มะเร็ง
- 1. มะเร็ ง ปากมดลู ก (http://www.chulacancer.net)
ระยะของมะเร็ ง ปากมดลู ก ( Stages of cervical cancer )
หลังจากวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็งปากมดลูกแล้ว จะมีการตรวจเพิ่มเติมเพื่อหาว่าเซลล์มะเร็งกระจายไปที่ส่วนอื่นๆ ของ
ร่างกาย
หรือไม่ ข้อมูลที่ได้มาจากการตรวจเพิ่มเติมจะนำามาใช้ประกอบการจำาแนกระยะของโรคได้ เพื่อใช้ในการวางแผนการรักษาต่อ
ไป
การตรวจเพิ่มเติมเพื่อหาว่ามะเร็งอยู่เฉพาะในปากมดลูกหรือกระจายไปส่วนอื่นๆของร่างกายนั้น ได้แก่
- การถ่ายภาพเอ็กซเรย์ปอด เป็นการเอ็กซเรย์ของอวัยวะที่อยู่ในช่องอก เช่น ปอด หัวใจ และกระดูกเป็นต้น การ
เอ็กซเรย์ คือ การส่งลำาพลังงาน ชนิดหนึ่งผ่านร่างกายของคนไปตกลงบนฟิล์ม ทำาให้เกิดรูปภาพของอวัยวะต่างๆของร่า
งกาย
- การถ่ายเอ็กซเรย์คอมพิวเตอร์ (CT scan) เป็นการสร้างชุดของภาพที่มีรายละเอียดของอวัยวะต่างๆของร่างกาย ซึ่งถูก
ถ่ายมาจากมุมที่แตกต่างกัน รูปภาพที่ได้มานั้นถูกสร้างขึ้นจากคอมพิวเตอร์ซึ่งเชื่อมต่อกับเครืองเอ็กซเรย์ นอกจากนี้อาจมีการ
่
ฉีดสาร
ทึบรังสีเข้าสู่เส้นเลือดดำาหรือกลืนสารทึบรังสีเพื่อช่วยในการมองดูภาพของอวัยวะหรือเนื้อเยื่อต่างๆได้อย่างชัดเจนมากขึ้น
- การถ่ายภาพระบบนำ้าเหลือง ( Lymphangiogram ) เป็นการถ่ายภาพเอ็กซเรย์ของระบบนำ้าเหลือง โดยจะมีการฉีด
สารทึบรังสีเข้าไปในหลอดนำ้าเหลืองที่เท้า แล้วสารทึบรังสีนั้นจะเคลื่อนที่ขึ้นผ่านต่อมนำ้าเหลืองและหลอดนำ้าเหลืองต่างๆ และ
จากนั้น
ก็จะมีการถ่ายภาพเอ็กซเรย์ภาพที่ได้จะบอกถึงการอุดกั้นของระบบนำ้าเหลือง ซึ่งจะบอกได้วามะเร็งกระจายไปยังทีต่อมนำ้า
่ ่
เหลืองใดบ้าง
- การผ่าตัดเพื่อประเมินระยะของโรคก่อนการรักษา (Pretreatment surgical staging) เป็นการผ่าตัดเพื่อหาว่ามะเร็ง
นั้นอยู่เฉพาะที่ปากมดลูกหรือกระจายไปยังส่วนอื่นของร่างกายในบางรายมะเร็งปากมดลูกอาจถูกตัดออกไปทั้งหมดในขณะ
เดียวกันนี้
ด้วยการผ่าตัด เพื่อประเมินระยะของโรคนี้มักจะทำาในส่วนหนึ่งของการทดลองเท่านั้น
- การตรวจอัลตราซาวน์ ( Ultrasound exam ) เป็นการตรวจที่ใช้เสียงที่มีพลังงานสูงผ่านเข้าไปในเนื้อเยือหรืออวัยวะ
่
ภายใน จากนั้นจึงมีการสร้างออกมาเป็นภาพการถ่ายภาพจากการสั่นพ้องพลังแม่เหล็ก หรือ เอ็ม อาร์ ไอ ( MRI ) เป็นการใช้
แม่เหล็ก
คลื่นวิทยุ และคอมพิวเตอร์ในการสร้างชุดของรายละเอียดของภาพของร่างกาย
ผลของการตรวจต่างๆจะถูกนำามาแปลผลร่วมกับผลของการตัดชิ้นเนื้อ เพื่อจะบอกถึงระยะของมะเร็งปากมดลูก
หน้า 1 / 9
- 2. การกระจายของมะเร็ ง ปากมดลู ก นั ้ น มี 3 วิ ธ ี
การกระจายของมะเร็งปากมดลูกไปสู่ส่วนอื่นๆของร่างกายมี 3 วิธี คือ
1.กระจายผ่านเนื้อเยือ มะเร็งจะลุกลามเข้าไปในเนื้อเยื่อปกติที่อยู่รอบๆ
่
2.กระจายผ่านระบบนำ้าเหลือง มะเร็งจะลุกลามเข้าในระบบนำ้าเหลืองแล้วจากนั้นจะเคลื่อนที่ผานหลอดนำ้าเหลือง
่
ไปสู่
ส่วนอื่นๆของร่างกาย
3.กระจายผ่านระบบเลือด มะเร็งจะลุกลามเข้าไปในเส้นเลือดดำาและเส้นเลือดฝอย แล้วจากนั้นจะเคลื่อนที่ผ่าน
เส้นเลือด
ไปยังส่วนอื่นๆ ของร่างกาย
เมื่อเซลล์มะเร็งกระจายจากก้อนมะเร็งต้นกำาเนิดผ่านไปทางหลอดนำ้าเหลือง หรือเส้นเลือดต่างๆ ไปยังส่วนอื่นๆของ
ร่างกายนั้น
อาจจะเกิดการสร้างตัวเป็นก้อนมะเร็งขึ้นมาใหม่ในที่อื่นๆ การกระจายของก้อนมะเร็งดังกล่าวนั้น เรียกว่า เมแทสเตสิส
( metastasis )
หรือ การกระจายของมะเร็ง ก้อนมะเร็งที่กระจายนั้นจะมีเซลล์ชนิดเดียวกันกับมะเร็งต้นกำาเนิด ยกตัวอย่างเช่น ถ้ามะเร็งเต้านม
กระจายไป
ยังกระดูก เซลล์มะเร็งที่พบที่กระดูกจะเป็นเซลล์มะเร็งเต้านม ไม่ใช่มะเร็งของกระดูก
ระยะของมะเร็ ง ปากมดลู ก แบ่ ง ได้ ด ั ง นี ้
ระยะที ่ 0 ( พบเซลล์ ผ ิ ด ปกติ แ ต่ ไ ม่ ใ ช่ ม ะเร็ ง – Carcinoma in situ )
ระยะที่ 0 คือการตรวจพบเซลล์ที่ผิดปกติบริเวณผิวนอกสุดของปากมดลูกโดยยังไม่ใช่เซลล์มะเร็ง แต่เซลล์ผิดปกตินอาจ
ี้
จะ
กลายเป็นเซลล์มะเร็ง ในเวลาถัดมาและอาจกระจายไปยังเนื้อเยือปกติบริเวณนั้นได้ ระยะที่ 0 เรียกอีกชื่อหนึ่งว่า Carcinoma in
่
situ
ระยะที ่ 1
ระยะที่ 1 คือการตรวจพบมะเร็งอยู่ในปากมดลูกเท่านั้น ในระยะที่ 1 นี้แบ่งออกเป็น ระยะ 1 เอ (1A) และ ระยะ 1 บี
(1B)
ซึ่งแบ่งโดยขนาดของมะเร็งที่ตรวจพบ
ระยะ 1A เป็นระยะที่พบมะเร็งน้อยมาก สามารถเห็นได้ด้วยกล้องจุลทรรศน์เท่านั้น ระยะนี้ยังสามารถแบ่งออกเป็นระยะ
1 เอ 1
(1A1) และระยะ 1 เอ 2 (1A2) โดยแบ่งจากขนาดของมะเร็ง
ระยะ 1A1 เป็นระยะที่ตรวจพบมะเร็งที่มีความลึกน้อยกว่าหรือเท่ากับ 3 มิลลิเมตร และ ความกว้างน้อยกว่าหรือเท่ากับ 7
มิลลิเมตร
หน้า 2 / 9
