More Related Content
Similar to ขั้นตอนโครงงาน
Similar to ขั้นตอนโครงงาน (20)
More from Aom Nachanok (16)
ขั้นตอนโครงงาน
- 3. 1. คัดเลือกหัวข้อโครงงานที่สนใจ
โดยทั่วไปเรื่องที่จะนามาพัฒนาเป็นโครงงาน
คอมพิวเตอร์ มักจะได้มาจากปัญหา คาถาม หรือ
ความสนใจในเรื่องต่างๆ จากการสังเกตสิ่งต่างๆ ที่
เกี่ยวข้องกับระบบคอมพิวเตอร์ หรือสิ่งต่างๆ รอบตัว
ปัญหาที่จะนามาพัฒนาโครงงานคอมพิวเตอร์ได้จาก
แหล่งต่างๆ กัน ดังนี้
1. การอ่านค้นคว้าจากหนังสือ เอกสาร หนังสือพิมพ์ หรือวารสารต่างๆ
2. การไปเยี่ยมชมสถานที่ต่างๆ
3. การฟังบรรยายทางวิชาการ รายการวิทยุและโทรทัศน์ รวมทั้งการสนทนาอภิปรายแลกเปลี่ยนความคิดเห็นระหว่าง
เพื่อนนักเรียนหรือกับบุคคลอื่นๆ
4. กิจกรรมการเรียนการสอนในโรงเรียน
5. งานอดิเรกของนักเรียน
6. การเข้าชมงานนิทรรศการหรืองานประกวดโครงงานคอมพิวเตอร์
Cr.https://www.quora.com/What-if-you-shared-your-startup-idea-
with-a-friend-then-he-suddenly-think-its-good-and-pushed-it-to-
happen
- 6. รายงาน รายละเอียดที่ต้องระบุ
ชื่อโครงงาน ทำอะไร กับใคร เพื่ออะไร
ประเภทโครงงาน วิเครำะห์จำกลักษณะของประโยชน์หรือผลงำนที่ได้
ชื่อผู้จัดทาโครงงาน ผู้รับผิดชอบโครงงำน อำจเป็นรำยบุคคล หรือรำยกลุ่มก็ได้
ครูที่ปรึกษาโครงงาน ครู-อำจำรย์ผู้ทำหน้ำที่เป็นที่ปรึกษำ และควบคุมกำรทำโครงงำนของนักเรียน
ครูที่ปรึกษาร่วม ครู-อำจำรย์ผู้ทำหน้ำที่เป็นที่ปรึกษำร่วม ให้คำแนะนำในกำรทำโครงงำนของนัีกเรียน
ระยะเวลาดาเนินงาน ระยะเวลำกำรดำเนินงำนโครงงำน ตั้งแต่เริ่มต้นจนสิ้นสุด กำหนดเป็นวัน หรือ เดือนก็ได้
แนวคิด ที่มา และความสาคัญ สภำพปัจจุบันที่เป็นควำมต้องกำรและควำมคำดหวังที่จะเกิดผล
วัตถุประสงค์ สิ่งที่ต้องกำรให้เกิดขึ้นเมื่อสิ้นสุดโครงงำนทั้งในเชิงกระบวนกำร และผลผลิต
หลักการและทฤษฎี หลักกำรและทฤษฎีที่นำมำใช้ในกำรพัฒนำโครงงำน
วิธีดาเนินงาน กิจกรรมหรือขั้นตอนกำรดำเนินงำน เครื่องมือ วัสดุอุปกรณ์ งบประมำณ และผู้ัรับผิดชอบ
ขั้นตอนการปฏิบัติ วัน เวลำ และกิจกรรมดำเนินกำรต่ำงๆ ตั้งแต่เริ่มต้นจนสิ้นสุด
ผลที่คาดว่าจะได้รับ สภำพของผลที่ต้องกำรให้เกิด ทั้งที่เป็นผลผลิต กระบวนกำร และผลกระทบ
