More Related Content Similar to เล่าสู่กันฟัง (20) More from ฐิติรัตน์ วงศ์สุวรรณ More from ฐิติรัตน์ วงศ์สุวรรณ (8) เล่าสู่กันฟัง1. สิ่งดีๆที่อยากเล่าสู่กันฟัง
วิธีการอ่านหนังสือภาษาอังกฤษให้ได้ผลดีที่สุด
ลักษณะที่สาคัญอย่างหนึ่งของนักอ่านที่ดีคือ การไม่เปิดพจนานุกรมขณะอ่าน คนส่วนใหญ่นิยมเปิด
พจนานุกรมไปพร้อม ๆ กับอ่านหนังสือไปด้วย เพื่อหาความหมายของคาศัพท์ที่ไม่รู้ แต่อาจารย์กลับแนะนา
ว่าพจนานุกรมอังกฤษ –ไทยมีไว้เพื่อตรวจสอบความเข้าใจของเราอีกครั้ง ไม่ได้มีไว้ให้ค้นความหมายเพียง
อย่างเดียว อีกปัญหาหนึ่งของการใช้พจนานุกรมอย่างไม่ระวังคือ ผู้อ่านมักเลือกความหมายแรกของคาที่
ปรากฎในพจนานุกรมไปใช้เลย ทาให้เกิดปัญหาว่า ผู้อ่านรู้ความหมายของศัพท์ทุกคา แต่ก็ยังไม่เข้าใจเนื้อ
เรื่อง ทั้งนี้เป็นเพราะความหมายที่เปิดได้จากพจนานุกรมไม่สอดคล้องกับเนื้อเรื่องนั่นเอง
ควรอ่านจากต้นฉบับ !!
“แล้วหนูไม่คิดหรือว่า คนแปลเขาแปลเพี้ยนหรือเปล่า ถ้าเป็นแม่สมัยก่อน แม่แปลไม่ได้ แม่ก็จะอ่านข้าม ๆ
ไป บางอย่างคิดไม่ออกก็ข้ามไป คนแปลเขาอาจจะแปลผิดก็ได้ ” อาจารย์พนิตนาฏเคยสอนลูกสาวและลูก
ศิษย์เสมอว่า การไม่ได้อ่านต้นฉบับคือความขาดทุน ต่อให้อ่านละเอียดแค่ไหน ก็เก็บเนื้อความได้ไม่
ครบถ้วนเหมือนได้อ่านต้นฉบับ ดังนั้น การฝึกอ่านหนังสือภาษาอังกฤษให้เก่ง จึงเป็นการเปิดโอกาสสร้าง
กาไรให้กับชีวิต เพราะเราจะได้อ่านหนังสือภาษาอังกฤษดี ๆ จากปลายปากกาของนักเขียนโดยตรงเลย
ข้อคิด…!!
เน้นว่าการอ่านสาคัญมาก…มาก
“การพูดไม่ได้สาหรับครูนั้นเรื่องเล็ก แต่ถ้าอ่านไม่ได้ แปลว่าคุณไม่มีหนทางที่จะหาข้อมูลแล้ว ลองนึกดู
เรื่องง่าย ๆ อย่างฝรั่งมาถามทาง เรารู้ว่าเขาถามอะไร รู้แต่ว่า Turn left หรือTurn right แต่ Turn ไปแล้ว จะ
เจออะไร? ไม่รู้แล้ว นั่นก็เพราะไม่ได้อ่าน ถ้าเราอ่านบ่อย ๆ เราก็จะรู้ เพราะความรู้ทุกอย่างอยู่ในหนังสือ
2. หรือมิเช่นนั้น ก็ต้องเลือกวิธีท่องศัพท์ ถามว่าอยากท่องไหม? ก็คงตอบโดยพร้อมเพรียงกันว่า ไม่อยาก
ท่อง ปัญหาของเด็กสมัยนี้มีหลายปัญหามาก แต่ต้นตอของปัญหา มาจากการที่เราไม่เป็นนักอ่าน แม้แต่
ภาษาไทย เรายังไม่อ่านด้วยซ้า”
Credit: http://kbusociety.eduzones.com/th/archives/8248
Credit >> http://club.myfri3nd.com/dek-rak-rian/webboard/1050/22337
“เคล็ดลับ”
โดยหลักใหญ่ใจความที่อาจารย์ James แนะนาก็คือพยายามให้เราจับใจความ “บริบทของเนื้อหา” ที่เราอ่าน
ให้ได้ เราไม่จาเป็นต้องรู้ความหมายของคาศัพท์ทุกคาเวลาเราอ่านรอบแรก โดยเราสามารถอาศัยความหมาย
ของคาศัพท์ที่เราพอรู้มาช่วยในการเดาบริบทหลัก ๆ ของเนื้อหาได้ (บริบทของเนื้อหาค่อนข้างสาคัญสาหรับ
