More Related Content More from TaiMe Sakdisri (20) Chapter0091. สวนที่ 3 Chapter 9
System Analysis Data Modeling
การวิเคราะหระบบ แบบจําลองขอมูล
System Development Life Cycle : SDLC Learning Objectives
กิจกรรมในขั้นตอนนี้ไดแก
1. การกําหนดความตองการของระบบ อธิบายความหมายโดยยอของคําหลัก ๆ ที่ใชในตัวแบบขอมูล
2. การวิเคราะหความตองการของระบบใหม (Data Modeling)
2.1 แบบจําลองขันตอนการทํางานของ
้
ระบบ
2.2 คําอธิบายขันตอนการทํางาน
้
สามารถวาดแผนภาพความสัมพันธระหวางเอนทิตี (E-R
2.3 แบบจําลองขอมูล Diagram)
อธิบายบทบาทของตัวแบบขอมูลเชิงมโนภาพ (Conceptual
Data Modeling) ในการวิเคราะหและออกแบบระบบขอมูล
สารสนเทศโดยทัวไปได
่
9.2 9.3
2. Topics แนะนําแผนภาพแสดงความสัมพันธ
ระหวางขอมูล
แนะนําแผนภาพแสดงความสัมพันธระหวางขอมูล
สัญลักษณที่ใชใน E-R Diagram
แบบจําลองขอมูล (Data Model) หมายถึง แบบจําลองทีแสดงให
่
เห็นขอมูลและ ความสัมพันธระหวางขอมูลที่เกิดขึ้นทั้งหมดในระบบ
องคประกอบของ E-R Diagram โดยใช “แผนภาพแสดงความสัมพันธระหวาง ขอมูล (Entity
Relationship Diagram: E-R Diagram)”
วิธีการสราง E-R Diagram
9.4 9.5
สัญลักษณที่ใชใน E-R Diagram สัญลักษณที่ใชใน E-R Diagram
Chen Model Crow’s Foot Model ความหมาย
Chen Model Crow’s Foot Model ความหมาย
Attribute ใชแสดง Attribute ของ
Entity Name
ใชแสดง Entity Entity
Entity Name Attribute 1
Attribute 2
…..
Relationship Line เสนเชื่อม ใชแสดงคียหลัก (Identifier)
Entity Name
ความสัมพันธระหวาง Entity
Identifier Identifier
Attribute 1
…..
Relationship ใชแสดงความสัมพันธ
ระหวาง Entity สําหรับ Crow’s Foot Associative Entity
Entity
Model ใชตัวอักษรเขียนแสดง
name
- ความสัมพันธ
Weak Entity
9.6 9.7
3. สัญลักษณที่ใชใน E-R Diagram สัญลักษณที่ใชใน E-R Diagram
ตัวอยาง E-R Diagram ของรูปแบบ Chen Model ตัวอยาง E-R Diagram ของรูปแบบ Crow’s Foot Model
POS_NO POS_DES
EMP_NAME EMP_SEX
EMPLOYEE POSITION
EMP_ID WORK_AS POS_NO
M 1 EMP_NAME POS_DES
EMPLOYEE WORK_ POSITION
EMP_SEX
AS
EMP_ID
9.8 9.9
องคประกอบของ E-R Diagram องคประกอบของ E-R Diagram
Entities คือ คน สถานที่ วัตถุ เหตุการณ หรือแนวความคิดที่แวดลอมผูใชระบบที่
Entities
ตองการพัฒนา
Properties
Relationships หมวดบุคคล (Person): EMPLOYEE,STUDENT,PATIENT,CUSTOMER,
DEPARTMENT,DIVISION
หมวดสถานที่ (Place): REGION,COUNTRY,BRANCH,BUILDING,ROOM,
CAMPUS
หมวดเหตุการณ (Event): SALE,REGISTRATION,RENEWAL,ORDER,INVOICE,
FLIGHT,CANCELLATION
สิ่งของ (Object): PRODUCT, BOOK , RAW MATERIAL, BUILDING
หมวดของแนวคิด (Concept) : COURSE,SUBJECT,EXPENSE
9.10 9.11
4. องคประกอบของ E-R Diagram องคประกอบของ E-R Diagram
