SlideShare a Scribd company logo
1 of 14
Download to read offline
1
แด่ดวงตะวัน

วิชชา วรรณรัตน์

พิมพ์ครั้งแรก มกราคม 2556

สงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติ

ห้ามมิให้ผู้ใดนาส่วนใดส่วนหนึ่งหรือทัง หมดของหนังสือเล่มนี้ไปคัดลอกโดยวิธีการถ่ายเอกสาร
                                     ้

โรเนียว พิมพ์โดยเครื่องจักร หรือวิธีการอื่นใดโดยไม่ได้รับอนุญาต




                                                  2
จิตใต้สานึก

        ตะวัน สันติภาพ ชื่อนี้หากเป็นนักอ่านรุ่นเก่าๆคงคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี ใช่ครับ ผมเป็นลูกชาย
ของท่าน เป็นลูกชายของนักเขียน

        ตลอดระยะเวลายี่สิบแปดปีของเข็มนาฬิกาชีวิต ผมคิดและเขียนเรื่องเล่ามาแล้วหลายชิ้นงาน
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องสั้น เรื่องยาว บทความ บทภาพยนตร์สั้น บทสารคดี ตลอดจน สคริปรายการทีวีและสคริป
เพื่อการการค้าและการโฆษณาต่างๆ พูดได้อย่างเต็มปากว่า ความสามารถในเชิงการเล่าเรื่องต่างๆล้วน
ถ่ายทอดจากดีเอ็นเอของพ่อมาสู่ตัวผมทั้งสิ้น

        2 เรื่องสั้นที่ท่านกาลังจะได้อ่านนี้ เรื่องที่1 ผมเขียนให้พ่อเนื่องในวันเกิดของท่านเมื่อหลายปี
มาแล้ว เรื่องที่2 ผมเขียนเนื่องในวาระที่เข็มนาฬิกาชีวิตของท่านหยุดเดินทาง ต่างกรรมต่างวาระกันโดย
สิ้นเชิงแต่สิ่งหนึ่งที่มีร่วมกันคือผมอยากแสดงให้ท่านเห็นว่าผมเป็นลูกของท่านเป็นลูกของนักเขียนเต็มตัว

        อาจดูเป็นส่วนตัวไปเสียหน่อย แต่หน้าที่ของเรื่องเล่าคือการเป็นสื่อกลางความคิดของนักเขียน
ไปสู่ตัวผู้อ่านมิใช่หรือ..... หวังเป็นอย่างยิ่งว่าท่านจะได้“อะไร”จากการเสียเวลาอ่านงานเขียนชิ้นนี้ครับ

        ขอต้อนรับสู่โลกของ “ผม” อีกครั้ง ส่วนจะเป็นสีอะไรนั้นสุดแล้วแต่ท่านผู้อ่านจะสัมผัสเถิดครับ

        ด้วยความระลึกถึงและซาบซึ้งเหลือเกินกับมรดกอันทรงคุณค่าที่พ่อถ่ายทอดให้




                                                                                     วิชชา วรรณรัตน์

                                                   เดือนแรกของปี 2556 ที่ทุกสิ่งเปลี่ยนแปลงไปตามวันเวลา




                                                    3
สารบัญ


ตัวตน                    5

ปฏิกิริยา                7




                     4
ตัวตน


        ผู้คนภายในอาณาบริเวณร้านต่างหันมองตลอดจนให้ความสนใจในความเงียบงันที่คั่นกลาง
ระหว่างชายทั้งสอง หลายคนเฝ้ามองและตั้งคาถาม อีกหลายต่อหลายคนทิ้งความสงสัยไว้ที่ปลายตา

                        ………………………………………………

        เป็นความกลมกลืนในความขัดแย้งระหว่างชายสองรุ่นสองคน

        เหตุใดความเงียบงันจึงเต็มไปด้วยการสื่อสาร

        เหตุใดความแตกต่างกลับสร้างจุดร่วมลงตัว

        เหตุใดชายสองวัยจึงมานั่งดื่มน้าสีอาพันลาพังสองคน

        ภาพชายหนุ่มตรงหน้าทาให้ชายชราบังเกิดอารมณ์อันหลากหลาย เขาชื่นชมประกายตาเร่าร้อนที่
เต็มไปด้วยพลังขับเคลื่อนในองศาใกล้กับความสงสัย บางคราชายชราเห็นชายหนุ่มที่ละม้ายกับเขา
ซ้อนทับกับชายตรงหน้า ทว่าหากเพ่งมองเขากลับเห็นคนแปลกหน้าที่ล้นเอ่อด้วยอัตตาและอหังการใน
ความเย่อหยิ่ง

        ริ้วรอยแห่งประสบการณ์ที่ปรากฏชัดบนใบหน้าของชายชราทาให้ชายหนุ่มบังเกิดความสงสัย
เขาหัวเราะมากี่ครั้งร้องไห้มากี่คราทุกข์ทนเจ็บปวดกับการแสวงหาในวัยหนุ่มมามากเพียงใด

        หลายภาพที่ซ้อนทับสร้างความคาดหวังและอิ่มเอมใจให้ชายชรา หากแต่บางภาพที่ขัดแย้งกลับ
สร้างความเคลือบแคลงและสิ้นหวัง เขาสุขใจทุกครั้งที่ชายหนุ่ม “ทา” ในสิ่งที่เขาทาไม่ได้หรือไม่สาเร็จ


                                                 5
ทุกข์ทรมานดังภาพความเจ็บปวดในอดีตหวนคืนทุกครา เมื่อชายหนุ่มพาตัวเองก้าวเดินไปบนหนทางที่เขา
เคยพลาดพลั้ง

ชายชราคิดเสมอว่าชายตรงหน้าคือตัวตนในวัยหนุ่ม

บนหนทางแห่งการแสวงหา ชายหนุ่มย่าเดินซ้ารอยเท้าของชายชรา ในความเปลี่ยวเหงาและเจ็บปวด ชาย
ทั้งสองสัมผัสได้ในกลิ่นอายของกันและกัน มันปรากฏออกมาโดยไม่ต้องพึ่งกระบวนการสื่อสารหรือ
ช่องทางใด ๆ

        หากแต่ในความแตกต่าง ก็ชัดเจนเฉกเช่นกัน

แม้จะเป็นถนนสายเดิม ความแตกต่างแห่งยุคสมัยทาให้ถนนสายนี้มิใช่ถนนที่ชายชราเคยย่าเดิน

        วันคืนของชายทั้งสองเดินทางไปบนองศาที่แตกต่าง จังหวะย่างก้าวที่มากด้วยอัตตาและความ
เย่อหยิ่ง หลายร้อยประสบการณ์ในการสลับรับของจันทรากับอาทิตย์ส่งผลให้ชายทั้งสองสร้างกาแพง
ขึ้นมาปกป้องโลกของเขา โลกที่ไม่ว่าหน้าไหนก็ไม่อาจล่วงละเมิด

        โลกที่แม้แต่ชายชราก็มิอาจทาความเข้าใจ...................

        โลกที่ชายหนุ่มมิอาจคาดเดา

ชายชรารินน้าลงไปในแก้วที่ว่างเปล่า ฟองมากมายผุดพรายขึ้นมาจนกระทั่งจางหายเหลือไว้เพียงน้าสี
อาพันทอประกายล้อแสงสุดท้ายแห่งอัสดง

        ชายหนุ่มยกมือไหว้ในท่าทีอ่อนน้อม นับจากวันแรกจนถึงวันนี้ความเคารพรักในตัวชายชรายังคง
อยู่ที่เดิม หากแต่มิใช่การเคารพรักอย่างหน้ามืดตามัว ทุกรอยเท้าที่ชายชราก้าวเดินมีคุณค่าเสมอทั้งในแง่
ของการเรียนรู้และการเอาเป็นแบบอย่าง



                -------------------------------------------------------------------------------




                                                    6
ปฏิกิริยา


        “ในฐานะมนุษย์คนหนึ่งความภาคภูมิใจสูงสุดของพ่อคือการที่ผู้คนเรียกท่านว่านักเขียน แม้วันนี้
ลมหายใจจะขาดห้วงลงไปแล้ว หากแต่จิตวิญญาณพ่อยังคงอยู่ หลายร้อยประสบการณ์ตลอดจนวิธีคิด
และมุมมองที่มีต่อโลกใบนี้ยังคงโลดแล่นอยู่ในตัวหนังสือของพ่อ แม้ในช่วงบั้นปลายชีวิตจิตวิญญาณนั้นก็
มิได้จางหาย ท่านยังคงเป็นนักคิด นักเขียน ตราบจนสัมปชัญญะสุดท้ายแห่งการตื่นรู้ จิตวิญญาณคงอยู่
รอยเท้ายังนาทางให้ลูกย่าเดิน ลูกของพ่อ....” ชายหนุ่มเก็บกระดาษที่ใช้อ่านเข้าไปในเสื้อสูท โค้งหัว
เล็กน้อยและก้าวลงจากโพเดี้ยมด้วยกิริยาสงบนิ่ง

        ควันสีเทาหม่นลอยขึ้นจากปล่องไฟไม่นานก็กลืนหายไปกับผืนฟ้า ปุยเมฆถูกแสงสีแสดปนน้าเงิน
ฉาบทาจากการหักเหของแสงอาทิตย์กลมกลืนกับอารมณ์โศกเศร้า ความรู้สึกที่ชายหนุ่มมิสามารถอธิบาย
เกาะกุมอยู่เต็มห้วงความรู้สึก ก้อนอะไรบางอย่างจุกขึ้นมาตรงหน้าอกพลันน้าใสก็เอ่อท้นจากขัวใจจนรินไหลอาบแก้ม
                                                                                       ้

        เป็นครั้งแรกที่เขาต้องเผชิญหน้ากับความสูญเสียเช่นนี้ พ่อกลายเป็นภาพความทรงจาที่ไม่
สามารถจับต้องได้อีกต่อไป ชายหนุ่มยืนดูควันไฟนิ่งอยู่แบบนั้นเนิ่นนาน นานพอที่ความทรงจาที่มีต่อพ่อ
ตั้งแต่วัยเด็กจวบจนวันนี้กระหวัดชัดราวกับดูภาพยนตร์ วลีที่ได้ยินได้ฟังเกี่ยวกับ “อย่าอายที่จะบอกรัก
พ่อ อย่าอายที่จะแสดงความรักต่อพ่อ เพราะวันหนึ่งเมื่อไม่มีท่านแล้วเราจะมานั่งเสียใจ” คาพูดเหล่านั้น
เป็นจริงเพียงครึ่งเดียว สาหรับเขาความรักนั้นยังไม่สามารถอธิบายความรู้สึกที่มีต่อพ่อได้อย่างชัดเจน รัก
เพียงคาเดียวจะสามารถอธิบายปรากฏการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นระหว่างเขากับพ่อซึ่งหล่อหลอมมาเป็นตัวตน
ในวันนี้ได้เช่นไรกัน อย่างไรก็แล้วแต่เขาก็อยากจะอธิบายความรู้สึกทั้งหมดให้พ่อได้รับรู้เช่นเดียวกัน



                                                    7
เพียงแต่ภาษาที่มนุษย์คิดค้นอาจจะไม่มีพลังทางความหมายมากมายเพียงพอกับปริมาณความรู้สึก
เปรียบเหมือนการเทน้าจากขวดลิตรลงสู่แก้วเจียระไนรูปร่างสวยงามหากแต่มีพื้นที่ไม่เพียงพอ

        “รางวัลและความสาเร็จจะมีความหมายอะไรหากขาดคนที่เป็นแรงบันดาลใจร่วมชื่นชม” คือ
ประโยคสั้นๆที่ชายหนุ่มพูดกับอากาศธาตุบริเวณนั้นด้วยซุ่มเสียงแผ่วเบา ไม่มีใครสังเกตหรือได้ยิน

