Work3
- 4. ความหมายของโครงงานคอมพิวเตอร ์
โครงงานคอมพิวเตอร์ หมายถึง กิจกรรมเกี่ยวกับการใช้คอมพิวเตอร์ที่เปิดโอกาสให้นักเรียนได้ศึกษา ค้นคว้าและลงมือปฏิบัติด้วย
ตนเองตามความสามารถ ความถนัดและความสนใจโดยอาศัยกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ หรือกระบวนการอื่นๆ ในการศึกษา
คาตอบในเรื่องนั้นๆ โดยมีครูเป็นผู้กระตุ้น แนะนาและให้คาปรึกษาแก่นักเรียน ตั้งแต่การเลือกหัวข้อการศึกษา ค้นคว้า ดาเนินการ
วางแผน กาหนดขั้นตอนการดาเนินงาน โดย การทาโครงงานสามารถทาทุกระดับการศึกษา ซึ่งอาจทาเป็นรายบุคคลหรือรายกลุ่มก็ได้
ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับลักษณะโครงงาน อาจเป็นโครงงานเล็กๆที่ไม่ยุ่งยากซับซ้อนหรือโครงงานใหญ่ที่มีความยากและซับซ้อนขึ้นก็ได้
โครงงานคอมพิวเตอร ์ หมายถึง กิจกรรมเกี่ยวกับการใช ้คอมพิวเตอร ์ที่เปิดโอกาสให้นักเรียนได้ศึกษา ค้นคว้าและลงมือ
ปฏิบัติด้วยตนเองตาม ความสามารถ ความถนัดและความสนใจ โดยอาศัยกระบวนการทางวิทยาศาสตร ์หรือกระบวนการอื่นๆ ใน
การศึกษาคาตอบในเรื่องนั้นๆ โดยมีครูเป็ นผู้กระตุ้น แนะนาและให้คาปรึกษาแก่นักเรียน ตั้งแต่การเลือกหัวข้อการศึกษา ค้นคว้า
ดาเนินการ วางแผน กาหนดขั้นตอนการดาเนินงาน โดย การทาโครงงานสามารถทาทุกระดับการศึกษา ซึ่งอาจทาเป็ นรายบุคคล
หรือรายกลุ่มก็ได้ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับลักษณะโครงงาน อาจเป็ นโครงงานเล็กๆที่ไม่ยุ่งยากซับซ ้อนหรือโครงงานใหญ่ที่มีความยากและ
ซับซ ้อนขึ้นก็ได้
- 5. ความสาคัญของโครงงานคอมพิวเตอร ์
Content
3.ความสามารถในการแก้ปัญหาเกิดจากการที่ผู้เรียนวิเคราะห์ปัญหา
เข้าใจ และอธิบายปัญหาทางด้านคอมพิวเตอร ์รวมทั้งประยุกต์ความรู้
ทักษะ และการใช้เครื่องมือที่เหมาะสมกับการแก้ไขปัญหา
1.ความสามารถในการสื่อสาร เป็นความสามารถที่เกิดจากการที่นักเรียนเป็ น
ผู้ทาโครงงานต้องนาเสนอผลงานให้ ครูและเพื่อนนักเรียนให้เข้าใจโครงงาน
คอมพิวเตอร ์ได้อย่างชัดเจน ดังนั้น ผู้ทาโครงงานต้องสื่อสารความคิดในการ
สร ้างสรรค์โครงงานด้วยการเขียน หรือด้วยปากเปล่า รวมทั้งเลือกใช้รูปแบบของ
สื่ออย่างมีประสิทธิภาพเพื่อนาเสนอแนวคิดในการจัด โครงงานให้ผู้อื่นได้เข้าใจ
2.ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี เกิดจากการที่ผู้เรียนสามารถเลือกใช้