Entities Entities
E-R Diagram สามารถจําแนก Entity ได 2 ประเภท ดังนี้ 2. Weak Entity
คือ Entity ทีตองขึ้นอยูกับ Entity อืน ไมมี Property ที่เปน
่ ่
1. Regular Entity เอกลักษณในการจําแนกความแตกตางระหวางสมาชิก จึง
หรือบางครั้งเรียกวา Strong Entity เปน Entity ทีประกอบดวย
่ ตองการศัยเอกลักษณหรือ Property จาก Entity อืนเปน ่
สมาชิกที่มคุณสมบัติ ซึ่งบงบอกถึงเอกลักษณของแตละสมาชิกนัน
ี ้ สวนประกอบในการจําแนกความแตกตางดังกลาว
ได เชน Entity ประชากร (POPULATION) สําหรับสัญลักษณที่ใช
แทน Entity ประเภทนี้ คือรูปเหลียมผืนผา โดยมีชื่อของ Entity นัน
่ ้
อยูภายใน
Order_Detail
POPULATION
9.12 9.13
องคประกอบของ E-R Diagram องคประกอบของ E-R Diagram
Properties Attributes
Properties (Attributes/Element/Field) หมายถึงคุณสมบัติ 1. Simple Attribute คือ Attribute ที่คาภายใน Attribute นั้นไมสามารถ
แบงยอยไดอีก เชน เพศ, เงินเดือน, อายุ, จังหวัด เปนตน SexSalaryName
หรือลักษณะที่ใชอธิบายรายละเอียดของ Entity หรือ Relationship
สําหรับสัญลักษณที่ใชแทน Attribute ประเภทนี้ ไดแก วงรีที่มีเสนเชื่อมตอไปยัง
ที่สนใจ Entity ที่เปนเจาของ Attribute นั้น โดยมีชื่อของ Attribute นั้นอยูภายใน เชน
Attribute “EmpID”,”NAME”,”SEX” และ “SALARY” ของ Entity “EMPLOYEE”
Name
Sex Salary
Attribute Name
EmpID
EMPLOYEE
9.14 9.15
5. องคประกอบของ E-R Diagram องคประกอบของ E-R Diagram
Attributes Attributes
2. Composite Attribute คือ Attribute ที่คาภายใน Attribute นั้น สามารถ 3. Identifier หรือ Key คือ Attribute หรือกลุมของ Attribute ที่มีคาในแต
แยกเปน Attribute ยอยไดอก ซึ่งมีลักษณะตรงขามกับ Simple Attribute
ี ละ Attribute ของ Entity ไมซ้ํากันเลย ซึ่งถูกนํามาใชกําหนดความเปนเอกลักษณ
ตัวอยางที่ 1 Attribute “ชือ” ที่สามารถแบงยอยออกเปน “คํานําหนาชื่อ”, “ชือ”
่ ่ ใหกับแตละ Attribute ใน Entity ตัวอยาง Attribute “EmpID” ของ Entity
“Employee” ที่ใชแทนรหัสประจําตัวพนักงาน Identifier/Key สามารถจําแนกได
และ “นามสกุล”
3 ประเภทดังนี้
FNAME
Composite 1. Candidates Keys
Attribute NAME Sex
2. Primary Key
SNAME
3. Foreign Key
Salar
EMPLOYEE y
Emp_ID
9.16 9.17
องคประกอบของ E-R Diagram องคประกอบของ E-R Diagram
1. Candidate Keys คือ Attribute ใดๆ หรือ Attribute ที่รวมกันแลวทําใหคา Primary Key
ของ Attribute ของ Entity นั้นไมซ้ํากันเลย
2. Primary Key คือ Candidate Key ที่ถูกเลือกใหเปน Key หลักที่มีคาของ Candidate Key Foreign Key
Emp_Name Position_Des
สมาชิกใน Attribute ไมซ้ํากันเลย การที่เลือก Key ที่มีคาไมซํ้ากันเลยมา Position_No c
เปน Primary Key เพื่อจะให Primary Key นี้สามารถไประบุคาในอีก Position_No
Emp_Lastna
