More Related Content
Similar to Projectm6 2-2554 sakboss (11)
More from Theyok Tanya (17)
Projectm6 2-2554 sakboss
- 1. 1
แบบเสนอโครงร่ างโครงงานคอมพิวเตอร์
รหัสวิชา ง33201 ชื่อวิชา เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่ อสาร 5
ปี การศึกษา 2555
โครงงานสกรี นเสื้ อจากซองขนม
ชื่อผูทาโครงงาน
้
นาย สหธัช ศรี วไล เลขที่ 8
ิ
นาย เธียรเพชร ศรัสวัสดิ์ เลขที่ 22
ม6/10
ชื่ออาจารย์ที่ปรึ กษาโครงงาน นางเขื่อนทอง มูลวรรณ์
ระยะเวลาดาเนินงาน ภาคเรี ยนที่ 1-2 ปี การศึกษา 2555
โรงเรี ยนยุพราชวิทยาลัย จังหวัดเชียงใหม่
สานักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาเขต 34
- 2. 2
ใบงาน
การจัดทาข้อเสนอโครงงานคอมพิวเตอร์
สมาชิกในกลุ่ม นาย สหธัช ศรี วไล เลขที่ 8 นาย เธี ยรเพชร ศรัสวัสดิ์ เลขที่ 22 ม6/10
ิ
ชื่อโครงงาน (ภาษาไทย)โครงงานสกรี นเสื้ อจากซองขนม
ประเภทโครงงาน การประยุกต์ใช้งาน
ชื่อผูทาโครงงาน นาย สหธัช ศรี วไล เลขที่ 8 นาย เธี ยรเพชร ศรัสวัสดิ์ เลขที่ 22 ม6/10
้ ิ
ชื่อที่ปรึ กษา นางเขื่อนทอง มูลวรรณ์
ระยะเวลาดาเนินงาน 1-2 สัปดาห์
ที่มาและความสาคัญของโครงงาน (อธิบายถึงที่มา แนวคิด และเหตุผล ของการทาโครงงาน)
ปัจจุบนเศษขยะจากซองขนมมีมาก ทาให้เกิดปั ญหาการกาจัดขยะส่ งผลต่อการเกิดสิ่ งแวดล้อมเป็ นพิษ ผู้
ั
จัดทาจึงนาซองขนมที่เหลือใช้ มาใช้ประโยชน์โดยการนามาสกรี นเป็ นลายเสื้ อเพื่อนามาสวมใส่ ดีกว่านาไปทิ้งโดย
ไร้ประโยชน์
วัตถุประสงค์ (สิ่ งที่ตองการในการทาโครงงาน ระบุเป็ นข้อ)
้
1. เพื่อสกรี นเสื้ อจากซองขนมที่เหลือใช้
2. เพื่อทดสอบความคงทนของสี เสื้ อที่สกรี นจากซองขนม
หลักการและทฤษฎี (ความรู้ หลักการ หรื อทฤษฎีที่สนับสนุนการทาโครงงาน)
งานพิมพ์ direct print
1.งานพิมพ์ direct print เป็ นงานพิมพ์ที่เป็ นการพิมพ์ลงไปบนผ้าโดยตรงโดยใช้วตถุดิบและสารเคมีที่
ั
เหมาะสมกับกระบวนการผลิตนั้นๆ ซึ่ งมีกระบวนการผลิตดังนี้
1.1 การพิมพ์ผาเป็ นหลา ซึ่ งมีกระบวนการพิมพ์หลายวิธีดงนี้
้ ั
่ ั
1.1.1 การพิมพ์โดยพิมพ์เป็ นสี โดยใช้แป้ งพิมพ์ลงไปโดยตรงบนผ้าซึ่ งขึ้นอยูกบชนิดเส้นใยนั้นๆคือ
่ ั
- ผ้าโพลีเอสเตอร์ จะใช้สีพิมพ์ disperse ผสมกับแป้ งพิมพ์ที่ทามาจาก gum ซึ่ งขึ้นอยูกบ ชนิดโครงสร้างผ้า
