More Related Content
Similar to ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์กับการสูญเสียพื้นที่ป่า เอกสารวิชาการ Knit 27 4-58
Similar to ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์กับการสูญเสียพื้นที่ป่า เอกสารวิชาการ Knit 27 4-58 (20)
More from somporn Isvilanonda
More from somporn Isvilanonda (20)
ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์กับการสูญเสียพื้นที่ป่า เอกสารวิชาการ Knit 27 4-58
- 3. ผู้เขียน: สิทธิเดช พงศ์กิจวรสิน
เขมรัฐ เถลิงศรี
จำ�นวน: 1,000 เล่ม
พิมพ์ครั้งที่ 1: เมษายน 2558
เอกสารวิชาการหมายเลข 7
จัดพิมพ์โดย: สถาบันคลังสมองของชาติ
ชั้น 22B อาคารมหานครยิบซั่ม
เลขที่ 539/2 ถนนศรีอยุธยา เขตราชเทวี
กรุงเทพฯ 10400
สำ�นักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.)
ชั้น 14 อาคารเอส เอ็ม ทาวเวอร์
เลขที่ 979/17-21 ถนนพหลโยธิน
แขวงสามเสนใน เขตพญาไท
กรุงเทพฯ 10400
ออกแบบและจัดพิมพ์: บริษัท ซีโน พับลิชชิ่ง แอนด์ แพคเกจจิ้ง จำ�กัด
เลขที่ 28 ซอยลาดพร้าว 35 ถนนลาดพร้าว
แขวงจันทรเกษม เขตจตุจักร กรุงเทพฯ 10310
โทรศัพท์: 0 2938-3306-8 โทรสาร: 0 2938-0188
เอกสารเผยแพร่สำ�นักประสานงานชุดโครงการ
“งานวิจัยเชิงนโยบายเกษตรและเสริมสร้างเครือข่ายงานวิจัยเชิงนโยบาย”
สถาบันคลังสมองของชาติร่วมกับสำ�นักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย
เอกสารเล่มนี้เป็นการสังเคราะห์จากงานวิจัยเรื่อง
“การศึกษามาตรการสร้างแรงจูงใจเพื่อลดการปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ในพื้นที่ลาดชัน:
กรณีศึกษา จังหวัดน่าน”
ได้รับทุนอุดหนุนวิจัยจากสำ�นักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.)
ภายใต้สัญญาเลขที่ RDG5620035
ภาพปก ทิวเขาถ่ายโดย คุณธนัสธรณ์ กังวาลสงค์วงษ์
ข้อมูลทางบรรณานุกรมของสำ�นักหอสมุดแห่งชาติ
National Library of Thailand Cataloging in Publication Data
สิทธิเดช พงศ์กิจวรสิน.
ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์กับการสูญเสียพื้นที่ป่า: ปัญหาและทางออก.-- กรุงเทพฯ :
สถาบันคลังสมองของชาติ กระทรวงศึกษาธิการ, 2558.
114 หน้า.
1. ข้าวโพด--การปลูก. 2. อาหารสัตว์. I. เขมรัฐ เถลิงศรี, ผู้แต่งร่วม. I. ชื่อเรื่อง.
633.15
ISBN 978-616-372-339-0
- 4. ค�ำนิยม
ส�ำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย(สกว.)มีพันธกิจในการสนับสนุนทุนวิจัย การพัฒนานักวิจัย
การบริหารงานวิจัยและพัฒนาระบบวิจัยของประเทศเพื่อขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศไปสู่สังคมฐาน
ความรู้ (Knowledge Based Society) ในทิศทางที่จะสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนให้กับประเทศ
เป้าหมายส�ำคัญของ สกว. ในระยะต่อไป คือการพัฒนาการบริหารจัดการการวิจัยที่ก่อให้เกิดการ
เปลี่ยนแปลงในระบบวิจัยได้อย่างกว้างขวาง ส่งเสริมให้เกิดการเติบโตและความแข็งแรงของระบบวิจัย
โดยใช้ทักษะการบริหารจัดการเพื่อสร้างผลงานวิจัยที่มีคุณภาพสูง น�ำไปใช้ประโยชน์ได้จริงและสามารถ
ตีพิมพ์เผยแพร่ในวารสารวิชาการที่มีคุณภาพทั้งในประเทศและต่างประเทศได้
ส�ำหรับทศวรรษต่อไปของ สกว. การสังเคราะห์ความรู้จากผลงานวิจัยเป็นการบริหารจัดการ
ความรู้อีกรูปแบบหนึ่งที่ สกว. ให้ความส�ำคัญอย่างยิ่ง เนื่องจากการสังเคราะห์ความรู้เป็นทั้งกลไก
บูรณาการระหว่างงานวิจัยเรื่องต่างๆ สาขาต่างๆ และเป็นการยกระดับข้อค้นพบจากงานวิจัยภายใต้
ประเด็นวิจัยที่ให้ทุนสนับสนุน ให้เกิดความชัดเจนเพียงพอทั้งเพื่อการน�ำไปใช้ต่อยอดงานวิจัยและการ
น�ำไปใช้ประโยชน์ในด้านต่างๆ รวมถึงการจัดท�ำข้อเสนอเชิงนโยบายสาธารณะ ตลอดจนการสร้าง
ผลกระทบให้เกิดขึ้นกับสังคมในแง่มุมที่หลากหลาย
เอกสารวิชาการเรื่อง “ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์กับการสูญเสียพื้นที่ป่า: ปัญหาและทางออก” เล่มนี้
เป็นผลงานของ ผศ.ดร.สิทธิเดช พงศ์กิจวรสิน และ ผศ.ดร.เขมรัฐ เถลิงศรี จากคณะเศรษฐศาสตร์
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซึ่งได้น�ำข้อความรู้จากงานวิจัยเรื่อง “การศึกษามาตรการสร้างแรงจูงใจ
เพื่อลดการปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ในพื้นที่ลาดชัน: กรณีศึกษาจังหวัดน่าน” มาสังเคราะห์และเรียบเรียง
ขึ้นใหม่ โดยมีส�ำนักงานประสานงานชุดโครงการ “งานวิจัยเชิงนโยบายเกษตรและเสริมสร้างเครือข่าย
งานวิจัยเชิงนโยบาย” สถาบันคลังสมองของชาติ เป็นบรรณาธิการให้กับเอกสารวิชาการนี้ ซึ่ง สกว.
