SlideShare a Scribd company logo
ประวัติผีกระสือ
ประวัติผีกระสือ
ในอดีตเคยมีความเชื่อกันว่า กระสือ คือ ภูตชนิดหนึ่ง วิบากกรรมที่ทาให ้เป็นภูต ตอนเป็นมนุษย์หากินทาง
มิชอบ คือ หลอกลวงต ้มตุ๋นเพื่อนมนุษย์ เช่น นาของปลอมมาหลอกขายเป็นของจริง หรือของโบราณ ไม่ว่าจะเป็น
หญิงหรือชายก็ตาม ตายแล ้วก็จะไปเป็นเปรตก่อน มีความหิวโหยมาก ชอบกินของบูดของเน่า เพราะวิบากกรรมมี
พฤติกรรมสกปรก โลภอยากได ้ทรัพย์ของผู้อื่นในทางมิชอบ พ้นสภาพจากเปรต หากกรรมยังไม่หมดก็จะมาเกิดเป็น
ภูต จะกินได ้เฉพาะของสกปรก ของคาว ของเน่าเหม็น โดยจะเข ้าสิงได ้เฉพาะบุคคลที่มีวิบากกรรมเหมือนที่ตัวเอง
เคยทาตอนเป็นมนุษย์ มันถึงจะดูดไปหากันได ้ ไม่ใช่อยากเข ้าสิงใครก็สิง
ทั้งนี้ภูตมีลักษณะรูปร่างคล ้าย ๆ ผี แต่มีฤทธิ์มากกว่า คือสามารถแปลงกายเป็นสัตว์ได ้ แต่ผีแปลงกายไม่ได ้ ภูต
บางตนแปลงได ้มาก บางตนแปลงได ้น้อย บางภูตแปลงได ้ 2 อย่าง 3 อย่าง 4 อย่าง บางภูตแปลงได ้แค่เป็นหมา
ดาตัวใหญ่ บางภูตแปลงเป็นงูได ้ เป็นต ้น ซึ่งภูตจะมีชีวิตสิงมนุษย์อยู่เหมือนกาฝากที่ติดตามต ้นไม ้ต่าง ๆ ยิ่งอยู่นาน
ไปก็จะยึดทั้งร่างกายและจิตใจของมนุษย์นั้น เหมือนกาฝากที่ขยายขึ้นคลุมต ้นไม ้ พวกนี้จะชอบที่มืด ไม่ชอบแสง
สว่าง แต่ไม่มีหัวและไส ้ตามที่เข ้าใจ จะถอดจิตของเจ ้าของร่างออกขณะเจ ้าของร่างนอนหลับ เมื่อถอดไปแล ้ว
เจ ้าของร่างก็ไปไหนไม่ได ้ จะเห็นเป็นดวงไฟสว่างเป็นสี ๆ ส่วนใหญ่ก็จะมีสีเหลือง สีแดง สีเขียว สีส ้ม ลอยขึ้น ๆ
ลง ๆ เพื่อหาอาหาร ดวงนั้นก็คือดวงจิตของมนุษย์ที่มีวิบากกรรม แล ้วถูกบังคับให ้ออกมา โดยภูตจะหุ้มดวงจิตนั้น
ไว ้ซึ่งมนุษย์จะเห็นแค่เพียงดวงลอยไปเท่านั้น แต่มองไม่เห็นตัวภูต
เช่นเดียวกัน กระสือ ก็ชอบกินของสกปรก ของคาว ของเหม็นเน่า เวลากินก็ต ้องแปลงร่างเป็นภูตก่อน มีรูปร่าง
คล ้าย ๆ คน ผอม ๆ ดา ๆ น่าเกลียด ไม่นุ่งผ ้า แต่คนจะมองเห็นแค่ดวง แต่ตัวก็จะแปลงพรึบขึ้นมาเลย มันจะกึ่ง
หยาบ กึ่งละเอียด แล ้วก็กินของเน่าสกปรกด ้วยความเอร็ดอร่อย เพราะวิบากกรรมบังคับ กินเสร็จแล ้วจะมาเช็ดปาก
