More Related Content
Similar to บทที่ 2 HERB & HEALTH
Similar to บทที่ 2 HERB & HEALTH (20)
บทที่ 2 HERB & HEALTH
- 1. บทที่ 2
เอกสารทีเกี่ยวข้อง
่
ในการจัดทาโครงงานคอมพิวเตอร์ ประเภทซอฟต์แวร์ เรื่อง
HERB & HEALTH คณะผู้จัดทาได้ศึกษาข้อมูล
เอกสารที่เกี่ยวข้องดังต่อไปนี้
2.1 ความรู้ต่างๆเกี่ยวกับสมุนไพร
2.2 เอกสารที่เกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ช่วยสอน
- ความหมายเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ช่วยสอน
คุณสมบัติของโปรแกรมซอฟต์แวร์ที่พัฒนาบทเรียนคอมพิวเตอร์
2.1 ความรูต่างๆเกียวกับสมุนไพร
้
่
สมุนไพร
ความหมาย
คาว่า สมุนไพร ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2525
หมายถึง พืชที่ใช้ ทาเป็นเครื่องยา
สมุนไพรกาเนิดมาจากธรรมชาติและมีความหมายต่อชีวิตมนุษย์โดยเฉ
พาะ ในทางสุขภาพ
อันหมายถึงทั้งการส่งเสริมสุขภาพและการรักษาโรค
ความหมายของยาสมุนไพรในพระราชบัญญัติยา พ.ศ. 2510 ได้ระบุว่า
ยาสมุนไพร หมายความว่า ยาที่ได้จากพฤกษาชาติสัตว์หรือแร่ธาตุ
ซึ่งมิได้ผสมปรุงหรือแปรสภาพ เช่น พืชก็ยังเป็นส่วนของราก ลาต้น ใบ
ดอก ผลฯลฯ ซึ่งมิได้ผ่านขั้นตอนการแปรรูปใด ๆ แต่ในทางการค้า
สมุนไพรมักจะถูกดัดแปลงในรูปแบบต่าง ๆ เช่น ถูกหั่นให้เป็นชิ้นเล็กลง
บดเป็นผงละเอียด
หรืออัดเป็นแท่งแต่ในความรู้สึกของคนทั่วไปเมื่อกล่าวถึงสมุนไพร
มักนึกถึงเฉพาะต้นไม้ที่นามาใช้เป็นยาเท่านั้น
- 3. กระเจี๊ยบแดง
ภาพที่1 กระเจี๊ยบ
ชื่อภาษาอังกฤษ : Roselle
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Hibiscus sabdariffaL.
ลักษณะ : ไม้ล้มลุกเนื้ออ่อน ขึ้นเป็นพุ่มเตี้ย ขอบใบเรียบ ดอกเป็นสีชมพู
ตรงกลางดอกมีสีเข้มมากกว่าขอบนอกของกลีบ
สรรพคุณ : ใบ – รสเปรี้ยว ขับเสลด ทาให้โลหิตไหวเวียนดี
เมล็ดใน – รสจืด เป็นเมือก แก้อ่อนเพลีย บารุงกาลัง
บารุงธาตุ
ผล – รสจืด ขับเหงื่อ แก้ร้อนใน
สามารถใช้รักษาโรคพยาธิตัวจี๊ดได้
- 4. แค
ภาพที่ 2 แค
ชื่อภาษาอังกฤษ :Agasta
ชื่อวิทยาศาสตร์ :Sesbaniagrandiflora (L.) Poiret
ลักษณะ : ไม้ยืนต้นขนาดกลาง แตกกิ่งก้านสาขามากไม่เป็นระเบียบ
เนื้อไม้อ่อน ที่เปลือกต้นเป็นสีน้าตาลปนเทา เปลือกหนาและมีรอยขรุขระ
แตกเป็นสะเก็ด
สรรพคุณ : แก้ท้องร่วง คุมธาตุ แก้บิดมูกเลือด
สมานแผลทั้งภายในและภายนอก
ใบ – แก้ไข้หวัด
หอมแดง
- 5. ภาพที่ 3 หอมแดง
ชื่อภาษาอังกฤษ : Shallot
ชื่อวิทยาศาสตร์ :Allium ascalonicum
ลักษณะ : มีลาต้นสั้นและฝังอยู่ใต้ดิน กาบใบพองออกเพื่อสะสมอาหาร
ลักษณะเป็นช่อคล้ายร่ม ประกอบด้วยดอกย่อยจานวนมาก
กลีบดอกสีขาวอมม่วงมีกลีบดอก 6 กลีบ ออกดอกในช่วงฤดูร้อน
สรรพคุณ : ขับลม ขับปัสสาวะ ขับเสมหะ ขับประจาเดือน แก้ไข้ แก้หวัด
ช่วยย่อยอาหาร เจริญอาหาร ในหอมแดงประกอบด้วย
เซเลเนียมเป็นเกลือแร่ที่ทาหน้าที่เป็นตัวประสานการทางานของเอนไซม์
ระหว่างวิตามินดี เอ และซี
สะระแหน่
ภาพที่ 4 สะระแหน่
ชื่อภาษาอังกฤษ : Kitchen Mint
- 6. ชื่อวิทยาศาสตร์ :MethacordifoliaOpiz.
ลักษณะ : เป็นพืชล้มลุกเลี้อยตามพื้นดิน ลาต้นสีแดงเข้ม
ใบกลมขนาดหัวแม่มือ ใบค่อนข้างหนา ริมใบหยักโดยรอบ
ภายในใบเป็นคลื่นยับย่น และมีกลิ่นหอม
สรรพคุณ : น้าคั้นจากต้นและใบดื่มแก้ปวดมวนในท้อง แก้ท้องอืด
ท้องเฟ้อ ขับลม หรือกินสดเพื่อดับกลิ่นปาก ขับเหงื่อ
นอกจากนี้ยังช่วยฆ่าเชื้อ ระงับอาการเกร็งของกระเพาะอาหารและลาไส้
ในสะระแหน่ประกอบด้วย วิตามินเอ วิตามินบี 2 วิตามินซี แคลเซียม
และ ธาตุเหล็ก
ตะไคร้
ภาพที่ 5 ตะไคร้
ชื่อภาษาอังกฤษ : Lemongrass
ชื่อวิทยาศาสตร์ :Cymbopogoncitratus(DC.) Stapf, 1906
ลักษณะ : เป็นพืชตระกูลหญ้า ตะไคร้เป็นพืชที่เจริญเติบโตง่าย
มีลาต้นที่แท้จริงประมาณ 4-7 เซนติเมตร
ลาของต้นจะถูกห่อหุ้มไปด้วยกาบใบโดยรอบ
ใบยาวแคบเส้นใบขนานกับก้านใบ
ใบของตะไคร้อุดมไปด้วยน้ามันหอมระเหย
ที่นิยมนามาปลูกเป็นพันธุ์พื้นเมืองที่ปลูกกันโดยทั่วไป
- 7. สรรพคุณ : ใช้เป็นยาทาแก้ปวด เช่น โรครูมาติซัม
อาการปวดตามบั้นเอว ช่วยย่อยอาหาร ขับปัสสาวะอย่างอ่อน ขับเหงื่อ
แก้ตกขาว อาเจียน ลดความดันโลหิต ขับลม แก้ไข้ ปวดท้อง
โรคทางเดินปัสสาวะ นิ่ว และอาการปวดเกร็ง ในตะไคร้ประกอบด้วย
วิตามินเอ แคลเซียม ธาตุเหล็ก เส้นใยอาหาร และฟอสฟอรัส
มะกรูด
ภาพที่ 6 มะกรูด
ชื่อภาษาอังกฤษ : Kaffir lime
ชื่อทางวิทยาศาสตร์ : Citrus hystrix DC.
