More Related Content
Similar to หลักการและทฤฏี
Similar to หลักการและทฤฏี (20)
หลักการและทฤฏี
- 1. 9. หลักการและทฤษฏี<br /> หลักการและทฤษฏี เป็นการอธิบายถึงหลักการและทษฤฏีที่เกี่ยวข้อง ซึ่งจะนำมาใช้ในการพัฒนาโครงงาน ผู้เรียนควรระบุแหล่งอ้างอิงของหลักการและทฤษฏีเหล่านั้น ส่วนในการทำโครงงานที่เกี่ยวกับการทดลอง มักมีการเดาคำตอบล่วงหน้า หรือการตั้งสมมติฐานนั่นเอง สมมติฐานเป็นคำตอบหรือคำอธิบายที่คาดเดาไว้ล่วงหน้า ซึ่งอาจจะถูกหรือผิดก็ได้ การเขียน สมมติฐานควรมีเหตุผล คือ มีทฤษฏี หรือหลักการทางวิทยาศาสตร์รองรับและที่สำคัญ คือ เป็นข้อความที่มองเห็นแนวทางทดลองเพื่อตรวจสอบสมมติฐานนั้นได้<br />10. วิธีดำเนินงาน<br /> ในการดำเนินงานโครงงาน ผู้เรียนจะต้องระบุความต้องการ แนวทางในการศึกษาค้นคว้า และงบประมาณที่ใช้ในโครงงาน โดยมีรายละเอียด ดังนี้<br />วัสดุอุปกรณ์ที่ใช้ ระบุชนิด คุณสมบัติ และจำนวนของวัสดุอุปกรณ์ที่ใช้ในการทำโครงงาน แหล่งที่มาของวัสดุ ทีวัสดุที่ต้องจัดซื้อมูลค่าเท่าไร วัสดุที่ต้องหยิบยืมหน่วยงานอื่นหรือวัสดุบางอย่างอาจต้องจัดทำขึ้นเอง<br />แนวทางการศึกษาค้นคว้าและพัฒนา อธิบายกระบวนการแก้ปัญหา ซึงประกอบด้วย การเก็บข้อมูล การวิเคราะห์ การวางแผน การพัฒนา การทดสอบ แก้ไข และการนำเสนอผลงาน รวมทั้งระยะเวลาในการดำเนินงานในแต่ละขั้นตอน<br />งบประมาณ ในการจัดทำโครงงานตั้งแต่เริ่มต้นจนสิ้นสุดการทำโครงงานในการดำเนินงานจะต้องมีการประชุมปรึกษาหารือกันเป็นระยะๆ มีการประเมินผลงานในการปฏิบัติงานและประเมินหลังสิ้นสุดโครงงาน ซึ่งจะต้องมีการแตรียมรูปแบบการประเมินไว้ล่วงหน้า<br />11.แผนปฏิบัติงาน<br /> ระบุกิจกรรมต่างๆ ที่ติองปฏิบัติในการพัฒนาโครงงาน ลำดับขั้นตอนก่อน-หลังของแต่ละกิจกรรม ระบุเวลาที่คาดว่าจะต้องใช้ในการปฏิบัติของแต่ละขั้นตอน พร้อมผู้รับผิดชอบในกิจกรรมนั้นๆ ซึ่งส่วนนี้จะใช้ในการควบคุมพัฒนาโครงงานให้สำเร็จลุล่วงในช่วงเวลาที่กำหนด<br />12. ผลที่คาดว่าจะได้รับ<br /> ผลที่คาดว่าจะได้รับในการทำโครงงานนี้จะต้องมีการเขียนไว้ให้ชัดเจน ว่าเมื่อทำโครงงานเรื่องดังกล่าวแล้ว จะได้รับประโยชน์อย่างไรบ้าง ทั้งในส่วนที่จะได้กับตนเองหรือบุคคลอื่น<br />13. เอกสารอ้างอิง<br /> เอกสารอ้างอิงหรือบรรณานุกรมเป็นการบอกให้ผู้อื่นได้ทราบว่าผู้เรียนได้ทำการศึกษาค้นคว้าข้อมูลจากแหล่งใดหากผู้อื่นสนใจที่จะทำโครงงานดังกล่าวในมุมมองอื่นๆ ก็สามารถศึกษาค้นคว้าข้อมูลเพิ่มเติมได้จากแหล่งความรู้เหล่านั้น<br />โดยสรุปแล้วข้อเสนอโครงงานควรจะประกอบด้วย<br /> หัวข้อ/รายงาน รายละเอียดที่ติ้งระบุ1.ชื่อโครงงานชื่อเรื่อง หรือปัญหาที่สนใจ2.ประเภทของโครงงานโครงงานจัดอยู่ในประเภทใด3.