มม
- 1. บทที่ 8
ทักษะพื้นฐานในการปฐมพยาบาล
ทั ก ษะพื้ น ฐานในการปฐมพยาบาลเป น สิ่ ง สํา คั ญที่ ค วรศึ ก ษาและฝ ก ซอ มใหเ กิ ด ความ
ชํานาญ เชน การพันผา การเขาเผือกชั่วคราว และการเคลื่อนยายผูปวย โดยเฉพาะการไดรับ
บาดเจ็บจากอุบัติเหตุตาง ๆ ที่สงผลกระทบตอกระดูก ขอตอ ซึ่งในสภาวะฉุกเฉินนั้นจําเปนอยางยิ่ง
ที่ตองใชวัสดุอุปกรณที่หาไดในพื้นที่มาใชในการปฐมพยาบาลผูปวย ดังนั้น ทักษะพื้นฐานในการ
ปฐมพยาบาลจึงเปน สิ่งสําคัญในการบรรเทาอาการบาดเจ็บของผูปว ยและลดอันตรายจากการ
เคลื่อนยายผูปวยกอนสงโรงพยาบาล
การพันผา
การพันผา(Bandaging) เปนสิ่งจําเปนมากสําหรับการปฐมพยาบาลเพราะชวยปองกันสิ่ง
สกปรกไมใหเขาสูบาดแผล ชวยหามเลือด และใชคลองแขนได การพันผาเปนเทคนิคที่งายตอการ
ปฏิบัติ สิ่งสําคัญในการพันผาคือตองพันใหแนนพอที่จะหามเลือดได หรือพันใหแนนพอที่จะ
ไมใหกระดูกเคลื่อนที่ในรายกระดูกหัก ดังนั้นผูปฐมพยาบาลจะตองฝกพันผาเสมอ ๆ จนกระทั่ง
สามารถพันไดอยางถูกตองและรวดเร็ว และควรเรียนรูพื้นฐานเกี่ยวกับเทคนิคการพันผาไวประมาณ
2–3 วิธี เพื่อจะไดดัดแปลงพันสวนตาง ๆ ของรางกายไดทกสวน ุ
1. ชนิดของผาพันแผลที่ใชในการปฐมพยาบาล
ชนิดของผาพันแผลที่ใชในการปฐมพยาบาล แบงออกได 2 ชนิด คือ
(วิภาพร วรหาญ, จงรัก อิฐรัตน และสุวรรณา บุญยะลีพรรณ (บก.). 2541 : 141)
1.1 ผาพันแผลชนิดเปนมวน
ผาพันแผลชนิดเปนมวน (Roller bandage) แบงเปนผากอซธรรมดา กับผามวนยืด
มวนเปนรูปทรงกระบอก มีขนาดตาง ๆ กัน ทั้งความกวางและความยาว เชน มีความกวางตั้งแต 1-
6 นิ้ว การเลือกใชขึ้นอยูกับอวัยวะที่บาดเจ็บ เชน ที่นิ้วมือควรเลือกขนาด 1 นิ้ว แตถามีบาดแผลที่
ศีรษะควรเลือกขนาด 6 นิ้ว เปนตน ผากอซธรรมดาสวนมากจะผานกรรมวิธีของการฆาเชื้อโรค
แลว ทําใหสะดวกแกการนํามาใชหามเลือดแทนผาที่ไมสะอาด สวนผาพันแผลชนิดมวนยืด เหมาะ
สําหรับพันขอตาง ๆ เชน ขอศอก ขอเขา ขอเทา เปนตน เพราะทําใหขอไดพกนิ่ง ๆ และไมหลุด
ั
งาย นอกจากนี้ยังเหมาะที่จะใชพนเฝอกอีกดวยในบางกรณี
ั
- 2. 268
1.2 ผาพันแผลชนิดเปนรูปสามเหลี่ยม
ผาพันแผลรูปสามเหลี่ยม (Triangular bandage) ใชประโยชนไดหลายอยาง เชน
ใชคลองแขน ใชมัดเฝอก เปนตน เปนผาอะไรก็ไดที่เปนรูปสามเหลี่ยม หรืออาจดัดแปลงจาก
ผาสี่เหลี่ยมจัตุรัสพับครึ่งก็ได แตตองเปนผาที่นุม ไมแข็งจนเกินไป ที่สําคัญตองสะอาด ควรมีฐาน
กวางประมาณ 60 นิ้ว ดานขางยาวประมาณ 30 นิ้ว
ในบางเวลาวัสดุดังกลาวอาจหาไมได ดังนั้นผูปฐมพยาบาลอาจตองดัดแปลง
วัสดุอื่นมาใชแทน เชน ผาเช็ดหนา ผาเช็ดตัว เสื้อผา หรือแมแตเข็มขัดผา แตจะตองเลือก
เฉพาะที่สะอาด ๆ เทานั้น ชนิดของผาพันแผลแสดง ดังภาพที่ 8.1
ยอด
30 นิ้ว 30 นิ้ว
ฐาน 60 นิ้ว
(ก) ผาพันแผลชนิดเปนมวน (ข) ผาพันแผลชนิดเปนรูปสามเหลี่ยม
ภาพที่ 8.1 ชนิดของผาพันแผล
ที่มา (วิรัตน ศรีนพคุณ และศรี ศรีนพคุณ. 2541 : 146)
2. จุดประสงคของการพันผา
จุดประสงคของการพันผาพันแผล มีดังตอไปนี้
2.1 เพื่อปองกันบาดแผลไมใหสกปรก เชน การพันทรวงอก
2.2 เพื่อชวยหามเลือด เชน การใชผาสามเหลี่ยมพับตามยาว พันหามเลือดบริเวณ
หนาผาก
2.3 เพื่อปองกันการเคลื่อนไหวของอวัยวะบางสวน เชน การใชผาคลองแขน
2.4 เพื่อยึดยาและผาปดแผลใหอยูกับที่ เชน การพันเกลียวเปด
2.5 เพื่อปองกันอวัยวะตาง ๆ ไมใหเสียรูปทรง เชน การใชผามวนยืดพันรูปเลขแปด
2.6 เพื่อบรรเทาอาการเจ็บปวดและลดอาการบวม เชน การใชผามวนยืด
2.7 เพื่อใหเกิดความอบอุนแกบริเวณบาดแผล เชน การพันเกลียวบิดกลับ
- 3. 269
3. ขอควรปฏิบัติเมื่อใชผาพันแผล
ผูปฐมพยาบาลมีขอควรปฏิบัติ ดังตอไปนี้ (พิชิต ภูตจนทร. 2535 : 88)
ิั
3.1 ใหผูปวยนั่งหรือนอนในทาที่สบายไมเกร็งกลามเนือบริเวณทีจะพันผา
้ ่
3.2 ยกบริเวณที่พนใหสูง ตองมีที่หนุนหรือหมอนรองรับ
ั
3.3 จัดสวนที่พันใหอยูในลักษณะที่เปนปกติ ตําแหนงที่พันควรสะอาด และแหง
3.4 กอนพันผา ถามีบาดแผลควรทําความสะอาด และใชผาหรือสําลีรองกอน
3.5 อยาปลอยใหผวหนังตอผิวหนังแนบติดกัน ควรมีผาคั่นกอน ปองกันผิวหนัง
ิ
แฉะ / เปอย
3.6 ถาตองการพันเพื่อกดบริเวณนั้น ตองยืดสวนนั้นใหตรงเสียกอน มิฉะนั้นจะทํา
ใหมีการบวมเกิดขึ้นที่สวนลางของผาพัน
3.7 เวลาพันบริเวณที่มีการอักเสบ อยาพันรัดแนนเกินไป
3.8 ผากอซนิยมใชกับอวัยวะทุกแหง ผามวนยืดเหมาะสําหรับขอเคล็ด แพลง
กลามเนื้อฉีก สวนผาสามเหลี่ยมเหมาะสําหรับทําที่คลองแขนและปองกันไมใหแผลสกปรก
การพันผารูปแบบตาง ๆ
กอนที่จะใชผาพันแผลผูปฐมพยาบาลจะตองเตรียมบริเวณที่จะพันผาเสียกอน เชน
มี บ าดแผลหรื อ มี ร อยฉี ก ขาด ควรทํ า ความสะอาดปาดแผลและป ด บาดแผลด ว ยผ า ที่ ส ะอาด