ลักษณะ : ไม้ต้นขนาดเล็ก กิ่งก้านอ่อนเป็นเหลี่ยม หนามตั้งตรง ใบเดี่ยว
เรียงสลับ รูปใบหอก โคนใบกลมหรือแหลม ปลายใบเว้า
ก้านใบแผ่ออกเป็นปีก รูปไข่กลับถึงรูปช้อนแกมรูปขอบขนาน
ดอกมีขนาดเล็ก สีขาว กลีบเลี้ยง 5 กลีบดอก 5 มีกลิ่นหอม ผลรูปผลแพร์
มีน้าน้อย รสเปรี้ยว สุกสีเหลืองหรือเหลืองปนเขียว เมล็ดใหญ่แข็ง
สรรพคุณ : ช่วยขับลม แก้จุกเสียด แก้ลมวิงเวียน
น้ามะกรูดแก้เลือดออกตามไรฟัน ในมะกรูดประกอบด้วย เบต้า-แคโรทีน
วิตามินเอ วิตามินบี 2 วิตามินซี แคลเซียม และโปรตีน
- 9. เนื้อใบมีจุดน้ามันกระจาย ก้านใบมีครีบเล็ก ๆ ดอกเดี่ยวหรือช่อ
ออกที่ปลายกิ่งและที่ซอกใบ กลีบดอกสีขาว กลิ่นหอม
ร่วงง่าย ผลเป็นผลสด กลมเกลี้ยง ฉ่าน้า
สรรพคุณ : มีฤทธิ์ลดความดันโลหิต ลดระดับไขมัน
คอเลสเตอรอลและน้าตาลในเลือด ในกระเทียมประกอบด้วย เซเลเนียม
ซึ่งเป็นแร่ธาตุที่ทาหน้าที่เป็นตัวประสานการทางานของเอนไซม์ระหว่าง
วิตามินอี เอ และซี
ขิง
ภาพที่ 8 ขิง
ชื่อภาษาอังกฤษ : Ginger
ชื่อทางวิทยาศาสตร์ : Zingiberofficinale Roscoe
ลักษณะ : เป็นพืชล้มลุก มีเหง้าใต้ดิน เปลือกนอกสีน้าตาลแกมเหลือง
เนื้อในสีนวลมีกลิ่นหอมเฉพาะ
แทงหน่อหรือลาต้นเทียมขึ้นเป็นกอประกอบด้วยกาบหรือโคนใบหุ้มซ้อน
กัน ใบเดี่ยวออกเรียงสลับกันเป็นสองแถว ใบรูปหอกเกลี้ยง
หลังใบห่อจีบเป็นรูปรางนาปลายใบสอบเรียวแหลม
โคนใบสองแคบและจะเป็นกาบหุ้มลาต้นเทียม
ดอกสีขาวออกรวมกันเป็นช่อรูปเห็ด แทงขึ้นมาจากเหง้า
- 10. สรรพคุณ : ช่วยขับลม ขับน้าดี ลดอาการบีบตัวของลาไส้
แก้อาการคลื่นไส้ อาเจียน ปวดศีรษะ ปวดท้อง ป้องกันการอักเสบ
มีสารต้านการเกิดมะเร็ง
ต้านการเกิดปฏิกิริยากับออกซิเจนและอาการจิตซึมเศร้า
ในขิงประกอบด้วย แคลเซียม เป็นส่วนสาคัญในการสร้างกระดูกและฟัน
ช่วยในการแข็งตัวของเลือด
พริกชีฟ้า
้
ภาพที่ 9 พริกชี้ฟ้า
ชื่อภาษาอังกฤษ : Cayenne pepper
ชื่อทางวิทยาศาสตร์ : Capsicum annuum Linn.
VaracuminatumFingerh.
ลักษณะ : เป็นทรงพุ่มใหญ่
เมื่อเป็นผลอ่อนจะมีสีเขียวแลัวจะค่อยๆเปลี่ยนเป็นสีแดงเมื่อแก่เป็นไม้ล้ม
ลุก ใบเดี่ยวออกตรงกันข้ามหรือออกสลับ รูปใบหอก ดอกสีขาว
ผลรูปทรงกระบอกยาว ปลายเรียวแหลม มักโค้งงอ ผิวเป็นมันสีเขียว
เมื่อสุกเปลี่ยนเป็นสีเหลืองหรือสีแดง มีเมล็ดแบนสีนวลจานวนมาก
สรรพคุณ : ป้องกันหลอดลมอักเสบ แผลในกระเพาะอาหาร
ทาลายเชื้อแบคทีเรีย ลดก๊าซที่เกิดจากการย่อยอาหาร
ลดการเกร็งตัวของกล้ามเนื้อท้องที่เกิดจากอาการท้องอืดเฟ้อ
- 11. และป้องกันหวัด ในพริกชี้ฟ้า ประกอบด้วย โปรตีน เส้นใยอาหาร
วิตามินบี 1 วิตามินบี 2 วิตามินซี แคลเซียม และธาตุเหล็ก
มะตูม
ภาพที่ 10 มะตูม
ชื่อภาษาอังกฤษ :Bael
ชื่อทางวิทยาศาสตร์ :Aeglemarmelos
- 12. ลักษณะ : ไม้ยืนต้นขนาดกลาง มี3ชนิด คือ ลูกกลม ลูกยาว
และลูกนิมมีหนามแหลมอยู่ทั่วไป ใบประกอบแบบขนนก
ใบย่อยรูปไข่หรือรูปหอกมี 3 ใบ มองดูคล้ายตรีศูลของพระศิวะ
ดอกสีขาวหรือขาวอมเขียว มีกลิ่นหอม ผลมีเปลือกแข็งเรียบ
เนื้อผลเหนียวข้น มีกลิ่นหอม และมีเมล็ดจานวนมาก แทรกอยู่ในเนื้อผล
โดยเมล็ดจะมีขนหนาปกคลุม
สรรพคุณ : ราก – แก้พิษไข้ แก้สติเผลอ รักษาน้าดี
ใบสด – คั้นเอาน้ากินแก้หวัด แก้หลอดลมอักเสบ แก้บวม
แก้เยื่อตาอักเสบ
เปลือก ราก ลาต้น – แก้ไข้จับสั่น ขับลมในลาไส้
ผลอ่อน – แก้ธาตุพิการ
ผลสุก – ช่วยย่อยอาหาร ระบายท้อง แก้โรคไฟธาตุอ่อน บิด
ท้องเสีย แก้ครั่นเนื้อครั่นตัว
ขมินชัน
้
ภาพที่ 11 ขมิ้นชัน
ชื่อภาษาอังกฤษ : Turmeric
ชื่อทางวิทยาศาสตร์ : Curcuma Longa Linn
ลักษณะ : เป็นไม้ล้มลุก เหง้าใต้ดินรูปไข่ อ้วนสั้น
มีแขนงรูปทรงกระบอกแตกออกด้านข้าง 2 ด้าน ตรงกันข้าม
- 13. เนื้อในเหง้าสีเหลืองส้มหรือสีเหลืองจาปาปนสีแสด มีกลิ่นฉุน ใบเดี่ยว
กลางใบสีแดงคล้า แทงออกมาเหง้าเรียงเป็นวงซ้อนทับกันรูปใบหอก
ดอกช่อแทงออกจากเหง้า แทรกขึ้นมาระหว่างก้านใบ รูปทรงกระบอก
กลีบดอกสีเหลืองอ่อน ใบประดับสีเขียวอ่อนหรือสีนวล ผลรูปกลม
สรรพคุณ : แก้ไข้เรื้อรังผอมเหลือง แก้โรคผิวหนัง แก้เสมหะและโลหิต
แก้ท้องร่วง สมานแผล
ว่านหางจระเข้
ภาพที่ 12 ว่านหางจระเข้
ชื่อภาษาอังกฤษ : Aloe
ชื่อทางวิทยาศาสตร์ : Aloe barbadenisi Mill.
