More Related Content
Similar to Emotion604 (20)
More from Papam_Virinrda (17)
Emotion604
- 3. อารมณ์ (Emotion) มีความหมายว่า การเกิดการเคลื่อนไหว หรือภาวะที่ตื่นเต้น
มีแนวคิดหนึ่ง ที่ให้ความเข้าใจได้ง่ายกล่าวไว้ว่า อารมณ์เป็นความรู้สึกภายในที่เร้า
ให้บุคคลกระทา หรือเปลี่ยนแปลงภายในตัว ของเขาเอง ซึ่งอารมณ์เป็นสิ่งที่ไม่
คงที่มีการแปรเปลี่ยน อยู่ตลอดเวลา
นักจิตวิทยาทั้งหลายมีความเห็นว่าองค์ประกอบของอารมณ์จะแบ่ง
ออกเป็น 3 อย่าง คือ
สภาวะการรู้คิด ปฏิกิริยาทางสรีระ
การแสดงออกพฤติกรรม
- 4. 1. สภาวะการรู้คิด (cognitive states)
เป็นความรู้สึกของผู้ที่กระทาหรือประสบการณ์ต่าง ๆ ของ
บุคคล อย่างเช่น เราเคยรู้สึกโกรธ ร่าเริง สะอิดสะเอียน เป็นต้น
- 6. 3. การแสดงออกของพฤติกรรม (expressive bahaviors)
เป็นสัญญาณการแสดงออกของสภาวะภายใน เช่น เกิดความ
พอใจก็จะแสดงการยิ้ม หรือเมื่อโกรธก็อาจกล่าววาจาต่อว่าออกมา
หรือแสดงการกระทืบเท้า, ตบตี
- 8. เป็นอารมณ์ที่ไม่พึงพอใจอย่างแท้จริง มักเกิดขึ้นเนื่องจากถูกขัดขวาง
ไม่ให้ทากิจกรรมที่ตนต้องการ ในบุคคลแต่ละวัย ความโกรธจะแตกต่างกันไป
ซึ่งความโกรธ ก็จะแสดงออกในรูปของการก้าวร้าวทางกาย หน้าตาบูดบึ้ง ทุบตี
สิ่งของ ต่อยตี หรือแม้แต่การแสดงอารมณ์โกรธจะออกมาในรูปวาจา พูดติติง
นินทา พูดจาเสียดสี ทั้งนี้เนื่องจากได้เรียนรู้หรือได้รับการปลูกฝังในสังคมที่เขา
เป็นอยู่
นอกจากนี้ความโกรธนับว่าเป็นอารมณ์ที่สาคัญยิ่ง เพราะมีพลังที่เชื่องโยงกับ
พฤติกรรมการจูงใจเป็นอย่างมาก ซึ่งเราจะพบได้เสมอ ในทุกสังคม เมื่อบุคคลมี
ความโกรธพฤติกรรมการจูงใจ ที่เกิดตามมาก็คือไม่อยากทากิจกรรมต่าง ๆ
ความโกรธ
(anger)
- 9. นักจิตวิทยามองว่า อารมณ์เป็นได้ทั้งสิ่งที่ผ่านความคิดและที่ไม่ผ่าน
ความคิด สนับสนุนแนวความคิดสายกลางคือ อย่างไรก็ตามอารมณ์ก็ยังมี
พื้นฐานที่เกิดจากผลทางจิตวิทยา มันน่าจะเป็นส่วนประกอบของโครงสร้าง
รวม ของระบบความคิด แต่อยู่ในต่างระบบกันกับ ส่วนของสมองที่ประมวล
ด้านความคิดซึ่งมีการทางานที่มีหน้าที่ต่างกันและ สามารถทางานเป็นอิสระต่อ
กัน
เดวิด ดับเบอร์ยู ออกส์เบอร์เกอร์ ค้นพบว่า ความโกรธที่มี การ
แสดงออกอย่างหนักแน่นนั้น สามารถรักษา ระงับและเยียวยาได้
