More Related Content Similar to ก่อนจะมาเป็นเครื่องคอมพิวเตอร์
Similar to ก่อนจะมาเป็นเครื่องคอมพิวเตอร์ (20) ก่อนจะมาเป็นเครื่องคอมพิวเตอร์1. ววฒนาการของคอมพิวเตอร์
ิั
กอนจะมาเป็นเคร่องคอมพวเตอร ์
่ ื ิ
คาวา คอมพวเตอร์ มาจากภาษาองกฤษวา Computer หมายถึงเครื่องจักรทีใช้เพือ
ํ ่ ิ ั ่ ่ ่
การคานวณและประมวลผลขอมล ก่อนจะมาเป็ นคอมพิวเตอร์อย่างทีนกเรียนได้เห็นใน
ํ ้ ู ่ ั
ปัจจุบนนัน เครื่องคอมพิวเตอร์ในฐานะทีเ่ ป็ นเครื่องคํานวณมีววฒนาการมาโดยการศึกษา
ั ้ ิั
จากจารึกตัวอักษรบนแผ่นดินเหนียวของชาวบาบิโลนทําให้ทราบว่าในสมัยนันมีการคํานวณ
้
และมการใชเ้ คร่องมอช่วยในการคานวณบา้ งแล ้ว เช่น การใช้ลูกหินและก้อนกรวดในการช่วย
ี ื ื ํ
นับ เป็ นต้น เครื่องคํานวณอย่างแรกทีมนุษย์ประดิษฐ์คือลูกคิดซึงเป็ นเครื่องมือแสดงจํานวน
่ ่
นับได้อย่างเป็ นธรรมชาติ สามารถใชคานวณไดง้ ายสามารถใชกบการคานวณเลขไดทกระบบ
้ํ ่ ้ั ํ ุ้
เช่นระบบฐานสบทเ่ี ราใชกนอยู่ในปจจบนระบบฐานสบสองทใชใ้ นเร่องการนบชวโมง หรอ
ิ ้ั ั ุ ั ิ ่ี ื ั ั่ ื
จํานวนสินค้าเป็ นโหลระบบเลขฐานหกสิบใช้คานวณเกี่ยวกับเวลาเป็ นนาที ดังนันผูไ้ ม่รู ้
ํ ้
หนังสือและไม่รูจกวิธคิดเลขในระบบปัจจุบนก็สามารถใช้ลูกคิดได้
้ั ี ั
ต่อมาเมือโลกเจริญขึ้น การค้าขายและวิทยาการต่างๆ ขยายตัวส่งผลให้การคํานวณยุ่งยาก
่
ซับซ้อนขึ้น จอห์น เนเปี ยร์ (John Napier : พ.ศ.2093 - 2160) นักคณิตศาสตร์ชาวสก๊อต มีลกษณะ ั
เป็ นแท่งไม้ทตเี ป็ นตาราง และช่องสามเหลียม มีเลขเขียนอยู่บนตารางเหล่านี้ เมือต้องการคูณเลข
่ี ่ ่
จํานวนใด ก็หยิบแท่งทีใช้ระบุเลขแต่ละหลักมาเรียงกัน แล้วจึงอ่านตัวเลขบนแท่งนัน ตรงแถวทีตรง
่ ้ ่
กับเลขตัวคูณ ก็จะได้คาตอบทีตองการ โดยก่อนหน้านี้เนเปี ยร์ ได้ทาตารางลอการิทม เพือช่วยในการ
ํ ่ ้ ํ ึ ่
คูณและหารเลข โดยอาศัยหลักการบวก และลบเลขมาช่วยในการคํานวณ ภายหลังได้ประดิษฐ์
เคร่องช่วยคูณออกมาเรยกวา แท่งเนเปี ยร์ (Napier's rod)
ื ี ่
2. แท่งเนเปี ยร์ (Napier's rod)
ในช่วงระยะเวลาใกล้ ๆ กัน เบลส ปาสคาล (Blaise
Pascal :พ.ศ.2166 - 2205) นักคณิตศาสตร์ชาวฝรัง่ เศส ได้
ประดิษฐ์เครื่องคํานวณนี้มลกษณะเป็ นกล่องสีเ่ หลียม มฟนเฟือง