        ……………………………………………………………………………………………

        จากจุดนี้เขาสามารถมองเห็นได้เต็มคลองสายตาในขนาดภาพ 180 องศา ผู้คนสวมชุดสีดากว่า
ร้อยชีวิตกาลังนั่งฟังพระเทศน์อยู่ในศาลาปรับอากาศ เพื่อนเก่าที่ไม่ได้พบหน้ากันเสียนาน ญาติพี่น้อง
ตลอดจนลูกหลานอยู่กันพร้อมหน้า ลูกชายกาลังเดินไปที่โพเดี้ยม เขามีทีท่าสงบนิ่ง ดูเป็นผู้ใหญ่มากกว่า
ครั้งใดที่เคยเห็น ถ้อยคาถูกร้อยเรียงออกมาอย่างสละสลวยจากปากลูกชายคนเดียวของเขา เนื้อหา
ใจความเต็มไปด้วยการสรรเสริญทาให้เขานึกทบทวนตลอดห้วงเวลาของชีวิตจวบจนวันนี้นับได้ 62 ปี เขา
ได้มอบความรักและให้วัตถุสิ่งของตลอดจนความรู้สึกนึกคิดกับลูกชายเพียงพอหรือยัง                ดูเหมือนว่า
ไม่มีสิ่งใดเคยเพียงพอในการใช้ชีวิตของมนุษย์ เรามักจะรู้ตัวต่อเมื่อสายไปทุกครั้งโดยเฉพาะครั้งนี้ที่เขา
รู้ตัวต่อเมื่อไม่มีโอกาสกลับไปแก้ไข

        เขาอยากตาย ความเจ็บป่วยที่เป็นอยู่สร้างความเจ็บปวดและทรมานจนจิตใจมิอาจต้านทาน มัน
ร่าร้องหาความตายอยู่ทุกวินาที เขาคิดเสมอว่าความตายมิใช่สิ่งน่ากลัวตลอดช่วงชีวิตได้ทาทุกสิ่งที่
สามารถทาได้ไปหมดแล้ว วันคืนเปลี่ยนผ่านยุคสมัยของเขาได้สิ้นสุดลงพร้อมกับการมาของสมาร์ทโฟน
โทรศัพท์ที่เคยเป็นเพียงเครื่องมือสื่อสารประจาบ้าน วันนี้กลับกลายเป็นอะไรที่ชายวัย62ปีมิอาจทาความ
เข้าใจ เขาเคยต่อสู้ เคยเพรียกหาคุณค่าและความหมายของชีวิต เคยไม่พอใจสังคมที่ประชาชนถูกปิด
กั้น ความหมายในคุณค่าถูกเรียงร้อยออกมาในรูปแบบของเรื่องสั้น ในยุคสมัยที่นักเขียนมีพลังมากพอจะ
ขับเคลื่อนสังคม ในยุคสมัยที่ผู้คนต่างเพรียกหาสังคมที่ดีกว่า เขาได้ทามันอย่างดีที่สุดแล้ว

        ในคลองสายตาตลอด 180 องศา ลูกชายก้าวลงจากโพเดี้ยม เสียงฝีเท้าของเขาดังกังวาน
ท่ามกลางความเงียบขรึมของศาลาเผาศพ ผู้คนต่างทยอยเดินเรียงแถวสู่เมรุ เขาก้าวตามไป ความทรงจา
มากมายแล่นผ่านห้วงคานึง หนึ่งชีวิตของมนุษย์สามารถบรรจุเรื่องราวได้มากมายแม้ความตายก็มิ
สามารถพรากความรู้สึกที่ฝังลึกลงสู่จิตวิญญาณ จากเพื่อนเก่าสมัยเด็ก สู่มหาวิทยาลัย ล่วงไปถึงวัย
ทางาน และญาติพี่น้องพร้อมหน้า สุดท้ายที่ภรรยา ความอาลัยเกาะกุมอยู่เต็มห้วงสานึก


                                                   8
เขาพยายามมองหาลูกชาย

        -----------------------------------------------------------------------------

        ชายหนุ่มประหม่าเล็กน้อยที่ต้องพูดต่อหน้าคนหมู่มาก อีกทั้งยังต้องสะกดน้าตามิให้ไหลออกมา
ขณะที่พูด กระนั้นแม้จะปิดบังอย่างไร น้าเสียงก็ยังคงสั่นเครือจนสังเกตได้ มันเหมือนกับจะเป็นสิ่ง
สุดท้ายที่สามารถทาเพื่อพ่อได้ ทันทีที่ก้าวลงจากโพเดี้ยมความรู้สึกอ้างว้างเข้าจู่โจมอย่างรุนแรง

        ข่าวดีที่เขารอคอยมาในวินาทีที่หมอเรียกให้เข้าไปดูใจพ่อเป็นครั้งสุดท้าย ไม่ทันได้ให้มีเวลาดีใจ
และยิ่งทาให้น้าตาไหลมากขึ้นทบทวีเมื่อเขาไม่มีโอกาสบอกให้พ่อได้ภาคภูมิใจและร่วมยินดีไปด้วยกัน
ความฝันในการเป็นผู้กากับพึ่งกระจ่างชัดในช่วงอายุยี่สิบปี มันเริ่มก่อตัวขึ้นอย่างเงียบๆในวัยสิบขวบเมื่อ
พ่อพาไปทาความรู้จักกับภาพยนตร์เป็นครั้งแรกในเรื่องจูลาสสิคปาร์ค ความรู้สึกของเด็กชายวัยสิบขวบ
ในวันนั้นยังกระจ่างชัดจนถึงวันนี้ในช่วงอายุสามสิบปี และยิ่งมีโอกาสได้ซึมซับทั้งงานเขียนและหนังสือใน
ตู้ของพ่อ ทักษะในการเรียงร้อยเรื่องราวก็กาเนิดขึ้นโดยที่ชายหนุ่มมิทันรู้ตัว แม้พ่อจะไม่ค่อยเห็นด้วยใน
การเลือกเรียนภาพยนตร์ในระดับมหาวิทาลัย ชายหนุ่มเข้าใจเจตนาดีในการที่อยากให้ลูกได้ทางานที่
มั่นคง แต่เลือดภายในตัวย่อมเข็มข้นกว่า การเป็นนักคิดและนักเล่าเรื่องถูกถ่ายทอดจากเลือดจนซึมลึกสู่
จิตวิญญาณ พ่อซึ่งเป็นคนถ่ายเลือดนั้นให้โดยที่ตั้งใจหรือไม่ก็ตามย่อมต้องเข้าใจ ชายหนุ่มเชื่อแบบนั้น

        และวันนีเขาแสดงให้เห็นแล้ว ว่าเลือกไม่ผิด เขาต่อสู้ อดทน และรอคอย จนได้กากับหนังเรื่อง
                ้
แรกในชีวิต มันคงเป็นความรู้สึกเดียวกับที่พ่อเห็นหนังสือเล่มแรกออกวางบนแผง เขาอยากถ่ายทอด
ความรู้สึกนี้ให้พ่อได้รับรู้พร้อมกับพูดว่า “พ่อครับ ไนน์ ทาได้แล้ว”

        ชายหนุ่มใช้มือขวาปาดน้าตาอีกครั้ง คราวนี้มันซึมออกมาเพียงหยดเดียวจากก้อนสะอื้นมหาศาล
ภายใน พลันสายลมเย็นวูบหนึ่งเข้าปะทะร่าง

        แปลก!ชายหนุ่มคิดกลางเดือนเมษาที่อากาศร้อนอบอ้าวเช่นนี้ สายลมเย็นเยือกพัดมาจากที่ใดกัน

        --------------------------------------------------------------------------

        ควันสีเทาหม่นลอยขึ้นจากปล่องไม่นานก็กลืนหายไปกับผืนฟ้า เขาพบลูกชายหลบมุมอยู่ใกล้ๆกับ
บริเวณเมรุ เด็กน้อยโยเยเอาแต่ใจในวันนั้นบัดนี้เติบโตขึ้นมาเป็นชายหนุ่มที่ท่าทางเคร่งขรึมแบบนี้ได้เช่น
ไรกัน ภาพลูกชายคนเดียวของเขาในวัยเด็กกระหวัดชัดในห้วงคานึง ไนน์เป็นเด็กเอาแต่ใจ ร่าเริง ยิ้มง่าย
และหัวไวในความรู้สึกของผู้เป็นพ่อ เขาทะนุถนอมฟูมฟักหวังให้เติบโตขึ้นมามีหน้าที่การงานที่มั่นคงและ
                                                     9
มีครอบครัวอบอุ่นตามครรลองของชีวิตปุถุชนที่เรียบง่ายมีความสุข เขาเข้าใจชีวิตของผู้คนที่เรียกตนเอง
เป็นศิลปินดีว่าต้องพานพบกับความเจ็บปวด แปลกแยกและเปลี่ยวเหงาเพียงใดจึงจะสร้างงานของตนเอง
ออกมาได้ เขาไม่เคยอยากให้ลูกชายเดินตามรอยเท้าพ่อ แต่เลือดของเขากลับถ่ายทอดไปยังลูกชายเสีย
จนหมด เขาเฝ้าถามตนเอง เหตุใดลูกชายจึงไม่ได้แม่มาบ้าง ภรรยาเขาเป็นผู้หญิงที่ไม่เคยคิดต่าง หัว
อ่อนตามแบบฉบับกุลสตรีไทยซึ่งเป็นช้างเท้าหลัง ทางานในกรอบของรัฐวิสาหกิจจนเกษียน รูปแบบชีวิตที่
เรียบง่ายแบบนี้ที่เขาหวังให้ลูกชายเป็น แต่สิ่งเดียวที่ถ่ายออกจากแม่ของเขาคือใบหน้าคมสันชัดเจนเพียง
แค่นั้น ส่วนความรู้สึกนึกคิด จิตวิญญาณแห่งการครุ่นคิดแปลกแยกกลับถูกถ่ายออกไปจากเขาราวโคลน
นิ่ง

        เขาเอื้อมมือไปตบบ่าลูกชาย แม้จะแสดงท่าทีไม่เห็นด้วยเพียงใด แต่ลึกลงไปแล้วทาไมคนเป็นพ่อ
จะไม่ภูมิใจในเมื่อลูกกาลังเดินซ้ารอยเท้าของตัวเองและวันนี้เขากาลังก้าวแซงออกไปบนถนนสายที่เขา
เลือกเองและอดทนกับมันอย่างเด็ดเดี่ยว เขาไม่เพียงซื่อสัตย์กับจิตวิญญาณของตัวเอง ยังรู้จักทางานใน
สายอาชีพที่เรียนมาและสร้างเม็ดเงินเลี้ยงตัวเองได้ต่างจากผู้เป็นพ่อที่ยึดมั่นในงานเขียนแม้จะไม่มีเงินจ่าย
ค่าเทอมลูกจนต้องเดือดร้อนภรรยา ทาไมเขาจะไม่อยากเอ่ยปากชมลูกชายและโอบกอดให้แน่นๆเป็นครัง
                                                                                      ้
สุดท้ายเหมือนในวัยเด็ก

         “เก่งมากไนน์ พ่อภูมิใจในตัวไนน์มาก ดูแลแม่แทนพ่อด้วยนะ”

        ----------------------------------------------------------------------------------

        “เก่งมากไนน์ พ่อภูมิใจในตัวไนน์มาก ดูแลแม่แทนพ่อด้วยนะ” เสียงนี้แว่วมาคล้อยหลังจาก
สายลมเย็นวูบนั้นเพียงไม่กี่วินาที แว่วเสียงนี้คือเสียงของพ่อ ชายหนุ่มอยากจะคิดแบบนั้นทั้งที่ไม่มีตรรกะ
ตัวใดสามารถมาอธิบายเสียงนี้ที่ได้ยินได้นอกเสียจากว่าเขาหูแว่วไปเอง ชายหนุ่มหันขึ้นไปมองควันไฟ
จากปล่อง พ่อมาบอกลาเขาเป็นครั้งสุดท้ายเช่นนั้นหรือ หมดเวลาแห่งการเสียใจตรงนี้แล้วสินะ ใช่....เขา
ยังมีแม่ซึ่งแก่เฒ่าต้องดูแล

        เวลาของพ่อได้หมดลง สิ่งที่ดารงอยู่คืองานเขียนและจิตวิญญาณซึ่งเขาจะสานต่อในแบบของ
ตัวเอง แต่อะไรบางอย่างในซอกมุมของจิตใจก็ยังร้องเตือนถึงคาถามที่ไม่มีวันได้คาตอบ พ่อเคยภูมิใจใน
ตัวเขาบ้างหรือเปล่า สิ่งที่เขาเป็นที่เขาเลือกในวันนี้ล้วนก่อกาเนิดจากพ่อแทบทั้งสิ้น...........เมื่อความรู้สึก
นี้เข้าจู่โจมก้อนสะอื้นซึ่งมีพลังมหาศาลก็พลันจุกแน่นอยู่ในอกรอที่จะปะทุออกมาเป็นสายน้าตา หากแต่