ขอแสดงความชื่นชมและขอขอบคุณมา ณ โอกาสนี้
สกว. หวังว่าเนื้อหาจากงานสังเคราะห์ความรู้ “ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์กับการสูญเสียพื้นที่ป่า:
ปัญหาและทางออก” เล่มนี้จะน�ำไปสู่การศึกษาต่อยอดการวิจัยและการใช้ประโยชน์ในการส่งเสริมให้
เกิดการอนุรักษ์พื้นที่ป่าของชุมชนรวมถึงการสร้างมาตรการการจัดการทรัพยากรเชิงพื้นที่เพื่อลดปัญหา
ความขัดแย้งจากการบุกรุกพื้นที่ป่า พร้อมทั้งมีการแบ่งปันการใช้ประโยชน์จากพื้นที่ที่เป็นธรรม
อันจะน�ำไปสู่ความส�ำเร็จของการอนุรักษ์ทรัพยากรเชิงพื้นที่ของชุมชนได้อย่างยั่งยืน
ศาสตราจารย์นายแพทย์สุทธิพันธ์ จิตพิมลมาศ
ผู้อำ�นวยการสำ�นักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย
- 5. ค�ำน�ำผู้เขียน
เมื่อประมาณ5ปีก่อนผู้เขียนได้รับโอกาสให้ศึกษาวิจัยในหัวข้อเรื่อง“ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์กลไก
สู่ความเหลื่อมล�้ำในระดับท้องถิ่น กรณีศึกษา: ห่วงโซ่การผลิตข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ อ.เวียงสา จ.น่าน” เป็น
ส่วนหนึ่งของโครงการ“สู่สังคมเสมอหน้าการศึกษาโครงสร้างความมั่งคั่งและโครงสร้างอ�ำนาจเพื่อการ
ปฏิรูป”(ได้รับการสนับสนุนจากส�ำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัยโดยมีศ.ดร.ผาสุกพงษ์ไพจิตรเป็น
หัวหน้าโครงการ)โดยงานวิจัยดังกล่าวเป็นการวิเคราะห์กลไกในการผลิตข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ที่สร้างความ
เหลื่อมล�้ำในพื้นที่ ในช่วง 2 ปีที่ได้ลงพื้นที่เพื่อเก็บข้อมูลโดยการพูดคุยกับเจ้าหน้าที่ภาครัฐ ประชาชน
และองค์กรต่างๆ ที่เข้าไปท�ำงานอยู่ในพื้นที่จังหวัดน่าน ท�ำให้ผู้เขียนได้มีโอกาสเรียนรู้ถึงความซับซ้อน
และรุนแรงของปัญหาสิ่งแวดล้อมและความเป็นอยู่ของเกษตรกรผู้ปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ได้ลึกซึ้งมากยิ่งขึ้น
โดยความจริงนั้น หลังจากจบโครงการวิจัยดังกล่าว ผู้เขียนรู้สึกท้อแท้และหมดหวังกับความ
พยายามในการหาทางแก้ปัญหาที่เกิดขึ้น เนื่องจากขนาดของพื้นที่ปัญหาที่ใหญ่โตและลุกลามไปมาก
เกษตรกรและผู้ที่เกี่ยวข้องก็มีจ�ำนวนมากมายประกอบกับกระแสจากธุรกิจปลายน�้ำที่พยายามผลักดัน
ให้มีการเพิ่มผลผลิตให้มากขึ้นตามความต้องการที่เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วสิ่งต่างๆเหล่านี้ล้วนเพิ่มความ
ซับซ้อนและรุนแรงของปัญหาดังกล่าว ทางออกในเรื่องนี้จึงเป็นสิ่งที่ดูมืดมนจนถึงขั้นเป็นไปไม่ได้
ในเวลาต่อมาผู้เขียนได้มีโอกาสได้เข้าร่วมงานสัมมนาและไปศึกษาดูงานในด้านการอนุรักษ์ที่
หน่วยจัดการต้นน�้ำมีด อ.เชียงกลาง จ.น่าน จุดนี้เองที่ท�ำให้ผู้เขียนได้เห็นถึงความพยายามในการแก้
ปัญหาจากจุดเล็กๆ และรับรู้ถึงความส�ำเร็จที่เกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรมจากการอนุรักษ์พื้นที่ป่าของชาว
บ้านอย่างไรก็ตามเมื่อผู้เขียนได้พยายามถ่ายทอดเรื่องราวการด�ำเนินงานที่ประสบความส�ำเร็จในพื้นที่
ดังที่ได้พบเห็นมา ปรากฏว่าคนส่วนใหญ่กลับมองไม่เห็นถึงคุณค่าของการด�ำเนินงานดังกล่าวนัก โดย
ส่วนใหญ่มองว่าเป็นความส�ำเร็จที่เกิดขึ้นจากความบังเอิญและมีความจ�ำเพาะเจาะจงในพื้นที่เท่านั้นแม้
กระทั่งหน่วยงานที่มีส่วนเกี่ยวข้องโดยตรงหลายหน่วยงานก็ไม่ได้พยายามที่จะเรียนรู้จากประสบการณ์
และความส�ำเร็จนั้นเลย
นอกจากนี้ในช่วงเวลาไล่เลี่ยกันผู้เขียนก็ได้มีโอกาสศึกษาพูดคุยและแลกเปลี่ยนประสบการณ์
ในการด�ำเนินงานภายใต้โครงการปิดทองหลังพระฯเพิ่มมากขึ้นก็ยิ่งได้เห็นถึงความตั้งใจในการแก้ปัญหา
ในพื้นที่จากความร่วมมือกันของคนหลายฝ่าย แม้ว่าการด�ำเนินงานในทั้ง 2พื้นที่จะเป็นไปตามแนวทาง
ที่แตกต่างกันบ้างแต่ต่างก็มีจุดหมายหลักในการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและพัฒนาคุณภาพชีวิตเช่นเดียวกัน
ในฐานะที่เป็นนักวิชาการผู้เขียนจึงเกิดแรงบันดาลใจที่จะศึกษาบทเรียนการด�ำเนินงานในทั้ง
2พื้นที่เพื่อให้เป็นองค์ความรู้ที่จะสามารถน�ำไปใช้ในการแก้ปัญหาการบุกรุกท�ำลายพื้นที่ป่าไม้ที่เกิดขึ้น
ในพื้นที่อื่นๆ ได้ และนับเป็นความโชคดีที่ผู้เขียนได้รับโอกาสและการสนับสนุนจากส�ำนักงานกองทุน
สนับสนุนการวิจัยและสถาบันคลังสมองของชาติให้ศึกษาเรื่อง “การศึกษามาตรการสร้างแรงจูงใจเพื่อ
ลดการปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ในพื้นที่ลาดชัน:กรณีศึกษาจังหวัดน่าน”และได้รับโอกาสให้เผยแพร่องค์
ความรู้ที่เกิดขึ้นในเอกสารเล่มนี้
- 6. ผู้เขียนขอขอบพระคุณเป็นอย่างยิ่งต่อผู้ที่มีส่วนช่วยเหลือในการท�ำงานวิจัยและเรียนรู้ตลอด
ช่วง 5 ปีที่ผ่านมา โดยขอแสดงความขอบคุณเป็นพิเศษต่อ
ส�ำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.)ที่สนับสนุนงบประมาณในการท�ำวิจัยและเผยแพร่
สถาบันคลังสมองของชาติที่ช่วยประสานงานโครงการและช่วยผลักดันให้เกิดโครงการวิจัยขึ้นได้
รศ.สมพร อิศวิลานนท์ และดร.ปิยะทัศน์ พาฬอนุรักษ์ ที่ให้โอกาสและข้อแนะน�ำอันมีประโยชน์ยิ่ง
และรศ.ดร.พอพันธ์ อุยยานนท์ ที่ให้ค�ำปรึกษา ข้อแนะน�ำและก�ำลังใจในการศึกษา
นางสาวชนัญชิดา สิงคมณี ส�ำหรับการประสานงานและค�ำแนะน�ำเกี่ยวกับขั้นตอนต่างๆ
นายรัตน์ ครุฑนา ที่สละเวลาหลายต่อหลายครั้งในการถ่ายทอดความรู้เกี่ยวกับการปลูก
ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์และผลกระทบต่อเกษตรกรอย่างไม่มีเหน็ดเหนื่อยเพื่อให้ผู้เขียนเข้าใจถึงความซับซ้อน
ของปัญหาและกรุณาประสานงานในพื้นที่หลายๆ ต�ำบลตั้งแต่เริ่มงานวิจัยโครงการแรก
นายบัณฑิตฉิมชาติ(หัวหน้าฉิม)และทีมงานหน่วยจัดการต้นน�้ำมีดที่ช่วยติดต่อประสานงาน
และอ�ำนวยความสะดวกในการลงพื้นที่ลุ่มน�้ำมีดและร่วมแบ่งปันข้อมูลและประสบการณ์ที่มีค่ายิ่งตลอด
จนเป็นแรงบันดาลใจที่ส�ำคัญที่ท�ำให้คณะผู้วิจัยมีก�ำลังใจในการท�ำงาน