และลักษณะเส้นใยที่นามาใช้ในการผลิตผ้า และลักษณะของลายพิมพ์ซ่ ึ งขึ้นอยูกบเทคนิค่ ั
การพิมพ์ของช่างเทคนิคในแต่ละโรงงานนั้นๆ
- ผ้าฝ้ ายและผ้าเรยอนหรื อผ้าสปัน ซึ่งจะใช้สีพิมพ์ reactive ผสมกับแป้ งพิมพ์ทามาจาก เคมีจา
พวกแอลจิเนต หรื ก พวก gum
- ผ้าไนล่อน และ ผ้าไหม จะใช้สีพิมพ์ acid เป็ นต้น
- 3. 3
1.1.2 การพิมพ์แบบ discharge เป็ นการพิมพ์แป้ งพิมพ์ที่ผสมสารเคมีประเภทสารฟอกสี ลงไปบนผ้า
่
ย้อมสี เพื่อให้เกิดเป็ นลายพิมพืหลังจากที่ผาที่พิมพ์ได้ผานกระบวนการอบและซักแล้วจึงจะเห็นลักษณะลายพิมพ์
้
ที่ สวยงาม ซึ่ งงานพิมพ์ประเภทนี้จะไม่เห็นลอยต่อของลายพิมเ์ วลาที่พิมพ์แล้วบล็อก เคลื่อน เราสามารถดูงาน
่
พิมพ์ประเภทนี้ได้วาเป็ นงานแบบนี้หรื อไม่หลังจากทาเป็ นเสื้ อ ผ้าแล้วโดยดูจากด้านในตัวเสื้ อจะเห็นลายพิมพ์ทะลุ
ั ้
ออกมาทางด้านหลังผ้าเนื่องจากสารเคมีที่ใช้ในการพิมพ์กดสี ผาจนทะลุออกมาด้านลังลายพิมพ์
1.1.3 การพิมพ์แบบ resist เป็ นการพิมพ์แบบกันสี ตัวอย่างหนึ่งที่เห็นได้ชดที่มีลกษณะการทางานพิมพ์ที่
ั ั
คล้ายกันก็คือ งานบาติก ที่มีลกษณะงานพิมพ์ที่คล้ายกับการพิมพ์ resist การพิมพ์แบบนี้จะเป็ นการพิมพ์โดย
ั
พิมพ์แป้ งพิมพ์ที่มีสารกันสี แล้วนาผ้าที่พิมพ์เสร็ จแล้วไปย้อมสี โดยการย้อมแบบ padding แล้วนาผ้าที่ได้ไปผ่าน
กระบวนการซัก ก็จะเห็นเป็ นลักษณะงานพิมพ์ที่สวยงาม
1.1.4 การพิมพ์แบบ burn out เป็ นการพิมพ์แบบใช้สารเคมีเข้าไปทาลายเส้นใยผ้าเพื่อให้เกิดเป็ นลวดลายที่
สวยงาม ซึ่ งการพิมพ์แบบนี้จะใช้กบการพิมพ์ผาที่มีส่วนผสมของเส้นใย polyester กับ cotton โดยในการพิมพ์
ั ้
แป้ งพิมพ์ที่ผสมสารเคมีที่ทาลายเส้นใย cotton จะไปทาลายเส้นใยหลังจากนาผ้าที่พิมพ์ไปผ่านกระบวนการอบและ
ซัก ก็จะเห็นช่องว่างของเส้นใยที่ถูกทาลายไปเหลือแต่เส้นใย polyester
1.1.5 การพิมพ์แบบ digital print เป็ นการพิมพ์งานที่ใช้เครื่ องพิมพ์ที่มีลกษณะคล้ายกับ printer
ั
ของคอมพิวเตอร์ แต่มีขนาดใหญ่กว่า โดยในกระบวนการผลิตจะต้องนาผ้ามาทา treatment ก่อนนาผ้าไปเข้า
เครื่ องพิมพ์ซ่ ึ งกระบวนการก็จะคล้ายกับการพิมพ์ผาหลาในแบบข้างต้น แต่จะต่างกันตรงที่ผาที่จะต้องพิมพ์
้ ้
จะ ต้องไปลามิเนตแป้ งพิมพ์บนผ้าก่อนแล้วทาให้แห้ง แล้วจึงนาผ้าที่ได้ไปเข้าเครื่ องพิมพ์เพื่อพ่นสี ใส่ ผาให้เกิด