ลักษณะ : ไม้ส้มลุกอายุหลายปี ข้อและปล้องสั้น ใบ เป็น ใบเดี่ยว
เรียงรอบต้น อวบน้ามาก สีเขียวอ่อนหรือสีเขียวเข้ม
ภายในมีวุ้นใสใต้ผิว
สีเขียวมีน้ายางสีเหลือง ใบอ่อน มีประสีขาว ดอกเป็นช่อออกจากกลางต้
น ดอกย่อย เป็นหลอดห้อยลงสีส้ม บานจากล่างขึ้นบน ผล เป็นผลแห้ง
แตกได้
สรรพคุณ : วุ้นช่วยลดรอยแผลเป็นจากสิว รักษาอาการอักเสบต่างๆ
ใช้สระบารุงหนังศีรษะ ป้องกันผมร่วง ลดอาการคัน รังแค
สามารถใช้เป็นส่วนผสมของยาและเครื่องสาอางต่างๆในปัจจุบัน
- 14. แตงกวา
ภาพที่ 13 แตงกวา
ชื่อภาษาอังกฤษ : Cucumber
ชื่อทางวิทยาศาสตร์ :Sucumissativus Linn
ลักษณะ : เป็นไม้เถามีอายุปีเดียว ต้นมีขนหยาบสีขาว
ใบออกสลับกันตรงสามเหลี่ยมมนใหญ่ มีแฉกใหญ่ 3 – 5 แฉก
- 15. ตัวใบมีขนทั้ง 2 ด้าน
ดอกแยกเป็นตัวผู้และตัวเมียอยู่บนต้นเดียวกันกลีบดอกเป็นหลอดสีเหลือ
งส่วยปลายแยกเป็น 5 กลีบ เมล็ดลีแบนผิวเรียนสีขาว ผล
รูปทรงกระบอกมีลายเขียวแก่มีพื้นสีเขียวอมขาวมีขนาดต่างๆกัน
สรรพคุณ : เป็นยาเย็นใช้ขับปัสสาวะ แก้ไข้ แก้เจ็บคอ ตาแดง ไฟลวก
ผดผื่นคัน แก้ท้องเสีย บิด เนื้อในเมล็กแก่เป็นยาถ่ายพยาธิ
ใบบัวบก
ภาพที่ 14 ใบบัวบก
ชื่อภาษาอังกฤษ : Asiatic pennywort
ชื่อทางวิทยาศาสตร์ : centellaasiatica urban
ลักษณะ :
เป็นไม้ล้มลุกเลื้อยแผ่ไปตามพื้นดินชอบที่ชื้นแฉะมีรากฝังลงในดินและง
อกปลายยอดใหม่ชูขึ้น ใบเดี่ยวออกเป็นกระจุกตรงข้อจานวน 2- 6
ใบแผ่นใบรูปไตขอบใบหยัก
ออกดอกดอกช่อเป็นกระจุกสีแดงอมเขียวออกระหว่างช่อก้านใบกับลาต้
นที่แผ่ติดดินผลขนาดเล็กเป็นลูกค่อนข้างกลมแตกได้
สรรพคุณ :
มีฤทธิ์ในการสมานแผลโดยมีคุณสมบัติในการเพิ่มการสร้างเซลล์ผิวหนั
งและเพิ่มการไหวเวียนโลหิตของเลือดไปยังบริเวณที่เป็นบาดแผล
- 16. จึงทาให้มีการนาไปใช้ประกอบเป็นยาและเครื่องสาอางมากขึ้น
น้าคั้นจากใบสดลดอาการหน้ามัน แก้ช้าใน
กระชาย
ภาพที่ 15 กระชาย
ชื่อภาษาอังกฤษ : Fingerroot
ชื่อทางวิทยาศาสตร์ : Boesenbergia rotunda
ลักษณะ : เป็นไม้ล้มลุกไม่มีลาต้นบนดิน
มีเหง้าใต้ดินซึ่งแตกรากออกไปเป็นกระจุกจานวนมาก อวบน้า
ตรงกลาลพองกว้างกว่าส่วนหัวและท้าย ใบ เดี่ยว
เรียงสลับเป็นระนาบเดียวกัน รูปขอบขนานแกมรูปไข่ กว้าง 4.5-10
เซนติเมตร ยาว 13-15 เซนติเมตร ตรงกลางด้านในของก้านใบมีร่องลึก
ดอก ช่อ ออกแทรกอยู่ระหว่างกาบใบที่โคนต้น
กลีบดอกสีขาวหรือชมพูอ่อน ใบประดับรูปใบหอกสีม่วงแดง
ดอกย่อยบานครั้งละ 1 ดอก
สรรพคุณ : เป็นพืชที่ใช้เป็นส่วนผสมของอาหารโดยเฉพาะรากกระชาย
ใช้เป็นเครื่องจิ้มหรือเป็นส่วนประกอบของน้าพริกแกงโดยเฉพาะแกงที่ใ
ส่ปลา เช่น แกงป่า ต้มโฮกอือ กระชายดับกลิ่นคาวของปลาได้ดี
ตารายาไทยใช้เหง้าแก้โรคในปากเช่นปากเปื่อย ปากเป็นแผล ปากแห้ง
ขับระดูขาว ขับปัสสาวะ รักษาโรคบิด แก้ปวดมวนท้อง
- 17. จากการทดลองในสารสกัดแอลกอฮอล์และคลอโรฟอร์ม
พบว่ามีฤทธิ์ต้านเชื้อราที่ทาให้เกิดโรคผิวหนังและในปากได้ดีพอควร
โรคมะเร็ง
มะเร็ง หรือทางการแพทย์ว่า เนื้องอกร้าย เป็นกลุ่มโรคที่เกี่ยวข้อง
กับการเจริญของเซลล์ที่ผิดปกติ คือ
เซลล์จะแบ่งตัวและเจริญอย่างควบคุมไม่ได้ ก่อเป็นเนื้องอกร้าย
และรุกรานร่างกายส่วนข้างเคียง
มะเร็งอาจแพร่กระจายไปยังร่างกายส่วนที่อยู่ห่างไกลได้ผ่านระบบน้าเ
หลืองหรือกระแสเลือด ไม่ใช่ว่าเนื้องอกทุกชนิดจะเป็นมะเร็ง
เพราะเนื้องอกไม่ร้ายไม่ลุกลามอวัยวะข้างเคียงและไม่กระจายไปทั่วร่าง
กาย มีมะเร็งที่ส่งผลต่อมนุษย์ที่ทราบแล้วกว่า 200 ชนิด
การรักษาผู้ป่วยด้วยโรคมะเร็งตามทฤษฎีการแพทย์แผนตะวันตก มี
๒ วิธีหลักที่ปฏิบัติกันแพร่หลายคือการใช้รังสี และการใช้เคมีบาบัด
ซึ่งทั้งสองวิธี ต่างก็ใช้หลักการเดียวกันคือทาลายเนื้อร้าย
แต่ทั้งนี้ไม่สามารถเลือกทาลายเฉพาะเนื้อร้ายได้
เซลล์ดีจานวนมากต้องถูกทาลายไปด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง
เซลล์ที่มีการแบ่งตัวเร็วเช่น เซลล์ผม เซลล์ผิวหนัง
เซลล์เยื่อบุทางเดินอาหาร และเซลล์เม็ดเลือดในไขกระดูก
จึงเกิดผลข้างเคียงตามมาเช่น ผมร่วง แผลในปาก ท้องเดิน คลื่นไส้
อาเจียน อ่อนเพลีย เบื่ออาหาร โลหิตจาง
เม็ดเลือดขาวต่าเสี่ยงต่อการติดเชื้อ เกล็ดเลือดต่าทาให้เลือดออกง่าย
อีกทั้งผู้ป่วยยังมีโอกาสที่จะกลับมาเป็นอีก
จากการกระจายตัวของเซลล์มะเร็ง
โดยเหตุนี้จึงมีผู้ป่วยตายด้วยโรคมะเร็งปีละ ๕๐,๐๐๐ คน
นับเป็นการสูญเสียทรัพยากรเนื่องจากเคมีบาบัดล้วนเป็นยานาเข้าทั้งสิ้น
ยังไม่นับถึงค่าใช้จ่ายในส่วนบุคลากรที่ต้องใช้เวลาในการอภิบาลผู้ป่วย
เหล่านี้เป็นเวลานาน แต่ไม่สามารถช่วยชีวิตบุคคลเหล่านั้นได้
มะเร็งนับเป็นโรคที่ร้ายแรงและคร่าชีวิตผู้คนมาตั้งแต่ศตวรรษที่
- 18. 20 ต่อเนื่องมาจนถึงศตวรรษที่ 21
นับเป็นสาเหตุสาคัญในการเสียชีวิตในอเมริกา (ร้อยละ 25)
ปัจจุบันมีผู้แสวงหาแนวทางอื่นในการรักษามากขึ้น
เช่นจากการแพทย์อายุรเวทของอินเดียที่มีมาตั้งแต่สมัยก่อนพุทธกาล
ในตาราอายุรเวทได้มีการกล่าวถึงมะเร็งว่าเป็นเนื้องอกที่เกิดจากการอัก
เสบหรือไม่อักเสบก็ได้ อาจเกิดจากความไม่สมดุลย์ของระบบ วาตะ
(ระบบประสาท) ปิตตะ (ระบบโลหิตดา) หรือเสมหะ (ระบบโลหิตแดง)
หนึ่งหรือ สองระบบ เป็น benign neoplasm