ี ั ่ ี ั
สําหรับตังและหมุนตัวเลขอยู่ดา้ นบน ถือได้วาเป็ น "เครื่อง
้ ่
คํานวณใช้เฟื องเครื่องแรก" การคํานวณใช้หลักการหมุนของ
ฟันเฟื องหนึ่งอันถูกหมุนครบ 1 รอบ ฟันเฟื องอีกอันหนึ่งทาง
เบลส ด้านซ้ายจะถูกหมุนไปด้วยในเศษ 1 ส่วน 10 รอบ เช่นเดียวกับ เครื่องคํานวณของ
ปาสคาล การทดเลขสําหรับผลการคํานวณจะดูได้ทช่องบน และได้ถก
่ี ู ปาสคาล
เผยแพร่ออกสู่สาธารณชนเมือ พ.ศ. 2188 แต่ไม่ประสบผลสําเร็จ
่
เท่าทีควร เครื่องมือนี้สามารถใช้ได้ดในการคํานวณบวกและลบ
่ ี
เท่านัน ส่วนการคูณและหารยังไม่ดเี ท่าไร
้
กอดฟรีด ไลปนิซ (Gottfried Wilhelm Leibniz: พ.ศ.2189 -
2259) นักคณิตศาสตร์ นักปรัชญา นักการฑูต ชาวเยอรมัน ทําการปรับปรุง
เครื่องคํานวณของปาสกาลให้สามารถคูณ และหารได้ ในปี 1673 โดยการ
ปรับฟันเฟื องให้ดข้นกว่าของปาสกาล ใช้การบวกซํา้ ๆ กันแทนการคูณเลข
ีึ
จึงทําให้สามารถทําการคูณและหารได้โดยตรง ซึงอาศัยการหมุนวงล้อของ
่
เครื่องเอง ยังค้นพบเลขฐานสอง (Binary Number) คือ เลข 0 และเลข 1 กอดฟรีด ไลปนิซ
ซึงเป็ นระบบเลขทีเ่ หมาะในการคํานวณ
่
3. The Leibniz Wheel
ชารลส์ แบบเบจ (Charles Babbage: พ.ศ. 2334
- 2414) นักวิทยาศาสตร์ชาวอังกฤษ ได้ประดิษฐ์เครื่อง
ผลต่าง (Difference Engine) ขึ้นมาในปี พ.ศ. 2375 เป็ น
เครื่องคํานวณทีประกอบด้วยฟันเฟื องจํานวนมาก สามารถ
่
เครื่องผลต่างของแบบเบจ
คํานวณค่าของตารางได้โดยอัตโนมัติ แล้วส่งผลลัพธ์ไปตอก
(Babbage's Difference Engine)
ลงบนแผ่นพิมพ์สาหรับนําไปพิมพ์ได้ทน แบบเบจได้พฒนา
ํ ั ั
เครื่องผลต่างอีกครังในปี พ.ศ. 2395 โดยได้รบเงินอุดหนุน
้ ั
จากรัฐสภาอังกฤษ แต่ก็ตองยุตลงเมือผลการดําเนินการ
้ ิ ่
ไม่ได้ดงทีหวังไว้
ั ่
หลังจากนันแบบเบจก็หนมาออกแบบเครื่องวิเคราะห์ (Babbage's Analytical Engine)
้ ั
โดยเครื่องนี้ประกอบด้วย "หน่วยความจํา" ซึงก็คอ ฟนเฟืองสาหรบนบ "หน่วยคํานวณ" ทีสามารถ
่ ื ั ํ ั ั ่
บวกลบคูณหารได้ "บัตรปฏิบต" คล้ายๆ บัตรเจาะรูใช้เป็ นตัวเลือกว่าจะคํานวณอะไร "บัตรตัวแปร"
ัิ
ใช้เลือกว่าจะใช้ขอมูลจากหน่วยความจําใด และ "ส่วนแสดงผล" ซึงก็คอ "เครื่องพิมพ์ หรอเคร่อง
้ ่ ื ื ื