้
เป็ นลวดลาย ต่างๆ แล้วก็ตองนาผ้าชนิดนั้นๆไปผ่านการอบไอน้ าและการซักเพื่อขจัดคราบเคมีบนผ้า ออกจึงจะ
้
่ ั ั ่ ั
สามารถนาไปให้ลูกค้าได้ซ่ ึ งในการพิมพ์น้ นก็จะขึ้นอยูกบผ้า ที่ใช้กบสี ที่ใช้ในการพิมพ์น้ นๆซึ่ งขึ้นอยูกบคุณสมบัติ
ั ั
ของสี พิมพ์ของแต่ ละบริ ษท ั
2.การพิมพ์ indirect หรือการพิมพ์ transfer ในกระบวนการพิมพ์ผาหลา เป็ นการพิมพ์สีพิมพ์ใส่ วสดุประเภท
้ ั
กระดาษแล้วนากระดาษที่พิมพ์แล้วมารี ดใส่ ผ้าโดยใช้ลูกกลิ้งความร้อน โดยในการผลิตจะใช้เครื่ องพิมพ์
ที่เรี ยกว่า กราเวีย ซึ่งเป็ นเครื่ องพิมพ์ที่ใช้ในการพิมพ์งาน พลาสติก แต่ในการพิมพ์ผาจะใช้กระดาษแทน
้
พลาสติก โดยสี พิมพ์ที่ใช้จะเป็ นสี disperse ที่มีค่า migration สู งๆ โดยในการพิมพ์ประเภทนี้จะใช้ในการพิมพ์
่ ั
พวกเสื้ อผ้ากีฬา ซึ่ งมีลวดลายที่หลากหลายขึ้นอยูกบแบบของทีมกีฬานั้นๆ ส่ วนใหญ่จะพิมพ์ในผ้าที่เป็ นเส้นใย
polyester 100 % ที่เป็ นผ้า knit ธรรมดา หรื อ ผ้า knit ที่ผสมเส้นใย spandex เพื่อความนุ่มสบายในการสวมใส่
การพิมพ์แบบเป็ นชิ้น ( แบบ direct print )
ในปั จจุบนจะมีโรงงานที่เป็ นอุตสาหกรรมทาเสื้ อผ้าสาเร็ จรู ปซึ่ งจะมีทางานพิมพ์แบบเป็ นชิ้นซึ่ งปั จจุบนมี
ั ั
การทา งานในโรงงานที่เป็ นโรงงานขนาดใหญ่ซ่ ึ งต้องใช้เงินลงทุนไม่สูงมากเหมือน อุตสาหกรรมพิมพ์ผาหลาซึ่ ง ้
ในกระบวนการพิมพ์ผาชิ้นจะมีรูปแบบการพิมพ์อยู่ ดังนี้
้
- 4. 4
1.การพิมพ์สียาง ( rubber print ) การพิมพ์สียางเป็ นการพิมพ์แป้ งพิมพ์ชนิด waterbase ลงไปบนผ้า
่ ั
ซึ่ งสี ยางสามารถพิมพ์ลงไปบนผ้าได้เกือบทุกเส้นใยขึ้นอยูกบชนิดของสี ยางที่ผลิตมาจากโรงงานผูผลิต ซึ่งสี ยาง
้
สามารถพิมพ์ลงไปบนผ้าได้เกือบทุกชนิด ยกตัวอย่างเช่นผ้าที่ทาจากเส้นใย polyester บางเนื้อผ้าที่มีการทา
ปรับสภาพเนื้อผ้าเพื่อให้เหมาะกับการสวมใส่ จึงทาให้เวลาพิมพ์ ตัวแป้ งพิมพ์ไม่สามารถยึดเกาะกับเส้นใยได้ไม่ดี
ต้องใช้สารเคมี crosslinking agent ที่มีการยึดเกาะที่มีความเข้มข้นสู งมาใช้ในการพิมพ์ซ่ ึงเวลาใช้ให้เทสต์
งาน ก่อนทาการผลิตจริ งเพราะ เคมีที่มีการยึดเกาะที่ดีก็จะมีการข้อเสี ยคือทาให้สีที่พิมพ์ลงไปมีความแข็ง และจะมี
