SlideShare a Scribd company logo
1 of 24
Download to read offline
ณ ห้วงน้ำสีน้ำเงินอันกว้ำงใหญ่ไพศำล อำณำจักรท้องทะเลที่ครอบคลุมถึง 3 ใน
4 ส่วนของพืนที่โลก จึงเปรียบโลกใต้ทะเลดังมำรดำของสรรพสิ่ง ซึ่งมีตังแต่ขนำด
เล็กๆ ที่ไม่อำจมองเห็นด้วยตำเปล่ำ ไปจนถึงชีวิตที่มีขนำดใหญ่ที่สุดในโลก ภำยใต้
ท้องทะเลจึงเต็มไปด้วย ควำมหลำกหลำยของชีวิต ที่มีจ้ำนวนมำกมำยมหำศำล โลก
ใต้ทะเลจึงเป็นแหล่งรวมธรรมชำติอันยิ่งใหญ่ และทรงคุณค่ำที่สุดแห่งหนึ่งของ
มนุษยชำติ
โครงกำร BRT ได้พัฒนำชุดโครงกำร "ควำมหลำกหลำยทำงชีวภำพทำงทะเล : ขนอม-หมู่เกำะทะเลใต้" เพื่อ
สนับสนุนงำนวิจัยและฝึกอบรมควำมหลำกหลำยทำงชีวภำพของท้องทะเลของไทย ซึ่งยังขำดข้อมูลชีววิทยำพืนฐำนจ้ำนวนมำก
ในขณะที่ประเทศไทยมีชำยฝั่งทะเลที่ยำว มีพืนที่ทำงทะเลทังฝั่งอ่ำวไทยและฝั่งอันดำมันรวมกันประมำณ 420,000 ตร.กม.
และมีแนวชำยฝั่งยำวประมำณ 2,600 กม. ก่อให้เกิดควำมหลำกหลำยของทรัพยำกรชีวภำพทำงทะเล และผลผลิตทำงกำร
ประมงสูง อีกทังยังมีชำยหำดที่ขำวสะอำด รวมทังแนวปะกำรังที่สวยสดงดงำม ซึ่งเป็นแหล่งดึงดูดกำรท่องเที่ยวทำงทะเลได้
เป็นอย่ำงดี กำรศึกษำวิจัยควำมหลำกหลำยทำงชีวภำพภำพทำงทะเลจะท้ำให้ได้ข้อมูลพืนฐำนทำงชีววิทยำ เพื่อกำรวำง
แผนกำรบริหำรจัดกำรทรัพยำกรชีวภำพทำงทะเลอย่ำงเหมำะสม
ชุดโครงกำรนีอยู่ภำยใต้กำรบริหำรจัดกำรโดยกลุ่มนักวิจัยจำกหลำกหลำยสำขำวิชำกำร มีระยะเวลำ 3 ปี (พ.ศ 2549-
2551) เน้นกำรวิเครำะห์ข้อมูลอย่ำงบูรณำกำรทังทำงด้ำนชีวภำพและกำยภำพ เพื่อส้ำรวจและประมวลองค์ควำมรู้พืนฐำน
ทำงด้ำนทะเลไทย โดยเฉพำะอย่ำงยิ่งกำรติดตำมตรวจสอบระบบนิเวศทำงทะเลในระยะยำว เพื่อศึกษำปัจจัยกำรเปลี่ยนแปลง
ทำงกำยภำพ โดยเฉพำะอุณหภูมิของน้ำทะเลที่สูงขึน ซึ่งจะผลต่อกำรเปลี่ยนแปลงควำมหลำกหลำยทำงชีวภำพของสิ่งมีชีวิตใน
ทะเล โดยมีพืนที่วิจัยอยู่ที่อุทยำนแห่งชำติขนอมหมู่เกำะทะเลใต้ จ.นครศรีธรรมรำช
ชุดโครงกำรดังกล่ำวนอกจำกมีโครงกำร BRT เป็นผู้สนับสนุนงบประมำณส่วนหนึ่งแล้ว ยังได้สร้ำงหุ้นส่วนร่วมกับ
มูลนิธิโททำล (TOTAL FOUNDATION) และบริษัทโททำล อีแอนด์พี ไทยแลนด์ (TOTAL E&P THAILAND) ซึ่งประกอบธุรกิจ
ด้ำนพลังงำน และเป็นผู้ร่วมลงทุนส้ำรวจและผลิตก๊ำซธรรมชำติในอ่ำวไทย โดยบริษัทต้องกำรแสดงควำมรับผิดชอบต่อสังคม
เชิงบรรษัทหรือของธุรกิจ หรือ Corporate Social Responsibility (CSR) ด้วยกำรสนับสนุนทุนวิจัยร่วมกับโครงกำร BRT ใน
กำรอนุรักษ์ทรัพยำกรชีวภำพของประเทศไทยอย่ำงยั่งยืน
ปลำหมึกลูกหมู (Piglet Squid)ปลำหมึกลูกหมูมีชื่อสำมัญว่ำ Deep Sea Cranchid Squid เป็นปลำหมึกขนำดเล็ก อยู่ในจีนัสเฮ
ลิคอเครนเชีย (Helicocranchia) คลำส เซฟำโลโพดำ (Cephalopoda) ไฟลัมมอลลัสกำ (Phylum Mollusca) นักวิทยำศำสตร์
คำดว่ำ มีปลำหมึกลูกหมู ในจีนัสเฮลิคอเครนเชีย ประมำณ 14 สปีซีส์ แต่ปัจจุบันรู้จักกันเพียง 3 สปีซีส์ ในภำพเป็น สปีซีส์
pfefferi ปลำหมึกลูกหมู อำศัยอยู่ใต้ทะลึก ถึง 4,000 เมตร ลักษณะเด่นของมันคือ มีรูปร่ำงหน้ำตำ คล้ำยกำร์ตูน หนวดตัง
ตรง บนหัวคล้ำยกับผม ซึ่งต่ำงจำกปลำหมึกชนิดอื่นๆ และ มีครีบคล้ำยใบพัด ที่ปลำยล้ำตัว
ปลำหมึกดับโบเป็นปลำหมึกสปีซีส์ สโตทูธีส ไซเทนซิส Stauroteuthis syrte หนึ่งในสองสปีซีส์ ของจีนีส สโตทูทีส
(stauroteuth) จีนัสเดียวในแฟมิลี สโตทูไทได (Stauroteuthidae) คลำสเซฟำโลโพดำ ไฟลัมมอสลัสกำ มัน มีรูปร่ำงคล้ำยระฆัง
ลักษณะเด่นคือ มีตุ่มหรือ หน่อจ้ำนวนมำก อยู่ที่หนวดหรือแขน ซึ่งผลิตแสงสว่ำงได้ และ มีหูคล้ำยครีบ อยู่เหนือดวงตำ
ปลำหมึกแวมไพร์เป็นปลำหมึกสปีซีส์ อินเฟอร์นำลิส (Vampyroteuthis infernalis ) ซึ่งหมำยถึง "ปลำหมึกแวมไพร์จำกนรก"
อยู่ในจีนัสแวมไพร์ทูทีส (Vampyroteuthis) แฟมีลี แวมไพร์โรทูไทได (Vampyroteuthidae) คลำสเซฟำโลโพดำ ไฟลัมมอสลัสกำ
ปลำหมึกชนิดนีอำศัยอยู่ในระดับน้ำ ลึก 300-3,000 เมตร ลักษณะเด่นของมันคือ มีดวงตำสีน้ำเงิน ผิวหนังสีน้ำตำลแดง มี
พังผืดเหมือนกระโปรงรอบๆ ขำ และมีหูคล้ำยครีบเหนือดวงตำเช่นเดียวกับปลำหมึกดัมโบ นอกจำกนันมันยังมีอวัยวะผลิตแสงสี
น้ำเงิน ซึ่งท้ำให้ศัตรูมองเห็นมันได้ยำก
ไซโฟโนฟอร์เป็นสัตว์ทะเลในไฟลัมไนเดเรีย (cnidaria) คลำสไฮโดรชัว (Hydrozoa) มันเป็นญำติกับแมงกะพรุน ลักษณะเด่นของ
มันคือไม่ใช่สัตว์ทะเลที่อยู่เดี่ยวๆ แต่มีโคโลนี (colony) หรือมีสัตว์ทะเลอื่นๆ ในสปีซีส์เดียวกันมำอำศัยรวมกันอยู่ด้วย และยัง
พึ่งพำอำศัยซึ่งกันและกัน เช่น ปกป้องโคโลนีจำกกำรโจมตีของศัตรู และรวมกันโจมตีเหยื่อที่มีขนำดใหญ่กว่ำ ตัวอย่ำง ของกำร
อยู่รวมกันเป็นโคโลนี คือ มดและผึง ไซโฟโนฟอร์ที่รู้จักกันดีที่สุดคือ "Portuguese man - of - war " ซึ่งมักเข้ำใจผิดว่ำเป็น
แมงกะพรุน
1 หยุดเติมสำรพิษลงสู่ท้องทะเล
มลภำวะทำงทะเลมีหลำยรูปแบบ ตังแต่น้ำมันหลำยล้ำนแกลลอนที่รั่วไหลมำจำกถนนหนทำง จนถึง
แพขยะใหญ่แปซิฟิก (Great Pacific Garbage Patch) แต่มลพิษที่เลวร้ำยที่สุดคือ ก๊ำซไนโตรเจน
และสำรฟอสฟอรัสที่มำจำกปุ๋ยและสิ่งปฏิกูล เมื่อก๊ำซและสำรเหล่ำนันถูกชะล้ำงไหลลงสู่ทะเลชำยฝั่ง
สำหร่ำยทะเลเมื่อได้รับก๊ำซและสำรเหล่ำนันก็จะเติบโตอย่ำงหนำแน่น เมื่อสำหร่ำยตำยและย่อยสลำย
ก๊ำซออกซิเจนในน้ำจะถูกดึงน้ำมำใช้ และท้ำให้สัตว์น้ำขำดออกซิเจนและตำยไป ปรำกฏกำรณ์นีมี
ชื่อว่ำ “ปรำกฏกำรณ์น้ำทะเลเปลี่ยนสี” หรือ “Eutrophication” ซึ่งเป็นปรำกฏกำรณ์ที่ก่อให้เกิดเขต
มรณะอย่ำงน้อย 450 แห่งทั่วโลก
สิ่งปฏิกูลจำกมนุษย์เป็นสำเหตุส้ำคัญที่ก่อให้เกิดปรำกฏกำรณ์น้ำทะเลเปลี่ยนสีในประเทศที่ก้ำลัง
พัฒนำ แต่ในประเทศสหรัฐอเมริกำ ประเทศในทวีปยุโรป และสำธำรณะรัฐประชำชนจีน สิ่งปฏิกูล
จำกสัตว์และปุ๋ยเป็นปัจจัยที่ส้ำคัญที่สุด เฉพำะในเขตสหรัฐฯ ไก่จ้ำนวน 10 ล้ำนตัว โค 80 ล้ำนตัว