เอกสารอ้างอิง สื่อเอกสำร ข้อมูลที่ได้จำกแหล่งต่ำงๆ ที่นำมำใช้ในกำรดำเนินงำน
- 7. 4. การลงมือทาโครงงาน
เมื่อเค้าโครงของโครงงานได้รับความเห็นชอบจากอาจารย์ที่
ปรึกษาแล้ว ก็เสมือนว่าการจัดทาโครงงานได้ผ่านพ้นไปแล้ว
มากกว่าครึ่ง ขั้นตอนต่อไปจะเป็นการลงมือพัฒนาตามขั้นตอนที่
วางแผนไว้ ดังนี้
4.1 การเตรียมการการเตรียมการ
ต้องเตรียมเครื่องคอมพิวเตอร์ ซอฟต์แวร์ และวัสดุอื่นๆ ที่จะใช้ในการพัฒนาให้พร้อมด้วย และควรเตรียมสมุด
บันทึกหรือบันทึกเป็นแฟ้มข้อความไว้ในระบบคอมพิวเตอร์ สาหรับบันทึกการทากิจกรรมต่างๆ ระหว่างทา
โครงงาน ได้แก่ ได้ปฏิบัติอย่างไร ได้ผลอย่างไร มีปัญหาและแก้ไขได้หรือไม่อย่างไร รวมทั้งข้อสังเกตต่างๆ ที่
พบ
4.2 การลงมือพัฒนา
1. ปฏิบัติตามแผนงานที่วางไว้ในเค้าโครง แต่อาจเปลี่ยนแปลงหรือเพิ่มเติมได้ถ้าพบว่าจะช่วยทาให้ผลงานดีขึ้น
2. จัดระบบการทางานโดยทาส่วนที่เป็นหลักสาคัญๆ ให้แล้วเสร็จก่อน จึงค่่อยทา ส่วนที่เป็นส่วนประกอบหรือ
ส่วนเสริมเพื่อให้โครงงานมีความสมบูรณ์มากขึ้น และถ้ามีการแบ่งงานกันทา ให้ตกลงรายละเอียดในการต่อเชื่อม
ชิ้นงานที่ชัดเจนด้วย
3. พัฒนาระบบงานด้วยความละเอียดรอบคอบ และบันทึกข้อมูลไว้อย่างเป็นระบบและครบถ้วน
Cr.https://www.flaticon.com/icon-packs/rocket
- 8. 4.3 การทดสอบผลงานและแก้ไข
การตรวจสอบความถูกต้องของผลงาน เป็นความจาเป็นเพื่อให้แน่ใจว่าผลงานที่พัฒนาขึ้นทางานได้
ถูกต้องตรงกับความต้องการ ที่ระบุไว้ในเป้าหมายและทาด้วยประสิทธิภาพสูงด้วย
4.4 การอภิปรายและข้อเสนอแนะ
เมื่อพัฒนาผลงานเรียบร้อยแล้ว ให้จัดทาสรุปด้วยข้อความที่สั้นกะทัดรัดอย่างครอบคลุม เพื่อช่วยให้
ผู้อ่านได้เข้าใจถึงสิ่งที่ค้นพบจากการทาโครงงาน และทาการอภิปรายผลด้วย เพื่อพิจารณาข้อมูลและผลที่ได้ พร้อม
กับนา ไปหาความสัมพันธ์กับหลักการ ทฤษฎี หรือผลงานที่ผู้อื่นได้ศึกษาไว้แล้ว ทั้งนี้ยังรวมถึงการนาหลักการ
ทฤษฎี หรือผลงานของผู้อื่นมาใช้ประกอบการอภิปรายผลที่ได้ด้วย
4.5 แนวทางการพัฒนาโครงงานในอนาคตและข้อเสนอแนะ
เมื่อทาโครงงานเสร็จสิ้นลงแล้ว นักเรียนอาจพบข้อสังเกต ประเด็นที่สาคัญ หรือปัญหา ซึ่งสามารถ
เขียนเป็นข้อเสนอแนะและสิ่งที่ควรจะศึกษาและหรือใช้ประโยชน์ต่อไปได้
Cr. http://www5.sharecat.com/owneroperator/