                                                     10
เขาสะกดกลั้น ไม่มีวันที่น้าตาลูกผู้ชายจะไหลอีกต่อไป เขาเชิดหน้าขึ้น เห็นแม่อยู่ที่บันไดเมรุ เขาต้องเดิน
ไปหาแม่เพื่อปลอบประโลม

        ------------------------------------------------------------------------------------

        ชายหนุ่มฝันแบบเดิมซ้าๆกันอีกแล้ว ในความฝันย้อนกลับไปในวัยเด็ก เป็นวันที่พ่อพาเขาไปดู
หนังครั้งแรก ก่อนจะเข้าประตูชายหนุ่มในคราบเด็กน้อยดึงมือผู้เป็นพ่อไว้แล้วพูดขึ้นว่า พ่อครับ ไนน์ได้
เป็นผู้กากับแล้ว เราเข้าไปดูหนังของไนน์กันเถอะ” ผู้เป็นพ่อเผยยิ้มอบอุ่น ลูบหัวลูกแล้วกล่าวว่า “เก่ง
มากไนน์ พ่อภูมิใจในตัวไนน์มาก” แล้วเขาก็ตื่น เขาจะฝันแบบนี้อย่างน้อยอาทิตย์ละครั้งถึงสองครั้ง
มาร่วมสองเดือน แม่บอกว่าพ่อคงยังไม่ไปไหน แต่เขากลับเลือกที่จะใช้วิชาจิตวิทยาที่เรียนใน
มหาวิทยาลัยมาใช้อธิบายมากกว่า ในความก้ากึ่งระหว่างตรรกะทางวิทยาศาสตร์และโลกของวิญญาณ
ครึ่งหนึ่งเขาเชื่อว่าวิญญาณมีจริงและพ่อน่าจะไปที่ๆคนตายควรจะไปได้แล้วจากการประกอบพิธีกรรมทาง
ศาสนา ความฝันที่เกิดขึ้นจึงเป็นรูปแบบจาลองของสภาวะจิตใต้สานึกที่ยังคงดารงอยู่ในซอกมุมของจิตใจ
เพื่อร่าร้องหาการยอมรับและการชมเชยจากผู้เป็นพ่อ ซึ่งเขาจะไม่มีวันได้รับรู้อีกแล้วในห้วงเวลาของชีวิตที่
เหลืออยู่ ทุกครั้งที่ตื่นขึ้นจากความฝันเขาจะสลัดหน้าเรียกความเป็นตัวเองกลับคืนมาและบอกกับตนเอง
ว่า จงเข้มแข็งและเดินหน้าต่อไป วันนี้ความเสียใจที่สูญเสียพ่อมันค่อยๆจางหายกลับกลายเป็นความทรง
จาทีมีค่าแทนที่ ความตายของพ่อช่วยให้เขาทิ้งวันคืนของวัยหนุ่มเจ้าสาราญกลับกลายเป็นคนขยันทางาน
    ่
และรับผิดชอบความรู้สึกของคนรอบข้างมากขึ้น ช่วยให้เขาเข้าใจว่าปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นกับหนึ่งชีวิต
สามารถสร้างกระเพื่อมไปถึงหลายชีวิตรอบข้างได้อย่างมหาศาล

        ---------------------------------------------------------------------------

        ในห้องที่อบร่าด้วยความเย็นจากเครื่องปรับอากาศและบรรยากาศตรึงเครียดของที่ประชุม บท
ภาพยนตร์ควรจะเสร็จสมบูรณ์เรียบร้อยภายในวันนี้ เพราะพรุ่งนี้จะมีการบวงสรวงเปิดกล้องเพื่อถ่ายทา
หนังเรื่องแรกในชีวิตของเขา ในฐานะผู้กากับเขาเป็นคนคิดพล็อตเรื่องทั้งหมดมีทีมงานเขียนบทอีกสองคน
และผู้ช่วยผู้กากับทาหน้าที่เขียนสกรีนเพลย์และชู้ตติ้งสคริป ปัญหาที่เกิดขึ้นในนาทีนี้คือทุกฝ่ายทั้งคน
เขียนบท และโปรดิวเซอร์ต่างไม่เห็นด้วยกับการกระทาของตัวละครพ่อในเรื่องซึ่งขาดเหตุผลและดูใจร้าย
ในสายตาทุกคน

        “พ่อที่ไหนก็ภูมิใจในตัวลูกทั้งนั้นแหละ” หนึ่งในสองของทีมเขียนบทพูดขึ้น


                                                   11
“แต่พ่อคนนี้ไม่เหมือนกัน เขาต้องการให้ลูกชายหาหนทางของตัวเองให้เจอ ไม่ใช่สืบทอดกิจการ
ของตัวเองต่อ สิ่งที่เขาสร้างทั้งหมดจะถูกโอนให้เป็นสาธารณะกุศล เขาจะภูมิใจกว่าถ้าลูกสร้างทางเดิน
ของตัวเองและประสบความสาเร็จ” ชายหนุ่มพูดด้วยน้าเสียงมุ่งมั่นและท่าทีแข็งกร้าว

       “มันจะไม่ดูใจร้ายไปหน่อยเหรอ ถ้าทางบทแบบนี้มันจะหนักไปหรือเปล่า ผมกลัวว่าคนดูจะรับ
ไม่ได้” โปรดิวเซอร์ออกตัว

       มึงอย่าพูดถึงแต่เงินท่าเดียวสิ นี่มันงานศิลปะโว้ย ชายหนุ่มคิด

       “ไม่หรอกครับ สุดท้ายพระเอกก็จะประสบความสาเร็จในแบบของเขาเพราะพบกับนางเองซึ่งรวย
และช่วยเหลือเขาทุกอย่างความรักก็ก่อตัวขึ้นจากจุดนั้น แฮปปี้เอนดิ้งจะตาย” ชายหนุ่มพยายามปรับ
น้าเสียงให้ราบเรียบ

       “แต่ตอนจบพ่อก็ยังไม่ภูมิใจในตัวลูกของตัวเองอยู่ดีที่ได้ผู้หญิงรวยช่วย” คนเขียนบทอีกคนกล่าว
ขึน
  ้

       ชายหนุ่มเอามือลูบคางของตัวเองเป็นเชิงครุ่นคิดก่อนพูดขึ้น “มันก็แค่ปมของตัวละครที่ผม
พยายามทิ้งไว้ให้คนดูคิดเล่นๆเท่านั้นเอง ไม่แน่ว่าคนดูอาจจะคิดต่างออกไปก็ได้”

       “ใครเค้าจะคิดต่าง คุณเล่นฟันธงชัดเจนแบบนี้” โปรดิวเซอร์เสริมขึ้นอีก หนังมันจะตกม้าตาย
ตอนจบ”

       เสียงของความเงียบงันทาหน้าที่ของมัน บรรยากาศยิ่งเขม็งเกลียวความเครียดมากขึ้น ยังไงเขาก็
ไม่เปลี่ยนบทเป็นแน่

       “งั้นผมจะถ่ายเผื่อสองแบบให้ แล้วลองเอามาตัดดู ถึงตอนนั้นค่อยว่ากันก็แล้วกัน”

       “คุณจะทาแบบนั้นไปทาไม ให้มันสิ้นเปลืองเงิน คิวถ่ายก็ต้องเพิ่ม ไหนจะค่านักแสดง กล้องไฟ
เยอะแยะไปหมด เชื่อเราเถอะเปลี่ยนบทซะ” โปรดิวเซอร์พูดขึ้นและคนอื่นๆก็พยักหน้าเห็นด้วย

       ความอดกลั้นของเขาขาดลงทันที นี่มันเป็นหนังของเขา เจ้าของเงินซื้อพล็อตเรื่องเรียบร้อย สิทธิ์
อันชอบธรรมทุกประการในหนังเรื่องนี้เป็นของเขา และไอ้ลูกจ้างที่ทางานให้เจ้าของเงินมันถือสิทธิ์อะไรมา
ตัดสินหนังที่เปรียบเหมือนลูกของเขา “เอาเรื่องนี้ไปแจ้งเจ้านายคุณทราบแล้วกันว่าผมไม่เปลี่ยนบท ถ้า


                                                 12
เจ้านายคุณยืนยันว่าจะให้เปลี่ยน ค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นหักจากค่าตัวของผมได้เลย” พูดจบเขากระชาก
เก้าอี้ออกอย่างรวดเร็วและเดินออกไปจากห้องประชุม

        เขาทิ้งตัวลงที่เก้าอี้บริเวณสวนหน้าบ้าน เกลียวความเครียดยังไม่คลายตัว ภายในตัวมีความร้อน
ปะทุเหมือนมีใครมาสุมไฟอยู่ในร่างกาย เรื่องงานก็ส่วนหนึ่ง แต่อีกส่วนหนึ่งร้องถามคาถามซ้าๆที่ชาย
หนุ่มไม่มีวันได้คาตอบ และเขาตอบตนเองไม่ได้เช่นกันว่าเหตุใดปมความคิดนี้จึงสลักสาคัญนัก เขาเบื่อที่
ความรู้สึกแบบนี้รบกวนจิตใจ และสมเพชตัวเองที่ทาตัวเหมือนเด็กน้อยที่ต้องการการชมเชยจากพ่อแม่อยู่
ร่าไป เขาน่าจะเติบโตเป็นผู้ใหญ่ได้แล้ว “ผู้กากับ กูเป็นผู้กากับ กูเป็นนักคิด”

        แม่ผิดสังเกตเล็กน้อยที่เห็นลูกชายกลับมาแล้วไม่เข้าบ้านจึงเดินเข้าไปดู

        “มาทั่งทาอะไรมืดๆตรงนี้ล่ะ”

        ชายหนุ่มนิ่งงัน หันมองหน้าแม่อยู่หลายวินาที

        “แม่รู้สึกยังไงที่ไนน์ได้เป็นผู้กากับ”

        แม่มองหน้าลูกชายแล้วยิ้ม บางครั้งเธอก็คิดว่ารู้จักลูกชายของตัวเองดีพอ เขาถอดแบบความ
มั่นใจและบุคลิกเด็ดเดี่ยวจากสามีออกมาราวเป็นคนเดียวกัน หากแต่บางครั้งเธอก็พบจุดขัดแย้งซึ่งไม่มี
ทางที่สามีของเธอจะแสดงท่าทีแบบนี้ออกมาให้ใครเห็น

        “แม่ก็ดีใจกับไนน์ด้วย” เธอนั่งลงที่เก้าอี้ข้างๆลูกชาย

        “เหรอ........”ชายหนุ่มนิ่งคิด “แล้วแม่.....รู้สึกอย่างอื่นอีกมั้ย”

        เธอยิ้ม ยิ้มแห่งความอบอุ่นและเข้าอกเข้าใจลูกของตัวเอง “แม่ภูมิใจในตัวไนน์ที่ไนน์ได้ทาตาม
ฝันของตัวเอง แล้วพ่อเองเค้าก็ภูมิใจ” แม่เอื้อมมือไปขยี้หัวลูกชายของตัวเองเบาๆ

        ชายหนุ่มนิ่งไปหลายอึดใจ “แม่รู้ได้ไงว่าพ่อภูมิใจในตัวไนน์ พ่อเค้าไม่เห็นด้วยซะหน่อยที่ไนน์
เรียนหนัง พ่ออยากให้ไนน์เป็นวิศวกร แต่ไนน์ดันเอนท์ฯไม่ติด พ่อเค้าคงผิดหวังในตัวไนน์มาก” เขา
เหม่อมองไปข้างหน้าแบบที่ไม่ได้จับจ้องที่ใด ภาพในสมองกลับชัดเจนยิ่งกว่าสายตาที่มองเห็น เขายังจาสี
หน้าผิดหวังของพ่อได้อย่างแม่นยาในวันที่รู้ว่าลูกชายตัวเองเอนท์ฯไม่ติดวิศวฯ