ปัญหาทาให้ดึงแล้วแตกหลังจากพิมพ์เสร็ จแล้ว และจะมีปัญหาในกรณี ที่ทิ้งไว้นานๆแล้วสี จะกรอบ
2.การพิมพ์สีพลาสติซอล ( plastisol print ) การพิมพ์สีพลาสติซอลเป็ นสี พิมพ์ที่มีส่วนผสมของ pvc
และสารเคมีพวก plastiziser ซึ่ งเป็ นสาเหตุของสารก่อเกิดมะเร็ ง ซึ่ งในเสื้ อผ้าที่เป็ นยีหอแบรนด์เนมที่ขาย
่ ้
ให้กบประเทศแถบยุโรปและประเทศอเมริ กา จะห้ามพิมพ์สีพิมพ์ที่มีส่วนผสมของ pvc และ plastiziser
ั
ซึ่ งในปั จจุบนในสิ นค้าแบรนด์ส่วนใหญ่จะให้พิมพ์สียาง
ั
3.การพิมพ์กามะหยี่ ( direct flock print ) การพิมพ์กามะหยีลงไปบนผ้าโดยตรงจะใช้วธีการพิมพ์กาวลง
่ ิ
ไปบนผ้าแล้วใช้ เครื่ องพ่นขนกามะหยีลงไปบนผ้าหลังจากพิมพ์กาวเสร็ จแล้ว โดยจะทาการพ่นขนกามะหยีลงไป
่ ่
บนผ้าทีละสี ในการพิมพ์กามะหยีโดยตรงจะมีวธีการพิมพ์อยู่ 2 แบบ โดยพิมพ์ลงไปบนโต๊ะพิมพ์โดยพิมพ์
่ ิ
ลงไปทีละสี แต่จะมีปัญหาเรื่ องของการฟุ้ งกระจายของขนกามะหยีในโรงงาน แต่ในปั จจุบนจะมีเครื่ องพิมพ์แบบ
่ ั
วงกลมซึ่ งจะมีกล่องพ่นขนกามะหยีโดยจะพ่นลงเฉพาะลาย โดยในเครื่ องพิมพ์แบบนี้จะมีหลายแป้ นพิมพ์
่
่
โดยจะมีแป้ นที่พิมพ์กาวและแป้ นที่พนกามะหยีโดยในการพิมพ์แบบนี้จะไม่มีเรื่ องการฟุ้ งกระจายของขนกามะหยี่
่
่
เพราะการพ่นแบบนี้จะพ่นโดยใช้กล่องพ่นลงไปบนลายพิมพ์ที่มีการพิมพ์กาวอยูจะไม่มีการฟุ้ งกระจายเพระถูก
ควบคุมโดยกล่องพ่น
4.การพิมพ์ discharge เป็ น การพิมพ์แบบกัดสี ซ่ ึ งผ้าที่ใช้ในการพิมพ์ส่วนใหญ่จะเป็ นผ้า cotton ที่มีการ
ย้อมสี กลุ่ม ไวนิลซัลโฟน ซึ่ งสี พิมพ์ที่ใช้จะเป็ นกลุ่มที่มีการใช้สารฟอกสี ซึ่งสี ที่ใช้ในการพิมพ์จะเป็ นแป้ งพิมพ์
ประเภทปิ กเมนต์ผสมกับสารเคมีที่เป็ น สารฟอกสี ในเวลาพิมพ์งานพิมพ์ประเภทนี้ไม่สามารถผสมสาร
ฟอกสี ทิงไว้ ได้เพราะจะเกิดปฏิกิริยาทาให้สีพมพ์ไม่สามารถทาปฏิกิริยาได้เต็ม ประสิ ทธิ ภาพจะทาให้การกัดสี
้ ิ
พิมพ์ไม่สามารถทาให้ได้ชิ้นงานที่มีการกัดสี พิมพ์ที่สม่าเสมอ ในการพิมพ์งานประเภทนี้การที่จะทาให้งานมี
่ ั
ประสิ ทธิ ภาพ ได้จะขึ้นอยูกบน้ าหนักของมือพิมพ์ในการพิมพ์งานและส่ วนผสมทางเคมีที่ใช้ใน การพิมพ์ตองผสม ้
ได้ตามเปอร์ เซ็นต์ที่ทางบริ ษทผูผลิตเป็ นผูกาหนด ในการพิมพ์ประเภทนี้ถาจะให้การกัดสี มีประสิ ทธิ ภาพต้อง
ั ้ ้ ้