กับเสื้อผ ้าที่ชาวบ ้านตากทิ้งไว ้ค ้างคืน แล ้วทิ้งร่องรอยสกปรกไว ้ มีความเชื่อว่าถ ้าเอาผ ้าที่ผีกระสือเช็ดปากไปฟาดที่
บันไดจะทาให ้คนที่เป็น กระสือเกิดปากบวมบ ้าง หรือเอาผ ้าไปต ้มให ้ปวดแสบปวดร้อน
แต่ก็มีบางประวัติกล่าวว่า ผีกระสือจะสิงเด็ดขาดในผู้หญิง เวลากลางวันจะมีร่างเหมือนหญิงทั่วไป มีพฤติกรรม
แปลก ๆ คล ้ายคนป่ วย แต่ตกกลางคืนดึก ๆ วิญญาณร้ายที่สิงอยู่ในส่วนลึกของจิตใจจะบีบเค ้นให ้ศีรษะและอวัยวะ
ภายในหลุด ออกจากร่าง ลอยออกไปล่าเหยื่อกินวัวควายและสัตว์เล็ก ๆ ประเภทกบเขียดแต่มักจะหลบคนและไม่
ทาร้ายคนนอกจากจะจนมุมแล ้ว ชอบกินเครื่องในโดยเฉพาะไส ้แบบสด ๆ จากนั้นจะไปเช็ดปากตามผ ้าที่ตากไว ้ตาม
บ ้านต่าง ๆ
นอกจากนั้น ผีกระสือชอบกินอีกอย่าง คือ อุจจาระ เนื่องจากคนสมัยก่อนจะไม่มีส ้วม แต่จะขุดหลุมใช ้เป็น
ส ้วมชั่วคราว ทาให ้ผีกระสือสามารถไปกินอุจจาระได ้ง่าย จนชาวบ ้านทนไม่ไหวต ้องให ้หมอผีมาปราบ แต่การปราบ
กระสือนั้นไม่สามารถไล่ออกจากร่างของเหยื่อเคราะห์ร้ายได ้ เพราะวิญญาณนั้นได ้หยั่งลึกลงในใจของคน ๆ นั้น
ฉะนั้น การปราบกระสือก็เท่ากับต ้องฆ่าคน ๆ นั้นไปเลย
ลักษณะ พิเศษอีกอย่างของกระสือคือจะมีดวงไฟวูบวาบอยู่ที่หัวใจ เชื่อกันว่านั่นคือวิญญาณที่สิงอยู่ในตัวของคน
เคราะห์ร้าย เมื่อ มองจากที่ไกลๆ จะเห็นเป็นดวงไฟเขียว ๆ ส่องแสงสลัว ๆ ในความมืด ผีกระสือนั้นมีความรอบคอบ
พอดู เพราะเมื่อออกจากร่างไปหากิน เขาจะคาบผ้าห่มมาคลุมร่างไร้หัวของเขาไว ้ก่อนไป ร่างของเขานั้นจะไม่
สามารถเคลื่อนที่ได ้ พูดตรง ๆ ก็คือจะกลายเป็นศพอยู่ขณะหนึ่ง ไม่มีความรู้สึกนึกคิดเพราะอวัยวะภายในหลุด
ออกไปหมดแล ้ว ร่างนั้นจะสงบนิ่งอยู่จนกว่าเขาจะกลับมาเข ้าร่างเดิม
ตำนำนกระสือ
ผู้เฒ่าผู้แก่บอกเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับ “ผีกระสือ” ไว ้ว่า ผีตัวนี้มีมาตั้งแต่โบราณ เป็ นผีผู้หญิงที่ยามปกติใช ้
ชีวิตปะปนกับผู้อื่นในสังคม เกลียดกลัวแสงแดด แต่ตกดึกจะถอดหัวกับไส ้ออกจากร่างไปหากิน โดยปรากฏเป็น