และสุกร 149 ล้ำนตัว ผลิตมูลสัตว์จ้ำนวน 500 ล้ำนตันต่อปี นอกจำกนี ยังมีกำรใช้ปุ๋ยสังเครำะห์อีก
55 ล้ำนตัน ปฏิกูลและปุ๋ยเหล่ำนีจะถูกชะล้ำงลงสู่พืนที่ลุ่ม ผลที่เกิดขึนคือเขตมรณะที่ใหญ่ที่สุด
ของโลกเริ่มแผ่ขยำยจำกปำกแม่น้ำมิซซิสซิปปี้ โดยเฉพำะในช่วงฤดูร้อน ซึ่งเป็นช่วงฤดูเกษตรกรรม
ในเขตตะวันออกกลำงของสหรัฐฯ เขตมรณะอำจจะขยำยใหญ่ได้เท่ำกับรัฐนิวเจอร์ซีย์
(22,500 ตำรำงกิโลเมตร)
เมื่อสองศตวรรษที่ผ่ำนมำ คุณสมบัติทำงเคมีของมหำสมุทรมีกำรเปลี่ยแปลงในหลำยๆ ด้ำน เช่น
น้ำทะเลมีควำมเป็นกรดมำกขึนถึงร้อยละ 30 ถึงแม้ว่ำจะไม่มำกพอที่จะเผำไหม้ผิวหนังของมนุษย์
(ซึ่งก็เป็นไปได้ในอีกไม่นำนนี) แต่น้ำทะเลก็มีควำมเป็นกรดมำกพอที่จะกัดกร่อนกระดองหรือ
เปลือกแข็งของสัตว์ทะเลหลำยๆ ชนิด ซึ่งส่งผลร้ำยแรงแก่ระบบนิเวศน์ทำงทะเลทังหมด
ตัวอย่ำงผลกระทบดังกล่ำว เช่น ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่ำนมำนี Pteropods หรือสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลัง
จ้ำพวกหอยกำบเดี่ยวซึ่งเป็นสัตว์ส้ำคัญในห่วงโซ่อำหำรของมหำสมุทรแถบขัวโลกมีเปลือกที่บำง
ลงอย่ำงชัดเจน จำกกำรทดลอง เปลือกของ Pteropods จะหำยไปโดยสินเชิงหำกน้ำทะเลมีควำม
เป็นกรดมำกกว่ำนี ในขณะเดียวกัน นักวิทยำศำสตร์พบว่ำในมหำสมุทรแปซิฟิกทำงตะวันตกเฉียง
เหนือมีควำมเป็นกรดและส่งผลกระทบรุนแรงแก่ไข่ของหอยนำงรม และแน่นอนหำกน้ำทะเลมีควำม
เป็นกรดมำกขึนๆ พันธุ์ปลำ ระบบนิเวศน์และปะกำรังที่ก้ำลังจะสูญพันธุ์อื่นๆ ก็จะเป็นรำยต่อไป
วัฏจักรของน้ำคือกำรหมุนเวียนเปลี่ยนแปลงของน้ำ ซึ่งเริ่มต้นขึนจำกกำรระเหยของน้ำทะเล (หรือแหล่งน้ำอื่นๆ) จำกนันก็ตก
ลงมำเป็นฝน และระเหยกลับเป็นไออีกครัง เมื่อสภำวะอำกำศของโลกมีอุณหภูมิที่สูงขึนวัฏจักรของน้ำก็มีควำมเข้มข้นมำกขึน
พืนผิวของมหำสมุทรทั่วโลกมีเข้มข้นของเกลือมำกขึน ท้ำให้กำรก้ำเนิดฝนขำดควำมสมดุล ไอระเหยของน้ำส่วนที่เพิ่มขึนมำจะ
กลำยเป็นฝนและตกในพืนที่ที่มีควำมชืนมำกพออยู่แล้ว เช่น พืนที่ป่ำเขตร้อน และแถบสแกนดิเนเวีย ส่งผลให้เกิดพำยุที่รุนแรง
ขึนและน้ำท่วมถี่มำกขึนในเขตดังกล่ำว ในขณะเดียวกันบริเวณทำงเหนือและทำงใต้ของพืนที่เขตร้อนซึ่งเป็นบริเวณที่ค่อนข้ำงมี
ควำมเข้มข้นของเกลือมำกกว่ำบริเวณอื่นๆ อยู่แล้ว จะมีควำมเข้มข้นของเกลือมำกขึนๆ และมีอุณหภูมิสูงขึน พืนที่ที่มีควำม
เข้มข้นของเกลือมำกๆ เช่น พืนที่ทะเลทรำย ซึ่งเป็นบริเวณที่สิ่งมีชีวิตไม่สำมำรถอำศัยอยู่ได้ จะขยำยบริเวณกว้ำงมำกขึน
วิธีลดปริมำณพันธุ์พืชและสัตว์ผู้บุกรุกที่ดีที่สุดสำมำรถท้ำได้โดยกำรป้องกันไม่ให้พันธุ์พืชและสัตว์เหล่ำนันเข้ำมำในพืนที่ตังแต่
ตอนแรก โดยส่วนมำกพันธุ์พืชและสัตว์ผู้บุกรุกจะติดมำกับน้ำใต้ท้องเรือขนส่งสินค้ำที่เดินทำงมำยังประเทศสหรัฐฯ จ้ำนวน
ประมำณ 1 แสนล้ำในทุกๆ ปี ในตอนนี EPA และ Coast Guard ก้ำลังร่ำงเกณฎ์บังคับเกี่ยวกับน้ำใต้ท้องเรือ โดยกำร
ก้ำหนดระดับจ้ำนวนพันธุ์สัตว์และพืชที่ติดมำกับน้ำใต้ท้องเรือ ในขณะเดียวกัน บริษัทต่ำงๆ ก็ก้ำลังพัฒนำวิธีกำรจัดกำรกับน้ำ
ใต้ท้องเรือเพื่อให้ผ่ำนเกณฎ์มำตรฐำนดังกล่ำว ตัวอย่ำงวิธีกำรจัดกำร เช่น กำรใช้เครื่องกรองน้ำที่ควบคุมด้วยระบบ
คอมพิวเตอร์ และกำรฉำยรังสีอัลตรำไวโอเลต แต่ส้ำหรับพืชและสัตว์ผู้บุกรุกที่ตังรกรำกแล้ว สิ่งที่ท้ำได้คือกำรจ้ำกัดจ้ำนวน
ของพืชและสัตว์นันๆ กำรบริโภคพืชและสัตว์นันๆ ก็เป็นอีกวิธีกำรหนึ่ง โดยในปี พ.ศ. 2552 The National Oceanic and
Atmospheric Administration ได้จัดท้ำโครงกำรส่งเสริมให้ชำวประมงและผู้ประกอบธุรกิจอำหำรน้ำ Lionfish มำปรุงเป็นอำหำร
ในช่วงเวลำ 20 ปีที่ผ่ำนมำ แนวปะกำรังจ้ำนวนถึงหนึ่งในสำมของปริมำณทังหมดทั่วโลกถูกท้ำลำยไป ปะกำรังในเขตชำยฝั่ง
ของประเทศศรีลังกำ ประเทศแทนซำเนีย ประเทศเคนยำ สำธำรณะรัฐมัลดีฟ และสำธำรณะรัฐเซเชลส์ เสี่ยงต่อกำรสูญพันธุ์
ถ้ำหำกมหำสมุทรมีอุณหภูมิที่สูงขึนอีก 7 องศำฟำเรนไฮต์ในอีก 3 ทศวรรษข้ำงหน้ำตำมที่นักวิทยำศำสตร์คำดกำรณ์ไว้ ร้อย
ละ 95 ของแนวปะกำรังจะหำยไป สำเหตุหลักของกำรตำยของปะกำรังคือปรำกฎกำรณ์ปะกำรังฟอกขำว เมื่ออุณหภูมิของน้ำ
สูงขึนเชือแบคทีเรียในน้ำขยำยพันธุ์อย่ำงรวดเร็วและท้ำลำยสำหร่ำยทะเลที่อำศัยและมีควำมสัมพันธ์แบบพึ่งพิงซึ่งกันและกันกับ
ปะกำรัง โดยสำหร่ำยทะเลจะเปลี่ยนแสงอำทิตย์ให้เป็นพลังงำนซึ่งอยู่ในรูปของน้ำตำลให้กับปะกำรังซึ่งเป็นพืชผู้ให้อำศัย ดังนัน
เมื่อสำหร่ำยตำยไป ก็จะเหลือแต่ปะกำรังที่ขำวซีด
ปะกำรังบำงสำยพันธุ์ใน Red Sea และ ใน Persian Gulf สำมำรถรอดพ้นจำกชะตำกรรมนีได้ แม้ว่ำจะไม่มีใครบอกได้ชัดเจน
ว่ำเกิดจำกสำเหตุใด แต่ Eugene Rosenberg นักวิทยำศำสตร์จุลชีววิทยำจำก Tel Aviv University ได้เสนอควำมคิดว่ำ
แบคทีเรียที่แตกต่ำงสำยพันธุ์ก่อให้เกิดผลลัพธ์ที่แตกต่ำงกัน ปะกำรังมีแบคทีเรียหลำกหลำยพันธุ์อำศัยอยู่ภำยในเช่นเดียวกับ
ร่ำงกำยของมนุษย์ แบคทีเรียบำงประเภทช่วยให้ปะกำรังปรับตัวเข้ำกับสิ่งแวดล้อมได้
เมื่อน้ำทะเลใน Red Sea มีอุณหภูมิสูงขึนถึง 77 องศำฟำเรนไฮต์ แบคทีเรียที่ไม่ใช่สำยพันธุ์ท้องถิ่นที่มีชื่อว่ำ Vibrio
Coralliilyticus จะเข้ำจู่โจมสำหร่ำยในปะกำรังบำงสำยพันธุ์ แต่ในขณะเดียวกัน น้ำในอุณหภูมิที่เท่ำกันอำจจะกระตุ้นให้แบคทีเรีย
ในปะกำรังบำงประเภทมีปฏิกริยำที่ช่วยปกป้องสำหร่ำย นี่อำจจะช่วยอธิบำยได้ว่ำท้ำไมปะกำรังบำงชนิดถึงไม่ถูกฟอกขำวในน้ำที่
มีอุณหภูมิสูง
วิธีแก้ไขปัญหำที่จะประสบควำมส้ำเร็จจะต้องเป็นวิธีที่มีต้นทุนต่้ำและปฏิบัติได้ง่ำย Jeffry Fasick รองศำสตรำจำรย์แห่ง Kean
University ก้ำลังท้ำกำรศึกษำเกี่ยวกับกำรปกป้องปลำวำฬในเขต North Atlantic โดยกำรใช้เชือกหลำกสีที่ปลำวำฬสำมำรถ
มองเห็นและหลีกเลี่ยงได้ และยังมีกำรน้ำห่วงเหล็กที่มีควำมหนำน้อยลงมำใช้ในเครื่องมือจับปลำ เพรำะห่วงเหล็กที่มีขนำดเล็ก