แต่ถ้าเกิดจากความผิดปกติของทั้งสามระบบจะกลายเป็น malignant
tumourหรือเนื้อร้ายนั่นเอง
สาเหตุของการเกิดมะเร็งนั้นตาราอายุรเวทได้กล่าวถึงการบาดเจ็
บของผิวชั้นที่หกที่เรียกว่า โรหิณี (epithelium)
ของกล้ามเนื้อและหลอดเลือด ซึ่งเกิดจากการใช้ชีวิตที่ผิดพลาด
การกินอาหารไม่ถูกสุขลักษณะ สุขอนามัยที่ไม่ดี และ
พฤติกรรมที่ไม่ถูกต้องอันก่อให้เกิดความไม่สมดุลย์ของระบบในร่างกาย
(dosha) นาไปสูการเกิดเนื้องอก
่
ในแต่ละคนเกิดมะเร็งแตกต่างกันไปแล้วแต่ปัจจัยเสี่ยงและพันธุกรรมซี่ง
ทาให้แต่ละคนมีการตอบสนองต่ออาหารชนิดเดียวกันได้ต่างกัน
(ขึ้นอยู่กับ doshaของแต่ละคน)
ปัจจัยที่ก่อให้เกิดความเสื่อมของระบบในร่างกายได้แก่
- สิ่งกระตุ้นระบบวาตะ การกินรสขม รสเผ็ด หรือรสฝาดมากเกินไป
อาหารแห้ง หรืออยู่ในสภาวะเครียดมากไป
- สิ่งกระตุ้นระบบปิตตะ การกินรสเปรี้ยว รสเค็มมากเกินไป
อาหารทอด หรืออยู่ในสภาวะโกรธมากไป
- สิ่งกระตุนระบบเสมหะ การกินรสหวานมากเกินไป อาหารมัน
หรือชอบอยู่นิ่งๆเกินไป
-
สิ่งกระตุ้นระบบเลือด (rakta)
กินอาหารที่เป็นกรดหรือเป็นด่างมากเกินไป อาหารทอดหรือย่าง
- 19. เครื่องดื่มแอลกอฮอลล์ อารมณ์โกรธหรือโศกเศร้ามากไป
การตากแดดจัดหรือทางานภายใต้ความร้อนนานไป
-
สิ่งกระตุ้นระบบกล้ามเนื้อ (mamsa) การกินอาหารจาพวกเนื้อ
ปลา โยเกิต นมและครีมมากไป การนอนกลางวัน
และการกินมากเกินไป
-
สิงกระตุ้นระบบไขมัน (medo) การกินอาหารประเภทน้ามัน
่
อาหารหวาน แอลกอฮอลล์และความขี้เกียจ
หลักของการรักษามี 4 อย่างคือ บารุงสุขภาพ (health
maintenance) รักษาโรค (disease cure) การคืนสู่สภาพปกติ
(Rasayana /restoration of normal function) จิตวิญญาณ (spiritual
approach)
หลักที่สาคัญคือต้องหาสาเหตุของการเจ็บป่วยที่ทาให้เกิดการขาดความ
สมดุลย์และแก้ไขส่วนขาดและลดส่วนเกิน
โดยทั่วไปจะเป็นส่วนประกอบของสมุนไพรหลายๆ ชนิด
ซึ่งจะเข้าไปช่วยระบบการทางานของอวัยวะต่างๆ ของร่างกายพร้อมๆ
กันและบารุงร่างกายไปด้วย สมุนไพรสามารถออกฤทธิ์ต่างๆ ดังนี้
1) ระงับการสร้างเส้นเลือดใหม่ (antiangiogenesis)
2) ยับยั้งการเจริญของเซลล์มะเร็ง (antiproliferative)
3) ระงับการอักเสบ 4) ซ่อมแซม DNA
5) ต้านการอ็อกซิไดส์ กาจัดอนุมูลอิสระ
6) ยับยั้งจุลชีพ
ในด้านของการรักษาหรือบาบัดโดยการใช้สมุนไพร
สมุนไพรดังต่อไปนี้มีผลการทดสอบในการใช้รักษาโรคมะเร็ง ได้แก่
ฟ้าทะลายโจร (Andrographispaniculata)
ในอินเดียใช้กันมานานรักษาไทฟอยด์ แก้อักเสบ แก้มาเลเรีย
กระตุ้นภูมิคุ้มกัน สารสาคัญคือ
andrographolideสามารถยับยั้งเซลล์มะเร็งได้หลายชนิด
- 20. มะตูม (Aeglemarmelos) สารจากผลมะตูมสามารถยับยั้ง thyroid
cancer และมีฤทธิ์ยับยั้งไวรัส และต้านการอักเสบ
บัวบก (Centellaasiatica) มีสาร
asiaticosideที่ช่วยให้แผลเรื้อรังหายได้เร็วขึ้น เพิ่มภูมิคุ้มกัน
และในบราซิลมีการใช้เพื่อรักษามะเร็งมดลูก
ขมิ้น (Curcuma longa) สารสาคัญคือ
curcuminมีฤทธิ์ต้านการอ็อกซิไดส์และต้านการอักเสบที่แรง
สามารถทาให้เกิดการตายของเซลมะเร็งหลายชนิดเช่น ผิวหนัง
ลาไส้ใหญ่ กระเพาะ ลาไส้เล็ก รังไข่ และยังมีฤทธิ์ต้านไวรัส
แบคทีเรียและราอีกด้วย
หญ้างวงช้างดอกขาว (Heliotropiumindicum)
อายุรเวทใช้ใบในการรักษาไข้ ลมพิษ แผล การอักเสบเฉพาะที่ กลาก
ปวดข้อ (rheumatism) มีอัลคาลอยด์ Indicine-N-oxide
ที่มีฤทธิยับยั้งเนื้องอก มีการทดลองทางคลีนิคในลิวคีเมีย และ solid
tumour
ว่านหางจรเข้ (Aloe vera) มีสาร aloe-emodinที่กระตุ้น
macrophage ให้กาจัดเซล์ลมะเร็ง และยังมี
acemannanช่วยกระตุ้นภูมิคุ้มกัน
ว่านหางจรเข้ช่วยกระตุ้นการเจริญของเซลล์ปกติและยับยั้งการเจริญขอ
งเซลล์มะเร็ง
Rubiacordifolia พืชตระกูลเดียวกับกาแฟมีมากในอินเดียตอนใต้
สารสกัดจากพืชนี้มีฤทธิ์ต้านการอ็อกซิไดส์และกระตุ้นภูมิคุ้มกัน
และต้านมะเร็งหลายชนิดเช่น leukemia, ascetic carcinoma,
melanoma, lung and large intestinal tumourเป็นต้น
Whitaniasomnifera หรือ Indian ginseng เป็น
adaptogenที่ช่วยทาให้ร่างกายทางานได้เป็นปกติ โดยผ่าน
- 21. Hypothalamic Pituitary Adrenal (HPA) axis มีสารสาคัญคือ
whithanolideซึ่งมีฤทธิ์เสริมภูมิต้านทาน
และสามารถยับยั้งเซลล์มะเร็งผิวหนัง
กะเพรา (Ocimum sanctum)
เป็นสมุนไพรที่ใช้ในการแพทย์โบราณหลายระบบ เช่นอายุรเวท สิธธา
ยูนานนิ กรีก โรมันเป็นต้น ใช้ในระบบทางเดินอาหาร ทางเดินหายใจ
หัวใจ ผิวหนัง ฯลฯ
ทุเรียนเทศ (Anonamuricata) สาร
acetogeninจากผลทาให้เซลล์มะเร็งตายได้
ลูกใต้ใบ/หญ้าใต้ใบ (Phyllanthusniruri/amarus)
เป็นที่รู้จักว่าเป็น stonebreaker และมีการใช้แพร่หลายทั่วโลก
ในระบบปัสสาวะและน้าดี ตับอักเสบ หวัด วัณโรค
และโรคจากไวรัสอื่นๆ
ดีปลี (Piper longum) มี piperineซึ่งมีฤทธิ์ต้านการอ็อกซิไดส์ทั้ง
in vitro และ in vivo
จึงเป็นส่วนประกอบของตารับยารักษามะเร็งของอายุรเวท
Podophyllumhexandrum เป็นพืชบนเทือกเขาหิมาลัย มีสาร
podophyllinและ
podophyllotoxinซึ่งยับยั้งการแบ่งตัวของเซลล์มะเร็งหลายชนิด เช่น
sarcomas,adenocarcinomaและ melanoma