ปราศจากเชื้อโรค ขนาดของผาพันแผลที่นํามาใชจะตองเหมาะกับขนาดของบาดแผล โดยทั่ว ๆ
ไป จะใชขนาด 2–4 นิ้ว ถาบาดแผลใหญจะตองใชขนาดกวางกวานี้ สวนความยาวของผาพันแผล
จะขึ้นอยูกับความรุนแรงของบาดแผล เชน ถาไมมีการตกเลือดควรพันผาหนึ่งหรือสองทบแลว
ผูกยึดใหแนนก็เพียงพอ แตถามีการตกเลือดมากจําเปนตองพันผาหลาย ๆ ทบ ใหแนนพอควร
เพื่อดูดซับเลือดที่ออก และกดบาดแผลใหเสนเลือดแฟบ เมื่อพันผาเสร็จแลวควรใหบาดแผลอยู
ตรงกลาง และขอบของผาควรกวางกวาขอบบาดแผลอยางนอยหนึ่งนิ้ว
1. ผาพันแผลชนิดเปนมวน
1.1 การใชผามวน
การใชผามวน มีหลักในการพันดังนี้ (พิชิต ภูติจนทร. 2535 : 88-89)
ั
1.1.1 ตองยืนดานหนาของผูปวยเสมอ
1.1.2 มวนผาใหแนนเสียกอน ใชมือขวาหรือมือที่ถนัดจับมวนผาหงายขึ้น
จับชายผาดวยมือซายหรือมืออีกขางเพื่อสะดวกในการพัน โดยวางปลายผาบนบริเวณต่ํากวา
บาดแผลเล็กนอย แลวจึงเริ่มพัน
- 4. 270
1.1.3 พันจากสวนเล็กมาหาสวนใหญ พันจากดานในออกดานนอก หรือพันจาก
ดานลางขึ้นดานบน
1.1.4 อยาพันแนนเกินไป ใหกระชับแผลพอสมควร เพราะจะทําใหเลือด
ไหลเวียนไดไมสะดวก ขณะพันผา ควรถามผูปวยวาแนนเกินไปหรือไม ถาแนนเกินไปตองคลาย
ออก
1.1.5 การแกผาพันแผล ควรแกทีละรอบและมวนไปในตัว หากจําเปนอาจใช
กรรไกรตัดได
1.2 ขั้นตอนการพันผาพันแผลชนิดมวน
วิธีพันผาพันแผลชนิดมวน แบงเปน 3 ขั้น ไดแก (วิรัตน ศรีนพคุณ และ
ศรี ศรีนพคุณ. 2541 : 146-151)
1.2.1 ขั้นเริ่มตน เปนการยึดปลายผาเพื่อไมใหผาพันแผลลื่นหลุด โดยจับมุมผา
เฉียงขึ้นแลวพันเปนวงรอบหนึ่งรอบกอน รอบที่สองพับมุมผาลงแลวพันทับตอไป ดังภาพที่ 8.2
ภาพที่ 8.2 การพันแผลขั้นเริมตน
่
ที่มา (วิรัตน ศรีนพคุณ และศรี ศรีนพคุณ. 2541 : 147)
1.2.2 ขั้นพัน โดยทัว ๆ ไป นิยมพันเปนรูปเกลียว หรือบันไดเวียน รูปเลข
่
แปด และพันกลับไปกลับมา
1.2.3 ขั้นจบผาพัน การจบผาพันแผล จบหลังจากไดมการพันโดยวิธตาง ๆ
ี ี
เรียบรอยแลว ซึ่งจะตองมีการผูกหรือยึดชายผาพันแผล สามารถทําไดหลายวิธี เชน ใชแถบกาว
ปดทับชายผาพันแผล ใชเข็มซอนปลายกลัดยึด ใชผูกชายผาพันแผล วิธีงายที่สด คือผูกชายผา
ุ
พันแผล โดยฉีกชายผาพันแผลออกเปนสองแฉก แลวผูกหนึ่งเงื่อนกอนแลวจึงจับชายผาทั้งสองแฉก
ออมไปทางดานหลังแลววกกลับมาผูกดานหนาอีกครั้ง ดังภาพที่ 8.3
- 5. 271
ผูกปมสุดตําแหนงที่ตัด
พันสวน
ปลายที่ตัดไว
อีกรอบหนึ่ง
ภาพที่ 8.3 การจบผาพันโดยวิธีผูกชายผาพันแผล
ที่มา (เรืองศักดิ์ ศิริผล. 2541 : 206)
1.3 รูปแบบการพันผาชนิดมวน
1.3.1 การพันเปนรูปเกลียว (Spiral bandages) มี 4 ชนิด
1.3.1.1 การพันเปนรูปเกลียวสมบูรณ (Complete spiral) หรือ การพัน
เปนวงกลม (Circular turn) พันซอนเปนชั้น ๆ ไมขยายบริเวณ ดังภาพที่ 8.4 (ก)
1.3.1.2 การพันเปนรูปเกลียวปด (Close spiral) เริ่มขั้นเริ่มตนตอดวย
เกลียวสมบูรณ 2-3 รอบ หลังจากนัน พันซอนเปนชั้น ๆ แตละชั้นจะซอนกันเพียงครึ่งหนึ่งของ
้
ความกวางของผา ดังภาพที่ 8.4 (ข)
1.3.1.3 การพันเปนรูปเกลียวเปด (Open spiral) เริ่มขั้นเริ่มตนตอดวย
เกลียวสมบูรณ 2-3 รอบ หลังจากนัน พันเปนรอบ แตละรอบไมซอนกัน แตจะแยกจากกัน เพือ
้ ่
ยึดผาปดบาดแผลที่มีบริเวณกวาง เชน แผลไหม ดังภาพที่ 8.4 (ค)
1.3.1.4 การพันเปนรูปเกลียวบิดกลับ (Spiral reverse ) เริ่มขั้นเริ่มตน
ตอดวยเกลียวสมบูรณ 2-3 รอบ หลังจากนั้นจึงพันเปนรูปเกลียวแลวพับผากลับออมดานหลัง
การพันชนิดนีดกวาการพันเปนรูปเกลียวปดเพราะแนนและมั่นคงกวา เหมาะกับอวัยวะที่มปลาย
้ี ี
เล็กโคนใหญ เชน แขน ขาสวนปลาย ดังภาพที่ 8.4 (ง)
- 6. 272
(ก) เกลียวสมบูรณ (ข) เกลียวปด
(ค) เกลียวเปด (ง) เกลียวบิดกลับ
ภาพที่ 8.4 การพันเปนรูปเกลียว
ที่มา (วิรัตน ศรีนพคุณ และศรี ศรีนพคุณ. 2541 : 148)
1.3.2 การพันเปนรูปเลขแปด (Figure of eight bandages)
การพั น เปน รูปเลขแปด เหมาะสํ า หรับพัน มื อ เท า หรือตามข อต าง ๆ เช น
ขอมือ ขอเทา ขอศอก เริ่มดวย ขั้นเริ่มตน จากนั้นพันแบบเกลียวสมบูรณ 2-3 รอบกอน แลวจึง
ตอดวยวิธพันเปนรูปเลขแปด โดยพันทะแยงขึ้นสลับกับพันทะแยงลงซอนกันไปเรื่อย ๆ ตามความ
ี
ยาวที่ตองการ ดังภาพที่ 8.5
- 7. 273
(ก) พันมือ
(ข) พันเขา (ค) พันขอเทาและเทา
ภาพที่ 8.5 การพันเปนรูปเลขแปด
ที่มา (วิรัตน ศรีนพคุณ และศรี ศรีนพคุณ. 2541 : 149)
การพันขอมือจะพันเหมือนการพันมือ การพันขอเทาจะพันเหมือนการพันเทา
แต จ ะต อ งเริ่ ม ต น พั น ที่ บ ริ เ วณต่ํ า กว า บริ เ วณบาดแผลเล็ ก น อ ย เช น พั น ข อ มื อ ควรเริ่ ม ต น พั น ที่
งามหัวแมมือ ทั้งนี้เพื่อจะไดใชความยาวของผาเกือบทั้งหมดไปพันขอมือและขอเทาใหหนา ๆ
