โครงาน
- 1. 1
แบบเสนอโครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์
รหัสวิชา ง33201-33202 ชื่อวิชา เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร 6
ปีการศึกษา 2560
ชื่อโครงงาน โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ (Sexual tranmitted disease)
ชื่อผู้ทาโครงงาน
1 นายณัฐพล แดงขาวเขียว เลขที่ 34 ชั้น ม.6 ห้อง 6
ชื่ออาจารย์ที่ปรึกษาโครงงาน ครูเขื่อนทอง มูลวรรณ์
ระยะเวลาดาเนินงาน ภาคเรียนที่ 1-2 ปีการศึกษา 2560
โรงเรียนยุพราชวิทยาลัย จังหวัดเชียงใหม่
สานักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาเขต 34
- 2. 2
ใบงาน
การจัดทาข้อเสนอโครงงานคอมพิวเตอร์
สมาชิกในกลุ่ม
นายณัฐพล แดงขาวเขียว เลขที่ 34 ม.6/6
คาชี้แจง ให้ผู้เรียนแต่ละกลุ่มเขียนข้อเสนอโครงงานตามหัวข้อต่อไปนี้
ชื่อโครงงาน (ภาษาไทย)
โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์
ชื่อโครงงาน (ภาษาอังกฤษ)
(Sexual tranmitted disease)
ประเภทโครงงาน ความรู้ทั่วไป
ชื่อผู้ทา นายณัฐพล แดงขาวเขียว
ชื่อที่ปรึกษา ครูเขื่อนทอง มูลวรรณ์
ชื่อที่ปรึกษาร่วม -
ระยะเวลาดาเนินงาน ภาคเรียนที่ 1-2 ปีการศึกษา 2560
ที่มาและความสาคัญของโครงงาน (อธิบายถึงที่มา แนวคิด และเหตุผล ของการทาโครงงาน)
โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์เริ่มจะพบมากขึ้นในวัยรุ่นซึ่งจะมีเพศสัมพันธ์ก่อนการแต่งงาน โดยที่ขาดความรู้ความ
เข้าใจเกี่ยวกับ การป้องกันตัวเองทั้งการตั้งครรภ์และโรคติดต่อ การที่เรามีความรู้เกี่ยวกับการติดต่อ อาการของ
โรค การรักษา จะเป็นขั้นแรกของการป้องกันโรค
ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่ควรทราบ
โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์สามารถเป็นได้ทุกเพศทุกวัย ทุกชนชั้น แต่พบมากในหมู่วัยรุ่น
อัตราการติดเชื้อของโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์พบมากขึ้น เนื่องจากวัยรุ่นมีค่านิยมที่จะอยู่ก่อนแต่งงาน หรือนิยม
มีเพศสัมพันธ์ตั้งแต่อายุยังไม่มาก และที่สาคัญมีการหย่าล้างสูงทาให้คนมีสามีหรือภรรยาหลายคน ทาให้
โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์เพิ่มมากขึ้น
โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์โดยมากมักจะไม่เกิดอาการ ดังนั้นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์สามารถติดต่อโดยที่ไม่รู้ตัว
แพทย์บางประเทศจึงแนะนาให้มีการตรวจค้นหาโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ สาหรับคนที่สาส่อน
