SlideShare a Scribd company logo
ววฒนาการของคอมพิวเตอร์
                    ิั

กอนจะมาเป็นเคร่องคอมพวเตอร ์
 ่             ื     ิ
           คาวา คอมพวเตอร์ มาจากภาษาองกฤษวา Computer หมายถึงเครื่องจักรทีใช้เพือ
            ํ ่        ิ                 ั       ่                               ่ ่
การคานวณและประมวลผลขอมล ก่อนจะมาเป็ นคอมพิวเตอร์อย่างทีนกเรียนได้เห็นใน
      ํ                     ้ ู                                     ่ ั
ปัจจุบนนัน เครื่องคอมพิวเตอร์ในฐานะทีเ่ ป็ นเครื่องคํานวณมีววฒนาการมาโดยการศึกษา
          ั ้                                                ิั
จากจารึกตัวอักษรบนแผ่นดินเหนียวของชาวบาบิโลนทําให้ทราบว่าในสมัยนันมีการคํานวณ
                                                                          ้
และมการใชเ้ คร่องมอช่วยในการคานวณบา้ งแล ้ว เช่น การใช้ลูกหินและก้อนกรวดในการช่วย
        ี          ื ื           ํ
นับ เป็ นต้น เครื่องคํานวณอย่างแรกทีมนุษย์ประดิษฐ์คือลูกคิดซึงเป็ นเครื่องมือแสดงจํานวน
                                      ่                         ่
นับได้อย่างเป็ นธรรมชาติ สามารถใชคานวณไดง้ ายสามารถใชกบการคานวณเลขไดทกระบบ
                                     ้ํ        ่            ้ั        ํ         ุ้
เช่นระบบฐานสบทเ่ี ราใชกนอยู่ในปจจบนระบบฐานสบสองทใชใ้ นเร่องการนบชวโมง หรอ
                 ิ       ้ั        ั ุ ั           ิ     ่ี       ื      ั ั่       ื
จํานวนสินค้าเป็ นโหลระบบเลขฐานหกสิบใช้คานวณเกี่ยวกับเวลาเป็ นนาที ดังนันผูไ้ ม่รู ้
                                             ํ                                ้
หนังสือและไม่รูจกวิธคิดเลขในระบบปัจจุบนก็สามารถใช้ลูกคิดได้
                    ้ั ี                   ั




         ต่อมาเมือโลกเจริญขึ้น การค้าขายและวิทยาการต่างๆ ขยายตัวส่งผลให้การคํานวณยุ่งยาก
                    ่
ซับซ้อนขึ้น จอห์น เนเปี ยร์ (John Napier : พ.ศ.2093 - 2160) นักคณิตศาสตร์ชาวสก๊อต มีลกษณะ ั
เป็ นแท่งไม้ทตเี ป็ นตาราง และช่องสามเหลียม มีเลขเขียนอยู่บนตารางเหล่านี้ เมือต้องการคูณเลข
             ่ี                          ่                                   ่
จํานวนใด ก็หยิบแท่งทีใช้ระบุเลขแต่ละหลักมาเรียงกัน แล้วจึงอ่านตัวเลขบนแท่งนัน ตรงแถวทีตรง
                         ่                                                      ้           ่
กับเลขตัวคูณ ก็จะได้คาตอบทีตองการ โดยก่อนหน้านี้เนเปี ยร์ ได้ทาตารางลอการิทม เพือช่วยในการ
                           ํ     ่ ้                            ํ                 ึ ่
คูณและหารเลข โดยอาศัยหลักการบวก และลบเลขมาช่วยในการคํานวณ ภายหลังได้ประดิษฐ์
เคร่องช่วยคูณออกมาเรยกวา แท่งเนเปี ยร์ (Napier's rod)
     ื                       ี ่
แท่งเนเปี ยร์ (Napier's rod)




                        ในช่วงระยะเวลาใกล้ ๆ กัน เบลส ปาสคาล (Blaise
              Pascal :พ.ศ.2166 - 2205) นักคณิตศาสตร์ชาวฝรัง่ เศส ได้
              ประดิษฐ์เครื่องคํานวณนี้มลกษณะเป็ นกล่องสีเ่ หลียม มฟนเฟือง
                                         ี ั                  ่ ี ั
              สําหรับตังและหมุนตัวเลขอยู่ดา้ นบน ถือได้วาเป็ น "เครื่อง
                        ้                                ่
              คํานวณใช้เฟื องเครื่องแรก" การคํานวณใช้หลักการหมุนของ
              ฟันเฟื องหนึ่งอันถูกหมุนครบ 1 รอบ ฟันเฟื องอีกอันหนึ่งทาง
    เบลส ด้านซ้ายจะถูกหมุนไปด้วยในเศษ 1 ส่วน 10 รอบ เช่นเดียวกับ เครื่องคํานวณของ
ปาสคาล การทดเลขสําหรับผลการคํานวณจะดูได้ทช่องบน และได้ถก
                                                      ่ี                ู ปาสคาล
              เผยแพร่ออกสู่สาธารณชนเมือ พ.ศ. 2188 แต่ไม่ประสบผลสําเร็จ
                                             ่
              เท่าทีควร เครื่องมือนี้สามารถใช้ได้ดในการคํานวณบวกและลบ
                    ่                             ี
              เท่านัน ส่วนการคูณและหารยังไม่ดเี ท่าไร
                      ้
          กอดฟรีด ไลปนิซ (Gottfried Wilhelm Leibniz: พ.ศ.2189 -
2259) นักคณิตศาสตร์ นักปรัชญา นักการฑูต ชาวเยอรมัน ทําการปรับปรุง
เครื่องคํานวณของปาสกาลให้สามารถคูณ และหารได้ ในปี 1673 โดยการ
ปรับฟันเฟื องให้ดข้นกว่าของปาสกาล ใช้การบวกซํา้ ๆ กันแทนการคูณเลข
                  ีึ
จึงทําให้สามารถทําการคูณและหารได้โดยตรง ซึงอาศัยการหมุนวงล้อของ
                                                ่
เครื่องเอง ยังค้นพบเลขฐานสอง (Binary Number) คือ เลข 0 และเลข 1 กอดฟรีด ไลปนิซ
ซึงเป็ นระบบเลขทีเ่ หมาะในการคํานวณ
  ่
The Leibniz Wheel


                                                   ชารลส์ แบบเบจ (Charles Babbage: พ.ศ. 2334
                                         - 2414) นักวิทยาศาสตร์ชาวอังกฤษ ได้ประดิษฐ์เครื่อง
                                         ผลต่าง (Difference Engine) ขึ้นมาในปี พ.ศ. 2375 เป็ น
                                         เครื่องคํานวณทีประกอบด้วยฟันเฟื องจํานวนมาก สามารถ
                                                         ่
        เครื่องผลต่างของแบบเบจ
                                         คํานวณค่าของตารางได้โดยอัตโนมัติ แล้วส่งผลลัพธ์ไปตอก
  (Babbage's Difference Engine)
                                         ลงบนแผ่นพิมพ์สาหรับนําไปพิมพ์ได้ทน แบบเบจได้พฒนา
                                                           ํ                 ั             ั
                                         เครื่องผลต่างอีกครังในปี พ.ศ. 2395 โดยได้รบเงินอุดหนุน
                                                             ้                     ั
                                         จากรัฐสภาอังกฤษ แต่ก็ตองยุตลงเมือผลการดําเนินการ
                                                                   ้ ิ ่
                                         ไม่ได้ดงทีหวังไว้
                                                 ั ่
             หลังจากนันแบบเบจก็หนมาออกแบบเครื่องวิเคราะห์ (Babbage's Analytical Engine)
                      ้            ั
โดยเครื่องนี้ประกอบด้วย "หน่วยความจํา" ซึงก็คอ ฟนเฟืองสาหรบนบ "หน่วยคํานวณ" ทีสามารถ
                                              ่ ื ั            ํ ั ั                   ่
บวกลบคูณหารได้ "บัตรปฏิบต" คล้ายๆ บัตรเจาะรูใช้เป็ นตัวเลือกว่าจะคํานวณอะไร "บัตรตัวแปร"
                              ัิ
ใช้เลือกว่าจะใช้ขอมูลจากหน่วยความจําใด และ "ส่วนแสดงผล" ซึงก็คอ "เครื่องพิมพ์ หรอเคร่อง
                   ้                                              ่ ื                 ื ื
เจาะบัตร" แต่บคคลทีนาแนวคิดของแบบเบจมาสร้างเครื่องวิเคราะห์ (Analytical Engine) ก็คอ ลูก
                 ุ      ่ ํ                                                                  ื
ชายของแบบเบจชื่อ เฮนรี่ (Henry) ในปี พ.ศ. 2453
อย่างไรก็ตามความคิดของแบบเบจ เกี่ยวกับเครื่องผลต่าง และเครื่องวิเคราะห์ เป็ นประโยชน์ต่อ
วงการคอมพิวเตอร์ในยุคต่อมามาก จึงได้รบสมญาว่า "บิดาแห่งคอมพิวเตอร์" เนื่องจากประกอบด้วย
                                           ั
ส่วนสําคัญ 4 ส่วน คือ
1. ส่วนเก็บข้อมูล เป็ นส่วนทีใช้ในการเก็บข้อมูลนําเข้าและผลลัพธ์ทได้จากการคํานวณ
                            ่                                       ่ี
2. ส่วนประมวลผล เป็ นส่วนทีใช้ในการประมวลผลทางคณิตศาสตร์
                             ่
3. ส่วนควบคุม เป็ นส่วนทีใช้ในการเคลือนย้ายข้อมูลระหว่างส่วนเก็บข้อมูลและส่วนประมวลผล
                         ่           ่
4. ส่วนรับข้อมูลเข้าและแสดงผลลัพธ์ เป็ นส่วนทีใช้รบข้อมูลจากภายนอกเครื่องเข้าสู่ส่วนเก็บข้อมูล
                                             ่ ั
และแสดงผลลัพธ์ทได้จากการคํานวณทําให้เครื่องวิเคราะห์น้ ี มีลกษณะใกล้เคียงกับส่วนประกอบของ
                    ่ี                                      ั
ระบบคอมพิวเตอร์ในปัจจุบน   ั

