More Related Content
Similar to เทคโนโลยีสารสนเทศ
Similar to เทคโนโลยีสารสนเทศ (20)
เทคโนโลยีสารสนเทศ
- 1. เทคโนโลยีสารสนเทศ
1.1 บทบาทความสาคัญของเทคโนโลยีสารสนเทศ
การเปลี่ ย นแปลงสั ง คมความเป็ นอยู่ ข องมนุ ษ ย์เ ป็ นไปอย่ า งรวดเร็ ว กล่ า วกัน ว่ า ได้เ กิ ด การ
เปลี่ ย นแปลงในลัก ษณะที่ เ รี ย กว่า การปฏิ ว ติ ม าแล้ว สองครั้ ง ครั้ งแรกเกิ ด จากที่ ม นุ ษ ย์รู้ จ ัก ใช้ร ะบบ
ั
ชลประทานเพื่อการเพาะปลู ก สังคมความเป็ นอยู่ของมนุ ษย์จึงเปลี่ ยนจากการเร่ ร่อนมาเป็ นการตั้งหลัก
แหล่งเพื่อทาการเกษตร ต่อมาเมื่อประมาณร้ อยกว่าปี ที่แล้ว ก่อนสงครามโลกครั้งที่ 1 หลังจากที่ เจมส์
วัตต์ ( James Watt ) ประดิษฐ์เครื่ องจักรไอน้ า มนุ ษย์รู้จกนาเอาเครื่ องจักรมาช่วยในอุตสาหกรรมการผลิต
ั
และช่วยในการสร้างยานพาหนะเพื่องานคมนาคมขนส่ ง ผลที่ตามมาทาให้เกิดการปฏิวติทางอุตสาหกรรม
ั
่
สังคมความเป็ นอยูของมนุษย์จึงเปลี่ยนจากสังคมเกษตรมาเป็ นสังคมเมือง
การปฏิวติอุตสาหกรรมยุคแรก เริ่ มจากการใช้เครื่ องจักรกลแทนการทางานด้วยมือพลังงานที่ใช้
ั
ขับเคลื่อนเครื่ องจักรมาจากพลังงานน้ า พลังงานไอน้ า และเปลี่ยนเป็ นพลังงานจากน้ ามัน มีการขับเคลื่อน
เครื่ องยนต์และมอเตอร์ ไฟฟ้ า การปฏิวติอุตสาหกรรมได้เกิ ดขึ้นอีกโดยเปลี่ยนแปลงระบบทางานจากทีละ
ั
ขั้นตอนมาเป็ นการทางานระบบอัตโนมัติ การทางานเหล่านี้ ล้วนแต่อาศัยระบบควบคุ มด้วยคอมพิวเตอร์
ทั้งสิ้ น
มีผกล่าวว่าการปฏิวติครั้งที่สามกาลังจะเกิ ดขึ้น โดยสิ่ งที่เกิดขึ้นใหม่น้ ี ได้แก่ การพัฒนาทางด้าน
ู้ ั
ความคิด การตัดสิ นใจ โดยอาศัยหลักการของคอมพิวเตอร์ ในอนาคตกลุ่มคนเพียงกลุ่มเดี ยวอาจทางาน
ทั้งหมดโดยอาศัยระบบคอมพิวเตอร์ ควบคุ ม ทาการควบคุมหุ่ นยนต์คอมพิวเตอร์ และให้หุ่นยนต์ควบคม
การทางานของเครื่ องจักรอีกต่อหนึ่ ง ความเจริ ญก้าวหน้าทางอุตสาหกรรมเกือบทุกแขนงมีคอมพิวเตอร์ เข้า
มาเกี่ยวข้องด้วยเสมอ ระบบการผลิตส่ วนใหญ่ตองใช้คอมพิวเตอร์ และอิเล็กทรอนิ กส์ แทรกเข้ามาเกือบทุก
้
กระบวนการ ตั้งแต่การควบคุม การขนส่ งวัตถุดิบ กระบวนการผลิต และการบรรจุหีบห่อ
ในระดับประเทศ ประเทศไทยสั่งซื้ อสิ นค้าเทคโนโลยีระดับสู งเป็ นปริ มาณมาก ทาให้ตองซื้ อ
้
เทคนิควิธีการ ตลอดจนเครื่ องมือเครื่ องจักรเข้ามาในปริ มาณมากไปด้วย ขณะเดียวกันเรายังขาดบุคลากรที่
จะพัฒนาเครื่ องจักรเครื่ องมือเหล่านั้นให้มีประสิ ทธิ ภาพ การสู ญเสี ยเงินตราเนื่ องจากสาเหตุน้ ี จึงเกิดขึ้นมิใช่
น้อย หลายโรงงานจึงไม่กล้าใช้เครื่ องจักรที่ใช้เทคโนโลยีใหม่ เพราะหาบุคลากรในการดาเนิ นการได้ยาก
่
แต่ในระยะหลังค่าจ้างแรงงานสู งขึ้นและการแข่งขันทางธุ รกิจมีมากขึ้น จึงตกอยูในสภาวะจายอมที่ตองนา
้
เครื่ องมือเหล่านั้นเข้ามา เนื่องจากเครื่ องมือดังกล่าวให้ผลผลิตที่ดีกว่าของเดิมและทาให้ราคาต้นทุนการผลิต
สิ นค้าต่าลงอีกด้วย
- 2. ในยุค วิกฤตการณพลัง งาน หลายประเทศพยายามลดการใช้พ ลังงาน โรงงานพยายามหาทาง
ควบคุ มการใช้พลังงาน ให้มีประสิ ทธิ ภาพสู งสุ ดเพื่อจะลดค่าใช้จ่ายลง จึงนาคอมพิวเตอร์ มาช่วยควบคุ ม
เช่ น ควบคุ มการเดิ นเครื่ องให้เหมาะสม ควบคุ มปริ มาณการเผาไหม้ของเครื่ องจักรในกระบวนการผลิ ต
ควบคุมการจัดภาระงานให้เหมาะสม รวมถึงการควบคุมสิ่ งแวดล้อมต่างๆด้วย
เมื่อคอมพิวเตอร์ เข้ามาเกี่ยวข้องกับการดาเนิ นชี วิตของมนุ ษย์มากขึ้น ก็ไดมีการพัฒนางานทางด้าน
เทคโนโลยีสารสนเทศ และในปั จจุบนเทคโนโลยีสารสนเทศได้เข้ามามีบทบาทต่อชีวตประจาวันของมนุ ษย์
ั ิ
มากขึ้น สังเกตได้จากการนาคอมพิวเตอร์ ส่วนบุคคลมาใช้ในสานักงาน การจัดทาระบบฐานข้อมูลขนาด
ใหญ่ การใช้อุป กรณ์ อานวยความสะดวกที่ ป ระกอบด้วยชิ้ นส่ วนอิ เล็ ก ทรอนิ ก ส์ แสดงว่า เทคโนโลยี
สารสนเทศเพื่อการคานวณและเก็บข้อมูลได้แพร่ ไปทัวทุกแห่ ง เทคโนโลยีสารสนเทศมีบทบาทสาคัญต่อ
่
การแข่งขันด้านธุ รกิจและการขยายตัวของบริ ษท ส่ งผลต่อการให้บริ การขององค์กรและหน่วยงาน และมี
ั
ผลต่อการประกอบกิจการในแต่ละวัน
เทคโนโลยีสารสนเทศเริ่ มใช้งานในประเทศไทยเมื่อไม่นานมานี้ เอง โดยในปี พ.ศ.2507 มีการนา
คอมพิวเตอร์ เช้ามาใช้ในประเทศไทยเป็ นครั้งแรก และในขณะนั้นเทคโนโลยีสารสนเทศยังไม่แพร่ หลายนัก
จะมี เพีย งการใช้โทรศัพท์เพื่ อการติ ดต่อสื่ อสารและนาคอมพิ วเตอร์ ม าช่ วยประมวลผลข้อมูล งานด้า น
สารสนเทศอื่นๆ ส่ วยใหญ่ยงคงเป็ นงานภายในสานักงานที่ยงไม่มีอุปกรณ์และเครื่ องมือด้านเทคโนโลยีมา
ั ั
ช่วยงานเท่าใดนัก
เมื่ อมี ก ารประดิ ษ ฐ์คิ ดค้นอุ ป กรณ์ ช่ วยงานสารสนเทศ เช่ น เครื่ องถ่ า ยเอกสาร โทรสาร และ
ไมโครคอมพิวเตอร์ อาชีพของประชากรก็ปรับเปลี่ยนมาสู่ งานด้านสารสนเทศมากขึ้นสานักงานเป็ นแหล่งที่
มีการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศมากที่สุด เช่น การใช้คอมพิวเตอร์ ทาบัญชี เงินเดือนและบัญชี รายรับรายจ่าย
การติดต่อสื่ อสารภายในและภายนอกโดยใช้โทรศัพท์และโทรสาร การจัดเตรี ยมเอกสารด้วยการใช้เครื่ อง