เจาะบัตร" แต่บคคลทีนาแนวคิดของแบบเบจมาสร้างเครื่องวิเคราะห์ (Analytical Engine) ก็คอ ลูก
ุ ่ ํ ื
ชายของแบบเบจชื่อ เฮนรี่ (Henry) ในปี พ.ศ. 2453
อย่างไรก็ตามความคิดของแบบเบจ เกี่ยวกับเครื่องผลต่าง และเครื่องวิเคราะห์ เป็ นประโยชน์ต่อ
วงการคอมพิวเตอร์ในยุคต่อมามาก จึงได้รบสมญาว่า "บิดาแห่งคอมพิวเตอร์" เนื่องจากประกอบด้วย
ั
ส่วนสําคัญ 4 ส่วน คือ
1. ส่วนเก็บข้อมูล เป็ นส่วนทีใช้ในการเก็บข้อมูลนําเข้าและผลลัพธ์ทได้จากการคํานวณ
่ ่ี
4. 2. ส่วนประมวลผล เป็ นส่วนทีใช้ในการประมวลผลทางคณิตศาสตร์
่
3. ส่วนควบคุม เป็ นส่วนทีใช้ในการเคลือนย้ายข้อมูลระหว่างส่วนเก็บข้อมูลและส่วนประมวลผล
่ ่
4. ส่วนรับข้อมูลเข้าและแสดงผลลัพธ์ เป็ นส่วนทีใช้รบข้อมูลจากภายนอกเครื่องเข้าสู่ส่วนเก็บข้อมูล
่ ั
และแสดงผลลัพธ์ทได้จากการคํานวณทําให้เครื่องวิเคราะห์น้ ี มีลกษณะใกล้เคียงกับส่วนประกอบของ
่ี ั
ระบบคอมพิวเตอร์ในปัจจุบน ั
โปรแกรมเมอรคนแรกของโลก
์
พ.ศ. 2385 สุภาพสตรีชาวอังกฤษชื่อ Lady Augusta Ada
Byron ได้ทาการแปลเรื่องราวเกี่ยวกับเครื่อง Analytical Engine และได้
ํ
เขียนขันตอนของคําสัง่ วิธีใช้เครื่องนี้ให้ทาการคํานวณทียุ่งยากซับซ้อนไว้ใน
้ ํ ่
หนงสอ Taylor's Scientific Memories จึงนับได้วา ออกุสต้า เป็ น
ั ื ่
โปรแกรมเมอร์คนแรกของโลก และยังค้นพบอีกว่าชุดบัตรเจาะรู ทีบรรจุ ่
ชุดคําสัง่ ไว้ สามารถนํากลับมาทํางานซํา้ ใหม่ได้ถา้ ต้องการ นันคือหลักการ
่
ทํางานวนซํา้ หรือทีเ่ รียกว่า Loop เครื่องมือคํานวณทีถกพัฒนาขึ้นใน
ู่
ศตวรรษที่ 19 นัน ทํางานกับเลขฐานสิบ (Decimal Number) แต่เมือ
้ ่
เริ่มต้นของศตวรรษที่ 20 ระบบคอมพิวเตอร์ได้ถกพัฒนาขึ้นเป็ นลําดับ จึง
ู
ทําให้มการเปลียนแปลงมาใช้เลขฐานสอง (Binary Number)กับระบบ
ี ่
คอมพิวเตอร์ ทีเ่ ป็ นผลสืบเนื่องมาจากหลักของพีชคณิต
ENIAC เคร่องคอมพวเตอรเ์ คร่องแรกของโลก
ื ิ ื
จอห์น ดับลิว มอชลีย ์ (John W. Mauchly) และ เจ เพรสเพอร์ เอคเกิรต (J. Prespern
Eckert) ได้รบทุนอุดหนุนจากกองทัพสหรัฐอเมริกา ในการสร้างเครื่องคํานวณ ENIAC เมือปี 1946
ั ่
นับว่าเป็ น "เครื่องคํานวณอิเล็กทรอนิกส์เครื่องแรกของโลก หรอคอมพวเตอรเ์ คร่องแรกของโลก"