https://commons.wikimedia.org/wiki/File:Creative-Tail-rocket.svg
- 9. 5. การเขียนรายงาน
การเขียนรายงานเป็นวิธีการสื่อความหมายเพื่อให้ผู้อื่นได้เข้าใจ
แนวคิด วิธีดาเนินการศึกษาค้นคว้า ข้อมูลที่ได้ ตลอดจนข้อสรุป
และข้อเสนอแนะต่างๆ เกี่ยวกับโครงงานนั้น ในการเขียน
รายงานนักเรียนควรใช้ภาษาที่อ่านง่าย ชัดเจน กระชับ และ
ตรงไปตรงมา ให้ครอบคลุมหัวข้อต่างๆเหล่านี้
5.2 บทนา
บทนาเป็นส่วนรายละเอียดของเนื้อหาของ
โครงงานซึ่งประกอบด้วย
1. ที่มาและความสาคัญของโครงงาน
2. เป้าหมายของการศึกษาค้นคว้า
3. ขอบเขตของโครงงาน
5.3 หลักการและทฤษฎี
หลักการและทฤษฎี เป็นส่วนสรุปข้อมูลที่ได้จาก
การศึกษาหาข้อมูลหรือหลักการ ทฤษฎี หรือ
วิธีการที่จะนามาใช้ในการพัฒนาโครงงาน ซึ่ง
รวมถึงการระบุผลงานของผู้อื่นที่นักเรียนนามา
เปรียบเทียบหรือพัฒนาเพิ่มเติมด้วย
5.1 ส่วนนา
ส่วนนา เป็นการให้ข้อมูลเกี่ยวกับโครงงานนั้นซึ่งประกอบด้วย
1. ชื่อโครงงาน
2. ชื่อผู้ทาโครงงาน
3. ชื่ออาจารย์ที่ปรึกษา
4. คาขอบคุณ เป็นคากล่าวขอบคุณบุคคลหรือหน่วยงาน ที่มีส่วน
ช่วยทาให้โครงงานสาเร็จ
5. บทคัดย่อ อธิบายถึงที่มา ความสาคัญ วัตถุประสงค์
วิธีดาเนินการ และผลที่ได้โดยย่อ Cr.http://zelda.wikia.com/wiki/File:Mr._Write_(Link%27s_Awakening).png
- 10. 5.4 วิธีดาเนินการ
วิธีดาเนินการ อธิบายขั้นตอนการดาเนินงานโดย
ละเอียด พร้อมทั้งระบุปัญหาหรืออุปสรรคที่พบพร้อมทั้งวิธีการที่
ใช้แก้ไข พร้อมทั้งระบุวัสดุอุปกรณ์ที่ต้องใช้ในการทางาน
5.5 ผลการศึกษา
ผลการศึกษา นาเสนอข้อมูลหรือระบบที่พัฒนาได้
โดยอาจแสดงเป็นตาราง หรือ กราฟ หรือข้อความ ทั้งนี้ให้
คานึงถึงความเข้าใจของผู้อ่านเป็นหลัก
5.6 สรุปผลและข้อเสนอแนะ
สรุปผลและข้อเสนอแนะ อธิบายผลสรุปที่ได้จากการทา งาน ถ้ามีการ
ตั้งสมมติฐานควรระบุด้วยว่าข้อมูลที่ได้สนับสนุนหรือคัดค้านสมมติฐานที่ตั้งไว้หรือยัง
สรุปไม่ได้ นอกจากนั้นยังควรกล่าวถึงการนา ผลการทดลองหรือพัฒนาไปใช้
ประโยชน์ อุปสรรคของการทาโครงงาน หรือข้อสังเกตที่สาคัญ หรือข้อผิดพลาดบาง
ประการที่เกิดขึ้นจากการทา โครงงานนี้ รวมทั้งข้อเสนอแนะเพื่อการปรับปรุงแก้ไข
หากจะมีผู้ศึกษาค้นคว้าในเรื่องทานองนี้ต่อไปในอนาคตด้วย
Cr. https://pixabay.com/th/
- 11. 5.7 ประโยชน์