แสงไฟสีเขียว ๆ ที่ล่องลอยจากฟากฟ้ายามค่าคืน ของที่ผีพวกนี้ชอบกินคือของเน่าเสียหรือสิ่งปฎิกูลต่าง ๆ และมี
อีกอย่างที่กระสือชอบกินเป็นพิเศษคือ “รกเด็ก”
สมัยโบราณเมื่อบ ้านใดมีหญิงตั้งครรภ์ ชาวบ ้านมักจะเชื่อกันว่ากระสือจะต ้องไปที่บ ้านหลังนั้นเพื่อกินรกเด็กอย่าง
แน่นอน จึงมักนาปลายไม ้ไผ่แหลม ๆ หรือสิ่งของมีคมต่าง ๆ มาล ้อมไว ้รอบ ๆ บ ้าน เพราะเชื่อกันว่าเป็นสิ่งที่กระสือ
กลัวและเกลียดมากที่สุดคือ เพราะเมื่อใดที่กระสือนั้นเข ้าไปใกล ้สิ่งของแหลม ๆ เหล่านั้น ไส ้อันระโยงระยางของ
มันจะไปเกี่ยวกับไม ้ และเป็นการยากที่จะออกได ้
กำรสืบสำยพันธ์
กระสือสืบทอดทายาทโดยการให ้ผู้ที่ตนเองต ้องการจะให ้เป็นทายาทกิน น้าลายของมันเอง และแล ้ว
บุคคลผู้นั้นก็จะค่อย ๆ ซึมซับความเป็นกระสือไปทีละน้อย จนนานวันเข ้ากลายเป็นทายาทกระสือไป ปัจจุบันไม่มี
ข ้อมูลว่ามีผู้พบเห็นผีตัวนี้อยู่หรือไม่ หรือกระสืออาจจะหายไปกับวัฒนธรรมวิถีชาวบ ้านที่ถูกกระแสกาลเวลา
เปลี่ยนไป…
ผีกระสือในต่ำงแดน
ในแถบมาเลเซียยังมีเรื่องของผีที่มีลักษณะคล ้ายกระสือของไทย ซึ่งผีกระสือของมาเลเซียมีชื่อ
เรียกว่า “ฮันตูปินังกำลัน” โดยมีเรื่องเล่าว่า ครอบครัวหนึ่งประกอบไปด ้วย พ่อ แม่ ลูก วันหนึ่งในตอนกลางคืน ผู้
เป็นพ่อได ้ออกไปธุระข ้างนอกบ ้าน ผู้เป็นแม่ปิดประตูอยู่ในห ้อง แล ้วนางก็หยิบเอาขวดน้ามันมนต์มาทารอบคอ สัก
พักหัวกับตัวของนางก็แยกออกจากกันโดยมีตับไตไส ้พุงห ้อยติดออกมาด ้วย เวลาที่ออกหากินจะเห็นเป็นแสงสี
เหลือง และมีเสียงชู่ ๆ ดังอยู่ตลอดเวลา เพื่อที่จะขับไล่สัตว์เล็กสัตว์น้อยที่จะเข ้ามายุ่งกับพวงไส ้ของนางผู้เป็นลูก
ได ้แอบเห็นดังนั้น จึงลองเอาน้ามันมนต์ของแม่มาลองทาดูบ ้าง ขณะที่หัวกาลังจะแยกออกจากตัว เด็กน้อยเกิดกลัว
จนร้องโวยวายออกมาว่า “ช่วย ด ้วย! หัวของฉันกาลังจะหลุดออกจากตัวแล ้ว”< จนชาวบ ้านละแวกนั้นได ้ยินกันทั่ว
แต่ไม่มีใครกล ้าเยี่ยมหน้าเข ้ามาให ้ความช่วยเหลือ จนกระทั่งหัวของผู้เป็นแม่ลอยกลับมา เสียงร้องโวยวายก็เงียบ
ลง หลังจากวันนั้นครอบครัวนี้ก็ย ้ายหนีไป และไม่มีใครได ้พบเห็นอีกเลย