ื ิ ื
ENIAC เป็ นคําย่อของ Electronics Numerical Integrator and Computer เป็ นเครื่องคํานวณที่
มีจดประสงค์เพือใช้งานในกองทัพ โดยใช้คานวณตารางการยิงปื นใหญ่ วิถกระสุนปื นใหญ่ อาศัย
ุ ่ ํ ี
5. หลอดสุญญากาศจํานวน 18,000 หลอด มีนาหนัก 30 ตัน ใช้เนื้อทีหอง 15,000 ตารางฟุต เวลา
ํ้ ่ ้
ทํางานต้องใช้เวลาถึง 140 กิโลวัตต์ คํานวณในระบบเลขฐานสิบ เครื่อง ENIAC นี้มอชลีย ์ ได้แนวคิด
มาจากเครื่อง ABC ของอาตานาซอฟ
เครื่อง ENIAC
6. พัฒนาการของคอมพิวเตอร์
นับตังแต่ปี พ.ศ. 2489 เป็นตนมาเคร่องคอมพวเตอรไดพฒนากา้ วหนา้ มา
้ ้ ื ิ ์ ้ ั
โดยลาํ ดบทงทางแนวความคดดา้ นอปกรณหรอ ฮาร์ดแวร์ และโปรแกรมคําสัง่
ั ั้ ิ ุ ์ ื
หรอซอฟตแวรจนมาถงปจจบนและสาหรบอนาคต เราสามารถแบ่งการพฒนา
ื ์ ์ ึ ั ุ ั ํ ั ั
คอมพวเตอรเ์ ป็นยุคต่าง ๆ ไดดงน้ ี
ิ ้ั
1. ยุคแรก (พ.ศ. 2487-2498) เป็นช่วงทผูสรา้ งคอมพวเตอรกาลงพฒนา
่ี ้ ิ ์ํ ั ั
ความคดและทฤษฎต่าง ๆ ความรูทเ่ี ก่ยวของกบคอมพวเตอรยงเพงอยู่ในช่วง
ิ ี ้ ี ้ ั ิ ์ ั ่ิ
เร่มตนและอยู่ในวงแคบทงดา้ นการออกแบบวงจรคานวณและการใชคาสง่ั
ิ ้ ั้ ํ ้ํ
คอมพวเตอรในยุคน้ ใชหลอดสูญญากาศเป็นหน่วยพ้นฐานของวงจร
ิ ์ ี ้ ื
หน่วยความจาเป็นรเี ลยหรอเป็นหลอดไฟฟ้าสถต ซงทางานชา้ และเสยหายงาย
ํ ์ ื ิ ่ึ ํ ี ่
ภาษาทใชสาหรบสงงานเป็นภาษาระดบตา่ํ หรอใชสายไฟฟ้าสาหรบเสยบเพอสงงาน
่ี ้ ํ ั ั ่ ั ื ้ ํ ั ี ่ื ั ่
เคร่องในยุคน้ ไดแก่ มารค วน (MARK I), อีนิแอค (ENIAC), ยูนิแวค
ื ี ้ ์ ั
(UNIVAC)
มารค วน (MARK I)
์ ั อีนิแอค (ENIAC) ยูนิแวค(UNIVAC)
7. 2. ยุคที่สอง (พ.ศ.2499-2508) คอมพวเตอรในยุคน้ ีนาทรานซสเตอรมาใชแทน
ิ ์ ํ ิ ์ ้
หลอดสูญญากาศส่งผลใหคอมพวเตอรทางานไดดข้น กนไฟนอย ตวเคร่องมี
้ ิ ์ํ ้ีึ ิ ้ ั ื
ขนาดเลกลงและใชพ้นทไม่มากนก มการใชวงแหวนแม่เหลกเป็นหน่วยความจา มี
็ ้ ื ่ี ั ี ้ ็ ํ
การเพิมอุปกรณ์การรับ-ส่งขอมล และการแสดงผลลพธออกไปในหลาย
่ ้ ู ั ์
อุปกรณ์ เช่น การใช้จานแม่เหล็ก การใช้บตรเจาะรู การใชจอภาพและ
ั ้
แป้นพมพ ์ การใชเ้ คร่องพมพ ์ เป็นตน คอมพวเตอรในยุคน้ ีเร่มตนใชภาษาระดบ
ิ ื ิ ้ ิ ์ ิ ้ ้ ั
สูง เช่น ฟอร์แทรน โคบอล อัลกอล ซงภาษาเหลาน้ ีมลกษณะเป็นสมการ สูตร