โปรแกรมเมอรคนแรกของโลก
           ์

             พ.ศ. 2385 สุภาพสตรีชาวอังกฤษชื่อ Lady Augusta Ada
Byron ได้ทาการแปลเรื่องราวเกี่ยวกับเครื่อง Analytical Engine และได้
                ํ
เขียนขันตอนของคําสัง่ วิธีใช้เครื่องนี้ให้ทาการคํานวณทียุ่งยากซับซ้อนไว้ใน
         ้                                 ํ               ่
หนงสอ Taylor's Scientific Memories จึงนับได้วา ออกุสต้า เป็ น
     ั ื                                                ่
โปรแกรมเมอร์คนแรกของโลก และยังค้นพบอีกว่าชุดบัตรเจาะรู ทีบรรจุ     ่
ชุดคําสัง่ ไว้ สามารถนํากลับมาทํางานซํา้ ใหม่ได้ถา้ ต้องการ นันคือหลักการ
                                                              ่
ทํางานวนซํา้ หรือทีเ่ รียกว่า Loop เครื่องมือคํานวณทีถกพัฒนาขึ้นใน
                                                          ู่
ศตวรรษที่ 19 นัน ทํางานกับเลขฐานสิบ (Decimal Number) แต่เมือ
                    ้                                                 ่
เริ่มต้นของศตวรรษที่ 20 ระบบคอมพิวเตอร์ได้ถกพัฒนาขึ้นเป็ นลําดับ จึง
                                                    ู
ทําให้มการเปลียนแปลงมาใช้เลขฐานสอง (Binary Number)กับระบบ
           ี      ่
คอมพิวเตอร์ ทีเ่ ป็ นผลสืบเนื่องมาจากหลักของพีชคณิต


ENIAC เคร่องคอมพวเตอรเ์ คร่องแรกของโลก
              ื         ิ        ื
           จอห์น ดับลิว มอชลีย ์ (John W. Mauchly) และ เจ เพรสเพอร์ เอคเกิรต (J. Prespern
Eckert) ได้รบทุนอุดหนุนจากกองทัพสหรัฐอเมริกา ในการสร้างเครื่องคํานวณ ENIAC เมือปี 1946
                ั                                                                 ่
นับว่าเป็ น "เครื่องคํานวณอิเล็กทรอนิกส์เครื่องแรกของโลก หรอคอมพวเตอรเ์ คร่องแรกของโลก"
                                                           ื    ิ          ื
ENIAC เป็ นคําย่อของ Electronics Numerical Integrator and Computer เป็ นเครื่องคํานวณที่
มีจดประสงค์เพือใช้งานในกองทัพ โดยใช้คานวณตารางการยิงปื นใหญ่ วิถกระสุนปื นใหญ่ อาศัย
   ุ              ่                       ํ                        ี
หลอดสุญญากาศจํานวน 18,000 หลอด มีนาหนัก 30 ตัน ใช้เนื้อทีหอง 15,000 ตารางฟุต เวลา
                                          ํ้               ่ ้
ทํางานต้องใช้เวลาถึง 140 กิโลวัตต์ คํานวณในระบบเลขฐานสิบ เครื่อง ENIAC นี้มอชลีย ์ ได้แนวคิด
มาจากเครื่อง ABC ของอาตานาซอฟ




                                       เครื่อง ENIAC
พัฒนาการของคอมพิวเตอร์
        นับตังแต่ปี พ.ศ. 2489 เป็นตนมาเคร่องคอมพวเตอรไดพฒนากา้ วหนา้ มา
                   ้                             ้          ื         ิ       ์ ้ ั
โดยลาํ ดบทงทางแนวความคดดา้ นอปกรณหรอ ฮาร์ดแวร์ และโปรแกรมคําสัง่
                  ั ั้                     ิ       ุ       ์ ื
หรอซอฟตแวรจนมาถงปจจบนและสาหรบอนาคต เราสามารถแบ่งการพฒนา
    ื                ์ ์           ึ ั ุ ั           ํ ั                                    ั
คอมพวเตอรเ์ ป็นยุคต่าง ๆ ไดดงน้ ี
          ิ                                  ้ั
1. ยุคแรก (พ.ศ. 2487-2498) เป็นช่วงทผูสรา้ งคอมพวเตอรกาลงพฒนา
                                                         ่ี ้               ิ    ์ํ ั ั
ความคดและทฤษฎต่าง ๆ ความรูทเ่ี ก่ยวของกบคอมพวเตอรยงเพงอยู่ในช่วง
                ิ              ี                ้ ี ้ ั                   ิ     ์ ั ่ิ
เร่มตนและอยู่ในวงแคบทงดา้ นการออกแบบวงจรคานวณและการใชคาสง่ั
   ิ ้                                  ั้                          ํ                    ้ํ
คอมพวเตอรในยุคน้ ใชหลอดสูญญากาศเป็นหน่วยพ้นฐานของวงจร
            ิ          ์         ี ้                                    ื
หน่วยความจาเป็นรเี ลยหรอเป็นหลอดไฟฟ้าสถต ซงทางานชา้ และเสยหายงาย
                         ํ           ์ ื                        ิ ่ึ ํ                 ี      ่
ภาษาทใชสาหรบสงงานเป็นภาษาระดบตา่ํ หรอใชสายไฟฟ้าสาหรบเสยบเพอสงงาน
              ่ี ้ ํ ั ั ่                            ั       ื ้              ํ ั ี ่ื ั ่
เคร่องในยุคน้ ไดแก่ มารค วน (MARK I), อีนิแอค (ENIAC), ยูนิแวค
      ื                    ี ้         ์ ั
(UNIVAC)




       มารค วน (MARK I)
          ์ ั                            อีนิแอค (ENIAC)             ยูนิแวค(UNIVAC)
2. ยุคที่สอง (พ.ศ.2499-2508) คอมพวเตอรในยุคน้ ีนาทรานซสเตอรมาใชแทน
                                       ิ          ์          ํ          ิ  ์ ้
หลอดสูญญากาศส่งผลใหคอมพวเตอรทางานไดดข้น กนไฟนอย ตวเคร่องมี
                          ้ ิ            ์ํ            ้ีึ ิ           ้ ั ื
ขนาดเลกลงและใชพ้นทไม่มากนก มการใชวงแหวนแม่เหลกเป็นหน่วยความจา มี
           ็       ้ ื ่ี       ั ี           ้                   ็              ํ
การเพิมอุปกรณ์การรับ-ส่งขอมล และการแสดงผลลพธออกไปในหลาย
       ่                    ้ ู                             ั ์
อุปกรณ์ เช่น การใช้จานแม่เหล็ก การใช้บตรเจาะรู การใชจอภาพและ
                                            ั                   ้
แป้นพมพ ์ การใชเ้ คร่องพมพ ์ เป็นตน คอมพวเตอรในยุคน้ ีเร่มตนใชภาษาระดบ
         ิ            ื ิ         ้                 ิ     ์           ิ ้ ้        ั
สูง เช่น ฟอร์แทรน โคบอล อัลกอล ซงภาษาเหลาน้ ีมลกษณะเป็นสมการ สูตร
                                    ่ึ                ่ ี ั
คณิตศาสตรหรอประโยคคาสงคลา้ ยภาษาเขยน แทนการใชภาษาเคร่องทย่งยาก
             ์ ื           ํ ั่                 ี                   ้     ื ่ี ุ
ซับซ้อน




