More Related Content
More from supasanwongkuna
More from supasanwongkuna (16)
Job
- 1. 1
แบบเสนอโครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์
รหัสวิชา ง33201 ชื่อวิชา เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร 5
ปีการศึกษา 2562
ชื่อโครงงานอันตรายของโรคระบาด
ชื่อผู้ทาโครงงาน
ชื่อ ทัศนวัฒน์เนตรสมบูรณ์ เลขที่ 7 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่6 ห้อง 15
ชื่ออาจารย์ที่ปรึกษาโครงงาน ครูเขื่อนทอง มูลวรรณ์
ระยะเวลาดาเนินงาน ภาคเรียนที่ 1-2 ปีการศึกษา 2562
โรงเรียนยุพราชวิทยาลัย จังหวัดเชียงใหม่
- 2. 2
สานักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาเขต 34
ใบงาน
การจัดทาข้อเสนอโครงงานคอมพิวเตอร์
สมาชิกในกลุ่ม
1. นายทัศนวัฒน์ เนตรสมบูรณ์ เลขที่ 7
คาชี้แจง ให้ผู้เรียนแต่ละกลุ่มเขียนข้อเสนอโครงงานตามหัวข้อต่อไปนี้
ชื่อโครงงาน(ภาษาไทย) : อันตรายของโรคระบาด
ชื่อโครงงาน(ภาษาอังกฤษ) : Dangerous of Pandemic
ประเภทโครงงาน : โครงงานพัฒนาสื่อเพื่อการศึกษา
ชื่อผู้ทาโครงงาน: นายทัศนวัฒน์ เนตรสมบูรณ์
ชื่อที่ปรึกษา: ครูเขื่อนทอง มูลวรรณ์
ระยะเวลาดาเนินงาน : ภาคเรียนที่ 1-2ปีการศึกษา 62
ที่มาและความสาคัญของโครงงาน(อธิบายถึงที่มา แนวคิด และเหตุผล ของการทาโครงงาน)
ปัจจุบันนี้เราสามารถพบเห็นโรคระบาดได้ในชีวิตประจาวันอย่างง่ายดาย ไม่ว่าที่ใดในโลก
ประเทศไหนๆก็มีอยู่ทุกหนทุกแห่ง แต่เราทราบหรือไม่ว่าในโรคเหล่านั้นมีอันตรายและความสาคัญมากอยู่
ซึ่งก่อให้เกิดอันตรายต่อตัวผู้ที่ติดโรคและผู้ที่ได้รับผลกระทบ ดังนั้นการศึกษาเรื่องโรคระบาด
ซึ่งเป็นส่วนประกอบหนึ่งของโรคภัยจึงเป็นอีกหนึ่งเรื่องที่ควรทราบไว้ป้องกันตัวเองและคนรอบข้าง
เพื่อลดโอกาสเกิดโรคภัยและอันตรายที่อาจทาให้เกิดการสูญเสียได้
การรู้ข้อมูลที่อาจไกลตัวแต่เป็นเรื่องใกล้ตัวจึงสาคัญไม่น้อย
ดังนั้นการให้ความรู้เกี่ยวกับโรคระบาดในโอกาศเล็กน้อยๆนี้
อาจช่วยแก้ปัญหาของผู้ที่ถูกลูกหลงจากความไม่รู้และละเลยเรื่องที่ใกล้ตัวและอันตรายได้
โรคระบาดนั้นทาให้มนุษย์ได้รับผลกระทบอย่างหนักหน่วงได้เช่นกัน ทั้งตัวเองและคนรอบข้าง
อาจทาให้ร่างกายทรุดโทรมอย่างหนัก หรือทาให้คนรอบข้างที่เราเคยสนิทสนมมีสุขภาพที่แย่ลง
และร้ายที่สุดคือการที่ไม่สามารถรักษาให้หายได้ซึ่งอันตรายเป็นอย่างมาก เราอาจจะสามารถรักษาให้หายได้
แต่ก็ต้องเสียบ้างสิ่งไปและการดาเนินชีวิตก็จะเปลี่ยนตามไปด้วย แต่ก็มีความเสี่ยงที่จะไม่สามารถรักษาได้อยู่สูง
- 3. 3
ดังนั้นการที่เราสามารถรับรู้ถึงสิ่งที่อันตรายและหลีกเหลี่ยงได้
ก็ยังดีกว่าปล่อยให้อะไรเกิดขึ้นในตอนที่อาจจะแก้ไขไม่ได้แล้ว
วัตถุประสงค์ (สิ่งที่ต้องการในการทาโครงงาน ระบุเป็นข้อ)
1. เพื่อเผยแพร่ความรู้เกี่ยวกับโรคระบาด