Attribute อื่นเพื่อประโยชนในการคนหาขอมูลไดโดยไมเกิดขอมูลซ้ําซอนกัน me
EMPLOYEE
3. Foreign Key คือ Primary Key ของ Entity หนึ่งที่สามารถระบุคาสมาชิกของ Primary Key WORK_ POSITION
AS
อีก Entity หนึ่งที่มีความสัมพันธกันได
Emp_ID
9.18 9.19
6. องคประกอบของ E-R Diagram องคประกอบของ E-R Diagram
Attributes
4. Single-Valued Attribute คือ Attribute ที่มีคาของขอมูลภายใต
Attribute ใด Attribute หนึ่งเพียงคาเดียวเชน Attribute “Salary” ซึ่งที่ใชเก็บ
เงินเดือนของพนักงานและพนักงานแตละคนจะมีเงินเดือนเพียงคาเดียว Emp_Sex Emp_Salary
Emp_Name
5. Muti-Valued Attribute คือ Attribute ที่มีคาของขอมูลไดหลายคา
ภายใตคาของ Attribute ใด Attribute หนึ่งเชน Attribute “DEGREE” ที่ใชระบุ
ระดับการศึกษาของพนักงานแตละคน ซึ่งพนักงานแตละคน จะมีระดับการศึกษาได EMPLOYEE
Emp_ID Emp_Degree
หลายระดับ สําหรับสัญลักษณที่ใชแทน Attribute ประเภทนี้ จะใชเสน 2 เสน
เชื่อมระหวางรูปภาพของ Attribute กับ Entity
9.20 9.21
องคประกอบของ E-R Diagram องคประกอบของ E-R Diagram
Attributes
Relationship
6. Derived Attribute คือ Attribute ที่คาของขอมูลไดมาจากการนําเอาคา Relationship คือ ความสัมพันธระหวาง Entity 2 Entity ที่มีการเชื่อมโยง
ของ Attribute อื่นมาทําการคํานวณ ซึ่งคาของ Attribute ประเภทนี้จะตอง ขอมูลซึ่งกันและกัน
เปลี่ยนแปลงทุกครั้ง เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงคาของ Attribute ที่ถูกนําคามาคํานวณ
เชน Attriute “TOT_SAL” ของ Entity “Employee” ที่ใชเก็บเงินเดือนทั้งหมด สัญลักษณจะใชรูปสี่เหลี่ยมขาวหลามตัดที่มีชื่อของRelationship นั้นอยู
ของพนักงานแตละคนของพนักงานแตละคนเพื่อนําไปคํานวณภาษี ซึ่งไดมาจาก ภายในสัญลักษณจะตองเชือมระหวาง Entity เสมอ
่
ผลรวมของคาใน Attribute “INCOME” ของ Entity
ประเภทของ Relationship สามารถจําแนกได 3 ประการดังนี้
Emp_Sex Emp_Salary
Emp_Name 1. One-to-One Relationship
2. One-to-Many Relationship
3. Many-to-Many Relationship
Emp_ID EMPLOYEE Emp_Degree
Emp_TOT_SAL
9.22 9.23
7. องคประกอบของ E-R Diagram องคประกอบของ E-R Diagram
ความสัมพันธระหวาง Entity (Relationship) ความสัมพันธระหวาง Entity (Relationship)
1. One-to-One Relationship : เปนRelationship ที่แตละ Participant 2. One-to-Many Relationship : เปน Relationship ที่แตละ Participant
ของ Entityหนึ่งจะมีความสัมพันธกับอีก Participant ของอีก Entity หนึ่งเพียง ของ Entity หนึ่งมีความสัมพันธกับ Participant ของอีก Entity หนึ่ง
Participant เดียวเชน กรณีลูกคาสามารถมีบัญชีเงินฝากไดเพียงบัญชีเดียว และ มากกวา 1Participant เชน กรณีลูกคาสามารถมีบัญชีเงินฝากไดมากกวา 1 บัญชี
