1. โครงงานคอมพิวเตอร์
เรื่อง
อ่านหนังสืออย่างไรไม่ให้ง่วง
How not to fall asleep
reading

2. จัดทาโดย
• นายไชยวุฒิ อิ่นแก้วปวงคา เลขที่ 1
• นายปริวรรต นามแก้ว เลขที่ 49
• ชั้น มัธยมศึกษาปีที่ 6/6

3. สารบัญ
เทคนิคเอาชนะความง่วง
ที่มาและความสาคัญ
การเรียนหนังสือ
วัตถุประสงค์
อ่านหนังสือให้อดถึกจา
ึ
สาเหตุความง่วง
ขอบเขตโครงงาน
บรรณานุกรม

4. เนื่องด้วยในปัจจุบันนั้นวัยรุ่นไทยกับการเรียน
นับเป็นปัญหาหลักๆคือ การง่วงนอนระหว่างคาบ
เรียน จึงทาให้ เรียนไม่รู้เรื่อง โดนคุณครูทาโทษ
พอเวลาหบิยจับหนังสือก็จะง่วงทุกครั้งไปสุดท้าย
คะแนนสอบก็ออกมาไม่ดี

5. • วัตถุประสงค์
1.ใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์
2.แก้ไขไม่ให้หลับระหว่างอ่านหนังสือ
3.เสริมสร้างความจา

6. • 1.การเรียนหนังสือ
• 2.ความง่วง
• 3.เทคนิคไม่ง่วง

7. • เริมจาก ตังเป้าหมายอย่างชัดเจนว่าจะอ่านแต่ละวิชา หรือทา
่
้
การบ้านมากน้อยแค่ไหน จากนั้นลงมือทาตามเป้าหมายทีตงไว้
่ ั้
• -หากวิชาไหนทียากมาก ลองรวมกลุ่มกับเพือนๆ ช่วยกันติว
่
่
• -หาเวลาอ่านหนังสือทบทวนบทเรียนทุกๆวัน วันละ 1-2
ชัวโมง จนเป็นนิสย
่
ั

8. • ฝึกทักษะการเรียนอยู่เสมอๆ เช่น ฝึกอ่านให้เร็วขึ้น
จดบันทึกเป็นระบบ จัดระเบียบความคิด และ สรุปเนื้อหา
• ทาการบ้านหรือรายงานที่ได้รบมอบหมายให้เสร็จทันเวลา
ั
• อย่างสุดท้ายต้องตังใจเรียนด้วยตนเอง เพราะไม่มใครช่วยเราได้
้
ี
• เพียงเท่านี้ คุณก็สามารถเรียนเก่งได้ดวยตัวเอง.
้

9. • 1.ปัจจัยทางกายภาพ
-เกิดตัวเอง -เช่น เมื่อวานไม่ได้นอนหรือนอนหลับไม่เพียงพอ,
ขี้เกียจ, ป่วยอยู่เช่น มีไข้ ต้องการการพักผ่อน
-เกิดจากสิ่งแวดล้อม เช่น อากาศร้อนอบอ้าวทาให้ไม่อยากทา
อะไร, อากาศเย็นสบายน่านอน, ได้ยาที่มฤทธิ์ทาให้ง่วง, ไม่ได้
ี
กินกาแฟ (เพราะปกติผมกินกาแฟบ่อยมากๆ)

10. • 2.ปัจจัยทางด้านจิตใจ
เช่น ความท้อแท้, เบือหน่าย, ผิดหวัง, มึนงง ,
่
สับสน มีผลให้อยากหนีจากความเป็นจริง
(โดยการนอน)

11. • 8 วิธกาจัดความง่วง(ในห้องเรียน) ถ้าง่วงนัก 8 วิธนี้ เอาอยู่
ี
ี
แน่นอนค๊า ^0^
• 1. นังข้างเพือนทีตงใจเรียน : เวลาเห็นใครตั้งใจเรียน มันจะเป็นแรง
่
่
่ ั้
กระตุ้นเบาๆ ให้เราตั้งใจเรียนกับเขาด้วย เขาจด เราก็จด เขาฟัง เราก็
ฟัง ยิ่งเราจดจ่อกับสิ่งที่เราเรียน เราก็ไม่ง่วงจ้า
2. เลือกนังแถวหน้าๆ : ยิ่งเราใกล้ชิดคุณครูมากเท่าไหร่ เรายิ่งต้อง
่
สนใจเรียน เพราะถ้าขืนทาหน้าง่วงๆ คุณครูอาจจะดุเอา