3. ยคท่สาม (พ.ศ.2509-2518) คอมพวเตอรในยุคน้ ีใชวงจรรวม (Integrated
    ุ ี                          ิ     ์          ้
Circuit : IC) แทนการใชทรานซสเตอรแบบเดม มการใชชดคาสงและ
                       ้      ิ    ์     ิ ี        ้ ุ ํ ั่
ระบบปฏบตการทสามารถใชไ้ ดกบเคร่องคอมพวเตอรหลาย ๆ รุ่น และหลาย ๆ
        ิ ั ิ ่ี            ้ั ื              ิ ์
ขนาด โดยสามารถเช่อมโยงระบบคอมพวเตอรหลาย ๆ เคร่องเขา้ เป็นระบบ
                    ื                ิ    ์            ื
ขายงาน นอกจากนนยงเกดวธการใหม่ในการพฒนาระบบซอฟตแวรทเ่ี รยกวา
 ่               ั้ ั ิ ิ ี                 ั             ์ ์ ี ่
การเขียนโปรแกรมแบบโครงสร้างอีกด้วย
4. ยคท่ส่ี (พ.ศ.2519 จนถึงปัจจุบน) คอมพิวเตอร์ในยุคนี้ใช้หน่วยประมวลผล
            ุ ี                                     ั
ขนาดใหญ่(Very Large Scale Integration : VLSI)การเปลยนหน่วยความจา                    ่ี                     ํ
จากวงแหวนแม่เหลกมาเป็นหน่วยความจาจากสารก่งตวนาทเ่ี รยกวา
                              ็                             ํ            ึ ั ํ ี ่
RAM(Random Access Memory)ซงผลตไดง้ ายและทางานไดเ้ รวข้นกวาวง
                                                         ่ึ ิ ่                 ํ             ็ ึ ่
แหวนแม่เหล็ก อปกรณอน ๆ ถกปรบปรุงใหมความสามารถเพมมากข้น เช่น
                        ุ       ์ ่ื          ู ั                   ้ี                 ่ิ        ึ
คอมพวเตอรถกปรบปรุงใหทางานเรวข้น เช่น ซูปเปอร์คอมพิวเตอร์ จอภาพมี
             ิ  ์ู ั                   ้ํ          ็ ึ
หลายแบบและมความละเอยดมากข้น สือบันทึกข้อมูลมีมากแบบและมี
                      ี              ี                ึ ่
ประสทธภาพเพมข้นทงดา้ นความจและความเรวในการบนทกขอมล ในยุคน้ มการ
       ิ ิ        ่ิ ึ ั้                        ุ                     ็       ั ึ ้ ู                 ี ี
เกดข้นของคอมพวเตอรขนาดเลกในราคาทถกลงซงมกเรยกกนวา คอมพวเตอร ์
   ิ ึ                      ิ    ์             ็                ่ี ู ่ึ ั ี ั ่                      ิ
ส่วนบคคล (Personal Computer) ส่งผลใหมการใชคอมพวเตอรแพร่หลาย
          ุ                                                         ้ี     ้      ิ         ์
ออกไปอย่างกว้างขวางในหมู่ผูประกอบธุรกิจและประชาชน
                                          ้
โดยทัวไป ความกา้ วหนา้ ดา้ นวทยาการคอมพวเตอรไดเ้ พมเตมเป็นทวคูณทงดา้ น
        ่                                   ิ                        ิ    ์ ่ิ ิ                   ี ั้
ซอฟต์แวร์ ฮารดแวร ์ และระบบเครอขายเช่อมต่อระหวางคอมพวเตอร ์
                    ์                                  ื ่ ื                 ่            ิ
โดยเฉพาะอย่างยง เครอขายอนเตอรเ์ น็ตทกาลงแพร่ขยายครอบคลมไปทวโลก
                          ่ิ ื ่ ิ                            ่ี ํ ั                           ุ ั่
การพฒนาคอมพวเตอรไม่ไดหยุดอยู่เพยงแค่น้ ี มกลมบคคลหลายกลม
                  ั              ิ  ์ ้              ี           ี ุ่ ุ                   ุ่
กาลงพยายามพฒนาอตสาหกรรมคอมพวเตอรใหกา้ วลาํ้ นาหนา้ กวาทเ่ี ป็นอยู่ใน
   ํ ั              ั ุ                   ิ        ์ ้      ํ         ่
ปัจจุบน เช่น ตองการใหคอมพวเตอรรูจกภาษามนุษย ์ มความสามารถในการคด
          ั           ้         ้ ิ   ์้ั                 ี                             ิ
หาเหตุผล เป็นตน ซงแมวาจะยงไม่บรรลจดม่งหมายในปจจบน แต่การคนคว ้าวา
                        ้ ่ึ ้ ่ ั            ุุ ุ            ั ุ ั           ้
ในช่วงเวลาทผ่านมาทาใหนกวจยเขา้ ใจกระบวนการของการใชภาษาธรรมชาตมาก
               ่ี           ํ ้ั ิั                                ้               ิ
ขึ้น เขา้ ใจการคดเหตผลดข้นและเขา้ ใจวทยาการทเ่ี ก่ยวของในดา้ นอน ๆ เพมพูน
                     ิ ุ ีึ                 ิ          ี ้                 ่ื   ่ิ
ขึ้น ซงความเขา้ ใจเหลาน้ จะนาไปสู่การคดสรา้ งคอมพวเตอรในยุคทหา้ ไดใ้ นทสุด
       ่ึ                    ่ ี ํ      ิ               ิ      ์        ่ี           ่ี
องค์ ประกอบของคอมพิวเตอร์
  คอมพิวเตอร์ที่ใช้งานโดยทัวไปมีองค์ประกอบหลัก ๆ อยู่ 2 ส่วนคือ
                           ่
   1. ฮารดแวร(์ Hardware) คือส่วนทีเราจับต้องได้ เป็ นอุปกรณ์ททา
           ์                           ่                      ่ี ํ
หน้าทีต่าง ๆ เพอใหเกดการทางานประสานกนและเกดการประมวลผล
      ่         ่ื ้ ิ       ํ             ั      ิ
สามารถแบ่งตามการทํางานได้เป็ น 5 ส่วน
         1.1 หน่วยรับข้อมูล ทําหน้าทีรบข้อมูลจากภายนอกเข้าไปยัง
                                      ่ั
หน่วยความจําเพือไปประมวลผล จัดเก็บข้อมูลหรือแสดงผลข้อมูล ส่วน
                  ่
รับข้อมูลได้แก่ แป้นพมพ์ เมาส์ เครืองสแกน
                       ิ            ่




       1.2 หน่วยความจํา ทําหน้าทีรบข้อมูลจากหน่วยรับข้อมูลหรือ
                                    ่ั
หน่วยจัดเก็บข้อมูล เพือส่งข้อมูลไปประมวลผลตามคําสังต่อไป
                     ่                            ่
ได้แก่ RAM ซึงเป็ นหน่วยความจําภายนอก CPU และ Cache ซงเป็น
               ่                                          ่ึ
หน่วยความจําภายใน CPU นอกจากนี้ยงมีหน่วยความจําทีใช้สาหรับ
                                       ั              ่ ํ
การประมวลผลโดยตรงซึงอยูภายใน CPU เรยกวา รจสเตอร์ (Register)
                        ่ ่              ี ่ ีี



      1.3 หน่วยประมวลผลข้อมูล ทําหน้าทีประมวลผลข้อมูล หน่วย
                                       ่
ประมวลผลข้อมูลมักถูกเรียกว่า หน่วยประมวลผลกลาง เรียกสัน ๆ ว่า
                                                      ้
CPU มาจากคําว่า Central Processing Unit ซึงหน่วยประมวลผล
                                          ่
กลางประกอบด้วยย่อย ๆ อีก 2 หน่วย คือ หน่วยประมวลผลด้าน
คณิตศาสตร์และตรรกศาสตร์ หรอ Arithmatic & Logical Unit หรอเรยก
                              ื                          ื ี
สน ๆ วา ALU และ หน่วยควบคุมการประเมินผล หรอ Control
  ั้     ่                                     ื
Unit ซึงมีหน้าทีควบคุมการประมวลผลทุกชนิดในคอมพิวเตอร์ให้เป็ นไป
       ่        ่
ด้วยความเรียบร้อย