แตละบัญชีเงินฝากจะมีเจาของบัญชีไดเพียงคนเดียว ดังรูป และแตละบัญชีเงินฝากจะตองมีเจาของบัญชีเพียงคนเดียว ดังรูป
1 Belong_to 1 ACCOUNT 1 Belong_to M ACCOUNT
CUSTOMER CUSTOMER
9.24 9.25
องคประกอบของ E-R Diagram องคประกอบของ E-R Diagram
ความสัมพันธระหวาง Entity (Relationship) ระดับความสัมพันธระหวาง Entity(Degree of Relationship)
3. Many-to-Many Relationship : เปน Relationship ที่ Participant Entity คือสิ่งที่สนใจในระบบ ซึ่งอาจจะเปนขอมูล สิ่งของ แผนก หรือ
มากกวา 1 Participant ของ Entity หนึ่ง มีความสัมพันธกบ Participant ของอีก
ั สถานที่ ซึ่งจะตองมีความสัมพันธกับอีก Entity หนึ่งเพื่อใหระบบเกิดการ
Entity หนึ่งมากกวา 1 Participant เชน กรณีลูกคาสามารถมีบัญชีเงินฝากได ทํางานเปนตามขั้นตอน ดังนั้นจึงตองมีสิ่งที่ใชวัดความเขมขนของความสัมพันธ
มากกวา 1 บัญชี และแตละบัญชีเงินฝากสามารถมีเจาของบัญชีไดมากกวา 1 คน ระหวาง Entity วามีความสัมพันธกันลักษณะอยางไรหรือมีความสัมพันธที่ซับซอน
เพียงใด ซึ่งการวัดจํานวน Entity ที่มีความสัมพันธกนนั่นเอง ที่เรียกวา Degree of a
ั
Relationship คือ ขนาดของความสัมพันธระหวาง Entity สามารถจําแนกไดเปน
3 ประเภท
M Belong_to M ACCOUNT
CUSTOMER
Unary Relationship/Recursive Relationship
Binary Relationship
Ternary Relationship
9.26 9.27
8. องคประกอบของ E-R Diagram องคประกอบของ E-R Diagram
1. Unary Relationship/Recursive 2. Binary Relationship : คือ Relationship ที่เกิดขึ้นระหวาง 2 Entity กรณีเชนนี้
Relationship : เปนความสัมพันธที่เกิดขึ้นระหวางสมาชิกภายใน Entity ของ เรียกไดวามี Degree ของความสัมพันธเทากับ 2 เนื่องจากเปนความสัมพันธระหวาง
ตัวเองซึ่งเกิดในกรณีท่ี Attribute ของ Entity นั้น สามารถสรางความสัมพันธกับ Entity 2 จํานวน
อีก Attribute หนึ่งภายใน Entity เดียวกัน
ตัวอยาง ความสัมพันธแบบ One-to-One Relationship ซึ่งพนักงานหนึ่งคนจะ
สามารถมีที่จอดรถ (Parking Place) ได 1 ที่เทานั้นและที่จอดรถ 1 ที่เปนของ
ตัวอยาง ความสัมพันธเปนแบบ One-to-Many ซึ่งจะเห็นไดวา Employee หนึ่ง
คนสามารถจะบริหารงาน Employee คนอื่นๆได เชนหัวหนางาน ดังรูป พนักงานหนึ่งคนดังรูป
M EMPLOYEE 1 IS ASSIGNED 1 PARKING PLASCE
Employee Manage
1
9.28 9.29
องคประกอบของ E-R Diagram องคประกอบของ E-R Diagram
ตัวอยาง แบบ One-to-Many ในหนึ่งสายผลิตภัณฑ (Product Line) จะประกอบ 3.Ternary Relationship : คือ Relationship ที่เกิดขึนระหวาง Entity มากกวา 2 Entity
้
ขึนไป
้
ไปดวย (Contains) สินคาไดตั้งแต 1 ผลิตภัณฑ (Product) ขึ้นไป และสินคาตั้งแต
ตัวอยาง Entity ความสัมพันธกัน 3 Entity ดวยกันไดแก PART,VENDOR และ
1 ผลิตภัณฑขึ้นไปจะตองอยูในสายการผลิตเพียง 1 สายเทานั้น ดังรูป
WAREHOUSE ซึ่งมีความสัมพันธในสวนของการสงสินคา ผูจัดจําหนาย (VENDOR)