- 3. 3
โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ยังก่อให้เกิดปัญหาทางสาธารณสุขอย่างมาก
โรคอาจจะลุกลามไปยังมดลูกหรือท่อรังไข่ทาให้เกิดการอักเสบในช่องท้อง Pelvic inflammatory disease ซึ่ง
อาจจะก่อให้เกิดการเป็นหมัน หรือตั้งครรภ์นอกมดลูก
โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อาจจะทาให้เกิดโรคมะเร็ง เช่นการติดเชื้อ human papillomavirus infection
(HPV) ทาให้เกิดมะเร็งปากมดลู
โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์สามารถติดต่อไปยังทารกในครรภ์
วัตถุประสงค์ (สิ่งที่ต้องการในการทาโครงงาน ระบุเป็นข้อ)
1.เพื่อศึกษาเกี่ยวโรคต่างๆที่ติดต่อทางเพศสัมพันธ์
2.เพื่อศึกษาป้องกันที่ถูกวิธ๊ ไม่ให้เกืดโรค
3.เพื่อให้เห็นโทษของโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์
ขอบเขตโครงงาน (คุณลักษณะ ขอบเขต เงื่อนไขและข้อจากัดของการทาโครงงาน)
เราไม่สามารถเข้าไปสัมผัสหรือเข้าใกล้มากเกินไป เพราะอาจก่อให้เกิดอันตรายโดยการติดต่อ ทางเสมหะ น้าลาย
เข้าจะเข้าสัมภาษณ์ต้องควรมีแพทย์ให้คอยที่ให้คาปรึกษาด้วย วิธีป้องกันให้เราไม่ติดโรค จากคนที่เป็นโรค เป็น
ขอบเขตที่แคบอยู่ แต่อยากศึกษาเพราะกระตุ้นให้วัยรุ่นอย่างเราในปัจจุบัน ตระหนักถึงความน่ากลัวของ
โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์
หลักการและทฤษฎี (ความรู้ หลักการ หรือทฤษฎีที่สนับสนุนการทาโครงงาน)
การป้องกันและควบคุมโรค โรคนี้เกิดขึ้นจากการสาส่อนทางเพศ ในปัจจุบันยังไม่มีวัคซีนที่จะใช้ป้องกันโรค วิธีป้องกันที่
ให้ผลก็คือ ละเว้นพฤติกรรมสาส่อนทางเพศ นอกจากนี้จะต้องมีระบบติดตามนาผู้ป่วยทั้งที่เป็นหญิงโสเภณีและหญิงบริการ รูป
อื่นๆ หรือแม้แต่สามัญชน ซึ่งผู้ป่วยเป็นโรคนามารักษาให้หายขาด
ในกลุ่มชนที่มีความสาส่อนทางเพศ ควรจะต้องให้มีการป้องกันโดยใช้ถุงยางอนามัยเป็นเครื่องป้องกัน
1. ใส่ถุงยางอนามัย หากจะมีเพศสัมพันธ์กับคนที่ไม่แน่ใจว่ามีเชื้อหรือไม่
2. รักษาความสะอาดของร่างกายและอวัยวะเพศอย่างสม่าเสมอ
3. ไม่เปลี่ยนคู่นอน ให้มีสามีหรือภรรยาคนเดียว
4. ไม่ควรมีเพศสัมพันธ์ตั้งแต่ยังอายุน้อย เนื่องจากมีสถิติว่าผู้ที่มีเพศสัมพันธ์ตั้งแต่อายุยังน้อยจะมีโอกาส
ติดโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์สูง
5. ตรวจโรคเป็นประจาทุกปี เพื่อหาเชื้อโรค แม้จะไม่มีอาการใด ๆ โดยเฉพาะคู่ที่กาลังจะแต่งงาน