12. • 3. กิน : ในกรณีที่คุณครูไม่เข้มงวดมาก น้องๆ อาจหาซื้อขนมขบ
เคี้ยวห่อเล็กๆ หรือลูกอม หมากฝรั่งรสเปรี้ยวๆ มากินแก้ง่วงได้จ้า
4. ตังใจเรียน : อันนี้เบสิกมากค่ะน้องๆ ถ้าเราจดจ่อสมาธิของเรากับสิ่ง
้
ที่เราเรียน เราจะหายง่วงไปเองจริงๆ นะ ถ้ามีอะไรไม่เข้าใจหรือสงสัย
ตรงไหน ให้ยกมือถามเลย เพราะนอกจากจะหายง่วงแล้ว เรายังดูเป็น
เด็กตั้งใจเรียนอีกด้วยน้า ><

13. • 5. ฟังและจด : คุณครูพูดอะไรที่เป็นประเด็นสาคัญหรือเป็น
สิ่งที่เราไม่รู้มาก่อน น้องๆ ต้องคิดตาม อย่าฟังเฉยๆ และควร
จดเล็กเชอร์ไว้ด้วย ยิ่งจด ยิ่งหายง่วงนะคะ
• 6. ลองใช้สมุดและปากกาน่ารักๆ : หาสมุดจดเล็กเชอร์ลาย
น่ารักๆ มาใช้ และลองใช้ปากกาหลายๆ สี สิ่งนี้จะทาให้เรารู้สึก
ตื่นตัวขึ้น แถมยังทาให้เราสนุกกับการจดเล็กเชอร์ดวยน้า
้

14. • 7. ถ้าง่วงมาก : ถ้ารู้สึกง่วงมากจนเหมือนวิญญาณจะหลุด
ออกจากร่าง ให้ขออนุญาตคุณครูไปเข้าห้องน้าแล้วล้างหน้า
ล้างตา ตั้งสติซักสองสามนาที แล้วกลับเข้ามานังเรียนใหม่
่
8. สารวจบรรยากาศในห้องเรียน : ถ้าห้องเรียนเป็นห้องแอร์
พยายามอย่าไปนั่งตรงที่แอร์ลง เพราะเมื่อท้องอิ่มๆ เจอกับลม
แอร์เย็นๆ เราจะหลับไปโดยไม่รู้ตัวเลยแหละ

15. 1.นังหลังตรงครับ เมื่อไหร่ที่เริ่มงอและเริ่มคลานนั่นคืออาการของ
่
ความง่วงแล้วครับ
2.หยุดพักสายตาจากการอ่านหนังสือสักพักครับ เงยหน้าขึ้นมา
มองวิวทิวทัศน์ซักหน่อย
3. ล้างหน้าล้างตากันสักนิด ออกเดินทางไปห้องน้าสักหน่อย
4. การ Short note นั่นแหล่ะครับ มันจะช่วยให้เราคิดในสิ่งที่ได้ฟัง
ได้รับและถ่ายทอดออกมาเป็นตัวหนังสือ ทาให้เรามีสติในการเรียน
การอ่านมากยิ่งขึ้นครับ นอกจากทาให้หายง่วงแล้ว ยังเป็นการ
ทบทวนความรูไปในตัวด้วย
้

16. • 5.ยืดเส้นยืดสายกันดีกว่า ลองวางหนังสือและลุกขึ้นมาเต้นท่า
บ้าๆบอๆหน้ากระจกสัก 1 นาทีครับเอาให้เตลิดสุดๆไปเลย
หรือไม่จะกระโดดตบหรืออะไรก็ได้ครับ มันจะทาให้รางกาย
่
ของเราหลังฮอร์โมนชนิดหนึ่งออกมา แล้วทาให้เราไม่ง่วง
่
• 6. จ้างวานคนแถวนั้น ถ้าเป็นที่โรงเรียนก็เพื่อนๆ ถ้าเป็นบ้านก็
พ่อแม่พี่น้อง ให้เค้าคอยดูคอยเรียกด้วยถ้าหลับ