- 3. ระยะ 1A2 เป็นระยะที่ตรวจพบมะเร็งที่มีความลึกมากกว่า 3 มิลลิเมตร แต่ไม่มากกว่า 5 มิลลิเมตร และ ความกว้างน้อย
กว่าหรือ
เท่ากับ 7 มิลลิเมตร
ระยะ 1B เป็นระยะที่ตรวจพบมะเร็งที่มีความลึกมากกว่า 5 มิลลิเมตร หรือ ความกว้างมากกว่า 7 มิลลิเมตร หรือสามารถ
มองเห็น
มะเร็งได้ด้วยตาเปล่า โดยมะเร็งจะยังคงอยู่ในปากมดลูกเท่านั้น ระยะนี้สามารถแบ่งออกเป็น ระยะ 1 บี 1 (1B1) และระยะ 1 บี 2
(1B2) โดยแบ่งจากขนาดของมะเร็ง
ระยะ 1B1 เป็นระยะที่ตรวจพบมะเร็งขนาดเล็กกว่าหรือเท่ากับ 4 เซนติเมตร
ระยะ 1B2 เป็นระยะที่ตรวจพบมะเร็งขนาดใหญ่กว่า 4 เซนติเมตร
ระยะที ่ 2
ระยะที่ 2 คือการตรวจพบมะเร็งกระจายออกไปจากปากมดลูกแล้วแต่ยังไม่ถึงเนื้อเยื่อของผนังด้านข้างของอุ้งเชิงกราน
( pelvic wall ) หรือมีการกระจายไปยังช่องคลอดแล้วแต่ยังไม่ถึงหนึ่งในสามส่วนล่างของช่องคลอด ระยะที่ 2 นี้ยังแบ่งออก
เป็น ระยะ 2 เอ (2A) และ 2 บี (2B) ซึ่งแบ่งโดยความไกลในการกระจายของมะเร็ง
ระยะ 2A เป็นระยะที่มะเร็งกระจายออกจากปากมดลูกไปยังสองในสามส่วนบนของช่องคลอด แต่ยังไม่มการกระจาย
ี
เข้าไปในเนื้อเยือข้างตัวมดลูก
่
ระยะ 2B เป็นระยะที่มะเร็งกระจายออกจากปากมดลูกไปยังเนื้อเยื่อข้างตัวมดลูก
ระยะที ่ 3
ระยะที่ 3 คือการตรวจพบว่ามะเร็งกระจายออกไปยังหนึ่งในสามส่วนล่างของช่องคลอด โดยอาจจะมีการกระจายไปยัง
ผนังด้านข้างของอุ้งเชิงกราน และ/หรือ ทำาให้ไตทำางานได้แย่ลง ในระยะที่ 3 นี้แบ่งออกเป็น ระยะ 3 เอ (3A) และ ระยะ
3 บี (3B) ซึ่งแบ่งโดย ความไกลในการกระจายของมะเร็ง
ระยะ 3A เป็นระยะที่มะเร็งกระจายไปยังหนึ่งในสามส่วนล่างของช่องคลอด แต่ยังไม่มีการกระจายไปยังผนังด้านข้าง
ของอุ้งเชิงกราน
ระยะ 3B เป็นระยะที่มะเร็งกระจายไปยังผนังด้านข้างของอุ้งเชิงกราน และ/หรือ มะเร็งขยายตัวไปกดบริเวณท่อไต (Ur
eter) ทำาให้เกิดการอุดตันของระบบปัสสาวะทำาให้ไตมีขนาดใหญ่ขึ้น หรือทำางานได้แย่ลง ในระยะนี้อาจจะพบว่า เซลล์
มะเร็งกระจายไปยังต่อมนำ้าเหลือง ภายในอุ้งเชิงกราน
ระยะที ่ 4
ระยะที่ 4 คือการตรวจพบว่ามะเร็งกระจายไปยังกระเพาะปัสสาวะ ทวารหนัก หรือส่วนอื่นๆของร่างกาย ในระยะนี้จะแบ่ง
ออกเป็นระยะ 4 เอ (4A) และ ระยะ 4 บี (4B) ซึ่งแบ่งจากตำาแหน่งที่มะเร็งกระจาย
ระยะ 4A เป็นระยะที่มะเร็งกระจายไปยังกระเพาะปัสสาวะหรือทวารหนัก