        1.4 หน่วยเก็บข้อมูล ทาหน้าทจดเกบขอมลลงในอุปกรณ์จดเกบ
                             ํ      ่ี ั ็ ้ ู             ั ็
ข้อมูล ได้แก่ ฮารดดสก์ ฟลอปป้ีดสก์ handy drive cd dvd เป็นตน
                 ์ ิ           ิ                            ้




       1.5 หน่วยแสดงผลข้อมูล ทําหน้าทีแสดงผลข้อมูลจากหน่ยวรับ
                                      ่
ข้อมูลหรือแสดงผลลัพธ์ของข้อมูลทีประมวลผลเรียบร้อยแล้ว
                                ่
2. ซอฟตแวร์ (Software)
       ์
       คือชุดคําสังหรือโปรแกรมทีเขียนขึนอย่างมีลาดับขันตอนเพือควบคุมการ
                   ่            ่         ้     ํ     ้     ่
ทางานของเครองคอมพวเตอร์ ตามทกาหนดแบ่งชนิดของซอฟตแวรตามสภาพ
  ํ             ่ื        ิ            ่ี ํ                   ์ ์
การทางานแบ่งออกไดเป็น 2 ประเภท คอ
     ํ                  ้                   ื
         2.1 ซอฟต์แวร์ระบบ ซอฟต์แวร์ระบบใช้ในการจัดระบบหน้าทีหลักของ
                                                                  ่
ซอฟต์แวร์ระบบ คือ ใช้ในการจัดการหน่วย รับเข้าและหน่วยส่งออก ใช้ในการ
จัดการหน่วยความจํา และใช้เป็ นตัวเชือมต่อระหว่างผูใช้กบเครือง
                                     ่              ้ ั ่
คอมพวเตอร์
       ิ




           2.1.1 ระบบปฏิบตการ (Operating System : OS ) คือโปรแกรมทีสร้าง
                                   ั ิ                                                         ่
ขึนมาเพือใช้ในการควบคุมการปฏิบตการของคอมพิวเตอร์ ซึงระบบปฏิบตการนี้
  ้              ่                              ั ิ                           ่                    ั ิ
จะไปควบคุมการทํางานของฮาร์ดแวร์รวมถึงการจัดสรรอุปกรณ์และทรัพยากร
ต่าง ๆ ภายในระบบให้ประสานกัน เช่น การจัดสรรพืนทีการใช้หน่วยความจํา  ้ ่
หรอลาดบการพมพผลพมพของเครองพมพ์ เป็นตน ทงน้ีกเพอใหเครอง
        ื ํ ั                 ิ ์ ิ ์         ่ื ิ            ้         ั ้ ็ ่ื ้ ่ื
คอมพวเตอรสามารถทางานไดอยางมประสทธภาพ ซอฟตแวรระบบน้ีถอเป็นสง
            ิ          ์            ํ    ้ ่ ี        ิ ิ                    ์ ์                 ื       ิ่
สาคญททุกเครองจาเป็นตองม ี ตัวอย่างระบบปฏิบตการทีใช้ในปจจุบน
 ํ ั ่ี                     ่ื ํ       ้                        ั ิ        ่            ั ั
ไดแก่ DOS Windows Linux
      ้
    2.1.2 ตัวแปลภาษา ในการพัฒนาซอฟต์แวร์ทใช้ในการแปลภาษาระดับสูงให้
                                                          ่ี
เป็นภาษาเครอง ภาษาระดับสูงมีหลายภาษา ภาษาระดบสงเหลาน้ีสรางขน
                         ่ื                                           ั ู ่                  ้ ้ึ
เพือให้ผเขียนโปรแกรมเขียนชุดคําสังได้งาย เข้าใจได้ตลอดจนถึงสามารถ
    ่         ู้                                  ่ ่
ปรบปรุงแกไขซอฟตแวรในภายหลงได้ ภาษาระดบสงทพฒนาขนมาทุกภาษา
         ั           ้           ์ ์        ั                ั ู ่ี ั            ้ึ
จะต้องมีตวแปลภาษา สําหรับแปลภาษา ภาษาระดบสงซงเป็นทรจกและนิยมกน
                   ั                                             ั ู ่ึ             ่ ี ู้ ั           ั
ั ั
มากในปจจุบน เช่น ภาษาปาสคาล ภาษาเบสิก ภาษาซี ภาษาโลโก และภาษา
จาวา เป็นตน           ้
 2.2 ซอฟต์แวร์ประยุกต์
               การใช้งานคอมพิวเตอร์ตองมีซอฟต์แวร์ประยุกต์ ซงอาจเป็นซอฟตแวร์
                                            ้                                  ่ึ      ์
สาเรจทมผพฒนาเพอใชงานทวไปทาใหทางานไดสะดวกขน หรออาจเป็น
  ํ ็ ่ ี ี ู้ ั              ่ื ้            ั่ ํ ้ ํ              ้             ้ึ ื
ซอฟต์แวร์ใช้งานเฉพาะซึงผูใช้เป็ นผูพฒนาขึนเองเพือให้เหมาะสมกับสภาพการ
                                    ่ ้               ้ ั     ้         ่
ทางานของตน
      ํ
                      2.2.1 ซอฟต์แวร์ประยุกต์ใช้งานทัวไป ในบรรดาซอฟต์แวร์ประยุกต์
                                                                ่
ทมใชกนทวไป คือ ซอฟต์แวร์สาเร็จ ซึงซอฟต์แวร์สาเร็จเป็ นซอฟต์แวร์ทใช้กน
        ่ี ี ้ ั ั ่                            ํ         ่           ํ                  ่ี ั
สงมาก ซอฟตแวรสาเรจเป็นซอฟตแวรทบรษทพฒนาขนแลวนําออกมาจาหน่าย
   ู                     ์ ์ ํ ็                     ์ ์ ่ี ิ ั ั            ้ึ ้          ํ
เพอใหผใชสามารถใชงานไดโดยตรง ไม่ตองเสียเวลาในการพัฒนาอีก ซอฟต์แวร์
           ่ ื ้ ู้ ้           ้       ้                   ้
สาเรจทมจาหน่ายในทองตลาดทวไป และเป็ นทีนิยม ได้แก่ ซอฟต์แวร์ประมวล
     ํ ็ ่ี ี ํ                   ้               ั่              ่
คํา(word) ซอฟตแวรตารางทางาน(Excel) ซอฟต์แวร์การจัดการฐานข้อมูล
                           ์ ์            ํ
(access) ซอฟต์แวร์นําเสนอ(Power point)ซอฟตืแวร์สอสารและการค้นหา และ       ่ื
ซอฟต์แวรืกราฟิก




          2.2.2 ซอฟต์แวร์ใช้งานเฉพาะ การประยุกต์ใช้งานด้วยซอฟต์แวร์
สาเรจมกจะเน้นการใชงานทวไป แต่อาจจะนํามาประยุกตโดยตรงกบงานทาง
  ํ ็ ั             ้       ั่                      ์        ั
ธุรกจบางอยางไมได้ เชน ในกจกรรมธนาคาร มการฝากถอนเงน งานทางดาน
    ิ        ่         ่       ิ           ี             ิ        ้
บัญชี หรือในห้างสรรพสินค้าก็มงานขายสินค้า การออกแบบใบเสร็จรับเงิน การ
                                 ี
ควบคุมสินค้าคงคลัง ดงนนจงการการพฒนาซอฟตแวรเฉพาะสาหรบงานแต่ละ
                      ั ั้ ึ         ั       ์ ์           ํ ั
ประเภท ใหตรงกบความตองการของผใชแต่ละราย เชน ระบบงานทางดานบญชี
           ้    ั         ้        ู้ ้        ่               ้ ั
ระบบงานจดจาหน่าย บริหารการเงิน และการเช่าซือ เป็ นต้น ซอฟตแวรทใชงาน
         ั ํ                               ้              ์ ์ ่ี ้
เฉพาะอาจจะอยูในรูปแบบของซอฟต์แวร์เกมซึงเป็ นทีนิยมกันทัวโลกทังในกลุม
              ่                       ่       ่         ่    ้     ่
ของเด็กและผูใหญ่
            ้
1.2 ส่ วนประกอบของปุ่ ม Start
                                                              ่
   การลงโปรแกรม Microsoft Windows XP ป่ ุม Start หรือที่เรียกวา Start Menu จะมีรูปแบบดังนี้