ถ่ายเอกสารและคอมพิวเตอร์
งานด้านสารสนเทศมีแนวโน้มขยายตัวที่ค่อนข้างสดใส เพราะเทคโนโลยีดานนี้ ได้รับการส่ งเสริ ม
้
สนับสนุนอย่างเต็มที่ มีการวิจยและพัฒนาให้เกิดผลิตภัณฑ์ใหม่ออกมาตอบสนองความต้องการของมนุษย์
ั
่
อยูตลอดเวลา
เทคโนโลยีที่ใช้ในระบบสารสนเทศที่กาลังได้รับความสนใจอย่างมากในขณะนี้ คือเทคโนโลยีสื่อ
ประสม ( multimedia ) ซึ่ งรวมข้อความ ภาพ เสี ยงและวีดิทศน์เข้ามาผสมกันเทคโนโลยีน้ ี กาลังได้รับการ
ั
้
พัฒนา ในอนาคตเทคโนโลยีแบบสื่ อประสมจะช่วยเสริ มและสนับสนุ นด้านสารสนเทศให้กาวหน้าต่อไป
เป็ นที่คาดหมายว่าอัตราการเติบโตของผูทางานด้านเทคโนโลยีสารสนเทศจะมีมากขึ้น
้
- 3. แนวโน้มของเทคโนโลยีสารสนเทศค่อยๆ กลายมาเป็ นระบบรวม โดยให้คอมพิวเตอร์ ระบบหนึ่ ง
ทางานพร้ อมกันได้หลายๆอย่าง นอกจากใช้ประมวลผลข้อมูลด้านบัญชีแล้ว ยังใช้งานจัดเตรี ยมเอกสาร
แทนเครื่ องพิมพ์ดีด ใช้รับส่ งข้อความหรื อจดหมายกับคอมพิวเตอร์ ที่อยูห่างไกล ซึ่ งอาจอยูคนละซี กโลกใน
่ ่
ลักษณะที่เรี ยกว่า ไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์ ( electronic mail หรื อ e-mail ) สาหรับเครื่ องถ่ายเอกสาร
นอกจากจะใช้ถ่ายสาเนาเอกสารตามปกติแล้ว อาจเพิมขีดความสามารถให้ใช้งานเป็ นเครื่ องพิมพ์หรื อรับส่ ง
่
โทรสารได้อีกด้วย
การพัฒ นาทางเทคโนโลยี ส ารสนเทศเป็ นไปอย่ า งรวดเร็ ว ทั้ง ด้า นฮาร์ ด แวร์ ( hardware )
ซอฟต์แวร์ ( Software ) ข้อมูล ( data ) และการติ ดต่อสื่ อสาร ( communication ) ผูใ ช้จึงต้องปรับตัว
้
ยอมรับและเรี ยนรู้เทคโนโลยีใหม่ที่เกิ ดขึ้นอยู่เสมอ โดยเฉพาะข้อมูลและการติดต่อสื่ อสารซึ่ งเป็ นหัวใจ
สาคัญของการดาเนิ นธุ รกิจ หากการดาเนิ นงานธุ รกิจใช้ขอมูลซึ่ งมีการบันทึกใส่ กระดาษและเก็บรวบรวม
้
ใส่ แฟ้ ม การเรี ยกค้นและสรุ ปผลข้อมูลย่อมทาได้ชาและเกิดความผิดพลาดได้ง่ายกว่าการประมวลผลข้อมูล
้
ด้วยเครื่ องคอมพิวเตอร์ เทคโนโลยีสารสนเทศจะช่ วยให้ทางานได้ง่าย สะดวก รวดเร็ วและถูกต้องขึ้ น
และที่สาคัญช่วยให้สามารถตัดสิ นใจดาเนินงานได้เร็ ว
1.2 ขอบเขตของเทคโนโลยีสารสนเทศ
คาว่า เทคโนโลยี ( technology ) หมายถึงการประยุกต์เอาความรู้ทางด้านวิทยาศาสตร์ ความจริ ง
เกี่ ยวกับธรรมชาติและสิ่ งแวดล้อม มาทาให้เกิ ดประโยชน์ต่อมวลมนุ ษย์ เทคโนโลยีจึงเป็ นวิธีการในการ
สร้างมูลค่าเพิ่มของสิ่ งต่างๆ ให้เกิดประโยชน์มากยิ่งขึ้น เช่น ทราย หรื อซิ ลิคอน ( silicon ) เป็ นสารแร่ ที่
พบเห็นทัวไปตามชายหาด หากนามาสกัดด้วยเทคนิ ควิธีการสร้างเป็ นชิ ป ( chip ) จะทาให้สารแร่ ซิลิคอน
่
นั้นมีคุณค่าและมูลค่าเพิ่มขึ้นได้อีกมาก
สาหรับสารสนเทศ ( information ) หมายถึง ข้อมูลที่เป็ นเรื่ องเกี่ยวข้องกับความจริ งของ คน สัตว์
สิ่ งของ ทั้งที่เป็ นรู ปธรรมและนามธรรม ที่ได้รับการจัดเก็บรวบรวม ประมวลผลเรี ยกค้น และสื่ อสาร
ระหว่างกัน นามาใช้ให้เกิดประโยชน์ได้ ซึ่ งนักเรี ยนจะได้เรี ยนเพิ่มเติมต่อไป
้
เทคโนโลยีสารสนเทศ ( Information Technology : IT ) หมายถึ ง การนาวิทยาการที่กาวหน้า
ั
ทางด้านคอมพิวเตอร์ และการสื่ อสารมาสร้างมูลค่าเพิ่มให้กบสารสนเทศ ทาให้สารสนเทศมีประโยชน์และ
ใช้งานได้กว้างขวางมากขึ้น เทคโนโลยีสารสนเทศรวมถึ งการใช้ เทคโนโลยีดานต่างๆ ในการรวบรวม
้
จัดเก็ บ ใช้ง าน ส่ งต่ อ หรื อสื่ อสารระหว่า งกัน เทคโนโลยีส ารสนเทศเกี่ ย วข้องโดยตรงกับ เครื่ องมื อ
เครื่ อ งใช้ใ นการจัด การสารสนเทศ ได้แ ก่ เครื่ องคอมพิ ว เตอร์ แ ละอุ ป กรณ์ ร อบข้า ง ขั้น ตอนวิ ธี ก าร
- 4. ดาเนิ นการซึ่ งเกี่ ยวข้องกับซอฟต์แวร์ เกี่ ยวข้องกับข้อมูล บุ คลากร และกรรมวิธีการดาเนิ นงานเพื่อให้
ข้อมูลเกิดประโยชน์สูงสุ ด
เทคโนโลยีสารสนเทศจึงเป็ นเทคโนโลยีที่ครอบคลุมเรื่ องเกี่ยวกับการประมวลผลข้อมูล ซึ่ งได้แก่
การใช้เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ การติ ดต่อสื่ อสารระหว่างกันด้วยความรวดเร็ วการจัดการข้อมูล รวมถึ ง
วิธีการที่จะใช้ขอมูลให้เกิดประโยชน์สูงสุ ด
้
1.3 ความก้าวหน้ าของเทคโนโลยีสารสนเทศ
ในภาวะสังคมปัจจุบน หลายสิ่ งหลายอย่างที่เกิดขึ้นรอบตัวเป็ นตัวชี้ บอกว่า ประเทศไทยกาลังก้าว
ั
สู่ ยุค สารสนเทศ ดัง จะเห็ นได้จ ากวงการศึ ก ษาสนใจให้ค วามรู ้ ด้า นคอมพิ วเตอร์ และส่ ง เสริ ม การน า
เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ มาประยุกต์งานต่างๆ มากขึ้น การบริ หารธุ รกิจของบริ ษทห้างร้านต่างๆ ตลอดจน
ั
หน่ วยงานของรัฐบาลและรั ฐวิสาหกิ จมีการพัฒนาระบบสารสนเทศเพื่อใช้ในองค์กร ด้วยการเก็บข้อมูล
ประมวลผลและวิเคราะห์ขอมูล แล้วนาผลลัพธ์มาช่วยในการวางแผนและตัดสิ นใจ
้
ระยะเริ่ มแรกที่มนุ ษย์ได้คิดค้นประดิ ษฐ์คอมพิวเตอร์ ที่มีลกษณะเป็ นเครื่ องคานวณอิเล็กทรอนิ กส์
ั
คอมพิวเตอร์ ได้ถูกใช้ทางานด้านการคานวณทางวิทยาศาสตร์ เป็ นส่ วนใหญ่แล้วจึงนามาใช้เก็บรวบรวมและ
ประมวลผลข้อมูลทางด้านธุ รกิ จในเวลาต่อมา ระยะแรกนี้ เรี ยกว่าระยะของการประมวลผลข้อมูล ( data