                                                      13
สามีไม่เคยบอกเล่าความรู้สึกใดๆให้ลูกได้ฟังมากนัก เป็นเธอมากกว่าที่รับรู้ความเป็นห่วงเป็นใย
และเห็นเขาเฝ้ามองลูกชายด้วยประกายตาชื่นชมอยู่ห่างๆ เขาพูดขึ้นมาในคืนหนึ่งว่า ลูกก็เหมือนตัวเขาจะ
ดีหรือชั่วจะหล่อหรือขี้ริ้วยังไงก็ไม่ได้ทาให้ความรักนั้นจืดจางลง “พ่อเค้าเป็นนักเขียนเลยพูดไม่ค่อยเก่ง
แต่ไนน์ชื่อแม่เถอะว่าพ่อเค้ารักแล้วก็ภูมิใจตัวไนน์มาก มันมีนิยายอยู่เรื่องหนึ่งที่พ่อเค้าเขียนแต่ไม่ได้ลงที่
ไหนสานักพิมพ์เค้าเลยไม่พิมพ์ให้ แม่ว่าไนน์น่าจะได้อ่าน อยู่ในห้องทางานพ่อเค้าแหละลองหาดู พ่อเค้า
เขียนให้ไนน์”

           ---------------------------------------------------------------------------

        ในความฝันพ่อกอดกับแม่เนิ่นนานและพูดคุยอะไรกันตัวเขาเองก็จับใจความไม่ได้ และพ่อก็เดิน
มาที่เขายื่นมือมาเช็คแฮนด์อีกมือหนึ่งตบที่ไหล่ของเขาเบาๆ “เก่งมากไนน์ พ่อภูมิใจในตัวไนน์มาก ดูแล
แม่แทนพ่อด้วยนะ” ในความฝันชายหนุ่มน้าตาไหล มันทั้งตื้นตันและอาลัยพ่ออย่างสุดซึ้งยิ่งกว่าจะสรร
หาประโยคใดมาเปรียบเทียบ เขาสะอื้นอย่างรุนแรงจนต้องพยายามสะกดกลั้นจนตัวสั่นเทิ้ม “พ่อครับ
ไนน์ได้เป็นผู้กากับแล้ว หนังเรื่องนี้ไนน์ได้แรงบันดันดาลใจจากพ่อ ไนน์อยากให้พ่อได้อยู่ดูด้วยกัน” ผู้
เป็นพ่อออกแรงบีบไหล่ลูกชายแน่นความอาลัยต่อครอบครัวล้นอยู่เต็มห้วงความรู้สึก เขาดึงภรรยาและลูก
ชายเข้ามาสวมกอดไว้แนบแน่นดังกับวันวานที่ลูกแรกเกิดแล้วเข้าโอบกอดครอบครัวของตัวเองเป็นครั้ง
แรก

         เขาสะดุ้งตื่นรู้สึกถึงความชื้นที่หมอนและน้าตายังคลออยู่ที่เบ้าตา ข้างกายมีปึกกระดาษเอสี่กว่า
ร้อยหน้า ปรากฏคาโปรยและชื่อเรื่อง “ลูกก็เหมือนตัวกูจะดีหรือชั่ว จะสวยหรือขี้ริ้วอย่างไรก็ไม่ทาให้ความ
รักนั้นจืดจางลง” นิยายชุด “ปฏิกิริยา” ชายหนุ่มหันไปดูกระดาษปึกนั้นปาดน้าตาและบอกตัวเองว่าเขา
จะต้องเข้มแข็งขึ้นเพื่อตัวเองและแม่

        “ได้เวลาตื่นไปทางานที่รักแล้วสินะ”



                          ------------------------------------------------------

พิมพ์ครั้งแรกที่นิตยสารสกุลไทย ฉบับทีฉบับที่ 3031 ประจาวัน อังคารที่ 20 พฤศจิกายน 2555
                                     ่




                                                     14

More Related Content

What's hot

Question (ปรัศนีย์-)
Question  (ปรัศนีย์-)Question  (ปรัศนีย์-)
Question (ปรัศนีย์-)Panda Jing
 
สุภีร์ ทุมทอง สติปัญญา
สุภีร์ ทุมทอง   สติปัญญาสุภีร์ ทุมทอง   สติปัญญา
สุภีร์ ทุมทอง สติปัญญาTongsamut vorasan
 
บทยรรยายแสงเทียนแด่แม่2(วรเชษฐ์ )
บทยรรยายแสงเทียนแด่แม่2(วรเชษฐ์ )บทยรรยายแสงเทียนแด่แม่2(วรเชษฐ์ )
บทยรรยายแสงเทียนแด่แม่2(วรเชษฐ์ )niralai
 
เพชรพระอุมาบทที่๒
เพชรพระอุมาบทที่๒เพชรพระอุมาบทที่๒
เพชรพระอุมาบทที่๒jpamok
 
กลอนพระมหาทองสมุทร
กลอนพระมหาทองสมุทรกลอนพระมหาทองสมุทร
กลอนพระมหาทองสมุทรTongsamut vorasan
 
งานภาษาไทย (ชุติมา)
งานภาษาไทย (ชุติมา)งานภาษาไทย (ชุติมา)
งานภาษาไทย (ชุติมา)Chutima Tongnork
 
งานนำเสนอ2
งานนำเสนอ2งานนำเสนอ2
งานนำเสนอ2MilkOrapun
 
3 ตามรอยธรรม dhamatrail
3 ตามรอยธรรม dhamatrail3 ตามรอยธรรม dhamatrail
3 ตามรอยธรรม dhamatrailTongsamut vorasan
 
สอนการดูลายมือด้วยตัวเอง
สอนการดูลายมือด้วยตัวเองสอนการดูลายมือด้วยตัวเอง
สอนการดูลายมือด้วยตัวเองSaravut Tamavong
 
ทรรศนะ2
ทรรศนะ2ทรรศนะ2
ทรรศนะ2krubuatoom
 
พุดซ้อนซ่อนกลิ่น
พุดซ้อนซ่อนกลิ่นพุดซ้อนซ่อนกลิ่น
พุดซ้อนซ่อนกลิ่นPanda Jing
 
สาส์นนิเทศศาสตร์
สาส์นนิเทศศาสตร์สาส์นนิเทศศาสตร์
สาส์นนิเทศศาสตร์Nattapong Manlee
 

What's hot (18)

Question (ปรัศนีย์-)
Question  (ปรัศนีย์-)Question  (ปรัศนีย์-)
Question (ปรัศนีย์-)
 
สุภีร์ ทุมทอง สติปัญญา
สุภีร์ ทุมทอง   สติปัญญาสุภีร์ ทุมทอง   สติปัญญา
สุภีร์ ทุมทอง สติปัญญา
 
บทยรรยายแสงเทียนแด่แม่2(วรเชษฐ์ )
บทยรรยายแสงเทียนแด่แม่2(วรเชษฐ์ )บทยรรยายแสงเทียนแด่แม่2(วรเชษฐ์ )
บทยรรยายแสงเทียนแด่แม่2(วรเชษฐ์ )
 
เพชรพระอุมาบทที่๒
เพชรพระอุมาบทที่๒เพชรพระอุมาบทที่๒
เพชรพระอุมาบทที่๒
 
ทสชาติชาดก(ย่อ)
ทสชาติชาดก(ย่อ)ทสชาติชาดก(ย่อ)
ทสชาติชาดก(ย่อ)
 
อนุตตรีย์ วัชรภา
อนุตตรีย์  วัชรภาอนุตตรีย์  วัชรภา
อนุตตรีย์ วัชรภา
 
กลอนพระมหาทองสมุทร
กลอนพระมหาทองสมุทรกลอนพระมหาทองสมุทร
กลอนพระมหาทองสมุทร
 
งานภาษาไทย (ชุติมา)
งานภาษาไทย (ชุติมา)งานภาษาไทย (ชุติมา)
งานภาษาไทย (ชุติมา)
 
งานนำเสนอ2
งานนำเสนอ2งานนำเสนอ2
งานนำเสนอ2
 
3 ตามรอยธรรม dhamatrail
3 ตามรอยธรรม dhamatrail3 ตามรอยธรรม dhamatrail
3 ตามรอยธรรม dhamatrail
 
สอนการดูลายมือด้วยตัวเอง
สอนการดูลายมือด้วยตัวเองสอนการดูลายมือด้วยตัวเอง
สอนการดูลายมือด้วยตัวเอง
 
ทรรศนะ2
ทรรศนะ2ทรรศนะ2
ทรรศนะ2
 
นัด
นัดนัด
นัด
 
พุดซ้อนซ่อนกลิ่น
พุดซ้อนซ่อนกลิ่นพุดซ้อนซ่อนกลิ่น
พุดซ้อนซ่อนกลิ่น
 
Ton
TonTon
Ton
 
สาส์นนิเทศศาสตร์
สาส์นนิเทศศาสตร์สาส์นนิเทศศาสตร์
สาส์นนิเทศศาสตร์
 
อิเหนา
อิเหนาอิเหนา
อิเหนา
 
pretest - postest
pretest - postestpretest - postest
pretest - postest
 

Viewers also liked

Eeri 314 pec 2013
Eeri 314 pec 2013Eeri 314 pec 2013
Eeri 314 pec 2013Drifter92
 
กฎแห่งกรรมและวิธีใช้หนี้พ่อแม่ˆ :: พระเดชพระคุณหลวงพ่อจรัญ ฐิตธมฺโม วัดอัมพวั...
กฎแห่งกรรมและวิธีใช้หนี้พ่อแม่ˆ :: พระเดชพระคุณหลวงพ่อจรัญ ฐิตธมฺโม วัดอัมพวั...กฎแห่งกรรมและวิธีใช้หนี้พ่อแม่ˆ :: พระเดชพระคุณหลวงพ่อจรัญ ฐิตธมฺโม วัดอัมพวั...
กฎแห่งกรรมและวิธีใช้หนี้พ่อแม่ˆ :: พระเดชพระคุณหลวงพ่อจรัญ ฐิตธมฺโม วัดอัมพวั...วัฒนธรรมอำเภอลี้ จังหวัดลำพูน
 
กรรมสนองกรรม วิธีทำบุญใช้หนี้กรรม : พระเดชพระคุณหลวงพ่อจรัญ ฐิตธมฺโม วัดอัมพว...
กรรมสนองกรรม วิธีทำบุญใช้หนี้กรรม : พระเดชพระคุณหลวงพ่อจรัญ ฐิตธมฺโม วัดอัมพว...กรรมสนองกรรม วิธีทำบุญใช้หนี้กรรม : พระเดชพระคุณหลวงพ่อจรัญ ฐิตธมฺโม วัดอัมพว...
กรรมสนองกรรม วิธีทำบุญใช้หนี้กรรม : พระเดชพระคุณหลวงพ่อจรัญ ฐิตธมฺโม วัดอัมพว...วัฒนธรรมอำเภอลี้ จังหวัดลำพูน
 
Scienze della comunicazione 2010 2011 (3)
Scienze della comunicazione 2010 2011 (3)Scienze della comunicazione 2010 2011 (3)
Scienze della comunicazione 2010 2011 (3)Bruno Mirabella
 
91218073 bai-giảng-polyme-cong-nghệ-đun
91218073 bai-giảng-polyme-cong-nghệ-đun91218073 bai-giảng-polyme-cong-nghệ-đun
91218073 bai-giảng-polyme-cong-nghệ-đun268199100
 

Viewers also liked (13)

สวดมนต์บูชาพระคุณแม่ˆ : ข้อปฏิบัติของกุลบตร กุลธิดา
สวดมนต์บูชาพระคุณแม่ˆ : ข้อปฏิบัติของกุลบตร กุลธิดาสวดมนต์บูชาพระคุณแม่ˆ : ข้อปฏิบัติของกุลบตร กุลธิดา
สวดมนต์บูชาพระคุณแม่ˆ : ข้อปฏิบัติของกุลบตร กุลธิดา
 
Eeri 314 pec 2013
Eeri 314 pec 2013Eeri 314 pec 2013
Eeri 314 pec 2013
 
ปฏิทินจันทรคติ ประจำปี ๒๕๕๖ : มอบเป็นธรรมทาน
ปฏิทินจันทรคติ ประจำปี ๒๕๕๖ : มอบเป็นธรรมทานปฏิทินจันทรคติ ประจำปี ๒๕๕๖ : มอบเป็นธรรมทาน
ปฏิทินจันทรคติ ประจำปี ๒๕๕๖ : มอบเป็นธรรมทาน
 
พรธรรมนำชีวิต : หนังสือดีที่ทุกคนควรอ่าน และนำไปปฏิบัติ
พรธรรมนำชีวิต : หนังสือดีที่ทุกคนควรอ่าน และนำไปปฏิบัติพรธรรมนำชีวิต : หนังสือดีที่ทุกคนควรอ่าน และนำไปปฏิบัติ
พรธรรมนำชีวิต : หนังสือดีที่ทุกคนควรอ่าน และนำไปปฏิบัติ
 
กฎแห่งกรรมและวิธีใช้หนี้พ่อแม่ˆ :: พระเดชพระคุณหลวงพ่อจรัญ ฐิตธมฺโม วัดอัมพวั...
กฎแห่งกรรมและวิธีใช้หนี้พ่อแม่ˆ :: พระเดชพระคุณหลวงพ่อจรัญ ฐิตธมฺโม วัดอัมพวั...กฎแห่งกรรมและวิธีใช้หนี้พ่อแม่ˆ :: พระเดชพระคุณหลวงพ่อจรัญ ฐิตธมฺโม วัดอัมพวั...
กฎแห่งกรรมและวิธีใช้หนี้พ่อแม่ˆ :: พระเดชพระคุณหลวงพ่อจรัญ ฐิตธมฺโม วัดอัมพวั...
 
