More Related Content
Similar to 1. สุนัขจิ้งจอกจอมยุยง วณฺณาโรหชาตกํ ๓๖๑ (20)
1. สุนัขจิ้งจอกจอมยุยง วณฺณาโรหชาตกํ ๓๖๑
- 1. วัณณาโรหวรรค
๑. สุนัขจิงจอกจอมยุยง (วณฺณาโรหชาตกํ) ๓๖๑
[๗๕๓] วณฺณาโรเหน ชาติยา... สุทาโฐ อิติ ภาสสิ ฯ
[๗๕๗] น โส มิตฺโต โย สทา อปฺปมตฺโต
สเว มิตฺโต โย อเภชฺโช ปเรภีติ ฯ
ความนํา
พระพุทธเจ้าทรงอาศัยพระนครสาวัตถีประทับอยู่ ณ วัดพระเชตวัน ทรงปรารภเรื!องราว
ของพระอัครสาวกทั$ง ๒ รูป ได้ตรัสพระธรรมเทศนาคือคาถาที!ปรากฏ ณ เบื$องต้น
ปัจจุบันชาติ
มีเรื!องเล่ามาว่า ครั$งหนึ!ง พระอัครสาวกทั$ง ๒ รูปคิดว่า พวกเราจักไปจําพรรษาอยู่ในป่า
จึงทูลลาพระพุทธเจ้าปลีกตัวออกจากหมู่คณะของตนเอง ออกจากพระเชตะวันไปจําพรรษาอยู่ที!
บ้านชายแดนติดป่าโดยมีบุรุษขอทานคนหนึ!งทําการอุปัฏฐากพระเถระทั$ง ๒ อยู่
บุรุษนั$นเฝ้ ามองการอยู่อย่างสามัคคีของพระเถระทั$ง ๒ จึงคิดอยากจะทําลายให้ท่านทั$ง
๒ รูปทะเลาะกันจึงเข้าไปหาพระสารีบุตรเถระแล้วแกล้งถามว่า
“ท่านผู้เจริญ ท่านเคยทะเลาะอะไรกับพระมหาโมคคัลลานะบ้างหรือไม่?”
เมื!อเห็นท่านทําหน้าสงสัยจึงได้กล่าวส่อเสียดยุยงว่า
“ท่านผู้เจริญ ในเวลาที!กระผมมาถึง พระมหาโมคคัลลานเถระกล่าวตําหนิแต่สิ!งที!ไม่ดีของ
ท่าน เช่น สารีบุตรสู้เราไม่ได้ไม่ว่าจะเป็นโดยชาติ โคตร ตระกูล ปฏิเวธและอิทธิฤทธิ; เป็นต้น”
พระสารีบุตรได้ฟังก็อมยิ$มแล้วสั!งไม่ให้เขาพูดอีกต่อไป
แม้วันอื!น บุรุษนั$นก็เข้าไปหาพระโมคคัลลานเถระพูดอย่างเดิม ฝ่ายพระมหาโมคคัลลานะ
เถระก็อมยิ$มแล้วสั!งให้เขาไม่ต้องพูดอีกต่อไป
เมื!อพระเถระทั$ง ๒ เจอรูปเจอกันได้นําเรื!องที!ได้ยินจากเขามาพูดคุยกันและลงมติที!จะขับ
ไล่เขาไป พระสารีบุตรจึงดีดนิ$วมือไล่เขาออกไป พระเถระทั$งสองนั$นอยู่อย่างสมัครสมานกัน
เมื!อออกพรรษาแล้วไปเฝ้าพระศาสดาถวายบังคม พระศาสดาทรงกระทําปฏิสันถารแล้วตรัสถามว่า
“เธอทั$งสองจําพรรษาสบายดีหรือ?”