เปนการประคับประคองขอมือและขอเทาที่เคล็ด สําหรับการพันขอศอกก็พันเหมือนกับการพันขอ
เขา ขอศอกเริ่มตนที่ปุมแหลม ขอเขาเริ่มตนที่กระดูกสะบา
1.3.3 การพันกลับไปกลับมา (Recurrent bandage)
การพันกลับไปกลับมา ใชเฉพาะพันนิ้วและพันศีรษะ ดังนี้
1.3.3.1 การพันนิว ผูปฐมพยาบาลควรเลือกผาพันขนาดหนึ่งนิว วิธพน
้ ้ ี ั
เริ่มตนที่โคนนิ้วแลวออมขึ้นไปปดปลายนิ้วแลววกกลับลงมาที่โคนนิ้วอีกดานหนึง แลวทบกลับไป ่
กลับมาเหมือนเดิมอีกสองหรือสามครั้ง จากนั้นพันเปนรูปเกลียวปดโดยเริ่มจากโคนนิ้วขึนไป ้
ปลายนิ้วแลววกกลับลงมาสิ้นสุดที่โคนนิ้วเชนเดิม ดังภาพที่ 8.6
- 8. 274
ภาพที่ 8.6 การพันนิว้
ที่มา (วิรัตน ศรีนพคุณ และศรี ศรีนพคุณ. 2541 : 150)
1.3.3.2 การพันศีรษะ ผูปฐมพยาบาลควรใชผาที่สะอาดปราศจากเชือปด
้
บาดแผลบนหนังศีรษะกอน หลังจากนันเริมดวยขันเริ่มตน เริ่มจากหนาผากผานระดับเหนือใบหู
้ ่ ้
เลยไปดานหลังศีรษะตอดวยเกลียวสมบูรณ 2-3 รอบ และใหรอบสุดทายของเกลียวสมบูรณ มา
สิ้นสุดตรงจุดกึ่งกลางของหนาผาก จากจุดนี้พันขามมาสวนบนของศีรษะไปที่จดกึงกลางดานหลัง
ุ ่
ศีรษะ จากนั้นพันกลับไปที่จดกึ่งกลางของหนาผากแลวพันกลับมาที่จดกึ่งกลางดานหลังศีรษะ พัน
ุ ุ
กลับไปกลับมาโดยทบไปทางดานซายครั้งหนึ่ง ทบกลับมาทางดานขวาอีกครั้งหนึ่ง การพันแตละ
ทบจะซอนผาทบเดิมเพียงครึ่งหนึ่งของดานกวางของผาพัน เมื่อพันกลับไปกลับมาปดบริเวณศีรษะ
ทั้งหมดแลวจึงพันรอบศีรษะเชนเดียวกับตอนเริ่มตนอีกประมาณ 2–3 รอบ ดังภาพที่ 8.7
ภาพที่ 8.7 การพันศีรษะ
ที่มา (รําแพน พรเทพเกษมสันต. 2546 : 123)
- 9. 275
2. ผาพันแผลชนิดเปนรูปสามเหลี่ยม
2.1 ประโยชนของผาสามเหลี่ยม
2.1.1 ใชกดหามเลือด
2.1.2 ใชพนแผล โดยการพับผาสามเหลี่ยมตามยาวใหเปนแถบทีมความกวาง
ั ่ ี
ประมาณ 2–3 นิ้ว ตามขนาดของบาดแผล ดังภาพที่ 8.8
2.1.3 ใชทําเปนผาคลองแขน ในกรณีที่แขนไดรับบาดเจ็บในลักษณะตาง ๆ
เชน หัวไหลหลุด แขนหัก ขอศอกเคลื่อน เปนตน
2.1.4 ใชผูกยึดอวัยวะสวนที่ไดรับบาดเจ็บใหอยูนิ่ง เพื่อไมใหเปนอันตราย
แกผูปวยมากขึน โดยดามอวัยวะสวนนันไวกับแผนไม หรือกระดาษพับหลาย ๆ ชัน หรืออาจใช
้ ้ ้
ผาสามเหลี่ยมในการผูกยึดอวัยวะสวนนันใหอยูนิ่ง ๆ
้
2.1.5 ใชพนศีรษะ ลําตัว เพื่อปองกันบาดแผลไมใหสกปรก
ั
ผาพันแผลหนากวาง
ผาสามเหลี่ยม
พับครึ่ง
จับมุมผาดานบน ผาพันแผลหนา
พับมาที่ฐาน
พับอีกครึ่ง
ภาพที่ 8.8 การพับผาสามเหลี่ยมตามยาว
ที่มา (อภิชย ชัยดรุณ และประไพ ชัยดรุณ (แปล). 2547 : 76)
ั
2.2 การใชผาสามเหลี่ยม
2.2.1 การทําผาคลองแขน (Slings) มีการคลองได 2 วิธี คือ คลองแขน
แบบธรรมดา (Arm sling) และคลองแขนแบบยกสูง (Elevation sling ) และในขณะทีกําลังทํา ่
การคลองแขน ใหเอามือประคองแขนขางที่บาดเจ็บไวตลอดเวลา จนกวาจะคลองแขนเรียบรอย
แลว วิธีการทําผาคลองแขน มีดังนี้
2.2.1.1 คลองแขนแบบธรรมดา ใชเพื่อประคองบริเวณที่บาดเจ็บไป
จนถึงตนแขน หรือเพื่อไมใหตนแขนมีการเคลื่อนไหว แตการคลองแขนแบบนี้ใชไดผลเฉพาะ
ผูปวยที่สามารถยืนหรือนั่งไดเทานั้น ซึ่งมีวิธีการทํา ดังนี้
- 10. 276
1) ใหผปวยนั่งหรือยืนในทาที่สบายที่สุด ประคองแขนขางที่
ู
บาดเจ็บไว โดยยกใหปลายขอมือสูงกวาขอศอกเล็กนอย
2) จับมุมบนของผาที่อยูฝงตรงขามกับดานฐานวางไวบริเวณ
ใตขอศอก มืออีกขางสอดผาใหอยูระหวางแขนกับหนาอก ดึงชายผาใหสูงถึงบาคลองโอบตนคอไป
อีกขางหนึ่ง
3) ดึงชายผาอีกดานหนึ่งตลบคลุมแขนที่บาดเจ็บ โดยใหขอบ
ผาอยูบริเวณปลายนิ้วมือ ผูกชายผาทั้งสองดวยเงื่อนธรรมดาใหปมอยูบริเวณไหปลารา
4) เก็บชายผาบริเวณขอศอกใหเรียบรอยโดยใชเข็มกลัด
แถบกาวหรือมัดชายผา ดังภาพที่ 8.9
ภาพที่ 8.9 วิธีการใชผาสามเหลี่ยมคลองแขนแบบธรรมดา
ที่มา (รําแพน พรเทพเกษมสันต. 2546 : 125)
2.2.1.2 คลองแขนแบบยกสูง ใชเพื่อประคองใหมืออยูในทายกสูงขึ้น
เพื่อไมใหเลือดไหลออกมามาก หรือเพื่อไมใหตนแขนมีการเคลื่อนไหว ในกรณีกระดูกไหปลารา
หัก กระดูกซีโครงหัก มีวิธการทํา ดังนี้
่ ี
1) ใหผูปวยนั่งหรือยืนในทาที่สบายที่สุด ประคองแขนขางที่
บาดเจ็บใหวางทาบบนหนาอก จนปลายนิ้ววางบนไหลดานตรงขาม
2) วางผาสามเหลี่ยมคลุมแขนขางที่บาดเจ็บดึงชายผาใหคลุม
ไปจนถึงไหล มุมบนของผาจะอยูบริเวณขอศอกพอดี
- 11. 277
3) พับฐานของผาสามเหลี่ยมสอดเขาใตปลายแขนและ
ขอศอก ดึงชายผาดานลางใหโอบดานหลังไปใหถึงไหล
4) ผูกชายผาสองขางดวยเงือนธรรมดาบริเวณไหปลารา
่
5) เก็บมุมผาบริเวณขอศอกและปลายแขนใหเรียบรอย
ดังภาพที่ 8.10
ภาพที่ 8.10 วิธีการใชผาสามเหลี่ยมคลองแขนแบบยกสูง
ที่มา (รําแพน พรเทพเกษมสันต. 2546 : 126)
2.2.2 การพันศีรษะ วิธีที่ 1 สะดวกและรวดเร็วกวาใชผาพันแผลชนิดมวนพัน