เทคโนโลยีสารสนเทศในการแก้ปัญหาได้ อย่างถูกต้องเหมาะสม และมี
คุณธรรม
4.ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต เกิดจากการที่ผู้เรียนได้นาความรู้และ
กระบวนการต่าง ๆ ไปใช้ในการพัฒนาโครงงาน และนาไปประยุกต์ใช้ใน
ชีวิตประจาวันได้อย่างเหมาะสม รวมถึงการพัฒนาโครงงาน ก่อให้เกิดการเรียนรู้
ด้วยตนเอง อันนาไปสู่การเรียนรู้ตลอดชีวิต
5.การคิดอย่างเป็นระบบ เกิดจากการที่ผู้เรียนคิดแก้ปัญหาอย่างเป็ นขั้นตอน
โดยใช้ขั้นตอนในการพัฒนาโครงงาน คือ ผู้เรียนเป็นผู้วางแผนในการศึกษา
ค้นคว้า เก็บรวบรวมข้อมูล พัฒนา หรือประดิษฐ ์คิดค้นผลงาน รวมทั้งการ
สรุปผลและการนาเสนอผลการศึกษาค้นคว้าด้วยตนเอง โดยมีผู้สอนและ
ผู้ทรงคุณวุฒิเป็นผู้ให้คาปรึกษา
- 6. ขอบเขตโครงงาน
1. เป็ นกิจกรรมการเรียนให้นักเรียนศึกษา ค้นคว้า ปฏิบัติดัวยตนเองโดยอาศัยหลักวิชาการทางทฤษฎีตาม
เนื้อหาโครงงานนั้นๆ หรือจากประสบการณ์และกิจกรรมต่าง ๆ ที่ได้พบเห็นมากแล้ว
2. นักเรียนทุกคนพิจารณาจัดทาโครงงานด้วยตนเอง หรือเป็ นกลุ่มโดยใช้ระยะเวลาสั้นๆ เป็ นภาคเรียน
หรือมากว่าก็ได้แล้วแต่โครงงานเล็กหรือใหญ่
3. นักเรียนเป็ นผู้พิจารณาริเริ่มสร ้างสรรค์คัดเลือกโครงงานที่จะศึกษาค้นคว้าปฏิบัติด้วยตนเองตามความ
ถนัด สนใจ และความพร ้อม
4. นักเรียนเป็ นผู้เสนอโครงงาน รายละเอียดของโครงงาน แผนปฏิบัติงานและการแปลผล รายงานผลต่อ
อาจารย์ที่ปรึกษา เพื่อดาเนินงานร่วมกันให้บรรลุตามจุดหมายที่กาหนดไว้
5. เป็ นโครงงานที่เหมาะสมกับความรู้ความสามารถของนักเรียนตามวัยและสติปัญญา รวมทั้งการใช ้
จ่ายเงินดาเนินงานด้วย
- 7. ประเภทของโครงงาน
1. การพัฒนาสื่อเพื่อการศึกษา โครงงานประเภทนี้ เป็ นโครงงานที่ใช ้คอมพิวเตอร ์ในการผลิตสื่อเพื่อการศึกษา โดยการสร้าง
โปรแกรม บทเรียน หรือหน่วยการเรียนรู้ซึ่งอาจต้องมีแบบฝึกหัดทบทวน และคาถามคาตอบไว้พร ้อมให้ผู้เรียนสามารถเรียนแบบ
รายบุคคลหรือรายกลุ่ม
การสอนด้วยคอมพิวเตอร ์ช่วยสอนนี้ อาจเป็ นการพัฒนาบทเรียนแบบออนไลน์ ให้ผู้เรียนเข้ามาศึกษาด้วยตนเองโดยผู้เรียนอาจ
คัดเลือกเนื้อหาที่เข้าใจยาก มาเป็ นหัวข้อในการพัฒนาสื่อเพื่อการศึกษา
- 8. 2. การพัฒนาเครื่องมือ โครงงานประเภทนี้ เป็ นโครงงานเพื่อพัฒนาเครื่องมือช่วยสร ้างงานประยุกต์ต่างๆโดยส่วนใหญ่อยู่ใน
รูปชอฟต์และเครื่องมือ ตัวอย่างโครงงานประเภทนี้เช่น ซอฟต์แวร ์ระบบงานการกีฬา ซอฟต์แวร ์สารบรรณสาเร็จรูป ซอฟต์แวร ์ระบบ