กรรมสนองกรรม วิธีทำบุญใช้หนี้กรรม : พระเดชพระคุณหลวงพ่อจรัญ ฐิตธมฺโม วัดอัมพว...
กรรมสนองกรรม วิธีทำบุญใช้หนี้กรรม : พระเดชพระคุณหลวงพ่อจรัญ ฐิตธมฺโม วัดอัมพว...กรรมสนองกรรม วิธีทำบุญใช้หนี้กรรม : พระเดชพระคุณหลวงพ่อจรัญ ฐิตธมฺโม วัดอัมพว...
กรรมสนองกรรม วิธีทำบุญใช้หนี้กรรม : พระเดชพระคุณหลวงพ่อจรัญ ฐิตธมฺโม วัดอัมพว...
 
เรื่องเล่าชาวพุทธ˜ : รวมเรื่องน่ารู้ในพระพุทธศาสนา
เรื่องเล่าชาวพุทธ˜ : รวมเรื่องน่ารู้ในพระพุทธศาสนาเรื่องเล่าชาวพุทธ˜ : รวมเรื่องน่ารู้ในพระพุทธศาสนา
เรื่องเล่าชาวพุทธ˜ : รวมเรื่องน่ารู้ในพระพุทธศาสนา
 
Ms office.forms.2k7 1
Ms office.forms.2k7 1Ms office.forms.2k7 1
Ms office.forms.2k7 1
 
วันแห่งการให้ ว.วชิรเมธี
วันแห่งการให้ ว.วชิรเมธีวันแห่งการให้ ว.วชิรเมธี
วันแห่งการให้ ว.วชิรเมธี
 
มงคลชีวิต
มงคลชีวิตมงคลชีวิต
มงคลชีวิต
 
ความสุขดูดดื่มใดไหนจะเท่า "ดิ่มด่ำธรรมรส" : เจ้าคุณพิพิธ
ความสุขดูดดื่มใดไหนจะเท่า "ดิ่มด่ำธรรมรส" : เจ้าคุณพิพิธความสุขดูดดื่มใดไหนจะเท่า "ดิ่มด่ำธรรมรส" : เจ้าคุณพิพิธ
ความสุขดูดดื่มใดไหนจะเท่า "ดิ่มด่ำธรรมรส" : เจ้าคุณพิพิธ
 
Scienze della comunicazione 2010 2011 (3)
Scienze della comunicazione 2010 2011 (3)Scienze della comunicazione 2010 2011 (3)
Scienze della comunicazione 2010 2011 (3)
 
91218073 bai-giảng-polyme-cong-nghệ-đun
91218073 bai-giảng-polyme-cong-nghệ-đun91218073 bai-giảng-polyme-cong-nghệ-đun
91218073 bai-giảng-polyme-cong-nghệ-đun
 

Similar to แด่ดวงตะวัน™ หนังสือน่าอ่านที่ลูกอยากอ่านให้พ่อฟัง

สร้างอาณาจักร
สร้างอาณาจักรสร้างอาณาจักร
สร้างอาณาจักรSuriyan Tish
 
คำตอบโต้กับคนรักสถาบันฯ
คำตอบโต้กับคนรักสถาบันฯคำตอบโต้กับคนรักสถาบันฯ
คำตอบโต้กับคนรักสถาบันฯJunya Yimprasert
 
เลือกที่จะมอง
เลือกที่จะมองเลือกที่จะมอง
เลือกที่จะมองPanda Jing
 
โวหารในการเขียน
โวหารในการเขียนโวหารในการเขียน
โวหารในการเขียนkrubuatoom
 
อมรา สินทวีวงศ์ ธรรมะดัดสันดาน
อมรา สินทวีวงศ์   ธรรมะดัดสันดานอมรา สินทวีวงศ์   ธรรมะดัดสันดาน
อมรา สินทวีวงศ์ ธรรมะดัดสันดานTongsamut vorasan
 
เรียนรู้วิธีออกจากทุกข์
เรียนรู้วิธีออกจากทุกข์เรียนรู้วิธีออกจากทุกข์
เรียนรู้วิธีออกจากทุกข์Panda Jing
 
วิชชุมมาลา ฉันท์ ๘ เสร็จ
วิชชุมมาลา ฉันท์ ๘ เสร็จวิชชุมมาลา ฉันท์ ๘ เสร็จ
วิชชุมมาลา ฉันท์ ๘ เสร็จNat Ty
 
งานอบรมการใช้อินเตอร์เน็ต
งานอบรมการใช้อินเตอร์เน็ตงานอบรมการใช้อินเตอร์เน็ต
งานอบรมการใช้อินเตอร์เน็ตrtv1
 
3 ตามรอยธรรม dhamatrail
3 ตามรอยธรรม dhamatrail3 ตามรอยธรรม dhamatrail
3 ตามรอยธรรม dhamatrailTongsamut vorasan
 
อีบุ๊ค ชีวิตนี้น้อยนัก
อีบุ๊ค ชีวิตนี้น้อยนักอีบุ๊ค ชีวิตนี้น้อยนัก
อีบุ๊ค ชีวิตนี้น้อยนักPanda Jing
 
บทเรียน เรื่อง คำสรรพนาม ป.5
บทเรียน เรื่อง คำสรรพนาม ป.5บทเรียน เรื่อง คำสรรพนาม ป.5
บทเรียน เรื่อง คำสรรพนาม ป.5ปวริศา
 
ใบกิจกรรมประเมินทักษะการคิดก่อนเรียน
ใบกิจกรรมประเมินทักษะการคิดก่อนเรียนใบกิจกรรมประเมินทักษะการคิดก่อนเรียน
ใบกิจกรรมประเมินทักษะการคิดก่อนเรียนtassanee chaicharoen
 

Similar to แด่ดวงตะวัน™ หนังสือน่าอ่านที่ลูกอยากอ่านให้พ่อฟัง (15)

เสียดาย....
เสียดาย....เสียดาย....
เสียดาย....
 
สร้างอาณาจักร
สร้างอาณาจักรสร้างอาณาจักร
สร้างอาณาจักร
 
Lion
LionLion
Lion
 
คำตอบโต้กับคนรักสถาบันฯ
คำตอบโต้กับคนรักสถาบันฯคำตอบโต้กับคนรักสถาบันฯ
คำตอบโต้กับคนรักสถาบันฯ
 
แนวคิดดีๆ 15 ข้อ
แนวคิดดีๆ 15 ข้อแนวคิดดีๆ 15 ข้อ
แนวคิดดีๆ 15 ข้อ
 
เลือกที่จะมอง
เลือกที่จะมองเลือกที่จะมอง
เลือกที่จะมอง
 
โวหารในการเขียน
โวหารในการเขียนโวหารในการเขียน
โวหารในการเขียน
 
อมรา สินทวีวงศ์ ธรรมะดัดสันดาน
อมรา สินทวีวงศ์   ธรรมะดัดสันดานอมรา สินทวีวงศ์   ธรรมะดัดสันดาน
อมรา สินทวีวงศ์ ธรรมะดัดสันดาน
 
เรียนรู้วิธีออกจากทุกข์
เรียนรู้วิธีออกจากทุกข์เรียนรู้วิธีออกจากทุกข์
เรียนรู้วิธีออกจากทุกข์
 
วิชชุมมาลา ฉันท์ ๘ เสร็จ
วิชชุมมาลา ฉันท์ ๘ เสร็จวิชชุมมาลา ฉันท์ ๘ เสร็จ
วิชชุมมาลา ฉันท์ ๘ เสร็จ
 
งานอบรมการใช้อินเตอร์เน็ต
งานอบรมการใช้อินเตอร์เน็ตงานอบรมการใช้อินเตอร์เน็ต
งานอบรมการใช้อินเตอร์เน็ต
 
3 ตามรอยธรรม dhamatrail
3 ตามรอยธรรม dhamatrail3 ตามรอยธรรม dhamatrail
3 ตามรอยธรรม dhamatrail
 
อีบุ๊ค ชีวิตนี้น้อยนัก
อีบุ๊ค ชีวิตนี้น้อยนักอีบุ๊ค ชีวิตนี้น้อยนัก
อีบุ๊ค ชีวิตนี้น้อยนัก
 
บทเรียน เรื่อง คำสรรพนาม ป.5
บทเรียน เรื่อง คำสรรพนาม ป.5บทเรียน เรื่อง คำสรรพนาม ป.5
บทเรียน เรื่อง คำสรรพนาม ป.5
 
ใบกิจกรรมประเมินทักษะการคิดก่อนเรียน
ใบกิจกรรมประเมินทักษะการคิดก่อนเรียนใบกิจกรรมประเมินทักษะการคิดก่อนเรียน
ใบกิจกรรมประเมินทักษะการคิดก่อนเรียน
 