ชื่อผู้ทำโครงงานผู้รับผิดชอบโครงงาน อาจเป็นรายบุคคลหรือรายงานกลุ่มก็ได้4.ชื่อที่ปรึกษาโครงงานครูอาจารย์ผู้ทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาควบคุมการทำโครงงานของผู้เรียน5.ระยะเวลาดำเนินงานระยะเวลาการดำเนินงานโครงงานตั้งแต่เริ่มต้นจนสิ้นสุด6.ที่มา แนวคิด และประโยชน์เหตุจูงใจในการทำ หลักการและทฤษฏีที่เกี่ยวข้องประโยชน์ที่ได้รับจากโครงงาน7.วัตถุประสงค์สิ่งที่ต้องการให้เกิดขึ้นเทื่อสิ้นสุดโครงงานทั้งในเชิงปริมาณและในเชิงคุณภาพ8.ขอบเขตปริมาณเงื่อนไขหรือข้อจำกัดของโครงงาน9.หลักการและทฤษฏีหลักการและทฤษฏีที่นำมาใช้พัฒนาโครงงาน10.วิธีดำเนินงานเครื่องมือวัสดุอุปกรณ์ กิจกรรม ขั้นตอนการดำเนินงานและงบประมาณ11.ขั้นตอนการปฏิบัติวัน เวลา และกิจกรรมต่างๆ ตามที่ระบุในข้อ10ตั้งแต่เริ่มต้นจนสิ้นสุด12.ผลที่คาดว่า จะได้รับสภาพของผลที่ต้องการให้เกิดทั้งที่เป็นผลผลิตกระบวนการ และผลกระทบ13.เอกสารอ้างอิงชื่อเอกสาร ข้อมูลที่ได้จากเอกสารต่างๆที่นำมาใช้ดำเนินงาน<br />4. การลงมือทำโครงงาน<br /> เมื่อข้อเสนอโครงงานได้รับความเห็นชอบจากอาจารย์ที่ปรึกษาแล้วก็เสมือนว่าการจัดทำโครงงานได้ผ่านพ้นไปแล้วมากกว่า 50% ขั้นต่อไปจะเป็นการลงมือพัฒนาตามขั้นตอนที่วางแผนไว้ ดังนี้<br />4.1 การเตรียมการ ต้องเตรียมเครื่องคอมพิวเตอร์ ซอฟแวร์ และวัสดุอื่นๆ ที่จะใช้ในการทดลอง พร้อมทั้งจัดเตรียมสถานที่สำหรับใช้ในการพัฒนาให้พร้อมด้วย และควรเตรียมสมุดบันทึก หรือบันทึกเป็นแฟ้มข้อความไว้ในระบบคอมพิวเตอร์ สำหรับบันทึกการทำกิจกรรมต่างๆ ระหว่างทำโครงงาน ได้แก่ ได้ปฏิบัติอย่างไร ได้ผลอย่างไร มีปัญหาและแก้ไขได้หรือไม่ อย่างไร รวมทั้งข้อสังเกตต่างๆ ที่พบ<br />4.2 การลงมือพัฒนา<br /> 4.2.1 ปฏิบัติตามแผนงานที่วางไว้ในเค้าโครง แต่อาจเปลี่ยนแปลงหรือเพิ่มเติมได้ถ้าพบว่าจะช่วยทำให้ผลงานดีขึ้น<br /> 4.2.2 จัดระบบการทำงานโดยทำส่วนที่เป็นหลักสำคัญให้แล้วเสร็จก่อน จึงค่อยทำส่วนที่เป็นส่วนประกอบหรือส่วนเสริมเพื่อให้โครงงานมีความสมบูรณ์มากขึ้นและถ้ามีการแบ่งงานกันทำ ให้ทำการความตกลงในการเชื่อมต่อชิ้นงานที่ชัดเจนด้วย<br /> 4.2.3 พัฒนาระบบงานด้วยความละเอียดรอบคอบและบันทึกข้อมูลไว้อย่างเป็นระบบและครบถ้วน<br /> 4.2.4 คำนึงถึงความประหยัด ความปลอดภัย และระยะในการทำงาน<br />4.3 การตรวจสอบผลงานและแก้ไข การตรวจสอบความถูกต้องของผลงานเป็นความจำเป็นเพื่อให้แน่ใจว่าผลงานที่พัฒนาขึ้นทำงานได้ถูกต้องตรงกับความต้องการที่ระบุไว้ในเป้าหมายและทำด้วยประสิทธิภาพสูงด้วย<br />4.4 การอภิปรายผลและข้อเสนอแนะ เมื่อพัฒนาผลงานเรียบร้อยแล้ว ให้จัดทำสรุปด้วยข้อความที่สั้นกะทัดรัดอย่างครอบคลุมเพื่อช่วยให้ผู้อ่านได้เข้าใจถึงสิ่งที่ค้นพบจากการทำโครงงานและทำการอภิปรายผลด้วย