ผอ.การัณย์ ศุภกิจวิเลขการ นายธนกร รัชตานนท์ และ นายพิชิต ยาละ และทีมงานโครงการ
ปิดทองหลังพระฯที่ช่วยอ�ำนวยความสะดวกในการลงพื้นที่ลุ่มน�้ำสบสายและอนุเคราะห์ข้อมูลและเล่า
เรื่องราวในพื้นที่
ผู้ใหญ่บ้าน ปราชญ์ชาวบ้าน และชาวบ้านทุกท่าน ที่ช่วยกันให้ข้อมูลกับทีมวิจัยด้วยความเต็มใจ
ส�ำนักเกษตรอ�ำเภอเวียงสา เชียงกลาง และท่าวังผา ที่ช่วยอนุเคราะห์ข้อมูลสถิติที่เกี่ยวข้อง
ผู้เข้าร่วมการประชุมสัมมนารับฟังความคิดเห็นทุกท่านส�ำหรับความเห็นและข้อเสนอแนะที่
เป็นประโยชน์ต่อการพัฒนางานวิจัย
นายวศิน โรจยารุณ และนายวิธวิทย์ ฟูจิตนิรันดร์ ส�ำหรับความช่วยเหลือในการเก็บข้อมูล
จัดข้อมูล และประมวลผลเบื้องต้น และนายวศิน โชคชนะชัยสกุล นางสาวพิมพ์ชนก โชติกมาศ
นายรัฐศิริวชิรปัญญานนท์นายวทัญญูคุณาพรสุจริตนายวัชรพงศ์ชื่นเมืองนายศรัณย์กฤชธนพัฒน์กิติโรจน์
และนายธันวา แผนสท้าน ส�ำหรับความช่วยเหลือในการเก็บข้อมูลและลงพื้นที่
สุดท้ายนี้ ผู้เขียนหวังเป็นอย่างยิ่งว่าเนื้อหาในเอกสารเล่มนี้จะเป็นส่วนหนึ่งที่จะน�ำไปสู่การ
เปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้นในอนาคตหรือแม้กระทั่งจะช่วยจุดประกายในการศึกษาในเรื่องเกี่ยวเนื่องต่อไปและ
หากมีข้อผิดพลาดประการใดที่เกิดขึ้น ผู้เขียนขอน้อมรับไว้แต่เพียงฝ่ายเดียว
ผศ.ดร.สิทธิเดช พงศ์กิจวรสิน
ผศ.ดร.เขมรัฐ เถลิงศรี
- 7. บทบรรณาธิการ
ปัญหาการบุกรุกพื้นที่ป่าเพื่อการปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ และท�ำการเกษตรบนพื้นที่ลาดชันนั้น
ในด้านหนึ่งกล่าวกันว่าเป็นแรงกดดันจากภาวะความยากจนและความเดือดร้อนจากการไม่มีที่ดินท�ำกิน
ของครัวเรือนเกษตร ในอีกด้านหนึ่งก็ก่อให้เกิดปัญหาหมอกควัน จากการเผาป่าและไร่ข้าวโพด อีกทั้ง
เป็นที่หวั่นเกรงกันว่าการสูญเสียพื้นที่ป่าอนุรักษ์ต้นน�้ำเป็นสาเหตุส�ำคัญอันน�ำไปสู่การเกิดภัยธรรมชาติ
ต่างๆ ทั้งจากการเกิดโคลนถล่ม การไหล่บ่าของน�้ำป่า และรวมถึงการเปลี่ยนแปลงในสภาวะแวดล้อม
ซึ่งสร้างผลกระทบต่อสังคมส่วนรวมและเกรงว่าหากปล่อยให้มีการบุกรุกพื้นที่ป่าอนุรักษ์ไปมากกว่าสภาพ
ที่เป็นอยู่ จะน�ำมาซึ่งผลกระทบอย่างใหญ่หลวงต่อสภาพแวดล้อมทางธรรมชาติและสังคมในวงกว้าง
ท่ามกลางของภาวะวิกฤตที่เกิดจากการรุกพื้นที่ป่าต้นน�้ำในจังหวัดน่าน ไปพร้อมๆ กับการ
ขยายตัวของพื้นที่เพาะปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ การศึกษาวิจัยของ ผศ.ดร.สิทธิเดช พงศ์กิจวรสิน และ
ผศ.ดร.เขมรัฐเถลิงศรีในเอกสารเล่มนี้ได้พบว่ายังมีพื้นที่ชุมชนส่วนหนึ่งในจังหวัดน่านได้พัฒนาเปลี่ยนแปลง
พื้นที่ของชุมชนสู่แนวทางของการอนุรักษ์พื้นที่ป่าอย่างเป็นรูปธรรม ทั้งนี้ ได้พบว่าเกษตรกรในชุมชน
ได้พร้อมใจรวมตัวกันในการลดการปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์บนที่ลาดชัน รวมถึงการคืนพื้นที่ที่เคยปลูก
ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ในพื้นที่ลาดชันให้กลับเป็นพื้นที่ป่าที่อุดมสมบูรณ์ขึ้นได้ ซึ่งเป็นแนวตัวอย่างที่น่าสนใจ
และควรแก่การบันทึกให้สังคมได้รับรู้
ส�ำนักประสานงานชุดโครงการ “งานวิจัยเชิงนโยบายเกษตรและเสริมสร้างเครือข่ายงานวิจัย
เชิงนโยบาย” เห็นว่าการเผยแพร่ข้อมูลและข้อความรู้ที่สะท้อนถึงความส�ำเร็จของชุมชนในการร่วมแรง
ร่วมใจกันในการพลิกฟื้นท�ำให้พื้นที่ลาดชันได้กลับมาเป็นพื้นที่ป่าที่อนุรักษ์จะเป็นประโยชน์และเป็นบท
เรียนรู้ที่ดีให้กับสังคมได้เห็นแนวทางการแก้ปัญหาและเป็นทางเลือกเชิงนโยบายเพื่อลดปัญหาความขัด
แย้งและน�ำไปสู่การร่วมมือกันเพื่อการอนุรักษ์พื้นที่ป่าให้เกิดขึ้นกับชุมชนได้อย่างยั่งยืน ซึ่งส�ำนักงาน
ประสานชุดโครงการฯ ใคร่ขอขอบคุณ ผศ.ดร.สิทธิเดช พงศ์กิจวรสิน และ ผศ.ดร.เขมรัฐ เถลิงศรี ที่ได้
เป็นผู้จัดท�ำสังเคราะห์ข้อความรู้จากรายงานวิจัยขึ้นเป็นเอกสารวิชาการเล่มนี้ มา ณ โอกาสนี้
บรรณาธิการ
มกราคม 2558
- 8. สารบัญ หน้า
1 อารัมบท 01
ที่มาของปัญหา 02
2 การปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ในจังหวัดน่าน 07
2.1 ข้อมูลเบื้องต้นการปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ในจังหวัดน่าน 08
2.2 ขั้นตอนและผู้เกี่ยวข้องในวงจรการผลิตข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ 11
2.3 ผลตอบแทนของการปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ 13
3 ทฤษฎีและงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง และตัวอย่างในการแก้ปัญหา 21
3.1 แนวคิดการพัฒนาเศรษฐกิจและสิ่งแวดล้อม 22
3.2 มาตรการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมในประเทศไทย 26
3.3 ตัวอย่างการใช้มาตรการอุดหนุนเพื่อเพิ่มรายได้ให้เกษตรกรและฟื้นฟูพื้นที่ป่าไม้ 28
3.4 งานวิจัยอื่นๆ ในประเทศไทยที่เกี่ยวข้อง 33
3.5 ปัจจัยที่มีผลต่อการเปลี่ยนพฤติกรรมของเกษตรกร 34
4 ตัวอย่างความส�ำเร็จของการพัฒนาแบบ Win-Win 37
และข้อมูลเบื้้องต้นของพื้นที่การศึกษา
4.1 วิธีการศึกษาและการเก็บข้อมูล 39
4.2 ข้อมูลเบื้องต้นของลุ่มน�้ำมีด 40
4.3 ข้อมูลเบื้องต้นของลุ่มน�้ำสบสาย 45
5 แนวทางการเปลี่ยนแปลงและผลตอบแทน 49
5.1 แนวทางการลดการปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ในพื้นที่ลาดชัน 50
5.2 การเปรียบเทียบผลตอบแทนของพืชทางเลือก 51
5.3 ตัวอย่างการประยุกต์ใช้แนวทางเลือกต่างๆ ตามความเหมาะสมของพื้นที่ 56
5.4 สรุป 58
6 บทเรียนจากการเปลี่ยนแปลงในลุ่มน�้ำมีดและลุ่มน�้ำสบสาย 61
6.1 บทเรียนจากการเปลี่ยนแปลงในลุ่มน�้ำมีด 62
6.2 บทเรียนจากการเปลี่ยนแปลงในลุ่มน�้ำสบสาย 68
7 ปัจจัยที่เป็นแรงขับเคลื่อนสู่ความส�ำเร็จของชุมชน 79
7.1 องค์ประกอบร่วมที่น�ำไปสู่ความส�ำเร็จในการเปลี่ยนแปลง 80
7.2 ความแตกต่างของการด�ำเนินงานที่มีแนวทางต่างกัน 82