2. เพื่อใช้เป็นสื้อในการศึกษาสาหรับผู้ที่สนใจในเรื่องโรคระบาด
3. เพื่อให้ผู้อ่านสามารถนาความรู้ที่ได้ไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจาวัน
ขอบเขตโครงงาน(คุณลักษณะ ขอบเขต เงื่อนไขและข้อจากัดของการทาโครงงาน)
จัดทาโครงงานคอมพิวเตอร์ เรื่องพิษร้ายของนิโคติน ผ่านสื่อเว็บไซต์ www.blogger.com
หลักการและทฤษฎี (ความรู้ หลักการ หรือทฤษฎีที่สนับสนุนการทาโครงงาน)
1)โรคระบาดคืออะไร
จากนิยามขององค์การอนามัยโลก (WHO) โรคระบาดทั่วจะเกิดขึ้นเมื่อมีสามเงื่อนไข
การเกิดขึ้นของโรคใหม่ในประชากร
เกิดการติดเชื้อในร่างกายมนุษย์ และทาให้เกิดการเจ็บป่วยรุนแรง
เชื้อโรคแพร่กระจายได้โดยง่าย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในระหว่างมนุษย์
มีโรคหรือสภาวะทางสุขภาพอื่นๆ
ที่ไม่จัดเป็นโรคระบาดทั่วแม้ว่าจะเกิดการกระจายและการเสียชีวิตในประชากรจานวนมาก
แต่ไม่เข้าเกณฑ์เป็นโรคติดต่อ เช่น มะเร็ง ซึ่งเป็นสาเหตุการตายอันดับต้นๆ
ของโลกแต่ไม่จัดเป็นโรคระบาดทั่วเพราะเป็นโรคไม่ติดต่อ (แม้ว่ามีสาเหตุของมะเร็งบางชนิดติดต่อกันได้)
2)ความเสี่ยง7 ประการ
ประการแรก คือ “การเพิ่มขึ้นของประชากรโลก และการขยายตัวของเขตนาคร”
โดยสหประชาชาติคาดการณ์ว่า ภายในปี ค.ศ. 2050ประชากรโลกราว 66% จะอาศัยอยู่ในเขตเมือง
การที่ประชากรหนาแน่นขึ้น ทาให้ต้องใช้ชีวิตและปฏิสัมพันธ์กันมากขึ้น ซึ่งหมายถึงการส่งผ่านเชื้อโรคต่างๆ
สู่กันและกันได้ง่ายขึ้นด้วย ไม่ว่าจะเป็นทางน้า อากาศ หรืออาหาร รวมถึงการผลิตอาหารเพิ่มขึ้นเพื่อป้อนประชากร
ก็มีโอกาสที่เชื้อโรคต่างๆ จะปะปนมาในอาหารได้มากขึ้นเช่นกัน
ประการที่สอง คือ “การรุกล้าเข้าสู่สิ่งแวดล้อมใหม่ๆ” เมื่อเขตนาครขยายตัว
จึงจาเป็นต้องมีการรุกล้าเข้าไปในพื้นที่ใหม่ๆ เช่นพื้นที่ป่า และอาจนามาซึ่งโรคใหม่ๆ ได้เช่น โรค Lassa fever
ที่ระบาดในไนจีเรียเมื่อปีที่แล้ว
ขณะเดียวกัน สัตว์ที่ถูกทาลายถิ่นที่อยู่อาศัย ก็ต่างอพยพเข้าเมือง และอาจนาเชื้อโรคมาด้วยเช่นกัน
- 4. 4
ปัจจัยเสี่ยงที่สาม คือ “การเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศโลก”
ทาให้โอกาสเกิดโรคระบาดสูงขึ้นและรุนแรงขึ้น เช่น โรคท้องร่วง ในพื้นที่ที่เกิดน้าท่วมหรือคลื่นความร้อนสูง
นอกจากนี้ พาหะของโรคต่างๆ เช่น ยุงลาย ก็อาจสามารถรุกล้าเข้าไปในพื้นที่ใหม่ๆ ที่อากาศอบอุ่นขึ้น
ทาให้มีโอกาสเกิดโรคระบาดเพิ่มขึ้นด้วย
ปัจจัยเสี่ยงที่สี่ คือ “การเดินทางข้ามประเทศ” องค์การการท่องเที่ยวสากล
ระบุว่าแต่ละปีมีคนเดินทางระหว่าง ประเทศกว่า 1,000 ล้านคน
ซึ่งหมายความว่าเชื้อโรคมีโอกาสถ่ายทอดจากประเทศหนึ่งไปยังอีกประเทศหนึ่งได้อย่างง่ายดาย ตัวอย่างเช่น
การระบาดของโรคซาร์สเมื่อปี ค.ศ. 2003 ที่ทาให้มีผู้ติดเชื้อกว่า 8,000 คน ในกว่า 30ประเทศทั่วโลก