(David W. Augsburger, Anger and Assertiveness in Pastoral
Care 1979)
- 11. การดูแลความโกรธ
ขณะที่เรากาลังโกรธ มีสามสิ่งเกิดขึ้น คือ
1. เรากาลังไม่พอใจ เพราะความต้องการบางอย่างของเราไม่ได้รับการตอบสนอง
2. เรากาลังโทษ ใครบางคนหรืออะไรบางอย่างว่า ทาให้เราไม่ได้ในสิ่งที่เรา
ต้องการ
3. เรากาลังจะพูดหรือทาอะไร
บางอย่าง ที่เกือบจะแน่นอนว่าถ้าทาไปแล้วเราจะไม่ได้สิ่งที่เราต้องการหรือไม่ก็
ต้องมาเสียใจภายหลัง
- 16. การตอบสนองของเด็กแรกเกิดซึ่งจะค่อยๆ เปลี่ยนไป เมื่อโตขึ้น
และเมื่อได้มีการเรียนรู้ทั้งโดยการประสบด้วยตนเอง และจากการดูคนอื่น
เป็นตัวอย่าง การมีแนวโน้มที่จะตกใจกลัวได้ง่ายเรียกว่าความขลาด
(timidity) ส่วนหนึ่งเกิดจากพันธุกรรม ความกลัวที่ “กาหนด” โดย
ธรรมชาติ แม้ว่าทั้งคน และสัตว์จะกลัวบางสิ่งบางอย่างในบางครั้ง แต่ก็มี
บางสิ่งบางอย่างเช่นกัน ที่เรากลัวมากเป็นพิเศษทั้งๆ ที่ไม่เคยเจอมาก่อน
สิ่งเหล่านี้อาจมีความสาคัญในวิวัฒนาการของมนุษย์ก็ได้ คน หรือสัตว์อาจ
เกิดกลัวอะไรหลังจากเคยมีประสบการณ์ไม่ดีกับ สิ่งนั้นได้แต่ของบางอย่าง
ก็ทาให้เกิดความประสาทกลัวได้ง่ายกว่าของอื่นๆ
- 24. อารมณ์พื้นฐาน
อารมณ์พื้นฐานของคนเรา ได้แก่ โกรธ กลัว รังเกียจ แปลกใจ ดีใจ
และเสียใจ ซึ่งเป็นอารมณ์พื้นฐานที่มีในสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม สัมพันธ์กับการ
ทางานของระบบลิมบิก (limbic system) ในสมองส่วนกลาง ในคนเรานั้นพบว่า
ยังมีการทางานของสมองส่วนหน้าบริเวณ Prefrontal มาเกี่ยวข้องด้วย โดยมี
การเชื่อมโยงกับระบบลิมบิกที่ซับซ้อนจึงทาให้คนเรามีลักษณะ อารมณ์ความรู้สึก
ที่หลายหลากมากกว่าในสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม
- 26. 1. องค์ประกอบด้านสรีระ (Physiological dimension)
การเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ ทางร่างกายที่จะต้องเกิดขึ้น ควบคู่กับ
ปฏิกิริยาทางอารมณ์ เช่น หัวใจเต้นเร็ว เหงื่อออกตามร่างกาย หรือ
ใบหน้าร้อนผ่าว เป็นต้น อารมณ์ที่ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางสรีระ
ได้มากที่สุดคือ อารมณ์กลัว และ อารมณ์โกรธ อารมณ์กลัวจะก่อให้เกิด
การหลั่งของฮอร์โมน แอดรีนาลีนจากต่อมแอดรีนัล (Adrenal gland)