ประโยชน์ที่ได้รับจากโครงงาน ระบุประโยชน์ที่
นักเรียนได้รับจากการพัฒนาโครงงานนั้น และประโยชน์ที่
ผู้ใช้จะได้รับจากการนาผลงานของโครงงานไปใช้ด้วย
5.8 บรรณานุกรม
บรรณานุกรม รวบรวมรายชื่อหนังสือ
วารสาร เอกสาร หรือเว็บไซด์ต่างๆ ที่ผู้ทา โครงงานใช้
ค้นคว้า หรืออ่านเพื่อศึกษาข้อมูลและรายละเอียดต่างๆ ที่
นามาใช้ประโยชน์ในการทา โครงงานนี้การเขียนเอกสาร
บรรณานุกรมต้องให้ถูกต้องตามหลักการเขียนด้วย
Photo by Dakota Corbin on Unsplash https://unsplash.com/search/photos/student
- 12. 5.9 การจัดทาคู่มือการใช้งาน
หาโครงงานที่นักเรียนจัดทา เป็นการพัฒนาระบบ
ใหม่ขึ้นมา ให้นักเรียนจัดทาคู่มืออธิบายวิธีการใช้ผลงานนั้นโดย
ละเอียด ซึ่งประกอบด้วย
1. ชื่อผลงาน
2. ความต้องการของระบบคอมพิวเตอร์ ระบุรายละเอียดของ
คอมพิวเตอร์ที่ต้องมีเพื่อจะใช้ผลงานนั้นได้
3. ความต้องการของซอฟต์แวร์ ระบุรายชื่อซอฟต์แวร์ที่ต้องมีอยู่
ในเครื่องคอมพิวเตอร์ เพื่อจะให้ผลงานนั้นทางานได้อย่าง
สมบูรณ์
4. คุณลักษณะของผลงาน อธิบายว่าผลงานนั้นทา หน้าที่
อะไรบ้าง รับอะไรเป็นข้อมูลขาเข้าและส่วนอะไรออกมาเป็นข้อมูล
ขาออก
5. วิธีการใช้งานของแต่ละฟังก์ชัน อธิบายว่าจะต้องกดคาสั่งใด
หรือกดปุ่มใด เพื่อให้ผลงานทางานในฟังก์ชันหนึ่งๆ
Photo by Markus Spiske on Unsplash https://unsplash.com/search/photos/tool
- 13. 6. การนาเสนอและแสดงโครงงาน
การนาเสนอและการแสดงผลงานเป็นขั้นตอนที่
สาคัญอีกขั้นตอนหนึ่งของการทาโครงงาน เพื่อ
แสดงออกถึงผลิตผลความคิด ความพยายามในการ
ทางานที่ผู้ทาโครงงานได้ทุ่มเท และเป็นวิธีทาให้
ผู้อื่นได้รับรู้และเข้าใจถึงผลงานนั้น การเสนอ
ผลงานอาจทาได้ในหลายรูปแบบต่างๆ กัน เช่น
การแสดงผลงานโดยไม่มีการอธิบายประกอบการ
รายงานด้วยคาพูดในที่ประชุม การจัดนิทรรศการ
โดยโปสเตอร์และอธิบายด้วยคาพูด เป็นต้น โดย
ผลงานที่นามาเสนอหรือจัดแสดงควรประกอบด้วย
สิ่งต่อไปนี้
1. ชื่อโครงงาน
2. ชื่อผู้จัดทาโครงงาน
3. ชื่ออาจารย์ที่ปรึกษา
4. คาอธิบายถึงที่มาและความสาคัญของโครงงาน
5. วิธีการดาเนินการที่สาคัญ
6. การสาธิตผลงาน
7. ผลการสังเกตและข้อสรุปสาคัญที่ได้จากการทาโครงงาน
Photo by Mark Tegethoff on Unsplash https://unsplash.com/search/photos/moon