processing age )
ข้อมูลที่ได้มาจะต้องผ่านการประมวลผลให้ได้เป็ นสารสนเทศก่อน จึงนาไปใช้ให้เกิ ดประโยชน์
วิธีการประมวลผลข้อมูลจะเริ่ มตังแต่การรวบรวมจัดเก็บข้อมูล เมื่อได้ขอมูลแล้วต้องมีการตรวจสอบความ
่ ้
ถู ก ต้อง แบ่ ง กลุ่ ม จัด ประเภทของข้อมู ล เช่ น ข้อมู ล ตัว อัก ษรซึ่ ง เป็ นชื่ อหรื อ ข้อ ความก็ อาจต้อ งมี ก าร
เรี ยงลาดับ และข้อมูลตัวเลขอาจต้องมีการคานวณ จากนั้นจึงทาสรุ ปได้เป็ นสารสนเทศ
ถ้าข้อมูลที่นามาประมวลผลมีจานวนมากจนเกินความสามารถของมนุ ษย์ท่ีจะจัดการได้ในเวลาอัน
่
สั้น ก็จะเป็ นจะต้องนาคอมพิวเตอร์ มาช่วยเก็บและประมวลผลเมื่อข้อมูลอยูภายในคอมพิวเตอร์ การแก้ไข
หรื อเรี ยกค้นสามารถทาได้สะดวกและรวดเร็ วขณะเดี ยวกันการทาสาเนาและการแจกจ่ายข้อมูล ก็สามารถ
ดาเนินการได้ทนที
ั
งานที่ เกิ ดขึ้ นจากการประมวลผลข้อมูลมักเก็บในลักษณะแฟ้ มข้อมูล ตัวอย่างเช่ น การทาบัญชี
เงินเดือนของพนักงานบริ ษท ข้อมูลเงินเดือนของพนักงานที่เก็บในคอมพิวเตอร์ จะรวมกันเป็ นแฟ้ มข้อมูลที่
ั
ประกอบด้วยชื่อพนักงาน เงินเดือน และข้อมูลสาคัญอื่นๆ โปรแกรมคอมพิวเตอร์ จะเรี ยกแฟ้ มเงินเดือนมา
ประมวลผลและสรุ ปยอด ขั้นตอนการท างานจะต้องท าพร้ อมกันที เดี ย วทั้ง แฟ้ มข้อมู ล ที่ เรี ย กว่า การ
ประมวลผลแบบกลุ่ม ( batch processing )
- 5. แต่เนื่องจากระบบงานที่เกิดขึ้นภายในองค์กรค่อนข้างซับซ้อน เช่น รายได้ของพนักงานที่ได้รับใน
แต่ละเดื อน อาจไม่ได้มาจากอัตราเงิ นเดือนประจาเท่านั้น แต่อาจมีค่านายหน้าจากการขายสิ นค้าด้วย ใน
ั ั
ลักษณะนี้แฟ้ มข้อมูลการขาย จะสัมพันธ์กบแฟ้ มข้อมูลเงินเดือน และสัมพันธ์กบแฟ้ มข้อมูลอื่นๆ เช่น ค่า
สวัสดิการ การหักเงินเดือนเป็ นค่าใช้จ่ายต่างๆระบบข้อมูลจะกลายเป็ นระบบที่มีแฟ้ มข้อมูลหลายแฟ้ มเชื่ อม
ั
สัมพันธ์กน และโปรแกรมคอมพิวเตอร์ เรี ยกแฟ้ มข้อมูลเหล่านั้นมาจัดการให้เป็ นไปตามที่ตองการ ระบบนี่
้
เรี ยกว่า ระบบฐานข้อมูล ( database system )
การจัดการข้อมูล ที่ เป็ นฐานข้อมูล จะเป็ นระบบสารสนเทศที่ มีประโยชน์ซ่ ึ งนาไปช่ วยงานด้า น
ต่างๆ อย่างได้ผล ระบบข้อมูลที่สร้ างเพื่อใช้ในบริ ษทจะเป็ นระบบฐานข้อมูลของกิจกรรมที่เกิดขึ้น เพื่อ
ั
แสดงสารสนเทศที่เป็ นจริ งของบริ ษท สามารถนาข้อเท็จจริ งนั้นไปวิเคราะห์และนาผลลัพธ์ไปประกอบการ
ั
ตัดสิ นใจของผูบริ หาร เพื่อการวางแผนและกาหนดนโยบายการจัดการต่างๆ
้
ในปั จจุบนการนาคอมพิวเตอร์ ไปใช้งานของประเทศต่างๆ ทัวโลก อยู่ท่ีการใช้สารสนเทศเป็ น
ั ่
ส่ วนใหญ่ แนวโน้มขงระบบการจัดการข้อมูลของยุคนี้ เริ่ มจากเปลี่ยนระบบงานการประมวลผลแบบกลุ่ม
มาเป็ นระบบตอบสนองทันที ที่เรี ยกว่า การประมวลผลแบบกลุ่มมาเป็ นระบบตอบสนองทันที ที่เรี ยกว่า
การประมวลผลแบบเชื่ อมตรง ( online processing ) เช่ น การฝากถอนเงิ นของธนาคารต่างๆ ผ่าน
เครื่ องรับ-จ่ายเงินอัตโนมัติ หรื อระบบเอทีเอ็ม ( Automatic Teller Machine : ATM )
ขณะที่ ป ระเทศต่ า งๆ ยัง อยู่ ใ นยุ ค ของการประมวลผลสารสนเทศ ในบางประเทศ เช่ น
สหรัฐอเมริ กา และญี่ปุ่น ได้พฒนาเข้าสู่ การประมวลผลฐานความรู ้ ( knowledge-base processing ) โดย
ั
ให้คอมพิวเตอร์ ใช้ง่าย รู ้จกตอบสนองกับผูใช้ และสามารถแก้ปัญหาที่ตองอาศัยการตัดสิ นใจระดับสู ง ด้วย
ั ้ ้
การเก็บสะสมฐานความรู ้ไว้ในคอมพิวเตอร์ และมีโครงสร้างการให้เหตุผล เพื่อนาความรู ้มาช่วยแก้ปัญหา
ที่สลับซับซ้อน
การประมวลผลฐานความรู้เป็ นการประยุกต์หลักวิชาด้านปั ญญาประดิษฐ์ ( Artificial Intelligence
: AI ) ที่ รวบรวมศาสตร์ หลานแขนง คื อ คอมพิวเตอร์ จิตวิทยา ปรัชญา และภาษาศาสตร์ เข้าด้วยกัน
ตัวอย่างชิ้ นงานประเภทนี้ ได้แก่ หุ่ นยนต์ ( robot ) และระบบผูเ้ ชี่ ยวชาญ ( expert system ) ปั จจุบนมี
ั
ซอฟต์แวร์ ที่ เป็ นระบบผูเ้ ชี่ ยวชาญช่ วยในการวินิจฉัยโรคต่ างๆ การสารวจทรั พ ยากรธรรมชาติ และการ
ู้ ื
อนุมติให้กยมเงิน
ั
1.4 ประโยชน์ ทได้ จากเทคโนโลยีสารสนเทศ
ี่
ชี วิตความเป็ นอยูในปั จจุบนเกี่ยวข้องกับสารสนเทศต่างๆ มากมาย การอยู่รวมกันเป็ นสังคมทาให้
่ ั
มนุ ษย์ตองสื่ อสารถึ งกัน ต้องติดต่อและทางานหลายสิ่ งหลายอย่างรวมกัน สมองของราต้องจดจาสิ่ งต่างๆ
้
- 6. ไว้มากมาย ต้องจดจารายชื่ อผูที่เราเกี่ ยวข้องด้วย จดจาข้อมูลต่างๆไว้ใช้ประโยชน์ในภายหลัง สังคมจึ ง
้
ต้องการความเป็ นระบบที่มีรูปแบบชัดเจน เช่น การกาหนดเลขที่บาน ถนน อาเภอ จังหวัด ทาให้สามารถ
้
ติดต่อส่ งจดหมายถึงกันได้ ที่อยูจึงเป็ นสารสนเทศอย่างหนึ่งที่ใช้งานกันอยู่
่
เพื่อให้สารสนเทศที่เกี่ ยวข้องกับมนุ ษย์เป็ นระบบมากขึ้น จึงมรการจัดการสารสนเทศเหล่านั้นใน
ลักษณะเชิงระบบ เช่น ระบบทะเบียนราษฎร์ มีการใช้เลขประจาตัวประชาชนซึ่ งประกอบด้วยเลขรหัส 13
ตัว แต่ละตัวจะมีความหมายเพื่อใช้ในการตรวจสอบ
การเข้ารับการตรวจรักษาในโรงพยาบาลก็ตองมีการลงทะเบียน การสร้างเวชระเบียนระบบเสี ยภาษี
้