สามารถสงชินสวนสินคา (PART) ไดตั้งแต 1 ชินสวนขึนไป เพื่อไป เก็บไวในคลังสินคา
้ ้ ้
PRODUCT LINE 1 CONTAINS M PRODUCT (WAREHOUSE) ไดตั้งแต 1 คลังสินคาขึ้นไป ดังรูป
PART
ตัวอยาง แบบ Many-to-Many คือ นักศึกษา (Student) ตังแต 1 คนขึนไป
้ ้
สามารถลงทะเบียน (Register for) เรียนในรายวิชา (Course) ไดตั้งแต 1 รายวิชา M
ขึ้นไป และในรายวิชาตั้งแต 1 รายวิชาขึ้นไปนี้นักศึกษาลงทะเบียนเรียนไดมากกวา
1 คน ดังรูปดานลาง VENDOR M SHIPS M WAREHOUSE
STUDENT M REGISTERS FOR M COURSE
QUANTITY
9.30 9.31
9. องคประกอบของ E-R Diagram องคประกอบของ E-R Diagram
Cardinalities ใน Relationship Associative Entities
Cardinality หมายถึง จํานวนสมาชิกที่เปนไปไดใน Entity หนึงที่มี
่ Associative Entity หมายถึง Relationship ที่มี Attribute เกิดขึ้นใหม โดยที่
ความสัมพันธกับสมาชิกของอีก Entity หนึงตัวอยาง หากมี Entity “ภาพยนตร
่ Attribute นั้นเกิดจากความสัมพันธระหวาง Entity ตั้งแต 2 Entity ขึ้นไป ใน
สัญลักษณสี่เหลี่ยมขาวหลามตัดที่ลอมรอบดวยสี่เหลี่ยมผืนผา
(MOVIE)” และ”มวนวิดีโอ(VIDEO TAPE)” ซึ่งมีความสัมพันธกนคือ ภาพยนตรจะถูก
ั
บันทึกไวในมวนวิดีโอ(SAVE AS) โดยมีเงื่อนไขคือ ภาพยนตรหนึงเรื่องสามารถบันทึก
่ ตัวอยาง ความสัมพันธระหวาง Employee และ Course กลาวคือ Employee 1 คน
ไวในมวนวิดีโอไดอยางนอยที่สุด 1 มวน สวนมวนวิดีโอ 1 มวน สามารถบันทึก สามารถสําเร็จหลักสูตรฝกอบรมไดหลาย Course และ Course 1 Course จะมี
ภาพยนตรไดสูงสุด 1 เรื่องหรือไมบันทึกเลยได แสดงไดดังรูปแสดงแบบ One-to- Employee เขาฝกไดหลายคน (จะไมมีพนักงานสําเร็จหลักสูตรไดและ หลักสูตรจะ
Many ไมมีพนักงานเขาอบรมเลยได) ดังนั้น Attribute “DATE_COMPLETE” จะสามารถ
บอกใหทราบไดวา “EMPLOYEE” คนใดสําเร็จหลักสูตร (Course) ใด และสําเร็จ
MOVIE 1 SAVE AS M VIDEO TAPE เทาใด ดังนั้นเพื่อให E-R Diagram สมบูรณคือสามารถมองเห็น Entity ที่แอบแฝง
มากับ Relationship ได จึงทําการแปลง Relationship นั้นใหเปน Relationship ที่
เรียกวา Associative Entity ดังรูป
แสดงแบบกําหนดจํานวนสมาชิกของทั้งสอง Entity
MOVIE (1,n) SAVE AS (0,1) VIDEO TAPE
9.32 9.33
องคประกอบของ E-R Diagram องคประกอบของ E-R Diagram
Generalization Hierachy
Generalization Hierarchy เปนการแสดงถึงการจัดลําดับของ Entity ที่มี
DATE_COMPLETED ความสัมพันธกันหรือ Relationship ที่มีความสัมพันธกันไดถูกนํามาใชกับ E-R
Diagram เพือแสดงถึง Entity หรือ Relationship ซึ่งมีสมาชิกที่สามารถแยก
่
ออกเปนกลุมยอยๆ ภายใต Entity หรือ Relationship นั้น ดังนั้น Entity หรือ
Relation นี้จึงเรียกวา “Supertype Entity” ตัวอยาง Entity “EMPLOYEE” ที่มี
Attribute “EMP_ID”, “SEX” และ MILITARY_STATUS” ดังรูป