แด่ดวงตะวัน™ หนังสือน่าอ่านที่ลูกอยากอ่านให้พ่อฟัง

  • 1. 1
  • 2. แด่ดวงตะวัน วิชชา วรรณรัตน์ พิมพ์ครั้งแรก มกราคม 2556 สงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติ ห้ามมิให้ผู้ใดนาส่วนใดส่วนหนึ่งหรือทัง หมดของหนังสือเล่มนี้ไปคัดลอกโดยวิธีการถ่ายเอกสาร ้ โรเนียว พิมพ์โดยเครื่องจักร หรือวิธีการอื่นใดโดยไม่ได้รับอนุญาต 2
  • 3. จิตใต้สานึก ตะวัน สันติภาพ ชื่อนี้หากเป็นนักอ่านรุ่นเก่าๆคงคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี ใช่ครับ ผมเป็นลูกชาย ของท่าน เป็นลูกชายของนักเขียน ตลอดระยะเวลายี่สิบแปดปีของเข็มนาฬิกาชีวิต ผมคิดและเขียนเรื่องเล่ามาแล้วหลายชิ้นงาน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องสั้น เรื่องยาว บทความ บทภาพยนตร์สั้น บทสารคดี ตลอดจน สคริปรายการทีวีและสคริป เพื่อการการค้าและการโฆษณาต่างๆ พูดได้อย่างเต็มปากว่า ความสามารถในเชิงการเล่าเรื่องต่างๆล้วน ถ่ายทอดจากดีเอ็นเอของพ่อมาสู่ตัวผมทั้งสิ้น 2 เรื่องสั้นที่ท่านกาลังจะได้อ่านนี้ เรื่องที่1 ผมเขียนให้พ่อเนื่องในวันเกิดของท่านเมื่อหลายปี มาแล้ว เรื่องที่2 ผมเขียนเนื่องในวาระที่เข็มนาฬิกาชีวิตของท่านหยุดเดินทาง ต่างกรรมต่างวาระกันโดย สิ้นเชิงแต่สิ่งหนึ่งที่มีร่วมกันคือผมอยากแสดงให้ท่านเห็นว่าผมเป็นลูกของท่านเป็นลูกของนักเขียนเต็มตัว อาจดูเป็นส่วนตัวไปเสียหน่อย แต่หน้าที่ของเรื่องเล่าคือการเป็นสื่อกลางความคิดของนักเขียน ไปสู่ตัวผู้อ่านมิใช่หรือ..... หวังเป็นอย่างยิ่งว่าท่านจะได้“อะไร”จากการเสียเวลาอ่านงานเขียนชิ้นนี้ครับ ขอต้อนรับสู่โลกของ “ผม” อีกครั้ง ส่วนจะเป็นสีอะไรนั้นสุดแล้วแต่ท่านผู้อ่านจะสัมผัสเถิดครับ ด้วยความระลึกถึงและซาบซึ้งเหลือเกินกับมรดกอันทรงคุณค่าที่พ่อถ่ายทอดให้ วิชชา วรรณรัตน์ เดือนแรกของปี 2556 ที่ทุกสิ่งเปลี่ยนแปลงไปตามวันเวลา 3
  • 4. สารบัญ ตัวตน 5 ปฏิกิริยา 7 4
  • 5. ตัวตน ผู้คนภายในอาณาบริเวณร้านต่างหันมองตลอดจนให้ความสนใจในความเงียบงันที่คั่นกลาง ระหว่างชายทั้งสอง หลายคนเฝ้ามองและตั้งคาถาม อีกหลายต่อหลายคนทิ้งความสงสัยไว้ที่ปลายตา ……………………………………………… เป็นความกลมกลืนในความขัดแย้งระหว่างชายสองรุ่นสองคน เหตุใดความเงียบงันจึงเต็มไปด้วยการสื่อสาร เหตุใดความแตกต่างกลับสร้างจุดร่วมลงตัว เหตุใดชายสองวัยจึงมานั่งดื่มน้าสีอาพันลาพังสองคน ภาพชายหนุ่มตรงหน้าทาให้ชายชราบังเกิดอารมณ์อันหลากหลาย เขาชื่นชมประกายตาเร่าร้อนที่ เต็มไปด้วยพลังขับเคลื่อนในองศาใกล้กับความสงสัย บางคราชายชราเห็นชายหนุ่มที่ละม้ายกับเขา ซ้อนทับกับชายตรงหน้า ทว่าหากเพ่งมองเขากลับเห็นคนแปลกหน้าที่ล้นเอ่อด้วยอัตตาและอหังการใน ความเย่อหยิ่ง ริ้วรอยแห่งประสบการณ์ที่ปรากฏชัดบนใบหน้าของชายชราทาให้ชายหนุ่มบังเกิดความสงสัย เขาหัวเราะมากี่ครั้งร้องไห้มากี่คราทุกข์ทนเจ็บปวดกับการแสวงหาในวัยหนุ่มมามากเพียงใด หลายภาพที่ซ้อนทับสร้างความคาดหวังและอิ่มเอมใจให้ชายชรา หากแต่บางภาพที่ขัดแย้งกลับ สร้างความเคลือบแคลงและสิ้นหวัง เขาสุขใจทุกครั้งที่ชายหนุ่ม “ทา” ในสิ่งที่เขาทาไม่ได้หรือไม่สาเร็จ 5
  • 6. ทุกข์ทรมานดังภาพความเจ็บปวดในอดีตหวนคืนทุกครา เมื่อชายหนุ่มพาตัวเองก้าวเดินไปบนหนทางที่เขา เคยพลาดพลั้ง ชายชราคิดเสมอว่าชายตรงหน้าคือตัวตนในวัยหนุ่ม บนหนทางแห่งการแสวงหา ชายหนุ่มย่าเดินซ้ารอยเท้าของชายชรา ในความเปลี่ยวเหงาและเจ็บปวด ชาย ทั้งสองสัมผัสได้ในกลิ่นอายของกันและกัน มันปรากฏออกมาโดยไม่ต้องพึ่งกระบวนการสื่อสารหรือ ช่องทางใด ๆ หากแต่ในความแตกต่าง ก็ชัดเจนเฉกเช่นกัน แม้จะเป็นถนนสายเดิม ความแตกต่างแห่งยุคสมัยทาให้ถนนสายนี้มิใช่ถนนที่ชายชราเคยย่าเดิน วันคืนของชายทั้งสองเดินทางไปบนองศาที่แตกต่าง จังหวะย่างก้าวที่มากด้วยอัตตาและความ เย่อหยิ่ง หลายร้อยประสบการณ์ในการสลับรับของจันทรากับอาทิตย์ส่งผลให้ชายทั้งสองสร้างกาแพง ขึ้นมาปกป้องโลกของเขา โลกที่ไม่ว่าหน้าไหนก็ไม่อาจล่วงละเมิด โลกที่แม้แต่ชายชราก็มิอาจทาความเข้าใจ................... โลกที่ชายหนุ่มมิอาจคาดเดา ชายชรารินน้าลงไปในแก้วที่ว่างเปล่า ฟองมากมายผุดพรายขึ้นมาจนกระทั่งจางหายเหลือไว้เพียงน้าสี อาพันทอประกายล้อแสงสุดท้ายแห่งอัสดง ชายหนุ่มยกมือไหว้ในท่าทีอ่อนน้อม นับจากวันแรกจนถึงวันนี้ความเคารพรักในตัวชายชรายังคง อยู่ที่เดิม หากแต่มิใช่การเคารพรักอย่างหน้ามืดตามัว ทุกรอยเท้าที่ชายชราก้าวเดินมีคุณค่าเสมอทั้งในแง่ ของการเรียนรู้และการเอาเป็นแบบอย่าง ------------------------------------------------------------------------------- 6
  • 7. ปฏิกิริยา “ในฐานะมนุษย์คนหนึ่งความภาคภูมิใจสูงสุดของพ่อคือการที่ผู้คนเรียกท่านว่านักเขียน แม้วันนี้ ลมหายใจจะขาดห้วงลงไปแล้ว หากแต่จิตวิญญาณพ่อยังคงอยู่ หลายร้อยประสบการณ์ตลอดจนวิธีคิด และมุมมองที่มีต่อโลกใบนี้ยังคงโลดแล่นอยู่ในตัวหนังสือของพ่อ แม้ในช่วงบั้นปลายชีวิตจิตวิญญาณนั้นก็ มิได้จางหาย ท่านยังคงเป็นนักคิด นักเขียน ตราบจนสัมปชัญญะสุดท้ายแห่งการตื่นรู้ จิตวิญญาณคงอยู่ รอยเท้ายังนาทางให้ลูกย่าเดิน ลูกของพ่อ....” ชายหนุ่มเก็บกระดาษที่ใช้อ่านเข้าไปในเสื้อสูท โค้งหัว เล็กน้อยและก้าวลงจากโพเดี้ยมด้วยกิริยาสงบนิ่ง ควันสีเทาหม่นลอยขึ้นจากปล่องไฟไม่นานก็กลืนหายไปกับผืนฟ้า ปุยเมฆถูกแสงสีแสดปนน้าเงิน ฉาบทาจากการหักเหของแสงอาทิตย์กลมกลืนกับอารมณ์โศกเศร้า ความรู้สึกที่ชายหนุ่มมิสามารถอธิบาย เกาะกุมอยู่เต็มห้วงความรู้สึก ก้อนอะไรบางอย่างจุกขึ้นมาตรงหน้าอกพลันน้าใสก็เอ่อท้นจากขัวใจจนรินไหลอาบแก้ม ้ เป็นครั้งแรกที่เขาต้องเผชิญหน้ากับความสูญเสียเช่นนี้ พ่อกลายเป็นภาพความทรงจาที่ไม่ สามารถจับต้องได้อีกต่อไป ชายหนุ่มยืนดูควันไฟนิ่งอยู่แบบนั้นเนิ่นนาน นานพอที่ความทรงจาที่มีต่อพ่อ ตั้งแต่วัยเด็กจวบจนวันนี้กระหวัดชัดราวกับดูภาพยนตร์ วลีที่ได้ยินได้ฟังเกี่ยวกับ “อย่าอายที่จะบอกรัก พ่อ อย่าอายที่จะแสดงความรักต่อพ่อ เพราะวันหนึ่งเมื่อไม่มีท่านแล้วเราจะมานั่งเสียใจ” คาพูดเหล่านั้น เป็นจริงเพียงครึ่งเดียว สาหรับเขาความรักนั้นยังไม่สามารถอธิบายความรู้สึกที่มีต่อพ่อได้อย่างชัดเจน รัก เพียงคาเดียวจะสามารถอธิบายปรากฏการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นระหว่างเขากับพ่อซึ่งหล่อหลอมมาเป็นตัวตน ในวันนี้ได้เช่นไรกัน อย่างไรก็แล้วแต่เขาก็อยากจะอธิบายความรู้สึกทั้งหมดให้พ่อได้รับรู้เช่นเดียวกัน 7
  • 8. เพียงแต่ภาษาที่มนุษย์คิดค้นอาจจะไม่มีพลังทางความหมายมากมายเพียงพอกับปริมาณความรู้สึก เปรียบเหมือนการเทน้าจากขวดลิตรลงสู่แก้วเจียระไนรูปร่างสวยงามหากแต่มีพื้นที่ไม่เพียงพอ “รางวัลและความสาเร็จจะมีความหมายอะไรหากขาดคนที่เป็นแรงบันดาลใจร่วมชื่นชม” คือ ประโยคสั้นๆที่ชายหนุ่มพูดกับอากาศธาตุบริเวณนั้นด้วยซุ่มเสียงแผ่วเบา ไม่มีใครสังเกตหรือได้ยิน …………………………………………………………………………………………… จากจุดนี้เขาสามารถมองเห็นได้เต็มคลองสายตาในขนาดภาพ 180 องศา ผู้คนสวมชุดสีดากว่า ร้อยชีวิตกาลังนั่งฟังพระเทศน์อยู่ในศาลาปรับอากาศ เพื่อนเก่าที่ไม่ได้พบหน้ากันเสียนาน ญาติพี่น้อง ตลอดจนลูกหลานอยู่กันพร้อมหน้า ลูกชายกาลังเดินไปที่โพเดี้ยม เขามีทีท่าสงบนิ่ง ดูเป็นผู้ใหญ่มากกว่า ครั้งใดที่เคยเห็น ถ้อยคาถูกร้อยเรียงออกมาอย่างสละสลวยจากปากลูกชายคนเดียวของเขา เนื้อหา ใจความเต็มไปด้วยการสรรเสริญทาให้เขานึกทบทวนตลอดห้วงเวลาของชีวิตจวบจนวันนี้นับได้ 62 ปี เขา ได้มอบความรักและให้วัตถุสิ่งของตลอดจนความรู้สึกนึกคิดกับลูกชายเพียงพอหรือยัง ดูเหมือนว่า ไม่มีสิ่งใดเคยเพียงพอในการใช้ชีวิตของมนุษย์ เรามักจะรู้ตัวต่อเมื่อสายไปทุกครั้งโดยเฉพาะครั้งนี้ที่เขา รู้ตัวต่อเมื่อไม่มีโอกาสกลับไปแก้ไข เขาอยากตาย ความเจ็บป่วยที่เป็นอยู่สร้างความเจ็บปวดและทรมานจนจิตใจมิอาจต้านทาน มัน ร่าร้องหาความตายอยู่ทุกวินาที เขาคิดเสมอว่าความตายมิใช่สิ่งน่ากลัวตลอดช่วงชีวิตได้ทาทุกสิ่งที่ สามารถทาได้ไปหมดแล้ว วันคืนเปลี่ยนผ่านยุคสมัยของเขาได้สิ้นสุดลงพร้อมกับการมาของสมาร์ทโฟน โทรศัพท์ที่เคยเป็นเพียงเครื่องมือสื่อสารประจาบ้าน วันนี้กลับกลายเป็นอะไรที่ชายวัย62ปีมิอาจทาความ เข้าใจ เขาเคยต่อสู้ เคยเพรียกหาคุณค่าและความหมายของชีวิต เคยไม่พอใจสังคมที่ประชาชนถูกปิด กั้น ความหมายในคุณค่าถูกเรียงร้อยออกมาในรูปแบบของเรื่องสั้น ในยุคสมัยที่นักเขียนมีพลังมากพอจะ ขับเคลื่อนสังคม ในยุคสมัยที่ผู้คนต่างเพรียกหาสังคมที่ดีกว่า เขาได้ทามันอย่างดีที่สุดแล้ว ในคลองสายตาตลอด 180 องศา ลูกชายก้าวลงจากโพเดี้ยม เสียงฝีเท้าของเขาดังกังวาน ท่ามกลางความเงียบขรึมของศาลาเผาศพ ผู้คนต่างทยอยเดินเรียงแถวสู่เมรุ เขาก้าวตามไป ความทรงจา มากมายแล่นผ่านห้วงคานึง หนึ่งชีวิตของมนุษย์สามารถบรรจุเรื่องราวได้มากมายแม้ความตายก็มิ สามารถพรากความรู้สึกที่ฝังลึกลงสู่จิตวิญญาณ จากเพื่อนเก่าสมัยเด็ก สู่มหาวิทยาลัย ล่วงไปถึงวัย ทางาน และญาติพี่น้องพร้อมหน้า สุดท้ายที่ภรรยา ความอาลัยเกาะกุมอยู่เต็มห้วงสานึก 8
  • 9. เขาพยายามมองหาลูกชาย ----------------------------------------------------------------------------- ชายหนุ่มประหม่าเล็กน้อยที่ต้องพูดต่อหน้าคนหมู่มาก อีกทั้งยังต้องสะกดน้าตามิให้ไหลออกมา ขณะที่พูด กระนั้นแม้จะปิดบังอย่างไร น้าเสียงก็ยังคงสั่นเครือจนสังเกตได้ มันเหมือนกับจะเป็นสิ่ง สุดท้ายที่สามารถทาเพื่อพ่อได้ ทันทีที่ก้าวลงจากโพเดี้ยมความรู้สึกอ้างว้างเข้าจู่โจมอย่างรุนแรง ข่าวดีที่เขารอคอยมาในวินาทีที่หมอเรียกให้เข้าไปดูใจพ่อเป็นครั้งสุดท้าย ไม่ทันได้ให้มีเวลาดีใจ และยิ่งทาให้น้าตาไหลมากขึ้นทบทวีเมื่อเขาไม่มีโอกาสบอกให้พ่อได้ภาคภูมิใจและร่วมยินดีไปด้วยกัน ความฝันในการเป็นผู้กากับพึ่งกระจ่างชัดในช่วงอายุยี่สิบปี มันเริ่มก่อตัวขึ้นอย่างเงียบๆในวัยสิบขวบเมื่อ พ่อพาไปทาความรู้จักกับภาพยนตร์เป็นครั้งแรกในเรื่องจูลาสสิคปาร์ค ความรู้สึกของเด็กชายวัยสิบขวบ ในวันนั้นยังกระจ่างชัดจนถึงวันนี้ในช่วงอายุสามสิบปี และยิ่งมีโอกาสได้ซึมซับทั้งงานเขียนและหนังสือใน ตู้ของพ่อ ทักษะในการเรียงร้อยเรื่องราวก็กาเนิดขึ้นโดยที่ชายหนุ่มมิทันรู้ตัว แม้พ่อจะไม่ค่อยเห็นด้วยใน การเลือกเรียนภาพยนตร์ในระดับมหาวิทาลัย ชายหนุ่มเข้าใจเจตนาดีในการที่อยากให้ลูกได้ทางานที่ มั่นคง แต่เลือดภายในตัวย่อมเข็มข้นกว่า การเป็นนักคิดและนักเล่าเรื่องถูกถ่ายทอดจากเลือดจนซึมลึกสู่ จิตวิญญาณ พ่อซึ่งเป็นคนถ่ายเลือดนั้นให้โดยที่ตั้งใจหรือไม่ก็ตามย่อมต้องเข้าใจ ชายหนุ่มเชื่อแบบนั้น และวันนีเขาแสดงให้เห็นแล้ว ว่าเลือกไม่ผิด เขาต่อสู้ อดทน และรอคอย จนได้กากับหนังเรื่อง ้ แรกในชีวิต มันคงเป็นความรู้สึกเดียวกับที่พ่อเห็นหนังสือเล่มแรกออกวางบนแผง เขาอยากถ่ายทอด ความรู้สึกนี้ให้พ่อได้รับรู้พร้อมกับพูดว่า “พ่อครับ ไนน์ ทาได้แล้ว” ชายหนุ่มใช้มือขวาปาดน้าตาอีกครั้ง คราวนี้มันซึมออกมาเพียงหยดเดียวจากก้อนสะอื้นมหาศาล ภายใน พลันสายลมเย็นวูบหนึ่งเข้าปะทะร่าง แปลก!ชายหนุ่มคิดกลางเดือนเมษาที่อากาศร้อนอบอ้าวเช่นนี้ สายลมเย็นเยือกพัดมาจากที่ใดกัน -------------------------------------------------------------------------- ควันสีเทาหม่นลอยขึ้นจากปล่องไม่นานก็กลืนหายไปกับผืนฟ้า เขาพบลูกชายหลบมุมอยู่ใกล้ๆกับ บริเวณเมรุ เด็กน้อยโยเยเอาแต่ใจในวันนั้นบัดนี้เติบโตขึ้นมาเป็นชายหนุ่มที่ท่าทางเคร่งขรึมแบบนี้ได้เช่น ไรกัน ภาพลูกชายคนเดียวของเขาในวัยเด็กกระหวัดชัดในห้วงคานึง ไนน์เป็นเด็กเอาแต่ใจ ร่าเริง ยิ้มง่าย และหัวไวในความรู้สึกของผู้เป็นพ่อ เขาทะนุถนอมฟูมฟักหวังให้เติบโตขึ้นมามีหน้าที่การงานที่มั่นคงและ 9
  • 10. มีครอบครัวอบอุ่นตามครรลองของชีวิตปุถุชนที่เรียบง่ายมีความสุข เขาเข้าใจชีวิตของผู้คนที่เรียกตนเอง เป็นศิลปินดีว่าต้องพานพบกับความเจ็บปวด แปลกแยกและเปลี่ยวเหงาเพียงใดจึงจะสร้างงานของตนเอง ออกมาได้ เขาไม่เคยอยากให้ลูกชายเดินตามรอยเท้าพ่อ แต่เลือดของเขากลับถ่ายทอดไปยังลูกชายเสีย จนหมด เขาเฝ้าถามตนเอง เหตุใดลูกชายจึงไม่ได้แม่มาบ้าง ภรรยาเขาเป็นผู้หญิงที่ไม่เคยคิดต่าง หัว อ่อนตามแบบฉบับกุลสตรีไทยซึ่งเป็นช้างเท้าหลัง ทางานในกรอบของรัฐวิสาหกิจจนเกษียน รูปแบบชีวิตที่ เรียบง่ายแบบนี้ที่เขาหวังให้ลูกชายเป็น แต่สิ่งเดียวที่ถ่ายออกจากแม่ของเขาคือใบหน้าคมสันชัดเจนเพียง แค่นั้น ส่วนความรู้สึกนึกคิด จิตวิญญาณแห่งการครุ่นคิดแปลกแยกกลับถูกถ่ายออกไปจากเขาราวโคลน นิ่ง เขาเอื้อมมือไปตบบ่าลูกชาย แม้จะแสดงท่าทีไม่เห็นด้วยเพียงใด แต่ลึกลงไปแล้วทาไมคนเป็นพ่อ จะไม่ภูมิใจในเมื่อลูกกาลังเดินซ้ารอยเท้าของตัวเองและวันนี้เขากาลังก้าวแซงออกไปบนถนนสายที่เขา เลือกเองและอดทนกับมันอย่างเด็ดเดี่ยว เขาไม่เพียงซื่อสัตย์กับจิตวิญญาณของตัวเอง ยังรู้จักทางานใน สายอาชีพที่เรียนมาและสร้างเม็ดเงินเลี้ยงตัวเองได้ต่างจากผู้เป็นพ่อที่ยึดมั่นในงานเขียนแม้จะไม่มีเงินจ่าย ค่าเทอมลูกจนต้องเดือดร้อนภรรยา ทาไมเขาจะไม่อยากเอ่ยปากชมลูกชายและโอบกอดให้แน่นๆเป็นครัง ้ สุดท้ายเหมือนในวัยเด็ก “เก่งมากไนน์ พ่อภูมิใจในตัวไนน์มาก ดูแลแม่แทนพ่อด้วยนะ” ---------------------------------------------------------------------------------- “เก่งมากไนน์ พ่อภูมิใจในตัวไนน์มาก ดูแลแม่แทนพ่อด้วยนะ” เสียงนี้แว่วมาคล้อยหลังจาก สายลมเย็นวูบนั้นเพียงไม่กี่วินาที แว่วเสียงนี้คือเสียงของพ่อ ชายหนุ่มอยากจะคิดแบบนั้นทั้งที่ไม่มีตรรกะ ตัวใดสามารถมาอธิบายเสียงนี้ที่ได้ยินได้นอกเสียจากว่าเขาหูแว่วไปเอง ชายหนุ่มหันขึ้นไปมองควันไฟ จากปล่อง พ่อมาบอกลาเขาเป็นครั้งสุดท้ายเช่นนั้นหรือ หมดเวลาแห่งการเสียใจตรงนี้แล้วสินะ ใช่....เขา ยังมีแม่ซึ่งแก่เฒ่าต้องดูแล เวลาของพ่อได้หมดลง สิ่งที่ดารงอยู่คืองานเขียนและจิตวิญญาณซึ่งเขาจะสานต่อในแบบของ ตัวเอง แต่อะไรบางอย่างในซอกมุมของจิตใจก็ยังร้องเตือนถึงคาถามที่ไม่มีวันได้คาตอบ พ่อเคยภูมิใจใน ตัวเขาบ้างหรือเปล่า สิ่งที่เขาเป็นที่เขาเลือกในวันนี้ล้วนก่อกาเนิดจากพ่อแทบทั้งสิ้น...........เมื่อความรู้สึก นี้เข้าจู่โจมก้อนสะอื้นซึ่งมีพลังมหาศาลก็พลันจุกแน่นอยู่ในอกรอที่จะปะทุออกมาเป็นสายน้าตา หากแต่ 10