ลงจะไม่สำมำรถรับน้ำหนักของปลำขนำดใหญ่ เช่น ปลำฉลำมหรือปลำวำฬได้ ในกำรทดสอบ NOAA พบว่ำห่วงเหล็กที่มีควำม
หนำน้อยลงสำมำรถช่วยลดปริมำณ Bycatch ของปลำทูน่ำครีบน้ำเงินได้ถึงร้อยละ 56 ซึ่งเป็นปริมำณที่มำกพอสมควร
1. สัตว์ที่อำศัยอยู่ในเขตน้ำขึนน้ำลง ตำมปกติแล้วระดับน้ำของทะเลจะมีกำรเปลี่ยนแปลงเป็นประจ้ำทุกวัน คือ วันละ ครังหรือ
สองครัง เนื่องจำกอิทธิพลของดวงจันทร์และดวงอำทิตย์ โดยเรำทรำบได้จำกกำรสังเกตในเวลำที่มี น้ำขึน-น้ำลง ตำมชำยฝั่ง
หรือตำมเกำะต่ำง ๆ
โดยทั่ว ๆ ไปบริเวณเขตน้ำขึน-น้ำลง จะมีสิ่งมีชีวิตนำนำชนิดอำศัยอยู่มำกมำย ซึ่งจะแตกต่ำงกันไปตำมลักษณะของบริเวณเขต
น้ำขึน-น้ำลง และสิ่งมีชีวิตเหล่ำนีส่วนใหญ่จะมีควำมทนทำนต่อสภำพแวดล้อมที่มีกำรเปลี่ยน แปลงอยู่ตลอดเวลำ บริเวณ
ชำยฝั่งทะเลที่เป็นบริเวณเขตน้ำขึน-น้ำลงนัน จะมีลักษณะแตกต่ำงกันไป ซึ่งเรำสังเกตเห็นได้อย่ำงเด่นชัด เช่น หำดทรำย หำด
หิน และหำดโคลน เป็นต้น
ส้ำหรับส่วนที่จัดแสดงไว้ในสถำนเลียงสัตว์น้ำเค็มของสถำบันวิทยำศำสตร์ทำง ทะเล บำงแสนนี เป็นบริเวณเขตน้ำขึน-น้ำลง
บริเวณที่เป็นหำดหิน และมีน้ำขังอยู่ตำมแอ่งหิน ซึ่งลักษณะเช่นนีเรียกกันทั่วไปว่ำ "แอ่งน้ำขึน-น้ำลง" (Tidal Pool) ตำม
ธรรมชำติตำมแอ่งน้ำขึน-น้ำลงเช่นนีจะพบ กุ้ง ลูกปลำบำงชนิด หอยนำงรม ปูเสฉวน เม่นทะเล ดอกไม้ทะเล ดำวทะเล ฯลฯ
2. ปลำในแนวปะกำรัง
บริเวณแนว ปะกำรังนับเป็นแหล่งที่มีควำม อุดมสมบูรณ์แห่งหนึ่งของทะเล เพรำะสัตว์ทะเลหลำย ชนิดอำศัยบริเวณนีเป็นที่อยู่
อำศัย เป็นที่หลบ ซ่อนภัยและเป็นแหล่งอำหำร นอกจำกนีแล้ว ยังใช้เป็นที่ส้ำหรับผสมพันธุ์ วำงไข่ และเจริญเติบ โตของสัตว์ตัว
อ่อนอีกด้วย ส้ำหรับปลำที่อำศัยอยู่ในบริเวณนีส่วนใหญ่ จะเป็นปลำที่มีขนำดและมีสีสันสวย งำม เช่น ปลำสลิด ปลำกำร์ตูน
ปลำเขียวพระอินทร์ ปลำผีเสือ และปลำโนรี เป็นต้น
3. กำรอยู่ร่วมกันของสิ่งมีชีวิต
สิ่งมีชีวิตในทะเลเหมือนกับสิ่งมีชีวิตบน บกคือ มีกำรอยู่ร่วมกัน และพึ่งพำอำศัยกัน ในรูปแบบต่ำง ๆ เช่น กำรอยู่ร่วมกันแบบที่
เรียกว่ำ "ซิมไบโอซิส" (Symbiosis) ซึ่งหมำยถึงกำรที่สิ่ง มีชีวิตสองชนิดอำศัยอยู่รวมกัน หรืออยู่ ปนกันโดยต่ำงฝ่ำยต่ำงได้รับ
ประโยชน์ซึ่ง กันและกัน เช่น ปลำกำร์ตูน หรือ ปลำอินเดียแดงสำมำรถอยู่ร่วมกับ ดอกไม้ทะเล (sea anemone) ได้ โดยที่ปลำ
เหล่ำนีจะอำศัยดอกไม้ทะเลเป็นที่หลบ ภัยและสืบพันธุ์ ส่วนดอกไม้ทะเลจะได้รับ ประโยชน์จำกปลำโดยกำรล่อเหยื่อหรือชัก น้ำ
เหยื่อให้เข้ำมำใกล้พอที่ดอกไม้ทะเล จะจับเป็นอำหำรได้
ดอกไม้ทะเลมีหนวดอยู่เป็นจ้ำนวนมำกและ ที่บริเวณปลำยหนวดของมันจะมีเข็มพิษหรือ ที่เรียกว่ำ "นีมำโตซีส" (Nematocyst)
อยู่เป็นจ้ำนวน มำก นอกจำกเข็มพิษนีแล้ว บริเวณหนวดของดอกไม้ ทะเลอำจ มีเมือกเหนียว ๆ อยู่ด้วย เวลำที่ปลำว่ำยเข้ำ
มำใกล้ตัวมันจะใช้หนวดพันปลำไว้ แล้ว จะปล่อยเข็มพิษ ท้ำให้ปลำสลบหรือช็อคตำยแล้ว กินปลำนันเป็นอำหำร
ส้ำหรับเข็มพิษของดอกไม้ทะเลเหล่ำนีไม่ เป็นอันตรำยต่อปลำกำร์ตูน ปลำอินเดียแดงหรือปลำที่ อยู่ร่วมกับดอกไม้ทะเลเหล่ำนี
เพรำะปลำดัง กล่ำวมีสำรเคมีที่มีลักษณะเป็นเมือกหุ้ม ตัวอยู่โดยรอบ ซึ่งเป็นลักษณะที่ธรรมชำติสรรค์ สร้ำงให้มันอำศัยอยู่
ร่วมกัน โดยทั่ว ๆ ไปดอกไม้ ทะเลอำจไม่มีพิษกับคน ยกเว้นในกรณีของ บำงคนอำจมีอำกำรแพ้เกิดขึนถ้ำไป สัมผัสเข้ำ โดยจะ
เกิดผื่นแดง และมีอำกำรคันหรือ บวมได้
4. สัตว์ไม่มีกระดูกสันหลังน้ำเค็ม
สัตว์โครงร่ำงแข็งที่ไม่ใช่กระดูกอยู่ภำยในล้ำตัว และ บำงชนิดมีเปลือกแข็งหุ้มอยู่ภำยนอก เพื่อป้องกัน อันตรำย และใช้ยึดของ
กล้ำมเนือ เช่น หอย หมึก กุ้ง หนอนทะเล และ ฟองน้ำ ว่ำเป็น สัตว์กลุ่มใหญ่ในทะเลและมหำสมุทร สัตว์จ้ำพวกนี มีลักษณะ
แตกต่ำงกันออกไปทังขนำด รูปร่ำง ที่ อยู่อำศัย และอุปนิสัยในกำรกินอำหำร บำงชนิดมี อันตรำย แต่หลำยชนิดก็มีประโยชน์
และมีควำมส้ำคัญ ทำงเศรษฐกิจ สัตว์เหล่ำนี ได้แก่ สัตว์ในไฟลั่ม โพริเฟอร์รำ (Phylum Porifera) ไฟลั่มซีเลนเท อรำต้ำ
(Phylum Coelenterata) ไฟลั่มมอลลัสกำ (Phylum Mollusca) ไฟลั่มอำร์โทรโปดำ (Phylum Arthropoda) และ ไฟลั่มเอคไคโน
เดิร์มมำต้ำ (Phylum Echinodermata) เป็นต้น
5.ปลำรูปร่ำงแปลกและปลำมีพิษ
ปลำบำงชนิดมีรูปร่ำงแปลก โดยมีรูปร่ำงหรือสีกลมกลืนกับสภำพแวดล้อม เพื่อหลบหลีกศัตรูหรือพรำงตำเหยื่อ ปลำบำง
จ้ำพวกนอกจำกมีรูปร่ำงแปลกแล้ว ยังมีสีสันสวยงำมและมีพิษด้วย ปลำประเภทนีมีประมำณ 500 ชนิด รวมถึงปลำบำงชนิดที่
รับประทำนแล้วเป็นพิษต่อมนุษย์
โดยทั่วไปปลำทะเลต่ำง ๆ นันมีรูปร่ำงผิดแปลกแตกต่ำงกันไปตำมอุปนิสัยกำรกินอำหำรกำรหลบซ่อนตัว หรือกำรอยู่อำศัย
บำงชนิดมีรูปร่ำงแบนลง เพื่อให้เหมำะสมกับกำรหำกินบริเวณหน้ำดิน เช่น ปลำกระเบน ปลำลินหมำ ปลำวัว ปลำไหลทะเล
ปลำปักเป้ำ ปลำสิงโต ปลำเหำฉลำม ปลำฉลำมกบหรือฉลำมแมว ปลำอุบ และ ปลำกะรังหัวโขน เป็นต้น
6.ปลำที่อำศัยในมหำสมุทร
ในทะเลและ มหำสมุทรมีปลำขนำดใหญ่หลำยชนิดอำศัยอยู่ มีขนำดตังแต่ขนำดเล็กจนถึงขนำดใหญ่ ปลำที่มีขนำดเล็กรวมทัง
พวกที่มีสีสันสวยงำมหลำยพวก มักจะอำศัยอยู่ใกล้ฝั่งหรืออยู่ในที่มีอำหำรอุดมสมบูรณ์ มีที่ก้ำบังและหลบภัย อำศัยอยู่มำก
ในช่วงควำมลึกไม่เกิน 1,000 เมตร จำกผิวน้ำ ได้แก่ ปลำที่เรำรู้จักดี เช่น ปลำโอ ปลำกะพงขำว ปลำหมอทะเล ปลำอินทรีย์
ปลำกระเบน ปลำหมอทะเล ปลำฉลำม เป็นต้น ปลำอีกหลำยชนิดอำศัยอยู่ลึกลงไปเกือบถึงพืนสมุทร ซึ่งลึกประมำณ 2,000
เมตร เช่น ปลำคอด เป็นต้น
http://animlsamdsealife.blogspot.com/2013/01/blog-post_14.html
http://www.ostc.thaiembdc.org/article18.html
1.นำงสำวกัญจณ์รัตน์ มงคลจันทร์ เลขที่ 11 ชันม.6/13
2.นำงสำวชลิตำ จอมมูล เลขที่ 25 ชันม.6/13