More Related Content

What's hot

พระอภัยมณี ตอน พระอภัยมณีหนีนางผีเสื้อ22
พระอภัยมณี ตอน พระอภัยมณีหนีนางผีเสื้อ22พระอภัยมณี ตอน พระอภัยมณีหนีนางผีเสื้อ22
พระอภัยมณี ตอน พระอภัยมณีหนีนางผีเสื้อ22phornphan1111
 
สามัคคีเภทคำฉันท1
สามัคคีเภทคำฉันท1สามัคคีเภทคำฉันท1
สามัคคีเภทคำฉันท1Sirisak Promtip
 
สามัคคีเภทคำฉันท์
สามัคคีเภทคำฉันท์สามัคคีเภทคำฉันท์
สามัคคีเภทคำฉันท์Jariya Huangjing
 
แบบฝึกการอ่านบทร้อยกรองประเภทโคลง
แบบฝึกการอ่านบทร้อยกรองประเภทโคลงแบบฝึกการอ่านบทร้อยกรองประเภทโคลง
แบบฝึกการอ่านบทร้อยกรองประเภทโคลงสวิง หน่อแก้ว
 
นิทานอีสปเรื่องลาโง่ผู้หลงผิด2
นิทานอีสปเรื่องลาโง่ผู้หลงผิด2นิทานอีสปเรื่องลาโง่ผู้หลงผิด2
นิทานอีสปเรื่องลาโง่ผู้หลงผิด2Guntima NaLove
 
อภัย
อภัยอภัย
อภัยkutoyseta
 
การอ่านคำให้ถูกต้อง
การอ่านคำให้ถูกต้องการอ่านคำให้ถูกต้อง
การอ่านคำให้ถูกต้องsapatchanook
 
สามัคคีเภทคำฉันท์
สามัคคีเภทคำฉันท์สามัคคีเภทคำฉันท์
สามัคคีเภทคำฉันท์A'waken P'Kong
 
คมคิด คำคม
คมคิด คำคมคมคิด คำคม
คมคิด คำคม
MI
 

What's hot (16)

พระอภัยมณี ตอน พระอภัยมณีหนีนางผีเสื้อ22
พระอภัยมณี ตอน พระอภัยมณีหนีนางผีเสื้อ22พระอภัยมณี ตอน พระอภัยมณีหนีนางผีเสื้อ22
พระอภัยมณี ตอน พระอภัยมณีหนีนางผีเสื้อ22
 
ใบความรู้ หนังตะลุง ม52
ใบความรู้  หนังตะลุง ม52ใบความรู้  หนังตะลุง ม52
ใบความรู้ หนังตะลุง ม52
 
ผีไทย
ผีไทยผีไทย
ผีไทย
 
สามัคคีเภทคำฉันท1
สามัคคีเภทคำฉันท1สามัคคีเภทคำฉันท1
สามัคคีเภทคำฉันท1
 
ใบความรู้ไตรภูมิพระร่วง
ใบความรู้ไตรภูมิพระร่วงใบความรู้ไตรภูมิพระร่วง
ใบความรู้ไตรภูมิพระร่วง
 
สามัคคีเภทคำฉันท์
สามัคคีเภทคำฉันท์สามัคคีเภทคำฉันท์
สามัคคีเภทคำฉันท์
 
แบบฝึกการอ่านบทร้อยกรองประเภทโคลง
แบบฝึกการอ่านบทร้อยกรองประเภทโคลงแบบฝึกการอ่านบทร้อยกรองประเภทโคลง
แบบฝึกการอ่านบทร้อยกรองประเภทโคลง
 
นิทานอีสปเรื่องลาโง่ผู้หลงผิด2
นิทานอีสปเรื่องลาโง่ผู้หลงผิด2นิทานอีสปเรื่องลาโง่ผู้หลงผิด2
นิทานอีสปเรื่องลาโง่ผู้หลงผิด2
 