การสร้างความเข้าใจเนื้อเรื่องที่เราอ่านนะครับ) โดยสามารถแบ่งขั้นตอนการอ่านออกได้ดังนี้
1. ให้อ่านอย่างรวดเร็ว อ่านให้จบทั้งบทความโดยยังไม่ต้องไปเสียเวลาเปิด Dictionary หาความหมายของ
ศัพท์แต่ละคา โดนการอ่านรอบแรกนี้ให้เราเลือกขีดเส้นใต้คาศัพท์ที่เราไม่รู้ความหมาย ในการที่เราอ่านให้
จบทั้งหมด ในส่วนของคาศัพท์ที่เราพอรู้ความหมายจะช่วยให้เราเข้าใจภาพรวมหรือบริบทโดยรวมของ
เนื้อหาได้ครับ
2. อ่านอีกครั้งหนึ่ง ในการอ่านรอบที่ 2 ให้เราหาความหมายของคาศัพท์ที่เราไม่รู้ จากนั้นให้เราทาการสรุป
ความหมายของแต่ละย่อหน้า (อาจจะเป็น 1 หรือ 2 ประโยคก็ได้) โดยเราสามารถเลือกเขียนสรุปความหมาย
ดังกล่าวนั้นในรูปแบบภาษาของเราเอง (ตรงนี้จะช่วยให้เราเรียบเรียงความคิด ความเข้าใจในหัวสาหรับ
คาศัพท์ใหม่ ๆ ของเราออกมา)
3. จากนั้นอ่านเนื้อหาทั้งหมดอีกครั้งหนึ่ง โดยในการอ่านครั้งนี้ให้เราสรุปเนื้อหาทั้งหมดออกมา แน่อนเลย
ว่าในการอ่านครั้งที่ 3 นี้เราก็จะเข้าใจเนื้อหาต่าง ๆ ได้มากขึ้น แต่การที่เราพยายามจะสรุปเนื้อหาทั้งหมด
ออกมา มันจะช่วยเราในการปะติดปะต่อเนื้อเรื่องทั้งหมด (เราจะได้โยงความเข้าใจของเราเข้าไว้ด้วยกัน)
3. แน่นอนเลยว่า มันอาจจะดูเหนื่อยในการที่ต้องอ่านเนื้อหาเดิม ๆ ถึง 3 รอบ แต่การฝึกฝนแบบนี้ จะช่วยสร้าง
ความเข้าใจในการอ่านบทความภาษาอังกฤษของเรา จาความหมายของคาศัพท์ใหม่ ๆ ได้ และรู้ว่าคาศัพท์
ดังกล่าวเมื่อไปอยู่ในบริบทของเนื้อเรื่องแล้ว มันมีความหมายว่าอย่างไร มันเอาไปใช้ยังไง (ดีกว่าท่องจา
แบบนกแก้วนกขุนทอง)
Credit: http://www.englishsunday.com/blog/2011/04/reading-comprehension/
“คำคมชีวิต”
4. The happiest people don't have the best of everything, they just make
the best of everything.
“ คนที่มีความสุขที่สุด ไม่ใช่คนที่ "มี" ทุกอย่างในชีวิตดีที่สุด แต่คือคนที่
สามารถ "ทา" ทุกอย่างในชีวิตให้ดีที่สุด ”
5. Life is too short to spend time with people who suck the hapiness
out of you.
“ชีวิตคนเราสั้นเกินกว่าที่จะเสียเวลา
ให้กับคนที่พรากความสุขไปจากเรา”
6. Difference between school and life?
In school you are taught a lesson and then given a test.
In life, you are given a test that teaches you a lesson.
“ ชีวิตวัยเรียนและชีวิตจริงแตกต่างกันตรงที่..
ชีวิตวัยเรียน เราได้รับการสอนบทเรียนก่อนทาแบบทดสอบ
แต่ในชีวิตจริงนั้น เราจะได้ทาแบบทดสอบที่จะสอนบทเรียนให้กับเรา ”
7. Tell me and I forget. Teach me and I remember. Involve me and I learn.
“ บอกฉัน ฉันจะลืม สอนฉัน ฉันจะจา แต่ถ้าให้ฉันได้ทา ฉันจะเรียนรู”
้
Credit: http://www.zoneza.com/25-view5431.htm