More Related Content

What's hot

หน้าปกโครงงาน
หน้าปกโครงงานหน้าปกโครงงาน
หน้าปกโครงงานKanistha Chudchum
 
แบบทดสอบ บทที่ 4 ระบบนิเวศ
แบบทดสอบ บทที่ 4 ระบบนิเวศแบบทดสอบ บทที่ 4 ระบบนิเวศ
แบบทดสอบ บทที่ 4 ระบบนิเวศdnavaroj
 
เรื่องประเพณีลอยกระทง
เรื่องประเพณีลอยกระทงเรื่องประเพณีลอยกระทง
เรื่องประเพณีลอยกระทงSasimapornnan
 
Pisa science for จุฬาภรณ ข้อสอบ ชุด1
Pisa science for จุฬาภรณ ข้อสอบ ชุด1Pisa science for จุฬาภรณ ข้อสอบ ชุด1
Pisa science for จุฬาภรณ ข้อสอบ ชุด1Suphanida Montreewiwat
 
แนวคิดปรัชญาสาขาพิพัฒนาการนิยม
แนวคิดปรัชญาสาขาพิพัฒนาการนิยมแนวคิดปรัชญาสาขาพิพัฒนาการนิยม
แนวคิดปรัชญาสาขาพิพัฒนาการนิยมKSPNKK
 
โครงงานน้ำหอมปรับอากาศชนิดเจล
โครงงานน้ำหอมปรับอากาศชนิดเจลโครงงานน้ำหอมปรับอากาศชนิดเจล
โครงงานน้ำหอมปรับอากาศชนิดเจลjellyjel
 
Waterรวมวารีดุริยางค์
Waterรวมวารีดุริยางค์Waterรวมวารีดุริยางค์
Waterรวมวารีดุริยางค์maerimwittayakom school
 
ตัวอย่างการเขียนโครงงาน 5 บท
ตัวอย่างการเขียนโครงงาน 5 บทตัวอย่างการเขียนโครงงาน 5 บท
ตัวอย่างการเขียนโครงงาน 5 บทchaipalat
 
โครงงานวิทยาศาสตร์แชมพูสระผมมะกรูด
โครงงานวิทยาศาสตร์แชมพูสระผมมะกรูดโครงงานวิทยาศาสตร์แชมพูสระผมมะกรูด
โครงงานวิทยาศาสตร์แชมพูสระผมมะกรูดBio Beau
 
รูปแบบการเขียนรายงานโครงงาน 5 บท
รูปแบบการเขียนรายงานโครงงาน 5 บทรูปแบบการเขียนรายงานโครงงาน 5 บท
รูปแบบการเขียนรายงานโครงงาน 5 บทAekapoj Poosathan
 
ชุดกิจกรรมการเรียนรู้แบบเพื่อนคู่คิด เล่มที่ 9 การคูณเศษส่วนมากกว่าสองจำนวน
ชุดกิจกรรมการเรียนรู้แบบเพื่อนคู่คิด เล่มที่ 9 การคูณเศษส่วนมากกว่าสองจำนวนชุดกิจกรรมการเรียนรู้แบบเพื่อนคู่คิด เล่มที่ 9 การคูณเศษส่วนมากกว่าสองจำนวน
ชุดกิจกรรมการเรียนรู้แบบเพื่อนคู่คิด เล่มที่ 9 การคูณเศษส่วนมากกว่าสองจำนวนKanlayaratKotaboot
 
ตัวอย่างโครงงานคอมพิมเตอร์
ตัวอย่างโครงงานคอมพิมเตอร์ตัวอย่างโครงงานคอมพิมเตอร์
ตัวอย่างโครงงานคอมพิมเตอร์tangonjr
 
ระบบจำนวนเต็ม
ระบบจำนวนเต็มระบบจำนวนเต็ม
ระบบจำนวนเต็มsoonthorn saithong
 
บทที่ 2 เอกสารที่เกี่ยวข้อง
บทที่ 2 เอกสารที่เกี่ยวข้องบทที่ 2 เอกสารที่เกี่ยวข้อง
บทที่ 2 เอกสารที่เกี่ยวข้องKittichai Pinlert
 
ใบความรู้+แผนการสอนและใบกิจกรรม ประถม4-6 เรื่อง สารเคมีที่ใช้ในชีวิตประจำวัน+...
ใบความรู้+แผนการสอนและใบกิจกรรม ประถม4-6 เรื่อง สารเคมีที่ใช้ในชีวิตประจำวัน+...ใบความรู้+แผนการสอนและใบกิจกรรม ประถม4-6 เรื่อง สารเคมีที่ใช้ในชีวิตประจำวัน+...
ใบความรู้+แผนการสอนและใบกิจกรรม ประถม4-6 เรื่อง สารเคมีที่ใช้ในชีวิตประจำวัน+...Prachoom Rangkasikorn
 
การชั่ง ชั้น ป.3
การชั่ง  ชั้น  ป.3การชั่ง  ชั้น  ป.3
การชั่ง ชั้น ป.3Dmath Danai
 
Presentation ตลาดชาเขียว
Presentation ตลาดชาเขียวPresentation ตลาดชาเขียว
Presentation ตลาดชาเขียวpurithem
 
สารบัญภาษาไทย
สารบัญภาษาไทยสารบัญภาษาไทย
สารบัญภาษาไทยPoppy Nana
 

What's hot (20)

pretest - postest
pretest - postestpretest - postest
pretest - postest
 
หน้าปกโครงงาน
หน้าปกโครงงานหน้าปกโครงงาน
หน้าปกโครงงาน
 
แบบทดสอบ บทที่ 4 ระบบนิเวศ
แบบทดสอบ บทที่ 4 ระบบนิเวศแบบทดสอบ บทที่ 4 ระบบนิเวศ
แบบทดสอบ บทที่ 4 ระบบนิเวศ
 
เรื่องประเพณีลอยกระทง
เรื่องประเพณีลอยกระทงเรื่องประเพณีลอยกระทง
เรื่องประเพณีลอยกระทง
 
Pisa science for จุฬาภรณ ข้อสอบ ชุด1
Pisa science for จุฬาภรณ ข้อสอบ ชุด1Pisa science for จุฬาภรณ ข้อสอบ ชุด1
Pisa science for จุฬาภรณ ข้อสอบ ชุด1
 
4สารบัญ
4สารบัญ4สารบัญ
4สารบัญ
 
แนวคิดปรัชญาสาขาพิพัฒนาการนิยม
แนวคิดปรัชญาสาขาพิพัฒนาการนิยมแนวคิดปรัชญาสาขาพิพัฒนาการนิยม
แนวคิดปรัชญาสาขาพิพัฒนาการนิยม
 
โครงงานน้ำหอมปรับอากาศชนิดเจล
โครงงานน้ำหอมปรับอากาศชนิดเจลโครงงานน้ำหอมปรับอากาศชนิดเจล
โครงงานน้ำหอมปรับอากาศชนิดเจล
 
Waterรวมวารีดุริยางค์
Waterรวมวารีดุริยางค์Waterรวมวารีดุริยางค์
Waterรวมวารีดุริยางค์
 
ตัวอย่างการเขียนโครงงาน 5 บท
ตัวอย่างการเขียนโครงงาน 5 บทตัวอย่างการเขียนโครงงาน 5 บท
ตัวอย่างการเขียนโครงงาน 5 บท
 
โครงงานวิทยาศาสตร์แชมพูสระผมมะกรูด
โครงงานวิทยาศาสตร์แชมพูสระผมมะกรูดโครงงานวิทยาศาสตร์แชมพูสระผมมะกรูด
โครงงานวิทยาศาสตร์แชมพูสระผมมะกรูด
 
รูปแบบการเขียนรายงานโครงงาน 5 บท
รูปแบบการเขียนรายงานโครงงาน 5 บทรูปแบบการเขียนรายงานโครงงาน 5 บท
รูปแบบการเขียนรายงานโครงงาน 5 บท
 
ชุดกิจกรรมการเรียนรู้แบบเพื่อนคู่คิด เล่มที่ 9 การคูณเศษส่วนมากกว่าสองจำนวน
ชุดกิจกรรมการเรียนรู้แบบเพื่อนคู่คิด เล่มที่ 9 การคูณเศษส่วนมากกว่าสองจำนวนชุดกิจกรรมการเรียนรู้แบบเพื่อนคู่คิด เล่มที่ 9 การคูณเศษส่วนมากกว่าสองจำนวน
ชุดกิจกรรมการเรียนรู้แบบเพื่อนคู่คิด เล่มที่ 9 การคูณเศษส่วนมากกว่าสองจำนวน
 
ตัวอย่างโครงงานคอมพิมเตอร์
ตัวอย่างโครงงานคอมพิมเตอร์ตัวอย่างโครงงานคอมพิมเตอร์
ตัวอย่างโครงงานคอมพิมเตอร์
 
ระบบจำนวนเต็ม
ระบบจำนวนเต็มระบบจำนวนเต็ม
ระบบจำนวนเต็ม
 
บทที่ 2 เอกสารที่เกี่ยวข้อง
บทที่ 2 เอกสารที่เกี่ยวข้องบทที่ 2 เอกสารที่เกี่ยวข้อง
บทที่ 2 เอกสารที่เกี่ยวข้อง
 
ใบความรู้+แผนการสอนและใบกิจกรรม ประถม4-6 เรื่อง สารเคมีที่ใช้ในชีวิตประจำวัน+...
ใบความรู้+แผนการสอนและใบกิจกรรม ประถม4-6 เรื่อง สารเคมีที่ใช้ในชีวิตประจำวัน+...ใบความรู้+แผนการสอนและใบกิจกรรม ประถม4-6 เรื่อง สารเคมีที่ใช้ในชีวิตประจำวัน+...
ใบความรู้+แผนการสอนและใบกิจกรรม ประถม4-6 เรื่อง สารเคมีที่ใช้ในชีวิตประจำวัน+...
 