ระยะ 4B เป็นระยะที่มะเร็งกระจายออกจากอุ้งเชิงกราน ไปยังส่วนอื่นๆของร่างกาย เช่น ช่องท้อง ตับ ลำาไส้ หรือปอด
หน้า 3 / 9
- 6. รองศาสตราจารย์นายแพทย์จตุพล ศรีสมบูรณ์
อนุกรรมการมะเร็งอวัยวะสืบพันธุ์สตรี
ราชวิทยาลัยสูตินรีแพทย์แห่งประเทศไทย
บทนำา
โรคมะเร็งเป็นสาเหตุของการ เสียชีวิตของคนไทยเป็นอันดับหนึ่ง รองลงมาคือ อุบัติเหตุ และ โรคหัวใจ สำาหรับมะเร็งในสตรี
ไทย มะเร็งที่เป็นสาเหตุของการเสียชีวิตมากที่สดคือมะเร็งปากมดลูก จากรายงานของสำานักงานวิจัยมะเร็งนานาชาติพบว่า ใน
ุ
ปีพ.ศ. 2544 ประเทศไทยมีผู้ป่วยมะเร็งปากมดลูกรายใหม่ปีละ 6,192 ราย เสียชีวิต 3,166 ราย หรือประมาณร้อยละ 50 ถ้าคิด
คำานวณแล้วจะมีสตรีไทยเสียชีวิตจากมะเร็งปากมดลูกวันละเกือบ 9 รายมะเร็งปากมดลูกพบมากทีสุดในภาคเหนือของประเทศไ
่
ทยเมือเปรียบเทียบกับ ภูมิภาคอื่น ๆมะเร็งปากมดลูกเป็นมะเร็งที่สามารถป้องกันได้และสามารถตรวจคัดกรองหาความ ผิดปกติ
่
ได้ตั้งแต่ระยะก่อนมะเร็ง ซึ่งการรักษาได้ผลดี
สาเหตุของมะเร็งปากมดลูก
สาเหตุสำาคัญของมะเร็งปากมดลูกเท่าที่วิทยาการทางการแพทย์ตรวจพบได้ในปัจจุบันคือ
การ ติดเชือไวรัสฮิวแมนแพปพิลโลมาหรือเชือเอชพีวีบริเวณอวัยวะเพศ โดยเฉพาะบริเวณปากมดลูก ปัจจัยเสี่ยงที่ทำาให้มี
้ ้
โอกาสติดเชือไวรัสเอชพีวีหรือเป็นมะเร็งปากมดลูกได้ ง่ายขึ้น ได้แก่ การมีคู่นอนหลายคน การมีเพศสัมพันธ์เมื่ออายุน้อย หรือ
้
การตั้งครรภ์เมื่ออายุน้อย เป็นต้น ปัจจัยนอกจากนี้เป็นเพียงปัจจัยส่งเสริมหรือปัจจัยร่วมที่ทำาให้การติดเชือ เอชพีวีคืบหน้ารุนแร
้
งขึ้นจนเป็นมะเร็งปากมดลูก ปัจจัยร่วมเหล่านี้อาจกล่าวได้ว่าเป็นปัจจัยเสี่ยงของการเป็นมะเร็งปากมดลูก หรือทำาให้เป็นมะเร็ง
ปากมดลูกได้สูงขึ้น เมื่อเปรียบเทียบกับสตรีที่ไม่มีปจจัยเสี่ยง ปัจจัยเหล่านี้ได้แก่
ั
1. ปัจจัยเสี่ยงทางฝ่ายหญิง
- การมีคู่นอนหลายคน ความเสี่ยงสูงขึ้นตามจำานวนคู่นอนที่เพิ่มขึ้น
- การมีเพศสัมพันธ์เมื่ออายุน้อยกว่า 17 ปี ซึ่งเป็นช่วงที่มีการกลายรูปของเซลล์
ปากมดลูกมาก ช่วงนี้จะมีความไวต่อสารก่อมะเร็งสูงมากโดยเฉพาะเชื้อเอชพีวี
- การตั้งครรภ์และการคลอดลูก จำานวนครั้งของการคลอดลูกมากกว่า 4 ครั้ง มีความเสี่ยงต่อมะเร็งปากมดลูกสูง
ขึ้น 2 ? 3 เท่า
- มีประวัตการเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เช่น เริม ซิฟลิส และหนองใน เป็นต้น
ิ ิ