ส่วนอารมณ์โกรธ จะก่อให้เกิดการหลั่งของฮอร์โมน นอร์แอดรีนาลีน
(Noradrenalin)
- 33. 3. กฎของชีวิต : คือการอย่าคาดหวังที่จะควบคุมผู้อื่น สร้างจินตภาพในใจอย่าง
สม่าเสมอระวังคาพูดของตนเอง สังเกตว่าพูด ถึงตัวเองอย่างไรบ้าง เลือกที่จะคิด
บวกเสมอๆ และการตั้งเป้าหมายในชีวิต
4. ผองเพื่อนและครอบครัว : หากมองสิ่งดีๆ เราก็จะพบกับสิ่งดีๆ หากมองความ
ผิดพลาด เราก็จะพบแต่ความผิดพลาด และอย่าพยายามเปลี่ยนแปลงคนอื่น
เพราะคนเราแบ่งได้เป็นสองกลุ่ม คือ
1. คนที่คอยปรับกลยุทธ์ในการดาเนินชีวิตอย่างสม่าเสมอเป็นประจา
2. คนที่ชอบรอให้ชนกาแพงอิฐก่อน แล้วจึงค่อยเปลี่ยนแปลง
- 34. 5. กลยุทธ์แห่งความสาเร็จ สิ่งที่ต้องทาในตอนนี้
- ผู้ที่ประสบความสาเร็จ จะทุ่มเทความพยายามส่วนใหญ่ให้กับสิ่งที่สาคัญก่อน
- คบหาสมาคมกับคนที่มองโลกในแง่ดีเอาไว้
- ทัศนคติ จะทาให้เกิดความสาเร็จ
- พูดให้ฟังดูจริงจัง เพราะ คาพูดจะกาหนดอนาคตของคุณเอง
- มุ่งมั่นในสิ่งที่คุณต้องการ
- นับถือตัวเอง แล้วเราจะได้รับความนับถือจากผู้อื่นด้วย
- หากบางอย่างที่อยากทาจริงๆ ไม่ต้องรอเวลาที่เหมาะสม แต่ลงมือทาเลย
เคล็ดลับแรกสู่ความสุขและความสาเร็จ คือ การเห็นคุณค่าของสิ่งที่เรามีอยู่แล้ว
- 35. 1. ทุกคนสนใจเรื่องของความสุข และอยากมีความสุข เพราะโลกปัจจุบันทาให้
คนเครียดและเป็นทุกข์มาก
2. เมื่อคนมีความสุขจะเกิดการ transformation หรือการเปลี่ยนแปลงตนเอง
อย่างถึงรากถึงโคน
3. เมื่อคนมีความสุขจะทาให้เกิดความสัมพันธ์ที่ดีกับคนอื่น
เรื่องของความสุขจึงเริ่มต้นจากจุดเล็กๆ ที่ความสุขของคนแต่ละคน เชื่อมสู่ความสุข
ของคนใกล้ๆ ตัว และขยายวงความสุขออกไปเรื่อยๆ จนน่าจะนาไปสู่การเปลี่ยนแปลงเชิง
องค์กร สถาบัน สังคม และเปลี่ยนแปลงโลกได้
- 42. 2. ดีเอ็นเอ : เกี่ยวพันกับระบบร่างกายอย่างใกล้ชิด โรคบางโรคเกิด
จากที่ดีเอ็นเอ ผิดปกติเพียงตัวเดียว เช่น ธาลัสซีเมีย ก็ทาให้
ร่างกายรวนไปทุกระบบ
- 43. 3. สมอง : การทางานของสมองส่วนที่เรียกว่า อมิกดาลา กับ สมอง
ชั้นนอกซีกซ้ายด้านหน้ามีความน่าสนใจมากก็คือ ขณะที่อมิกดาลา
ทางานอย่างกระฉับกระเฉง เจ้าของร่างกายจะรับรู้เรื่องราวต่างๆ
ผิดไปจากความเป็นจริง กลายเป็นความทุกข์ ความขัดแย้งกับคน