มีการเตรียมอนุพันธ์และใช้เป็นยารักษามะเร็งตับคือ etoposide
บอระเพ็ด (Tinosporacordifolia)
สารสาคัญจากบอระเพ็ดกระตุ้นภูมิคุ้มกันโดยการเพิ่มระดับเม็ดเลือดขาว
และสามารถลดขนาดเนื้องอกได้ 58.8% เทียบเท่า
cyclophosphamide
- 22. รักขน (Semecarpusanacardium)
ผลของรักขนมีการใช้ในอายุรเวทเพื่อรักษามะเร็ง
มีงานวิจัยแสดงว่าสารสกัดคลอโรฟอร์มมีฤทธิ์ต้านมะเร็งและยืดอายุในก
รณี leukemia, melanoma และ
gliomaในสัตว์ทดลองที่ถูกเหนี่ยวนาให้เป็นมะเร็งตับสารสกัดจากรักขน
ทาให้เนื้อเยื่อตับเป็นปกติ ยาเตรียม anacartin forte
นิยมใช้รักษามะเร็งหลอดอาหาร chronic myeloid leukemia, urinary
bladder และมะเร็งตับ
ยังมีสมุนไพรอีกมากที่มีฤทธิ์ในการยับยั้งเซลล์มะเร็งโดยตรงหรือ
ช่วยระงับอาการข้างเคียงต่างๆ
ของผู้ป่วยมะเร็งซึ่งรอผลการสนับสนุนจากงานวิจัยทางวิทยาศาสตร์
สมุนไพรกับการรักษาโรค
โรคเบาหวาน
ช้าพลู
ช้าพลูต้มสามารถช่วยลดน้าตาลได้ดีมีฤทธิ์แอนตี้อ๊อกซิแด็นท์สูงมากโด
ยนาช้าพลูทั้งห้า (ทั้งต้นจนถึงราก) 1 กาต้มกับน้า 3 ขันเคี้ยวให้เหลือ 1
ขันรับประทานครั้งละครึ่งแก้วกาแฟก่อนอาหาร 3 มื้อ
มะระขี้นก
กระตุ้นการหลั่งอินซูลินยับยั้งการสังเคราะห์กลูโคสและเพิ่มการใช้กลูโค
สของตับโดยนาผลมะระขี้นกสด 8-10
ผลเอาเมล็ดในออกใส่น้าเล็กน้อยปั่นคั้นเอาแต่น้าดื่มหรือรับประทานทั้ง
กาก
รับประทานวันละ3เวลา
เตยหอม
- 23. มีฤทธิ์ลดน้าตาลในเลือดลดความดันโลหิตลดอัตราการเต้นหัวใจขับปัส
สาวะโดยนารากเตยหอมประมาณ 1 ขีดสับเป็นท่อนเล็กๆต้มกับน้า 1
ลิตรจากนั้นเคี่ยวต่อประมาณ 15-20 นาที
ดื่มครั้งละครึ่งแก้ววันละ 3 มื้อ
กะเพรา
กะเพราเป็นยารักษาเบาหวานโดยใช้ผงใบกะเพราทาชาประมาณ 1
ช้อนชาน้าร้อน 1 ถ้วยดื่มวันละ 3 ครั้ง
ตาลึง
ตาลึงแสดงผลการลดน้าตาลสามารถใช้ได้ทั้งส่วนที่เป็นใบรากผลโดยก
ารนายอดตาลึง 1
กามือหรือขนาดที่กินพออิ่มห่อด้วยใบตองเผาไฟจนสุกแล้วกินให้หมดห
รือกินจนอิ่มกินก่อน
นอนติดต่อกันสามเดือน
ว่านหางจระเข้
ช่วยลดน้าตาลในเลือดกระตุ้นการเผาผลาญของร่างกายรับประทานเนื้อ
ว่านหางจระเข้สดวันละ 15 กรัมทุกวันติดต่อกันอย่างน้อย 4 สัปดาห์
อบเชยจีน
ช่วยในการลดระดับน้าตาลในเลือดมีสาร MHCP
ที่ทาให้เซลล์ไขมันตอบสนองการทางานของอินซูลินได้มากขึ้นช่วยลด
ระดับน้าตาลในเลือดด้วยโดยรับประทานผงอบเชยจีนประมาณ 1
ช้อนชาต่อวัน
อินทนิลน้า
- 24. มีฤทธิ์ลดระดับน้าตาลในเลือดโดยมีสารชื่อ Corosolic acid
จัดเป็นอินซูลินจากธรรมชาติไม่พบผลข้างเคียงโดยใบอินทนิลน้าแก่
100 กรัมน้าสะอาด 1 ลิตรต้มให้เดือดจากนั้นเคี่ยวไฟอ่อน
ดื่มครั้งละ 1 ถ้วยชาเช้ากลางวันเย็นประมาณ 3 สัปดาห์
หว้า
มีฤทธิ์ยับยั้งการทาลายอินซูลินช่วยเพิ่มปริมาณอินซูลินกระตุ้นการหลั่ง
อินซูลินลดระดับน้าตาลในเลือดยับยั้งเบาหวานนาเมล็ดลูกหว้ามาโขลก
ใส่หม้อต้มให้เดือดเคี่ยวไฟอ่อนๆสัก 15 นาทีรับประทานครั้งละ 1
ถ้วยชาวันละ 3 มื้อ
โรคความดันโลหิตสูง
ใบทองพันชั่งนาใบที่ไม่อ่อนหรือแก่เกินไปนามาตากแดดให้แห้งป
ระมาณ 20 ใบผสมกับชาจีน 1
หยิบมือหลังจากนั้นใช้ชงในน้าร้อนปล่อยทิ้งไว้ประมาณ 15 นาที
แล้วนามารับประทานวันละ3 ครั้งก่อนอาหารเช้ากลางวันและเย็น 5-7
วันติดต่อกัน
กระเทียมให้ซอยกระเทียมสดประมาณครึ่งช้อนชากินพร้อมอาหา
รวันละ2-3
ครั้งหรืออาจจะเคี้ยวกระเทียมกินสดๆก็ได้แต่ห้ามกินตอนท้องว่างเพราะ
ฤทธิ์ร้อนของกระเทียมจะทาให้แสบกระเพาะได้
ขึ้นฉ่ายวิธีการนาขึ้นฉ่ายมารักษานั้นให้เลือกต้นสดๆมาตาคั้นเอา
แต่น้าดื่มหรือใช้ต้นสด 12 กามือตาให้ละเอียดต้มกับน้าแล้วกรองเอากากออกใช้รับประทานครั้ง
ละ 1-2 ช้อนโต๊ะก่อนอาหารหรือกินเป็นผักสดผสมในอาหารก็ได้
กาฝากมะม่วงใช้กาฝากของต้นมะม่วงนามาตากแห้งต้มน้าดื่มหรือ
ตากแห้งคั่วแล้วชงดื่ม
วิธีการทาเอาน้าใส่หม้อต้มใส่กาฝากมะม่วงที่ตากแห้งแล้วลงไปต้มให้เดื
- 26. ผงใส่ขวดเก็บไว้ใช้ผง 1-2 ช้อนโต๊ะชงน้าร้อนดื่มหรือผสมกับน้าผึ้ง 1
ช้อนโต๊ะผสมให้เข้ากันกินก่อนอาหารและก่อนนอน
ขมิ้นชัน ใช้เหง้าแก่สดล้างให้สะอาดหั่นเป็นชิ้นบางๆตากแดดจัด
1-2 วันบดให้ละเอียดผสมกับน้าผึ้งปั้นเป็นลูกกลอนหินครั้งละ 3-5
เม็ดวันละ 4 ครั้งหลังอาหารและก่อนนอน
ว่านหางจระเข้ ใช้ใบสดที่เพิ่งตัดออกจากต้นนามาล้างให้สะอาดป
อกเปลือกส่วนที่มีสีเขียวออกให้หมดเหลือแต่วุ้นใสหากมียางสีเหลืองติด
ทีวุ้นให้ล้างออกก่อนหั่นวุ้นเป็นชิ้นเล็ก ๆ ขนาดประมาณ 3
่
นิ้วล้างให้สะอาดอีกครั้งกินวันละ 2 เวลาก่อนอาหารเช้าเย็น
กระเจี๊ยบเขียว ใช้ผักลวกกินน้าพริกทุกวันเมือกลื่นๆในผลกระเจี๊ย
บเขียวช่วยเคลือบแผลในกระเพาะอาหารได้
หัวปลี นาปลีกล้วยน้าว้ามาเผาแล้วบีบเอาแต่น้าได้ประมาณครึ่งแก้
วดื่มก่อนอาหารรสชาติฝาดเฝื่อนกินยากมากแต่มีตนกินติดกันประ
มาณ 3 วันอาการปวดกระเพาะที่อักเสบเรื้อรังมานานหายสนิท
อาการต่างๆ
คัดจมูก
สาเหตุสาคัญของอาการคัดจมูกมักเกิดจากการติดเชื้อไวรัสและยังอา
จเกิดจากภาวะภูมิแพ้หรือการใช้สเปรย์
พ่นจมูกบ่อยเกินไปซึ่งจะทาให้เยื่อบุผิวจมูกบวมและมีสิ่งคัดหลั่งไหลออ
กมาซึ่งถือเป็นสิ่งที่มีประโยชน์ต่อกระบวนการช่วยเหลือตนเองของร่างก