พิมพ์งานแล้วทาการอบสี เลยถึงจะมีประสิ ทธิภาพของงานพิมพื
5.การพิมพ์ resist เป็ นการพิมพ์แบบกันสี ซ่ ึ งส่ วนใหญ่ในการพิมพ์ผาชิ้นยังไม่มีคนทา แต่ส่วนใหญ่จะ
้
ทาในการทางานแบบบาติก ซึ่งจะใช้การมัดผ้าหรื อการเขียนเทียนไขลงไปบนผ้าแล้วทาการย้อม ซึ่งยังมีการทาที
ไม่แพร่ หลายมากนักเพราะเป็ นงานที่เกี่ยวข้องกับงานฝี มือและ แรงงาน
6.การพิมพ์ฟอยล์ เป็ นการพิมพ์กาวลงไปบนผ้าตามลวดลายที่กาหนดแล้วนาผ้าที่พิมพ์กาวแล้วไปรี ด
ฟอยล์โดยใช้เครื่ องรี ดโดยรี ดที่อุณหภูมิ ประมาณ 140 – 160 องศาเซลเซียส
- 5. 5
7.การพิมพ์ HIDEN เป็ นการพิมพ์งานแบบให้ลายพิมพ์มีความหนากว่าการพิมพ์งานแบบทัวไป โดยใน
่
การพิมพ์งานแบบ HIDEN จะมีเทคนิคการพิมพ์ อยู่ 2 แบบคือ
- การพิมพ์แบบใช้เคมีพิมพ์ท่ีเป็ นกลุ่ม WATERBASE โดยในการพิมพ์งานแบบนี้จะใช้เทคนิคการถ่ายบล็อกให้
มีความหนาและก็ใช้เคมีใน การพิมพ์ที่มีความหนาแน่นในโครงสร้างสู งซึ่ งเวลาพิมพ์อาจจะต้องใช้การพิมพ์ หลาย
่ ั
รอบ ขึ้นอยูกบความหนาของบล็อกพิมพ์และความเหนียวของแป้ งพิมพ์ซ่ ึ งต้องมีความ หนืดมากกว่า
การพิมพ์งานโดยทัวไป และในการพิมพ์สีพิมพ์จาพวกนี้จะมีปัญหาเรื่ องของการพิมพ์บล็อกจะตันอยูเ่ ป็ นประจา
่
ซึ่ งต้องแก้ไขโดยใช้สารเติมแต่งที่เป็ นพวก WETTING AGENT ลงไปในแป้ งพิมพ์เพื่อช่วยไม่ให้บล็อก
ตันง่ายจนเกินไป และในการพิมพ์งานประเภทนี้ในโรงงานไม่ควรมีอากาศที่อบอ้าวมากเพราะจะทาให้สีแห้งไว
ถึงแม้จะมีการเติมสารเติมแต่งลงไปก็ตาม
- การพิมพ์โดยใช้สีพิมพ์พวกกลุ่ม PLASTISOL จะมีการพิมพ์ที่คล้ายกับการพิมพ์ในกลุ่ม WATERBASE แต่จะ
ดีกว่าตรงที่พมพ์แล้วบล็อกไม่ตน และในการพิมพ์งานไม่ตองพิมพ์รอบมากเท่ากับ
ิ ั ้
การพิมพ์ WATERBASE ซึ่ งถ้าพิมพ์ในเครื่ องพิมพ์อตโนมัติน่าจะได้งานมากกว่าการพิมพ์โดยใช้คนพิมพ์
ั
ในการพิมพ์งานแบบ TRANSFER จะมีการพิมพ์งานอยู่ 2 แบบคือ
1.การพิมพ์งาน transfer เป็ นแบบการพิมพ์สีพิมพ์ลงไปบนกระดาษหรื อลงไปบนแผ่นฟิ ล์ม แล้วก็จะมีการ
พิมพ์กาวทับลงไปบนสี พิมพ์เพื่อที่จะได้มีการยึดเกาะลงไปบนผ้า ได้ โดยเทคนิคในการพิมพ์งานประเภทนี้จะมีอยู่
หลายแบบดังนี้คือ
่
- การพิมพ์โดยใช้ เครื่องพิมพ์กงอัตโนมัติ โดยพิมพ์สีพิมพ์ผานบล็อกสกรี นแล้วก็จะมีการพิมพ์กาวทับลงไป
ึ่