ก็มีการสร้างรหัสประจาตัวผูเ้ สี ยภาษี นอกจากนี้ มีการจดทะเบียนรถยนต์ทะเบียนการค้า ทะเบียนโรงงาน
ฯลฯ
การใช้สารสนเทศเกี่ ยวข้องกับทุกคน การเรี ยนรู ้ เกี่ ยวกับเทคโนโลยีสารสนเทศจึ งมีความจาเป็ น
ปั จจุบนเราซื้ อสิ นค้าด้วยบัตรเครดิต เบิกเงินด้วยบัตรเอทีเอ็ม โอนย้ายข้อมูลในลักษณะอิเล็กทรอนิกส์
ั
เทคโนโลยีสารสนเทศจึงเป็ นเทคโนโลยีแห่ งศตวรรษนี้ ที่ใช้ในการจัดเก็บรวบรวมข้อมูล ข้อมูล
่
จานวนมากได้รับการบันทึกไว้ในสื่ อกลางที่สามารถนากลับมาใช้ได้ เช่ น อยูในแถบบันทึก แผ่นบันทึก
แผ่นซี ดีรอม ดังจะเห็นเอกสารหรื อหนังสื อบรรจุในแผ่นซี ดีรอม ซึ่ งอาจเก็บหนังสื อทั้งตูไว้ในแผ่นซี ดีรอม
้
เพียงแผ่นเดียว
การสื่ อสารข้อมูลที่เห็ นเด่นชัดขณะนี้ และมีบทบาทมากอย่างหนึ่ ง คือ ไปรษณี ยอิเล็กทรอนิ กส์
์
้ ั่ ่
หรื อการส่ งข้อความถึงกันผ่านเครื อข่ายคอมพิวเตอร์ กล่าวคือ ผูใช้นงอยูหน้าจอคอมพิวเตอร์ พิมพ์ขอความ
้
เป็ นจดหมายหรื อ เอกสาร พิ ม พ์เ ลขที่ อ ยู่ ข องไปรษณี ย ์อิ เ ล็ ก ทรอนิ ก ส์ ข องผู ้รั บ และส่ ง ผ่ า นเครื อ ข่ า ย
คอมพิวเตอร์ ผูรับก็สามารถเดคอมพิวเตอร์ ของตน เพื่อค้นหาจดหมายได้และสามารถตอบโต้กลับได้ทนที
้ ั
เทคโนโลยีสารสนเทศที่เกี่ ยวข้องกับชี วิตประจาวันเป็ นสิ่ งที่ตองเรี ยนรู ้ เป็ นเรื่ องที่รวมไปถึ งการ
้
รวบรวมข้อมูล การจัดเก็บข้อมูล การจัดการข้อมูลและการประมวลผลข้อมูล ข้อมูลที่จดเก็บ จาเป็ นต้อง
ั
ตรวจสอบเพื่อความถู กต้อง จัดรู ปแบบเพื่อให้อยู่ในรู ปแบบที่ประมวลผลได้ เช่ น การเก็บนามบัตรของ
เพื่ อนหรื อบุ คคลที่ มี ก ารติ ดต่ อซึ่ ง มี จานวนมาก เราอาจหากล่ องพลาสติ ก มาใส่ นามบัตร มี ก ารจัดเรี ย ง
นามบัตรตามอักษรของชื่อ สร้างดัชนีการเรี ยกค้นเพื่อให้หยิบค้นได้ง่าย แต่เมื่อคอมพิวเตอร์ เข้ามามีบทบาท
ทาให้มีการเปลี่ ยนแปลงรู ปแบบของการจัดเก็บในลักษณะบัตรมาเป็ นการจัดเก็บข้อมูลไว้ในแผ่นบันทึ ก
โดยมีระบบการจัดเก็บและประมวลผลลักษณะเดียวกับที่กล่าว เมื่อต้องการเพิ่มเติมปรับปรุ งข้อมูลหรื อเรี ยก
ค้นก็นาแผ่นบันทึ กนั้นมาใส่ ในคอมพิวเตอร์ ทาการเรี ยกค้น แล้วแสดงผลบนจอภาพหรื อพิมพ์ออกทาง
เครื่ องพิมพ์
- 7. การจัดการข้อมูลด้วยคอมพิวเตอร์ทาได้สะดวก คอมพิวเตอร์ จึงเป็ นที่นิยมสาหรับการจัดการข้อมูล
ในยุคปั จจุบน ขณะเดียวกันคอมพิวเตอร์ มีราคาลดลงและมีขีดความสามารถเพิ่มขึ้น จึงเชื่ อแน่ ว่าบทบาท
ั
ของการจัดการข้อมูลในชีวตประจาวันจะเพิ่มมากขึ้นต่อไป
ิ
โครงสร้างและรู ปแบบของข้อมูลที่ประมวลผลด้วยคอมพิวเตอร์ เป็ นโครงสร้างที่จะต้องมีรูปแบบ
ชัดเจนและแน่ นอน การจัดการข้อมูลจึงต้องมีการกาหนดกฎเกณฑ์เฉพาะ เช่น การกาหนดรหัสเพื่อใช้ใน
การจาแนกข้อมูล รหัสจึงมีความสาคัญ เพราะคอมพิวเตอร์ สามารถจาแนกข้อมูลด้วยรหัสได้ง่าย ลองนึ กดู
ว่าหากมีขอมูลจานวนมากแล้วให้คอมพิวเตอร์ คนหาโดยค้นหาตั้งแต่หน้าแรกเป็ นต้นไป การดาเนิ นการ
้ ้
เช่นนี้ กว่าจะค้นพบอาจไม่ทนต่อความต้องการการดาเนิ นการเกี่ยวกับข้อมูลจึงต้องมีการกาหนดรหัส เช่น
ั
เลขประจาตัวประชาชน รหัสเลขทะเบียนคนไข้ ทะเบียนรถยนต์ เลขประจาตัวนั กเรี ยน เป็ นต้น การ
จัดการในลักษณะนี้จึงต้องมีการสร้างระบบเพื่อความเหมาะสมกับการทางานของคอมพิวเตอร์ เป็ นสาคัญ
นอกจากเรื่ องความเร็ วและความแม่ น ย าของการประมวลผลจ้อมู ล ด้วยคอมพิ วเตอร์ แล้ว การ
คัดลอกและการแจกจ่ายข้อมูลไปยังผูใช้ก็ทาได้สะดวก เนื่ องจากข้อมูลที่ เก็บในรู ปแบบอิ เล็กทรอนิ กส์
้
สามารถเปลี่ยนถ่ายระหว่างตัวกลางได้ง่าย เช่น การทาสาเนาข้อมูลระหว่าง แผ่นบันทึกข้อมูลสามารถทา
เสร็ จได้ในเวลารวดเร็ ว
ด้วยความก้าวหน้าและการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างสังคมในยุคของสารสนเทศการปรับตัวของสังคม
จึ ง เกิ ดขึ้ น ประเทศที่ เจริ ญแล้วประชากรส่ ว นใหญ่ จะอยู่ก ับ เครื่ อ งจัก รเครื่ อ งมื อต่ า งๆ ที่ เกี่ ย วข้อ งกับ
่ ้
สารสนเทศ มีเครื อข่ายการให้บริ การใหม่ๆ เพิ่มขึ้นหลายอย่างขณะที่เราอยูบาน อาจใช้โทรศัพท์ติดต่อ
เครื อข่ ายอิ นเทอร์ เน็ ต ( internet ) เพื่ อขอเรี ยกดู ราคาสิ นค้า ขอดู ข่ า วเกี่ ยวกับ ดิ นฟ้ าอากาศ ข่า วความ
เคลื่ อนไหวเกี่ ย วกับ การเมื อง อัตราแลกเปลี่ ย นเงิ นตรา นอกจากนี้ ยง มี ระบบการสั่ง ซื้ อสิ นค้า ผ่านทาง
ั
เครื อ ข่ า ยคอมพิ ว เตอร์ แม่ บ ้า นใช้ค อมพิ วเตอร์ ส่ วนตัว ที่ บ ้า นต่ อ เชื่ อ มผ่า นเครื อ ข่ า ยสายโทรศัพ ท์ไ ปยัง
ห้างสรรพสิ นค้า เพื่อเปิ ดดูรายการสิ นค้าและราคา ซึ่ งสามารถสั่งซื้ อได้เมื่อต้องการ
บทบาทของเทคโนโลยีส ารสนเทศที่ กาลังเปลี่ ย นแปลงสังคมนี้ เอง ผลักดันให้เราต้องศึ กษาหา
ความรู ้ เ พื่ อ ปรั บ ตัว ให้ เ ข้า กับ สั ง คมได้ กระทรวงศึ ก ษาธิ ก ารได้เ พิ่ ม เติ ม หลัก สู ต รเกี่ ย วกับ เทคโนโลยี
สารสนเทศเข้า ไปในหลัก สู ต รการเรี ย นการสอน โดยมุ่ ง เน้น ให้ เ ยาวชนของชาติ ไ ด้มี โ อกาสเรี ย นรู ้
เทคโนโลยี เ หล่ า นี้ หากไม่ หาทางปรั บ ตัว เข้า กับ เทคโนโลยี แ ละเรี ย นรู ้ ใ ห้ เ ข้า ใจ เพื่ อ ให้มี ก ารพัฒ นา
