทาให้ผิวมีความยืดหยุ่นที่ดีขึ้นอีกด้วย ส่วนประกอบ: สารสกัดแตงกวา
  • 39. สรรพคุณ: ทาความสะอาดผิวได้อย่างหมดจด ด้วยส่วนผสมของสารสกัดจาก แตงกวาจึงช่วยคืนความชุ่มชื้นสู่ผิวหน้า เหมาะกับทุกสภาพผิว วิธีใช้: บีบเจลลงบนฝ่ามือ ผสมน้าเล็กน้อย ลูบไล้ทั่วใบหน้าแล้วล้างออกด้วยน้าสะอาด วันละ 2 ครั้ง เช้า-เย็น อายุผลิตภัณฑ์: 2 ปี (นับจากวันผลิต) การเก็บรักษา: เก็บที่อุณหภูมิห้อง ห่างจากแสงแดดและความร้อน สบูลกยอ ่ ู ภาพที่ 23 สบู่ลูกยอ ใช้ทาความสะอาดผิว และกระตุ้นการผลัดเซลล์ผิว เผยเซลล์ผิวชั้นในที่กระจ่างใสและเนียนกว่า เหมาะกับทุกสภาพผิว ส่วนประกอบ: ผงลูกยอบดละเอียด สรรพคุณ: อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระจากธรรมชาติ บารุงผิวพรรณ วิธีใช้: ใช้มือที่เปียกน้าถูสบู่ให้เกิดฟอง แล้วนาฟองนุ่มที่ ได้มาถูตัวให้ทั่วจนสะอาด ล้างตามด้วยน้าสะอาด เพื่อประสิทธิภาพที่ดี ควรใช้อาบน้าวันละ 2 ครั้ง เช้าและเย็น
  • 40. อายุผลิตภัณฑ์: 3 ปี (นับจากวันผลิต) รูปแบบ/ขนาดที่บรรจุ: สบู่ก้อน บรรจุในกล่องกระดาษ ขนาด 100 กรัม การเก็บรักษา: เก็บในที่แห้ง ห่างจากความชื้น แสงแดดและความร้อน ครีมอาบน้าตะไคร้ต้น ภาพที่ 24 ครีมอาบน้าตะไคร้ต้น ผลิตภัณฑ์ทาความสะอาดผิวกายที่มีส่วนผสมของน้ามันหอมระเห ยแท้จากธรรมชาติของตะไคร้ต้น หรือ Litsea cubeba L. ให้กลิ่นหอมสดชื่นผ่อนคลาย และฟื้นฟูสภาพผิว คืนพลังความสดใสให้กับคุณทุกครั้งหลังอาบน้า ส่วนประกอบ: ส่วนผสมของน้ามันหอมระเหยตะไคร้ต้น สรรพคุณ: ครีมอาบน้าอโรมาเทอราปีที่ช่วยปลุกพลังความสดชื่น ผ่อนคลายพร้อมช่วยกระชับรูขุมขน ลดเหงื่อ ลดกลิ่นตัว ให้กลิ่นหอมติดผิว วิธีใช้: ลูบไล้ทั่วผิวกายแล้วล้างออก อายุผลิตภัณฑ์: 2 ปี (นับจากวันผลิต)
  • 41. รูปร่าง/ขนาดบรรจุ: ขวดพลาสติกขนาด 250 มิลลิลิตร การเก็บรักษา: เก็บที่อุณหภูมิห้อง ห่างจากแสงแดดและความร้อน ครีมล้างหน้าสมุนไพรมะขาม ภาพที่ 25 ครีมล้างหน้าสมุนไพรมะขาม คนไทยโบราณ ทาผิวด้วยขมิ้น ขัดผิวด้วยมะขามเปียก ในมะขามเปียก มีกรดผลไม้ (AHA) เพิ่มความชุ่มชื้นและความยืดหยุ่นของผิว ด้วยคุณค่าของมะขามร่วมกับขมิ้น นมและน้าผึ้ง จึงเป็นผลิตภัณฑ์พอกและล้างหน้า หรือจุดแห้งกร้านให้ผิวพรรณเปล่งปลั่ง งดงามนุ่มนวลน่าสัมผัส ส่วนประกอบ: เนื้อมะขามเปียก นมสด น้าผึ้ง และขมิ้นชัน สรรพคุณ: ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยกระตุ้นการผลัดเซลล์ผิว (Exfoliating products) จากคุณค่าของ AHA จากธรรมชาติ 100% ช่วยขจัดเซลล์ผิวหยาบกร้าน เผยผิวที่กระจ่างใส
  • 42. วิธีใช้: ใช้น้าชโลมผิวหน้าพอเปียก (ควรล้างเครื่องสาอางออกก่อน) แล้วใช้ครีมล้างหน้าสมุนไพรเล็กน้อยลูบไล้จนทั่ว ทิ้งไว้สักครู่ แล้วล้างออก สาหรับผู้ที่มีผิวมันอาจใช้ร่วมกับสบู่ล้างหน้าทั่วไป ข้อควรระวัง:   ระวังการใช้ในผู้ที่มีปัญหาผิวบอบบางแพ้ง่าย หรือไวต่อกรด AHA ควรทากันแดดทุกวันอย่างสม่าเสมอ เพื่อปกป้องผิวสวยจากแสงแดด อายุผลิตภัณฑ์: 6 เดือน (นับจากวันผลิต) รูปร่าง/ขนาดบรรจุ: เนื้อครีมสีน้าตาลในหลอดพลาสติกขนาด 80 กรัม การเก็บรักษา: เก็บที่อุณหภูมิห้อง ห่างจากแสงแดดและความร้อน ชาอู่หลง