่ึ ่ ี ั
คณิตศาสตรหรอประโยคคาสงคลา้ ยภาษาเขยน แทนการใชภาษาเคร่องทย่งยาก
์ ื ํ ั่ ี ้ ื ่ี ุ
ซับซ้อน
3. ยคท่สาม (พ.ศ.2509-2518) คอมพวเตอรในยุคน้ ีใชวงจรรวม (Integrated
ุ ี ิ ์ ้
Circuit : IC) แทนการใชทรานซสเตอรแบบเดม มการใชชดคาสงและ
้ ิ ์ ิ ี ้ ุ ํ ั่
ระบบปฏบตการทสามารถใชไ้ ดกบเคร่องคอมพวเตอรหลาย ๆ รุ่น และหลาย ๆ
ิ ั ิ ่ี ้ั ื ิ ์
ขนาด โดยสามารถเช่อมโยงระบบคอมพวเตอรหลาย ๆ เคร่องเขา้ เป็นระบบ
ื ิ ์ ื
ขายงาน นอกจากนนยงเกดวธการใหม่ในการพฒนาระบบซอฟตแวรทเ่ี รยกวา
่ ั้ ั ิ ิ ี ั ์ ์ ี ่
การเขียนโปรแกรมแบบโครงสร้างอีกด้วย
8. 4. ยคท่ส่ี (พ.ศ.2519 จนถึงปัจจุบน) คอมพิวเตอร์ในยุคนี้ใช้หน่วยประมวลผล
ุ ี ั
ขนาดใหญ่(Very Large Scale Integration : VLSI)การเปลยนหน่วยความจา ่ี ํ
จากวงแหวนแม่เหลกมาเป็นหน่วยความจาจากสารก่งตวนาทเ่ี รยกวา
็ ํ ึ ั ํ ี ่
RAM(Random Access Memory)ซงผลตไดง้ ายและทางานไดเ้ รวข้นกวาวง
่ึ ิ ่ ํ ็ ึ ่
แหวนแม่เหล็ก อปกรณอน ๆ ถกปรบปรุงใหมความสามารถเพมมากข้น เช่น
ุ ์ ่ื ู ั ้ี ่ิ ึ
คอมพวเตอรถกปรบปรุงใหทางานเรวข้น เช่น ซูปเปอร์คอมพิวเตอร์ จอภาพมี
ิ ์ู ั ้ํ ็ ึ
หลายแบบและมความละเอยดมากข้น สือบันทึกข้อมูลมีมากแบบและมี
ี ี ึ ่
ประสทธภาพเพมข้นทงดา้ นความจและความเรวในการบนทกขอมล ในยุคน้ มการ
ิ ิ ่ิ ึ ั้ ุ ็ ั ึ ้ ู ี ี
เกดข้นของคอมพวเตอรขนาดเลกในราคาทถกลงซงมกเรยกกนวา คอมพวเตอร ์
ิ ึ ิ ์ ็ ่ี ู ่ึ ั ี ั ่ ิ
ส่วนบคคล (Personal Computer) ส่งผลใหมการใชคอมพวเตอรแพร่หลาย
ุ ้ี ้ ิ ์
ออกไปอย่างกว้างขวางในหมู่ผูประกอบธุรกิจและประชาชน
้
โดยทัวไป ความกา้ วหนา้ ดา้ นวทยาการคอมพวเตอรไดเ้ พมเตมเป็นทวคูณทงดา้ น
่ ิ ิ ์ ่ิ ิ ี ั้
ซอฟต์แวร์ ฮารดแวร ์ และระบบเครอขายเช่อมต่อระหวางคอมพวเตอร ์
์ ื ่ ื ่ ิ
โดยเฉพาะอย่างยง เครอขายอนเตอรเ์ น็ตทกาลงแพร่ขยายครอบคลมไปทวโลก
่ิ ื ่ ิ ่ี ํ ั ุ ั่
9. การพฒนาคอมพวเตอรไม่ไดหยุดอยู่เพยงแค่น้ ี มกลมบคคลหลายกลม
ั ิ ์ ้ ี ี ุ่ ุ ุ่
กาลงพยายามพฒนาอตสาหกรรมคอมพวเตอรใหกา้ วลาํ้ นาหนา้ กวาทเ่ี ป็นอยู่ใน
ํ ั ั ุ ิ ์ ้ ํ ่
ปัจจุบน เช่น ตองการใหคอมพวเตอรรูจกภาษามนุษย ์ มความสามารถในการคด