แบบกลับไปกลับมา วิธีปฏิบัติดังนี้ ผูปฐมพยาบาลตองเริ่มตนดวยการพับฐานของผาสามเหลี่ยม
สองทบกวางประมาณ 2 นิ้ว จากนั้นวางผาสามเหลี่ยมทาบบนศีรษะผูปวยโดยใหดานฐานอยูเหนือ
คิ้ว มุมยอดของผาสามเหลี่ยม จะอยูดานหลังศีรษะ จับชายผาดานขางทั้งสองขางไขวกนทีดานหลัง
ั ่
ศีรษะแลวออมผานบริเวณเหนือหูมาผูกตรงจุดกึ่งกลางหนาผาก สวนชายผาที่เหลืออยู ดานหลัง
ศีรษะจับมวนขึ้นและพับเหน็บใหเรียบรอย ดังภาพที่ 8.11
- 12. 278
ภาพที่ 8.11 การพันศีรษะโดยใชผาสามเหลี่ยม
ที่มา (รําแพน พรเทพเกษมสันต. 2546 : 126)
2.2.3 การพันศีรษะ วิธที่ 2 ใชผาสามเหลี่ยมแบบพับตามยาวพันศีรษะ กอนพัน
ี
ผาใหปดบาดแผลดวยผาที่สะอาดปราศจากเชื้อเสียกอน จากนั้นใชกึ่งกลางของผาสามเหลี่ยมที่พับ
ตามยาววางบนบาดแผล แลวจับปลายผาแตละขางออมไปในทิศทางตรงขามแลวออมมาผูกที่
หนาผากเก็บชายผาใหเรียบรอย ดังภาพที่ 8.12
ภาพที่ 8.12 การพันศีรษะโดยใชผาสามเหลี่ยมพับตามยาว
ที่มา (วิรตน ศรีนพคุณ และศรี ศรีนพคุณ. 2541 : 153)
ั
- 13. 279
2.2.4 การพันขากรรไกร ใชพันเพื่อหามเลือดหรือพยุงขากรรไกร ขั้นแรก
ผูปฐมพยาบาลวางผาใตคางโดยใหปลายหนึ่งยาวกวาอีกปลายหนึ่ง จากนั้นจับปลายทั้งสองขางไขว
กันดานตรงดานขามของขมับและออมไปผูกไวอีกดานหนึ่งซึ่งอยูตรงกันขาม ดังภาพที่ 8.13
ภาพที่ 8.13 การพันขากรรไกร
ที่มา (วิรัตน ศรีนพคุณ และศรี ศรีนพคุณ. 2541 : 153)
2.2.5 การพันลําตัว เปนการพันเพื่อปกปดบาดแผล ผาสามเหลี่ยมที่ใชพันตัว
พันไดทั้งทรวงอกและหลัง
2.2.5.1 วิธีพนทรวงอก วางผาสามเหลี่ยมปดทรวงอกบริเวณที่มี
ั
บาดแผล โดยใหสวนที่เปนยอดผาสามเหลี่ยมคลุมบา จากนั้นจับมุมผาสามเหลี่ยมดานขางทั้งสอง
ขางออมใตรักแรไปผูกไวดานหลัง แลวดึงมุมที่เปนยอดผาสามเหลี่ยมมาผูกไวกับปมแรกดานหลัง
ดังภาพที่ 8.14
(ก) (ข) (ค)
ภาพที่ 8.14 การพันทรวงอก
ที่มา (วิรัตน ศรีนพคุณ และศรี ศรีนพคุณ. 2541 : 152)
- 14. 280
2.2.5.2 วิธพนหลัง พันเหมือนกับวิธพนทรวงอก แตแทนที่จะวางผา
ี ั ี ั
สามเหลี่ยมปดทรวงอกใหวางปดหลังบริเวณที่มีบาดแผล แลวผูกปมผาไวทางดานทรวงอก
ผาสามเหลี่ยมเมื่อพับตามยาวนอกจากจะไวใชพันอวัยวะตาง ๆ เชน พันศีรษะ
พันขากรรไกรแลวยังใชผูกเฝอกไดอีกดวย
การเขาเฝอกชั่วคราว
การเข า เฝ อ กชั่ ว คราว เป น การดั ด แปลงอุ ป กรณ เ ท า ที่ ห าได ใ นบริ เ วณที่ เ กิ ด เหตุ เช น
ผาสะอาด เชือก ไม กระดาษแข็ง หนังสือพิมพ เปนตน ทําเปนเฝอกชั่วคราวผูกดามเขากับบริเวณที่
กระดูกหัก เชน แขน ขา และสวนอื่น ๆ ของรางกาย เพื่อชวยใหอวัยวะที่หักอยูกับที่ เปนการ
ป อ งกัน ไม ใ ห เ กิ ด อั น ตรายอย า งอื่น ตามมา เชน หั ก มากขึ้ น กระดู ก ทิ่ม ทะลุ เ นื้ อ ระหวา งนํ าส ง
โรงพยาบาล กอนเขาเฝอกควรหาผาหนา ๆ มารองรับบริเวณที่หักเสียกอน เพื่อปองกันไมใหเฝอก
กดทับบริเวณแผล อุปกรณที่ใชเปนเฝอกชั่วคราว แสดงดังภาพที่ 8.15
ภาพที่ 8.15 วัสดุตาง ๆ ที่ใชทําเฝอกชั่วคราว
ที่มา (รําแพน พรเทพเกษมสันต. 2546 : 162)
- 15. 281
1. ประโยชนของการเขาเฝอกชั่วคราว
1.1 ลดความเจ็บปวด
1.2 ปองกันภาวะแทรกซอนที่อาจเกิดขึ้น เชน การถูกทําลายของกลามเนื้อ
เสนประสาท และเสนเลือดจากกระดูกทีหักทิ่มแทง
่
1.3 สะดวกในการเคลือนยาย
่
2. ประเภทของเฝอกชั่วคราว (รําแพน พรเทพเกษมสันต. 2546 : 162)
2.1 เฝอกธรรมชาติ คือ ใชกระดูกหรืออวัยวะสวนทีอยูใกลเคียงกันแตไมหัก ทําเปน
่
เฝอกชั่วคราว เชนกระดูกตนแขนหักใหใชทรวงอกเปนเฝอก หรือ กระดูกขาหักก็ใชขาอีกขางเปน
เฝอกธรรมชาติ แลวนําสงโรงพยาบาล ดังภาพที่ 8.16
2.2 เฝอกที่ทําขึ้นจากวัสดุ เปนวัสดุเทาที่หาไดในบริเวณที่เกิดอุบัติเหตุ เชน แผน
กระดาน กิ่งไม คันรม ดามไมกวาด หนังสือพิมพ ลังกระดาษ เปนตน โดยนําวัสดุดังกลาวมา
ผูกดามเขากับบริเวณที่สงสัยวากระดูกหัก แลวใชเชือกหรือผามัดไวกอนนําสงโรงพยาบาล ดังภาพ
ที่ 8.17
ภาพที่ 8.16 เฝอกธรรมชาติ
ที่มา (วิรฬ เหลาภัทรเกษม. 2532 : 40)
ุ
ภาพที่ 8.17 การเขาเฝอกชั่วคราวดวยไม
ที่มา (วิรฬ เหลาภัทรเกษม. 2532 : 41)
ุ
- 16. 282
3. หลักในการเขาเฝอกชั่วคราว
3.1 วัสดุที่ใชดาม ตองยาวกวาอวัยวะสวนที่หกโดยใชหลักยาวเหนือ
ั
หนึ่งขอตอต่ํากวาหนึ่งขอตอ เชน กระดูกหนาแขงหัก ตองดามตั้งแตเหนือขอเขาจนถึงต่ํากวา
ขอเทา (รําแพน พรเทพเกษมสันต. 2546 :163)
3.2 ไมวางเฝอกลงบนบริเวณที่บาดเจ็บโดยตรง ควรใชสาลีหรือผาวางรองตลอด
ํ
แนวเฝอกเพื่อไมใหเฝอกกดลงบริเวณผิวหนังซึ่งจะทําใหเจ็บปวดและเกิดแผลจากการที่เฝอกกด
ดังภาพที่ 8.18
3.3 ไมมัดเฝอกแนนจนเกินไป เพราะจะทําใหการไหลเวียนเลือดไมสะดวก