การชั่ง ชั้น ป.3
การชั่ง  ชั้น  ป.3การชั่ง  ชั้น  ป.3
การชั่ง ชั้น ป.3
 
Presentation ตลาดชาเขียว
Presentation ตลาดชาเขียวPresentation ตลาดชาเขียว
Presentation ตลาดชาเขียว
 
สารบัญภาษาไทย
สารบัญภาษาไทยสารบัญภาษาไทย
สารบัญภาษาไทย
 

Similar to สิ่งมีชีวิตใต้ท้องทะเล

Sea turtles preservation
Sea turtles preservationSea turtles preservation
Sea turtles preservationaunun
 
ชีวิตกับสิ่งแวดล้อม4
ชีวิตกับสิ่งแวดล้อม4ชีวิตกับสิ่งแวดล้อม4
ชีวิตกับสิ่งแวดล้อม4Tatthep Deesukon
 
วัฒนธรรมอาหารไทยจากอดีตสู่ปัจจุบัน (2556).pdf
วัฒนธรรมอาหารไทยจากอดีตสู่ปัจจุบัน (2556).pdfวัฒนธรรมอาหารไทยจากอดีตสู่ปัจจุบัน (2556).pdf
วัฒนธรรมอาหารไทยจากอดีตสู่ปัจจุบัน (2556).pdfVorawut Wongumpornpinit
 
พะยูน
พะยูนพะยูน
พะยูนteryberry
 
ทิ้งถ่วง หรือ หิ่งห้อย
ทิ้งถ่วง หรือ หิ่งห้อยทิ้งถ่วง หรือ หิ่งห้อย
ทิ้งถ่วง หรือ หิ่งห้อยNassaree Jeh-uma
 
ทิ้งถ่วง หรือ หิ่งห้อย
ทิ้งถ่วง หรือ หิ่งห้อยทิ้งถ่วง หรือ หิ่งห้อย
ทิ้งถ่วง หรือ หิ่งห้อยNassaree Jeh-uma
 
การศึกษาคุณภาพน้ำบริเวณแม่น้ำน่านโดยใช้สัตว์ไม่มีกระดูกสันหลังเป็นตัวบ่งชี้
การศึกษาคุณภาพน้ำบริเวณแม่น้ำน่านโดยใช้สัตว์ไม่มีกระดูกสันหลังเป็นตัวบ่งชี้การศึกษาคุณภาพน้ำบริเวณแม่น้ำน่านโดยใช้สัตว์ไม่มีกระดูกสันหลังเป็นตัวบ่งชี้
การศึกษาคุณภาพน้ำบริเวณแม่น้ำน่านโดยใช้สัตว์ไม่มีกระดูกสันหลังเป็นตัวบ่งชี้praewdao
 
9789740331315
97897403313159789740331315
9789740331315CUPress
 
อาณาจักรมอเนอรา โปรติสตา ฟังไจ
อาณาจักรมอเนอรา โปรติสตา ฟังไจอาณาจักรมอเนอรา โปรติสตา ฟังไจ
อาณาจักรมอเนอรา โปรติสตา ฟังไจkrunidhswk
 
E0b982e0b884e0b8a3e0b887e0b887e0b8b2e0b899e0b980e0b884e0b8a3e0b8b7e0b988e0b8a...
E0b982e0b884e0b8a3e0b887e0b887e0b8b2e0b899e0b980e0b884e0b8a3e0b8b7e0b988e0b8a...E0b982e0b884e0b8a3e0b887e0b887e0b8b2e0b899e0b980e0b884e0b8a3e0b8b7e0b988e0b8a...
E0b982e0b884e0b8a3e0b887e0b887e0b8b2e0b899e0b980e0b884e0b8a3e0b8b7e0b988e0b8a...MukMik Melody
 
ระบบนิเวศ
ระบบนิเวศระบบนิเวศ
ระบบนิเวศJira Boonjira
 

Similar to สิ่งมีชีวิตใต้ท้องทะเล (18)

ecosystem
ecosystemecosystem
ecosystem
 
Sea turtles preservation
Sea turtles preservationSea turtles preservation
Sea turtles preservation
 
ชีวิตกับสิ่งแวดล้อม4
ชีวิตกับสิ่งแวดล้อม4ชีวิตกับสิ่งแวดล้อม4
ชีวิตกับสิ่งแวดล้อม4
 
วัฒนธรรมอาหารไทยจากอดีตสู่ปัจจุบัน (2556).pdf
วัฒนธรรมอาหารไทยจากอดีตสู่ปัจจุบัน (2556).pdfวัฒนธรรมอาหารไทยจากอดีตสู่ปัจจุบัน (2556).pdf
วัฒนธรรมอาหารไทยจากอดีตสู่ปัจจุบัน (2556).pdf
 
042147
042147042147
042147
 
พะยูน
พะยูนพะยูน
พะยูน
 
ทิ้งถ่วง หรือ หิ่งห้อย
ทิ้งถ่วง หรือ หิ่งห้อยทิ้งถ่วง หรือ หิ่งห้อย
ทิ้งถ่วง หรือ หิ่งห้อย
 
ทิ้งถ่วง หรือ หิ่งห้อย
ทิ้งถ่วง หรือ หิ่งห้อยทิ้งถ่วง หรือ หิ่งห้อย
ทิ้งถ่วง หรือ หิ่งห้อย
 
Mealy crab
Mealy crabMealy crab
Mealy crab
 
Mealy crab
Mealy crabMealy crab
Mealy crab
 
Inthanond-weir-fish.pdf
Inthanond-weir-fish.pdfInthanond-weir-fish.pdf
Inthanond-weir-fish.pdf
 
การศึกษาคุณภาพน้ำบริเวณแม่น้ำน่านโดยใช้สัตว์ไม่มีกระดูกสันหลังเป็นตัวบ่งชี้
การศึกษาคุณภาพน้ำบริเวณแม่น้ำน่านโดยใช้สัตว์ไม่มีกระดูกสันหลังเป็นตัวบ่งชี้การศึกษาคุณภาพน้ำบริเวณแม่น้ำน่านโดยใช้สัตว์ไม่มีกระดูกสันหลังเป็นตัวบ่งชี้
การศึกษาคุณภาพน้ำบริเวณแม่น้ำน่านโดยใช้สัตว์ไม่มีกระดูกสันหลังเป็นตัวบ่งชี้
 
การเลี้ยงปลา
การเลี้ยงปลาการเลี้ยงปลา
การเลี้ยงปลา
 
9789740331315
97897403313159789740331315
9789740331315
 
Protista5555
Protista5555Protista5555
Protista5555
 
อาณาจักรมอเนอรา โปรติสตา ฟังไจ
อาณาจักรมอเนอรา โปรติสตา ฟังไจอาณาจักรมอเนอรา โปรติสตา ฟังไจ
อาณาจักรมอเนอรา โปรติสตา ฟังไจ
 
E0b982e0b884e0b8a3e0b887e0b887e0b8b2e0b899e0b980e0b884e0b8a3e0b8b7e0b988e0b8a...
E0b982e0b884e0b8a3e0b887e0b887e0b8b2e0b899e0b980e0b884e0b8a3e0b8b7e0b988e0b8a...E0b982e0b884e0b8a3e0b887e0b887e0b8b2e0b899e0b980e0b884e0b8a3e0b8b7e0b988e0b8a...
E0b982e0b884e0b8a3e0b887e0b887e0b8b2e0b899e0b980e0b884e0b8a3e0b8b7e0b988e0b8a...
 