             1.   ส่วนของการแสดงชื่อและรูปภาพของผใช้   ู้
             2.   แสดงส่ วนของไอคอนโปรแกรมที่สามารถเพิ่มหรื อลบได้เพื่อสะดวกในการใช้โปรแกรม
             3.   ส่ วนของโปรแกรมที่มีการเรี ยกใช้งานล่าสุ ด หรื อ บ่อย ๆ ครั้ง
             4.   ส่ วนของโฟลเดอร์ที่มีการใช้งานทั้งหมด
             5.   ส่วนของโฟลเดอร์ที่มีการใชงานบ่อย ๆ
                                             ้
             6.   ส่ วนของการจัดการระบบต่าง ๆ
             7.   ส่ วนของการช่วยเหลือต่าง ๆ การค้นหาไฟล์ หรือ โฟลเดอร์
             8.   ส่ วนของการเปลี่ยนผูใช้และปิ ดการทํางานของระบบ Windows
                                      ้



 1.3 การเปลียนรู ปแบบปุ่ ม Start
            ่
     ถ้าเราต้องการจะเปลี่ยนรู ปแบบ ของ ป่ ุม Start ให้มีรูปแบบเป็ นแบบ Windows XP Style หรือ
แบบ Classic Style (รู ปแบบเหมือน เวอร์ชน 98 หรือ 2000) สามารถทําดังนี้
                                             ั่
1. คลิกขวาที่ Task bar เลือกคําสัง Properties
                                 ่
2. คลิกที่ แท็บ Start Menu
   - เลือก Option Start menu เพื่อเลือก เป็ นแบบ Windows XP Style
  - เลือก Classic Start menu เพื่อเลือกเป็น แบบ Windows 98/2000
3. คลิกป่ ุม OK

More Related Content

What's hot

https://athiwatpc.wordpress.com
https://athiwatpc.wordpress.comhttps://athiwatpc.wordpress.com
https://athiwatpc.wordpress.com
athiwatpc
 
https://athiwatpc.wordpress.com
https://athiwatpc.wordpress.comhttps://athiwatpc.wordpress.com
https://athiwatpc.wordpress.com
athiwatpc
 
Lesson 1
Lesson 1Lesson 1
Lesson 1warawee
 
อานนท์
อานนท์อานนท์
อานนท์Arnon2516
 
ประวัติของคอมพิวเตอร์
ประวัติของคอมพิวเตอร์ประวัติของคอมพิวเตอร์
ประวัติของคอมพิวเตอร์
Natthawan Torkitkarncharern
 
กำเนิดคอมพิวเตอร์
กำเนิดคอมพิวเตอร์กำเนิดคอมพิวเตอร์
กำเนิดคอมพิวเตอร์rogozo123
 
รายงานประวัติคอมพิวเตอร์
รายงานประวัติคอมพิวเตอร์รายงานประวัติคอมพิวเตอร์
รายงานประวัติคอมพิวเตอร์Sakulrut
 
ใบความรู้ที่ 1 ความเป็นมาของคอมพิวเตอร์
ใบความรู้ที่  1 ความเป็นมาของคอมพิวเตอร์ใบความรู้ที่  1 ความเป็นมาของคอมพิวเตอร์
ใบความรู้ที่ 1 ความเป็นมาของคอมพิวเตอร์krupan
 
ประวัติของคอมพิวเตอร์
ประวัติของคอมพิวเตอร์ประวัติของคอมพิวเตอร์
ประวัติของคอมพิวเตอร์
Tewit Chotchang
 
ประวัติของคอมพิวเตอร์
ประวัติของคอมพิวเตอร์ประวัติของคอมพิวเตอร์
ประวัติของคอมพิวเตอร์
Tewit Chotchang
 
ประวัติของคอมพิวเตอร์2
ประวัติของคอมพิวเตอร์2ประวัติของคอมพิวเตอร์2
ประวัติของคอมพิวเตอร์2
Tewit Chotchang
 
Turing machine2
Turing machine2Turing machine2
Turing machine2bewhands
 
คอมพิวเตอร์เบื้องต้น
คอมพิวเตอร์เบื้องต้นคอมพิวเตอร์เบื้องต้น
คอมพิวเตอร์เบื้องต้นJunya Punngam
 
รายงานประวัติคอมพิวเตอร์
รายงานประวัติคอมพิวเตอร์รายงานประวัติคอมพิวเตอร์
รายงานประวัติคอมพิวเตอร์piyarut084
 
Von neumann model2
Von neumann model2Von neumann model2
Von neumann model2looked
 

What's hot (16)

https://athiwatpc.wordpress.com
https://athiwatpc.wordpress.comhttps://athiwatpc.wordpress.com
https://athiwatpc.wordpress.com
 
https://athiwatpc.wordpress.com
https://athiwatpc.wordpress.comhttps://athiwatpc.wordpress.com
https://athiwatpc.wordpress.com
 
Lesson 1
Lesson 1Lesson 1
Lesson 1
 
อานนท์
อานนท์อานนท์
อานนท์
 
ประวัติของคอมพิวเตอร์
ประวัติของคอมพิวเตอร์ประวัติของคอมพิวเตอร์
ประวัติของคอมพิวเตอร์
 
กำเนิดคอมพิวเตอร์
กำเนิดคอมพิวเตอร์กำเนิดคอมพิวเตอร์
กำเนิดคอมพิวเตอร์
 
รายงานประวัติคอมพิวเตอร์
รายงานประวัติคอมพิวเตอร์รายงานประวัติคอมพิวเตอร์
รายงานประวัติคอมพิวเตอร์
 
ความเป็นมาของคอมพิมเตอร์
ความเป็นมาของคอมพิมเตอร์ความเป็นมาของคอมพิมเตอร์
ความเป็นมาของคอมพิมเตอร์
 
ใบความรู้ที่ 1 ความเป็นมาของคอมพิวเตอร์
ใบความรู้ที่  1 ความเป็นมาของคอมพิวเตอร์ใบความรู้ที่  1 ความเป็นมาของคอมพิวเตอร์
ใบความรู้ที่ 1 ความเป็นมาของคอมพิวเตอร์
 
ประวัติของคอมพิวเตอร์
ประวัติของคอมพิวเตอร์ประวัติของคอมพิวเตอร์
ประวัติของคอมพิวเตอร์
 
ประวัติของคอมพิวเตอร์
ประวัติของคอมพิวเตอร์ประวัติของคอมพิวเตอร์
ประวัติของคอมพิวเตอร์
 
ประวัติของคอมพิวเตอร์2
ประวัติของคอมพิวเตอร์2ประวัติของคอมพิวเตอร์2
ประวัติของคอมพิวเตอร์2
 
Turing machine2
Turing machine2Turing machine2
Turing machine2
 
คอมพิวเตอร์เบื้องต้น
คอมพิวเตอร์เบื้องต้นคอมพิวเตอร์เบื้องต้น
คอมพิวเตอร์เบื้องต้น
 
รายงานประวัติคอมพิวเตอร์
รายงานประวัติคอมพิวเตอร์รายงานประวัติคอมพิวเตอร์
รายงานประวัติคอมพิวเตอร์
 
Von neumann model2
Von neumann model2Von neumann model2
Von neumann model2
 

Viewers also liked

แผนการจัดการเรียนรู้ Ict ป.4 ฉบับปรับปรุง
แผนการจัดการเรียนรู้ Ict ป.4 ฉบับปรับปรุงแผนการจัดการเรียนรู้ Ict ป.4 ฉบับปรับปรุง
แผนการจัดการเรียนรู้ Ict ป.4 ฉบับปรับปรุงนายอุุเทน มาดา
 
โครงสร้างรายวิชา เทคโนโลยีสารสนเทศ
โครงสร้างรายวิชา เทคโนโลยีสารสนเทศโครงสร้างรายวิชา เทคโนโลยีสารสนเทศ
โครงสร้างรายวิชา เทคโนโลยีสารสนเทศPichamon Wongsurapinant
 
ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6
ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6
ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6krunuy5
 
แผนการสอนคอม ป. 6 การใช้คอมสร้างชิ้นงาน
แผนการสอนคอม ป. 6  การใช้คอมสร้างชิ้นงานแผนการสอนคอม ป. 6  การใช้คอมสร้างชิ้นงาน
แผนการสอนคอม ป. 6 การใช้คอมสร้างชิ้นงาน
Sumalee Klom
 
หลักสูตรแกนกลางการงานและเทคโนโลยี
หลักสูตรแกนกลางการงานและเทคโนโลยีหลักสูตรแกนกลางการงานและเทคโนโลยี
หลักสูตรแกนกลางการงานและเทคโนโลยี
comed
 
แผนคอมป.1
แผนคอมป.1แผนคอมป.1
แผนคอมป.1bamroong
 

Viewers also liked (8)