เพื่อพิจารณาข้อมูลและผลที่ได้พร้อมกับนำไปหาความสัมพันธ์กับหลักการ ทฤษฎี หรือผลงานที่ผู้อื่นได้ศึกษาไว้แล้ว ทั้งนี้ยังรวมถึงการนำหลักทฤษฎี หรือผลงานของผู้อื่นมาใช้ประกอบการอภิปรายผลที่ได้ด้วย<br />4.5 แนวทางการพัฒนาโครงงานในอนาคตและข้อเสนอแนะ เมื่อทำโครงงานเสร็จสิ้นลงแล้วผู้เรียนอาจพบข้อสังเกต ประเด็นที่สำคัญหรือปัญหา ซึ่งสามารถเขียนเป็นข้อเสนอแนะและสิ่งที่ควรจะศึกษาหรือใช้ประโยชน์ต่อไปได้<br />5. การเขียนรายงาน<br /> เมื่อทำโครงงานจนได้ข้อมูลอย่างเพียงพอและทำการวิเคราะห์ผล และสรุปผลแล้ว ขั้นตอนต่อไปที่ต้องทำคือการจัดทำรายงาน ซึ่งจะรวมถึงรายละเอียดต่างๆ ในการพัฒนา และคู่มือการใช้งาน<br /> รายงานโครงงานคอมพิวเตอร์เป็นวิธีสื่อความหมายที่มีประสิทธิภาพ เพื่อให้ผู้อ่านได้เข้าใจแนวคิด วิธีดำเนินการศึกษาค้นคว้า ข้อมูลที่ได้ ตลอดจนข้อสรุปและข้อเสนอต่างๆ เกี่ยวกับโครงงาน ในการเขียนรายงานนั้น ผู้เรียนควรใช้ภาษาที่อ่านและเข้าใจได้ง่าย ชัดเจน กระชับ และตรงไปตรงมา ให้ครอบคลุมหัวข้อต่างๆ ดังต่อไปนี้<br /> ส่วนนำ เป็นการให้ข้อมูลเกี่ยวกับโครงงาน ซึ่งประกอบด้วย<br />ชื่อโครงงาน<br />ประเภทของโครงงาน<br />ชื่อผู้ทำโครงงาน<br />ชื่ออาจารย์ที่ปรึกษา<br />กิตติกรรมประกาศโครงงานคอมพิวเตอร์เป็นกิจกรรมที่ได้รับความช่วยเหลือและร่วมมือจากหลายฝ่าย จึงควรกล่าวขอบคุณบุคลากรหรือหน่ายงานต่างๆ ที่ส่วนช่วยให้โครงงานนี้สำเร็จ<br />บทคัดย่อ อธิบายถึงที่มาและความสำคัญของโครงงาน วัตถุประสงค์ วิธีดำเนินการ และผลที่ได้ตลอดจนข้อสรุปต่างๆ อย่างย่อ (ประมาณ 250-400)<br />บทนำ เป็นส่วนรายละเอียดของเนื้อหาของโครงงานซึ่งประกอบด้วย<br />ที่มาและความสำคัญของโครงงาน<br />วัตถุประสงค์<br />ขอบเขตของโครงงาน<br /> หลักการและทฤษฎี เป็นส่วนสรุปข้อมูลที่ได้จากการศึกษาหาข้อมูลหรือหลักการทฤษฎี หรือวิธีการที่จะนำมาใช้ในการพัฒนาโครงงาน ซึ่งรวมถึงการระบุผลงานของผู้อื่นที่ผู้เรียนนำมาเปรียบเทียบหรือพัฒนาเพิ่มเติมด้วย<br />วิธีดำเนินการ อธิบายขั้นตอนการดำเนินการโดยละเอียด ระบุปัญหาหรืออุปสรรคที่พบ วิธีการที่ใช้แก้ไข พร้อมทั้งระบุวัสดุอุปกรณ์ที่ต้องใช้ในการทำงาน<br /> ผลการศึกษา นำเสนอข้อมูล หรือระบบที่พัฒนาได้ โดยอาจแสดงเป็นตาราง หรือกราฟหรือข้อความ ทั้งนี้ให้คำนึงถึงความเข้าใจของผู้อื่นเป็นหลัก<br />สรุปผลหรือข้อเสนอแนะ การสรุปผลการดำเนินงานเป็นการอธิบายผลสรุปที่ได้จากการทำงาน ถ้ามีการตั้งสมมติฐานควรระบุด้วยว่าข้อมูลที่ได้สนับสนุนหรือคัดค้านสมมติที่ตั้งไว้หรือยังสรุปไม่ได้ นอกจากนั้นยังควรกล่าวถึงการนำผลการทดลอง หรือพัฒนา <br />ไปใช้ประโยชน์ อุปสรรคของการทำโครงงาน หรือข้อสังเกตที่สำคัญ หรือข้อผิดพลาดบางประการที่เกิดขึ้นจากการทำโครงงาน ส่วนข้อเสนอแนะในโครงงานควรมีเพื่อเป็นแนวทางในการปรับปรุงงาน หากจะมีผู้ศึกษาค้นคว้าในเรื่องทำนองนี้ต่อไปในอนาคตด้วย นอกจากนี้ควรกล่าวถึงประโยชน์ที่ได้รับจากโครงงาน ระบุประโยชน์ผู้เรียนที่ได้รับจากการพัฒนาโครงงานนั้น และประโยชน์ที่ผู้ใช้จะได้รับจากการนำผลงานของโครงงานไปใช้ด้วย<br />7) บรรณานุกรม รวบรวมรายชื่อหนังสือ วารวาร เอกสาร และ/หรือเว็บไซต์ต่างๆ ที่ผู้ทำโครงงานใช้ค้นคว้า หรืออ่านเพื่อศึกษาข้อมูลและรายละเอียดต่างๆที่นำมาใช้ประโยชน์ในการทำโครงงานนี้ การเขียนเอกสารบรรณานุกรมต้องให้ถูกต้องตามหลักการเขียนด้วย<br />8) คู่มือการใช้งาน หากโครงงานที่ผู้เรียนจัดทำเป็นการพัฒนาระบบใหม่ขึ้นมาให้ผู้เรียนจัดทำคู่มืออธิบายวิธีการใช้งานผลงานนั้นโดยละเอียด ซึ่งประกอบด้วย<br />- ชื่อผลงาน<br />- ความต้องการของระบบคอมพิวเตอร์ (ถ้ามี) ระบุรายละเอียดของเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ต้องมีเพื่อจะใช้ผลงานนั้นได้<br />- ความต้องการของซอฟต์แวร์ (ถ้ามี) ระบุรายชื่อซอฟต์แวร์ที่ต้องมีอยู่ในเครื่องคอมพิวเตอร์เพื่อจะให้ผลงานนั้นทำงานได้อย่างสมบูรณ์<br />- คุณลักษณะของผลงาน อธิบายว่าผลงานนั้นทำหน้าที่อะไรบ้าง รับอะไรเป็นข้อมูลเข้าและส่งอะไรออกมาเป็นข้อมูลออก<br />- วิธีการใช้งานของแต่ละฟังก์ชัน อธิบายว่าจะต้องเลือกคำสั่งใด หรือกดปุ่มใด<br />-ข้อแนะนำในการใช้งาน เพื่อให้ผลงานนั้นสามารถทำงานได้ดีที่สุด<br /> คู่มือการใช้งาน สามารถแยกออกจากรายงานฉบับสมบูรณ์ หรือใส่ไว้เป็นภาคผนวกของรายงานฉบับสมบูรณ์ก็ได้ แล้วแต่ดุลยพินิจของผู้จัดทำ ที่กล่าวมานี้เป็นรูปแบบหนึ่งของการเขียนรายงานซึ่งเป็นการเขียนรายงานในลักษณะทั่วๆไป รูปแบบดังกล่าวนี้อาจไม่เหมาะสมกับโครงงานบางประเภทก็ได้ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับลักษณะของโครงงาน ซึ่งสิ่งที่สำคัญที่สุดที่ผู้เขียนรายงานควรตระหนักไว้อยู่เสมอคือควรเขียนรายงานให้ชัดเจน ใช้ศัพท์เทคนิคที่ถูกต้องใช้ภาษาที่เข้าใจง่าย ตรงไปตรงมา และครอบคลุมประเด็นสำคัญๆทั้งหมดของโครงงาน<br />6.การนำเสนอและการแสดงผลงานของโครงงาน<br /> การนำเสนอและการแสดงผลงานเป็นขั้นตอนที่สำคัญอีกขั้นตอนหนึ่งของการทำโครงงานเพื่อแสดงออกถึงผลิตผลของความคิด ความพยายามในการทำงานที่ผู้ทำโครงงานได้ทุ่มเท และเป็นวิธีที่ทำให้ผู้อื่นได้รับรู้และเข้าใจถึงผลงานนั้น<br /> การเสนอผลงานอาจทำได้ในหลายรูปแบบต่างๆกัน เช่น การแสดงผลงานโดยไม่มีการอธิบายประกอบ การรายงานด้วยคำพูดในที่ประชุม การจัดนิทรรศการโดยโปสเตอร์ และอธิบายด้วยคำพูด โดยผลงานที่นำมาเสนอหรือจัดแสดงควรประกอบด้วยสิ่งต่อไปนี้<br />ชื่อโครงงาน<br />ชื่อผู้จัดทำโครงงาน<br />ชื่ออาจารย์ที่ปรึกษา<br />คำอธิบายถึงที่มาและความสำคัญของโครงงาน<br />วิธีการดำเนินงานที่สำคัญ<br />การสาธิตผลงาน<br />ผลการสังเกตและข้อสรุปสำคัญที่ได้จากการทำโครงงาน<br />ถ้าเป็นการรายงานด้วยคำพูดต่อที่ประชุม ควรมีการเตรีมการในประเด็นต่อไปนี้<br />จัดลำดับความคิดในการนำเสนออย่างเป็นระเบียบและนำเสนออย่างตรงไปตรงมาด้วยภาษาที่ชัดเจนและเข้าใจง่าย<br />ทำความเข้าใจกับเรื่องที่จะอธิบายให้ดี รวมถึงเตรีมข้อมูลที่อาจต้องใช้ในการตอบคำถาม<br />หลีกเลี่ยงการนำเสนอด้วยวิธีอ่านรายงาน<br />ควรมองไปยังผู้ฟังขณะรายงาน<br />ตอบคำถามอย่างตรงไปตรงมา<br />รายงานให้เสร็จภายในระยะเวลาที่กำหนด<br />ควรใช้โปรแกรมนำเสนอประกอบการรายงาน<br />ความเหมาะสมของเนื้อหาต่อผู้ฟัง<br />ถ้าเป็นโครงงานพัฒนาผลงาน ผลงานนั้นควรจะอยู่ในสภาพที่ทำงานได้เป็นอย่างดี<br />รูปที่ 22.7 การแสดงผลงานในรูปแบบของนิทรรศการ<br /> <br /> การทำโครงงานคอมพิวเตอร์ นอกจากจะเป็นกิจกรรมที่ส่งเสริมให้ผู้เรียนได้นำความรู้ทางคอมพิวเตอร์มาใช้แก้ปัญหา พัฒนาคิดค้นผลิตภัณฑ์ต่างๆ แล้วยังเป็นกิจกรรมที่ส่งเสริมให้ผู้เรียนมีความสนใจที่จะทำงานวิจัยและประกอบอาชีพทางคอมพิวเตอร์มากยิ่งขึ้นด้วย ซึ่งในปัจจุบันนี้หลายประเทศทั่วโลกขาดแคลนบุคลากรทางด้านเทคโนโลยีสารสนเทศเป็นอย่างมากดังนั้นจึงน่าที่จะจัดให้การทำโครงงานคอมพิวเตอร์เป็นกิจกรรมในทุกระดับชั้น เพื่อนำไปสู่การพัฒนาประเทศต่อไปในอนาคต<br />โครงร่างการเขียนรายงานโครงงาน<br />ชื่อโครงงาน(ภาษาไทย).......................................................................................................................<br /> (ภาษาอังกฤษ).................................................................................................................<br />ประเภทของโครงงาน..........................................................................................................................<br />ชื่อผู้ทำโครงงาน<br />......................................................................................................................................................<br />......................................................................................................................................................<br />ชื่ออาจารย์ที่ปรึกษา.............................................................................................................................<br />ชื่ออาจารย์ที่ปรึกษาร่วม.......................................................................................................................