More Related Content
Similar to การเลี้ยงปลา (20)
การเลี้ยงปลา
- 2. ปลาสลิดหรือปลาใบไม้เป็นปลาพื้นเมืองของไทย มีแหล่งกำเนิดอยู่ในที่ลุ่มภาคกลางของประเทศไทย และพบในประเทศแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ปลาสลิดเดิมทีเลี้ยงกันบริเวณ ดอนกำยาน จังหวัดสุพรรณบุรี แล้วมีการย้ายมาเลี้ยงกันมากในจังหวัดสมุทรปราการในเขตพื้นที่ อ.เมือง อ.บางพลี และ อ.บางบ่อ เป็นเวลายาวนานกระทั่งในช่วงหลายปีที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบันได้มีการขยายพื้นที่การเลี้ยงเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมากทั้งภายในจังหวัดและจังหวัดอื่นๆเช่น จ.สมุทรสาคร, จ. สมุทรสงคราม จ.ฉะเชิงเทรา จ.ชลบุรี จ.สุพรรณบุรี และมีการแพร่กระจายไปแทบ ทุกภาคของประเทศไทย
- 3. ลักษณะทางชีววิทยาของปลาสลิด ปลาสลิดหรือปลาใบไม้เป็นปลาน้ำจืดพื้นบ้านของไทย ชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Trichogaster pecteralis ชื่อสามัญ SNAKESKIN GOURAMI อยู่ในครอบครัว Anabantidae ปลาสลิดมีรูปร่างคล้ายปลากระดี่หม้อ แต่ขนาดโตกว่า ลำตัวแบนข้าง มีครีบท้องยาวครีบเดียว สีของลำตัว สีเขียวออกเทาหรือมีสีคล้ำ มีริ้วดำพาดขวางตามลำตัวจากหัวถึงหาง อาหารปลาสลิด ได้แก่ แมลงน้ำ ตัวอ่อนลูกน้ำ ตะไคร่น้ำ ผัก หญ้า แพลงตอนพืช แพลงตอนสัตว์ และสารอินทรีย์ต่างๆ
- 4. การแพร่ขยายพันธุ์ ปลาสลิดสามารถวางไข่ได้เมื่ออายุ ประมาณ 6 - 7 เดือน เริ่มวางไข่ในช่วงฤดูฝนตั้งแต่เดือน เมษายน – กันยายน วางไข่ชุกเดือนสิงหาคม - กันยายน แม่ปลาตัวหนึ่งจะวางไข่ปีละหลายครั้งๆ ประมาณ 18,000 - 36,000 ฟอง วางไข่ในน้ำนิ่ง ตัวผู้จะก่อหวอดในบริเวณที่มีพรรณไม้น้ำไม่หนาแน่น โดยเพศผู้จะผสมกับเพศเมียในอัตรา 1 : 1 ไข่ปลาสลิดจะเริ่มฟักเป็นตัวภายในระยะ 24 - 36 ชม. ไข่ปลาสลิดเป็นไข่ลอย สีเหลือง มีหยดน้ำมันขนาดใหญ่ ขนาด ø เฉลี่ย 1.5–2.0 ม.ม.