8 สรุปและข้อเสนอแนะ 85
8.1 สรุปผลการศึกษา 86
8.2 ข้อเสนอแนะ 90
เอกสารอ้างอิง 97
ภาคผนวก 100
- 9. สารบัญตาราง หน้า
ตารางที่ 2.1 โครงสร้างต้นทุนการผลิตข้าวโพดต่อไร่ ปี พ.ศ. 2553 14
ตารางที่ 5.1 สรุปลักษณะ ผลตอบแทน และปัจจัยส�ำคัญในการปลูกพืชชนิดต่างๆ 53
ตารางที่ 5.2 เปรียบเทียบรายได้สุทธิจากการปลูกพืชทางเลือกกับข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ที่ชัน 54
ตารางที่ 5.3 ตัวอย่างการเปลี่ยนแปลงที่เป็นไปได้ในแบบต่าง 59
ตารางที่ 6.1 ข้อมูลเบื้องต้นจากการส�ำรวจของลุ่มน�้ำมีดและลุ่มน�้ำสบสาย 63
ตารางที่ 6.2 ผลของแบบจ�ำลอง OLS ที่อธิบายการลดพื้นที่ปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ 64
ในที่ชัน กรณีลุ่มน�้ำมีด
ตารางที่ 6.3 พฤติกรรมการปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ในที่ชัน กรณีลุ่มน�้ำมีด 65
ตารางที่ 6.4 สาเหตุที่ท�ำให้เกษตรกรตัดสินใจลดหรือเลิกปลูกข้าวโพดในพื้นที่ลาดชัน 65
กรณีลุ่มน�้ำมีด
ตารางที่ 6.5 อุปสรรคในการลดหรือเลิกปลูกข้าวโพดในพื้นที่ลาดชัน กรณีลุ่มน�้ำมีด 66
ตารางที่ 6.6 กระบวนการที่ส�ำคัญในการลดหรือเลิกปลูกข้าวโพดในพื้นที่ลาดชัน กรณีลุ่มน�้ำมีด 67
ตารางที่ 6.7 การให้ความส�ำคัญกับประโยชน์ที่ไม่เป็นตัวเงินจากการเปลี่ยนพฤติกรรม 67
กรณีลุ่มน�้ำมีด
ตารางที่ 6.8 สรุปการให้ความส�ำคัญต่อมาตรการอุดหนุนต่างๆ ของเกษตรกร 73
ตารางที่ 6.9 ผลของแบบจ�ำลอง OLS ที่อธิบายการลดพื้นที่ปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ 74
ในพื้นที่ลาดชัน กรณีอยู่ในโครงการปิดทองหลังพระฯ
ตารางที่ 6.10 พฤติกรรมการปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ในที่ชัน แบ่งตามขนาดพื้นที่ท�ำกิน 75
ในอดีต ในกรณีอยู่ในโครงการปิดทองหลังพระฯ
ตารางที่ 6.11 สาเหตุที่ท�ำให้เกษตรกรตัดสินใจลดหรือเลิกปลูกข้าวโพดในพื้นที่ลาดชัน 76
ในกรณีอยู่ในโครงการปิดทองหลังพระฯ
ตารางที่ 6.12 อุปสรรคในการลดหรือเลิกปลูกข้าวโพดในพื้นที่ลาดชัน 76
ในกรณีอยู่ในโครงการปิดทองหลังพระฯ
ตารางที่ 6.13 กระบวนการที่ส�ำคัญในการลดหรือเลิกปลูกข้าวโพดในที่ชัน 77
ในกรณีอยู่ในโครงการปิดทองหลังพระฯ
ตารางที่ 6.14 การให้ความส�ำคัญกับประโยชน์ที่ไม่เป็นตัวเงินจากการเปลี่ยนพฤติกรรม 78
ในกรณีอยู่ในโครงการปิดทองหลังพระฯ
ตารางที่ 7.1 ล�ำดับความส�ำคัญของความเห็นในด้านต่างๆ ของเกษตรกรในแต่ละพื้นที่ 82
ตารางที่ ก.1 ต้นทุนและรายรับจากการปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ในที่ชัน 101
ตารางที่ ก.2 ต้นทุนและรายรับจากการปลูกข้าวเหนียวนาปี 104
ตารางที่ ก.3 ต้นทุนและรายรับจากการปลูกยาสูบ 107
ตารางที่ ก.4 ต้นทุนและรายรับจากการปลูกผักกาดเขียวปลี 109
ตารางที่ ก.5 ต้นทุนและรายรับจากการปลูกพริก 111
ตารางที่ ก.6 ต้นทุนและรายรับจากการปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ในพื้นที่ราบ 112
ตารางที่ ก.7 ต้นทุนและรายรับจากการปลูกถั่วลิสง 114
- 10. สารบัญภาพ หน้า
ภาพที่ 2.1 พื้นที่ป่าไม้ในจังหวัดน่าน พ.ศ. 2547-2556 (ล้านไร่) 9
ภาพที่ 2.2 พื้นที่เพาะปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์จังหวัดน่าน ปี พ.ศ. 2548-2555 (ล้านไร่) 10
ภาพที่ 2.3 แผนผังขั้นตอนและผู้เกี่ยวข้องในวงจรการผลิตข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ในจังหวัดน่าน 12
ภาพที่ 2.4 ราคาข้าวโพดเลี้ยงสัตว์และรายได้สุทธิของเกษตรกรในที่ราบ 15
แบ่งตามแหล่งเงินทุน (บาท/กก.)
ภาพที่ 2.5 รายได้สุทธิเฉลี่ยต่อปีของเกษตรกรในที่ราบ (บาท/ปี) 15
ภาพที่ 2.6 ราคาข้าวโพดเลี้ยงสัตว์และรายได้สุทธิของเกษตรกรในที่ชัน 16
แบ่งตามแหล่งเงินทุน (บาท/กก.)
ภาพที่ 2.7 รายได้สุทธิเฉลี่ยต่อปีของเกษตรกรในที่ชัน (บาท/ปี) 17
ภาพที่ 2.8 วงจรอุบาทว์ของการปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ในพื้นที่ลาดชัน 20
(Vicious Cycle of Highland Maize Farming)
ภาพที่ 3.1 แนวคิดความขัดแย้งระหว่างการพัฒนาเศรษฐกิจและสิ่งแวดล้อม 23
ภาพที่ 3.2 การพัฒนาเศรษฐกิจโดยขาดการค�ำนึงถึงสิ่งแวดล้อม น�ำไปสู่ Loss-Loss Solution 24
ภาพที่ 3.3 การอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมอย่างขาดการค�ำนึงถึงความเป็นอยู่ของคน 25
น�ำไปสู่ Loss-Loss Solution
ภาพที่ 4.1 แผนที่และสภาพภูมิประเทศพื้นที่บริเวณบ้านแคว้ง บ้านเด่นพัฒนา 39
และบ้านน�้ำมีด อ.เชียงกลาง จ.น่าน
ภาพที่ 4.2 แผนที่และสภาพภูมิประเทศพื้นที่บริเวณบ้านเด่นพัฒนา อ.เชียงกลาง จ.น่าน 41
ภาพที่ 4.3 แผนที่และสภาพภูมิประเทศพื้นที่บริเวณบ้านแคว้ง อ.เชียงกลาง จ.น่าน 42
ภาพที่ 4.4 การแบ่งพื้นที่บริเวณหมู่บ้านน�้ำมีด 43
ภาพที่ 4.5 ที่นาและป่าในปัจจุบัน หมู่บ้านน�้ำมีด 44
ภาพที่ 4.6 ตัวอย่างความส�ำเร็จของโครงการนาแลกป่าของนายรัตน์ แปงอุด (หมู่บ้านน�้ำมีด) 44
มีพื้นที่นาแลกป่าจ�ำนวน 3 ไร่ และพื้นที่ป่าแลกนาจ�ำนวน 10 ไร่
ภาพที่ 4.7 แผนที่และสภาพภูมิประเทศพื้นที่บริเวณบ้านน�้ำป้าก ห้วยธนู 46
และห้วยม่วง อ.ท่าวังผา จ.น่าน
ภาพที่ 6.1 เปรียบเทียบการให้ความส�ำคัญกับมาตรการต่างๆ 71
ภาพที่ 6.2 เปรียบเทียบการให้ความส�ำคัญกับมาตรการต่างๆ แบ่งตามการปรับพฤติกรรม 71
การปลูกพืชในพื้นที่ลาดชัน
ภาพที่ 7.1 องค์ประกอบและการด�ำเนินงานไปสู่การลดการปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ในที่ชัน 81
ภาพที่ ก.1 ปัจจัยส�ำคัญต่อการปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ในพื้นที่ลาดชัน 102
ภาพที่ ก.2 ปัจจัยส�ำคัญต่อการปลูกข้าวเหนียวนาปี 105
ภาพที่ ก.3 ปัจจัยส�ำคัญต่อการปลูกยาสูบ 108
ภาพที่ ก.4 ปัจจัยส�ำคัญต่อการปลูกผักกาดเขียวปลี 110
ภาพที่ ก.5 ปัจจัยส�ำคัญต่อการปลูกพริก 111