สังคมไทยได้อย่างเหมาะสม เราจะเป็ นเพียงผูใช้ที่ตองเสี ยเงินตราให้ต่างประเทศอีกมากมาย
้ ้
1.5 เทคโนโลยีกบแนวโน้ มโลก
ั
- 8. เทคโนโลยีสารสนเทศ ทาให้สังคมเปลี่ยนจากสังคมอุตสาหกรรมมาเป็ นสังคมสารสนเทศ สภาพ
ของสังคมโลกได้เปลี่ยนแปลงมาแล้วสองครั้ง จากสังคมความเป็ นอยูแบบเร่ ร่อนมาเป็ นสังคมเกษตรที่รู้จก
่ ั
การเพาะปลูกและสร้างผลิตผลทางเกษตรทาให้มีการสร้างบ้านเรื อนเป็ นหลักแหล่ง ต่อมามีความจาเป็ นต้อง
ผลิตสิ นค้าให้ได้ปริ มาณมากและต้นทุนถูก จึงต้องหันมาผลิตแบบอุตสาหกรรม ทาให้สภาพความเป็ นอยู่
ของมนุษย์เปลี่ยนแปลงมาเป็ นสังคมเมือง มีการรวมกลุ่มอยูอาศัยเป็ นเมือง มีอุตสาหกรรมเป็ นฐานการผลิต
่
สังคมอุ ตสาหกรรมได้ดาเนิ นมาจนถึ งปั จจุ บน และกาลังจะเปลี่ ยนแปลงเข้าสู่ สังคมสารสนเทศปั จจุบน
ั ั
คอมพิวเตอร์ และระบบสื่ อสารมีบทบาทมากขึ้น มีการใช้เครื อข่ายคอมพิวเตอร์ เช่น อินเทอร์ เน็ตเชื่ อมโยง
่
การทางานต่างๆ การดาเนินธุ รกิจใช้สารสนเทศอย่างกว้างขวาง เกิดคาใหม่วา ไซเบอร์ สเปซ ( cyberspace
) มีการดาเนิ นกิจกรรมต่างๆ ในไซเบอร์ สเปซ เช่น การพูดคุย การซื้ อสิ นค้าและบริ การ การทางานผ่าน
ทางเครื อข่ายคอมพิวเตอร์ ทาให้เกิดสภาพที่เสมือนจริ งมากมาย เช่น ห้องสมุดเสมือนจริ ง ห้องเรี ยนเสมือน
จริ ง ที่ทางานเสมือนจริ ง ฯลฯ
เทคโนโลยีส ารสนเทศ เป็ นเทคโนโลยีแ บบสุ น ทรี ย สัม ผัส และตอบสนองจามความต้อ งการ
ปั จจุบนการใช้เทคโนโลยีเป็ นแบบบังคับ เช่น การดูโทรทัศน์ การฟั งวิทยุ เมื่อเราเปิ ดเครื่ องรับโทรทัศน์
ั
เราไม่สามารถเลื อกตามความต้องการได้ ถ้าสถานี ส่งสัญญาณใดมาเราก็จะต้องชมตามตารางเวลาที่สถานี
กาหนด หากผิดเวลาก็ทาให้พลาดรายการที่สนใจไปและหากไม่พอใจรายการก็ทาได้เพียงเลือกสถานี ใหม่
แนวโน้มจากนี้ ไปจะมีการเปลี่ยนแปลงในลักษณะที่เรี ยกว่า ออนดีมานด์ ( on demand ) เราจะมีทีวีออนดี
มานด์ ( TV on demand ) เช่น เมื่อต้องการชมภาพยนตร์ เรื่ องใดก็เลือกชม และดูได้ต้ งแต่ตนรายการ
ั ้
การศึกษาออนดีมานด์ ( education on demand ) คือสามารถเลือกเรี ยนตามต้องการได้ การตอบสนองตาม
้
ความต้องการเป็ นหนทางที่เป็ นไปได้ เพราะเทคโนโลยี มีพฒนาการที่กาวหน้าจนสามารถนาระบบสื่ อสาร
ั
มาตอบสนองตามความต้องการของมนุษย์ได้
เทคโนโลยีสารสนเทศทาให้เกิดสภาพการทางานแบบทึกสถานที่และทุกเวลา เมื่อการสื่ อสารแบบ
สองทางก้าวหน้าแพร่ หลายขึ้ น การโต้ตอบผ่านเครื อข่ายทาให้เสมื อนมี กฏิ สั มพันธ์ ได้จริ ง เรามี ระบบ
ประชุมทางวีดิทศน์ ระบบประชุ มบนเครื อข่าย มีระบบการศึกษาบนเครื อข่าย มีระบบการค้าบนเครื อข่าย
ั
ลักษณะของการดาเนิ นธุ รกิ จเหล่านี้ ทาให้ขยายขอบเขตการทางาน หรื อดาเนิ นกิ จกรรมไปทุกหนทุกแห่ ง
และดาเนิ นการได้ตลอด 24 ชัวโมง เช่ น ระบบเอที เอ็ม ท าให้มีก ารเบิ ก จ่ายได้เกื อบตลอดเวลา และ
่
ั ้ ้ ้
กระจายไปใกล้ตวผูรับบริ การมากขึ้น แต่ดวยเทคโนโลยีที่กาวหน้ายิ่งขึ้น การบริ การจะกระจายมากยิ่งขึ้น
จนถึ งที่บานและในอนาคตสังคมการทางานจะกระจายจนงานบางงานอาจนังทาที่บานหรื อที่ใดก็ได้ และ
้ ่ ้
เวลาใดก็ได้
- 9. เทคโนโลยีสารสนเทศทาให้ระบบเศรษฐกิ จเปลี่ยนจากระบบแห่ งชาติไปเป็ นเศรษฐกิ จโลกความ
เกี่ยวโยงของเครื อข่ายสารสนเทศทาให้เกิ ดสารสนเทศทาให้เกิดสังคมโลกาภิวฒน์ ( globalization) ระบบ
ั
เศรษฐกิ จซึ่ งแต่เดิ มมี ขอบเขตจากัดภายในประเทศ ก็กระจายเป็ นเศรษฐกิ จโลก ทัวโลกจะมี กระแสการ
่
หมุนเวียนแลกเปลี่ยนสิ นค้าและบริ การอย่างกว้างขวางและรวดเร็ ว เทคโนโลยีสารสนเทศมีส่วนเอื้ออานวย
ให้การดาเนิ นการมี ขอบเขตกว้า งขวางมากยิ่งขึ้ น ระบบเศรษฐกิ จของโลกจึ ง ผูกพันกับทุ กประเทศและ
เชื่อมโยงกันแนบแน่นขึ้น
เทคโนโลยีสารสนเทศทาให้องค์กรมีลกษณะผูกพัน หน่ วยงานภายในเป็ นแบบเครื อข่ายมากขึ้ น
ั
แต่เดิมการจัดองค์กรมีการวางเป็ นลาดับขั้น มีสายการบังคับบัญชาจากบนลงล่าง แต่เมื่อการสื่ อสารแบบ
สองทางและการกระจายข่าวสารดีข้ ึนมีการใช้เครื อข่ายคอมพิวเตอร์ ในองค์กรผูกพันกันเป็ นกลุ่มงาน มีการ
เพิ่มคุณค่าขององค์กรด้วยเทคโนโลยีสารสนเทศ การจัดโครงสร้างขององค์กรจึงปรับเปลี่ยนจากเดิม และมี
แนวโน้มที่จะสร้างองค์กรเป็ นเครื อข่ายที่มีลกษณะการบังคับบัญชาแบบแนวราบมากขึ้น หน่วยธุ รกิ จจะมี
ั
ขนาดเล็กลงและเชื่ อมโยงกับกับหน่วยธุ รกิ จอื่นเป็ นเครื อข่าย สถานภาพขององค์กรจึงต้องแปรเปลี่ ยนไป
ตามกระแสของเทคโนโลยี เพราะการด าเนิ นธุ ร กิ จต้อ งใช้ร ะบบสื่ อ สารที่ มี ค วามรวดเร็ ว เท่ า กับ แสง
ก่อให้เกิดการแลกเปลี่ยนข้อมูลได้ง่ายและรวดเร็ ว
เทคโนโลยีสารสนเทศก่ อให้เกิ ดการวางแผนการดาเนิ นการระยะยาวขึ้ น อี กทั้งยังทาให้วิถีการ
ตัดสิ นใจ หรื อเลือกทางเลือกได้ละเอียดขึ้น แต่เดิ มการตัดสิ นปั ญหาอาจมีหนทางให้เลื อกได้น้อย เช่น มี
คาตอบเพียง ใช่ หรื อ ไม่ใช่ แต่ดวยข้อมูลข่าวสารที่ สนับสนุ นการตัดสิ นใจ ทาให้วิถีความคิ ดในการ
้