EMPLOYEE (M) (M) COURSE
CERTIFICA
TE
9.34 9.35
10. องคประกอบของ E-R Diagram องคประกอบของ E-R Diagram
ตัวอยาง Generalization Hierarchy สามารถใชกับ Relationship ได
MILITARY_ST
Relationship “IS_A_HOLIDAY” ที่สามารถแยกออกเปน 2 Relationship ยอย คือ
EMP_ID SEX ATUS
Relationship “OFFICIAL_HOLIDAY” ซึ่งเปนวันหยุดประจําป และ
“PROPER_HOLIDAY” ซึ่งเปนวันหยุดเฉพาะของบริษัท แสดงดังรูป
EMPLOYEE SuperType MONTH
EMP_ID
SEX
Supertype
MALE FEMALE DAY YEAR
IS_A_HOLIDAY
EMP_ID
SEX
MILITARY_ST
ATUS
Subtype OFFICIAL_HOLIDA PROPER_HOLIDAY
Y
9.36 9.37 Subtype
องคประกอบของ E-R Diagram องคประกอบของ E-R Diagram
Aggregation
JOB
Aggreation คือ การทําให Relationship และEntity ที่ทําใหเกิด
Relationship นั้นอยูในภาวะรวมกลุมกันเสมือนเปนอีก Entity หนึงเพื่อใหสามารถ
่
นําไปใชสรางความสัมพันธกับ Entity อื่นไดตัวอยาง Entity “Employee” “JOB”
EMPLOYEE BRANCH
และ “BRANCH” ซึ่งเปน Ternary Relationship มีความสัมพันธกันคือ พนักงาน Work_ON
(Employee) ทํางาน (Work_on) ที่ไดรับมอบหมายงาน (Job) ในแตละสาขา
(Branch) ของสํานักงานดังรูป
Manage
JOB
EMPLOYEE BRANCH
Work_ON Manager
9.38 9.39
11. องคประกอบของ E-R Diagram องคประกอบของ E-R Diagram
ใชวิธี Aggregation เพื่อทําใหเขียน E-R Diagram ไดงายขึ้นมีหลักเกณฑดังนี้
1. ใหสมมติ Relationship ที่เกิดจากกลุม Entity นั้นเปนเสมือน Entity 1 Entity JOB
โดยการวาดกรอบสี่เหลี่ยมลอมรอบ Relationship และกลุม Entity เขาไวดวยกัน
2. ลากเสนตรงเชื่อมความสัมพันธระหวาง Relationship ที่ Aggregation แลวกับ
Relationship ที่เกิดจากความสัมพันธของอีก Entity หนึ่ง
3. กลุม Entity และ Relationship ที่ถูกรวมเขาไวดวยกันมีคาเทากับ 1 Entity EMPLOYEE BRANCH
Work_ON
ดังนั้น ความสัมพันธที่ใชวิธี Aggregation แลวสามารถอานไดดังนี้
1. พนักงานทํางานที่ไดรับมอบหมายตามสาขาที่กําหนดไว
2. การทํางานที่ไดรับมอบหมายของพนักงานในแตละสาขาถูกบริหารจัดการโดย
ผูจัดการ Manage
Manager
9.40 9.41
วิธีการสราง E-R Diagram วิธีการสราง E-R Diagram
วิธีสราง E-R Diagram มีขั้นตอนดังตอไปนี้ 1. กําหนด Entity ทั้งหมดในระบบ ไดดังนี้
1. กําหนด Entity ทั้งหมดของระบบ 1.1. คณะ (Faculty)
2. สราง Relationship ระหวาง Entity 1.2. รายวิชา (Course)
3. กําหนดเงื่อนไข (Contraints) ของความสัมพันธระหวาง Entity ตางๆ 1.3. อาจารย (Teacher)
4. กําหนด Attribute ใหกับแตละ Entity พรอมทั้งกําหนด Primary Key
1.4. นักเรียน (Student)
1.5. หองเรียน (Room)
ตัวอยาง การเก็บรวบรวมขอมูลสมมติของมหาวิทยาลัยแหงหนึ่ง เปดสอน
หลักสูตรปริญญาตรีหลายคณะแตละคณะเปดสอนหลายรายวิชา ซึ่งทําการสอน
โดยอาจารยที่มีคณภาพ แตละรายวิชาจะสามารถเปดสอนไดตอเมื่อมีนักศึกษามา