- 5. การเลี้ยงปลาสลิดในอดีตเป็นการเลี้ยงแบบธรรมชาติ โดยอาศัยอาหารจากธรรมชาติ ในบ่อเลี้ยง ( แปลงนา ) และได้พัฒนาการเลี้ยงมาเป็นแบบกึ่งพัฒนา โดยมีการเพิ่มอาหารธรรมชาติในบ่อเลี้ยง โดยการใส่ปุ๋ยอินทรีย์ได้แก่ ปุ๋ยคอก ปุ๋ยหมัก เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีการให้อาหาร สมทบได้แก่ รำละเอียด ปลาป่น เศษอาหารและอาหารสำเร็จรูปเป็นต้น การเลี้ยงปลาสลิดในอดีต จะทำการเพาะพันธุ์ปลา อนุบาลลูกปลา และเลี้ยงปลาในบ่อเดียวกัน โดยอาศัยธรรมชาติเป็นหลักทำให้ไม่สามารถคาดคะเนผลผลิตและผลผลิตไม่แน่นอน ซึ่งในปัจจุบัน ได้มีการพัฒนาวิธีการต่างๆ ขึ้นมาเพื่อพัฒนาการเพาะเลี้ยงปลาสลิดให้ได้ผลผลิตสูงและมีความแน่นอนมากขึ้น
- 7. การสืบพันธุ์ ลักษณะเพศ ปลาสลิดตัวผู้และตัวเมียมีความแตกต่างกัน ซึ่งสามารถสังเกตความแตกต่างอย่างเห็นได้ชัดคือ ปลาตัวผู้มีลำตัวยาวเรียว สันหลังและสันท้องเกือบเป็นเส้นตรงขนานกัน มีครีบหลังยาวจรดหรือเลยโคนหาง มีสีลำตัวเข้มและสวยกว่าตัวเมีย ส่วนตัวเมียมีสันท้องยาวมนไม่ขนานกับสันหลัง และครีบหลังมนไม่ยาวจนถึงโคนหาง สีตัวจางกว่าตัวผู้ในฤดูวางไข่ท้องจะอูมเป่งออกมาทั้งสองข้าง
- 8. การเพาะพันธุ์ ในปัจจุบันการเลี้ยงปลาสลิดสามารถแบ่งออกเป็นลักษณะใหญ่ๆ ได้ 2 ลักษณะได้แก่ 1. การเลี้ยงปลาสลิด โดยการเพาะพันธุ์ปลาในบ่อเลี้ยง ซึ่งสามารถดำเนินการได้ 2 วิธีคือ 1.1 การเพาะพันธุ์โดยวิธีธรรมชาติ โดยการปล่อยพ่อแม่พันธุ์ผสมกันเองตามธรรมชาติ ในอัตรา 50 – 100 กก./ ไร่ โดยไม่คำนึงถึงอัตราส่วนพ่อแม่พันธุ์โดยใช้พ่อแม่พันธุ์ขนาด 8 – 10 ตัว / กก. ซึ่งจำนวนการวางไข่ของปลาจะไม่แน่นอนขึ้นอยู่กับปัจจัยทางธรรมชาติเป็นหลัก และปลายังมีการวางไข่หลายครั้งทำให้ได้ลูกปลาหลายรุ่น
- 9. 1.2 การเพาะพันธุ์โดยวิธีฉีดฮอร์โมน โดยปล่อยพ่อแม่พันธุ์ ขนาด 8-10 ตัว/กก.ที่ได้รับการฉีดฮอร์โมนสังเคราะห์ร่วมกับยาเสริมฤทธิ์ ในอัตรา 5-10 กก./ไร่ โดยมีอัตราส่วนพ่อแม่พันธุ์ประมาณ 1:1 ซึ่งปลาจะวางไข่ ในระยะใกล้เคียงกันซึ่งทั้งวิธีที่ 1.1 และ 1.2 อาจปล่อยปลาในบ่อเลี้ยงขนาดใหญ่เลยหรือปล่อยลงบ่อขนาดเล็กก่อนเมื่อลูกปลาเกิดและเห็นตัวแล้วจึงปล่อยออกไปลงสู่บ่อใหญ่อีกครั้งหนึ่ง ในการเพาะพันธุ์ปลาลักษณะดังกล่าว ไม่สามารถคาดคะเนอัตราการรอดตายของลูกปลาและจำนวนลูกปลาที่ได้ ขึ้นอยู่กับอาหารธรรมชาติคุณสมบัติของน้ำ และศัตรูของลูกปลา (นก,สุนัข,ฝน)