ตัดสิ นปั ญหาเปลี่ยนไป ผูตดสิ นใจมีทางเลือกได้มากขึ้น มีความละเอียดอ่อนในการตัดสิ นปั ญหาได้ดีข้ ึน
้ั
เทคโนโลยี ส ารสนเทศ เป็ นเทคโนโลยี เ ดี ย วที่ มี บ ทบาทในทุ ก วงการ ดัง นั้น จึ ง มี ผ ลต่ อ การ
เปลี่ ยนแปลงทางสังคม เศรษฐกิ จ และการเมืองได้อย่างมาก ลองนึ กดู ว่าขณะนี้ เราสามารถชมข่าว ชม
รายการโทรทัศน์ท่ีส่งกระจายผ่านดาวเทียมของประเทศต่างๆ ได้ทวโลก เราสามารถรับรู ้ข่าวสารได้ทนที
ั่ ั
เราใช้เครื อข่า ยอิ นเทอร์ เน็ ตในการสื่ อสารระหว่า งกัน และติ ดต่ อกับ คนได้ท วโลก จึ ง เป็ นที่ แน่ ชัดว่า
ั่
แนวโน้มการเปลี่ยนแปลงทางวัฒนธรรม เศรษฐกิจ สังคม และการเมืองจึงมีลกษณะเป็ นสังคมโลกมาก
ั
ขึ้น
1.6 ระบบสารสนเทศ
จากความสาคัญของสารสนเทศ และการหาหนทางที่จะใช้เทคโนโลยีในการจัดการสารสนเทศ ใน
พ.ศ. 2538 รัฐบาลไทยได้ประกาศอย่างเป็ นทางการให้เป็ นปี แห่งเทคโนโลยีสารสนเทศไทย รัฐบาลได้เห็น
ความสาคัญของระบบข้อมู ลที่มี เทคโนโลยีทางด้านคอมพิวเตอร์ และระบบสื่ อสารเป็ นตัวนา และจะมี
- 10. บทบาทสาคัญในการพัฒนาและผลักดันให้เกิดการใช้ทรัพยากรของประเทศอย่างมีประสิ ทธิ ภาพสู งสุ ด ทั้ง
ในด้า นทรั พ ยากรมนุ ษ ย์ วัส ดุ อุ ป กรณ์ และเวลา รั ฐ บาลได้ล งทุ น ให้ ก ับ โครงดารพื้ น ฐานทางด้า น
เทคโนโลยีสารสนเทศเป็ นจานวนมาก เช่น การขยายระบบโทรศัพท์ การขยายเครื อข่ายสื่ อสาร การสร้าง
ระบบฐานข้อมูล ทะเบียนราษฎร์ การสร้างระบบการจัดเก็บ๓ษีและระบบศุลกากรด้วยคอมพิวเตอร์
ไม่เพียงแต่ประเทศไทยเท่านั้นที่ให้ความสาคัญเรื่ องเทคโนโลยีสารสนเทศ หลายประเทศทัวโลกก็
่
ให้ความสาคัญเช่นกัน แต่ละประเทศได้ลงทุนทางด้านนี้ เป็ นจานวนมาก ทั้งนี้ เพราะข้อมูลเป็ นกลไกสาคัญ
ในเชิงรุ ก เพื่อพัฒนาประเทศให้สามารถแข่งขันในระดับสากลได้ อีกทั้งยังเพิ่มคุณภาพชี วิต กระจายความ
เจริ ญสู่ ชนบท และสร้างความเสมอภาคในสังคม
สั ง คมความเป็ นอยู่แ ละการท างานของมนุ ษ ย์มี ก ารรวมกลุ่ ม เป็ นประเทศ การจัด องค์ก รเป็ น
หน่วยงานของรัฐบาลและเอกชน และภายในองค์กรก็มีการแบ่งย่อยลงเป็ นกลุ่ม เป็ นแผนกเป็ นหน่ วยงาน
ภายในหน่วยงานย่อยก็มีระดับบุคคล
เมื่อพิจารณาระบบสารสนเทศที่เกี่ยวข้องในองค์กรพอที่จะแย่งการจัดการสารสนเทศขององค์กรได้
ตามจานวนคนที่เกี่ยวข้อง ตามรู ปแบบการรวมกลุ่มขององค์กรได้ 3 ระดับ คือ ระบบสารสนเทศระดับ
บุคคล ระบบสารสนเทศระดับกลุ่ม และระบบสารสนเทศระดับองค์กร
1.6.1 ระบบสารสนเทศระดับบุคคล
ระบบสารสนเทศระดับบุคคล คื อระบบที่ เสริ มประสิ ทธิ ภาพและเพิ่มผลงานให้แต่ละบุ คคลใน
หน้าที่ ที่รับผิดชอบ ปั จจุ บนคอมพิวเตอร์ ส่วนบุ คคลมี ขนาดเล็กลง ราคาถู ก แต่มีความสามารถในการ
ั
ประมวลด้วยความเร็ วสู งขึ้น ประกอบกับมีโปรแกรมสาเร็ จที่ทาให้ผูใช้สามารถใช้งานได้ง่าย กว้างขวาง
้
และคุ มค่ามากขึ้น เช่ น ซอฟต์แวร์ ประมวลคา ( word processor ) ซอฟต์แวร์ นาเสนอ ( presentation )
้
ซอฟต์แวร์กราฟิ ก ( graphic ) ซอฟต์แวร์ การทาสิ่ งพิมพ์ ( desktop publishing ) ซอฟต์แวร์ ตารางทางาน (
spread sheet ) ซอฟต์แวร์ จดการฐานข้อมูล ( database management ) และซอฟต์แวร์ บริ หารโครงงาน (
ั
project management ) เป็ นต้น และชุดโปรแกรมที่ได้รับความนิยมในปัจจุบน เป็ นโปรแกรมที่ได้รวบรวม
ั
ซอฟต์แวร์ ประมวลคาซอฟต์แวร์ นาเสนอ ซอฟต์แวร์ ตารางทางาน ซอฟต์แวร์ จดการฐานข้อมูล รวมเป็ น
ั
ชุดเข้าไว้ดวยกัน
้
ข้อมูลที่ช่วยให้การทางานของบุคลากรดี ข้ ึนนั้น ต้องขึ้นอยู่กบหน้าที่รับผิดชอบของแต่ละคนต่าง
ั
ไป ตัวอย่างเช่น พนักงายขายควรมีขอมูลเกี่ยวกับลูกค้าเป็ นอย่างดีซ่ ึ งจะทาให้การติดต่อซื้ อขายได้ผลดีเลิศ
้
บริ ษทควรมีการเตรี ยมอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ ไว้ให้พนักงานขายได้ใช้ในการจัดเก็บข้อมูลลูกค้า เช่น ชื่ อ ที่
ั
อยู่ และความสนใจในตัวสิ นค้า หรื อข้อมูลอื่นๆ ที่จะสนับสุ นนการขาย พร้อมกับระบบที่จะช่วยพนักงาน
- 11. แต่ละคนในการเรี ยกค้นหาข้อมูลตามเงื่อนไขเพื่อวางแผน จัดการ และควบคุมการทางานของตัวเองได้
เช่น ระบบวิเคราะห์ขอมูลการขาย เป็ นต้น
้
1.6.2 ระบบสารสนเทศระดับกลุ่ม
ระบบสารสนเทศระดับกลุ่ม คือระบบสารสนเทศที่ช่วยเสริ มการทางานของกลุ่มบุคคลที่มีเป้ าหมาย
การทางานร่ วมกันให้มีประสิ ทธิ ภาพมากขึ้น
ตัวอย่างของการใช้ระบบสารสนเทศเพื่อสนับ สนุ นงานของแผนก ค าว่าการท างานเป็ นกลุ่ ม (
workgroup) ในที่ น้ ี หมายถึ ง กลุ่ ม บุ ค คล 2 คนขึ้ น ไปที่ ร่ ว มกัน ท างานเพื่ อ ให้ บ รรลุ เ ป้ าหมายเดี ย วกัน
โดยทัวไปบุคลากรในกลุ่มเดี ยวกันจะรู ้จกกันและทางานร่ วมกัน เป้ าหมายหลักของการทางานร่ วมกันเป็ น
่ ั
กลุ่ ม คื อ การเตรี ย มสภาวะแวดล้อ มที่ จ ะอ านวยประโยชน์ ใ นการท างานร่ ว มกัน เป็ นกลุ่ ม ได้อ ย่ า งมี
ประสิ ท ธิ ภ าพ และช่ ว ยเหลื อ เกื้ อ กู ล ซึ่ งกัน ละกัน โดยท าให้ เ ป้ าหมายของธุ ร กิ จ ด าเนิ น ไปได้อ ย่า งมี
ประสิ ทธิผล
แนวทางหลักก็คือการทาให้เกิดการใช้ทรัพยากรร่ วมกัน โดยเฉพาะข้อมูลและอุปกรณ์เทคโนโลยี