แผนการจัดการเรียนรู้ Ict ป.4 ฉบับปรับปรุง
แผนการจัดการเรียนรู้ Ict ป.4 ฉบับปรับปรุงแผนการจัดการเรียนรู้ Ict ป.4 ฉบับปรับปรุง
แผนการจัดการเรียนรู้ Ict ป.4 ฉบับปรับปรุง
 
กำหนดแผนการสอน
กำหนดแผนการสอนกำหนดแผนการสอน
กำหนดแผนการสอน
 
โครงสร้างรายวิชา เทคโนโลยีสารสนเทศ
โครงสร้างรายวิชา เทคโนโลยีสารสนเทศโครงสร้างรายวิชา เทคโนโลยีสารสนเทศ
โครงสร้างรายวิชา เทคโนโลยีสารสนเทศ
 
ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6
ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6
ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6
 
แผนการสอนคอม ป. 6 การใช้คอมสร้างชิ้นงาน
แผนการสอนคอม ป. 6  การใช้คอมสร้างชิ้นงานแผนการสอนคอม ป. 6  การใช้คอมสร้างชิ้นงาน
แผนการสอนคอม ป. 6 การใช้คอมสร้างชิ้นงาน
 
หลักสูตรแกนกลางการงานและเทคโนโลยี
หลักสูตรแกนกลางการงานและเทคโนโลยีหลักสูตรแกนกลางการงานและเทคโนโลยี
หลักสูตรแกนกลางการงานและเทคโนโลยี
 
แผนการสอนการสร้างเว็บเพจ
แผนการสอนการสร้างเว็บเพจแผนการสอนการสร้างเว็บเพจ
แผนการสอนการสร้างเว็บเพจ
 
แผนคอมป.1
แผนคอมป.1แผนคอมป.1
แผนคอมป.1
 

Similar to ก่อนจะมาเป็นเครื่องคอมพิวเตอร์

ใบความรู้ที่ 1 ความเป็นมาของคอมพิวเตอร์
ใบความรู้ที่  1 ความเป็นมาของคอมพิวเตอร์ใบความรู้ที่  1 ความเป็นมาของคอมพิวเตอร์
ใบความรู้ที่ 1 ความเป็นมาของคอมพิวเตอร์krupan
 
ใบความรู้ที่ 1 ความเป็นมาของคอมพิวเตอร์
ใบความรู้ที่  1 ความเป็นมาของคอมพิวเตอร์ใบความรู้ที่  1 ความเป็นมาของคอมพิวเตอร์
ใบความรู้ที่ 1 ความเป็นมาของคอมพิวเตอร์krupan
 
บทที่ 1 คอมพิวเตอร์เบื้องต้น
บทที่ 1 คอมพิวเตอร์เบื้องต้นบทที่ 1 คอมพิวเตอร์เบื้องต้น
บทที่ 1 คอมพิวเตอร์เบื้องต้น
Pises Tantimala
 
ประวัติของคอมพิวเตอร์
ประวัติของคอมพิวเตอร์ ประวัติของคอมพิวเตอร์
ประวัติของคอมพิวเตอร์
Pingsdz Pingsdz
 
คอมพิวเตอร์เบื้องต้น
คอมพิวเตอร์เบื้องต้นคอมพิวเตอร์เบื้องต้น
คอมพิวเตอร์เบื้องต้นJunya Punngam
 
รายงานประวัติคอมพิวเตอร์
รายงานประวัติคอมพิวเตอร์รายงานประวัติคอมพิวเตอร์
รายงานประวัติคอมพิวเตอร์Sakulrut
 
รายงานประวัติคอมพิวเตอร์
รายงานประวัติคอมพิวเตอร์รายงานประวัติคอมพิวเตอร์
รายงานประวัติคอมพิวเตอร์Sakulrut
 
ดช. ภูริปัญญา โสริเวณ แก้0
ดช. ภูริปัญญา โสริเวณ แก้0ดช. ภูริปัญญา โสริเวณ แก้0
ดช. ภูริปัญญา โสริเวณ แก้0
lamtan pattawong
 
ประวัตคอม แพรว-1
ประวัตคอม แพรว-1ประวัตคอม แพรว-1
ประวัตคอม แพรว-1
Boom Sar
 
ประวัตคอมพิวเตอร์
ประวัตคอมพิวเตอร์ประวัตคอมพิวเตอร์
ประวัตคอมพิวเตอร์
Boom Sar
 
ประวัตคอม
ประวัตคอมประวัตคอม
ประวัตคอม
Boom Sar
 
ประวัตคอม แพรว-1
ประวัตคอม แพรว-1ประวัตคอม แพรว-1
ประวัตคอม แพรว-1
Boom Sar
 
ประวัตคอม แพรว-1
ประวัตคอม แพรว-1ประวัตคอม แพรว-1
ประวัตคอม แพรว-1
Boom Sar
 
โครงงานคอมพิวเตอร์ ประวัติคอมพิวเตอร์
โครงงานคอมพิวเตอร์ ประวัติคอมพิวเตอร์โครงงานคอมพิวเตอร์ ประวัติคอมพิวเตอร์
โครงงานคอมพิวเตอร์ ประวัติคอมพิวเตอร์Peeranut Poungsawud
 
เสนอผลงานหน่วยที่ 1
เสนอผลงานหน่วยที่ 1เสนอผลงานหน่วยที่ 1
เสนอผลงานหน่วยที่ 1Jansri Pinkam
 
งานคอม
งานคอมงานคอม
งานคอมsuphawadeebb
 
รายงานประวัติคอมพิวเตอร์
รายงานประวัติคอมพิวเตอร์รายงานประวัติคอมพิวเตอร์
รายงานประวัติคอมพิวเตอร์Chadarat37
 
01 computer technology
01 computer technology01 computer technology
01 computer technologyteaw-sirinapa
 
E:\works\turing machine2
E:\works\turing machine2E:\works\turing machine2
E:\works\turing machine2bewhands
 

Similar to ก่อนจะมาเป็นเครื่องคอมพิวเตอร์ (20)

ใบความรู้ที่ 1 ความเป็นมาของคอมพิวเตอร์
ใบความรู้ที่  1 ความเป็นมาของคอมพิวเตอร์ใบความรู้ที่  1 ความเป็นมาของคอมพิวเตอร์
ใบความรู้ที่ 1 ความเป็นมาของคอมพิวเตอร์
 
ใบความรู้ที่ 1 ความเป็นมาของคอมพิวเตอร์
ใบความรู้ที่  1 ความเป็นมาของคอมพิวเตอร์ใบความรู้ที่  1 ความเป็นมาของคอมพิวเตอร์
ใบความรู้ที่ 1 ความเป็นมาของคอมพิวเตอร์
 
บทที่ 1 คอมพิวเตอร์เบื้องต้น
บทที่ 1 คอมพิวเตอร์เบื้องต้นบทที่ 1 คอมพิวเตอร์เบื้องต้น
บทที่ 1 คอมพิวเตอร์เบื้องต้น
 
ประวัติของคอมพิวเตอร์
ประวัติของคอมพิวเตอร์ ประวัติของคอมพิวเตอร์
ประวัติของคอมพิวเตอร์
 
คอมพิวเตอร์เบื้องต้น
คอมพิวเตอร์เบื้องต้นคอมพิวเตอร์เบื้องต้น
คอมพิวเตอร์เบื้องต้น
 
รายงานประวัติคอมพิวเตอร์
รายงานประวัติคอมพิวเตอร์รายงานประวัติคอมพิวเตอร์
รายงานประวัติคอมพิวเตอร์
 
รายงานประวัติคอมพิวเตอร์
รายงานประวัติคอมพิวเตอร์รายงานประวัติคอมพิวเตอร์
รายงานประวัติคอมพิวเตอร์
 
2 evaluation
2 evaluation2 evaluation
2 evaluation
 
ดช. ภูริปัญญา โสริเวณ แก้0
ดช. ภูริปัญญา โสริเวณ แก้0ดช. ภูริปัญญา โสริเวณ แก้0
ดช. ภูริปัญญา โสริเวณ แก้0
 
ประวัตคอม แพรว-1
ประวัตคอม แพรว-1ประวัตคอม แพรว-1
ประวัตคอม แพรว-1
 
ประวัตคอมพิวเตอร์
ประวัตคอมพิวเตอร์ประวัตคอมพิวเตอร์
ประวัตคอมพิวเตอร์
 
ประวัตคอม
ประวัตคอมประวัตคอม
ประวัตคอม
 
ประวัตคอม แพรว-1
ประวัตคอม แพรว-1ประวัตคอม แพรว-1
ประวัตคอม แพรว-1
 
ประวัตคอม แพรว-1
ประวัตคอม แพรว-1ประวัตคอม แพรว-1
ประวัตคอม แพรว-1
 
โครงงานคอมพิวเตอร์ ประวัติคอมพิวเตอร์
โครงงานคอมพิวเตอร์ ประวัติคอมพิวเตอร์โครงงานคอมพิวเตอร์ ประวัติคอมพิวเตอร์
โครงงานคอมพิวเตอร์ ประวัติคอมพิวเตอร์
 