และเชื้อไวรัสซิก้า ที่มีรายงานผู้ติดเชื้อในมากกว่า 84 ประเทศเมื่อปีที่แล้ว
และนอกจากการระบาดเพราะเชื้อโรคที่ติดมากับนักเดินทางแล้ว สัตว์ที่เป็นพาหะนาโรคก็อาจติดไปกับสินค้าต่างๆ
ที่มีการขนส่งข้ามประเทศด้วย
ความเสี่ยงประการที่ห้า คือ “ความขัดแย้งทางการเมืองในประเทศ”
ซึ่งทาลายระบบสาธารณสุขในประเทศนั้นๆ เช่นการระบาดของเชื้ออีโบล่าในสามประเทศของแอฟริกา คือ เซียร่า-
ลีโอน, กีนี และไลบีเรีย ซึ่งล้วนมีปัญหาการเมืองในประเทศ ทาให้การควบคุมการระบาดเป็นไปอย่างยากลาบาก
ความเสี่ยงประการที่หก คือ “ปัญหาขาดแคลนบุคลากรทางการแพทย์ในพื้นที่เกิดโรคระบาด”
เนื่องจากแพทย์และพยาบาลในประเทศเหล่านั้นซึ่งส่วนใหญ่เป็นประเทศยากจน
มักจะไปทางานในประเทศอื่นที่ให้ค่าตอบแทนสูงกว่า รายงานของสหประชาชาติชี้ว่า ปัจจุบันมากกว่า 75
ประเทศที่มีอัตราส่วนแพทย์ 1 คนต่อประชากรมากกว่า 1,000 คน
ประการสุดท้าย คือ “การติดต่อสื่อสารไร้พรมแดน” ทาให้ข่าวเรื่องการระบาดของโรคต่างๆ
แพร่กระจายไปอย่างรวดเร็วทางอินเทอร์เน็ต จนบางครั้งทาให้เกิดการวิตกเกินกว่าเหตุ และที่สาคัญ
ไม่ใช่ข่าวทุกอย่างที่เผยแพร่ไปนั้นเป็นข่าวที่ถูกต้อง ซึ่งบางครั้งส่งผลต่อความพยายามควบคุมการระบาดของโรค
บรรดาผู้เชี่ยวชาญด้านสาธารณสุขชี้ว่า ปัจจัยต่างๆ ที่กล่าวมา กาลังทาให้โลกตกอยู่ท่ามกลางความเสี่ยง
ขณะที่ระบบสาธารณสุขโลกก็ยังไม่พร้อมเตรียมรับมือหากเกิดโรคระบาดครั้งใหญ่กว่าที่ผ่านๆ มา
3)ผลกระทบจากโรคระบาด
เนื่องจากจานวนนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติลดลง รวมไปถึงการยกเลิกเที่ยวบินต่างๆ
ส่งผลให้ธุรกิจสายการบินในไทยสูญเสียเม็ดเงินจานวนมาก
ธุรกิจโรงแรมและที่พักหลายแห่งถูกยกเลิกการจองห้องพัก ทารายได้หดหาย
โรงแรมหลายแห่งยังต้องอนุญาตให้พนักงานทางาน 15 วัน หยุด 15วัน
เพื่อลดความเสี่ยงการติดเชื้อและลดต้นทุนค่าจ้าง
- 5. 5
โรคระบาดยังทาให้ผู้คนปรับเปลี่ยนพฤติกรรม ออกจากบ้านน้อยลง บวกกับจานวนนักท่องเที่ยวที่ลดต่าลง
ส่งผลให้ธุรกิจร้านอาหาร ภัตตาคาร มีรายได้จานวนมาก
4)วิธีการปรับตัวของธุรกิจบริการ
เจ้าของธุรกิจบริการต้องไม่ตื่นตระหนกและมีสติอยู่เสมอ
แม้สถานการณ์การติดเชื้อไวรัสยังย่าแย่และไม่แน่นอน แต่ในฐานะเจ้าของธุรกิจ
คุณต้องมีสติและไม่ตื่นตระหนก เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้พนักงานของคุณเอง มีกาลังใจในการทาหน้าที่ต่อไป
สติยังช่วยให้คุณหาทางออกและวิธีแก้ปัญหาที่รอบคอบได้ ดังนั้นในภาวะที่ผู้คนต่างพากันวิตกกังวลนี้
เราขอให้คุณตื่นตัวเรื่องเชื้อไวรัสอยู่เสมอ แต่อย่าตื่นตระหนก
ทาความเข้าใจเรื่องไวรัสอย่างถูกต้อง เพื่อหาทางป้องกันอย่างถูกวิธี
สิ่งต่อมาที่ควรทา คือหาข้อมูลเรื่องเชื้อไวรัสและทาความเข้าใจเกี่ยวกับการแพร่เชื้อ