อภัย
อภัยอภัย
อภัย
 
พระอภัยมณี
พระอภัยมณีพระอภัยมณี
พระอภัยมณี
 
การอ่านคำให้ถูกต้อง
การอ่านคำให้ถูกต้องการอ่านคำให้ถูกต้อง
การอ่านคำให้ถูกต้อง
 
สามัคคีเภทคำฉันท์
สามัคคีเภทคำฉันท์สามัคคีเภทคำฉันท์
สามัคคีเภทคำฉันท์
 
สามัคคีเภทคำฉันท์
สามัคคีเภทคำฉันท์สามัคคีเภทคำฉันท์
สามัคคีเภทคำฉันท์
 
สรุปเรื่อง สามก๊ก
สรุปเรื่อง สามก๊กสรุปเรื่อง สามก๊ก
สรุปเรื่อง สามก๊ก
 
คมคิด คำคม
คมคิด คำคมคมคิด คำคม
คมคิด คำคม
 
Learn good
Learn goodLearn good
Learn good
 

ประวัติผีกระสือ

  • 1. ประวัติผีกระสือ ประวัติผีกระสือ ในอดีตเคยมีความเชื่อกันว่า กระสือ คือ ภูตชนิดหนึ่ง วิบากกรรมที่ทาให ้เป็นภูต ตอนเป็นมนุษย์หากินทาง มิชอบ คือ หลอกลวงต ้มตุ๋นเพื่อนมนุษย์ เช่น นาของปลอมมาหลอกขายเป็นของจริง หรือของโบราณ ไม่ว่าจะเป็น หญิงหรือชายก็ตาม ตายแล ้วก็จะไปเป็นเปรตก่อน มีความหิวโหยมาก ชอบกินของบูดของเน่า เพราะวิบากกรรมมี พฤติกรรมสกปรก โลภอยากได ้ทรัพย์ของผู้อื่นในทางมิชอบ พ้นสภาพจากเปรต หากกรรมยังไม่หมดก็จะมาเกิดเป็น ภูต จะกินได ้เฉพาะของสกปรก ของคาว ของเน่าเหม็น โดยจะเข ้าสิงได ้เฉพาะบุคคลที่มีวิบากกรรมเหมือนที่ตัวเอง เคยทาตอนเป็นมนุษย์ มันถึงจะดูดไปหากันได ้ ไม่ใช่อยากเข ้าสิงใครก็สิง ทั้งนี้ภูตมีลักษณะรูปร่างคล ้าย ๆ ผี แต่มีฤทธิ์มากกว่า คือสามารถแปลงกายเป็นสัตว์ได ้ แต่ผีแปลงกายไม่ได ้ ภูต บางตนแปลงได ้มาก บางตนแปลงได ้น้อย บางภูตแปลงได ้ 2 อย่าง 3 อย่าง 4 อย่าง บางภูตแปลงได ้แค่เป็นหมา ดาตัวใหญ่ บางภูตแปลงเป็นงูได ้ เป็นต ้น ซึ่งภูตจะมีชีวิตสิงมนุษย์อยู่เหมือนกาฝากที่ติดตามต ้นไม ้ต่าง ๆ ยิ่งอยู่นาน ไปก็จะยึดทั้งร่างกายและจิตใจของมนุษย์นั้น เหมือนกาฝากที่ขยายขึ้นคลุมต ้นไม ้ พวกนี้จะชอบที่มืด ไม่ชอบแสง สว่าง แต่ไม่มีหัวและไส ้ตามที่เข ้าใจ จะถอดจิตของเจ ้าของร่างออกขณะเจ ้าของร่างนอนหลับ เมื่อถอดไปแล ้ว เจ ้าของร่างก็ไปไหนไม่ได ้ จะเห็นเป็นดวงไฟสว่างเป็นสี ๆ ส่วนใหญ่ก็จะมีสีเหลือง สีแดง สีเขียว สีส ้ม ลอยขึ้น ๆ ลง ๆ เพื่อหาอาหาร ดวงนั้นก็คือดวงจิตของมนุษย์ที่มีวิบากกรรม แล ้วถูกบังคับให ้ออกมา โดยภูตจะหุ้มดวงจิตนั้น ไว ้ซึ่งมนุษย์จะเห็นแค่เพียงดวงลอยไปเท่านั้น แต่มองไม่เห็นตัวภูต