ายแต่มีข้อควรสังเกตก็คืออาการคัดจมูกที่เกิดจากการติดเชื้อมักมีอาการ
อื่นร่วมด้วยเช่นไข้ไอและเจ็บคอแต่ถ้าเกิดจากภาวะภูมิแพ้จะมีน้ามูกใสมี
อาการจามคันตาและมีน้าตาไหลร่วมด้วย
พริกใช้ต้นพริก (ยกเว้นเม็ดพริก)
ล้างน้าให้สะอาดสับเป็นท่อนสั้นๆและตากแดดจนแห้งประมาณ 15
- 27. กรัมต้มกับน้าเปล่า 1 ลิตรจนเดือดรินเฉพาะน้าดื่มก่อนอาหารครั้งละ 1
แก้วเช้า-เย็นจะช่วยให้คุณหายใจสะดวกขึ้นทันที
ฟ้าทะลายโจรนาใบแก่และกิ่งสดล้างน้าให้สะอาดสับเป็นท่อนสั้นๆปร
ะมาณ 300 –500
กรัมตากแดดให้แห้งนามาบดเป็นผงผสมกับน้าผึ้งเล็กน้อยปั้นเป็นเม็ดลูก
กลอนขนาดปลายก้อยหรือใส่แคปซูลเพื่อความสะดวกในการกินใช้รับป
ระทานก่อนอาหารครั้งละ 3 เม็ดเช้า เย็นช่วยบรรเทาอาการหวัดคัดจมูกและแก้เจ็บคอได้
หญ้าใต้ใบไม้ต้นเล็กๆมีรสขมเย็นใช้ต้นสดประมาณ 3
ต้นล้างน้าให้สะอาดหั่นเป็นท่อนสั้นๆต้มกับน้า 1
ลิตรรอจนเดือดกรองด้วยผ้าขาวบางเอาแต่น้าดื่มก่อนอาหารครั้งละ 1
แก้วเช้า-เย็นแก้หวัดคัดจมูกและทาให้น้ามูกแห้ง
กระเทียมควรปรุงอาหารด้วยกระเทียมจะช่วยลดอาการคัดจมูกหรือกิ
นกระเทียมสดๆครั้งละ 7 กลีบพร้อมมื้ออาหารทุกวัน
หอมเล็กนาหอมเล็ก 1
หัวปอกเปลือกกินพร้อมอาหารเป็นประจาทุกวันจะช่วยป้องกันหวัดและบ
รรเทาอาการคัดจมูกได้หรือถ้ายังไม่หายใช้หอมเล็ก 4-5
หัวทุบพอแตกต้มกับน้า 1
ลิตรรอเดือดยกลงเทน้าใส่ชามใบใหญ่จึงก้มหน้าลงให้ห่างชามพอประม
าณใช้ผ้าขนหนูคลุมศีรษะและชามไว้สูดไอระเหยเข้าทางจมูกประมาณ
5-10
นาทีจะรู้สึกโล่งจมูกนอกจากนี้ยังใช้หอมเล็กต้มน้าอาบแก้คัดจมูกได้เช่น
กันโดยนาหอมเล็ก 3 หัวทุบพอแตกใบมะขาม 1
กามือและเปลือกส้มโอประมาณครึ่งลูกต้มกับน้า 3
ลิตรพอน้าเดือดยกลงรอจนอุ่นจึงอาบแทนน้าเปล่าด้วยสรรพคุณทางยา
ของสมุนไพรเหล่านี้จึงช่วยบรรเทาหวัดและลดน้ามูก
- 28. ขิงนาขิงแก่ 1 แง่งหั่นเป็นแว่นบางๆต้มกับน้า 1 ลิตรประมาณ 5
นาทีเสร็จแล้วตักขิงออกดื่มขณะยังอุ่นๆครั้งละ 1
แก้วช่วงเช้ากลางและเย็นจะช่วยลดน้ามูกได้
ตะไคร้ใช้ตะไคร้ 3-4 ต้นบุบให้แตกต้มกับน้า 1
ลิตรจนเดือดยกลงรินเฉพาะน้าจิบบ่อยๆตลอดวันช่วยแก้อาการน้ามูกไห
ลจากหวัดได้เช่นกัน
ข่าวเกียวกับสมุนไพร
่
“ขิง” สมุนไพรไทยชั้นดี ช่วยต้านหนาว
พอดีมีโอกาสได้ไปรับลมหนาวที่เชียงใหม่ค่ะ ก็ไปเที่ยวเขา
เที่ยวดอย ตามภาษาคนที่อยากไปรับรู้ความหนาวเย็นจัดๆ เป็นยังไงบ้าง
ซึ่งก็ต้องบอกว่าหนาวมาก หนาวเย็นกว่าปกติซะด้วย
และก็สังเกตอย่างนึงว่าชาวบ้านท้องถิ่น หรือชาวเขา ที่อยู่ตามดอย
จะนิยมเปิดร้านขายมันปิ้ง ไข่ปิ้ง หรือน้าสมุนไพรร้อนๆ
ที่ใส่หม้อดินและตั้งเตาถ่านไว้ ขายกันสดๆร้อนๆ หลากหลายชนิด
เช่นน้าขิงผสมน้าผึ้ง นมร้อนผสมน้าผึ้ง น้าเก็กฮวย อะไรประมาณนั้น
ซึ่งเค้าก็จะขายอยู่ตลอดข้างทางที่เดินผ่านไปอ่ะซึ่งก็แอบไปดื่มมา
ซึ่งก็อร่อยมากและได้บรรยากาศสุดๆ และที่สังเกตอีกอย่างนึงคือ
ในทุกร้านจะต้องมีน้าขิงขายทุกร้าน..
- 29. ภาพที่ 16 ร้านค้าที่ขายน้าขิง
ซึ่งสิ่งที่เราจะเล่าวันนี้นั้น ก็คือ ใน“ขิง”นั้นก็มีสรรพคุณอย่างหนึ่ง
คือ ช่วยบรรเทาความหนาวเย็นได้ค่ะ
ซึ่งนั่นก็อาจจะเป็นเหตุผลหนึ่งของชาวท้องถิ่น
หรือนักท่องเที่ยวเค้านิยมดื่มกัน
ซึ่งก็อาจจะมาจากสภาพอากาศบนดอยที่หนาวเย็นเกือบตลอดทั้งปีด้วยแ
ละนอกจากนี้
เรายังมีสาระน่ารู้เกี่ยวกับสรรพคุณของ“ขิง”จากโรงพยาบาลลาปาง
มาฝากเพื่อนๆ กันอีกด้วยค่ะ
“ขิง” ปรับสมดุลธาตุหน้าหนาว
ภกญ. ดร.สุภาภรณ์ปิติพรหัวหน้ากลุ่มงานเภสัชกรรม
โรงพยาบาลอภัยภูเบศร
ได้กล่าวว่าหน้าหนาวเป็นช่วงของวาตะธาตุหรือธาตุลมส่งผลกระทบต่อ
ธาตุทั้ง 4 คือ ดิน น้า ลมและไฟใครที่มีธาตุ 4
สมดุลก็จะมีภูมิต้านทานกับการเปลี่ยนแปลงแห่งฤดูกาลมากกว่าคนอื่น
สาหรับคนที่มีวาตะธาตุเป็นเจ้าเรือน คือที่ผอมแห้งแรงน้อยคนชรา
- 31. ภาพที่ 18 น้าขิง
ปัจจุบันขิงเป็นสมุนไพรที่บรรจุเป็นยาหลักแห่งชาติและองค์การอ
นามัยโลกรับรองขิงรักษาหวัด แต่มีข้อจากัดในคนท้อง
ยกเว้นต้องซื้อจากบริษัทที่ควบคุมคุณภาพที่ดีพอ
ขิงเป็นสมุนไพรที่ใช้ในหลายประเทศทั่วโลกเช่นแพทย์จีนโบราณจัดขิง
เป็นพืชรสเผ็ดอุ่นมีฤทธิ์แก้หวัดเย็นขับเหงื่อบารุงกระเพาะแก้คลื่นไส้อาเ
จียนลดโคเลสเตอรอลที่สะสมในตับและหลอดเลือดอินเดียใช้ขิงลดการอั
กเสบแก้ปวด
ลดการบวมน้าใช้เป็นยากระตุ้นอาหารเป็นยาช่วยย่อยช่วยขับลมในลาไ
ส้ระงับการคลื่นไส้อาเจียนกระตุ้นกาหนัดตารายาทางอายุรเวทใช้ขิงลด
อาการบวม
และลดการอักเสบของตับคนยุโรปโดยทั่วไปจะใช้ชาขิงช่วยย่อยช่วยรัก
ษาท้องอืดจาการดื่มเหล้าช่วยขับลมใช้รักษาโรคเก๊าท์
และกระตุ้นการไหลเวียนเลือด
สาหรับคนไทย
จะรู้จักขิงเป็นอย่างดีสามารถนามาเป็นเครื่องเทศปรุงเป็นอาหารได้สาร
พัดช่วยปรุงแต่งให้อาหารมีรสที่ชวนกินดับกลิ่นคาวอยู่ในตาหรับยารัก
- 33. ภาพที่ 19 สภาพผิวหน้า
หน้าหนาวเมืองไทยตอนกลางวันมีแดดจัด เหงื่อออกมามาก
ทาให้หลายคนที่หน้าแห้งแล้วก็ยังบอกว่าผิวมัน
จึงขยันล้างหน้ากันบ่อยๆ
เพื่อกาจัดความเหนียวเหนอะหนะหรือความมันบนใบหน้ายิ่งทาให้ผิวแห้
งและลอกง่าย
ผิวแห้งเราก็จาเป็นต้องเลือกครีมบารุงผิวชนิดที่มีคุณสมบัติเคลือบผิว
ลดการระเหยของน้าในผิว
ช่วงหน้าหนาวบางครั้งครีมราคาแพงๆก็เอาไม่อยู่หรือเกิดอาการแ