รวมถึงอัปเดตความคืบหน้าล่าสุดของสถานการณ์เชื้อไวรัสอยู่เสมอ เพื่อหาวิธีป้องกันให้ถูกจุด ถ้าจะให้ดี
เราแนะนาให้จัดอบรมพนักงานให้มีความรู้ความเข้าใจตรงกัน
เมื่อเกิดปัญหาหรือมีภาวะฉุกเฉินเกิดขึ้นจะได้ช่วยกันแก้อย่างถูกวิธี
ออกมาตรการป้องกันไวรัสอย่างถูกวิธี
ดูแลและทาความสะอาดพื้นที่เสี่ยงอย่างสม่าเสมอ
ในธุรกิจบริการ พื้นที่เสี่ยงติดเชื้อ คือพื้นที่สาธารณะ ที่ลูกค้าหรือพนักงานร่วมตัวกันอยู่บ่อยๆ
หรือมีการสัมผัสร่วมกันบ่อยครั้ง
เตรียมพร้อมสต็อกอุปกรณ์ป้องกันการติดเชื้อและผลิตภัณฑ์ทาความสะอาด
ธุรกิจบริการ นอกจากจะต้องป้องกันตัวเองและพนักงานจากความเสี่ยงแล้ว
ยังต้องดูแลให้ลูกค้าใช้บริการธุรกิจของเราอย่างปลอดภัย จึงควรเตรียมสต็อกอุปกรณ์ป้องกันการติดเชื้ออย่าง
หน้ากากอนามัย ถุงมือ รวมถึงผลิตภัณฑ์ทาความสะอาดต่างๆ เช่นเจลล้างมือ สเปรย์แอลกอฮอล์
น้ายาทาความสะอาดสูตรฆ่าเชื้อ ทิชชู่เปียกสูตรฆ่าเชื้อ ฯลฯ เอาไว้ให้พร้อม เผื่อมีเหตุการณ์ฉุกเฉินเกิดขึ้น
จะได้พร้อมรับมือ
สร้างโอกาสจากวิกฤต เพื่อพิชิตใจลูกค้า
ในภาวะวิกฤต การหาโอกาสเพื่อพิชิตใจลูกค้าเป็นอีกหนึ่งหนทางที่จะพาให้ธุรกิจอยู่รอด
เมื่อขึ้นชื่อว่าธุรกิจบริการ เราแนะนาให้คุณลองลงทุนซื้อหน้ากากอนามัยสาหรับแจกให้ลูกค้าใช้ฟรี
(อาจจากัดจานวนขั้นต่า) หรือมีเจลล้างมือ สเปรย์แอลกอฮอล์ฆ่าเชื้อ วางไว้บริการ ก็สามารถซื้อใจลูกค้าได้ไม่ยาก
สร้างความเชื่อมั่นให้ลูกค้าว่าสามารถใช้บริการธุรกิจของเราได้อย่างปลอดภัย
จากสถานการณ์การติดเชื้อที่เกิดขึ้น ทาให้หลายๆ คนต้องระมัดระวังตัวในการใช้ชีวิตมากขึ้น
หากไม่อยากเสียฐานลูกค้า คุณต้องหาวิธีทาให้ลูกค้ามั่นใจในบริการของคุณ
อาจเป็นการติดป้ายประกาศหรือใช้ช่องทางออนไลน์ เช่น Facebook หรือ Twitter ในการประชาสัมพันธ์
- 7. 7
ผลที่คาดว่าจะได้รับ (ผลลัพธ์ที่ต้องการให้เกิดขึ้นเมื่อสิ้นสุดการทาโครงงาน)
1. มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับโรคระบาด
2. สามารถนาความรู้ที่ได้ไปปรับใช้ในชีวติประจาวันได้
3. นาความรู้ที่ได้ไปเผยแพร่ให้แก่ผู้อื่น
4. ผู้ที่สนใจบทความสามารถนาความรู้ไปใช้ได้จริง
สถานที่ดาเนินการ : โรงเรียนยุพราชวิทยาลัย
กลุ่มสาระการเรียนรู้ที่เกี่ยวข้อง
1. กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์
แหล่งอ้างอิง (เอกสาร หรือแหล่งข้อมูลต่าง ๆที่นามาใช้การทาโครงงาน)
1. https://www.sanook.com/campus/1399631/
2. https://www.voathai.com/a/global-epidemic-risks/3797635.html
3. https://www.officemate.co.th/blog/%E0%B8%98%E0%B8%B8%E0%B8%A3%E0%B8%81%E0%B8
%B4%E0%B8%88%E0%B8%9A%E0%B8%A3%E0%B8%B4%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8
%A3-
%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B8%95%E0%B8%B1%E0%B8%A7/