- การรับประทานยาคุมกำาเนิดเป็นเวลานาน ๆ ถ้านานกว่า 5 ปี และ 10 ปี จะมีความเสี่ยง
สูงขึ้น 1.3 เท่า และ 2.5 เท่า ตามลำาดับ
- ไม่เคยได้รับการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกมาก่อน
2. ปัจจัยเสี่ยงทางฝ่ายชาย เนื่องจากส่วนใหญ่ของการติดเชื้อเอชพีวีบริเวณอวัยวะเพศได้มาจากการมี
เพศสัมพันธ์ จึง กล่าวได้ว่ามะเร็งปากมดลูกเป็นมะเร็งที่เกี่ยวข้องกับการมีเพศสัมพันธ์ การมีเพศสัมพันธ์กับผู้ชา
ยที่มีเชื้อเอชพีวี (ซึ่งส่วนใหญ่ผู้ชายจะไม่มีอาการหรือตรวจไม่พบเชือ) แม้เพียงครั้งเดียวก็มีโอกาสติดเชือเอชพีวี
้ ้
และเป็นมะเร็งปากมดลูกได้ ปัจจัยเสี่ยงทางฝ่ายชายได้แก่
- สตรีที่มีสามีเป็นมะเร็งองคชาติ
- สตรีที่แต่งงานกับชายที่เคยมีภรรยาเป็นมะเร็งปากมดลูก
- ผู้ชายที่เคยเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์
- ผู้ชายที่มีประสบการณ์ทางเพศตั้งแต่อายุน้อย
- ผู้ชายที่มีคู่นอนหลายคน
3. ปัจจัยเสี่ยงอื่น ๆ ที่ส่งเสริมให้เป็นมะเร็งปากมดลูกได้ง่ายหรือเร็วขึ้นได้แก่
- การสูบบุหรี่
- ภาวะภูมิคุ้มกันตำ่า เช่น โรคเอดส์ และการได้รับยากดภูมิคุ้มกัน
- สตรีที่มีฐานะทางเศรษฐกิจและสังคมตำ่า
หน้า 6 / 9
- 7. อาการของมะเร็งปากมดลูก
อาการของผู้ป่วยมะเร็งปาก มดลูกจะมากหรือน้อยขึ้นกับระยะของมะเร็ง ในระยะแรกอาจไม่มอาการผิดปกติและตรวจพบจาก
ี
การตรวจคัดกรองหรือการตรวจด้วย กล้องขยายร่วมกับการตัดเนื้อ
ออกตรวจทางพยาธิวิทยา อาการที่อาจจะพบในผู้ป่วยมะเร็งปากมดลูกได้แก่
1. การตกเลือดทางช่องคลอด เป็นอาการที่พบได้มากที่สดประมาณร้อยละ 80 ? 90 ของผู้ป่วยที่มีอาการ
ุ
ลักษณะเลือดทีออกอาจจะเป็น
่
- เลือดออกกะปริบกะปรอยระหว่างรอบเดือน
- เลือดออกหลังมีเพศสัมพันธ์
- มีนำ้าออกปนเลือด
- ตกขาวปนเลือด
- เลือดออกหลังวัยหมดประจำาเดือน
2. อาการในระยะหลังเมื่อมะเร็งลุกลามมากขึ้น ได้แก่
- ขาบวม
- ปวดหลังรุนแรง ปวดก้นกบและต้นขา
- ปัสสาวะเป็นเลือด
- ถ่ายอุจจาระเป็นเลือด
ระยะของมะเร็งปากมดลูก
แบ่งออกได้เป็น 2 ระยะใหญ่ ๆ คือ
1. ระยะก่อนมะเร็งหรือระยะก่อนลุกลาม ระยะนี้เซลล์มะเร็งยังอยู่ภายในชั้นเยื่อบุผิว
ปาก มดลูก ไม่ลุกลามเข้าไปในเนื้อปากมดลูก ผู้ป่วยจะไม่มอาการผิดปกติเลย แต่ตรวจพบได้จากการตรวจคัด
ี
กรองโดยการตรวจทางเซลล์วิทยาของปากมดลูกที่เรียก ว่า ?แพปสเมียร์?