3.4 กรณีทกระดูกเคลื่อน หาม ดึงใหเขาที่ เพราะทําใหเกิดอันตรายตอเนื้อเยื่อมาก
ี่
ขึ้น ถามีกระดูกโผลออกมานอกเนื้อ หาม ดันกระดูกกลับเขาขางใน ถามีเลือดออกตองหามเลือด
และปดแผลกอนที่จะดาม ดังภาพที่ 8.18
3.5 ตรวจชีพจร สีผิว อาการปวด และการตอบสนองความรูสึกบริเวณที่บาดเจ็บ
กอนและหลังการใสเฝอกชัวคราว ่
3.6 ถามีอุบัติเหตุที่คอ และหลัง ตองระวัง อาจเกิดกระดูกสันหลังหักหรือกระดูก
สันหลังเคลื่อนไดเสมอ
ภาพที่ 8.18 กระดูกหนาแขงหักแบบเปดและการปดบาดแผลกอนเขาเฝอกชั่วคราว
ที่มา (รําแพน พรเทพเกษมสันต. 2546 :161)
วิธีการเขาเฝอกชั่วคราวกระดูกหักแตละชนิด
ผู ป ว ยที่ ก ระดู ก หั ก ต อ งได รั บ การเข า เฝ อ กชั่ ว คราวก อ นที่ จ ะทํ า การเคลื่ อ นย า ยไป
โรงพยาบาล การเคลื่อนยายผูปวยกระดูกหักมีหลักสําคัญ คือ ตองใหสวนตาง ๆ ของกระดูกที่หัก
ไปดวยกัน ถ าการดามยังตรึงกระดูกที่หักใหอยูนิ่งไดไมเ พียงพอ การเคลื่อนยายต องใชแรงดึง
รวมกับการประคองเพื่อไมใหกระดูกที่หักโกงตกตามแรงโนมถวงโลก โดยเฉพาะอยางยิ่งถาสงสัย
- 17. 283
วามีกระดูกสันหลังหัก การเคลื่อนยายตองยกทุกสวนของรางกายไปพรอมๆ กัน หากเปนไปได
ควรใหนอนเปลแข็งและหามเปลแทน
ในรถนําสงควรใหผูปวยนอนราบไดสบาย ไมควรขับรถดวยความเร็วสูง เพราะนอกจากจะ
ทําใหเกิดการกระทบกระเทือนบาดแผลแลวยังอาจทําใหเกิดอุบัติเหตุซ้ําอีกได และควรนําผูเห็น
เหตุ ก ารณ ห รื อ ผู ที่ พ บผู ป ว ยคนแรกไปโรงพยาบาลด ว ยเพื่ อ ให ข อ มู ล ที่ เ ป น ประโยชน ต อ
ผูปวย
1. ชนิดของกระดูกหัก
ลักษณะการหักของกระดูก แบงเปนชนิดใหญ ๆ ได 2 ชนิด ไดแก ชนิดปด และ
ชนิดเปด การหักของกระดูกทั้งสองชนิด ถาเกิดการกดทับบริเวณปลายกระดูกที่หักก็จะทําใหเกิด
ภาวะแทรกซอนได เชน เกิดอันตรายตอเนื้อเยื่อรอบ ๆ เสนเลือด เสนประสาท เปนตน
1.1 กระดูกหักชนิดปด ไมมีบาดแผลปรากฏใหเห็นบริเวณผิวหนัง แตอาจมีภาวะ
เลือดตกในได
1.2 กระดูกหักชนิดเปด ปลายของกระดูกที่หักจะทิ่มทะลุขึ้นมาบนผิวหนัง บาดแผล
ชนิดนี้ตองใหการปฐมพยาบาลอยางระมัดระวัง เนื่องจากเชื้อโรคสามารถผานบาดแผลเขาสูรางกาย
ไดทําใหเกิดการติดเชื้ออยางรุนแรงตามมา ดังภาพที่ 8.19
ภาพที่ 8.19 กระดูกหักชนิดตาง ๆ
ที่มา (แกวจันทรทิพย ไชยสุริยะ (แปล). 2536 : 77)
2. วิธีเขาเฝอกชั่วคราวในกรณีกระดูกหักแตละชนิด
วิธีเขาเฝอกชัวคราวในกรณีกระดูกหักแตละชนิด มีดังตอไปนี้
่
2.1 กระดูกไหปลาราหัก (Clavicle fracture)
2.1.1 สาเหตุ มักเกิดขึนขณะที่ผูปวยลมลงตอนที่กําลังเหยียดมือ
้
แรงกระแทกทําใหกระดูกไหปลาราหักได
- 18. 284
2.1.2 อาการ เจ็บปวด บวม บริเวณระหวางคอกับไหล ยกแขนขางทีไดรับ
่
บาดเจ็บไมได
2.1.3 วิธีเขาเฝอกชั่วคราว มีขั้นตอนดังนี้
2.1.3.1 คลองแขนขางที่กระดูกไหปลาราหักดวยผาสามเหลี่ยม
คลองแขนแบบธรรมดาโดยยกปลายแขนใหสูงขึ้นเล็กนอย เพราะเปนทาที่ผูปวยรูสกสบายขึ้น
ึ
2.1.3.2 ใชผาสามเหลี่ยมอีกหนึ่งผืนพับตามยาวนํามาพันทับแขนขางที่
กระดูกไหปลาราหักไปผูกไวบริเวณใตราวนมฝงตรงขาม เพื่อใหบริเวณกระดูกไหปลาราที่หักอยู
นิ่ง ๆ มากที่สุด ดังภาพที่ 8.20
ภาพที่ 8.20 การเขาเฝอกชั่วคราวกระดูกไหปลาราหัก
ที่มา (วิรัตน ศรีนพคุณ และศรี ศรีนพคุณ. 2541 : 156)
2.2 กระดูกตนแขนหัก (Humerus fracture)
บริเวณกระดูกตนแขน อาจหักได 2 ตําแหนง คือ
2.2.1 กระดูกตนแขนหักบริเวณใตไหล (หักที่คอกระดูก)
2.2.1.1 สาเหตุ อาจเกิดจากหกลมบริเวณหัวไหลกระแทกพื้นอยางแรง
2.2.1.2 อาการ
1) บวมบริเวณหัวไหล
2) เคลื่อนไหวแขนขางนั้นไมได
3) กดเจ็บและมีเสียงกรอบแกรบตรงบริเวณที่กระดูกหัก
2.2.1.3 วิธีเขาเฝอกชั่วคราว มีขั้นตอนดังนี้
1) ผูปฐมพยาบาลควรหาผาเช็ดตัวผืนเล็ก ๆ นํามาพับตามยาว
วางสอดใตรักแรแนบไปกับลําตัวแลวคอย ๆ จับแขนขางหักวางแนบลําตัว
2) จากนันใชผาสามเหลี่ยมผืนใหญสองผืนพับตามยาวแลว
้
พันทับแขนขางหักไปผูกดานขางทรวงอกใตรักแรของแขนขางดี แลวคลองแขนดวยผาสามเหลี่ยม
ดังภาพที่ 8.21
- 19. 285
ภาพที่ 8.21 การเขาเฝอกชั่วคราวกระดูกตนแขนหักบริเวณใตไหล
ที่มา (วิรตน ศรีนพคุณ และศรี ศรีนพคุณ. 2541 : 156)
ั
2.2.2 กระดูกตนแขนหักตอนกลาง
2.2.2.1 สาเหตุ ถูกตีที่ตนแขน หรือ หกลมตนแขนฟาดกับพื้นแรง ๆ
2.2.2.2 อาการ เคลื่อนไหวแขนขางนั้นไมได หรือ แขนที่บาดเจ็บอาจ
สั้นกวาขางที่ปกติ
2.2.2.3 วิธีเขาเฝอกชั่วคราว มีขั้นตอนดังนี้
1) ใชเฝอกชั่วคราว 2 อัน ความยาวไมเทากันอันหนึ่งยาว
ตั้งแตไหลถึงใตศอกลงไปประมาณ 3 นิ้ว อีกอันหนึ่งยาวตั้งแตรักแรถึงใตศอกลงไปประมาณ 3
นิ้ว เชนเดียวกัน
2) เฝอกอันสั้นวางใตรักแรโดยหาผารองรับปลายเฝอกที่ยัน
