การสร้างผู้นำเครือซีพี กับวัฒนธรรมองค์กร 6 ข้อ วิชา MGT4209: Organizational Behavior จัดทำโดย นัฐพร ส่งตรัส ชนิสา นิลจินดา วีรวุฒิ แซ่ฮ่ำ

1. การสร้างผู้นาเครือซีพี
กับวัฒนธรรมองค์กร 6
ข้อ
MGT4209 : ORGANIZATIONAL
BEHAVIOR
นัฐพร ส่งตรัส
ชนิสา นิลจินดา
วีรวุฒิ แซ่ฮ่า
จัดทาโดย

2. “ อนาคตของซีพี ที่สาคัญที่สุดคือ “คน”
ซีพีจะยืนหยัดมั่นคงเหมือนดาวฤกษ์ได้
จะต้องมี “ผู้นำรุ่นใหม่”
ที่มีความรู้ความสามารถ ซึ่งจะนาพาให้
คนในเครือฯ พร้อมที่จะขับเคลื่อนองค์กร
ไปด้วยกัน”ธนินท์เจียรวนนท์
ประธานอาวุโส เครือเจริญโภคภัณฑ์

3. ภายใต้วิสัยทัศน์ของ “การเป็นผู้พัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการด้านอาหารสาหรับร่างกายกายและจิตใจ ที่สามารถส่งเสริมสุขภาพและสุขภาวะที่ดีสาหรับ
ผู้บริโภคทุกคนทั่วโลก” เครือเจริญโภคภัณฑ์ จะขับเคลื่อนองค์กรเพื่อรับมือกับความเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของเทคโนโลยี จนสามารถก้าวขึ้นเป็นผู้นาที่สร้างคุณค่า
อย่างแท้จริงตามวิสัยทัศน์ได้นั้น จาเป็นอย่างยิ่งที่ต้องพัฒนาศักยภาพ เพิ่มขีดความสามารถของ “บุคลากร” ซึ่งเป็นหัวใจหลัก รวมทั้งสร้างระบบนิเวศต่าง ๆ ภายใน
องค์กร เพื่อสร้างบุคลากรที่เป็นทั้งคนเก่งและคนดี พัฒนาผู้นาที่เข้มแข็ง มีความสามารถ และมีจริยธรรมคุณธรรม โดยมีค่านิยมหลัก 6 ประการ ที่ฝังรากลึกอยู่ใน
การดาเนินธุรกิจทั่วโลก ในคน และในแนวทางของการดาเนินธุรกิจ ซึ่งเป็นจุดศูนย์รวมของความมุ่งมั่นสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน ที่ทาให้ธุรกิจเติบโตจากจิตวิญญาณ
และความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ซึ่งประกอบด้วย หลัก 3 ประโยชน์, ทาเร็วและคุณภาพ, การทาเรื่องยากให้เป็นเรื่องง่าย, การยอมรับการเปลี่ยนแปลง, สร้างสรรค์
สิ่งใหม่และซื่อสัตย์และมีคุณธรรม
หลัก 3 ประโยชน์ เป็นหัวใจหลักของแนวทางการทาธุรกิจของเครือฯ ที่ยึดมั่นว่าต้องสร้างประโยชน์ในสามระดับ
อย่างแรกคือ ประเทศที่เครือฯ ดาเนินธุรกิจ
อย่างที่สองคือ ประชาชนในประเทศที่เครือฯ เข้าไปดาเนินธุรกิจ
อย่างที่สามคือ องค์กรและบุคลากรของเครือฯ
หลักการนี้ทาให้องค์กรเติบโต และเป็นเครื่องยืนยันว่า การดาเนินงานของเครือเจริญโภคภัณฑ์ และพนักงานทั้งในประเทศไทยและในทุกประเทศที่ดาเนินธุรกิจ ไม่เพียง
มีส่วนช่วยให้ธุรกิจของเครือฯ เติบโต แต่ยังช่วยให้สังคมโดยรวมเติบโตไปพร้อม ๆ กันด้วย