เมื!อพระเถระทั$งสองกราบทูลเล่าเรื!องทั$งหมดให้ทราบจึงตรัสว่า
“ดูก่อนสารีบุตร มิใช่บัดนี$เท่านั$นที!บุรุษนั$นไม่อาจทําลายความสัมพันธ์ของเธอทั$ง
๒ แม้ในกาลก่อน เขาก็เคยทําแบบนี$เหมือนกันแต่ก็ทําไม่สําเร็จต้องหนีไปแล้ว”
อันพระเถระทั$งสองนั$นทูลอาราธนาแล้ว ได้ทรงนําเรื!องราวในอดีตชาติมาตรัสเล่าให้ฟัง
ดังต่อไปนี$
- 2. ๓๒
อดีตชาติเนือหาชาดก
ในอดีตกาล เมื!อพระเจ้าพรหมทัตครองราชสมบัติอยู่ในนครพาราณสี มีรุกขเทวดาตนหนึ!ง
สิงสถิตอยู่ในป่า ครั$งนั$น มีราชสีห์กับเสือโคร่งเป็นสหายรักกันอาศัยอยู่ที!ถํ$าบนภูเขาในป่าโดยมี
สุนัขจิ$งจอกตัวหนึ!งคอยอุปัฏฐากรับใช้สัตว์ทั$ง ๒ ตัวนั$นและคอยกินอาหารเหลือเดนจากสหายทั$ง
๒ จนมีร่างกายใหญ่โต
วันหนึ!ง มันเกิดความคิดเนรคุณขึ$นว่า เราไม่เคยกินเนื$อราชสีห์และเสือโคร่งมาก่อนเลย
เราควรยุยงทําพวกมันให้แตกกันจะได้กินเนื$ออันเกิดจากการที!พวกมันฆ่ากันตายเพราะทะเลาะกัน
สุนัขจิ$งจอกนั$นจึงเข้าไปหาราชสีห์แล้วถามว่า
“เจ้านายครับ ท่านเคยผิดใจอะไรกับท่านเสือโคร่งมาก่อนหรือเปล่า?”
เมื!อเห็นราชสีห์ทําหน้างงมันจึงกล่าวส่อเสียดทันทีว่า
“ท่านครับ ในตอนที!ผมมาอยู่ใหม่ ๆ เสือโคร่งเอาแต่พูดถึงท่านในทางที!ไม่ดีว่า
ราชสีห์ย่อมไม่อาจเทียบแม้เสี$ยวธุลีของเราไม่ว่าจะโดยผิวพรรณ ความสูงใหญ่ ชาติ กําลัง
หรือแม้แต่ความเพียรพยายามก็ตาม”
ราชสีห์จึงกล่าวตําหนิมันทันทีว่า
“เจ้าไปให้พ้นหน้าเราเถิด เสือโคร่งเพื!อนรักของเราไม่มีทางพูดอย่างนั$นเด็ดขาด”
เมื!อเห็นอุบายไม่ได้ผล มันจึงเข้าไปหาเสือโคร่งกล่าวอุบายนั$นเหมือนกัน แต่เสือโคร่งก็ขับ
ไล่มันเหมือนกัน
วันหนึ!ง เสือโคร่งจึงเข้าไปหาราชสีห์แล้วกล่าวถามว่า
“สหายรัก ได้ยินว่า ท่านเคยพูดเรื!องอย่างนี$จริงหรือไม่?”