ใตรกแร เฝอกอีกอันหนึ่งคืออันยาววางดานตรงกันขาม
ั
3) ผูกเฝอกทังสองประมาณ 3 เปลาะแลวคลองแขนดวย
้
ผาสามเหลี่ยม ดังภาพที่ 8.22
ภาพที่ 8.22 การเขาเฝอกชั่วคราวกระดูกตนแขนหักตอนกลาง
ที่มา (วิรัตน ศรีนพคุณ และศรี ศรีนพคุณ. 2541 : 156)
- 20. 286
2.3 กระดูกขอมือหรือกระดูกปลายแขนหัก (Wrist or forearm fracture)
กระดูกปลายแขน มีกระดูก 2 ชิ้น อาจหักชินใดชิ้นหนึ่งหรือทั้ง 2 ชิ้น
้
2.3.1 สาเหตุ มักเกิดจากถูกตีโดยแรง เอามือยันพื้นโดยเอาอุงมือกระแทกพื้น
อยางแรง
2.3.2 อาการ บวมบริเวณรอบ ๆ กระดูกทีหก คว่ําหรือหงายมือไมได
่ ั
กดเจ็บและมีเสียงกรอบแกรบตรงบริเวณทีกระดูกหัก
่
2.3.3 วิธีเขาเฝอกชั่วคราว มีขั้นตอนดังนี้
2.3.3.1 ใชเฝอกชั่วคราวสองอัน ความยาวของเฝอกคือตั้งแตฝามือถึง
เลยขอศอกออกไปประมาณ 3 นิ้ว
2.3.3.2 วางเฝอกไวดานนอกและดานในของปลายแขน เฝอกที่วางดาน
ในตองวางประกบลงบนฝามือที่แบออก
2.3.3.3 ผูกเฝอกทั้งสองอันดวยผา 2 เปลาะ
2.3.3.4 คลองแขนดวยผาสามเหลี่ยม ดังภาพที่ 8.23
ภาพที่ 8.23 การเขาเฝอกชั่วคราวกระดูกขอมือหัก
ที่มา (บุญสม มารติน และเทพนม เมืองแมน. 2533 : 77)
2.4 กระดูกนิวหัก (Finger fracture)
้
2.4.1 สาเหตุ อาจเกิดจากการเลนกีฬา เชน วอลเลยบอล
2.4.2 อาการ นิ้วบวม ขยับไมได เจ็บปวดมากเวลาขยับนิ้ว
2.4.3 วิธีเขาเฝอกชั่วคราว มีขั้นตอนดังนี้
2.4.3.1 ใชไมกดลิ้นหรือไมแบน ๆ ขนาดเทานิ้วมือ นํามาหุมดวยผา
แลววางใตนวที่กระดูกหัก
ิ้
- 21. 287
2.4.3.2 ใชผาพันแผลชนิดมวนขนาดกวาง 1 นิ้ว พันเปนเกลียวเปด
รอบ ๆ นิ้ว ดังภาพที่ 8.24
2.4.3.3 หรือใชผาพันแผลชนิดมวนพันนิวแบบกลับไปกลับมา
้
ภาพที่ 8.24 การเขาเฝอกชั่วคราวกระดูกนิวหัก
้
ที่มา (วิรัตน ศรีนพคุณ และศรี ศรีนพคุณ. 2541 : 159)
2.5 กระดูกขอศอกหัก (Elbow fracture)
2.5.1 สาเหตุ อาจหกลมและใชมือดานนั้นยันพื้น ถูกตีบริเวณขอศอก
2.5.2 อาการของกระดูกขอศอกหัก มีดังตอไปนี้
2.2.2.1 บวมบริเวณขอศอก เจ็บปวดมาก
2.5.2.2 พับและเหยียดแขนไมไดเต็มที่
2.5.2.3 อาจคลําพบปลายกระดูกหัก ดานใดดานหนึ่งเหนือขอศอก
2.5.3 ลักษณะการหักของกระดูกขอศอก
กระดูกขอศอกหักมีหลายลักษณะ บางครั้งเมื่อหักแลวแขนอยูในลักษณะ
เหยียด บางครั้งแขนอาจจะอยูในลักษณะงอมากหรืองอเล็กนอยก็ได ผูปฐมพยาบาลอยาพยายาม
เปลี่ยนลักษณะของการหัก ไมวาหักแลวจะงอเปนลักษณะใดก็เขาเฝอกชั่วคราวหรือทําการปฐม
พยาบาลไปตามที่พบ ดังนี้
2.5.3.1 กระดูกขอศอกหักในลักษณะแขนงอมาก (Arm flexed) มี
วิธการเขาเฝอกชั่วคราว ดังนี้
ี
1) ใชผาสามเหลี่ยมแบบพับตามยาว 2 ผืน
2) ผืนที่หนึงพันทับแขนขางที่ขอศอกหักแลวออมไปผูกไวใต
่
ราวนมดานตรงขาม ผืนที่สองผูกขอมือแขวนคลองคอ ดังภาพที่ 8.25
- 22. 288
ภาพที่ 8.25 การเขาเฝอกชั่วคราวกระดูกขอศอกหักในลักษณะแขนงอมาก
ที่มา (วิรัตน ศรีนพคุณ และศรี ศรีนพคุณ. 2541 : 157)
2.5.3.2 กระดูกขอศอกหักในลักษณะแขนงอเล็กนอย (Arm extended)
มีวิธีเขาเฝอกชัวคราวดังนี้
่
1) ใชผาสามเหลี่ยมพับตามยาว 2 ผืน
2) ผืนที่หนึงพันทับแขนขางที่ขอศอกหักบริเวณเหนือศอก
่
แลวออมไปผูกไวใตราวนมดานตรงขาม
3) ผืนที่สองพันทับแขนขางเดียวกันตรงบริเวณใตศอกแลว
ออมไปผูกไวดานตรงขามใตผืนที่หนึ่ง ดังภาพที่ 8.26
ภาพที่ 8.26 การเขาเฝอกชั่วคราวกระดูกขอศอกหักในลักษณะงอเล็กนอย
ที่มา (วิรัตน ศรีนพคุณ และศรี ศรีนพคุณ. 2541 : 158)
- 23. 289
2.5.3.3 กระดูกขอศอกหักในลักษณะแขนงอเปนรูปมุมฉาก (Arm
flexed at right–angle) มีวิธีเขาเฝอกชั่วคราว ดังนี้
1) ใชผาสามเหลี่ยมพับตามยาว 2 ผืน แตละผืน ผืนที่หนึ่งใช
คลองแขน
2) ผืนที่สอง พันทับแขนขางที่กระดูกขอศอกหัก ตรงบริเวณ
เหนือขอศอก แลวออมไปผูกไวใตราวนมดานตรงขาม ดังภาพที่ 8.27
ภาพที่ 8.27 การเขาเฝอกชั่วคราวกระดูกขอศอกหักในลักษณะแขนงอเปนรูปมุมฉาก
ที่มา (วิรัตน ศรีนพคุณ และศรี ศรีนพคุณ. 2541 : 158)
2.5.3.4 กระดูกขอศอกหักแขนอยูในลักษณะงอ (Bent position) มีวธี
ิ
เขาเฝอกชั่วคราวอีกแบบ ดังนี้
1) ใชเฝอกชั่วคราว 1 อัน ซึ่งมีความกวางประมาณ 2 ½ - 3
นิ้ว ความยาวประมาณ 18–20 นิ้ว วางใตศอกที่งอ
2) แลวผูกดวยผา 1 ผืนใหมลักษณะไขวเหมือนเครื่องหมายคูณ
ี
ดังภาพที่ 8.28 (ก)
2.5.3.5 กระดูกขอศอกหักแขนอยูในลักษณะเหยียด (Straight position)
มีวธีเขาเฝอกชัวคราว 2 วิธี ดังนี้
ิ ่
1) วิธีที่ 1 ใชเฝอกชั่วคราว 2 อัน กวางประมาณ 3 นิ้ว
ความยาวตั้งแตขอมือถึงเหนือไหลขึ้นไปประมาณ 3 นิ้ว นํามาวางตามยาวไปกับรูปแขนทาง
- 24. 290
ดานหนาและดานหลังของไหล จากนันผูกเฝอก 5 เปลาะ ดังนี้ ผูกเหนือศอก 2 เปลาะ ใตศอก
้