ภาพที่ ก.6 ปัจจัยส�ำคัญในการปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ในพื้นที่ราบ 113
ภาพที่ ก.7 ปัจจัยส�ำคัญต่อการปลูกถั่วลิสง 114
- 13. ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์กับการสูญเสียพื้นที่ป่า: ปัญหาและทางออก2
อารัมภบท
ที่มาของปัญหา
ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมาพื้นที่เพาะปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ในจังหวัดน่านได้ขยายตัวขึ้นอย่าง
รวดเร็ว ถึงเกือบ 3 เท่าในช่วงระหว่างปี พ.ศ. 2548-2552 และในปี พ.ศ. 2557 จังหวัดน่านมีพื้นที่เพาะ
ปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์803,050ไร่(ประมาณร้อยละ10ของพื้นที่ปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ในประเทศไทย)
(ส�ำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร, 2557) ในขณะเดียวกันก็พบว่า ในช่วงเวลาดังกล่าว ป่าไม้ในจังหวัดน่าน
ถูกท�ำลายไปอย่างรวดเร็ว ในปี พ.ศ. 2556 จังหวัดน่านเหลือพื้นที่ป่าไม้เพียง 4.65 ล้านไร่ (ร้อยละ 61
ของพื้นที่จังหวัด) เท่านั้น (กรมป่าไม้, 2557)
การขยายตัวอย่างรวดเร็วของพื้นที่เพาะปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ในประเทศไทย โดยเฉพาะการ
ปลูกข้าวโพดในพื้นที่ลาดชัน ส่งผลกระทบต่อทั้งสภาพสิ่งแวดล้อมและความเป็นอยู่ของประชาชนใน
พื้นที่เป็นอย่างมากจากข้อมูลระดับจังหวัดแสดงให้เห็นว่าแม้ว่าในช่วง10ปีที่ผ่านมาปริมาณการปลูก
ข้าวโพดในจังหวัดน่านและราคาผลผลิตจะขยับตัวเพิ่มสูงขึ้นเป็นอย่างมาก แต่ปัญหาความยากจนของ
คนในพื้นที่กลับทวีความรุนแรงขึ้นไปด้วยในปีพ.ศ.2547จังหวัดน่านเป็นจังหวัดที่มีสัดส่วนคนจนมาก
เป็นอันดับที่ 39 ของประเทศ แต่ในปี พ.ศ. 2554 ปัญหาความยากจนในจังหวัดน่านกลับเลวร้ายยิ่งขึ้น
โดยพบว่าจังหวัดน่านมีสัดส่วนคนจนสูงมากเป็นอันดับที่ 21 ของประเทศ (ส�ำนักงานคณะกรรมการ
พัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ, 2556)
นอกจากปัญหาความยากจนแล้วการปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ในพื้นที่ลาดชันยังก่อให้เกิดปัญหา
ทางสิ่งแวดล้อมตามมาอีกมากมายทั้งปัญหาด้านดินเช่นปัญหาการชะล้างพังทลายของดินอย่างรุนแรง
(ในเกือบทุกพื้นที่ของจังหวัด) ปัญหาคุณภาพดิน ปัญหาพื้นที่เสี่ยงต่อการเกิดดินถล่ม นอกจากนี้ยังมี
ปัญหาการปนเปื้อนของมลพิษในแหล่งน�้ำจากการใช้สารเคมีในการปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ การปนเปื้อน
ในแม่น�้ำน่านซึ่งเป็นแหล่งต้นน�้ำที่ใหญ่ที่สุดของแม่น�้ำเจ้าพระยาปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็กในอากาศที่
จะมีค่าสูงมากในฤดูหนาว โดยมีสาเหตุหลักจากการเผาไร่ของเกษตรกรเพื่อเตรียมพื้นที่เพาะปลูก
ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์1
1
จากการตรวจวัดคุณภาพอากาศ ณ เทศบาลเมืองน่าน ในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ – มีนาคม พ.ศ. 2555 พบว่ามีปริมาณ
ฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน 10 ไมครอน (PM10
) เฉลี่ย 24 ชั่วโมงในบางวันสูงถึง 216.4 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร (ค่า
มาตรฐานไม่เกิน 120 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร)
1
บทที่
- 14. Highland Maize Farming and Deforestion: Problem and Restorations 3
แม้ว่าจะมีการรณรงค์ทั้งในระดับท้องถิ่นและจากนโยบายส่วนกลางที่สนับสนุนให้เกษตรกร
เปลี่ยนไปท�ำการเกษตรที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและการให้ความส�ำคัญกับการเกษตรผสมผสานและ
การรักษาพื้นที่ป่าต้นน�้ำ ผ่านการสนับสนุนในลักษณะของโครงการย่อยๆของหลากหลายหน่วยงานทั้ง
องค์กรภาครัฐและเอกชน แต่การรณรงค์และความพยายามดังกล่าวกลับไม่ประสบความส�ำเร็จเท่าที่
ควร2
เนื่องจากเหตุผลหลายด้าน เช่น 1) เกษตรกรจ�ำนวนมากยังไม่ตระหนักถึงปัญหาที่ตามมาจากการ
ท�ำลายพื้นที่ป่าต้นน�้ำหรือคุณภาพดินที่เสื่อมโทรม เกษตรกรไม่สามารถมองเห็นภาพต้นทุนที่แท้จริงที่
เพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็วเนื่องจากต้นทุนเหล่านี้ไม่ได้ถูกสะท้อนอยู่ในระบบตลาด แต่กลับถูกกระตุ้นให้
ขยายพื้นที่ปลูกโดยราคาข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ที่ขยับสูงขึ้นเรื่อยๆ ตามความต้องการของอุตสาหกรรมผลิต
อาหารเลี้ยงสัตว์ 2) เกษตรกรพื้นที่สูงจ�ำนวนมากติดอยู่ในวงจรหนี้สินจากการกู้นอกระบบในรูปของ
วัตถุดิบเพื่อปลูกข้าวโพด ท�ำให้การหลุดพ้นจากวงจรการปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์เป็นไปได้ยากมาก หาก
ขาดแรงจูงใจที่เป็นรูปธรรมและต่อเนื่อง(เขมรัฐเถลิงศรีและสิทธิเดชพงศ์กิจวรสิน,2555)3
3)เกษตรกร
ได้รับสัญญาณที่สับสนจากนโยบายภาครัฐตลอดซึ่งด้านหนึ่งพยายามรณรงค์ให้เกษตรกรหันหาการปลูก
พืชที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม แต่อีกด้านหนึ่งยังพยายามผลักดันนโยบายจ�ำน�ำ นโยบายประกันราคา/
รายได้ ซึ่งล้วนกระตุ้นให้เกษตรกรยังยึดการปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์เป็นอาชีพหลักและเพิ่มการผลิตต่อ
ไป 4) เกษตรกรส่วนใหญ่ขาดความรู้และความเข้าใจในการหาทางเลือกทางการเกษตรใหม่ที่ดีกว่าการ
ปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ 5) ในหลายกรณี องค์กรภายนอกหรือภาครัฐด�ำเนินการช่วยเหลือโดยขาด
ความรู้ความเข้าใจถึงความต้องการที่แท้จริงของเกษตรกร ไม่สามารถท�ำให้เกษตรกรสนใจอย่างต่อเนื่อง
และท�ำให้การเปลี่ยนแปลงไม่ประสบผลส�ำเร็จและ6)กฎหมายและกฎระเบียบที่ไม่สอดคล้องกับสภาพ
ในพื้นที่ ท�ำให้การบังคับใช้ไม่มีประสิทธิผล และในบางครั้ง ตัวกฎหมายที่ไม่มีประสิทธิภาพนี้เอง
กลับเป็นตัวขัดขวางการเปลี่ยนแปลงที่อาจจะน�ำไปสู่สิ่งที่ดีขึ้นในพื้นที่ได้