6. เรียนรู้ ศึกษาอาการของโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์
7. ไม่ควรมีเพศสัมพันธ์ขณะมีประจาเดือน เพราะจะทาให้เกิดโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้ง่าย
- 4. 4
8. ไม่ควรมีเพศสัมพันธ์ทางทวารหนัก หากจาเป็นให้สวมถุงยางอนามัย
9. ไม่ควรสวนล้างช่องคลอด เพราะจะทาให้เกิดการติดเชื้อโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้ง่าย
ชนิดของโรคต่าง
1. โรคเอดส์ (AIDS) หรือกลุ่มอาการภูมิคุ้มกันเสื่อม เกิดจากการรับเชื้อ Human immunodeficiency
virus หรือ HIV เข้าไปทาลายเม็ดเลือดขาว ทาให้เชื้อโรคฉวยโอกาสแทรกซ้อนเข้าสู่ร่างกายได้ง่ายขึ้น เช่น
มะเร็ง วัณโรค และสาเหตุการเสียชีวิตก็มักเกิดขึ้นจากโรคติดเชื้อฉวยโอกาสต่างๆ เหล่านี้ ที่จะทาให้อาการ
รุนแรง และเสียชีวิต
2. หนองใน (Gonorrhea) เกิดจากเชื้อแบคทีเรียชื่อ Neisseria gonorrhoeae ทาให้เกิดอาการระคายเคืองใน
ท่อปัสสาวะ แสบขัดเวลาปัสสาวะ และมีหนองไหลออกจากท่อปัสสาวะ อาจจะทาให้เกิดการอักเสบในช่องท้อง
หรือเป็นหมันหากไม่ได้รับการรักษา
3. หนองในเทียม (Non-gonococcal Urethritis/Non gonococcal Cervicitis) เกิดจากเชื้อ
แบคทีเรีย Chlamydia trachomatisมีอาการแสบปลายท่อปัสสาวะ ปัสสาวะขัดและมีหนองไหล และมีมูกออก
เล็กน้อยโดยเฉพาะในช่วงเช้า ส่วนผู้หญิงอาจมีอาการตกขาวผิดปกติ
4. แผลริมอ่อน (Chancroid) เกิดจากเชื้อ Haemophilus Ducreyi ทาให้เกิดแผลที่อวัยวะเพศ บวมและเจ็บ
บางคนมีต่อมน้าเหลืองที่ขาหนีบหรือที่ชาวบ้านเรียกไข่ดันบวม ก้นแผลสกปรกมีหนอง มีเลือดออกง่าย เวลา
สัมผัสเจ็บปวดมาก บางรายต่อมน้าเหลืองที่ขาหนีบจะบวม และเป็นฝี
5. เริมที่อวัยวะเพศ (Genital Herpes Simplex Virus Infection) เกิดเชื้อไวรัส herpes simplex virus ทา
ให้เกิดอาการปวดแสบบริเวณขา ก้นหรืออวัยวะเพศ และตามด้วยผื่นเป็นตุ่มน้าใส แผลหายได้เองใน 2-3 สัปดาห์
แต่เชื้อยังอยู่ในร่างกาย เมื่อร่างกายอ่อนแอ เชื้อก็จะกลับเป็นใหม่
6. หูดข้าวสุก (Molluscum contagiosum) เกิดจากเชื้อไวรัส Molluscum contagiosum virus (MCV) ทา
ให้เกิดเป็นตุ่มนูนบนผิวหนัง ผิวเรียบขนาดเล็ก ขนาดประมาณ 2-5 มิลลิเมตร จะพบมากขึ้นในรายที่มีการติด
เชื้อ HIV ถ้าใช้เข็มสะกิดตรงกลางแล้วบีบดูจะได้เนื้อหูดสีขาวๆ คล้ายข้าวสุก มักเป็นที่บริเวณหัวหน่าว อวัยวะ
เพศภายนอกและโคนขาด้านใน
7. หูดหงอนไก่ (Condyloma Acuminata) เกิดจากไวรัส Human papilloma virusลักษณะเป็นติ่งเนื้ออ่อน