ระบบนิเวศ
ระบบนิเวศระบบนิเวศ
ระบบนิเวศ
 

สิ่งมีชีวิตใต้ท้องทะเล

  • 1.
  • 2. ณ ห้วงน้ำสีน้ำเงินอันกว้ำงใหญ่ไพศำล อำณำจักรท้องทะเลที่ครอบคลุมถึง 3 ใน 4 ส่วนของพืนที่โลก จึงเปรียบโลกใต้ทะเลดังมำรดำของสรรพสิ่ง ซึ่งมีตังแต่ขนำด เล็กๆ ที่ไม่อำจมองเห็นด้วยตำเปล่ำ ไปจนถึงชีวิตที่มีขนำดใหญ่ที่สุดในโลก ภำยใต้ ท้องทะเลจึงเต็มไปด้วย ควำมหลำกหลำยของชีวิต ที่มีจ้ำนวนมำกมำยมหำศำล โลก ใต้ทะเลจึงเป็นแหล่งรวมธรรมชำติอันยิ่งใหญ่ และทรงคุณค่ำที่สุดแห่งหนึ่งของ มนุษยชำติ
  • 3. โครงกำร BRT ได้พัฒนำชุดโครงกำร "ควำมหลำกหลำยทำงชีวภำพทำงทะเล : ขนอม-หมู่เกำะทะเลใต้" เพื่อ สนับสนุนงำนวิจัยและฝึกอบรมควำมหลำกหลำยทำงชีวภำพของท้องทะเลของไทย ซึ่งยังขำดข้อมูลชีววิทยำพืนฐำนจ้ำนวนมำก ในขณะที่ประเทศไทยมีชำยฝั่งทะเลที่ยำว มีพืนที่ทำงทะเลทังฝั่งอ่ำวไทยและฝั่งอันดำมันรวมกันประมำณ 420,000 ตร.กม. และมีแนวชำยฝั่งยำวประมำณ 2,600 กม. ก่อให้เกิดควำมหลำกหลำยของทรัพยำกรชีวภำพทำงทะเล และผลผลิตทำงกำร ประมงสูง อีกทังยังมีชำยหำดที่ขำวสะอำด รวมทังแนวปะกำรังที่สวยสดงดงำม ซึ่งเป็นแหล่งดึงดูดกำรท่องเที่ยวทำงทะเลได้ เป็นอย่ำงดี กำรศึกษำวิจัยควำมหลำกหลำยทำงชีวภำพภำพทำงทะเลจะท้ำให้ได้ข้อมูลพืนฐำนทำงชีววิทยำ เพื่อกำรวำง แผนกำรบริหำรจัดกำรทรัพยำกรชีวภำพทำงทะเลอย่ำงเหมำะสม
  • 4. ชุดโครงกำรนีอยู่ภำยใต้กำรบริหำรจัดกำรโดยกลุ่มนักวิจัยจำกหลำกหลำยสำขำวิชำกำร มีระยะเวลำ 3 ปี (พ.ศ 2549- 2551) เน้นกำรวิเครำะห์ข้อมูลอย่ำงบูรณำกำรทังทำงด้ำนชีวภำพและกำยภำพ เพื่อส้ำรวจและประมวลองค์ควำมรู้พืนฐำน ทำงด้ำนทะเลไทย โดยเฉพำะอย่ำงยิ่งกำรติดตำมตรวจสอบระบบนิเวศทำงทะเลในระยะยำว เพื่อศึกษำปัจจัยกำรเปลี่ยนแปลง ทำงกำยภำพ โดยเฉพำะอุณหภูมิของน้ำทะเลที่สูงขึน ซึ่งจะผลต่อกำรเปลี่ยนแปลงควำมหลำกหลำยทำงชีวภำพของสิ่งมีชีวิตใน ทะเล โดยมีพืนที่วิจัยอยู่ที่อุทยำนแห่งชำติขนอมหมู่เกำะทะเลใต้ จ.นครศรีธรรมรำช ชุดโครงกำรดังกล่ำวนอกจำกมีโครงกำร BRT เป็นผู้สนับสนุนงบประมำณส่วนหนึ่งแล้ว ยังได้สร้ำงหุ้นส่วนร่วมกับ มูลนิธิโททำล (TOTAL FOUNDATION) และบริษัทโททำล อีแอนด์พี ไทยแลนด์ (TOTAL E&P THAILAND) ซึ่งประกอบธุรกิจ ด้ำนพลังงำน และเป็นผู้ร่วมลงทุนส้ำรวจและผลิตก๊ำซธรรมชำติในอ่ำวไทย โดยบริษัทต้องกำรแสดงควำมรับผิดชอบต่อสังคม เชิงบรรษัทหรือของธุรกิจ หรือ Corporate Social Responsibility (CSR) ด้วยกำรสนับสนุนทุนวิจัยร่วมกับโครงกำร BRT ใน กำรอนุรักษ์ทรัพยำกรชีวภำพของประเทศไทยอย่ำงยั่งยืน
  • 5. ปลำหมึกลูกหมู (Piglet Squid)ปลำหมึกลูกหมูมีชื่อสำมัญว่ำ Deep Sea Cranchid Squid เป็นปลำหมึกขนำดเล็ก อยู่ในจีนัสเฮ ลิคอเครนเชีย (Helicocranchia) คลำส เซฟำโลโพดำ (Cephalopoda) ไฟลัมมอลลัสกำ (Phylum Mollusca) นักวิทยำศำสตร์ คำดว่ำ มีปลำหมึกลูกหมู ในจีนัสเฮลิคอเครนเชีย ประมำณ 14 สปีซีส์ แต่ปัจจุบันรู้จักกันเพียง 3 สปีซีส์ ในภำพเป็น สปีซีส์ pfefferi ปลำหมึกลูกหมู อำศัยอยู่ใต้ทะลึก ถึง 4,000 เมตร ลักษณะเด่นของมันคือ มีรูปร่ำงหน้ำตำ คล้ำยกำร์ตูน หนวดตัง ตรง บนหัวคล้ำยกับผม ซึ่งต่ำงจำกปลำหมึกชนิดอื่นๆ และ มีครีบคล้ำยใบพัด ที่ปลำยล้ำตัว
  • 6. ปลำหมึกดับโบเป็นปลำหมึกสปีซีส์ สโตทูธีส ไซเทนซิส Stauroteuthis syrte หนึ่งในสองสปีซีส์ ของจีนีส สโตทูทีส (stauroteuth) จีนัสเดียวในแฟมิลี สโตทูไทได (Stauroteuthidae) คลำสเซฟำโลโพดำ ไฟลัมมอสลัสกำ มัน มีรูปร่ำงคล้ำยระฆัง ลักษณะเด่นคือ มีตุ่มหรือ หน่อจ้ำนวนมำก อยู่ที่หนวดหรือแขน ซึ่งผลิตแสงสว่ำงได้ และ มีหูคล้ำยครีบ อยู่เหนือดวงตำ
  • 7. ปลำหมึกแวมไพร์เป็นปลำหมึกสปีซีส์ อินเฟอร์นำลิส (Vampyroteuthis infernalis ) ซึ่งหมำยถึง "ปลำหมึกแวมไพร์จำกนรก" อยู่ในจีนัสแวมไพร์ทูทีส (Vampyroteuthis) แฟมีลี แวมไพร์โรทูไทได (Vampyroteuthidae) คลำสเซฟำโลโพดำ ไฟลัมมอสลัสกำ ปลำหมึกชนิดนีอำศัยอยู่ในระดับน้ำ ลึก 300-3,000 เมตร ลักษณะเด่นของมันคือ มีดวงตำสีน้ำเงิน ผิวหนังสีน้ำตำลแดง มี พังผืดเหมือนกระโปรงรอบๆ ขำ และมีหูคล้ำยครีบเหนือดวงตำเช่นเดียวกับปลำหมึกดัมโบ นอกจำกนันมันยังมีอวัยวะผลิตแสงสี น้ำเงิน ซึ่งท้ำให้ศัตรูมองเห็นมันได้ยำก
  • 8. ไซโฟโนฟอร์เป็นสัตว์ทะเลในไฟลัมไนเดเรีย (cnidaria) คลำสไฮโดรชัว (Hydrozoa) มันเป็นญำติกับแมงกะพรุน ลักษณะเด่นของ มันคือไม่ใช่สัตว์ทะเลที่อยู่เดี่ยวๆ แต่มีโคโลนี (colony) หรือมีสัตว์ทะเลอื่นๆ ในสปีซีส์เดียวกันมำอำศัยรวมกันอยู่ด้วย และยัง พึ่งพำอำศัยซึ่งกันและกัน เช่น ปกป้องโคโลนีจำกกำรโจมตีของศัตรู และรวมกันโจมตีเหยื่อที่มีขนำดใหญ่กว่ำ ตัวอย่ำง ของกำร อยู่รวมกันเป็นโคโลนี คือ มดและผึง ไซโฟโนฟอร์ที่รู้จักกันดีที่สุดคือ "Portuguese man - of - war " ซึ่งมักเข้ำใจผิดว่ำเป็น แมงกะพรุน
  • 9. 1 หยุดเติมสำรพิษลงสู่ท้องทะเล มลภำวะทำงทะเลมีหลำยรูปแบบ ตังแต่น้ำมันหลำยล้ำนแกลลอนที่รั่วไหลมำจำกถนนหนทำง จนถึง แพขยะใหญ่แปซิฟิก (Great Pacific Garbage Patch) แต่มลพิษที่เลวร้ำยที่สุดคือ ก๊ำซไนโตรเจน และสำรฟอสฟอรัสที่มำจำกปุ๋ยและสิ่งปฏิกูล เมื่อก๊ำซและสำรเหล่ำนันถูกชะล้ำงไหลลงสู่ทะเลชำยฝั่ง สำหร่ำยทะเลเมื่อได้รับก๊ำซและสำรเหล่ำนันก็จะเติบโตอย่ำงหนำแน่น เมื่อสำหร่ำยตำยและย่อยสลำย ก๊ำซออกซิเจนในน้ำจะถูกดึงน้ำมำใช้ และท้ำให้สัตว์น้ำขำดออกซิเจนและตำยไป ปรำกฏกำรณ์นีมี ชื่อว่ำ “ปรำกฏกำรณ์น้ำทะเลเปลี่ยนสี” หรือ “Eutrophication” ซึ่งเป็นปรำกฏกำรณ์ที่ก่อให้เกิดเขต มรณะอย่ำงน้อย 450 แห่งทั่วโลก