ั ้ ้ ิ ์้ั ี ิ
หาเหตุผล เป็นตน ซงแมวาจะยงไม่บรรลจดม่งหมายในปจจบน แต่การคนคว ้าวา
้ ่ึ ้ ่ ั ุุ ุ ั ุ ั ้
ในช่วงเวลาทผ่านมาทาใหนกวจยเขา้ ใจกระบวนการของการใชภาษาธรรมชาตมาก
่ี ํ ้ั ิั ้ ิ
ขึ้น เขา้ ใจการคดเหตผลดข้นและเขา้ ใจวทยาการทเ่ี ก่ยวของในดา้ นอน ๆ เพมพูน
ิ ุ ีึ ิ ี ้ ่ื ่ิ
ขึ้น ซงความเขา้ ใจเหลาน้ จะนาไปสู่การคดสรา้ งคอมพวเตอรในยุคทหา้ ไดใ้ นทสุด
่ึ ่ ี ํ ิ ิ ์ ่ี ่ี
10. องค์ ประกอบของคอมพิวเตอร์
คอมพิวเตอร์ที่ใช้งานโดยทัวไปมีองค์ประกอบหลัก ๆ อยู่ 2 ส่วนคือ
่
1. ฮารดแวร(์ Hardware) คือส่วนทีเราจับต้องได้ เป็ นอุปกรณ์ททา
์ ่ ่ี ํ
หน้าทีต่าง ๆ เพอใหเกดการทางานประสานกนและเกดการประมวลผล
่ ่ื ้ ิ ํ ั ิ
สามารถแบ่งตามการทํางานได้เป็ น 5 ส่วน
1.1 หน่วยรับข้อมูล ทําหน้าทีรบข้อมูลจากภายนอกเข้าไปยัง
่ั
หน่วยความจําเพือไปประมวลผล จัดเก็บข้อมูลหรือแสดงผลข้อมูล ส่วน
่
รับข้อมูลได้แก่ แป้นพมพ์ เมาส์ เครืองสแกน
ิ ่
1.2 หน่วยความจํา ทําหน้าทีรบข้อมูลจากหน่วยรับข้อมูลหรือ
่ั
หน่วยจัดเก็บข้อมูล เพือส่งข้อมูลไปประมวลผลตามคําสังต่อไป
่ ่
ได้แก่ RAM ซึงเป็ นหน่วยความจําภายนอก CPU และ Cache ซงเป็น
่ ่ึ
หน่วยความจําภายใน CPU นอกจากนี้ยงมีหน่วยความจําทีใช้สาหรับ
ั ่ ํ
การประมวลผลโดยตรงซึงอยูภายใน CPU เรยกวา รจสเตอร์ (Register)
่ ่ ี ่ ีี
1.3 หน่วยประมวลผลข้อมูล ทําหน้าทีประมวลผลข้อมูล หน่วย
่
11. ประมวลผลข้อมูลมักถูกเรียกว่า หน่วยประมวลผลกลาง เรียกสัน ๆ ว่า
้
CPU มาจากคําว่า Central Processing Unit ซึงหน่วยประมวลผล
่
กลางประกอบด้วยย่อย ๆ อีก 2 หน่วย คือ หน่วยประมวลผลด้าน
คณิตศาสตร์และตรรกศาสตร์ หรอ Arithmatic & Logical Unit หรอเรยก
ื ื ี
สน ๆ วา ALU และ หน่วยควบคุมการประเมินผล หรอ Control
ั้ ่ ื
Unit ซึงมีหน้าทีควบคุมการประมวลผลทุกชนิดในคอมพิวเตอร์ให้เป็ นไป
่ ่
ด้วยความเรียบร้อย
1.4 หน่วยเก็บข้อมูล ทาหน้าทจดเกบขอมลลงในอุปกรณ์จดเกบ
ํ ่ี ั ็ ้ ู ั ็
ข้อมูล ได้แก่ ฮารดดสก์ ฟลอปป้ีดสก์ handy drive cd dvd เป็นตน
์ ิ ิ ้
1.5 หน่วยแสดงผลข้อมูล ทําหน้าทีแสดงผลข้อมูลจากหน่ยวรับ
่
ข้อมูลหรือแสดงผลลัพธ์ของข้อมูลทีประมวลผลเรียบร้อยแล้ว
่