2. ระยะลุกลาม แบ่งออกเป็น 4 ระยะย่อย คือ
- ระยะที่ 1 มะเร็งลุกลามอยู่ภายในปากมดลูก
- ระยะที่ 2 มะเร็งลุกลามไปที่เนือเยื่อข้างปากมดลูก และ / หรือผนังช่องคลอดส่วน
้
บน
- ระยะที่ 3 มะเร็งลุกลามไปทีด้านข้างของเชิงกราน และ / หรือผนังช่องคลอดส่วนล่าง หรือกดท่อไตจนเกิดภา
่
วะไตบวมนำ้า
- ระยะที่ 4 มะเร็งลุกลามไปทีกระเพาะปัสสาวะ ไส้ตรง หรืออวัยวะอื่น ๆ เช่น ปอด กระดูก และต่อมนำ้าเหลืองนอ
่
กเชิงกราน เป็นต้น
หน้า 7 / 9
- 8. การวินิจฉัยมะเร็งปากมดลูก
วิธีการวินิจฉัยมะเร็งปากมดลูก ได้แก่
1. การตรวจภายใน พบก้อนมะเร็งปากมดลูกชัดเจน ต้องตรวจยืนยันโดยการตัดเนื้อออกตรวจทางพยาธิวิทยา
2. การตรวจทางเซลล์วิทยา หรือ ?แพปสเมียร์? ตรวจพบเซลล์มะเร็งซึ่งต้องสืบค้นต่อโดยการตรวจภายในและการตรวจด้วย
กล้องขยาย เพือตรวจหาบริเวณที่ผิดปกติที่จะทำาการตัดเนือออกตรวจทางพยาธิวิทยา
่ ้
3. การตรวจด้วยกล้องขยายหรือคอลโปสโคปร่วมกับการตัดเนื้อออกตรวจทางพยาธิวิทยา
4. การตรวจอื่น ๆ ทีอาจช่วยในการวินิจฉัยมะเร็งปากมดลูก ได้แก่
่
- การขูดภายในปากมดลูก
- การตัดปากมดลูกด้วยห่วงไฟฟ้า
- การตัดปากมดลูกออกเป็นรูปกรวยด้วยมีด
การรักษามะเร็งปากมดลูก
วิธีการรักษามะเร็งปากมดลูกขึ้นกับระยะของ มะเร็งปากมดลูก ความต้องการธำารงภาวะเจริญพันธุ์ และโรคทางนรีเวชที่เป็นร่วม
ด้วย แบ่งวิธีการรักษามะเร็งปากมดลูกตามระยะของมะเร็งได้ดังนี้
1. ระยะก่อนมะเร็งหรือระยะก่อนลุกลาม รักษาได้หลายวิธีได้แก่
- การตรวจติดตามอย่างใกล้ชิด โดยการตรวจภายใน การทำาแพปสเมียร์ และการตรวจด้วยกล้องขยาย ทุก 4 ? 6 เดือน รอยโร
คขั้นตำ่าบางชนิดสามารถหายไปได้เองภายใน 1 ? 2 ปี ภายหลังการตัดเนื้อออกตรวจ
- การตัดปากมดลูกด้วยห่วงไฟฟ้า
- การจี้ปากมดลูกด้วยความเย็น
- การจี้ด้วยเลเซอร์
- การตัดปากมดลูกออกเป็นรูปกรวยด้วยมีด
รอย โรคในระยะก่อนมะเร็งหรือระยะก่อนลุกลามสามารถรักษาให้หายได้โดยไม่จำาเป็น ต้องตัดมดลูกออก เพราะมีผลการรักษา
ไม่แตกต่างกันอย่างมีนัยสำาคัญ
2. ระยะลุกลาม การเลือกวิธีรักษาขึ้นกับโรคประจำาตัวของผู้ป่วย ระยะของมะเร็ง และความพร้อมของโรงพยาบาลหรือแพทย์ผู้
ดูแลรักษา
- ระยะที่ 1 และระยะที่ 2 บางราย รักษาโดยการตัดมดลูกออกแบบกว้างร่วมกับการเลาะต่อมนำ้าเหลืองเชิงกรานออก
- ระยะที่ 2 ถึง ระยะที่ 4 รักษาโดยการฉายรังสีร่วมกับการให้ยาเคมีบำาบัด
การพยากรณ์โรค
การพยากรณ์โรค
ผลการรักษามะเร็งปากมดลูกในปัจจุบันได้ผลดีมากกว่าในสมัยก่อน โดยเฉพาะในระยะก่อนมะเร็งและระยะลุกลามเริ่มแรก
1. ระยะก่อนมะเร็งหรือระยะก่อนลุกลาม รักษาได้ผลดีเกือบร้อยละ 100