17. • 7.นกหวีดช่วยชีวต อันนี้ก็ง่ายๆครับ ลุกขึ้นมาเป่านกหวีดปีดดดดด
ิ
๊
.... ~ ดังๆ เอาให้สุดลมหายใจ และให้แสบแก้วหูสุดๆไปเลย ช่วยได้
เหมือนกัน
• 8. แก้งวง 5 บาท อันนี้ต้องขอบคุณบทความในเด็กดีครับผมเคยอ่าน
่
เจอ เค้าบอกให้ไปซื้อน้าแข็งถุงละ 5 บาทมาใส่กะละมังแล้วเอาเท้าแช่น้า
เย็นๆในนั้น

18. • ดูแลตัวเองก่อนอ่าน
•
การเตรียมร่างกาย ก่อนการอ่านหนังสือก็ถือเป็นสิ่งที่ต้องใส่ใจ
เริ่มกันตั้งแต่เครื่องแต่งกันกายกันเลย ควรสวมชุดสบายๆ ไม่แน่น
คับเกินไป
• วิธการหักโหมอ่านหนังสือ จนท้องหิวก็ยังไม่หยุด ไม่ส่งผลดี
ี
เพราะในสภาวะนี้จะทาให้ผู้อ่านขาดสมาธิ ขาดพลังงานในการไป
เลี้ยงสมอง และขณะอิ่มใหม่ๆ ก็ไม่ควร เพราะร่างกายจะใช้พลังงาน
ไปกับการย่อยอาหาร เลือดที่ไปเลี้ยงสมองอาจทาให้ระบบการย่อย
ทางานไม่เต็มที่ ขณะที่สมองก็ใช้ประสิทธิภาพได้ไม่เต็มร้อย
•

19. • ท่านั่งหลังตรงตั้งฉาก บนเก้าอี้ที่มีพนักพิงให้พอเหมาะกับสรีระ
ร่างกาย ไม่ฝืนเกร็ง จะให้อ่านได้นานขึ้น
• ควรอ่านหนังสือในสภาวะอารมณ์ปกติ ไม่มีอาการเครียด
มีจิตใจผ่องใส จะทาให้มีสมาธิดี จาได้มาก และเข้าใจได้รวดเร็ว
แล้วไม่เครียดจนเสียสุขภาพ

20. • ดูแลตัวเองขณะทีอาน
่ ่
•
ถือหนังสือให้หางจากดวงตา ประมาณ 30 เซนติเมตร ไม่ควร
่
นอนอ่านหนังสือ เพราะจะทาให้ปวดหลังทาให้เมื่อยแขนและสายตา
ยังต้องปรับระดับมากด้วย
• อ่านหนังสือในทีที่แสงสว่างเพียงพอ ไม่มืดหรือแสงมากไป และไม่
่
ควรอ่านหนังสือบนรถเพราะสายตาจะจับโฟกัสได้ยาก
• พยายามกะพริบตาอยูบอยๆ ป้องกัน อาการตาแห้ง,การอ่อนล้า
่ ่
สายตา
•

21. • ดูแลตัวเองหลังการอ่านหนังสือ
•
หลังการอ่านหนังสือนานๆ ควรพักสายตา โดยมองไปที่ไกลๆ
หรือร่มไม้สีเขียว เพื่อเป็นการผ่อนคลายกล้ามเนื้อที่ดวงตา
• เราสามารถบริหารดวงตา ได้หลายวิธีเช่น การกรอกตาไปมา
หรือการใช้ฝ่ามือคลึงเป็นวงกลมเบาๆ บริเวณดวงตาด้วยฝ่ามือ
•
•
มาเป็นขั้นตอนก่อน-หลัง เพื่อเสริมศักยภาพในการอ่านแต่ไม่
เสียสุขภาพ ยิ่งหนุ่มมัธยม 6 ที่กาลังเข้าโค้งสุดท้าย ใครจะแหกโค้ง
หรือผ่านโค้งไปได้อย่างสวยงาม ก็จังหวะนี้ละ
่

22. บรรณานุกรม
http://www.dek-d.com/board/view/1467125/
http://www.vcharkarn.com/vcafe/146616
http://www.dek-d.com/nugirl/29273/
http://www.dek-d.com/boy/22872/