  • 43. ภาพที่ 26 ชาอู่หลง ช่วยทาให้ฟันแข็งแรง ป้องกันฟันผุและเหงือกอักเสบ นอกจากนี้ยังสามารถป้องกันสนิม และทาให้ดวงตาสดชื่น การเก็บรักษา สามารถเก็บรักษาไว้ที่อุณหภูมิห้อง หลีกเลี่ยงการให้ใบชาสัมผัสกับอากาศ ดังนั้นควร เก็บในภาชนะที่ปิดสนิท ทึบแสง และสะอาดมากๆ อีกยังไม่ควรวางไว้ใกล้สถานที่ที่มีกลิ่นรุนแรง หรือมีกลิ่นแปลกปลอม ข้อแนะนา หากนาใบชามาถูกับกระทะ จะสามารถป้องกันสนิมได้ เพราะสารแทนนิน จะจับตัวกับ เหล็กและสร้างสารเคลือบบางๆซึ่งป้องกันสนิม ถ้านาถุงชาที่เปียกและเย็นประคบดวงตา สามารถทาให้สดชื่นได้ น้ากระเจี๊ยบ
  • 44. ภาพที่ 27 น้ากระเจี๊ยบ ช่วยเป็นยาระบาย ละลายไขมัน แก้ไขหลอดเลือดตีบตัน และทาให้หลอดเลือดแข็งแรง อ่อนนิ่มยืดหยุ่นได้ การเก็บรักษา ขวดเก็บใส่ขวดแล้วปิดฝาให้แน่นสนิท และควรเก็บใส่ไว้ในตู้เย็น หากทาการต้มแล้ว ควรดื่มให้หมดทันทีที่เปิด ข้อแนะนา - อาจจะทาให้เกิดอาการท้องเสียกับบางคน เพราะกระเจี๊ยบมีฤทธิ์เป็นยาระบาย - น้ากระเจี๊ยบมีฤทธิ์ขับปัสสาวะ แม้ว่าจะมีความเป็นพิษมาก แต่ไม่ควรดื่มในปริมาณ เข้มข้นและติดต่อกันนานๆ เพราะอาจจะไม่เกิดผลดีต่อสุขภาพ น้าดอกอัญชัน
  • 45. ภาพที่ 28 น้าดอกอัญชัน มีสารแอนโธไซยานินช่วยเพิ่มการไหลเวียนของหลอดเลือดเส้นเล็ กๆที่ไปเลี้ยง ไต สมอง และดวงตา ลดโอกาสการแพ้ที่เกิดจากสารเคมี การเก็บรักษา สามารถเก็บรักษาไว้ที่อุณหภูมิห้อง หลีกเลี่ยงการให้เครื่องดื่มสัมผัสแสงและความร้อน ในกรณีที่ต้องการเพิ่มรสชาติอาจเก็บไว้ในตู้เย็น และเมื่อเปิดดื่มแล้ว ต้องเก็บไว้ในตู้เย็นและดื่มให้หมดภายใน 1 วัน ข้อแนะนา - ควรดื่มทันทีที่ปรุงเสร็จ เพื่อให้ได้คุณค่าทางอาหารและยา - การดื่มน้าสมุนไพรชนิดเดียวกันติดต่อกันเป็นระยะนานๆอาจ ทาให้เกิดการสะสมของ สารบางชนิดที่มีฤทธิ์ต่อร่างกาย - การดื่มน้าสมุนไพร ที่มีอุณหภูมิ 60 องศาเซลเซียสขึ้นไป จะทาให้เยื้อบุผิว เสียสภาพภูมิคุ้มกันเฉพาะที่ อาจทาให้มีการดูดซึมสารก่อมะเร็งได้ง่าย น้าลูกยอ
  • 46. ภาพที่ 29 น้าลูกยอ ช่วยให้เจริญอาหาร ขับลม แก้ปวดเมื่อย ช่วยระบบย่อยอาหารและขับถ่าย การเก็บรักษา สามารถเก็บรักษาไว้ที่อุณหภูมิห้อง หลีกเลี่ยงการให้เครื่องดื่มสัมผัสแสงและความร้อน ในกรณีที่ต้องการเพิ่มรสชาติอาจเก็บไว้ในตู้เย็น และเมื่อเปิดดื่มแล้ว ต้องเก็บไว้ในตู้เย็น และดื่มให้หมดภายใน 1 วัน ข้อแนะนา - เด็กและสตรีมีครรภ์ไม่ควรดื่ม - ควรดื่มในปริมาณที่กาหนดจะเป็นประโยชน์มาก ชาชงดอกคาฝอย
  • 47. ภาพที่ 30 ชาชงดอกคาฝอย บารุงร่างกาย ลดโคเลสเตอรอลในเลือดได้ การเก็บรักษา: การเก็บในที่แห้งอุณหภูมิห้องไม่เกิน 25 องศาเซลเซียส ห่างจากแสงแดดและความร้อน ข้ อ ควรระวั ง : - ห้ า มใช้ ใ นสตรี มี ค รรภ์ เนื่ อ งจากมี ฤ ทธิ์ ก ระตุ้ น การบี บ ตั ว ของมดลู ก ในสั ต ว์ ท ดล อง - ห้ า มใช้ ใ น Hemorrhagic disease มี เ ลื อ ดออกหรื อ เป็ น แผลในกระเพาะอาหาร และมี ป ระจาเดื อ นมากผิ ด ปกติ - ควรระมั ด ระวั ง เมื่ อ ใช้ ร่ ว มกั บ ยากลุ่ ม ต้ า นการแข็ ง ตั ว ของ เลื อ ด ยาดมสมุนไพร