พ้
วันนี้รามีวิธีมีสูตรธรรมชาติเป็นสมุนไพรบารุงผิวแห้งมฝากเรียกว่าสูตร
นี้ว่า "สามทหารเสือ" ซึ่งส่วนผสมเป็น กลุ่มสมุนไพรเย็น ได้แก่
ใบเตยหอม น้าผึ้ง ใบบัวบก
มีสรรพคุณบารุงผิวสร้างความชุ่มชื้นและผ่อนคลายซึ่งต่างจากกลุ่มน้ามั
นทาผิวมีสรรพคุณป้องกันลดการแตกแห้งของผิวแต่ไม่บารุง
ก่อนที่จะเริ่มลงมือทาเราไปดูกันว่าสมุนไพรแต่ละอย่างงมีสรรพคุณช่วยเ
รื่องอะไรบ้าง
ใบเตยหอมช่วยสร้างความชุ่มชื้นและกลิ่นช่วยให้เกิดการผ่อนคลาย
น้าผึงมีเกสรดอกไม้ต่างๆ ช่วยสมานผิว บารุงผิว
้
มีขี้ผึ้งช่วยเคลือบผิวชั้นนอกให้ความชุ่มชื้น แต่ไม่ทาให้ผิวมัน
ใบบัวบกบัวบกดีต่อผิวโดยมีสารสร้างเสริมเซลล์ผิวให้แข็งแรง
ช่วยสร้างส่วนที่สึกหรอได้เร็วขึ้น ต้านการอักเสบของผิวหนัง สมานแผล
ลดรอยดาจากสิว และลดการแพ้ของผิวหนังต่อสารต่างๆ
วิธีการทา: นาใบเตยหอม คั้นเฉพาะน้า 2 ช้อนโต๊ะ ใบบัวบก
คั้นเฉพาะน้า 1 ช้อนโต๊ะ น้าผึ้ง 2 ช้อนโต๊ะ ผสมให้เข้ากัน
- 34. วิธใช้: ทาความสะอาดผิวหน้าด้วยน้าอุ่น เพื่อเปิดรูขุมขน
ี
และสิ่งสกปรกออกจากผิว
จากนั้นนาสมุนไพรพอกหน้าสูตรผิวแห้งพอกให้ทั่วหน้า เว้นรอบดวงตา
ริมฝีปาก ทิ้งไว้ 10-15 นาทีแล้วเช็ดออก
สาหรับใครทีมเวลาอยากแนะนาอีกสูตรช่วยลดผิวแห้งในช่วงหน้าหนา
่ ี
วได้ดี
เป็นลูกประคบหน้า มีส่วนผสมขมิ้นชัน บัวบก ตะไคร้บ้าน
ขิงสดนามาหั่นละเอียดแล้วผสมด้วยงาดาคั่ว จมูกข้าวและเหลือเล็กน้อย
เกลือจะช่วยดึงตัวยาเข้าสู่ผิวทาให้รับตัวยาได้ดี
จากนั้นห่อผ้าดิบเป็นลูกขนาดเล็ก นาไปนึ่ง 15-20 นาที
ก่อนนามาใช้ประคบที่บริเวณหน้า ทั้งนี้
ต้องทดสอบความร้อนที่บริเวณท้องแขนก่อนใช้ที่บริเวณใบหน้า
ลูกประคบสูตรนี้จะช่วยบารุงผิวหน้า สมานผิว ลดรอยดาผิว
และช่วยลดผิวแห้งในช่วงหน้าหนาวได้ดี
- 36. ครีมปรับสภาพผิว เพื่อผิวหน้าเนียนใส
ที่ผสานทั้งเบสที่เนื้อบางบางกว่าครีมรองพื้น แต่ช่วยปกปิดได้ดี
และมีส่วนผสมของสมุนไพร "ว่านหอม" ไว้ด้วยกัน
ซึ่งมีคุณสมบัติช่วยดูดซับรังสียูวี ปกป้องผิวจากแสงแดด
บารุงให้ผิวพรรณเปล่งปลั่งสดใส พร้อมทั้งปรับสภาพผิวให้เป็นปกติ
ลดรอยแดงและสามารถเข้าได้กับทุกสีผิว พร้อมด้วยคุณค่าจากสารสกั
ดว่านหางจระเข้ น้ามันราข้าวและวิตามินอี ที่บารุงผิว ให้ความชุ่มชื้น
เนื้อครีมเกลี่ยง่าย ซึมซาบเร็ว ไม่เหนียวเหนอะหนะ
ส่วนประกอบ:
สารสกัดว่านหอม (Galanga Extract)
สารสกัดว่านหางจระเข้ (Aloe Vera Extract)
น้ามันราข้าว (Rice Bran Oil)
สรรพคุณ: สาหรับปรับสภาพผิว ให้ดูเรียบเนียน เปล่งปลั่ง
และช่วยป้องกันแสงแดด เนื้อครีมเกลี่ยง่ายไม่เหนียวเหนอะหนะ
วิธีใช้: แต้มบางๆบนผิวหน้า หลังขั้นตอนการบารุงผิวหน้าในตอนเช้า
ใช้นิ้วนางเกลี่ยเบาๆ จนเนืือครีมเรียบเนียนกลืนกับผิวหน้า
ข้อควรระวัง:
1. การใช้ผลิตภัณฑ์เครื่องสาอางที่มีส่วนผสมสารป้องกันแสงแดด
เป็นเพียงวิธีหนึ่งที่ช่วยลดความเสี่ยงจากอันตรายจากแสงแดด
2. อ่านวิธีใช้ให้ละเอียดและปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด
3. หากใช้แล้วมีความผิดปกติใดๆเกิดขึ้น
ต้องหยุดใช้และรีบปรึกษาแพทย์
4. เก็บให้พ้นแสงแดด
เจลสมุนไพรบารุงผิวรอบดวงตา
- 37. ภาพที่ 21 เจลสมุนไพรบารุงผิวรอบดวงตา
ผลิตภัณฑ์ที่ใช้บารุงผิวรอบดวงตาที่มีส่วนผสมของสารสกัดสมุนไ
พรมากกว่า 10 ชนิด เพื่อลดเลือนริ้วรอย และรอยคล้ารอบดวงตา
เหมาะกับทุกสภาพผิว
ส่วนประกอบ: ว่านหางจระเข้ บัวบก แตงกวา มะขามป้อม
และสารจากธรรมชาติอื่นๆ เช่น สารสกัดจากดอกคาโมมายล์
สารสกัดจากดอกดาวเรือง สารสกัดจากรากโสม วิตามินอี ไฮยาลูโรเนต
สรรพคุณ: ช่วยลบเลือนริ้วรอย และรอยคล้าใต้ตา
วิธีใช้: กดเจล 1 ครั้งลงบนนิ้วนาง แต้มที่ตาทั้งสองข้าง
แล้วใช้นิ้วนางเกลี่ยเจลให้รอบดวงตา เป็นประจาเช้าและก่อนนอน
อายุผลิตภัณฑ์: 2 ปี (นับจากวันผลิต)
การเก็บรักษา: เก็บที่อุณหภูมิห้องห่างจากแสงแดดและความร้อน
- 39. สรรพคุณ: ทาความสะอาดผิวได้อย่างหมดจด
ด้วยส่วนผสมของสารสกัดจาก แตงกวาจึงช่วยคืนความชุ่มชื้นสู่ผิวหน้า
เหมาะกับทุกสภาพผิว
วิธีใช้: บีบเจลลงบนฝ่ามือ ผสมน้าเล็กน้อย
ลูบไล้ทั่วใบหน้าแล้วล้างออกด้วยน้าสะอาด วันละ 2 ครั้ง เช้า-เย็น
อายุผลิตภัณฑ์: 2 ปี (นับจากวันผลิต)
การเก็บรักษา: เก็บที่อุณหภูมิห้อง ห่างจากแสงแดดและความร้อน
สบูลกยอ
่ ู
ภาพที่ 23 สบู่ลูกยอ
ใช้ทาความสะอาดผิว และกระตุ้นการผลัดเซลล์ผิว
เผยเซลล์ผิวชั้นในที่กระจ่างใสและเนียนกว่า เหมาะกับทุกสภาพผิว
ส่วนประกอบ: ผงลูกยอบดละเอียด
สรรพคุณ: อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระจากธรรมชาติ
บารุงผิวพรรณ
วิธีใช้: ใช้มือที่เปียกน้าถูสบู่ให้เกิดฟอง แล้วนาฟองนุ่มที่
ได้มาถูตัวให้ทั่วจนสะอาด ล้างตามด้วยน้าสะอาด เพื่อประสิทธิภาพที่ดี
ควรใช้อาบน้าวันละ 2 ครั้ง เช้าและเย็น
- 40. อายุผลิตภัณฑ์: 3 ปี (นับจากวันผลิต)
รูปแบบ/ขนาดที่บรรจุ: สบู่ก้อน บรรจุในกล่องกระดาษ ขนาด 100 กรัม
การเก็บรักษา: เก็บในที่แห้ง ห่างจากความชื้น แสงแดดและความร้อน
ครีมอาบน้าตะไคร้ต้น
ภาพที่ 24 ครีมอาบน้าตะไคร้ต้น
ผลิตภัณฑ์ทาความสะอาดผิวกายที่มีส่วนผสมของน้ามันหอมระเห
ยแท้จากธรรมชาติของตะไคร้ต้น หรือ Litsea cubeba L.