12. 2. ซอฟตแวร์ (Software)
์
คือชุดคําสังหรือโปรแกรมทีเขียนขึนอย่างมีลาดับขันตอนเพือควบคุมการ
่ ่ ้ ํ ้ ่
ทางานของเครองคอมพวเตอร์ ตามทกาหนดแบ่งชนิดของซอฟตแวรตามสภาพ
ํ ่ื ิ ่ี ํ ์ ์
การทางานแบ่งออกไดเป็น 2 ประเภท คอ
ํ ้ ื
2.1 ซอฟต์แวร์ระบบ ซอฟต์แวร์ระบบใช้ในการจัดระบบหน้าทีหลักของ
่
ซอฟต์แวร์ระบบ คือ ใช้ในการจัดการหน่วย รับเข้าและหน่วยส่งออก ใช้ในการ
จัดการหน่วยความจํา และใช้เป็ นตัวเชือมต่อระหว่างผูใช้กบเครือง
่ ้ ั ่
คอมพวเตอร์
ิ
2.1.1 ระบบปฏิบตการ (Operating System : OS ) คือโปรแกรมทีสร้าง
ั ิ ่
ขึนมาเพือใช้ในการควบคุมการปฏิบตการของคอมพิวเตอร์ ซึงระบบปฏิบตการนี้
้ ่ ั ิ ่ ั ิ
จะไปควบคุมการทํางานของฮาร์ดแวร์รวมถึงการจัดสรรอุปกรณ์และทรัพยากร
ต่าง ๆ ภายในระบบให้ประสานกัน เช่น การจัดสรรพืนทีการใช้หน่วยความจํา ้ ่
หรอลาดบการพมพผลพมพของเครองพมพ์ เป็นตน ทงน้ีกเพอใหเครอง
ื ํ ั ิ ์ ิ ์ ่ื ิ ้ ั ้ ็ ่ื ้ ่ื
คอมพวเตอรสามารถทางานไดอยางมประสทธภาพ ซอฟตแวรระบบน้ีถอเป็นสง
ิ ์ ํ ้ ่ ี ิ ิ ์ ์ ื ิ่
สาคญททุกเครองจาเป็นตองม ี ตัวอย่างระบบปฏิบตการทีใช้ในปจจุบน
ํ ั ่ี ่ื ํ ้ ั ิ ่ ั ั
ไดแก่ DOS Windows Linux
้
2.1.2 ตัวแปลภาษา ในการพัฒนาซอฟต์แวร์ทใช้ในการแปลภาษาระดับสูงให้
่ี
เป็นภาษาเครอง ภาษาระดับสูงมีหลายภาษา ภาษาระดบสงเหลาน้ีสรางขน
่ื ั ู ่ ้ ้ึ
เพือให้ผเขียนโปรแกรมเขียนชุดคําสังได้งาย เข้าใจได้ตลอดจนถึงสามารถ
่ ู้ ่ ่
ปรบปรุงแกไขซอฟตแวรในภายหลงได้ ภาษาระดบสงทพฒนาขนมาทุกภาษา
ั ้ ์ ์ ั ั ู ่ี ั ้ึ
จะต้องมีตวแปลภาษา สําหรับแปลภาษา ภาษาระดบสงซงเป็นทรจกและนิยมกน
ั ั ู ่ึ ่ ี ู้ ั ั
13. ั ั
มากในปจจุบน เช่น ภาษาปาสคาล ภาษาเบสิก ภาษาซี ภาษาโลโก และภาษา
จาวา เป็นตน ้
2.2 ซอฟต์แวร์ประยุกต์
การใช้งานคอมพิวเตอร์ตองมีซอฟต์แวร์ประยุกต์ ซงอาจเป็นซอฟตแวร์
้ ่ึ ์
สาเรจทมผพฒนาเพอใชงานทวไปทาใหทางานไดสะดวกขน หรออาจเป็น
ํ ็ ่ ี ี ู้ ั ่ื ้ ั่ ํ ้ ํ ้ ้ึ ื
ซอฟต์แวร์ใช้งานเฉพาะซึงผูใช้เป็ นผูพฒนาขึนเองเพือให้เหมาะสมกับสภาพการ
่ ้ ้ ั ้ ่
ทางานของตน
ํ
2.2.1 ซอฟต์แวร์ประยุกต์ใช้งานทัวไป ในบรรดาซอฟต์แวร์ประยุกต์
่
ทมใชกนทวไป คือ ซอฟต์แวร์สาเร็จ ซึงซอฟต์แวร์สาเร็จเป็ นซอฟต์แวร์ทใช้กน