<br />กิตติกรรมประกาศ...............................................................................................................................<br />.............................................................................................................................................................<br />สารบัญ................................................................................................................................................<br />บทคัดย่อ..............................................................................................................................................<br />.............................................................................................................................................................<br />บทนำ<br />ที่มาและความสำคัญของโครงงาน<br />.............................................................................................................................................................<br />วัตถุประสงค์<br />.............................................................................................................................................................<br />ขอบเขตของโครงงาน <br />.............................................................................................................................................................<br />หลักการและเทคโนโลยี<br />.............................................................................................................................................................<br />วิธีการดำเนินการ<br />.............................................................................................................................................................<br />ผลการศึกษา<br />.............................................................................................................................................................<br />สรุปผลและข้อเสนอแนะ<br />.............................................................................................................................................................<br />บรรณานุกรม<br />คู่มือการใช้งาน<br />ตัวอย่างบทคัดย่อ<br />ตัวอย่างที่ 1<br />โครงงาน ระบบบ้านไฮเทคประหยัดพลังงานและรักษาความปลอกภัย<br />ผู้จัดทำ นายธรรมนูญ พานิชการ<br />อาจารย์ที่ปรึกษา นายอนุสรณ์ นาคะนิเวศน์<br />สถานศึกษา โรงเรียนราชสีมาวิทยาลัย จ.