- 10. 2. การเลี้ยงปลาสลิดโดยการปล่อยลูกปลาสลิดขนาด 2-3 ซม. ในอัตราส่วน 10,000 ตัว/ไร่ ลูกปลาที่นำมาปล่อยได้จากการเพาะพันธุ์โดยวิธีการฉีดฮอร์โมนสังเคราะห์ร่วมกับยาเสริมฤทธิ์และอนุบาลในบ่อดินจนได้ขนาดที่ต้องการโดยลูกปลาที่นำมาปล่อยอาจจะปล่อยในบ่อเลี้ยงเลย หรืออนุบาลต่อในบ่อเล็กก่อน แล้วจึงปล่อยออกบ่อใหญ่นอกจากนี้ เกษตรกรที่เลี้ยงปลาสลิดบางราย ยังมีการปล่อยปลาขนาดเล็ก 15-20 ตัว/กก. ที่ไม่ได้จำหน่ายปล่อยเสริม ซึ่งการปล่อยเสริมแบบนี้สำหรับวิธีการเพาะ 1.1 และ 1.2 ไม่ควรปล่อยในช่วงที่ทำการเพาะพันธุ์เนื่องจากปลาที่ปล่อยจะกินลูกปลาที่เกิดใหม่ได้
- 12. ขั้นตอนการเพาะพันธุ์ 1. เตรียมบ่อเพาะพันธุ์ บ่อเพาะพันธุ์ เติมน้ำให้มีระดับความลึก15 - 20 ซม.โดยผ่านถุงกรองน้ำ ตัดหญ้าใส่ให้ทั่วบ่อ เพื่อให้ปลาก่อหวอดวางไข่ ใช้ตาข่ายพรางแสง ปิดบริเวณเหนือบ่อเพื่อป้องกันการรบกวน
- 16. 3. เตรียมอุปกรณ์ การฉีดฮอร์โมน 1. ฮอร์โมนสังเคราะห์(ซุพรีแฟค) 2. ยาเสริมฤทธิ์(โมทีเลียม) 3. ครกบดยา 4. หลอดฉีดยาขนาด 1 ซีซี 5. เข็มฉีดยาเบอร์ 24 ยาว 1.25 นิ้ว 6. น้ำกลั่น หรือน้ำสะอาด 7. เครื่องชั่งน้ำหนัก
- 17. ฮอร์โมนสังเคราะห์(ซุพรีแฟค) , ยาเสริมฤทธิ์ (โมทีเลียม) ทำการเจือจางฮอร์โมน ฮอร์โมน 1 ขวด บรรจุ 10 ซีซี มีตัวยา 10,000 ไมโครกรัม ใช้หลอดฉีดยาดูดฮอร์โมนมา 1 ซีซี (มีฮอร์โมน1,000 ไมโครกรัม) ผสมกับน้ำกลั่น 9 ซีซี รวมเป็น 10 ซีซี (ใน10ซีซี มีฮอร์โมน 1,000 ไมโครกรัม) (ดังนั้นถ้าดูดสารละลายฮอร์โมนขวดที่ผสมใหม่นี้มา 1 ซีซี จะมีฮอร์โมน = 100 ไมโครกรัม)
- 18. การคำนวณยาเสริมฤทธิ์ ( 1 เม็ด มีตัวยา 10 มิลลิกรัม ) น้ำหนักปลา*ยาเสริมฤทธิ์ (ความเข้มข้นที่ใช้ 5,10 มิลลิกรัม / กิโลกรัม ) = มิลลิกรัมของยาเสริมฤทธิ์ที่ได้ / 10 มิลลิกรัม = จำนวนเม็ดของยาเสริมฤทธิ์ที่ใช้ การคำนวณน้ำกลั่น โดยปกติแม่ปลาน้ำหนัก 1 กิโลกรัม สามารถรับสารละลายได้ 1 ซีซี ดังนั้นปริมาตรน้ำกลั่นที่ใช้ = น้ำหนักปลาทั้งหมด–ปริมาตรฮอร์โมนที่ใช้ (= ปริมาตรน้ำกลั่นที่ใช้)