  • 10. สิ่งปฏิกูลจำกมนุษย์เป็นสำเหตุส้ำคัญที่ก่อให้เกิดปรำกฏกำรณ์น้ำทะเลเปลี่ยนสีในประเทศที่ก้ำลัง พัฒนำ แต่ในประเทศสหรัฐอเมริกำ ประเทศในทวีปยุโรป และสำธำรณะรัฐประชำชนจีน สิ่งปฏิกูล จำกสัตว์และปุ๋ยเป็นปัจจัยที่ส้ำคัญที่สุด เฉพำะในเขตสหรัฐฯ ไก่จ้ำนวน 10 ล้ำนตัว โค 80 ล้ำนตัว และสุกร 149 ล้ำนตัว ผลิตมูลสัตว์จ้ำนวน 500 ล้ำนตันต่อปี นอกจำกนี ยังมีกำรใช้ปุ๋ยสังเครำะห์อีก 55 ล้ำนตัน ปฏิกูลและปุ๋ยเหล่ำนีจะถูกชะล้ำงลงสู่พืนที่ลุ่ม ผลที่เกิดขึนคือเขตมรณะที่ใหญ่ที่สุด ของโลกเริ่มแผ่ขยำยจำกปำกแม่น้ำมิซซิสซิปปี้ โดยเฉพำะในช่วงฤดูร้อน ซึ่งเป็นช่วงฤดูเกษตรกรรม ในเขตตะวันออกกลำงของสหรัฐฯ เขตมรณะอำจจะขยำยใหญ่ได้เท่ำกับรัฐนิวเจอร์ซีย์ (22,500 ตำรำงกิโลเมตร)
  • 11. เมื่อสองศตวรรษที่ผ่ำนมำ คุณสมบัติทำงเคมีของมหำสมุทรมีกำรเปลี่ยแปลงในหลำยๆ ด้ำน เช่น น้ำทะเลมีควำมเป็นกรดมำกขึนถึงร้อยละ 30 ถึงแม้ว่ำจะไม่มำกพอที่จะเผำไหม้ผิวหนังของมนุษย์ (ซึ่งก็เป็นไปได้ในอีกไม่นำนนี) แต่น้ำทะเลก็มีควำมเป็นกรดมำกพอที่จะกัดกร่อนกระดองหรือ เปลือกแข็งของสัตว์ทะเลหลำยๆ ชนิด ซึ่งส่งผลร้ำยแรงแก่ระบบนิเวศน์ทำงทะเลทังหมด ตัวอย่ำงผลกระทบดังกล่ำว เช่น ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่ำนมำนี Pteropods หรือสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลัง จ้ำพวกหอยกำบเดี่ยวซึ่งเป็นสัตว์ส้ำคัญในห่วงโซ่อำหำรของมหำสมุทรแถบขัวโลกมีเปลือกที่บำง ลงอย่ำงชัดเจน จำกกำรทดลอง เปลือกของ Pteropods จะหำยไปโดยสินเชิงหำกน้ำทะเลมีควำม เป็นกรดมำกกว่ำนี ในขณะเดียวกัน นักวิทยำศำสตร์พบว่ำในมหำสมุทรแปซิฟิกทำงตะวันตกเฉียง เหนือมีควำมเป็นกรดและส่งผลกระทบรุนแรงแก่ไข่ของหอยนำงรม และแน่นอนหำกน้ำทะเลมีควำม เป็นกรดมำกขึนๆ พันธุ์ปลำ ระบบนิเวศน์และปะกำรังที่ก้ำลังจะสูญพันธุ์อื่นๆ ก็จะเป็นรำยต่อไป
  • 12. วัฏจักรของน้ำคือกำรหมุนเวียนเปลี่ยนแปลงของน้ำ ซึ่งเริ่มต้นขึนจำกกำรระเหยของน้ำทะเล (หรือแหล่งน้ำอื่นๆ) จำกนันก็ตก ลงมำเป็นฝน และระเหยกลับเป็นไออีกครัง เมื่อสภำวะอำกำศของโลกมีอุณหภูมิที่สูงขึนวัฏจักรของน้ำก็มีควำมเข้มข้นมำกขึน พืนผิวของมหำสมุทรทั่วโลกมีเข้มข้นของเกลือมำกขึน ท้ำให้กำรก้ำเนิดฝนขำดควำมสมดุล ไอระเหยของน้ำส่วนที่เพิ่มขึนมำจะ กลำยเป็นฝนและตกในพืนที่ที่มีควำมชืนมำกพออยู่แล้ว เช่น พืนที่ป่ำเขตร้อน และแถบสแกนดิเนเวีย ส่งผลให้เกิดพำยุที่รุนแรง ขึนและน้ำท่วมถี่มำกขึนในเขตดังกล่ำว ในขณะเดียวกันบริเวณทำงเหนือและทำงใต้ของพืนที่เขตร้อนซึ่งเป็นบริเวณที่ค่อนข้ำงมี ควำมเข้มข้นของเกลือมำกกว่ำบริเวณอื่นๆ อยู่แล้ว จะมีควำมเข้มข้นของเกลือมำกขึนๆ และมีอุณหภูมิสูงขึน พืนที่ที่มีควำม เข้มข้นของเกลือมำกๆ เช่น พืนที่ทะเลทรำย ซึ่งเป็นบริเวณที่สิ่งมีชีวิตไม่สำมำรถอำศัยอยู่ได้ จะขยำยบริเวณกว้ำงมำกขึน
  • 13. วิธีลดปริมำณพันธุ์พืชและสัตว์ผู้บุกรุกที่ดีที่สุดสำมำรถท้ำได้โดยกำรป้องกันไม่ให้พันธุ์พืชและสัตว์เหล่ำนันเข้ำมำในพืนที่ตังแต่ ตอนแรก โดยส่วนมำกพันธุ์พืชและสัตว์ผู้บุกรุกจะติดมำกับน้ำใต้ท้องเรือขนส่งสินค้ำที่เดินทำงมำยังประเทศสหรัฐฯ จ้ำนวน ประมำณ 1 แสนล้ำในทุกๆ ปี ในตอนนี EPA และ Coast Guard ก้ำลังร่ำงเกณฎ์บังคับเกี่ยวกับน้ำใต้ท้องเรือ โดยกำร ก้ำหนดระดับจ้ำนวนพันธุ์สัตว์และพืชที่ติดมำกับน้ำใต้ท้องเรือ ในขณะเดียวกัน บริษัทต่ำงๆ ก็ก้ำลังพัฒนำวิธีกำรจัดกำรกับน้ำ ใต้ท้องเรือเพื่อให้ผ่ำนเกณฎ์มำตรฐำนดังกล่ำว ตัวอย่ำงวิธีกำรจัดกำร เช่น กำรใช้เครื่องกรองน้ำที่ควบคุมด้วยระบบ คอมพิวเตอร์ และกำรฉำยรังสีอัลตรำไวโอเลต แต่ส้ำหรับพืชและสัตว์ผู้บุกรุกที่ตังรกรำกแล้ว สิ่งที่ท้ำได้คือกำรจ้ำกัดจ้ำนวน ของพืชและสัตว์นันๆ กำรบริโภคพืชและสัตว์นันๆ ก็เป็นอีกวิธีกำรหนึ่ง โดยในปี พ.ศ. 2552 The National Oceanic and Atmospheric Administration ได้จัดท้ำโครงกำรส่งเสริมให้ชำวประมงและผู้ประกอบธุรกิจอำหำรน้ำ Lionfish มำปรุงเป็นอำหำร
  • 14. ในช่วงเวลำ 20 ปีที่ผ่ำนมำ แนวปะกำรังจ้ำนวนถึงหนึ่งในสำมของปริมำณทังหมดทั่วโลกถูกท้ำลำยไป ปะกำรังในเขตชำยฝั่ง ของประเทศศรีลังกำ ประเทศแทนซำเนีย ประเทศเคนยำ สำธำรณะรัฐมัลดีฟ และสำธำรณะรัฐเซเชลส์ เสี่ยงต่อกำรสูญพันธุ์ ถ้ำหำกมหำสมุทรมีอุณหภูมิที่สูงขึนอีก 7 องศำฟำเรนไฮต์ในอีก 3 ทศวรรษข้ำงหน้ำตำมที่นักวิทยำศำสตร์คำดกำรณ์ไว้ ร้อย ละ 95 ของแนวปะกำรังจะหำยไป สำเหตุหลักของกำรตำยของปะกำรังคือปรำกฎกำรณ์ปะกำรังฟอกขำว เมื่ออุณหภูมิของน้ำ สูงขึนเชือแบคทีเรียในน้ำขยำยพันธุ์อย่ำงรวดเร็วและท้ำลำยสำหร่ำยทะเลที่อำศัยและมีควำมสัมพันธ์แบบพึ่งพิงซึ่งกันและกันกับ ปะกำรัง โดยสำหร่ำยทะเลจะเปลี่ยนแสงอำทิตย์ให้เป็นพลังงำนซึ่งอยู่ในรูปของน้ำตำลให้กับปะกำรังซึ่งเป็นพืชผู้ให้อำศัย ดังนัน เมื่อสำหร่ำยตำยไป ก็จะเหลือแต่ปะกำรังที่ขำวซีด
  • 15. ปะกำรังบำงสำยพันธุ์ใน Red Sea และ ใน Persian Gulf สำมำรถรอดพ้นจำกชะตำกรรมนีได้ แม้ว่ำจะไม่มีใครบอกได้ชัดเจน ว่ำเกิดจำกสำเหตุใด แต่ Eugene Rosenberg นักวิทยำศำสตร์จุลชีววิทยำจำก Tel Aviv University ได้เสนอควำมคิดว่ำ แบคทีเรียที่แตกต่ำงสำยพันธุ์ก่อให้เกิดผลลัพธ์ที่แตกต่ำงกัน ปะกำรังมีแบคทีเรียหลำกหลำยพันธุ์อำศัยอยู่ภำยในเช่นเดียวกับ ร่ำงกำยของมนุษย์ แบคทีเรียบำงประเภทช่วยให้ปะกำรังปรับตัวเข้ำกับสิ่งแวดล้อมได้ เมื่อน้ำทะเลใน Red Sea มีอุณหภูมิสูงขึนถึง 77 องศำฟำเรนไฮต์ แบคทีเรียที่ไม่ใช่สำยพันธุ์ท้องถิ่นที่มีชื่อว่ำ Vibrio Coralliilyticus จะเข้ำจู่โจมสำหร่ำยในปะกำรังบำงสำยพันธุ์ แต่ในขณะเดียวกัน น้ำในอุณหภูมิที่เท่ำกันอำจจะกระตุ้นให้แบคทีเรีย ในปะกำรังบำงประเภทมีปฏิกริยำที่ช่วยปกป้องสำหร่ำย นี่อำจจะช่วยอธิบำยได้ว่ำท้ำไมปะกำรังบำงชนิดถึงไม่ถูกฟอกขำวในน้ำที่ มีอุณหภูมิสูง