อีกครั้ง โดยในการพิมพ์แบบนี้จะพิมพ์ได้เฉพาะงานพิมพ์ที่ไม่มีความละเอียดมากนัก เช่น การพิมพ์ป้ายไซด์
สาหรับการรี ดติดคอเสื้ อซึ่ งจะไม่มีรายละเอียดมากในส่ วนของลวดลาย
- การพิมพ์โดยใช้ เครื่องพิมพ์ offset ซึ่งจะมีการพิมพ์ทละเอียดกว่าการพิมพ์แบบสกรีน แต่จะเหมาะสมการ
ี่
พิมพ์แบบ ภาพเสมือน เพราะในการพิมพ์จะพิมพ์แบบพิมพ์ 4 สี โดยในการพิมพ์แบบนี้จะใช้เครื่ องพิมพ์
ที่มีหวพิมพ์ 4 หัวพิมพ์โดยจะใช้เพลทในการพิมพ์ซ่ ึ งจะใหค่าความละเอียดของลายพิมพ์มากกว่าการพิมพ์งาน
ั
แบบสกรี น แต่จะไม่เหมาะกับการพิมพ์แบบสี ตายเช่นการพิมพ์ป้ายไซด์
- การพิมพ์โดยใช้เครื่ องพิมพ์ inkjet พิมพ์ลงไปบนวัสดุประเภท polyurethane ซึ่งมีการเคลือบกาวที่
ด้าน หลัง โดยในการพิมพ์แบบนี้จะมีตนทุนที่สูงกว่าการพิมพ์งานแบบสกรี นและก็จะมีกาลัง การผลิตที่ต่ากว่าการ
้
พิมพ์แบบสกรี น และในการพิมพ์งานแบบนี้ไม่ตองมีการพิมพ์กาวลงไปบนลายพิมพ์ไม่เหมือนการ พิมพ์ในแบบ
้
ข้างต้น
2.การพิมพ์งาน transfer ที่ใช้สีพิมพ์ disperse หรื อ เรี ยกอีกอย่างว่าการพิมพ์แบบ sublimation ในการพิมพ์
ั
แบบนี้จะพิมพ์ได้กบเส้นใยที่เป็ นโพลีเอสเตอร์ และไนล่อน และจะต้องรี ดงานที่อุณหภูมิ 200 – 210 องศา
เซลเซี ยสซึ่ งในการพิมพ์น้ ีจะใช้หลักการทางเคมีของสี ในการแทรกซึ มเข้าไป ในเส้นใยไม่เหมือนงาน transfer ที่
อาศัยกาวในการยึดเกาะกับเส้นใย ซึ่ งจะมีเทคนิคการพิมพ์ดงนี้ ั
- 6. 6
- การพิมพ์โดยใช้เครื่ องพิมพ์สกรี นแบบกึ่งอัตโนมัติ โดยจะพิมพ์สีพิมพ์ลงไปบนกระดาษประเภทกระดาษ
่ ั
ปอนด์หรื ออาร์ตมัน ขึ้นอยูกบเทคนิคในแต่ละโรงงาน โดยในการพิมพ์แบบนี้จะมีการพิมพ์งานที่ได้งานจานวน
ไม่มากนักและเหมาะกับลาย พิมพ์ที่ไม่มีความละเอียดของลวดลายมากนัก
- การพิมพ์โดยใช้เครื่ อง offset โดยจะพิมพ์งานที่มีความละเอียดมากๆได้เช่นงานที่เป็ นเม็ดสกรี นแต่จะไม่เหมาะ
กับการพิมพ์งานที่เป็ นสี ตาย และในกระบวนการผลิตจะสามารถพิมพ์งานได้มากกว่าการพิมพ์แบบสกรี น
- การพิมพ์โดยใช้เครื่ องพิมพ์แบบ inkjet โดยในการพิมพ์แบบนี้จะมีการพิมพ์ที่มีความละเอียดมากแต่จะมีกาลัง
การผลิตที่ น้อยกว่าการพิมพ์ในแบบข้างต้น และในการพิมพ์งานแบบนี้จะเหมาะกับการทางานส่ งตัวอย่างลูกค้า
มากกว่าการทาแบบ production และเหมาะที่จะทางานที่เป็ น order จานวนน้อย