  • 11. เขาสะกดกลั้น ไม่มีวันที่น้าตาลูกผู้ชายจะไหลอีกต่อไป เขาเชิดหน้าขึ้น เห็นแม่อยู่ที่บันไดเมรุ เขาต้องเดิน ไปหาแม่เพื่อปลอบประโลม ------------------------------------------------------------------------------------ ชายหนุ่มฝันแบบเดิมซ้าๆกันอีกแล้ว ในความฝันย้อนกลับไปในวัยเด็ก เป็นวันที่พ่อพาเขาไปดู หนังครั้งแรก ก่อนจะเข้าประตูชายหนุ่มในคราบเด็กน้อยดึงมือผู้เป็นพ่อไว้แล้วพูดขึ้นว่า พ่อครับ ไนน์ได้ เป็นผู้กากับแล้ว เราเข้าไปดูหนังของไนน์กันเถอะ” ผู้เป็นพ่อเผยยิ้มอบอุ่น ลูบหัวลูกแล้วกล่าวว่า “เก่ง มากไนน์ พ่อภูมิใจในตัวไนน์มาก” แล้วเขาก็ตื่น เขาจะฝันแบบนี้อย่างน้อยอาทิตย์ละครั้งถึงสองครั้ง มาร่วมสองเดือน แม่บอกว่าพ่อคงยังไม่ไปไหน แต่เขากลับเลือกที่จะใช้วิชาจิตวิทยาที่เรียนใน มหาวิทยาลัยมาใช้อธิบายมากกว่า ในความก้ากึ่งระหว่างตรรกะทางวิทยาศาสตร์และโลกของวิญญาณ ครึ่งหนึ่งเขาเชื่อว่าวิญญาณมีจริงและพ่อน่าจะไปที่ๆคนตายควรจะไปได้แล้วจากการประกอบพิธีกรรมทาง ศาสนา ความฝันที่เกิดขึ้นจึงเป็นรูปแบบจาลองของสภาวะจิตใต้สานึกที่ยังคงดารงอยู่ในซอกมุมของจิตใจ เพื่อร่าร้องหาการยอมรับและการชมเชยจากผู้เป็นพ่อ ซึ่งเขาจะไม่มีวันได้รับรู้อีกแล้วในห้วงเวลาของชีวิตที่ เหลืออยู่ ทุกครั้งที่ตื่นขึ้นจากความฝันเขาจะสลัดหน้าเรียกความเป็นตัวเองกลับคืนมาและบอกกับตนเอง ว่า จงเข้มแข็งและเดินหน้าต่อไป วันนี้ความเสียใจที่สูญเสียพ่อมันค่อยๆจางหายกลับกลายเป็นความทรง จาทีมีค่าแทนที่ ความตายของพ่อช่วยให้เขาทิ้งวันคืนของวัยหนุ่มเจ้าสาราญกลับกลายเป็นคนขยันทางาน ่ และรับผิดชอบความรู้สึกของคนรอบข้างมากขึ้น ช่วยให้เขาเข้าใจว่าปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นกับหนึ่งชีวิต สามารถสร้างกระเพื่อมไปถึงหลายชีวิตรอบข้างได้อย่างมหาศาล --------------------------------------------------------------------------- ในห้องที่อบร่าด้วยความเย็นจากเครื่องปรับอากาศและบรรยากาศตรึงเครียดของที่ประชุม บท ภาพยนตร์ควรจะเสร็จสมบูรณ์เรียบร้อยภายในวันนี้ เพราะพรุ่งนี้จะมีการบวงสรวงเปิดกล้องเพื่อถ่ายทา หนังเรื่องแรกในชีวิตของเขา ในฐานะผู้กากับเขาเป็นคนคิดพล็อตเรื่องทั้งหมดมีทีมงานเขียนบทอีกสองคน และผู้ช่วยผู้กากับทาหน้าที่เขียนสกรีนเพลย์และชู้ตติ้งสคริป ปัญหาที่เกิดขึ้นในนาทีนี้คือทุกฝ่ายทั้งคน เขียนบท และโปรดิวเซอร์ต่างไม่เห็นด้วยกับการกระทาของตัวละครพ่อในเรื่องซึ่งขาดเหตุผลและดูใจร้าย ในสายตาทุกคน “พ่อที่ไหนก็ภูมิใจในตัวลูกทั้งนั้นแหละ” หนึ่งในสองของทีมเขียนบทพูดขึ้น 11
  • 12. “แต่พ่อคนนี้ไม่เหมือนกัน เขาต้องการให้ลูกชายหาหนทางของตัวเองให้เจอ ไม่ใช่สืบทอดกิจการ ของตัวเองต่อ สิ่งที่เขาสร้างทั้งหมดจะถูกโอนให้เป็นสาธารณะกุศล เขาจะภูมิใจกว่าถ้าลูกสร้างทางเดิน ของตัวเองและประสบความสาเร็จ” ชายหนุ่มพูดด้วยน้าเสียงมุ่งมั่นและท่าทีแข็งกร้าว “มันจะไม่ดูใจร้ายไปหน่อยเหรอ ถ้าทางบทแบบนี้มันจะหนักไปหรือเปล่า ผมกลัวว่าคนดูจะรับ ไม่ได้” โปรดิวเซอร์ออกตัว มึงอย่าพูดถึงแต่เงินท่าเดียวสิ นี่มันงานศิลปะโว้ย ชายหนุ่มคิด “ไม่หรอกครับ สุดท้ายพระเอกก็จะประสบความสาเร็จในแบบของเขาเพราะพบกับนางเองซึ่งรวย และช่วยเหลือเขาทุกอย่างความรักก็ก่อตัวขึ้นจากจุดนั้น แฮปปี้เอนดิ้งจะตาย” ชายหนุ่มพยายามปรับ น้าเสียงให้ราบเรียบ “แต่ตอนจบพ่อก็ยังไม่ภูมิใจในตัวลูกของตัวเองอยู่ดีที่ได้ผู้หญิงรวยช่วย” คนเขียนบทอีกคนกล่าว ขึน ้ ชายหนุ่มเอามือลูบคางของตัวเองเป็นเชิงครุ่นคิดก่อนพูดขึ้น “มันก็แค่ปมของตัวละครที่ผม พยายามทิ้งไว้ให้คนดูคิดเล่นๆเท่านั้นเอง ไม่แน่ว่าคนดูอาจจะคิดต่างออกไปก็ได้” “ใครเค้าจะคิดต่าง คุณเล่นฟันธงชัดเจนแบบนี้” โปรดิวเซอร์เสริมขึ้นอีก หนังมันจะตกม้าตาย ตอนจบ” เสียงของความเงียบงันทาหน้าที่ของมัน บรรยากาศยิ่งเขม็งเกลียวความเครียดมากขึ้น ยังไงเขาก็ ไม่เปลี่ยนบทเป็นแน่ “งั้นผมจะถ่ายเผื่อสองแบบให้ แล้วลองเอามาตัดดู ถึงตอนนั้นค่อยว่ากันก็แล้วกัน” “คุณจะทาแบบนั้นไปทาไม ให้มันสิ้นเปลืองเงิน คิวถ่ายก็ต้องเพิ่ม ไหนจะค่านักแสดง กล้องไฟ เยอะแยะไปหมด เชื่อเราเถอะเปลี่ยนบทซะ” โปรดิวเซอร์พูดขึ้นและคนอื่นๆก็พยักหน้าเห็นด้วย ความอดกลั้นของเขาขาดลงทันที นี่มันเป็นหนังของเขา เจ้าของเงินซื้อพล็อตเรื่องเรียบร้อย สิทธิ์ อันชอบธรรมทุกประการในหนังเรื่องนี้เป็นของเขา และไอ้ลูกจ้างที่ทางานให้เจ้าของเงินมันถือสิทธิ์อะไรมา ตัดสินหนังที่เปรียบเหมือนลูกของเขา “เอาเรื่องนี้ไปแจ้งเจ้านายคุณทราบแล้วกันว่าผมไม่เปลี่ยนบท ถ้า 12
  • 13. เจ้านายคุณยืนยันว่าจะให้เปลี่ยน ค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นหักจากค่าตัวของผมได้เลย” พูดจบเขากระชาก เก้าอี้ออกอย่างรวดเร็วและเดินออกไปจากห้องประชุม เขาทิ้งตัวลงที่เก้าอี้บริเวณสวนหน้าบ้าน เกลียวความเครียดยังไม่คลายตัว ภายในตัวมีความร้อน ปะทุเหมือนมีใครมาสุมไฟอยู่ในร่างกาย เรื่องงานก็ส่วนหนึ่ง แต่อีกส่วนหนึ่งร้องถามคาถามซ้าๆที่ชาย หนุ่มไม่มีวันได้คาตอบ และเขาตอบตนเองไม่ได้เช่นกันว่าเหตุใดปมความคิดนี้จึงสลักสาคัญนัก เขาเบื่อที่ ความรู้สึกแบบนี้รบกวนจิตใจ และสมเพชตัวเองที่ทาตัวเหมือนเด็กน้อยที่ต้องการการชมเชยจากพ่อแม่อยู่ ร่าไป เขาน่าจะเติบโตเป็นผู้ใหญ่ได้แล้ว “ผู้กากับ กูเป็นผู้กากับ กูเป็นนักคิด” แม่ผิดสังเกตเล็กน้อยที่เห็นลูกชายกลับมาแล้วไม่เข้าบ้านจึงเดินเข้าไปดู “มาทั่งทาอะไรมืดๆตรงนี้ล่ะ” ชายหนุ่มนิ่งงัน หันมองหน้าแม่อยู่หลายวินาที “แม่รู้สึกยังไงที่ไนน์ได้เป็นผู้กากับ” แม่มองหน้าลูกชายแล้วยิ้ม บางครั้งเธอก็คิดว่ารู้จักลูกชายของตัวเองดีพอ เขาถอดแบบความ มั่นใจและบุคลิกเด็ดเดี่ยวจากสามีออกมาราวเป็นคนเดียวกัน หากแต่บางครั้งเธอก็พบจุดขัดแย้งซึ่งไม่มี ทางที่สามีของเธอจะแสดงท่าทีแบบนี้ออกมาให้ใครเห็น “แม่ก็ดีใจกับไนน์ด้วย” เธอนั่งลงที่เก้าอี้ข้างๆลูกชาย “เหรอ........”ชายหนุ่มนิ่งคิด “แล้วแม่.....รู้สึกอย่างอื่นอีกมั้ย” เธอยิ้ม ยิ้มแห่งความอบอุ่นและเข้าอกเข้าใจลูกของตัวเอง “แม่ภูมิใจในตัวไนน์ที่ไนน์ได้ทาตาม ฝันของตัวเอง แล้วพ่อเองเค้าก็ภูมิใจ” แม่เอื้อมมือไปขยี้หัวลูกชายของตัวเองเบาๆ ชายหนุ่มนิ่งไปหลายอึดใจ “แม่รู้ได้ไงว่าพ่อภูมิใจในตัวไนน์ พ่อเค้าไม่เห็นด้วยซะหน่อยที่ไนน์ เรียนหนัง พ่ออยากให้ไนน์เป็นวิศวกร แต่ไนน์ดันเอนท์ฯไม่ติด พ่อเค้าคงผิดหวังในตัวไนน์มาก” เขา เหม่อมองไปข้างหน้าแบบที่ไม่ได้จับจ้องที่ใด ภาพในสมองกลับชัดเจนยิ่งกว่าสายตาที่มองเห็น เขายังจาสี หน้าผิดหวังของพ่อได้อย่างแม่นยาในวันที่รู้ว่าลูกชายตัวเองเอนท์ฯไม่ติดวิศวฯ 13
  • 14. สามีไม่เคยบอกเล่าความรู้สึกใดๆให้ลูกได้ฟังมากนัก เป็นเธอมากกว่าที่รับรู้ความเป็นห่วงเป็นใย และเห็นเขาเฝ้ามองลูกชายด้วยประกายตาชื่นชมอยู่ห่างๆ เขาพูดขึ้นมาในคืนหนึ่งว่า ลูกก็เหมือนตัวเขาจะ ดีหรือชั่วจะหล่อหรือขี้ริ้วยังไงก็ไม่ได้ทาให้ความรักนั้นจืดจางลง “พ่อเค้าเป็นนักเขียนเลยพูดไม่ค่อยเก่ง แต่ไนน์ชื่อแม่เถอะว่าพ่อเค้ารักแล้วก็ภูมิใจตัวไนน์มาก มันมีนิยายอยู่เรื่องหนึ่งที่พ่อเค้าเขียนแต่ไม่ได้ลงที่ ไหนสานักพิมพ์เค้าเลยไม่พิมพ์ให้ แม่ว่าไนน์น่าจะได้อ่าน อยู่ในห้องทางานพ่อเค้าแหละลองหาดู พ่อเค้า เขียนให้ไนน์” --------------------------------------------------------------------------- ในความฝันพ่อกอดกับแม่เนิ่นนานและพูดคุยอะไรกันตัวเขาเองก็จับใจความไม่ได้ และพ่อก็เดิน มาที่เขายื่นมือมาเช็คแฮนด์อีกมือหนึ่งตบที่ไหล่ของเขาเบาๆ “เก่งมากไนน์ พ่อภูมิใจในตัวไนน์มาก ดูแล แม่แทนพ่อด้วยนะ” ในความฝันชายหนุ่มน้าตาไหล มันทั้งตื้นตันและอาลัยพ่ออย่างสุดซึ้งยิ่งกว่าจะสรร หาประโยคใดมาเปรียบเทียบ เขาสะอื้นอย่างรุนแรงจนต้องพยายามสะกดกลั้นจนตัวสั่นเทิ้ม “พ่อครับ ไนน์ได้เป็นผู้กากับแล้ว หนังเรื่องนี้ไนน์ได้แรงบันดันดาลใจจากพ่อ ไนน์อยากให้พ่อได้อยู่ดูด้วยกัน” ผู้ เป็นพ่อออกแรงบีบไหล่ลูกชายแน่นความอาลัยต่อครอบครัวล้นอยู่เต็มห้วงความรู้สึก เขาดึงภรรยาและลูก ชายเข้ามาสวมกอดไว้แนบแน่นดังกับวันวานที่ลูกแรกเกิดแล้วเข้าโอบกอดครอบครัวของตัวเองเป็นครั้ง แรก เขาสะดุ้งตื่นรู้สึกถึงความชื้นที่หมอนและน้าตายังคลออยู่ที่เบ้าตา ข้างกายมีปึกกระดาษเอสี่กว่า ร้อยหน้า ปรากฏคาโปรยและชื่อเรื่อง “ลูกก็เหมือนตัวกูจะดีหรือชั่ว จะสวยหรือขี้ริ้วอย่างไรก็ไม่ทาให้ความ รักนั้นจืดจางลง” นิยายชุด “ปฏิกิริยา” ชายหนุ่มหันไปดูกระดาษปึกนั้นปาดน้าตาและบอกตัวเองว่าเขา จะต้องเข้มแข็งขึ้นเพื่อตัวเองและแม่ “ได้เวลาตื่นไปทางานที่รักแล้วสินะ” ------------------------------------------------------ พิมพ์ครั้งแรกที่นิตยสารสกุลไทย ฉบับทีฉบับที่ 3031 ประจาวัน อังคารที่ 20 พฤศจิกายน 2555 ่ 14