อื่น แต่ถ้าเจ้าของ ร่างกายรู้สึกสงบและมีความสุข จะพบว่า
สมองชั้นนอกซีกซ้ายด้านหน้าตื่นตัวสดชื่นขึ้นมา และอมิกดาลา
จะเฉื่อยชาไป โดยอัตโนมัติ
- 44. 4. สารเคมีในสมอง
: มีหลายกลุ่ม เช่น สารเคมีตระกูลเอนโดฟิน เมื่อหลั่งออกมามากๆ จะ
ทาให้คนมีความสุขทั้งเนื้อทั้งตัว หรือสารเคมีตระกูลซีโรโทนิน ที่เมื่อหลั่ง
ออกมาจะทาให้เกิดความทุกข์ ซึมเศร้า ไม่กล้าทาแม้แต่เรื่องง่ายๆ ที่เคย
ทาได้ และอยากฆ่าตัวตาย การรักษาทาได้โดยกินยาปรับสมดุลสารเคมี
ในสมองที่ชื่อ โปรแซค วันละ 1 เม็ด ราคาเม็ดละบาทกว่า
- 46. 5. ความกรุณา : ความกรุณาทาให้จิตใจของเราดี อยากช่วยเหลือคน
อื่นและมี ความสัมพันธ์ที่ดีกับ คนรอบข้าง
- 47. 6. ความสัมพันธ์ที่ดี : เวลาใจเรามีความกรุณา เราจะหายเกลียด หายกลัว
โดยอัตโนมัติ การบ่มเพาะความกรุณาคือ ให้หมั่นดูใจตัวเองว่า คิดแบบ
ไหนแล้วสุข และคิดแบบไหนแล้วทุกข์ การมองดูใจตัวเองเช่นนี้บ่อยๆ
จะทาให้ความกรุณางอกงามขึ้นได้
- 48. 7. ศรัทธา : เป็นเรื่องสาคัญมาก เป็นหนึ่งใน "อินทรีย์ 5" หรือ "พละ 5"
คือธรรมที่เป็นกาลังและเป็นใหญ่ในการทาหน้าที่ต่างๆ หรือการที่ผู้หญิง
มุสลิมในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ยังมีชีวิตอยู่ต่อได้อย่างไม่ทุกข์
สาหัสนัก หลังจากสามีถูกฆ่าตาย ก็เพราะความเชื่อว่าเป็นความประสงค์
ของพระเจ้า
- 51. 9. การให้อภัย : สังคมไทยยังไม่คุ้นเคยกับการขอโทษและให้อภัย ที่
ประเทศแอฟริกาใต้ คนขาวกดขี่คนดามานานกว่า 100 ปี จน
คนขาวเองก็ไม่กล้าลงจากอานาจเพราะกลัวถูกคนดาฆ่า จึงเกิด
กระบวนการทางานเรื่อง "สัจจะและการสมานฉันท์" นั้นก็คือ
การให้อภัยกัน
- 52. 10. สติ สมาธิ : การเจริญสติควรเป็นวิถีชีวิตของคนทุกคน คนส่วนใหญ่มัก
ไม่รู้ ว่าตนเองทุกข์เพราะความคิดแต่ถ้าเจริญสติและอยู่กับ
ปัจจุบันจะหายทุกข์เพราะหยุดคิดได้ จะสงบจากความคิด และ
ร่ารวยความสุขมาก
- 54. 11. ชุมชน : ความเป็นชุมชนทาให้คนอยู่ร่วมกันได้โดยลดความเห็นแก่ตัว มี
ความเมตตา จริงใจ เปิดเผย และเรียนรู้ร่วมกันได้ โดยการต้านทาน
โลกทุนนิยม เป็นการแบ่งปันเกื้อกูล
- 55. 12. ความยุติธรรม สิทธิมนุษยชน : ประเทศไทยกาลังขาดความเป็น
ธรรมในสังคมขนาดหนัก เนื่องจากสังคมขาดศีลธรรมพื้นฐาน คือการเคารพ
ศักดิ์ศรีคุณค่าความเป็นคนของคนทุกคนอย่างเท่าเทียมกัน ระบบการศึกษา