อย่างไรก็ดี ท่ามกลางสถานการณ์การรุกพื้นที่ป่าต้นน�้ำเพื่อปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ที่ด�ำเนินถึง
ขั้นวิกฤตในพื้นที่ส่วนใหญ่ของจังหวัดน่าน และสภาพปัญหาที่ยิ่งดูเหมือนจะแย่ลงเรื่อยๆ โดยที่ยังมอง
ไม่เห็นทางออกที่เป็นรูปธรรมสร้างความวิตกกังวลแก่ผู้เกี่ยวข้องหลายฝ่ายในพื้นที่และในระดับนโยบาย
2
จากแผนจัดการคุณภาพสิ่งแวดล้อมพ.ศ.2555-2558(รวมถึงแผนในอดีตช่วง2550-2554)ในยุทธศาสตร์การอนุรักษ์
และฟื้นฟูธรรมชาติอย่างยั่งยืน จะพบว่ามาตรการทั้งระยะเร่งด่วนและระยะปานกลางเกี่ยวกับทรัพยากรป่าไม้จะเป็น
มาตรการเชิงอนุรักษ์(เช่นแก้ไขกฎหมายให้รุนแรงและเหมาะสมขึ้นหรือการก�ำหนดพื้นที่อนุรักษ์)มาตรการเชิงสนับสนุน
(เช่นศึกษาวิจัยเพิ่มเติมใช้สารสนเทศในการติดตาม)ขณะที่มาตรการเชิงรุกหรือการใช้เครื่องมือด้านแรงจูงใจมีเพียงการ
ใช้ในรูปแบบของป่าชุมชน หรือภาคีเครือข่ายเฝ้าระวังภัย ส่วนการใช้เครื่องมือด้านแรงจูงใจโดยตรงเช่น กลไก PES
ยังคงเป็นมาตรการเชิงสนับสนุนในระยะปานกลาง ซึ่งยังไม่มีการน�ำไปปฏิบัติจริงในตอนนี้
3
เขมรัฐ เถลิงศรี และสิทธิเดช พงศ์กิจวรสิน (2555) พบว่า เกษตรกรผู้ปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ในที่ลาดชันส่วนใหญ่ยังติด
อยู่ในวงจรหรือกับดักของการปลูกข้าวโพดเชิงพาณิชย์ เนื่องมาจากข้อจ�ำกัดและลักษณะเฉพาะของพื้นที่ การผูกขาดใน
ตลาดท้องถิ่น และต้นทุนของการปลูกเชิงพาณิชย์ ส่งผลให้เกษตรกรรายย่อยในพื้นที่ไม่สามารถสะสมรายได้เพื่อพัฒนา
ความเป็นอยู่ของตน ผลประโยชน์ของการปลูกข้าวโพดตกเป็นของผู้รวบรวมขายและบริษัทแปรรูปปลายน�้ำเป็นหลัก
แม้ว่าเกษตรกรจะตระหนักถึงปัญหาที่เกิดขึ้นและต้องการจะเลิกปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ แต่กลับไม่สามารถถอนตัวออก
จากกับดักนี้ได้ด้วยภาระหนี้สินที่สะสมไว้ตั้งแต่เข้าสู่วงจรการปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ท�ำให้จ�ำเป็นต้องท�ำการผลิตต่อไป
- 15. ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์กับการสูญเสียพื้นที่ป่า: ปัญหาและทางออก4
ก็ยังมีพื้นที่เล็กๆ ส่วนหนึ่งในจังหวัดน่านที่มีการเปลี่ยนแปลงในทางบวกอย่างเป็นรูปธรรมและสามารถ
จุดประกายให้ความหวังว่ายังคงมีทางออกที่เป็นไปได้จริงในทางปฏิบัติ ดังเช่น พื้นที่ลุ่มน�้ำมีดใน
ต.พระพุทธบาทและต.เปืออ.เชียงกลางซึ่งเกษตรกรในพื้นที่สูงเหล่านี้ไม่เพียงจะสามารถต้านกระแส
การขยายพื้นที่การปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์บนที่ชันได้ กลับยังสามารถลดการปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์บนที่
ชันและคืนพื้นที่ที่เคยปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ในที่ชันให้กลับเป็นพื้นที่ป่าที่อุดมสมบูรณ์ได้ โดยคนในชุมชน
ร่วมกันสร้างข้อตกลงและกฎระเบียบเพื่อการรักษาความสมบูรณ์ของพื้นที่ป่าอนุรักษ์ มีความรักและ
หวงแหนในผืนป่า ที่ส�ำคัญคือ บทบาทของเจ้าหน้าที่ภาครัฐในพื้นที่ด�ำเนินไปอย่างเหมาะสม ถูกจังหวะ
และมีความโดดเด่นในแง่ของการยอมรับสิทธิ์ของชุมชนในการร่วมบริหารจัดการป่าและใช้ประโยชน์จาก
ป่าอย่างสมดุล
นอกจากนี้ยังมีบางพื้นที่ของจังหวัดซึ่งชาวบ้านได้เข้าร่วมกับโครงการปิดทองหลังพระสืบสาน
แนวทางพระราชด�ำริในการแก้ไขปัญหาความยากจนและสิ่งแวดล้อมอย่างจริงจังเช่นพื้นที่บางส่วนใน
อ. ท่าวังผา ซึ่งหนึ่งในวัตถุประสงค์ของโครงการคือ การลดการแผ้วถางท�ำลายพื้นที่ต้นน�้ำ ในการกระตุ้น
ความสนใจและการมีส่วนร่วมโครงการปิดทองหลังพระฯด�ำเนินการโดยใช้มาตรการอุดหนุนหลายรูปแบบ
ด้วยกัน ทั้งในรูปแบบเงินอุดหนุนตรง กองทุนช่วยลดค่าใช้จ่าย และการให้ความรู้และสิ่งอ�ำนวยความ
สะดวกด้านอื่นๆซึ่งในช่วงระยะเวลา5ปีภายใต้โครงการก็ได้เห็นการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีเกิดขึ้นแล้ว
ความส�ำเร็จที่เกิดขึ้นในพื้นที่ อ.เชียงกลาง และ อ.ท่าวังผา ได้สร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้ที่มี
โอกาสสัมผัสและเปิดพื้นที่การเรียนรู้องค์ประกอบที่สร้างความส�ำเร็จเหล่านี้ออกมาได้รวมถึงจุดประเด็น
ว่าจะท�ำอย่างไรจึงจะสามารถประยุกต์ใช้องค์ความรู้จากพื้นที่เหล่านี้ในพื้นที่อื่นของจังหวัดน่านที่ก�ำลัง
ประสบปัญหาพื้นที่ป่าต้นน�้ำถูกท�ำลายอย่างหนัก เพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงจากการปลูกข้าวโพดเลี้ยง
สัตว์ไปสู่การฟื้นฟูพื้นที่ป่าให้กลับคืนมาได้อย่างประสบผลส�ำเร็จและยั่งยืน
จุดมุ่งหมายหลักของเอกสารเล่มนี้คือการถ่ายทอดบทเรียนที่ได้จากการศึกษาพื้นที่ที่สามารถ
เปลี่ยนแปลงจากการปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ในที่ชันไปสู่การสร้างและอนุรักษ์ผืนป่าได้ โดยเปรียบเทียบ
สิ่งที่พบจากทั้งพื้นที่ที่ไม่ได้รับมาตรการอุดหนุนอย่างเป็นระบบจากภาครัฐอย่างลุ่มน�้ำมีด และในพื้นที่
มีโอกาสรับการผลักดันผ่านมาตรการอุดหนุนต่างๆจากองค์กรภายนอกอย่างพื้นที่ลุ่มน�้ำสบสายเพื่อให้
เข้าใจถึงกลไกของการเปลี่ยนแปลงและปัจจัยส�ำคัญที่ท�ำให้เกษตรกรในพื้นที่สามารถลดการปลูกข้าวโพด
ได้ รวมถึงการตอบสนองของเกษตรกรต่อมาตรการอุดหนุนเป็นอย่างไร ข้อจ�ำกัดของเกษตรกรแต่ละ
กลุ่มจะมีผลการออกแบบมาตรการอุดหนุนอย่างไรมุมมองของเกษตรกรที่ได้รับการอุดหนุนต่อเรื่องการ
ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมจากปลูกข้าวโพดสู่การปลูกป่าจะแตกต่างจากกลุ่มที่ไม่ได้รับการอุดหนุนอย่างไร
ในการตอบค�ำถามข้างต้นผู้เขียนน�ำเสนอตัวอย่างของแนวทางการพัฒนาที่ให้ความส�ำคัญกับ
รายได้และความเป็นอยู่ของเกษตรกรไปพร้อมๆกับการฟื้นฟูและอนุรักษ์สภาพป่าซึ่งเป็นแนวคิดที่มอง
เรื่องการพัฒนาทางเศรษฐกิจและสิ่งแวดล้อมในลักษณะ Win-Winนั่นคือการอนุรักษ์ป่าจะเกิดขึ้นไม่ได้