  • 16. วิธีแก้ไขปัญหำที่จะประสบควำมส้ำเร็จจะต้องเป็นวิธีที่มีต้นทุนต่้ำและปฏิบัติได้ง่ำย Jeffry Fasick รองศำสตรำจำรย์แห่ง Kean University ก้ำลังท้ำกำรศึกษำเกี่ยวกับกำรปกป้องปลำวำฬในเขต North Atlantic โดยกำรใช้เชือกหลำกสีที่ปลำวำฬสำมำรถ มองเห็นและหลีกเลี่ยงได้ และยังมีกำรน้ำห่วงเหล็กที่มีควำมหนำน้อยลงมำใช้ในเครื่องมือจับปลำ เพรำะห่วงเหล็กที่มีขนำดเล็ก ลงจะไม่สำมำรถรับน้ำหนักของปลำขนำดใหญ่ เช่น ปลำฉลำมหรือปลำวำฬได้ ในกำรทดสอบ NOAA พบว่ำห่วงเหล็กที่มีควำม หนำน้อยลงสำมำรถช่วยลดปริมำณ Bycatch ของปลำทูน่ำครีบน้ำเงินได้ถึงร้อยละ 56 ซึ่งเป็นปริมำณที่มำกพอสมควร
  • 17. 1. สัตว์ที่อำศัยอยู่ในเขตน้ำขึนน้ำลง ตำมปกติแล้วระดับน้ำของทะเลจะมีกำรเปลี่ยนแปลงเป็นประจ้ำทุกวัน คือ วันละ ครังหรือ สองครัง เนื่องจำกอิทธิพลของดวงจันทร์และดวงอำทิตย์ โดยเรำทรำบได้จำกกำรสังเกตในเวลำที่มี น้ำขึน-น้ำลง ตำมชำยฝั่ง หรือตำมเกำะต่ำง ๆ โดยทั่ว ๆ ไปบริเวณเขตน้ำขึน-น้ำลง จะมีสิ่งมีชีวิตนำนำชนิดอำศัยอยู่มำกมำย ซึ่งจะแตกต่ำงกันไปตำมลักษณะของบริเวณเขต น้ำขึน-น้ำลง และสิ่งมีชีวิตเหล่ำนีส่วนใหญ่จะมีควำมทนทำนต่อสภำพแวดล้อมที่มีกำรเปลี่ยน แปลงอยู่ตลอดเวลำ บริเวณ ชำยฝั่งทะเลที่เป็นบริเวณเขตน้ำขึน-น้ำลงนัน จะมีลักษณะแตกต่ำงกันไป ซึ่งเรำสังเกตเห็นได้อย่ำงเด่นชัด เช่น หำดทรำย หำด หิน และหำดโคลน เป็นต้น ส้ำหรับส่วนที่จัดแสดงไว้ในสถำนเลียงสัตว์น้ำเค็มของสถำบันวิทยำศำสตร์ทำง ทะเล บำงแสนนี เป็นบริเวณเขตน้ำขึน-น้ำลง บริเวณที่เป็นหำดหิน และมีน้ำขังอยู่ตำมแอ่งหิน ซึ่งลักษณะเช่นนีเรียกกันทั่วไปว่ำ "แอ่งน้ำขึน-น้ำลง" (Tidal Pool) ตำม ธรรมชำติตำมแอ่งน้ำขึน-น้ำลงเช่นนีจะพบ กุ้ง ลูกปลำบำงชนิด หอยนำงรม ปูเสฉวน เม่นทะเล ดอกไม้ทะเล ดำวทะเล ฯลฯ
  • 18. 2. ปลำในแนวปะกำรัง บริเวณแนว ปะกำรังนับเป็นแหล่งที่มีควำม อุดมสมบูรณ์แห่งหนึ่งของทะเล เพรำะสัตว์ทะเลหลำย ชนิดอำศัยบริเวณนีเป็นที่อยู่ อำศัย เป็นที่หลบ ซ่อนภัยและเป็นแหล่งอำหำร นอกจำกนีแล้ว ยังใช้เป็นที่ส้ำหรับผสมพันธุ์ วำงไข่ และเจริญเติบ โตของสัตว์ตัว อ่อนอีกด้วย ส้ำหรับปลำที่อำศัยอยู่ในบริเวณนีส่วนใหญ่ จะเป็นปลำที่มีขนำดและมีสีสันสวย งำม เช่น ปลำสลิด ปลำกำร์ตูน ปลำเขียวพระอินทร์ ปลำผีเสือ และปลำโนรี เป็นต้น
  • 19. 3. กำรอยู่ร่วมกันของสิ่งมีชีวิต สิ่งมีชีวิตในทะเลเหมือนกับสิ่งมีชีวิตบน บกคือ มีกำรอยู่ร่วมกัน และพึ่งพำอำศัยกัน ในรูปแบบต่ำง ๆ เช่น กำรอยู่ร่วมกันแบบที่ เรียกว่ำ "ซิมไบโอซิส" (Symbiosis) ซึ่งหมำยถึงกำรที่สิ่ง มีชีวิตสองชนิดอำศัยอยู่รวมกัน หรืออยู่ ปนกันโดยต่ำงฝ่ำยต่ำงได้รับ ประโยชน์ซึ่ง กันและกัน เช่น ปลำกำร์ตูน หรือ ปลำอินเดียแดงสำมำรถอยู่ร่วมกับ ดอกไม้ทะเล (sea anemone) ได้ โดยที่ปลำ เหล่ำนีจะอำศัยดอกไม้ทะเลเป็นที่หลบ ภัยและสืบพันธุ์ ส่วนดอกไม้ทะเลจะได้รับ ประโยชน์จำกปลำโดยกำรล่อเหยื่อหรือชัก น้ำ เหยื่อให้เข้ำมำใกล้พอที่ดอกไม้ทะเล จะจับเป็นอำหำรได้ ดอกไม้ทะเลมีหนวดอยู่เป็นจ้ำนวนมำกและ ที่บริเวณปลำยหนวดของมันจะมีเข็มพิษหรือ ที่เรียกว่ำ "นีมำโตซีส" (Nematocyst) อยู่เป็นจ้ำนวน มำก นอกจำกเข็มพิษนีแล้ว บริเวณหนวดของดอกไม้ ทะเลอำจ มีเมือกเหนียว ๆ อยู่ด้วย เวลำที่ปลำว่ำยเข้ำ มำใกล้ตัวมันจะใช้หนวดพันปลำไว้ แล้ว จะปล่อยเข็มพิษ ท้ำให้ปลำสลบหรือช็อคตำยแล้ว กินปลำนันเป็นอำหำร ส้ำหรับเข็มพิษของดอกไม้ทะเลเหล่ำนีไม่ เป็นอันตรำยต่อปลำกำร์ตูน ปลำอินเดียแดงหรือปลำที่ อยู่ร่วมกับดอกไม้ทะเลเหล่ำนี เพรำะปลำดัง กล่ำวมีสำรเคมีที่มีลักษณะเป็นเมือกหุ้ม ตัวอยู่โดยรอบ ซึ่งเป็นลักษณะที่ธรรมชำติสรรค์ สร้ำงให้มันอำศัยอยู่ ร่วมกัน โดยทั่ว ๆ ไปดอกไม้ ทะเลอำจไม่มีพิษกับคน ยกเว้นในกรณีของ บำงคนอำจมีอำกำรแพ้เกิดขึนถ้ำไป สัมผัสเข้ำ โดยจะ เกิดผื่นแดง และมีอำกำรคันหรือ บวมได้
  • 20. 4. สัตว์ไม่มีกระดูกสันหลังน้ำเค็ม สัตว์โครงร่ำงแข็งที่ไม่ใช่กระดูกอยู่ภำยในล้ำตัว และ บำงชนิดมีเปลือกแข็งหุ้มอยู่ภำยนอก เพื่อป้องกัน อันตรำย และใช้ยึดของ กล้ำมเนือ เช่น หอย หมึก กุ้ง หนอนทะเล และ ฟองน้ำ ว่ำเป็น สัตว์กลุ่มใหญ่ในทะเลและมหำสมุทร สัตว์จ้ำพวกนี มีลักษณะ แตกต่ำงกันออกไปทังขนำด รูปร่ำง ที่ อยู่อำศัย และอุปนิสัยในกำรกินอำหำร บำงชนิดมี อันตรำย แต่หลำยชนิดก็มีประโยชน์ และมีควำมส้ำคัญ ทำงเศรษฐกิจ สัตว์เหล่ำนี ได้แก่ สัตว์ในไฟลั่ม โพริเฟอร์รำ (Phylum Porifera) ไฟลั่มซีเลนเท อรำต้ำ (Phylum Coelenterata) ไฟลั่มมอลลัสกำ (Phylum Mollusca) ไฟลั่มอำร์โทรโปดำ (Phylum Arthropoda) และ ไฟลั่มเอคไคโน เดิร์มมำต้ำ (Phylum Echinodermata) เป็นต้น
  • 21. 5.ปลำรูปร่ำงแปลกและปลำมีพิษ ปลำบำงชนิดมีรูปร่ำงแปลก โดยมีรูปร่ำงหรือสีกลมกลืนกับสภำพแวดล้อม เพื่อหลบหลีกศัตรูหรือพรำงตำเหยื่อ ปลำบำง จ้ำพวกนอกจำกมีรูปร่ำงแปลกแล้ว ยังมีสีสันสวยงำมและมีพิษด้วย ปลำประเภทนีมีประมำณ 500 ชนิด รวมถึงปลำบำงชนิดที่ รับประทำนแล้วเป็นพิษต่อมนุษย์ โดยทั่วไปปลำทะเลต่ำง ๆ นันมีรูปร่ำงผิดแปลกแตกต่ำงกันไปตำมอุปนิสัยกำรกินอำหำรกำรหลบซ่อนตัว หรือกำรอยู่อำศัย บำงชนิดมีรูปร่ำงแบนลง เพื่อให้เหมำะสมกับกำรหำกินบริเวณหน้ำดิน เช่น ปลำกระเบน ปลำลินหมำ ปลำวัว ปลำไหลทะเล ปลำปักเป้ำ ปลำสิงโต ปลำเหำฉลำม ปลำฉลำมกบหรือฉลำมแมว ปลำอุบ และ ปลำกะรังหัวโขน เป็นต้น
  • 22. 6.ปลำที่อำศัยในมหำสมุทร ในทะเลและ มหำสมุทรมีปลำขนำดใหญ่หลำยชนิดอำศัยอยู่ มีขนำดตังแต่ขนำดเล็กจนถึงขนำดใหญ่ ปลำที่มีขนำดเล็กรวมทัง พวกที่มีสีสันสวยงำมหลำยพวก มักจะอำศัยอยู่ใกล้ฝั่งหรืออยู่ในที่มีอำหำรอุดมสมบูรณ์ มีที่ก้ำบังและหลบภัย อำศัยอยู่มำก ในช่วงควำมลึกไม่เกิน 1,000 เมตร จำกผิวน้ำ ได้แก่ ปลำที่เรำรู้จักดี เช่น ปลำโอ ปลำกะพงขำว ปลำหมอทะเล ปลำอินทรีย์ ปลำกระเบน ปลำหมอทะเล ปลำฉลำม เป็นต้น ปลำอีกหลำยชนิดอำศัยอยู่ลึกลงไปเกือบถึงพืนสมุทร ซึ่งลึกประมำณ 2,000 เมตร เช่น ปลำคอด เป็นต้น
  • 24. 1.นำงสำวกัญจณ์รัตน์ มงคลจันทร์ เลขที่ 11 ชันม.6/13 2.นำงสำวชลิตำ จอมมูล เลขที่ 25 ชันม.6/13