4. ค่านิยมหลัก 6 ประการ ของเครือเจริญโภคภัณฑ์สะท้อนถึงความพร้อมในการปรับตัวของทุกองคาพยพในองค์กร โดยความสามารถในการ
เรียนรู้และแปลงความรู้ให้กลายเป็นการกระทาอย่างรวดเร็ว คือ ความได้เปรียบในการแข่งขันทางธุรกิจที่สาคัญที่สุด องค์กรที่สามารถพัฒนาพนักงานให้เรียนรู้อย่าง
ต่อเนื่อง เกิดทักษะที่สร้างสรรค์และจาเป็นต่อบริบทที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา จะก้าวสู่ความสาเร็จตามที่ตั้งเป้าได้
อย่างไรก็ตาม องค์กรจาเป็นต้องมีผู้นาที่สร้างความเปลี่ยนแปลง (Transformational Leadership) ซึ่งมีคุณสมบัติที่สาคัญดังนี้
1. มีอิทธิพลต่อความคิดผู้ตาม เป็นแบบอย่างที่ดี สามารถสร้างความไว้วางใจให้เกิดการปฏิบัติตามวิสัยทัศน์และพันธกิจได้
2. สร้างแรงบันดาลใจได้ สื่อสารชัดเจน กระตุ้นจูงใจให้ทางานบรรลุเป้าหมาย
3. กระตุ้นให้เกิดการใช้ความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ สนับสนุนการทดลองหาวิธีการใหม่ๆ
4. มุ่งเน้นสร้างความผูกพันระหว่างบุคคล
(McShane and Von Gilnow, 2009: 12)

6. ตลอดระยะเวลาเกือบ 100 ปี เครือเจริญโภคภัณฑ์ ได้บ่มเพาะเมล็ดพันธุ์ที่เติบโตเป็นผู้นาของเครือฯ จากรุ่นสู่รุ่น (Leaders Develop Leaders) อีกทั้งยังได้เปิดโอกาสให้
ผู้บริหารและพนักงานในระดับต่างๆ ได้รู้จัก ได้เรียนรู้ ได้ลงมือทา ได้แบ่งปันประสบการณ์จากการนาค่านิยม 6 ประการ ไปปรับใช้กับการบริหารหน่วยงานและการ
บริหารธุรกิจอยู่เสมอ เพื่อให้ทุกหน่วยงาน เตรียมพร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของยุทธภูมิทางธุรกิจไปพร้อมๆกัน
ดังนั้น จึงจะเห็นได้ว่า การพัฒนาทักษะแห่งอนาคตที่สอดคล้องกับค่านิยมเครือฯ ให้แก่บุคลากรถือเป็นสิ่งที่สาคัญอย่างยิ่งต่อการสร้างธุรกิจสู่ความสาเร็จในยุคที่
ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี โดยการพัฒนาบุคลากรในกลุ่มธุรกิจต่างๆ ในเครือฯ จะคานึงถึงหลักใหญ่ๆ 2 ประการ ดังนี้ประการแรก การระบุทักษะการเรียนรู้ที่จาเป็น การ
วางแผน และการพัฒนาทักษะบุคลากรอย่างเหมาะสม และรวดเร็ว โดยผนึกกาลังกับผู้เชี่ยวชาญระดับโลกเพื่อร่วมกันพัฒนาบุคลากรของเครือฯ และประการที่สอง การ
เสริมสร้างทักษะต่างๆ จะต้องครอบคลุมบุคลากรทุกคนในเครือฯ โดยรวมไปถึงทักษะในด้านต่างๆ สาหรับการใช้ชีวิตในยุคดิจิทัลอีกด้วย

7. Question for future research
1. เครือฯ ซีพี มีการนาแนวคิดพุทธศาสนามาปรับใช้กับการสร้างผู้นาอย่างไรบ้าง?
2. ในปัจจุบัน องค์กรหลายแห่งประสบปัญหาช่องว่างระหว่างวัย (Generation gap) ในองค์กร วัฒนธรรมองค์กรมีบทบาทอย่างไรในการลด
ช่องว่างดังกล่าว และสามารถสนับสนุนการสร้างผู้นาทุกช่วงวัยได้อย่างไร?
3. สิ่งที่จะทาให้ผู้นาสามารถพัฒนาผู้นารุ่นต่อๆไป ได้ประสบความสาเร็จคืออะไร?
4. ในการสร้างผู้นา การวัดความสาเร็จจาก Output กับ Feedback สิ่งใดสาคัญกว่ากัน?