นครราชสีมา<br />บทคัดย่อ<br />เนื่องจากในปัจจุบันทรัพยากรพลังงานในโลกไม่เพียงพอต่อจำนวนความต้องการของมนุษย์ จึงต้องมีการคิดค้นอุปกรณ์และเครื่องมือเครื่องใช้ที่ประหยัดพลังงานขึ้นมาใช้ เพื่อให้มีพลังงานเพียงพอต่อความต้องการของมนุษย์ และช่วยลดความสิ้นเปลืองจากการสูญเสียทรัพยากรพลังงานในแต่ละปี ซึ่งทำให้เราเสียเงินในการซื้อพลังงานจากต่างประเทศ เพื่อให้เพียงพอต่อความต้องการใช้พลังงานที่สูงกว่าที่จะสามารถผลิตได้<br />ผู้พัฒนาจึงได้คิดค้นระบบบ้านไฮเทคประหยัดพลังงานและรักษาความปลอดภัยขึ้นมาซึ่งในตอนแรก จะพัฒนาระบบการเปิดปิดไฟโดยใช้การจับอุณหภูมิร่างกายมนุษย์แต่เพียงอย่างเดียว แต่พบว่ายังไม่เพียงพอ ในการดำเนินชีวิตประจำวัน ซึ่งเสียงกับความไม่ปลอดภัยไม่ว่าจะเป็นความเสี่ยงจากภัยธรรมชาติหรือกลุ่มมิจฉาชีพ เพราะเหตุนี้จึงได้เพิ่มระบบความปลอดภัยด้วยโครงงานระบบบ้านไฮเทคประหยัดพลังงานและรักษาความปลอดภัยนี้ จะช่วยตรวจสอบระบบการทำงานของระบบไฟฟ้าภายในบ้าน เมื่อไม่มีใครอยู่บ้าน ระบบจะทำการตรวจจับคลื่นความร้อน ถ้าอยู่ในระดับที่ไม่มีร้อนมาก(ตามที่กำหนด)ระบบจะทำการเปิดหน้าต่างและปิดเครื่องปรับอากาศ ในเวลาที่มีลมแรงหรือฝนตก หน้าต่างทุกบานภายในบ้านจะปิด และจะมีการเตือนภัยหากมีผู้บุกรุก<br />โครงงานที่จะพัฒนาขึ้นนี้จะช่วยลดการใช้ไฟฟ้าภายในบ้านได้ เพราะในปัจจุบันการผลิตไฟฟ้าในประเทศไทยไม่เพียงพอต่อความต้องการของประชาชน ซึ่งพลังงานไฟฟ้าที่ประเทศผลิตได้มีเพียงแค่ 50% ที่เหลือเราต้องซื้อพลังงานเชื้อเพลิงที่ใช้ในการผลิตมาจากต่างประเทศ<br />ตัวอย่างที่ 2<br />โครงงาน ตู้ยาอัจฉริยะ<br />ผู้จัดทำ นายสรุจเทพเผื่อนงูเหลือม<br />อาจารย์ที่ปรึกษา นายนิพนธ์สมัครค้า<br />สถานศึกษา โรงเรียนราชสีมาวิทยาลัย จ.นครราชสีมา<br />บทคัดย่อ<br />ในปัจจุบันเทคโนโลยีก้าวหน้าไปอย่างรวดเร็ว ประเทศต่างๆ ก็ได้มีการพัฒนาคิดค้นผลิตสิ่งใหม่ขึ้นเพื่ออำนวยความสะดวกต่างๆ ให้กับประชากรของตน บางประเทศผลิตเพื่อนำออกจำหน่ายเพื่อสร้างความเจริญก้าวหน้าทางเศรษฐกิจ ซึ่งสิ่งของเหล่านั้นมักมีราคาสูง บางคนไม่สามารถซื้อได้ทั้งที่สิ่งนั้นจำเป็นต่อการดำรงชีวิต<br />ด้วยแนวคิดนี้จึงเป็นแรงจูงใจ ทำให้ผู้พัฒนาได้คิดค้นอุปกรณ์ที่ช่วยในการเตือนการรับประทานยาปฏิชีวนะโดยใช้ชื่อว่า ตู้ยาอัจฉริยะ เพื่ออำนวยความสะดวกในการรับประทานยาและทำให้ลดหน้าที่ผู้ดูแลให้น้อยลง โดยการทำงานจะมีช่องใส่ขวดยาชนิดต่างๆ วางไว้ในตู้ โดยโปรแกรมจะถูกกำหนดโดยผู้ใช้ว่าจะให้รับประทานยาโดยมีไฟติดเกิดขึ้น และถ้าหยิบขวดยาผิด