2. ระยะลุกลาม
- ระยะที่ 1 มีอตราการอยู่รอด 5 ปี ร้อยละ 80 ? 95
ั
- ระยะที่ 2 มีอตราการอยู่รอด 5 ปี ร้อยละ 60 ? 70
ั
- ระยะที่ 3 มีอตราการอยู่รอด 5 ปี ร้อยละ 40 ? 50
ั
- ระยะที่ 4 มีอตราการอยู่รอด 5 ปี ร้อยละ 10 ? 20
ั
หน้า 8 / 9
- 9. การป้องกันมะเร็งปากมดลูก
การป้องกันมะเร็งปากมดลูก แบ่งออกเป็น 3 ระดับ คือ
1. การป้องกันปฐมภูมิิ คือ การป้องกันโดยการหลีกเลี่ยงการได้รับสารก่อมะเร็ง การลดหรือขจัดสาเหตุหรือ
ปัจจัยเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับมะเร็งปากมดลูก หรือการทำาให้ร่างกายสามารถต่อต้านสาร
ก่อมะเร็ง การป้องกันปฐมภูมิสำาหรับมะเร็งปากมดลูกได้แก่
- การหลีกเลี่ยงการมีคู่นอนหลายคน
- การหลีกเลี่ยงการมีเพศสัมพันธ์เมื่ออายุน้อย
- การคุมกำาเนิดโดยใช้ถุงยางอนามัย
- การหลีกเลี่ยงการเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ โดยเฉพาะการติดเชือเอชพีวี้
- การงดสูบบุหรี่
- การฉีดวัคซีนป้องกันการติดเชือเอชพีวี จะมีการนำามาใช้ในอนาคต
้
2. การป้องกันทุติยภูมิิ คือ การค้นหามะเร็งในระยะแรกเริ่มซึ่งการรักษาได้ผลดีสำาหรับมะเร็งปากมดลูกแล้ว ส
ามารถตรวจคัดกรองได้โดย
2.1 การทดสอบแพปหรือแพปสเมียร์ ซึ่งมี 2 วิธีคือ
- แบบสามัญ มีความไวของการตรวจร้อยละ 50 ? 60
- แบบแผ่นบาง มีความไวของการตรวจร้อยละ 70 ? 85
2.2 การตรวจหาเชื้อเอชพีวี มีความไวสูงถึงร้อยละ 95 ? 100 ความก้าวหน้าทางการแพทย์ในปัจจุบันสามารถตร
วจหาเชื้อชนิดก่อมะเร็งได้แล้ว แต่ยังมีค่าใช้จ่ายสูงอยู่ในประเทศไทย
3. การป้องกันตติยภูมิิ คือ การรักษาโรคมะเร็ง มีจดมุ่งหมายเพื่อให้ผู้ป่วยหายจากโรคมะเร็ง มีชีวิตรอดยาวน
ุ
าน และมีคุณภาพชีวิตทีดี ่
สรุป
มะเร็ง ปากมดลูกเป็นมะเร็งทีพบมากที่สดของมะเร็งในสตรีไทย โดยมีผู้ป่วยรายใหม่ปีละประมาณ 6,000 ราย พ
่ ุ
บมากในภาคเหนือของประเทศไทย สาเหตุของมะเร็งปากมดลูกเกิดจากการ
ติดเชือเอชพีวีชนิดทีก่อให้เกิดมะเร็ง ซึ่งเกี่ยวข้องกับการมีเพศสัมพันธ์ มะเร็งปากมดลูกสามารถ
้ ่
ตรวจ พบได้ตั้งแต่ระยะก่อนมะเร็งโดยการทำาแพปสเมียร์ ซึ่งการรักษาได้ผลดีมาก อาการทีพบมากที่สดของผู้ป่ว
่ ุ
ยมะเร็งปากมดลูกระยะลุกลามคือ การตกเลือดทางช่องคลอด วิธีการรักษาขึ้นกับระยะของมะเร็งปากมดลูก ในระ
ยะก่อนมะเร็งหรือระยะก่อนลุกลามสามารถรักษาได้หลายวิธีโดยไม่จำาเป็นต้อง ตัดมดลูกออก ในระยะลุกลามสาม
ารถรักษาด้วยการผ่าตัด การฉายรังสี และเคมีบำาบัด มะเร็งปากมดลูกสามารถป้องกันได้โดยการหลีกเลี่ยงปัจจัยเ
สี่ยงต่าง ๆ และการตรวจคัดกรองอย่างสมำ่าเสมออย่างน้อยทุก ๆ 1 ปี
หน้า 9 / 9