ฐานข้อมูลทางการแพทย์เบื้องต้น
- 9. 3. การทดลองทฤษฎี โครงงานประเภทนี้เป็ นโครงงานที่ใช ้คอมพิวเตอร ์ช่วยจาลองงาน ไม่สามารถทดลองด้วยสถานการณ์จริงได้และ
เป็ นโครงงานที่ผู้ทาต้องศึกษารวบรวมความรู้หลักการ ข้อเท็จจริง และแนวคิดต่างๆ แล้วเสนอเป็ นแนวคิด แบบจาลอง
หลักการอาจอยู่ในรูปของสูตร สมการ หรือ คาอธิบาย พร ้อมทั้งการจาลองทฤษฎีด้วยคอมพิวเตอร ์ให้ออกมาเป็ นภาพ ภาพที่ได้
ก็จะเปลี่ยนไปตามสูตรหรือสมการนั้น ซึ่งจะทาให้ผู้เรียนมีความเข้าใจได้ดียิ่งขึ้น
- 10. 4. การประยุกต์ใช ้งาน โครงงานประเภทนี้เป็ นโครงงานที่ใช ้คอมพิวเตอร ์ในการสร ้างผลงานเพื่อประยุกต์ใช ้งานจริงในชีวิตประจาวัน
โดยประดิษฐ ์ฮาร ์ดแวร ์ซอฟต์แวร ์ หรืออุปการณ์ใช ้สอยต่างๆ ซึ่งอาจเป็ นการคิดสร ้างสิ่งของขึ้นใหม่ หรือปรับปรุงเปลี่ยนแปลง
ของเดิมที่มีอยู่แล้วให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้น
โครงงานลักษณะนี้จะต้องศึกษาและวิเคราะห์ความต้องการของผู้ใช ้ก่อน แล้วนาข้อมูลที่ได้มาใช ้ในการออกแบบและพัฒนา
สิ่งของนั้น ๆ ต่อจากนั้นต้องมีการทดสอบการทางานหรือทดสอบคุณภาพของสิ่งประดิษฐ ์แล้วปรับปรุงแก้ไขให้มีความสมบูรณ์
- 13. 1. การคัดเลือกหัวข้อโครงงาน (การตั้งชื่อโครงงานคอมพิวเตอร ์ที่สนใจจะทา)
- เห็นประโยชน์และความคุ้มค่าของเรื่องที่จะทาโครงงาน
- ต้องมีความรู้และทักษะพื้นฐานอย่างเพียงพอในหัวข้อเรื่องที่จะศึกษา
- สามารถจัดหาเครื่องคอมพิวเตอร ์และซอฟต์แวร ์ที่เกี่ยวข้องได้
- มีแหล่งความรู้เพียงพอที่จะค้นคว้าหรือขอคาปรึกษาซึ่งรวมถึงผู้เชี่ยวชาญ
- มีเวลาเพียงพอ
- มีงบประมาณเพียงพอ
- มีความปลอดภัย
- 15. 3. การจัดทาข้อเสนอโครงงาน
โดยทั่วไป การทาข้อเสนอโครงงานคอมพิวเตอร ์มีขั้นตอนที่สาคัญดังนี้
3.1 กาหนดขอบเขตงาน
วิเคราะห์ข้อมูลที่ได้จากการทบทวนเอกสารวิชาการ เพื่อนามากาหนดขอบเขต ลักษณะ และแนวทางในการวางแผนจัดทาโครงงาน
3.2 การออกแบบการพัฒนา
การออกแบบพัฒนา มีการกาหนดลักษณะของคอมพิวเตอร ์ซอฟต์แวร ์ตัวแปล ภาษา และวัสดุต่างๆ ที่ต้องใช้กาหนด คุณลักษณะของผลงาน
ระบุเทคนิคที่ใช้ในการพัฒนา พร ้อมทั้งกาหนดตารางการปฏิบัติงาน
3.3 พัฒนาโครงงานขั้นต้น
การพัฒนาโครงงานขั้นต้น เป็นการลงมือปฏิบัติเพื่อศึกษาความเป็นไปได้เบื้องต้น โดยอาจทาการพัฒนาส่วนย่อยๆ บางส่วนตามที่ได้