พื้นฐาน การนาเอาคอมพิวเตอร์ ส่วนบุคคลมาเชื่อมต่อด้วยเครื อข่ายท้องถิ่นหรื อเครื อข่ายแลน ( Local Area
Network : LAN ) ทาให้มีการเชื่ อมโยงและใช้ทรัพยากรของคอมพิวเตอร์ ร่วมกัน เช่น เครื่ องพิมพ์ขอมูลที่
้
ใช้ร่วมกันในแผนกจะบรรจุไว้ในระบบคอมพิวเตอร์ ที่มีหน้าที่ควบคุมการจัดเก็บแฟ้ มข้อมูลกลางที่เรี ยกว่า
เครื่ องบริ การแฟ้ ม ( file server ) ถ้ามีการแก้ไขข้อมูลกลางนี้ โดยผูใช้คนใดคนหนึ่ ง ผูใช้คนอื่นอยู่บน
้ ้
เครื อข่ายคอมพิวเตอร์ ก็จะได้รับข้อมูลที่ผานการแก้ไขแล้วนั้นเช่นกัน
่
การประยุกต์ใช้งานคอมพิวเตอร์ ในลักษณะของการทางานเป็ นกลุ่ม สามารถใช้กบงานต่างๆได้
ั
ตัวอย่างเช่น ระบบบริ การลูกค้า หรื อการเสนอขายสิ นค้าผ่านทางสื่ อโทรศัพท์พนักงานในทีมงานอาจจะมี
่
อยูหลายคนและใช้เครื อข่ายคอมพิวเตอร์ ในการเก็บข้อมูลกลางของลูกค้าร่ วมกัน กล่าวคือมีขอมูลเพียงชุ ด
้
เดี ยวที่พนักงานทุ กคนจะเข้าถึ งได้ ถ้ามี การเปลี่ ยนแปลงหรื อเพิ่มเติม พนักงานในกลุ่ม จะต้องรับรู ้ ดวย
้
เช่น ลูกค้าโทรศัพท์มาถามคาถามหรื อขอคาปรึ กษาเกี่ยวกับสิ นค้า พนักงานอาจจะช่วยเตือนความจาเมื่อถึง
เวลาต้องโทรศัพท์กลับไปหาลูกค้า แม้พนักงานที่รับโทรศัพท์ครั้งที่แล้วจะไม่อยู่ แต่พนักงานที่ทางานอยู่
สามารถเรี ย กข้อมู ล จากคอมพิ ว เตอร์ แล้ว โทรกลับ ตามนัดหมาย ท าให้ธุ รกิ จ ดาเนิ นต่ อไปได้โ ดยไม่
หยุดชะงัก เป็ นต้น อันนี้จะเป็ นการเพิมคุณภาพการบริ การ หรื อเป็ นกลยุทธ์ที่ช่วยทางด้านการขาย
่
ระบบสารสนเทศของกลุ่มหรื อแผนกยังมีแนวทางอื่นๆ ในการสนับสนุ นการบริ หารงานและการ
ปฏิบติงาน เช่น การสื่ อสารด้วยระบบไปรษณี ยอิเล็กทรอนิ กส์ การประชุ มผ่านเครื อข่าย ซึ่ งอาจจะประชุ ม
ั ์
ปรึ กษาหารื อกันได้โดยอยูต่างสถานที่กน การจัดทาระบบแผงข่าว ( Bulletin Board System : BBs ) ของ
่ ั
- 12. แผนก การประชุ มทางไกล การทาตารางทางานของกลุ่ มระบบสนับสนุ นการตัดสิ นใจของกลุ่ ม ระบบ
จัดการฐานข้อมูล ระบบการไหลเวียนอัตโนมัติของเอกสาร ระบบการจัดการเก็บข้อความ ระบบการจัด
ตารางเวลาของกลุ่ม ระบบการบริ หารโครงการของกลุ่ม ระบบการใช้แฟ้ มข้อความร่ วมกันของกลุ่ม และ
ระบบประมวลผลภาพเอกสาร เป็ นต้น
1.6.3 ระบบสารสนเทศระดับองค์ กร
ระบบสารสนเทศระดับองค์กร คือระบบสารสนเทศที่สนับสนุนการดาเนินงานขององค์กรภาพรวม
ระบบในลักษณะนี้จะเกี่ยวข้องกับการปฏิบติงานร่ วมกันของหลายแผนกโดยการใช้ขอมูลที่เกี่ยวข้องร่ วมกัน
ั ้
ด้วยวิธีส่งผ่านถึงกันจากแผนกหนึ่งข้ามข้ามไปอีกแผนกหนึ่ งระบบสารสนเทศดังกล่าวนี้ สามารถสนับสนุ น
ในระดับผูปฏิบติการและสนับสนุนการตัดสิ นใจ เนื่ องจากสามารถให้ขอมูลจากแผนกต่างๆ ที่เกี่ยวข้องมา
้ ั ้
ประกอบการจัดสิ นใจโดยอาจนาข้อมูลมาแสดงในรู ปแบบสรุ ป หรื อในแบบฟอร์ มที่ตองการ บ่อยครั้งที่
้
การบริ หารงานในระดับสู งจาเป็ นต้องใช้ขอมูลร่ วมกันจากหลายแผนกเพื่อประกอบการตัดสิ นใจ
้
ั
ระบบการประสานงานเพื่อการสร้ า งรายได้ให้กบธุ รกิ จลู กค้า ตัวอย่า งระบบสารสนเทศระดับ
องค์กรในธุ รกิจที่เกี่ยวข้องกับการขายสิ นค้า โดยมีฝ่ายต่างๆ ที่เกี่ยวข้องในองค์กรหลายฝ่ าย เช่น ฝ่ ายการ
ขาย ฝ่ ายสิ นค้า คงคลัง ฝ่ ายพัส ดุ และฝ่ ายการเงิ น แต่ ละฝ่ ายอาจจะมี ระบบข้อมู ลหรื อคอมพิ วเตอร์ ที่
สนับสนุนการปฏิบติการและยังมีระบบการสื่ อสารหรื อเครื อข่ายคอมพิวเตอร์ เพื่อการเชื่ อมโยงคอมพิวเตอร์
ั
ระหว่างฝ่ ายได้ เพื่อให้เกิดการแลกเปลี่ยนข้อมูลไปตามสายการเชื่อมโยง เนื่องจากจุดประสงค์ของการทา
ั
ธุ รกิจก็เพื่อสร้างผลกาไรให้กบบริ ษท ถ้ามีการแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างฝ่ ายอย่างมีประสิ ทธิ ภาพแล้ว ย่อม
ั
ทาให้เกิ ดการขายสิ นค้า และการตามเก็บเงิ นได้อย่างรวดเร็ ว เช่ น ทันที ฝ่ายการขายตกลงขายสิ นค้ากับ
ลูกค้า จะมีการป้ อนข้อมูลการขายสิ นค้าลงในระบบคอมพิวเตอร์ ฝ่ ายอื่นที่เกี่ยวข้องจะได้รับข้อมูลการขาย
นี้ และสามารถปฏิบติหน้าที่ของตัวเองได้อย่างต่อเนื่องทันที เช่น ฝ่ ายสิ นค้าคงคลังจัดตรวจสอบและเตรี ยม
ั
ใบเบิ ก สิ น ค้า เพื่ อ ส่ ง ให้ ฝ่ ายพัส ดุ ไ ด้ท ัน ที ฝ่ ายการเงิ น ตรวจสอบความถู ก ต้อ งของการขายสิ น ค้า แล้ว
ดาเนินการทาใบส่ งสิ นค้า และดูแลเรื่ องระบบลูกหนี้ โดยอัตโนมัติ และสุ ดท้ายฝ่ ายพัสดุดาเนิ นการทาใบส่ ง
สิ นค้า และดู แลเรื่ องระบบลู กหนี้ โดยอัตโนมัติ และสุ ดท้ายฝ่ ายพัสดุ ดาเนิ นการจัดส่ งสิ นค้าไปให้ลูกค้า
แล้วก็จะดาเนินดารติดตามการค้างชาระจากลูกหนี้ต่อไป
หัวใจสาคัญของระบบสารสนเทศในระดับองค์กร คือ ระบบเครื อข่ายคอมพิวเตอร์ ภายในองค์กรที่
จะต้องเชื่ อมโยงระบบคอมพิวเตอร์ ของแต่ละแผนกเข้าด้วยกัน เพื่อให้เกิดการใช้ขอมูลร่ วมกัน นอกจากนี้
้
ยัง สามารถใช้ ท รั พ ยากรร่ ว มกัน ได้ด้ว ย ในเชิ ง เทคนิ ค ระบบสารสนเทศระดับ องค์ก รอาจจะมี ร ะบบ
คอมพิวเตอร์ ที่ดูแลแฟ้ มข้อมูล มีการเชื่ อมโยงคอมพิวเตอร์ หลายระบบเข้าด้วยกันเป็ นเครื อข่าย หรื ออาจจะ