ถ้าคนที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ไม่สามารถเพิ่มคุณภาพชีวิตหรือได้รับได้ผลตอบแทนจากการอนุรักษ์ป่าไปด้วย
แนวคิดนี้ได้รับการยอมรับและน�ำไปประยุกต์ใช้ในการแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อมในหลายพื้นที่ทั่วโลกในรูปแบบ
ที่ต่างกันไปตามลักษณะพื้นที่และภูมิเศรษฐกิจและสังคม แต่โดยรวมแล้ว ผู้ด�ำเนินงานด้านการอนุรักษ์
ในพื้นที่ต้องสามารถได้ประโยชน์จากความอุดมสมบูรณ์ของป่า พึ่งพิงป่าเพื่อสภาพความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น
- 16. Highland Maize Farming and Deforestion: Problem and Restorations 5
มีโอกาสและมีส่วนร่วมในการสร้างกฎกติกาในการดูแล มีจิตใจที่รักและหวงแหนในผืนป่า ซึ่งทั้งหมดนี้
ก็จะเข้ามาประกอบให้เกิดการหมุนของวงล้ออนุรักษ์ผลที่ได้จากการศึกษารายละเอียดการเปลี่ยนแปลง
และเกษตรกรทั้งในพื้นที่ลุ่มน�้ำมีดและลุ่มน�้ำสบสาย ท�ำให้ผู้เขียนสามารถเสนอทางเลือกต่างๆ เพื่อเป็น
ทางออกจากปัญหาสภาพสิ่งแวดล้อมที่เสื่อมโทรมจากการปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ในที่ชันในจังหวัดน่าน
ส�ำหรับโครงสร้างของการน�ำเสนอนั้นในบทถัดไปผู้เขียนอธิบายข้อมูลทั่วไปเกี่ยวกับการปลูก
ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ในจังหวัดน่านผู้ที่เข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องในวงจรการปลูกและผลตอบแทนที่เกษตรกร
ได้จากอาชีพนี้
บทที่3น�ำเสนอทฤษฎีทางเศรษฐศาสตร์ที่สามารถอธิบายปัญหาที่เกิดขึ้นที่น่านและใช้แนวคิด
ดังกล่าวเสนอแนะทางออกเพื่อให้เห็นตัวอย่างประยุกต์ใช้องค์ความรู้ในการแก้ปัญหา ในบทนี้ผู้เขียนยก
ตัวอย่างกรณีศึกษาโครงการ Sloping land conversion program ในจีน โครงการ PSA ในคอสตา
ริก้าโดยผลการด�ำเนินงาน อุปสรรค และข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้นในโครงการเหล่านี้ สามารถสรุปเป็นบท
เรียนที่น่าสนใจและน่าเรียนรู้นอกจากนี้ยังได้สรุปงานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับปัจจัยที่มีผลต่อการเปลี่ยนแปลง
พฤติกรรมของเกษตรกรไว้ในบทที่ 3 นี้เช่นกัน
ในบทที่4ผู้เขียนถ่ายทอดลักษณะของพื้นที่ศึกษาทั้งลุ่มน�้ำมีดและลุ่มน�้ำสบสายในจังหวัดน่าน
รวมถึงวิธีการศึกษาและเก็บข้อมูล พื้นที่ทั้ง 2 ที่เป็นพื้นที่ศึกษาในงานชิ้นนี้เป็นพื้นที่ตัวอย่างของการน�ำ
แนวทางพัฒนาแบบ Win-Win มาใช้ในการแก้ปัญหา ถึงแม้การเปลี่ยนแปลงในพื้นที่ลุ่มน�้ำมีดนั้นจะไม่
ได้เกิดจากการแทรกแซงหรือพยายามเข้าไปแก้ไขปัญหาจากองค์ภายนอกหรือจากภาครัฐแต่ปฏิเสธไม่
ได้เลยว่าการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นจากภายในพื้นที่สะท้อนให้เห็นแก่นของการพัฒนาแบบ Win-Win
อย่างเป็นธรรมชาติที่สุด
บทที่5แสดงรายละเอียดของทางเลือกต่างๆที่มีการด�ำเนินการอยู่ในพื้นที่ทั้ง2ลุ่มน�้ำ ผู้เขียน
เปรียบเทียบผลตอบแทนจากทางเลือกเหล่านี้กับการปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์เพื่อแสดงความเป็นไปได้ใน
ทางเศรษฐศาสตร์ของการลดการปลูกข้าวโพดในพื้นที่ชันและน�ำเสนอแนวทางการประยุกต์ใช้ทางเลือก
เหล่านี้ในพื้นที่อื่น
ในบทที่ 6 ผู้เขียนสรุปบทเรียนที่ได้จากการศึกษาพื้นที่ทั้ง 2 ลุ่มน�้ำ และสะท้อนมุมมองที่
เกษตรกรมีต่อการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในพื้นที่ทั้งปัญหา อุปสรรค รวมถึงตัวแปรส�ำคัญของการ
เปลี่ยนแปลง ทั้งนี้เนื่องจากลักษณะการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในลุ่มน�้ำทั้ง 2 มีความแตกต่างกัน โดยจะ
เห็นได้ว่าบทเรียนจากลุ่มน�้ำมีดได้ชูประเด็นความส�ำคัญของการมีพื้นที่ราบและใช้ที่ราบที่มีให้เกิด
ประโยชน์สูงสุดเป็นปัจจัยสร้างการเปลี่ยนแปลงที่ส�ำคัญ ในขณะที่บทเรียนจากลุ่มน�้ำสบสายได้สะท้อน
ความส�ำคัญของการใช้มาตรการอุดหนุนในการผลักดันการเปลี่ยนแปลง การเรียนรู้การตอบสนองต่อ
มาตรการอุดหนุนของเกษตรกรที่มีข้อจ�ำกัดต่างกันไป ผลการศึกษาเหล่านี้ล้วนเป็นจุดตั้งต้นส�ำคัญใน
การออกแบบมาตรการในพื้นที่อื่นๆ ต่อไป
บทที่ 7 เป็นการสังเคราะห์ผลการวิจัยทั้งหมดรวมกัน เพื่อน�ำเสนอกลไกหลักที่น�ำไปสู่การ
เปลี่ยนแปลงที่ยั่งยืน แล้วจึงน�ำสู่บทสรุปสุดท้ายในบทที่ 8 ที่ผู้เขียนตั้งข้อเสนอแนะเชิงนโยบายเพื่อมา
เสริมองค์ประกอบต่างๆ ที่จ�ำเป็นต่อการเปลี่ยนแปลงที่ยั่งยืน
- 19. ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์กับการสูญเสียพื้นที่ป่า: ปัญหาและทางออก8
ข้าวโพด(Maize)เป็นพืชที่มีการปลูกในเกือบทุกภูมิภาคทั่วโลกเนื่องจากเป็นพืชที่ขึ้นได้ในหลาย
สภาพภูมิประเทศและภูมิอากาศ และเป็นพืชอาหารที่ส�ำคัญมากที่สุดชนิดหนึ่งในโลกในปัจจุบัน โดยมี
ทั้งพันธุ์ที่ใช้บริโภคโดยคน (เช่น ข้าวโพดหวาน) และพันธุ์ที่น�ำไปใช้ผลิตเป็นอาหารสัตว์ (ข้าวโพดเลี้ยง
สัตว์) และในปัจจุบันมีการน�ำผลผลิตข้าวโพดไปใช้ในการผลิตสินค้าอื่นๆ เช่น ยา สารเคมี เอทานอล
เป็นต้น
ส�ำหรับในประเทศไทยกว่าร้อยละ90ของการปลูกข้าวโพดในประเทศไทยเป็นการปลูกข้าวโพด
เลี้ยงสัตว์ เพื่อน�ำไปผลิตอาหารสัตว์ และส่วนใหญ่เป็นการปลูกพันธุ์ลูกผสมซึ่งให้ผลผลิตสูง จากสถิติ
การปลูกข้าวโพดของไทยพบว่ามีปริมาณการผลิตเพิ่มขึ้นจากประมาณ 2 ล้านตันในปี พ.ศ. 2513 เป็น
ถึง 5.1 ล้านตันในปี พ.ศ. 2557 โดยในปี พ.ศ. 2557 คาดว่ามีพื้นที่เพาะปลูกข้าวโพดในประเทศไทย
ประมาณ 7.5 ล้านไร่ (ส�ำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร, 2557)
ในส่วนของราคาข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ในประเทศพบว่า ราคาข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ในประเทศจะ
เคลื่อนไหวในทิศทางเดียวกับราคาข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ในตลาดซื้อขายล่วงหน้าชิคาโก โดยในช่วงปี พ.ศ.