ออกแบบไว้โดยนาผลจากการปฏิบัติ ไปปรับปรุงแผนการปฏิบัติงานที่ออกแบบไว้ในครั้งแรกให้เหมาะสมยิ่งขึ้น ขั้นตอนนี้เป็นทางเลือกสาหรับผู้เสนอโครงงาน
ที่ต้องการตรวจสอบความเป็นไปได้ของโครงงานและหลักการ
3.4 จัดทาและเสนอข้อเสนอโครงงานคอมพิวเตอร ์
เขียนข้อเสนอโครงงานนาเสนอต่ออาจารย์ที่ปรึกษา เพื่ออาจารย์ที่ปรึกษาจะได้แนะนาในส่วนที่ยังบกพร่องอยู่อีกครั้ง ซึ่งจะทาให้การวางแผน
และดาเนินการทาโครงงานเป็นไปอย่างราบรื่น
- 16. 4. การลงมือพัฒนาโครงงาน
เมื่อข้อเสนอโครงงานได้รับความเห็นชอบจากอาจารย์ที่ปรึกษาแล้ว ก็เสมือนว่าการจัดทาโครงงานได้ผ่านพ้นไปแล้วมากกว่า50% ขั้นต่อไปจะเป็ น
การลงมือพัฒนาตามขั้นตอนที่วางแผนไว้ ดังนี้
4.1 การเตรียมการ
ต้องเตรียมเครื่องคอมพิวเตอร ์ซอฟต์แวร ์และวัสดุอื่นๆ ที่จะใช้ในการทดลอง พร ้อมทั้งจัดเตรียมสถานที่สาหรับใช้ในการพัฒนาให้พร้อมด้วย
และควรเตรียมสมุดบันทึก หรือบันทึกเป็นแฟ้ มข้อความไว้ในระบบคอมพิวเตอร ์สาหรับบันทึกการทากิจกรรมต่างๆ ระหว่างทาโครงงาน ได้แก่ ได้ปฏิบัติ
อย่างไร ได้ผลอย่างไร มีปัญหาและแก้ไขได้หรือไม่ อย่างไร รวมทั้งข้อสังเกตต่างๆ ที่พบ
4.2 การลงมือพัฒนา
4.2.1 ปฏิบัติตามแผนงานที่วางไว้ในเค้าโครง แต่อาจเปลี่ยนแปลงหรือเพิ่มเติมได้ถ้าพบว่าจะช่วยทาให้ผลงานดีขึ้น
4.2.2 จัดระบบการทางานโดยทาส่วนที่เป็นหลักสาคัญให้แล้วเสร็จก่อน จึงค่อยทาส่วนที่เป็นส่วนประกอบหรือส่วนเสริมเพื่อให้โครงงานมีความ
สมบูรณ์มากขึ้น และถ้ามีการแบ่งงานกันทา ให้ทาความตกลงในการต่อเชื่อมชิ้นงานที่ชัดเจนด้วย
4.2.3 พัฒนาระบบงานด้วยความละเอียดรอบคอบ และบันทึกข้อมูลไว้อย่างเป็นระบบและครบถ้วน
4.2.4 คานึงถึงความประหยัด ความปลอดภัย และระยะเวลาในการทางาน
- 18. 5. การจัดทารายงาน
1. ส่วนนา
ประกอบด้วย
1.1 ปกนอก
1.2 ใบรองปก
1.3 ปกใน
1.4 บทคัดย่อ
1.5 กิตติกรรมประกาศ
1.6 สารบัญ
1.7 คาอธิบายสัญลักษณ์และคาย่อ (ถ้ามี)
2. ส่วนเนื้อเรื่อง
ส่วนนี้กาหนดให้ทาแบบเป็ นบท จานวน 5 บท ประกอบด้วย
2.1 บทที่ 1 บทนา
2.2 บทที่ 2 เอกสารที่เกี่ยวข้อง
2.3 บทที่ 3 อุปกรณ์และวิธีดาเนินการ
2.4 บทที่ 4 ผลการดาเนินงาน
2.5 บทที่ 5 สรุปผลการดาเนินงาน/อภิปรายผลการดาเนินงาน
3. ส่วนอ้างอิง
เป็ นส่วนท้ายของรายงานโครงงาน ประกอบด้วย รายการอ้างอิงหรือบรรณานุกรม และ
ภาคผนวก
3.1 รายการอ้างอิงหรือบรรณานุกรม
3.2 ภาคผนวก
3.3 คู่มือการใช ้งาน (ถ้ามี)