ปัจจุบันกดขี่คนส่วนใหญ่ และยกย่องคนเก่งเพียงไม่กี่คน การที่คนอื่นรู้เห็นว่าสิ่ง
ที่เขาทามีค่า และทั้งสังคมจะเกิดการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกันอย่างมหาศาล จะ
เป็นการปลดปล่อยผู้คนจากความทุกข์ไปสู่อิสรภาพ เกียรติ ศักดิ์ศรี ศักยภาพ
และความสุข
- 56. 13. ระบบเศรษฐกิจ : คาถามหลักของสังคมแต่เดิมคือ "ความจริง ความดี
คืออะไร" ทาให้สังคมอยู่ได้ด้วยความเมตตา ขยัน
ร่วมคิด ร่วมทา เมื่อถามว่าทาอย่างไรจะรวย ก็ทาให้
จนมากขึ้น แต่ถ้าถามว่าทาอย่างไรจะดี จึงจะหายจน
ระบบเศรษฐกิจที่เชื่อมกับศาสนาธรรมได้สนิท คือ
เศรษฐกิจพอเพียงที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
ตรัสไว้
- 57. 14. โครงสร้างองค์กร :
โครงสร้างองค์กรทุกแห่งคือโครงสร้างเชิงอานาจ ผู้บริหารองค์กรมักใช้
เวลาไปกับการบริหารอานาจ บริหารกฎระเบียบ โดยไม่ได้บริหารเนื้องาน ไม่ได้
เอาใจใส่คนทางานแต่ละคนซึ่งมีความฝันและแรงบันดาลใจของตนเอง ถือเป็น
ทรัพยากรอันมีค่าขององค์กร องค์กรต่างๆ ควรปรับตัวไปสู่ความเป็นองค์กร
เคออร์ดิก ตามแนวทางของดี ฮอค ผู้ก่อนตั้งวีซ่า อินเตอร์เนชั่นแนล ใน
ประเทศไทยมีผู้ศึกษาเรื่องนี้อย่างจริงจังคือ ศ.น.พ.วิจารณ์ พานิช แห่งสถาบัน
ส่งเสริมการจัดการความรู้เพื่อ สังคม (สคส.)
- 58. 15. สันติภาพ : ระบบเศรษฐกิจทุนนิยมในปัจจุบันเป็นเศรษฐกิจแบบ
สงคราม เพราะประเทศผู้ผลิตสินค้าต้องล่าเมืองขึ้น เพื่อหาวัตถุดิบ
และตลาดแต่ในปัจจุบันสงครามเลยไปถึงขั้นที่ทาผู้คนกลายเป็นเหยื่อ
โดยกระตุ้นให้อยากบริโภคด้วยสื่อทุกรูปแบบ การโฆษณา และอัตรา
ดอกเบี้ยสันติภาพจึงเกิดขึ้นไม่ได้ในระบบทุนนิยม
- 61. 18. สุนทรียสนทนาและทฤษฎีตัวU :
หัวใจของทั้งสองเรื่องอยู่ที่การห้อยแขวนการพูด การตัดสินใจ และการ
กระทาเอาไว้ก่อน เวลาเรารับรู้เรื่องอะไรมา ควรพิจารณาให้นานๆ เงียบๆ แล้ว
จะเกิดสติ เปรียบเสมือนเป็นการดึงเรื่องราวลงลึกมาทางขาซ้ายตัวยู จนแตะจุด
ใต้สุดของตัวยู คือเห็นความเชื่อมโยง สัมผัสกับความเป็นทั้งหมด เชื่อมอดีต
ปัจจุบัน และอนาคตเข้าด้วยกัน เป็นสภาวะที่จิตลงมาแตะกับปัญญา จากนั้นจึง
ไต่ขึ้นไปตามขาขวาของตัวยู ไปสู่คาพูดและการกระทาที่ผ่าน กระบวนการทาง
ปัญญาแล้ว