ให้กลิ่นหอมสดชื่นผ่อนคลาย และฟื้นฟูสภาพผิว
คืนพลังความสดใสให้กับคุณทุกครั้งหลังอาบน้า
ส่วนประกอบ: ส่วนผสมของน้ามันหอมระเหยตะไคร้ต้น
สรรพคุณ: ครีมอาบน้าอโรมาเทอราปีที่ช่วยปลุกพลังความสดชื่น
ผ่อนคลายพร้อมช่วยกระชับรูขุมขน ลดเหงื่อ ลดกลิ่นตัว
ให้กลิ่นหอมติดผิว
วิธีใช้: ลูบไล้ทั่วผิวกายแล้วล้างออก
อายุผลิตภัณฑ์: 2 ปี (นับจากวันผลิต)
- 41. รูปร่าง/ขนาดบรรจุ: ขวดพลาสติกขนาด 250 มิลลิลิตร
การเก็บรักษา: เก็บที่อุณหภูมิห้อง ห่างจากแสงแดดและความร้อน
ครีมล้างหน้าสมุนไพรมะขาม
ภาพที่ 25 ครีมล้างหน้าสมุนไพรมะขาม
คนไทยโบราณ ทาผิวด้วยขมิ้น ขัดผิวด้วยมะขามเปียก
ในมะขามเปียก มีกรดผลไม้ (AHA)
เพิ่มความชุ่มชื้นและความยืดหยุ่นของผิว
ด้วยคุณค่าของมะขามร่วมกับขมิ้น นมและน้าผึ้ง
จึงเป็นผลิตภัณฑ์พอกและล้างหน้า
หรือจุดแห้งกร้านให้ผิวพรรณเปล่งปลั่ง งดงามนุ่มนวลน่าสัมผัส
ส่วนประกอบ: เนื้อมะขามเปียก นมสด น้าผึ้ง และขมิ้นชัน
สรรพคุณ: ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยกระตุ้นการผลัดเซลล์ผิว (Exfoliating
products) จากคุณค่าของ AHA จากธรรมชาติ 100%
ช่วยขจัดเซลล์ผิวหยาบกร้าน เผยผิวที่กระจ่างใส
- 43. ภาพที่ 26 ชาอู่หลง
ช่วยทาให้ฟันแข็งแรง ป้องกันฟันผุและเหงือกอักเสบ
นอกจากนี้ยังสามารถป้องกันสนิม และทาให้ดวงตาสดชื่น
การเก็บรักษา
สามารถเก็บรักษาไว้ที่อุณหภูมิห้อง
หลีกเลี่ยงการให้ใบชาสัมผัสกับอากาศ ดังนั้นควร
เก็บในภาชนะที่ปิดสนิท ทึบแสง และสะอาดมากๆ
อีกยังไม่ควรวางไว้ใกล้สถานที่ที่มีกลิ่นรุนแรง หรือมีกลิ่นแปลกปลอม
ข้อแนะนา
หากนาใบชามาถูกับกระทะ จะสามารถป้องกันสนิมได้
เพราะสารแทนนิน จะจับตัวกับ
เหล็กและสร้างสารเคลือบบางๆซึ่งป้องกันสนิม
ถ้านาถุงชาที่เปียกและเย็นประคบดวงตา สามารถทาให้สดชื่นได้
น้ากระเจี๊ยบ
- 44. ภาพที่ 27 น้ากระเจี๊ยบ
ช่วยเป็นยาระบาย ละลายไขมัน แก้ไขหลอดเลือดตีบตัน
และทาให้หลอดเลือดแข็งแรง
อ่อนนิ่มยืดหยุ่นได้
การเก็บรักษา
ขวดเก็บใส่ขวดแล้วปิดฝาให้แน่นสนิท และควรเก็บใส่ไว้ในตู้เย็น
หากทาการต้มแล้ว
ควรดื่มให้หมดทันทีที่เปิด
ข้อแนะนา
- อาจจะทาให้เกิดอาการท้องเสียกับบางคน
เพราะกระเจี๊ยบมีฤทธิ์เป็นยาระบาย
- น้ากระเจี๊ยบมีฤทธิ์ขับปัสสาวะ แม้ว่าจะมีความเป็นพิษมาก
แต่ไม่ควรดื่มในปริมาณ
เข้มข้นและติดต่อกันนานๆ เพราะอาจจะไม่เกิดผลดีต่อสุขภาพ
น้าดอกอัญชัน
- 45. ภาพที่ 28 น้าดอกอัญชัน
มีสารแอนโธไซยานินช่วยเพิ่มการไหลเวียนของหลอดเลือดเส้นเล็
กๆที่ไปเลี้ยง ไต สมอง และดวงตา ลดโอกาสการแพ้ที่เกิดจากสารเคมี
การเก็บรักษา
สามารถเก็บรักษาไว้ที่อุณหภูมิห้อง
หลีกเลี่ยงการให้เครื่องดื่มสัมผัสแสงและความร้อน
ในกรณีที่ต้องการเพิ่มรสชาติอาจเก็บไว้ในตู้เย็น และเมื่อเปิดดื่มแล้ว
ต้องเก็บไว้ในตู้เย็นและดื่มให้หมดภายใน 1 วัน
ข้อแนะนา
- ควรดื่มทันทีที่ปรุงเสร็จ เพื่อให้ได้คุณค่าทางอาหารและยา
- การดื่มน้าสมุนไพรชนิดเดียวกันติดต่อกันเป็นระยะนานๆอาจ
ทาให้เกิดการสะสมของ
สารบางชนิดที่มีฤทธิ์ต่อร่างกาย
- การดื่มน้าสมุนไพร ที่มีอุณหภูมิ 60 องศาเซลเซียสขึ้นไป
จะทาให้เยื้อบุผิว
เสียสภาพภูมิคุ้มกันเฉพาะที่ อาจทาให้มีการดูดซึมสารก่อมะเร็งได้ง่าย
น้าลูกยอ
- 46. ภาพที่ 29 น้าลูกยอ
ช่วยให้เจริญอาหาร ขับลม แก้ปวดเมื่อย
ช่วยระบบย่อยอาหารและขับถ่าย
การเก็บรักษา
สามารถเก็บรักษาไว้ที่อุณหภูมิห้อง
หลีกเลี่ยงการให้เครื่องดื่มสัมผัสแสงและความร้อน
ในกรณีที่ต้องการเพิ่มรสชาติอาจเก็บไว้ในตู้เย็น และเมื่อเปิดดื่มแล้ว
ต้องเก็บไว้ในตู้เย็น
และดื่มให้หมดภายใน 1 วัน
ข้อแนะนา
- เด็กและสตรีมีครรภ์ไม่ควรดื่ม
- ควรดื่มในปริมาณที่กาหนดจะเป็นประโยชน์มาก
ชาชงดอกคาฝอย
- 47. ภาพที่ 30 ชาชงดอกคาฝอย
บารุงร่างกาย ลดโคเลสเตอรอลในเลือดได้
การเก็บรักษา: การเก็บในที่แห้งอุณหภูมิห้องไม่เกิน 25 องศาเซลเซียส
ห่างจากแสงแดดและความร้อน
ข้ อ ควรระวั ง :
- ห้ า มใช้ ใ นสตรี มี ค รรภ์
เนื่ อ งจากมี ฤ ทธิ์ ก ระตุ้ น การบี บ ตั ว ของมดลู ก ในสั ต ว์ ท ดล
อง
- ห้ า มใช้ ใ น Hemorrhagic disease
มี เ ลื อ ดออกหรื อ เป็ น แผลในกระเพาะอาหาร
และมี ป ระจาเดื อ นมากผิ ด ปกติ
- ควรระมั ด ระวั ง เมื่ อ ใช้ ร่ ว มกั บ ยากลุ่ ม ต้ า นการแข็ ง ตั ว ของ
เลื อ ด
ยาดมสมุนไพร