เช่นเดียวกัน กระสือ ก็ชอบกินของสกปรก ของคาว ของเหม็นเน่า เวลากินก็ต ้องแปลงร่างเป็นภูตก่อน มีรูปร่าง คล ้าย ๆ คน ผอม ๆ ดา ๆ น่าเกลียด ไม่นุ่งผ ้า แต่คนจะมองเห็นแค่ดวง แต่ตัวก็จะแปลงพรึบขึ้นมาเลย มันจะกึ่ง หยาบ กึ่งละเอียด แล ้วก็กินของเน่าสกปรกด ้วยความเอร็ดอร่อย เพราะวิบากกรรมบังคับ กินเสร็จแล ้วจะมาเช็ดปาก กับเสื้อผ ้าที่ชาวบ ้านตากทิ้งไว ้ค ้างคืน แล ้วทิ้งร่องรอยสกปรกไว ้ มีความเชื่อว่าถ ้าเอาผ ้าที่ผีกระสือเช็ดปากไปฟาดที่ บันไดจะทาให ้คนที่เป็น กระสือเกิดปากบวมบ ้าง หรือเอาผ ้าไปต ้มให ้ปวดแสบปวดร้อน แต่ก็มีบางประวัติกล่าวว่า ผีกระสือจะสิงเด็ดขาดในผู้หญิง เวลากลางวันจะมีร่างเหมือนหญิงทั่วไป มีพฤติกรรม แปลก ๆ คล ้ายคนป่ วย แต่ตกกลางคืนดึก ๆ วิญญาณร้ายที่สิงอยู่ในส่วนลึกของจิตใจจะบีบเค ้นให ้ศีรษะและอวัยวะ ภายในหลุด ออกจากร่าง ลอยออกไปล่าเหยื่อกินวัวควายและสัตว์เล็ก ๆ ประเภทกบเขียดแต่มักจะหลบคนและไม่ ทาร้ายคนนอกจากจะจนมุมแล ้ว ชอบกินเครื่องในโดยเฉพาะไส ้แบบสด ๆ จากนั้นจะไปเช็ดปากตามผ ้าที่ตากไว ้ตาม บ ้านต่าง ๆ นอกจากนั้น ผีกระสือชอบกินอีกอย่าง คือ อุจจาระ เนื่องจากคนสมัยก่อนจะไม่มีส ้วม แต่จะขุดหลุมใช ้เป็น ส ้วมชั่วคราว ทาให ้ผีกระสือสามารถไปกินอุจจาระได ้ง่าย จนชาวบ ้านทนไม่ไหวต ้องให ้หมอผีมาปราบ แต่การปราบ กระสือนั้นไม่สามารถไล่ออกจากร่างของเหยื่อเคราะห์ร้ายได ้ เพราะวิญญาณนั้นได ้หยั่งลึกลงในใจของคน ๆ นั้น ฉะนั้น การปราบกระสือก็เท่ากับต ้องฆ่าคน ๆ นั้นไปเลย ลักษณะ พิเศษอีกอย่างของกระสือคือจะมีดวงไฟวูบวาบอยู่ที่หัวใจ เชื่อกันว่านั่นคือวิญญาณที่สิงอยู่ในตัวของคน เคราะห์ร้าย เมื่อ มองจากที่ไกลๆ จะเห็นเป็นดวงไฟเขียว ๆ ส่องแสงสลัว ๆ ในความมืด ผีกระสือนั้นมีความรอบคอบ พอดู เพราะเมื่อออกจากร่างไปหากิน เขาจะคาบผ้าห่มมาคลุมร่างไร้หัวของเขาไว ้ก่อนไป ร่างของเขานั้นจะไม่ สามารถเคลื่อนที่ได ้ พูดตรง ๆ ก็คือจะกลายเป็นศพอยู่ขณะหนึ่ง ไม่มีความรู้สึกนึกคิดเพราะอวัยวะภายในหลุด ออกไปหมดแล ้ว ร่างนั้นจะสงบนิ่งอยู่จนกว่าเขาจะกลับมาเข ้าร่างเดิม ตำนำนกระสือ ผู้เฒ่าผู้แก่บอกเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับ “ผีกระสือ” ไว ้ว่า ผีตัวนี้มีมาตั้งแต่โบราณ เป็ นผีผู้หญิงที่ยามปกติใช ้ ชีวิตปะปนกับผู้อื่นในสังคม เกลียดกลัวแสงแดด แต่ตกดึกจะถอดหัวกับไส ้ออกจากร่างไปหากิน โดยปรากฏเป็น แสงไฟสีเขียว ๆ ที่ล่องลอยจากฟากฟ้ายามค่าคืน ของที่ผีพวกนี้ชอบกินคือของเน่าเสียหรือสิ่งปฎิกูลต่าง ๆ และมี อีกอย่างที่กระสือชอบกินเป็นพิเศษคือ “รกเด็ก” สมัยโบราณเมื่อบ ้านใดมีหญิงตั้งครรภ์ ชาวบ ้านมักจะเชื่อกันว่ากระสือจะต ้องไปที่บ ้านหลังนั้นเพื่อกินรกเด็กอย่าง แน่นอน จึงมักนาปลายไม ้ไผ่แหลม ๆ หรือสิ่งของมีคมต่าง ๆ มาล ้อมไว ้รอบ ๆ บ ้าน เพราะเชื่อกันว่าเป็นสิ่งที่กระสือ กลัวและเกลียดมากที่สุดคือ เพราะเมื่อใดที่กระสือนั้นเข ้าไปใกล ้สิ่งของแหลม ๆ เหล่านั้น ไส ้อันระโยงระยางของ มันจะไปเกี่ยวกับไม ้ และเป็นการยากที่จะออกได ้ กำรสืบสำยพันธ์ กระสือสืบทอดทายาทโดยการให ้ผู้ที่ตนเองต ้องการจะให ้เป็นทายาทกิน น้าลายของมันเอง และแล ้ว บุคคลผู้นั้นก็จะค่อย ๆ ซึมซับความเป็นกระสือไปทีละน้อย จนนานวันเข ้ากลายเป็นทายาทกระสือไป ปัจจุบันไม่มี ข ้อมูลว่ามีผู้พบเห็นผีตัวนี้อยู่หรือไม่ หรือกระสืออาจจะหายไปกับวัฒนธรรมวิถีชาวบ ้านที่ถูกกระแสกาลเวลา เปลี่ยนไป… ผีกระสือในต่ำงแดน ในแถบมาเลเซียยังมีเรื่องของผีที่มีลักษณะคล ้ายกระสือของไทย ซึ่งผีกระสือของมาเลเซียมีชื่อ เรียกว่า “ฮันตูปินังกำลัน” โดยมีเรื่องเล่าว่า ครอบครัวหนึ่งประกอบไปด ้วย พ่อ แม่ ลูก วันหนึ่งในตอนกลางคืน ผู้ เป็นพ่อได ้ออกไปธุระข ้างนอกบ ้าน ผู้เป็นแม่ปิดประตูอยู่ในห ้อง แล ้วนางก็หยิบเอาขวดน้ามันมนต์มาทารอบคอ สัก พักหัวกับตัวของนางก็แยกออกจากกันโดยมีตับไตไส ้พุงห ้อยติดออกมาด ้วย เวลาที่ออกหากินจะเห็นเป็นแสงสี เหลือง และมีเสียงชู่ ๆ ดังอยู่ตลอดเวลา เพื่อที่จะขับไล่สัตว์เล็กสัตว์น้อยที่จะเข ้ามายุ่งกับพวงไส ้ของนางผู้เป็นลูก ได ้แอบเห็นดังนั้น จึงลองเอาน้ามันมนต์ของแม่มาลองทาดูบ ้าง ขณะที่หัวกาลังจะแยกออกจากตัว เด็กน้อยเกิดกลัว
  • 2. จนร้องโวยวายออกมาว่า “ช่วย ด ้วย! หัวของฉันกาลังจะหลุดออกจากตัวแล ้ว”< จนชาวบ ้านละแวกนั้นได ้ยินกันทั่ว แต่ไม่มีใครกล ้าเยี่ยมหน้าเข ้ามาให ้ความช่วยเหลือ จนกระทั่งหัวของผู้เป็นแม่ลอยกลับมา เสียงร้องโวยวายก็เงียบ ลง หลังจากวันนั้นครอบครัวนี้ก็ย ้ายหนีไป และไม่มีใครได ้พบเห็นอีกเลย