2 เปลาะ และเหนือไหล 1 เปลาะ ดังภาพที่ 8.28 (ข)
(ก) (ข)
ภาพที่ 8.28 การเขาเฝอกชัวคราวกระดูกขอศอกหักโดยใชเฝอกไม
่
ที่มา (วิรัตน ศรีนพคุณ และศรี ศรีนพคุณ. 2541 : 159)
2) วิธที่ 2 ใหผูปวยนอนหงาย ใหขอศอกขางที่หักแนบลําตัว
ี
หาผานุม ๆ รองระหวางแขนกับลําตัว ใชผาผูก 3 เปลาะดังตอไปนี้ รอบขอมือกับ ตนขา รอบทอน
แขนกับลําตัว รอบตนแขนกับหนาอก ดังภาพที่ 8.29
ภาพที่ 8.29 การเขาเฝอกชัวคราวกระดูกขอศอกหักแบบเหยียดโดยใชผา
่
ที่มา (อัจฉรา วัจนาภิญโญ. 2530 : 169)
- 25. 291
2.6 กระดูกซี่โครงหัก (Rib fracture)
2.6.1 สาเหตุ อาจเกิดจากอุบัติเหตุทางรถยนต พวงมาลัยรถกระแทกบริเวณ
หนาอกหรือหกลมหนาอกกระแทกพื้น การหักจะตองเปนลักษณะหักยุบ มิใชหักแลวกระดูก
ซี่โครงแทงทะลุผิวหนังออกมา
2.6.2 อาการ เจ็บปวดบริเวณที่บาดเจ็บ ถาหายใจลึก ๆ หรือไอ ตองหายใจ
ตื้น ๆ เทานั้น ตึงรอบ ๆ ซี่โครง กระดูกซี่โครงอาจมีการเคลื่อนไหวที่ผดปกติ
ิ
2.6.3 วิธเี ขาเฝอกชั่วคราว มีขั้นตอนดังนี้
2..6.3.1 ใชผาสามเหลี่ยมพับตามยาวสามผืน แตละผืนกวางประมาณ
4 นิ้ว
2.6.3.2 ผืนที่ 1 พันทับลงไปตรงตําแหนงทีหัก แลวผูกใหแนนพอควร
่
ใตรักแรขางทีกระดูกซี่โครงไมหัก ขณะผูกตองบอกใหผูปวยหายใจออกเพื่อผาจะไดไมหลวมและ
่
หลุดออกงาย และควรหาผาพับตามยาววางใตรักแรเพื่อรองรับปมผาที่ผูกและปองกันปมผากดเนือ ้
บริเวณใตรักแร ดังภาพที่ 8.30 (ก)
2.6.3.3 ผืนที่2 และผืนที่ 3 วางเหนือและใตผืนที่หนึ่งแลวผูก
เชนเดียวกัน ดังภาพที่ 8.30 (ข) และ (ค)
(ก) (ข) (ค)
ภาพที่ 8.30 การเขาเฝอกชัวคราวกระดูกซี่โครงหัก
่
ที่มา (วิรัตน ศรีนพคุณ และศรี ศรีนพคุณ. 2541 : 162)
2.7 กระดูกขาหัก
กระดูกขา สามารถแบงไดเปน
2.7.1 ตนขา (Femur fracture)
2.7.1.1 สาเหตุ มักเกิดจากถูกตีโดยแรง หรือ ตกจากที่สูง
- 26. 292
2.7.1.2 อาการ บวมบริเวณรอบ ๆ กระดูกที่หัก, ปลายเทามักจะบิดไป
ดานขาง ขาขางที่หักสั้นกวาปกติ / คลําพบปลายกระดูกที่หัก ดังภาพที่ 8.31
ภาพที่ 8.31 กระดูกตนขาหักปลายเทาบิดไปดานขาง
ที่มา (รําแพน พรเทพเกษมสันต. 2546 : 168)
2.7.1.3 วิธีเขาเฝอกชั่วคราว มีขั้นตอน ดังนี้
1) ใชเฝอกชัวคราว 2 อัน ความกวางเทากันประมาณ 5 นิ้ว
่
ความยาวไมเทากัน อันหนึ่งยาวตั้งแตรกแรถึงใตขอเทาลงไปอยางนอย 6 นิ้ว อีกอันหนึ่ง
ั
ยาวตั้งแตขาหนีบถึงใตขอเทาลงไปอยางนอย 6 นิ้ว เชนเดียวกัน
2) เฝอกอันยาววางทาบไวดานนอกของขาโดยมีผาพับรองรับ
ปลายเฝอกใตรักแร เฝอกอันสั้นวางระหวางขาทั้งสองขางโดยมีผาพับรองรับปลายเฝอกบริเวณขา
หนีบ
3) ผูกเฝอกทังสองอัน 5 เปลาะ ตั้งแตตนขา เขา และขอเทา
้
และผูกอีกสองเปลาะที่บริเวณตะโพกและอก
4) ผูกขาขางดีและขาขางทีหักติดกันอีกสองเปลาะ ดังภาพที่
่
8.32
- 27. 293
ภาพที่ 8.32 การเขาเฝอกชั่วคราวกระดูกตนขาหัก
ที่มา (วิรัตน ศรีนพคุณ และศรี ศรีนพคุณ. 2541 : 160)
2.7.2 กระดูกหนาแขงหัก (Lower leg fracture) มีกระดูก 2 ชิ้น อาจหัก
ชิ้นใดชิ้นหนึ่งหรือทั้ง 2 ชิ้น
2.7.2.1 สาเหตุ มักเกิดจากถูกตีโดยแรง หรือ หกลมหนาแขงฟาดพืน ้
2.7.2.2 อาการ บวมลงไปถึงขอเทาขางที่ไดรับบาดเจ็บ หรือ รูปราง
ของขาผิดปกติไป มีเสียงกรอบแกรบตรงบริเวณทีกระดูกหัก ่
2.7.2.3 วิธีเขาเฝอกชั่วคราว มีขั้นตอน ดังนี้
1) ใชเฝอกชั่วคราว 2 อัน กวางประมาณ 4 นิ้ว ความยาว
ตั้งแตขาหนีบถึงใตขอเทาลงไปอยางนอย 6 นิ้ว
2) วางเฝอกอันหนึ่งไวดานนอกของขา อีกอันหนึ่งวาง
ระหวางขาทั้งสองขางโดยมีผาพับรองรับปลายเฝอกบริเวณขาหนีบ
3) ผูกเฝอกทั้งสองอัน 3 เปลาะ บริเวณเหนือเขา 1 เปลาะ ใต
เขา 1 เปลาะ บริเวณเขา 1 เปลาะ ดังภาพที่ 8.33
- 28. 294
ภาพที่ 8.33 การเขาเฝอกชั่วคราวกระดูกหนาแขงหัก
ที่มา (วิรัตน ศรีนพคุณ และศรี ศรีนพคุณ. 2541 : 161)
2.8 กระดูกเทาหัก
2.8.1 สาเหตุ มักเกิดจากของมีน้ําหนักตกใสเทา
2.8.2 อาการ บวมบริเวณรอบ ๆ กระดูกทีหัก ไมสามารถใชเทา และ/หรือ
่
ขอเทาได กดเจ็บ และมีเสียงกรอบแกรบตรงบริเวณทีกระดูกหัก
่
2.8.3 วิธีเขาเฝอกชั่วคราว มีขั้นตอน ดังนี้
2.8.3.1 ใชกระดาษหนังสือพิมพ หรือ ผาหนา ๆ นุม ๆ รองบริเวณที่หัก
2.8.3.2 ใชผาพันไขวกันทีดานหลังของขอเทา แลวพันไขวกันมายัง
่
ดานหนาแลวผูกเงื่อนที่ใตฝาเทา ดังภาพที่ 8.34
(ก)
(ข)
ภาพที่ 8.34 การเขาเฝอกชั่วคราวกระดูกเทาหัก
ที่มา (อัจฉรา วัจนาภิญโญ. 2530 : 177–178)
2.9 กระดูกสะบาแตก (Patella or knee fracture)
2.9.1 สาเหตุ หกลม หรือ ตกจากทีสูงเอาหัวเขาลงพื้น
่
2.9.2 อาการ ปวดบวมบริเวณเขา ลงน้ําหนักขาไมได
2.9.3 การแตกของกระดูกสะบา มี 2 ลักษณะ ดังนี้
- 29. 295
2.9.3.1 กระดูกสะบาแตกเขาอยูในลักษณะเหยียด วิธีเขาเฝอกชั่วคราว