เสนอผลงานหน่วยที่ 1
เสนอผลงานหน่วยที่ 1เสนอผลงานหน่วยที่ 1
เสนอผลงานหน่วยที่ 1
 
งานคอม
งานคอมงานคอม
งานคอม
 
รายงานประวัติคอมพิวเตอร์
รายงานประวัติคอมพิวเตอร์รายงานประวัติคอมพิวเตอร์
รายงานประวัติคอมพิวเตอร์
 
01 computer technology
01 computer technology01 computer technology
01 computer technology
 
E:\works\turing machine2
E:\works\turing machine2E:\works\turing machine2
E:\works\turing machine2
 

ก่อนจะมาเป็นเครื่องคอมพิวเตอร์

  • 1. ววฒนาการของคอมพิวเตอร์ ิั กอนจะมาเป็นเคร่องคอมพวเตอร ์ ่ ื ิ คาวา คอมพวเตอร์ มาจากภาษาองกฤษวา Computer หมายถึงเครื่องจักรทีใช้เพือ ํ ่ ิ ั ่ ่ ่ การคานวณและประมวลผลขอมล ก่อนจะมาเป็ นคอมพิวเตอร์อย่างทีนกเรียนได้เห็นใน ํ ้ ู ่ ั ปัจจุบนนัน เครื่องคอมพิวเตอร์ในฐานะทีเ่ ป็ นเครื่องคํานวณมีววฒนาการมาโดยการศึกษา ั ้ ิั จากจารึกตัวอักษรบนแผ่นดินเหนียวของชาวบาบิโลนทําให้ทราบว่าในสมัยนันมีการคํานวณ ้ และมการใชเ้ คร่องมอช่วยในการคานวณบา้ งแล ้ว เช่น การใช้ลูกหินและก้อนกรวดในการช่วย ี ื ื ํ นับ เป็ นต้น เครื่องคํานวณอย่างแรกทีมนุษย์ประดิษฐ์คือลูกคิดซึงเป็ นเครื่องมือแสดงจํานวน ่ ่ นับได้อย่างเป็ นธรรมชาติ สามารถใชคานวณไดง้ ายสามารถใชกบการคานวณเลขไดทกระบบ ้ํ ่ ้ั ํ ุ้ เช่นระบบฐานสบทเ่ี ราใชกนอยู่ในปจจบนระบบฐานสบสองทใชใ้ นเร่องการนบชวโมง หรอ ิ ้ั ั ุ ั ิ ่ี ื ั ั่ ื จํานวนสินค้าเป็ นโหลระบบเลขฐานหกสิบใช้คานวณเกี่ยวกับเวลาเป็ นนาที ดังนันผูไ้ ม่รู ้ ํ ้ หนังสือและไม่รูจกวิธคิดเลขในระบบปัจจุบนก็สามารถใช้ลูกคิดได้ ้ั ี ั ต่อมาเมือโลกเจริญขึ้น การค้าขายและวิทยาการต่างๆ ขยายตัวส่งผลให้การคํานวณยุ่งยาก ่ ซับซ้อนขึ้น จอห์น เนเปี ยร์ (John Napier : พ.ศ.2093 - 2160) นักคณิตศาสตร์ชาวสก๊อต มีลกษณะ ั เป็ นแท่งไม้ทตเี ป็ นตาราง และช่องสามเหลียม มีเลขเขียนอยู่บนตารางเหล่านี้ เมือต้องการคูณเลข ่ี ่ ่ จํานวนใด ก็หยิบแท่งทีใช้ระบุเลขแต่ละหลักมาเรียงกัน แล้วจึงอ่านตัวเลขบนแท่งนัน ตรงแถวทีตรง ่ ้ ่ กับเลขตัวคูณ ก็จะได้คาตอบทีตองการ โดยก่อนหน้านี้เนเปี ยร์ ได้ทาตารางลอการิทม เพือช่วยในการ ํ ่ ้ ํ ึ ่ คูณและหารเลข โดยอาศัยหลักการบวก และลบเลขมาช่วยในการคํานวณ ภายหลังได้ประดิษฐ์ เคร่องช่วยคูณออกมาเรยกวา แท่งเนเปี ยร์ (Napier's rod) ื ี ่
  • 2. แท่งเนเปี ยร์ (Napier's rod) ในช่วงระยะเวลาใกล้ ๆ กัน เบลส ปาสคาล (Blaise Pascal :พ.ศ.2166 - 2205) นักคณิตศาสตร์ชาวฝรัง่ เศส ได้ ประดิษฐ์เครื่องคํานวณนี้มลกษณะเป็ นกล่องสีเ่ หลียม มฟนเฟือง ี ั ่ ี ั สําหรับตังและหมุนตัวเลขอยู่ดา้ นบน ถือได้วาเป็ น "เครื่อง ้ ่ คํานวณใช้เฟื องเครื่องแรก" การคํานวณใช้หลักการหมุนของ ฟันเฟื องหนึ่งอันถูกหมุนครบ 1 รอบ ฟันเฟื องอีกอันหนึ่งทาง เบลส ด้านซ้ายจะถูกหมุนไปด้วยในเศษ 1 ส่วน 10 รอบ เช่นเดียวกับ เครื่องคํานวณของ ปาสคาล การทดเลขสําหรับผลการคํานวณจะดูได้ทช่องบน และได้ถก ่ี ู ปาสคาล เผยแพร่ออกสู่สาธารณชนเมือ พ.ศ. 2188 แต่ไม่ประสบผลสําเร็จ ่ เท่าทีควร เครื่องมือนี้สามารถใช้ได้ดในการคํานวณบวกและลบ ่ ี เท่านัน ส่วนการคูณและหารยังไม่ดเี ท่าไร ้ กอดฟรีด ไลปนิซ (Gottfried Wilhelm Leibniz: พ.ศ.2189 - 2259) นักคณิตศาสตร์ นักปรัชญา นักการฑูต ชาวเยอรมัน ทําการปรับปรุง เครื่องคํานวณของปาสกาลให้สามารถคูณ และหารได้ ในปี 1673 โดยการ ปรับฟันเฟื องให้ดข้นกว่าของปาสกาล ใช้การบวกซํา้ ๆ กันแทนการคูณเลข ีึ จึงทําให้สามารถทําการคูณและหารได้โดยตรง ซึงอาศัยการหมุนวงล้อของ ่ เครื่องเอง ยังค้นพบเลขฐานสอง (Binary Number) คือ เลข 0 และเลข 1 กอดฟรีด ไลปนิซ ซึงเป็ นระบบเลขทีเ่ หมาะในการคํานวณ ่
  • 3. The Leibniz Wheel ชารลส์ แบบเบจ (Charles Babbage: พ.ศ. 2334 - 2414) นักวิทยาศาสตร์ชาวอังกฤษ ได้ประดิษฐ์เครื่อง ผลต่าง (Difference Engine) ขึ้นมาในปี พ.ศ. 2375 เป็ น เครื่องคํานวณทีประกอบด้วยฟันเฟื องจํานวนมาก สามารถ ่ เครื่องผลต่างของแบบเบจ คํานวณค่าของตารางได้โดยอัตโนมัติ แล้วส่งผลลัพธ์ไปตอก (Babbage's Difference Engine) ลงบนแผ่นพิมพ์สาหรับนําไปพิมพ์ได้ทน แบบเบจได้พฒนา ํ ั ั เครื่องผลต่างอีกครังในปี พ.ศ. 2395 โดยได้รบเงินอุดหนุน ้ ั จากรัฐสภาอังกฤษ แต่ก็ตองยุตลงเมือผลการดําเนินการ ้ ิ ่ ไม่ได้ดงทีหวังไว้ ั ่ หลังจากนันแบบเบจก็หนมาออกแบบเครื่องวิเคราะห์ (Babbage's Analytical Engine) ้ ั โดยเครื่องนี้ประกอบด้วย "หน่วยความจํา" ซึงก็คอ ฟนเฟืองสาหรบนบ "หน่วยคํานวณ" ทีสามารถ ่ ื ั ํ ั ั ่ บวกลบคูณหารได้ "บัตรปฏิบต" คล้ายๆ บัตรเจาะรูใช้เป็ นตัวเลือกว่าจะคํานวณอะไร "บัตรตัวแปร" ัิ ใช้เลือกว่าจะใช้ขอมูลจากหน่วยความจําใด และ "ส่วนแสดงผล" ซึงก็คอ "เครื่องพิมพ์ หรอเคร่อง ้ ่ ื ื ื เจาะบัตร" แต่บคคลทีนาแนวคิดของแบบเบจมาสร้างเครื่องวิเคราะห์ (Analytical Engine) ก็คอ ลูก ุ ่ ํ ื ชายของแบบเบจชื่อ เฮนรี่ (Henry) ในปี พ.