- 13. มีเครื อข่ายคอมพิวเตอร์ ในระดับกลุ่มอยูแล้ว การเชื่ อโยงเครื อข่ายย่อยเหล่านั้นเข้าด้วยดัน ทาให้กลายเป็ น
่
เครื อข่ายของเครื อข่ายคอมพิวเตอร์ ในกรณี ที่มีจานวนผูใช้ในองค์กรมาก เครื่ องมือพื้นฐานอีกประการหนึ่ ง
้
ของระบบข้อมูลก็คือ ระบบการจัดการฐานข้อมูล ซึ่ งเป็ นโปรแกรมสาคัญในการดูแลระบบฐานข้อมูล
1.7 องค์ ประกอบของระบบสารสนเทศ
องค์ประกอบของระบบสารสนเทศซึ่ งเป็ นระบบสนับสนุ นการบริ หารงาน การจัดการและการ
ปฏิ บติการของบุคคล ไม่ว่าจะเป็ นระดับบุคคล ดับกลุ่มหรื อระดับองค์กรไม่ใช่ มีเพียงเครื่ องคอมพิวเตอร์
ั
เท่านั้น แต่ยงมีองค์ประกอบอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับความสาเร็ จของระบบอีกรวมเป็ น 5 องค์ประกอบ ซึ่ งจะ
ั
ขาดองค์ประกอบใดไม่ได้ คือ ฮาร์ ดแวร์ ซอฟต์แวร์ ข้อมูล บุคลากร และขั้นตอนการปฏิบติงาน
ั
1.7.1 ฮาร์ ดแวร์
ฮาร์ ดแวร์ เป็ นองค์ประกอบสาคัญของระบบสารสนเทศ หมายถึง เครื่ องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์รอบ
ข้าง เช่ น เครื่ องพิ มพ์ เครื่ องกราดตรวจ รวมทั้งอุ ปกรณ์ สื่ อสารสาหรั บเชื่ อมโยงคอมพิวเตอร์ เข้าเป็ น
เครื อข่าย
1.7.2 ซอฟต์ แวร์
ซอฟต์แวร์ หรื อโปรแกรมคอมพิ วเตอร์ เป็ นองค์ป ระกอบที่ ส าคัญประการที่ สอง ซึ่ งก็ คื อล าดับ
ขั้นตอนของชุดคาสั่งที่สั่งงานให้ฮาร์ ดแวร์ ทางาน เพื่อประมวลผลข้อมูลให้ได้ผลลัพธ์ตามความต้องการของ
การใช้งาน ในปั จจุบนมีซอฟต์แวร์ ควบคุมระบบงาน ซอฟต์แวร์ สาเร็ จทาให้การใช้งานคอมพิวเตอร์ ใน
ั
ระดับบุคคลเป็ นไปอย่างกว้างขวางและส่ งเสริ มการทางานของกลุ่มมากขึ้น ส่ วนงานในระดับองค์กร ส่ วน
ใหญ่มกจะมี การพัฒนาระบบตามความต้องการโดยการว่าจ้างบริ ษทที่ รับพัฒนาซอฟต์แวร์ หรื อโดยนัก
ั ั
่
คอมพิวเตอร์ ที่อยูในฝ่ ายคอมพิวเตอร์ ขององค์กร เป็ นต้น
1.7.3 ข้ อมูล
ข้อมูลเป็ นองค์ประกอบที่ สาคัญอีกประการหนึ่ งของระบบสารสนเทศ เป็ นตัวชี้ ความสาเร็ จหรื อ
ความล้มเหลวของระบบได้ เนื่องจากต้องมีการเก็บข้อมูลจากแหล่งกาเนิด ข้อมูลจะต้องมีความถูกต้องและ
ทันสมัย มีการกลันกรองและตรวจสอบแล้วเท่านั้นจึงจะมีประโยชน์โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อใช้งานในระดับ
่
กลุ่มหรื อระดับองค์กร ข้อมูลต้องมีโครงสร้างในการจัดเก็บที่เป็ นระบบระเบียบเพื่อการสื บค้นที่รวดเร็ วและ
มีประสิ ทธิภาพ
1.7.4 บุคลากร
- 14. บุคลากรในระดับผูใช้ ผูบริ หาร ผูพฒนาระบบ นักวิเคราะห์ระบบ และนักเขียนโปรแกรม เป็ น
้ ้ ้ ั
องค์ประกอบสาคัญในความสาเร็ จของระบบสารสนเทศ บุคลากรมีความรู้ความสามารถทางคอมพิวเตอร์
มากเท่าใด โอกาสที่จะใช้งานระบบสารสนเทศและระบบคอมพิวเตอร์ ได้เต็มศักยภาพและคุมค่านิ่ งมากขึ้น
้
เท่านั้น โดยเฉพาะระบบสารสนเทศในระดับบุคคลซึ่ งเครื่ องคอมพิวเตอร์ มีขีดความสามารถมากขึ้น ทาให้
ผูใช้มีโอกาสพัฒนาความสามารถของตนเองและพัฒนาระบบงานได้เองตามความต้องการ สาหรับระบบ
้
สารสนเทศในระดับกลุ่มและองค์กรที่มีความซับซ้อนมาก อาจจะต้องใช้บุคลากรในสาขาคอมพิวเตอร์
โดยตรงมาพัฒนาและดูแลระบบงาน
1.7.5 ขั้นตอนการปฏิบัติงาน
ขั้นตอนการปฏิ บติงานที่ชดเจนของผูใช้หรื อของบุคลากรที่เกี่ ยวข้องก็เป็ นเรื่ องสาคัญอีกประการ
ั ั ้
หนึ่ ง เมื่ อได้พฒนาระบบงานแล้วจาเป็ นต้องปฏิ บติงานตามลาดับ ขั้นตอน ในขณะใช้งานก็จาเป็ นต้อง
ั ั
ั
คานึงถึงลาดับขั้นตอนการปฏิบติของคนและความสัมพันธ์กบเครื่ อง ทั้งในกรณี ปกติและกรณี ฉุกเฉิ น เช่น
ั
ขั้นตอนการบันทึกข้อมูล ขั้นตอนการประมวลผล ขั้นตอนปฏิบติเมื่อเครื่ องชารุ ดหรื อข้อมูลสู ญหาย และ
ั
ขั้นตอนการทาสาเนาข้อมูลสารองเพื่อความปลอดภัย เป็ นต้น สิ่ งเหล่านี้ จะต้องมีการซักซ้อม มีการเตรี ยม
และการทาเอกสารคู่มือการใช้งานที่ชดเจน
ั
1.8 ตัวอย่ างการใช้ เทคโนโลยีสารสนเทศ
1.8.1 ระบบเอทีเอ็ม
เป็ นระบบที่ อ านวยความสะดวกสบายอย่า งมากให้ แ ก่ ผูใ ช้บ ริ ก ารธนาคาร และเป็ นตัว อย่า ง
้
เทคโนโลยีสารสนเทศที่ได้รับการนามาใช้เป็ นกลยุทธ์ในการแข่งขันทางธุ รกิจ โดยในปี พ.ศ.2520 เป็ นปี ที่
การใช้เอที เอ็ม เครื่ องแรกของโลก ธนาคารซิ ต้ ี แบงก์ ในเมื องนิ วยอร์ ก เริ่ มให้บ ริ ก ารฝากถอนเงิ นโดย
อัตโนมัติแก่ลูกค้า ซึ่ งสามารถให้บริ การได้ตลอด 24 ชัวโมง รวมวันเสาร์ -อาทิตย์ดวย ในขณะที่ธนาคาร
่ ้
ั ่
อื่นๆ ที่ต้ งอยูใกล้ๆ บนถนนสานเดียวกันให้บริ การลูกค้าในเวลาปกติเท่านั้น คือ เฉพาะจันทร์ ถึงศุกร์ เวลา
8.00-14.00 น. หลังจากบ่ายสองโมงก็หมดโอกาสได้รับบริ การฝากถอนเงิ นแล้ว เมื่อวิเคราะห์มุมมองใน
่
การแข่งขันของธนาคารในการให้บริ การลูกค้า กล่าวได้วา ระบบเอทีเอ็มของธนาคารซิ ต้ ีแบงก์เป็ นบริ การ
ใหม่ที่ทาให้ลูกค้าได้รับความสะดวกสบาย และคล่องตัวได้ดึงดู ดลูกค้าจากธนาคารอื่ นมาเป็ นลูกค้าของ
ตัวเอง และเพิ่มส่ วนแบ่งการตลาดขึ้นมาเกือบสามเท่าตัวในช่วงเวลาประมาณ 6 เดือน ก่อนทีธนาคารคู่แข่ง
จะหันมาให้บริ การเอทีเอ็มบ้าง