วิธีดาเนินงาน
แนวทางการดาเนินงาน
1. นาเสื้ อ หรื อ วัสดุที่เป็ นประเภทผ้า มาวางไว้บนพื้นโต๊ะที่ราบเรี ยบ ถ้าเป็ นไปได้ ให้ใช้ไม้อด หรื อ แผ่น ฟิ วเจอร์
ั
บอร์ด (แผ่นพาสติกลูกฟูก) ตัดให้เล็กกว่าตัวเสื้ อเล็กน้อย สอดในตัวเสื้ อ แล้วเอามือลูบให้ราบเรี ยบ
2. นาบล็อกสกรี นที่เตรี ยมไว้ มาวางบนเสื้ อที่ตองการจะพิมพ์ เทสี สกรี นที่เตรี ยมไว้ ลงบนบล็อกสกรี น
้
่
ใช้ยางปาด ปาดสี ผานบล็อกสกรี น ไปมา 2-3 ครั้ง แล้วยกบล็อก ขึ้น
ถ้าจะพิมพ์หลายๆตัว ก็ ยกบล็อกไปพิมพ์ตวต่อไป ด้วยวิธีเดียวกัน จนหมดชิ้นงานที่จะพิมพ์
ั
3. พิมพ์เสื้ อเสร็ จแล้ว ต้องล้างบล็อกทันที
4. นาบล็อกสกรี นที่ ใช้แล้ว ปาดสี ออกให้หมด
5. จากนั้นก็ลางด้วยน้ าเปล่าธรรมดา โดยเอาน้ าราดบล็อกทั้งสองด้าน
้
แล้วเช็ดด้วยผ้าแห้งให้สะอาด เพื่อการใช้งานใช้ครั้งต่อไป
เครื่ องมือและอุปกรณ์ที่ใช้
-บลอคสกรี นเสื้ อเปล่า
-ต้นแบบลาย
-สติ๊กเกอร์
-art knife
-ลูกกลิ้งยาง
-กระดาษกาว
-เทปหนังไก่
-แผ่นรองตัด
- 7. 7
งบประมาณ
150 บาท
ขั้นตอนและแผนดาเนินงาน
ลาดับ ขั้นตอน สัปดาห์ที่ ผูรับผิดชอบ
้
ที่ 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 16 17
1 คิดหัวข้อโครงงาน / สมาชิ กในกลุ่ม
2 ศึกษาและค้นคว้าข้อมูล / / / นายเธียรเพชร
3 จัดทาโครงร่ างงาน / / / นายสหธัช
4 ปฏิบติการสร้างโครงงาน
ั / / / นายเธียรเพชร
5 ปรับปรุ งทดสอบ / / นายสหธัช
6 การทาเอกสารรายงาน / / นายเธียรเพชร
7 ประเมินผลงาน / สมาชิ กในกลุ่ม
8 นาเสนอโครงงาน / สมาชิ กในกลุ่ม
ผลที่คาดว่าจะได้รับ (ผลลัพธ์ที่ตองการให้เกิดขึ้นเมื่อสิ้ นสุ ดการทาโครงงาน)
้
1.ประหยัดค่าใช้จ่าย
2.นาความรู้ที่ได้ไปประกอบอาชีพ
3.ได้เสื้ อลายใหม่ที่สวยงาม
สถานที่ดาเนินการ
บ้านของสมาชิกในกลุ่ม
กลุ่มสาระการเรี ยนรู ้ท่ีเกี่ยวข้อง
การงานอาชีพและเทคโนโลยี ศิลปะ
แหล่งอ้างอิง (เอกสาร หรื อแหล่งข้อมูลต่าง ๆ ที่นามาใช้การทาโครงงาน)
http://www.pandascreen.com/main/content/%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%A0%E0%B8%97%E0%
B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%9E%E0%B8%B4%E0%B8%A1%E0%B8%9E%E0%B9%8C%E0%B8%AA%E0%B8%81%E0%B8
%A3%E0%B8%B5%E0%B8%99