ซึ่งตู้ยาอัจฉริยะที่พัฒนาขึ้นนี้สามารถนำไปใช้ได้จริงในชีวิตประจำวัน เพราะสอดคล้องกับการดำเนินชีวิตในปัจจุบันที่มีเทคโนโลยีที่ทันสมัยและก้าวล้ำไปอย่างรวดเร็ว และด้วยจำนวนประชากรเป็นโรคต่างๆมากขึ้น ทำให้ต้องมีการคิดค้นยาใหม่เพื่อรักษาผู้ป่วยด้วยอาทิเช่น ยาปฏิชีวะขึ้นหลากหลายชนิด ซึ่งในการรับประทานยาเหล่านี้อาจต้องการได้รับความใส่ใจเป็นพิเศษ คือต้องรับประทานให้ตรงเวลามิฉะนั้นอาจมีผลข้างเคียงและการหยิบยาผิดก็ส่งผลต่อผู้ป่วยด้วยเช่นกัน<br /> 229 <br />กิจกรรมที่<br /> 23 โครงงานคอมพิวเตอร์ [2]<br />คาบที่ 38 1. จุดประสงค์ ผู้เรียนสามารถ<br />ทำงานร่วมกันและช่วยกันแก้ปัญหาที่เกิดขึ้น<br />บันทึกการปฏิบัติงานอย่างต่อเนื่อง<br />ลงมือพัฒนาโครงงานตามแผนที่วางไว้<br />2. แนวคิด<br /> การลงมือพัฒนาโครงงาน เป็นขั้นตอนที่ผู้เรียนต้องพัฒนาโครงงานของตนเองตามแผนงานที่วางไว้ข้อเสนอโครงงาน แต่อาจเปลี่ยนแปลงหรือเพิ่มเติมได้ถ้าพบว่าจะช่วยทำให้ผลงานดีขึ้น นอกจากนั้นผู้เรียนควรพัฒนาโครงงานด้วยความละเอียดรอบคอบ และบันทึกข้อมูลไว้อย่างเป็นระบบครบถ้วน โดยคำนึงถึงความประหยัด ความปลอดภัย และระยะเวลาในการทำงาน และต้องมีการตรวจสอบความถูกต้องของผลงาน ซึ่งเป็นความจำเป็น เพื่อให้แน่ใจว่าผลงานที่พัฒนาขึ้นทำงานได้ถูกต้องตรงกับความต้องการที่ระบุไว้ในเป้าหมาย และทำงานได้ด้วยประสิทธิภาพสูง<br />3. สื่อ-อุปกรณ์<br /> 3.1 ใบงาน<br /> -<br /> 3.2 ใบความรู้<br /> -<br /> 3.3 อื่นๆ<br /> @ใบงานที่ 22.3 เรื่องข้อเสนอโครงงานคอมพิวเตอร์<br /> 230<br />4. วิธีดำเนินการ<br /> 4.1 การจัดเตรียม<br /> ใบงานที่ 22.3 ที่ได้รับการตรวจสอบจากอาจารย์ที่ปรึกษาโครงงานเรียบร้อยแล้ว<br /> 4.2 ขั้นตอนดำเนินการ<br /> 4.2.1 ให้ผู้เรียนแต่ละกลุ่มลงมือทำโครงงานตามข้อเสนอโครงงานของกลุ่มตนเองและบันทึกการ<br /> ปฏิบัติงานอย่างต่อเนื่อง และเป็นระบบ<br /> 4.2.2 ตลอดระยะเวลาที่ผู้ที่ผู้เรียนลงมือทำโครงงาน ให้ผู้สอนคอยดูแลและให้คำปรึกษาการพัฒนา<br /> ทำให้เห็นหนทางที่เป็นไปได้ในการคิดหรือแก้ปัญหาได้เอง หรือกระตุ้นผู้เรียนให้ดำเนินการ <br /> พัฒนาโครงงานตามแผนที่กำหนดไว้<br /> 4.2.3 ผู้สอนให้ผู้เรียนเตรียมนำเสนอโครงงานในกิจกรรมถัดไป<br /> 5 .การวัดและประเมินผล<br /> 5.1 สังเกตการทำกิจกรรมร่วมกัน<br /> 5.2 ตรวจคำตอบในใบงาน<br />6. แหล่งข้อมูลเพิ่มเติม <br /> หนังสือเรียนรายวิชาพื้นฐานเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4-6 ของสถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี<br />7. ข้อเสนอแนะ<br /> ผู้เรียนจะพัฒนาโครงงานได้ประสบผลสำเร็จหรือไม่ ขึ้นอยู่กับการนิเทศ ติดตามและประเมินความก้าวหน้าของผู้สอนอย่างสม่ำเสมอและต่อเนื่อง<br />