ุ
ลงทะเบียนในรายวิชานั้นอยางนอย 20 คน อาจารย 1 ทานสามารถสอนไดหลาย Faculty Course Student Teacher
วิชา และหองเรียนแตละหองสามารถใชสอนวิชาตางๆ ไดหลายวิชา จากขอมูลนี้
Room
สามารถสราง E-R Diagram
9.42 9.43
12. วิธีการสราง E-R Diagram วิธีการสราง E-R Diagram
2. สราง Relationship ระหวาง Entityไดดังตอไปนี้ 2.2 แตละรายวิชา (Course) จะตองมีอาจารย (Teacher) เปนผูทําการสอน
2.1 ทางคณะ (Faculty) จะตองเสนอเรื่อง (Offer) เพื่อขอเปดวิชาเรียน (Teach)
(Course)
Faculty Faculty
OFFER
OFFER
Course TEACH Teacher
Course
9.44 9.45
วิธีการสราง E-R Diagram วิธีการสราง E-R Diagram
2.3 หองเรียน (Room) เปด (Open) ทําการเรียนการสอนทุกรายวิชา (Course) 2.4 รายวิชาใดๆ (Course) จะสามารถเปดสอนไดตองมี (Have) นักเรียน
(Student) ลงทะเบียนเรียนอยางนอย 20 คน
Faculty Faculty
OFFER
OFFER
Room OPEN Course TEACH Teacher
Room Course TEACH Teacher
OPEN
HAVE
Student
9.46 9.47
13. วิธีการสราง E-R Diagram วิธีการสราง E-R Diagram
3. กําหนดเงือนไขของความสัมพันธระหวาง Entity สามารถกําหนดไดดังนี้
่
3.1 แตละคณะสามารถเสนออธิบดีเพื่อขอเปดสอนไดหลายรายวิชา แตรายวิชา Faculty
1 รายวิชา จะตองอยูในคณะเดียวเทานั้น กลาวคือ ชื่อรายวิชาจะซ้ํากับคณะอืน
่ 1
ไมได
OFFER
3.2 อาจารย 1 ทาน สามารถสอนไดหลายวิชา และ 1 รายวิชาสามารถมี
อาจารยสอนไดหลายทานเชนกัน M
3.3 หองเรียน 1 หองสามารถเปดทําการเรียนการสอนไดหลายรายวิชา และ 1 M M Course M M Teacher
Room OPEN TEACH
รายวิชาสามารถใชหองเรียนหลายหองเพื่อทําการเรียนการสอนไดเชนเดียวกัน
M
3.4 รายวิชา 1 รายวิชาจะสามารถเปดได จะตองมีนักเรียนลงทะเบียนอยางนอย
20 คน และนักเรียน 1 คนสามารถมีวิชาเรียนไดหลายวิชา แสดงไดดังรูป HAVE
M
Student
9.48 9.49
วิธีการสราง E-R Diagram วิธีการสราง E-R Diagram
4. กําหนด Attribute และ Primary Key ใหกับแตละ Entity ดังตอไปนี้ FAC_ID FAC_NAME
Faculty (FAC_ID,FAC_NAME) โดยที่ FAC_ID เปน Primary Key Faculty
Course (Course_ID,Course_Name)โดยที่ Course_ID เปน Primary Key
Teacher(Teacher_ID, Teacher_Name)โดยที่ Teacher_ID เปน Primary Key 1
Course_Name
Student(STD_ID,STD_SEX,STD_NAME)โดยที่ STD_ID เปน Primary Key Room_No Course_ID OFFER Teacher_ID
Room(Room_No) โดยที่ Room_No เปน Primary Key M
แสดงไดดังรูป N M Course M TEACH N Teacher
Room OPEN
M
HAVE Teacher_Name
N
Student
STD_ID STD_NAME
STD_SEX
9.50 9.51
14. Reference Book and Text Book
ตําราอางอิง
คัมภีรการวิเคราะหและออกแบบระบบ กิตติ ภักดีวฒนกุล และ
ั
Q&A
พนิดา พานิชกุล
Modern Systems Analysis & Design : Jeffrey A. Hoffer,
Joey F.George, Joseph S. Valacich
9.52 9.53