2548-2551ราคาข้าวโพดเลี้ยงสัตว์หน้าฟาร์มในประเทศไทยได้เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วจากประมาณเกือบ
5 บาทเป็น 8 บาทต่อกิโลกรัม แต่นับจากปี พ.ศ. 2552 ราคาข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ในประเทศเริ่มอยู่ในแนว
โน้มทรงตัว
2.1 ข้อมูลเบื้องต้นการปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ในจังหวัดน่าน
จังหวัดน่านเป็นจังหวัดที่อยู่ติดชายแดนไทย-ลาวในภาคเหนือของประเทศไทยและเป็นจังหวัด
ที่มีความส�ำคัญในเชิงนิเวศเป็นอย่างมาก เนื่องจากเป็นแหล่งต้นน�้ำที่ส�ำคัญของประเทศ คือ ต้นน�้ำน่าน
ซึ่งเป็นต้นน�้ำสายหนึ่งของแม่น�้ำเจ้าพระยาและปริมาณน�้ำกว่าร้อยละ 40 ของแม่น�้ำเจ้าพระยาก็มาจาก
แม่น�้ำน่านนี้
ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ป่าไม้ในจังหวัดน่านถูกท�ำลายไปเป็นจ�ำนวนมาก ในปี พ.ศ. 2547 จังหวัด
น่านมีพื้นที่ป่าไม้ทั้งหมดกว่า 5.3 ล้านไร่ คิดเป็นกว่าร้อยละ 74 ของพื้นที่จังหวัด อย่างไรก็ตาม ข้อมูล
ล่าสุดในปี พ.ศ. 2556 จังหวัดน่านเหลือพื้นที่ป่าไม้เพียง 4.65 ล้านไร่ (ร้อยละ 61 ของพื้นที่จังหวัด)
เท่านั้น (ภาพที่ 2.1) แสดงให้เห็นถึงปัญหาการตัดไม้ท�ำลายป่าที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วโดยมีสาเหตุส�ำคัญ
ประการหนึ่งจากการขยายตัวของพื้นที่การเกษตร โดยเฉพาะการขยายพื้นที่เพาะปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์
การปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์
ในจังหวัดน่าน2
บทที่
- 20. Highland Maize Farming and Deforestion: Problem and Restorations 9
ในช่วง10ปีที่ผ่านมาพื้นที่เพาะปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ในจังหวัดน่านได้ขยายตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว
โดยในปี 2548 จังหวัดน่านมีพื้นที่เพาะปลูกข้าวโพดไม่ถึง 3 แสนไร่แต่ในปี 2552 พื้นที่เพาะปลูกได้เพิ่ม
ขึ้นเป็นเกือบ 9 แสนไร่ หรือเพิ่มขึ้นเกือบ 3 เท่า ในช่วง 4 ปีดังกล่าว (ภาพที่ 2.2) และล่าสุดในปี พ.ศ.
2557 จังหวัดน่านมีพื้นที่เพาะปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ 803,050 ไร่ (ประมาณร้อยละ 10 ของพื้นที่ปลูก
ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ในประเทศ) คาดว่าจะมีผลผลิตเกือบ 0.5 ล้านตัน และเป็นจังหวัดที่มีพื้นที่เพาะปลูก
ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์สูงเป็นอันดับที่ 2 ของประเทศ (รองจากจังหวัดเพชรบูรณ์) (ส�ำนักงานเศรษฐกิจ
การเกษตร 2557)4
จากลักษณะทางกายภาพของจังหวัดน่านที่พื้นที่ส่วนใหญ่กว่าร้อยละ 85 เป็นที่ลาดชัน มีฝน
ตกในช่วงกลางปีเท่านั้น รวมทั้งมีระบบชลประทานจ�ำกัด ท�ำให้เกษตรกรในจังหวัดน่าน (โดยเฉพาะที่
อยู่ในพื้นที่ลาดชัน)ไม่มีทางเลือกในการท�ำการเกษตรมากนักข้าวโพดเลี้ยงสัตว์จึงเป็นพืชเศรษฐกิจหลัก
ของจังหวัดน่านมากว่า 30 ปี เนื่องจากเป็นพืชที่สามารถปลูกในพื้นที่ลาดชันได้ดี ต้องการน�้ำน้อย และ
ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ยังเป็นพืชที่ตอบโจทย์ความต้องการและผลประโยชน์ของผู้เล่นที่เกี่ยวข้อง โดย
เกษตรกรนิยมปลูกเพราะปลูกได้ง่าย มีคนรับซื้อแน่นอน ส่วนพ่อค้าคนกลางและผู้รวบรวมก็ได้ก�ำไรดี
สามารถขยายฐานลูกค้าเกษตรกรผ่านการให้สินเชื่อเป็นวัตถุดิบได้ง่ายและท�ำให้ได้ประโยชน์จากการ
ขายวัตถุดิบได้มากขึ้นพร้อมๆ กับการเก็บดอกเบี้ยจากการให้เชื่อวัตถุดิบ ส่วนธนาคารเพื่อการเกษตรฯ
(ธกส.)ในฐานะผู้ให้สินเชื่อในระบบก็ไม่ต้องกังวลมากเรื่องความเสี่ยงของการค้างช�ำระหนี้เพราะเกษตรกร
ภาพที่ 2.1 พื้นที่ป่าไม้ในจังหวัดน่าน พ.ศ. 2547-2556 (ล้านไร่)
ที่มา: กรมป่าไม้ (2557)
4
เป็นข้อมูลการขึ้นทะเบียนการปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ของเกษตรกร โดยคาดว่าพื้นที่เพาะปลูกจริงจะมากกว่านี้มาก
เนื่องจากมีเกษตรกรหลายรายที่ไม่มาขึ้นทะเบียนการปลูก
5.40
5.20
5.00
4.80
4.60
4.40
4.20
2547 2548 2549 2550 2551 2552 2553 2554 2555 2556
5.31
5.16
5.06
5.10
5.8
5.05
4.95
4.85
4.75
4.65
- 21. ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์กับการสูญเสียพื้นที่ป่า: ปัญหาและทางออก10
ปลูกตามฤดูกาลแน่นอนและสามารถใช้ระบบค�้ำประกันกลุ่มได้เนื่องจากเกษตรกรปลูกกันหลายราย
นอกจากนี้เนื่องจากข้าวโพดเป็นพืชที่มีเกษตรกรปลูกกันหลายรายท�ำให้นโยบายเกี่ยวกับข้าวโพดเลี้ยง
สัตว์มีความเชื่อมโยงกับฐานเสียงทางการเมืองไปด้วย
เกษตรกรผู้ปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ในจังหวัดน่านเกือบทั้งหมดเป็นเกษตรกรรายย่อย มีพื้นที่เพาะ
ปลูก 10-100 ไร่ต่อครัวเรือน โดยปลูกเป็นพืชเชิงเดี่ยว ส่วนใหญ่ปลูกตามพื้นที่ลาดชัน ไม่มีการใช้
เครื่องจักรมากนัก มีผลผลิตต่อไร่อยู่ระหว่าง 400-1,200 กิโลกรัม ขึ้นอยู่กับความอุดมสมบูรณ์ของดิน
ในแต่ละพื้นที่พันธุ์ที่ใช้ปลูกและกรรมวิธีการปลูกในภาพรวมแล้วการปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ในจังหวัด
น่านมีผลผลิตต่อไร่สูงกว่าพื้นที่อื่นๆ เนื่องจากพื้นที่มีความอุดมสมบูรณ์และมีการใช้สารเคมีในการผลิต
ในระดับที่ค่อนข้างสูง
การปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ในจังหวัดน่านมีทั้งการปลูกในพื้นที่ราบและพื้นที่ลาดชัน การปลูก
ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ในที่ราบเกษตรกรส่วนใหญ่จะใช้ระบบขายสด โดยเกษตรกรจะเก็บเกี่ยวข้าวโพดทันที
ที่สามารถเก็บผลผลิตได้ ข้าวโพดที่ได้จะมีความชื้นสูง (สูงกว่าร้อยละ 30) ท�ำให้มีราคาต่อหน่วยที่ต�่ำ
แต่จะได้ผลผลิตต่อไร่สูงกว่าโดยเฉลี่ยแล้วเกษตรกรที่ปลูกในที่ราบจะได้ผลผลิต950กิโลกรัมต่อไร่5
และ
เกษตรกรบางรายสามารถสามารถปลูกได้ปีละ 2 ครั้ง ซึ่งสามารถท�ำนาหรือท�ำไร่พืชชนิดอื่นได้หลังจาก
เก็บเกี่ยวข้าวโพด ท�ำให้เกษตรกรมีรายได้ต่อปีสูงกว่าเกษตรกรที่ปลูกข้าวโพดบนพื้นที่ลาดชัน ข้าวโพด
ที่ปลูกในที่ราบจะแบ่งออกเป็นสองรุ่นคือข้าวโพดรุ่นหนึ่งซึ่งจะเริ่มปลูกในเดือนพฤษภาคมและเก็บเกี่ยว
ผลผลิตได้ตั้งแต่เดือนกันยายนไปจนถึงเดือนธันวาคมและข้าวโพดรุ่นสองซึ่งจะเริ่มปลูกหลังจากรุ่นหนึ่ง
เก็บเกี่ยวได้ในช่วงเดือนกันยายนถึงเดือนตุลาคมจะสามารถเก็บเดี่ยวได้อีกครั้งในช่วงเดือนกุมภาพันธ์
ภาพที่ 2.2 พื้นที่เพาะปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์จังหวัดน่าน ปี พ.ศ. 2548-2555 (ล้านไร่)
ที่มา: ส�ำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (2557)
1.0
0.8
0.6
0.4
0.2
0.0
2548 2549 2550 2551 2552 2553 2554 2555
0.29
0.36 0.38
0.58
0.85
0.80
0.84
0.88
5
ข้อมูลจากการส�ำรวจเกษตรกรใน อ.เวียงสา จ.น่าน ใน เขมรัฐ เถลิงศรี และสิทธิเดช พงศ์กิจวรสิน (2555)