่ี ี ้ ั ั ่ ํ ่ ํ ่ี ั
สงมาก ซอฟตแวรสาเรจเป็นซอฟตแวรทบรษทพฒนาขนแลวนําออกมาจาหน่าย
ู ์ ์ ํ ็ ์ ์ ่ี ิ ั ั ้ึ ้ ํ
เพอใหผใชสามารถใชงานไดโดยตรง ไม่ตองเสียเวลาในการพัฒนาอีก ซอฟต์แวร์
่ ื ้ ู้ ้ ้ ้ ้
สาเรจทมจาหน่ายในทองตลาดทวไป และเป็ นทีนิยม ได้แก่ ซอฟต์แวร์ประมวล
ํ ็ ่ี ี ํ ้ ั่ ่
คํา(word) ซอฟตแวรตารางทางาน(Excel) ซอฟต์แวร์การจัดการฐานข้อมูล
์ ์ ํ
(access) ซอฟต์แวร์นําเสนอ(Power point)ซอฟตืแวร์สอสารและการค้นหา และ ่ื
ซอฟต์แวรืกราฟิก
2.2.2 ซอฟต์แวร์ใช้งานเฉพาะ การประยุกต์ใช้งานด้วยซอฟต์แวร์
สาเรจมกจะเน้นการใชงานทวไป แต่อาจจะนํามาประยุกตโดยตรงกบงานทาง
ํ ็ ั ้ ั่ ์ ั
ธุรกจบางอยางไมได้ เชน ในกจกรรมธนาคาร มการฝากถอนเงน งานทางดาน
ิ ่ ่ ิ ี ิ ้
บัญชี หรือในห้างสรรพสินค้าก็มงานขายสินค้า การออกแบบใบเสร็จรับเงิน การ
ี
ควบคุมสินค้าคงคลัง ดงนนจงการการพฒนาซอฟตแวรเฉพาะสาหรบงานแต่ละ
ั ั้ ึ ั ์ ์ ํ ั
ประเภท ใหตรงกบความตองการของผใชแต่ละราย เชน ระบบงานทางดานบญชี
้ ั ้ ู้ ้ ่ ้ ั
15. 1.2 ส่ วนประกอบของปุ่ ม Start
่
การลงโปรแกรม Microsoft Windows XP ป่ ุม Start หรือที่เรียกวา Start Menu จะมีรูปแบบดังนี้
1. ส่วนของการแสดงชื่อและรูปภาพของผใช้ ู้
2. แสดงส่ วนของไอคอนโปรแกรมที่สามารถเพิ่มหรื อลบได้เพื่อสะดวกในการใช้โปรแกรม
3. ส่ วนของโปรแกรมที่มีการเรี ยกใช้งานล่าสุ ด หรื อ บ่อย ๆ ครั้ง
4. ส่ วนของโฟลเดอร์ที่มีการใช้งานทั้งหมด
5. ส่วนของโฟลเดอร์ที่มีการใชงานบ่อย ๆ
้
6. ส่ วนของการจัดการระบบต่าง ๆ
7. ส่ วนของการช่วยเหลือต่าง ๆ การค้นหาไฟล์ หรือ โฟลเดอร์
8. ส่ วนของการเปลี่ยนผูใช้และปิ ดการทํางานของระบบ Windows
้
1.3 การเปลียนรู ปแบบปุ่ ม Start
่
ถ้าเราต้องการจะเปลี่ยนรู ปแบบ ของ ป่ ุม Start ให้มีรูปแบบเป็ นแบบ Windows XP Style หรือ
แบบ Classic Style (รู ปแบบเหมือน เวอร์ชน 98 หรือ 2000) สามารถทําดังนี้
ั่
16. 1. คลิกขวาที่ Task bar เลือกคําสัง Properties
่
2. คลิกที่ แท็บ Start Menu
- เลือก Option Start menu เพื่อเลือก เป็ นแบบ Windows XP Style
- เลือก Classic Start menu เพื่อเลือกเป็น แบบ Windows 98/2000
3. คลิกป่ ุม OK