- 19. ชั่งน้ำหนักปลาที่จะฉีดฮอร์โมน 1. ชั่งน้ำหนักรวม ( กิโลกรัม ) 2. นับจำนวนตัวทั้งหมดแล้วสุ่มชั่งน้ำหนัก 1 กก.(ได้เท่ากับกี่ตัว)นำจำนวนปลาทั้งหมดตั้ง / จำนวนตัวต่อกิโลกรัม (น้ำหนักปลารวม) 3. คำนวณฮอร์โมน นำน้ำหนักปลา * ความเข้มข้นของฮอร์โมน (ที่กำหนด) = ฮอร์โมนที่ต้องใช้ = กี่ไมโครกรัม / 100 = จำนวนซีซี (ปริมาตรสารละลายฮอร์โมนที่ต้องใช้) 4. คำนวณน้ำกลั่น นำน้ำหนักปลาทั้งหมด ลบ ปริมาตรฮอร์โมนที่ใช้ = ปริมาตรน้ำกลั่น ที่ใช้
- 21. ตัวอย่างการคำนวณฮอร์โมน เพาะพันธุ์ปลาสลิด น้ำหนัก 10 กิโลกรัม เป็นพ่อปลา 5 กก. แม่ปลา 5 กก. พ่อแม่พันธุ์ปลาขนาด 10 ตัว/กก.( อัตราส่วนพ่อแม่พันธุ์ = 1:1 ) เข็มที่ 1. กำหนดให้ใช้ฮอร์โมน = 10 ไมโครกรัม / นน.ปลา 1 กก. ร่วมกับยาเสริมฤทธิ์ 5 มิลลิกรัม / นน.ปลา 1 กก. วิธีคิด เข็มที่ 1 ฉีดพร้อมกัน 1. ฮอร์โมน นำน้ำหนักปลา 10 กก. คูณ 10 ไมโครกรัม = 100 ไมโครกรัม หารด้วย 100 ( ของสารละลายฮอร์โมนเจือจาง ) = 1 มิลลิลิตร 2. ยาเสริมฤทธิ์ นำน้ำหนักปลา 10 กก. คูณ 5 มิลลิกรัม = 50 มิลลิกรัม หารด้วย 10 ( 5 เม็ด ) 3. น้ำกลั่น นำน้ำหนักปลา 10 กก. ลบด้วยฮอร์โมน 1 มิลลิลิตร = 9 มิลลิลิตร
- 22. 4. บดยาเสริมฤทธิ์ให้ละเอียด ดูดฮอร์โมนและน้ำกลั่นตามจำนวนที่คิดไว้ ผสมกัน คนให้ เข้ากัน 5. ใช้หลอดฉีดยาดูดฮอร์โมนมา 1 มิลลิลิตร ฉีดพ่อและแม่ปลาได้ครั้งละ 10 ตัว เข็มที่ 2 เว้นระยะเวลาห่างกัน 14-16 ชั่วโมง ใช้ฮอร์โมน 15 - 20 ไมโครกรัม/กก. ร่วมกับยาเสริมฤทธิ์ 5 - 10 มิลลิกรัม/1กก. วิธีคิด ฮอร์โมน = 5*(15-20) = 75-100 ไมโครกรัม(0.75,1.0 มิลลิลิตร) ยาเสริมฤทธิ์ = 5*(5-10) = 25-50 มิลลิกรัม (2.5,5 เม็ด ) น้ำกลั่น =5 - 0.75 , 1 = 4.25 , 4 มิลลิลิตร ทำการผสมฮอร์โมนแล้วนำไปฉีดให้กับแม่ปลา
- 24. ปล่อยพ่อพันธุ์ปลาลงบ่อเพาะพันธุ์ แม่พันธุ์ปลาปล่อยลงกระชังแยกเพศ ทิ้งไว้ 14 - 16 ชม. ฉีดฮอร์โมนแม่ปลาเข็มที่สอง ใช้ซุพรีแฟค 15-20 ไมโครกรัม ผสมกับโมทีเลี่ยม 5-10 มิลลิกรัม / น้ำหนักปลา 1 กิโลกรัม
- 30. ลูกปลาอายุ 8 วัน เริ่มกินอาหารผสม (รำกับปลาป่น)อัตราส่วน 2:1 เลี้ยงจนได้ขนาด 2-3 ซม. ลักษณะของลูกปลาอายุ 8 วัน