มีขั้นตอน ดังนี้
1) ใชเฝอกชั่วคราว 1 อัน กวางประมาณ 5–6 นิ้ว ยาวตั้งแต
ตะโพกถึงใตสนเทาลงไปเล็กนอย
2) สอดเฝอกเขาใตขา รองใตเขาและใตขอเทาดวยผาหรือ
กระดาษหนังสือพิมพ ผูกขาใหติดกับเฝอก 4 เปลาะ ดังภาพที่ 8.35
2.9.3.2 กระดูกสะบาแตกแลวเขาอยูในลักษณะงอ วิธีเขาเฝอกชั่วคราว
คือ อยาพยายามดึงใหเขาเหยียด ควรเขาเฝอกไมเชนเดียวกับกระดูกขอศอกหักในทาแขนงอ โดย
วางเฝอกไมไวดานนอกของขา ดังภาพที่ 8.28 (ก)
ภาพที่ 8.35 การเขาเฝอกชั่วคราวกระดูกสะบาแตก
ที่มา (วิรัตน ศรีนพคุณ และศรี ศรีนพคุณ. 2541 : 162)
2.10 กระดูกเชิงกรานหัก (Pelvic fracture)
2.10.1 สาเหตุ หกลมกนกระแทก หรือตกจากทีนั่ง ่
2.10.2 อาการ ปวด ขยับตัวไมได
2.10.3 วิธีเขาเฝอกชั่วคราว มีขั้นตอน ดังนี้
2.10.3.1 ใชเฝอกไม 1 อัน ความกวางอยางนอย 12 นิว ความยาวให
้
ยาวกวาตัวผูปวยเล็กนอย
2.10.3.2 สอดไมเผือกเขาใตลําตัวผูปวยดานที่กระดูกเชิงกรานหัก
2.10.3.3 ผูกขาขางที่กระดูกเชิงกรานหักใหติดกับเฝอก 3 เปลาะ
และผูกบริเวณอกถึงทองอีกประมาณ 3 เปลาะ
2.10.3.4 พับผาหมวางตามยาวระหวางขาทั้งสองขาง
2.10.3.5 ผูกขาขางที่กระดูกเชิงกรานไมหัก ใหติดกับขาขางที่กระดูก
เชิงกรานหักอีก 2 เปลาะ ดังภาพที่ 8.36
- 30. 296
ภาพที่ 8.36 การเขาเฝอกชั่วคราวกระดูกเชิงกรานหัก
ที่มา (วิรัตน ศรีนพคุณ และศรี ศรีนพคุณ. 2541 : 161)
2.11 กระดูกสันหลังหัก (Spinal fracture)
2.11.1 สาเหตุ ตกจากที่สูง อุบัติเหตุทางรถยนต และรถจักรยานยนต
2.11.2 อาการ เจ็บปวดอยางรุนแรงที่หลังและคออาจหมดความรูสึกที่แขนขา
ไมสามารถขยับนิ้วมือนิวเทาได มีเลือดหรือของเหลวอื่น ๆ ไหลออกจากปาก หู จมูก
้
2.11.3 วิธีการเขาเฝอกชั่วคราว มี 2 วิธี ไดแก
2.11.3.1 วิธีที่ 1 ใชเฝอกไมกระดานแผนยาวเทากับตัวผูปวย มีขั้นตอน
ดังนี้
1) เฝอกไมกระดานชนิดความยาวเทากับตัวผูปวย จะใชไม
กระดานที่มอยูแลว หรือใชบานประตูก็ได
ี
2) การเขาเฝอกใหผูปวย จําเปนตองมีผูปฐมพยาบาลอยาง
นอย สี่คน เพือปองกันอันตรายที่จะเกิดกับผูปวยในขณะเขาเฝอก
่
3) วางเฝอกไมกระดานใหขนานกับตัวผูปวย ผูปฐมพยาบาล
สามคนยืนเรียงกันแลวคุกเขาลงขางตัวผูปวย ผูปฐมพยาบาลคนที่สี่คุกเขาลงเหนือศีรษะผูปวย
มีหนาที่ชวยประคองศีรษะผูปวยใหหันตามในขณะที่ผูปฐมพยาบาลทั้งสามคนจับผูปวยตะแคงเพื่อ
สอดเฝอกไมกระดาน
4) สิ่งสําคัญที่สุด คือ ผูปฐมพยาบาลทุกคนตองชวยกัน
ประคองรางกายผูปวยทุกสวน ขณะทีจับผูปวยตะแคง ดังภาพที่ 8.37 (ก) คนที่อยูตรงกลางจะเปน
่
ผูเลื่อนไมกระดานเฝอก ดังภาพที่ 8.37 (ข) จากนันผูปฐมพยาบาลทุกคนจะคอย ๆ ประคองผูปวย
้
นอนบนไมกระดานเฝอกอยางระมัดระวัง ดังภาพที่ 8.37 (ค) ขณะจับผูปวยตะแคงเพือสอดเฝอก
่
ไมกระดานนี้ ตองมีผูปฐมพยาบาล 1 คนเปนผูนับจังหวะในการปฏิบัติเพื่อใหพรอมเพรียงกัน
- 31. 297
5) หาผาหนา ๆ หรือใหผาหอกระดาษหนา ๆ สอดเขาใตคอ
และหอคอไวเพื่อปองกันกระดูกตนคอเคลื่อนไหวหันไปมาได จับสวนปลายเทาทั้งสองขางให
ตั้งขึ้น แลวใชหนังสือหรือหนังสือพิมพพบรองรับฝาเทาทั้งสองขางและผูกยึดไวกับขอเทา ไมให
ั
ปลายเทาตก มัดมือสองขางประสานกันไวบนหนาทอง จากนั้นผูกผูปวยใหติดกับเฝอกหลาย ๆ
เปลาะ ตั้งแตหนาผากถึงขอเทา ประมาณ 11 เปลาะ ดังภาพที่ 8.37 (ง)
(ก)
(ข)
(ค)
(ง)
ภาพที่ 8.37 การเขาเฝอกชั่วคราวกระดูกสันหลังหักโดยใชไมกระดานแผนยาว
ที่มา (วิรัตน ศรีนพคุณ และศรี ศรีนพคุณ. 2541 : 164)
- 32. 298
2.11.3.2 วิธที่ 2 ใชเฝอกไมกระดานแผนสั้นซึ่งมีความยาว
ี
เทากับครึ่งตัวผูปวย ใชในกรณีที่ผูปวยติดอยูในรถแลวมีปญหาที่กระดูกสันหลัง ไมสะดวกตอการ
นําเฝอกไมกระดานแผนยาวเทากับตัวผูปวยมาใช ในกรณีที่รถยนตชนกัน ผูปวยจะอยูในทานั่ง
เฝอกไมกระดานแผนสั้นนีใชหามผูปวยไมไดจะตองใชเฝอกไมกระดานแผนยาวรวมดวย
้
มีขั้นตอน ดังนี้
1) ผูปฐมพยาบาลคนหนึ่งเขาชวยเหลือทางดานหลังผูปวย
ดวยการดามลําคอไวในลักษณะเงยเล็กนอย ดังภาพที่ 8.38 (ก) ผูปฐมพยาบาลอีกคนหนึ่งสอดเฝอก
ไมกระดานเขาใตหลังผูปวย ถาเปนไปไดความยาวของเฝอกจะตองยาวตั้งแตศีรษะถึงสะโพก
ดังภาพที่ 8.38 (ข)
2) พยายามประคองอยาใหศีรษะเคลื่อนไหว ยึดศีรษะผูปวย
ใหติดกับเฝอกไมกระดานโดยใชผาพันผืนที่หนึ่ง พันรอบหนาผาก อีกผืนหนึ่งพันรอบคอโดยยึด
คางเขาไปดวย อีกสามผืนพันรอบอกและเอวใหตดกับเฝอกไมกระดาน ดังภาพที่ 8.38 (ค)
ิ
3) คอย ๆ ขยับตัวผูปวยออกจากที่น่ง แลวเลื่อนตัวผูปวยให
ั
นอนหงายราบบนเฝอกไมกระดานแผนยาวที่เตรียมไว
(ก)
(ข) (ค)
ภาพที่ 8.38 การเขาเฝอกชั่วคราวกระดูกสันหลังโดยใชไมกระดานแผนสั้น
ที่มา (วิรัตน ศรีนพคุณ และศรี ศรีนพคุณ. 2541 : 165)