ๆ สีชมพูคล้ายหงอนไก่ ชอบขึ้นที่อุ่นและอับชื้น ในผู้ชายมักพบที่อวัยวะเพศบริเวณใต้หนังหุ้มปลายอวัยวะเพศ
ชาย ตลอดทั้งบริเวณรอบรอยเปิดขอบ,ท่อปัสสาวะ และอัณฑะ ส่วนผู้หญิงจะพบที่ปากช่องคลอด ผนังช่องคลอด
ปากมดลูก ปากทวารหนักและฝีเย็บ หูดมีขนาดโตขึ้นเรื่อย ๆ การตั้งครรภ์จะทาให้หูดโตเร็วกว่าปกติ ถ้าไม่รีบ
รักษาจะเป็นมากขึ้นและยากต่อการรักษา และทารกอาจติดเชื้อได้ขณะคลอด
8. หิด (Scabies) เกิดจากตัวไร Sarcoptes scabei ลักษณะจะมีตุ่มน้าใสและตุ่มหนองคันขึ้นกระจายทั้ง 2 ข้าง
ของร่างกาย มักพบตามง่ามนิ้วมือ ข้อศอก รักแร้ รอบหัวนม รอบสะดือ อวัยวะสืบพันธุ์ ข้อเท้า หลังเท้า ก้น
ผู้ป่วยมักมีอาการคันมาก โดยเฉพาะเวลากลางคืน สามารถติดต่อได้จากการสัมผัสใกล้ชิด สัมผัสทางเพศหรือ อยู่
ใกล้ชิดกับผู้ป่วย
- 5. 5
9. ซิฟิลิส (Syphilis) เกิดจากการติดเชื้อ Treponema pallidum เป็นโรคที่มีอันตราย และมีอาการเรื้อรัง
สามารถติดต่อยาวนานกว่า 2 ปี ลักษณะการติดเชื้อเริ่มแรกจะเป็นก้อนแข็ง แต่ไม่เจ็บที่บริเวณอวัยวะเพศ หาก
ไม่รักษาจะกลายเป็นระยะที่สองที่เรียกว่า เข้าข้อหรือออกดอก ถ้าทิ้งไว้นานจะทาให้เกิดโรคแก่ระบบต่างๆ ของ
ร่างกายหลายระบบ ทั้งซิฟิลิสระบบหัวใจและหลอดเลือด ซิฟิลิสระบบประสาท เป็นต้น นอกจากนี้ มารดาที่เป็น
โรคซิฟิลิสจะถ่ายทอดโรคสู่ทารกในครรภ์ได้เรียกว่า ซิฟิลิสแต่กาเนิด (congenital syphilis) จึงถือซิฟิลิสเป็น
โรคที่มีอันตราย และมีอาการเรื้อรัง สามารถติดต่อยาวนานกว่า 2 ปี
10. โลน (Pediculosis Pubis) เกิดจากแมลงตัวเล็กที่เรียกว่า pediculosis pubis อาศัยอยู่ที่ขนหัวเหน่า ชอบ
ไชตามรากขนอ่อน และดูดเลือดคนเป็นอาหาร ผู้ที่เป็นโรคนี้ จะมีอาการคัน เมื่อเกาจะทาให้เจ้าตัวเชื้อแพร่ไปยัง
บริเวณอื่นได้ การวินิจฉัยสามารถทาได้ด้วยตาเปล่า จะพบไข่สีขาวเกาะตรงโคนขนไข่จะมีลักษณะวงรี ติดต่อได้
จากการสัมผัสทางเพศกับผู้ป่วย หรือใช้กางเกงในร่วมกัน การรักษาสามารถซื้อยาทาได้ตามร้านขายยา
11. พยาธิช่องคลอด (Vaginal Trichomoniasis) เกิดจากเชื้อโปรโตซัว Trichomonas vaginalis ผู้ป่วยจะมี
อาการตกขาวผิดปกติ มีสีเขียวขุ่นหรือเหลืองเข้ม มีฟองอากาศและมีกลิ่นเหม็น เกิดการระคายเคืองบริเวณ
อวัยวะเพศ เจ็บปวดขณะมีเพศสัมพันธ์ คันและแสบปากช่องคลอด
12. เชื้อราในช่องคลอด (Vaginal Candidiasis) เกิดจากเชื้อรากลุ่ม Candida ซึ่งร้อยละ 80 - 90 เกิด
จาก Candida albicans ทาให้มีอาการระคายเคืองบริเวณช่องคลอด มีการตกขาวขุ่นจับเป็นก้อน อาจมีอาการ
ปัสสาวะแสบขัด เจ็บขณะร่วมเพศ