จากนั$น ได้กล่าวถามด้วยคาถาที! ๑ ว่า
ท่านผู้มีเขียวงามกล่าวว่า เสือโคร่งชื3อสุพาหุนี มีลักษณะ
ผิวพรรณ ชาติ กําลังกาย และกําลังความเพียร เลวกว่าเราจริงหรือไม่
ราชสีห์ได้ฟังดังนั$นจึงได้กล่าว ๔ คาถาที!เหลือว่า
เสือโคร่งชื3อสุพาหุกล่าวว่า ราชสีห์ผู้มีเขียวงาม มีลักษณะ
ผิวพรรณ ชาติ กําลังกาย และกําลังความเพียรเลวกว่าเราจริงหรือไม่
แน่ะเพื3อนสุพาหุ ถ้าท่านจะประทุษร้ายเราผู้อยู่กับท่านอย่างนี
บัดนี เราก็ไม่พอใจที3จะอยู่ร่วมกับท่านต่อไปเหมือนกัน
ผู้ใดเชื3อฟังคําของคนอื3นตามที3เป็นจริง ผู้นันต้องพลันแตกจาก
มิตรและต้องประสบเวรเป็นอันมาก
- 3. ๓๓
ผู้ใดไม่ประมาททุกขณะ มุ่งความแตกร้าว คอยแต่จับความผิด ผู้นัน
ไม่ชื3อว่าเป็นมิตร ส่วนผู้ใดอันคนอื3นยุให้แตกกันไม่ได้ ไม่มีความรังเกียจมิตร
นอนอยู่อย่างปลอดภัย เหมือนบุตรนอนแอบอกมารดา ผู้นันนับว่าเป็นมิตรแท้
เมื!อราชสีห์กล่าวถึงลักษณะคุณของมิตรด้วยคาถาทั$ง ๔ คาถาเหล่านี$ เสือโคร่งจึงกล่าวขอ
โทษที!เข้าใจผิดแล้วขอขมาราชสีห์ สัตว์ทั$ง ๒ ตัวนั$นได้กลับมาสมานสามัคคีปรองดองกันเหมือน
อย่างเดิม ส่วนสุนัขจิ$งจอกเมื!อเห็นว่าอุบายไม่ได้ผลจึงรีบหนีไปอยู่ที!อื!นทันที
ความหมายของคาถา
เสือโคร่งแม้จะไม่เชื!อต่อถ้อยคําส่อเสียดของสุนัขจิ$งจอกแต่ก็รู้สึกคลางแคลงใจจึงต้องเข้า
ไปสอบถามได้เข้าไปถามราชสีห์ ฝ่ายราชสีห์จึงสอบถามกลับไปเหมือนกัน ราชสีห์จึงเตือนในเรื!อง
คุณธรรมการคบมิตรว่าจะต้องหนักแน่นเข้าไว้ คนที!ชื!อว่าเป็นเพื!อนแต่ถ้าจ้องทําลายเพื!อนคอยแต่
จับผิดก็ไม่ชื!อว่าเป็นเพื!อน
พระศาสดาครั$นทรงนําพระธรรมเทศนานี$มาแสดงแล้วทรงประชุมชาดกว่า
“สุนัขจิ$งจอกคือบุรุษขอทานคนกินเดน ราชสีห์คือสารีบุตร เสือโคร่งคือโมคคัลลานะ
ส่วนรุกขเทวดาผู้สิงสถิตอยู่ในป่าเห็นเหตุการณ์อย่างแจ่มแจ้งคือเราตถาคตนั!นเอง”
สรุปสุภาษิตจากชาดกนี
อย่าเอ่ยคําว่าเพื!อน ถ้าในใจคุณไม่มีคําว่าเพื!อน
วิเคราะห์แนวคิดเชิงจริยธรรมอันเป็นหัวใจหลักของชาดกนี
ชาดกนี$ต้องการอธิบายให้ทราบถึงความหมายของคําว่าเพื!อน สิ!งที!เป็นคุณธรรมสําคัญที!สุด
สําหรับคําว่าเพื!อนก็คือ ความรักและความเข้าใจ ความเชื!อใจ ความหนักแน่น ไม่หูเบา
การเสียสละให้แก่กันและกัน
ชาดกได้เล่าถึงความสัมพันธ์ของเพื!อนรักร่วมนํ$าสาบานอย่างพระสารีบุตร
และพระโมคคัลลานะผู้ที!มิตรที!ดีกันมาอย่างยาวนานนับชาติไม่ถ้วน มิตรภาพของคนทั$ง
๒ ยาวนานตั$งแต่อดีตชาติตราบจนเข้านิพพาน
โดยเฉพาะพระสารีบุตร เป็นผู้ที!รักและหวังดีกับเพื!อนเสมอมาให้แต่สิ!งที!ดีแก่เพื!อนไม่ว่าจะ
เป็นฌานสมาบัติจนถึงโสดาบัน นับว่าเป็นมิตรภาพที!น่าศึกษาเป็นอย่างยิ!ง ฯ
๓๐/๖/๕๓
************