ศ. 2453 อย่างไรก็ตามความคิดของแบบเบจ เกี่ยวกับเครื่องผลต่าง และเครื่องวิเคราะห์ เป็ นประโยชน์ต่อ วงการคอมพิวเตอร์ในยุคต่อมามาก จึงได้รบสมญาว่า "บิดาแห่งคอมพิวเตอร์" เนื่องจากประกอบด้วย ั ส่วนสําคัญ 4 ส่วน คือ 1. ส่วนเก็บข้อมูล เป็ นส่วนทีใช้ในการเก็บข้อมูลนําเข้าและผลลัพธ์ทได้จากการคํานวณ ่ ่ี
  • 4. 2. ส่วนประมวลผล เป็ นส่วนทีใช้ในการประมวลผลทางคณิตศาสตร์ ่ 3. ส่วนควบคุม เป็ นส่วนทีใช้ในการเคลือนย้ายข้อมูลระหว่างส่วนเก็บข้อมูลและส่วนประมวลผล ่ ่ 4. ส่วนรับข้อมูลเข้าและแสดงผลลัพธ์ เป็ นส่วนทีใช้รบข้อมูลจากภายนอกเครื่องเข้าสู่ส่วนเก็บข้อมูล ่ ั และแสดงผลลัพธ์ทได้จากการคํานวณทําให้เครื่องวิเคราะห์น้ ี มีลกษณะใกล้เคียงกับส่วนประกอบของ ่ี ั ระบบคอมพิวเตอร์ในปัจจุบน ั โปรแกรมเมอรคนแรกของโลก ์ พ.ศ. 2385 สุภาพสตรีชาวอังกฤษชื่อ Lady Augusta Ada Byron ได้ทาการแปลเรื่องราวเกี่ยวกับเครื่อง Analytical Engine และได้ ํ เขียนขันตอนของคําสัง่ วิธีใช้เครื่องนี้ให้ทาการคํานวณทียุ่งยากซับซ้อนไว้ใน ้ ํ ่ หนงสอ Taylor's Scientific Memories จึงนับได้วา ออกุสต้า เป็ น ั ื ่ โปรแกรมเมอร์คนแรกของโลก และยังค้นพบอีกว่าชุดบัตรเจาะรู ทีบรรจุ ่ ชุดคําสัง่ ไว้ สามารถนํากลับมาทํางานซํา้ ใหม่ได้ถา้ ต้องการ นันคือหลักการ ่ ทํางานวนซํา้ หรือทีเ่ รียกว่า Loop เครื่องมือคํานวณทีถกพัฒนาขึ้นใน ู่ ศตวรรษที่ 19 นัน ทํางานกับเลขฐานสิบ (Decimal Number) แต่เมือ ้ ่ เริ่มต้นของศตวรรษที่ 20 ระบบคอมพิวเตอร์ได้ถกพัฒนาขึ้นเป็ นลําดับ จึง ู ทําให้มการเปลียนแปลงมาใช้เลขฐานสอง (Binary Number)กับระบบ ี ่ คอมพิวเตอร์ ทีเ่ ป็ นผลสืบเนื่องมาจากหลักของพีชคณิต ENIAC เคร่องคอมพวเตอรเ์ คร่องแรกของโลก ื ิ ื จอห์น ดับลิว มอชลีย ์ (John W. Mauchly) และ เจ เพรสเพอร์ เอคเกิรต (J. Prespern Eckert) ได้รบทุนอุดหนุนจากกองทัพสหรัฐอเมริกา ในการสร้างเครื่องคํานวณ ENIAC เมือปี 1946 ั ่ นับว่าเป็ น "เครื่องคํานวณอิเล็กทรอนิกส์เครื่องแรกของโลก หรอคอมพวเตอรเ์ คร่องแรกของโลก" ื ิ ื ENIAC เป็ นคําย่อของ Electronics Numerical Integrator and Computer เป็ นเครื่องคํานวณที่ มีจดประสงค์เพือใช้งานในกองทัพ โดยใช้คานวณตารางการยิงปื นใหญ่ วิถกระสุนปื นใหญ่ อาศัย ุ ่ ํ ี
  • 5. หลอดสุญญากาศจํานวน 18,000 หลอด มีนาหนัก 30 ตัน ใช้เนื้อทีหอง 15,000 ตารางฟุต เวลา ํ้ ่ ้ ทํางานต้องใช้เวลาถึง 140 กิโลวัตต์ คํานวณในระบบเลขฐานสิบ เครื่อง ENIAC นี้มอชลีย ์ ได้แนวคิด มาจากเครื่อง ABC ของอาตานาซอฟ เครื่อง ENIAC
  • 6. พัฒนาการของคอมพิวเตอร์ นับตังแต่ปี พ.ศ. 2489 เป็นตนมาเคร่องคอมพวเตอรไดพฒนากา้ วหนา้ มา ้ ้ ื ิ ์ ้ ั โดยลาํ ดบทงทางแนวความคดดา้ นอปกรณหรอ ฮาร์ดแวร์ และโปรแกรมคําสัง่ ั ั้ ิ ุ ์ ื หรอซอฟตแวรจนมาถงปจจบนและสาหรบอนาคต เราสามารถแบ่งการพฒนา ื ์ ์ ึ ั ุ ั ํ ั ั คอมพวเตอรเ์ ป็นยุคต่าง ๆ ไดดงน้ ี ิ ้ั 1. ยุคแรก (พ.ศ. 2487-2498) เป็นช่วงทผูสรา้ งคอมพวเตอรกาลงพฒนา ่ี ้ ิ ์ํ ั ั ความคดและทฤษฎต่าง ๆ ความรูทเ่ี ก่ยวของกบคอมพวเตอรยงเพงอยู่ในช่วง ิ ี ้ ี ้ ั ิ ์ ั ่ิ เร่มตนและอยู่ในวงแคบทงดา้ นการออกแบบวงจรคานวณและการใชคาสง่ั ิ ้ ั้ ํ ้ํ คอมพวเตอรในยุคน้ ใชหลอดสูญญากาศเป็นหน่วยพ้นฐานของวงจร ิ ์ ี ้ ื หน่วยความจาเป็นรเี ลยหรอเป็นหลอดไฟฟ้าสถต ซงทางานชา้ และเสยหายงาย ํ ์ ื ิ ่ึ ํ ี ่ ภาษาทใชสาหรบสงงานเป็นภาษาระดบตา่ํ หรอใชสายไฟฟ้าสาหรบเสยบเพอสงงาน ่ี ้ ํ ั ั ่ ั ื ้ ํ ั ี ่ื ั ่ เคร่องในยุคน้ ไดแก่ มารค วน (MARK I), อีนิแอค (ENIAC), ยูนิแวค ื ี ้ ์ ั (UNIVAC) มารค วน (MARK I) ์ ั อีนิแอค (ENIAC) ยูนิแวค(UNIVAC)
  • 7. 2. ยุคที่สอง (พ.ศ.2499-2508) คอมพวเตอรในยุคน้ ีนาทรานซสเตอรมาใชแทน ิ ์ ํ ิ ์ ้ หลอดสูญญากาศส่งผลใหคอมพวเตอรทางานไดดข้น กนไฟนอย ตวเคร่องมี ้ ิ ์ํ ้ีึ ิ ้ ั ื ขนาดเลกลงและใชพ้นทไม่มากนก มการใชวงแหวนแม่เหลกเป็นหน่วยความจา มี ็ ้ ื ่ี ั ี ้ ็ ํ การเพิมอุปกรณ์การรับ-ส่งขอมล และการแสดงผลลพธออกไปในหลาย ่ ้ ู ั ์ อุปกรณ์ เช่น การใช้จานแม่เหล็ก การใช้บตรเจาะรู การใชจอภาพและ ั ้ แป้นพมพ ์ การใชเ้ คร่องพมพ ์ เป็นตน คอมพวเตอรในยุคน้ ีเร่มตนใชภาษาระดบ ิ ื ิ ้ ิ ์ ิ ้ ้ ั สูง เช่น ฟอร์แทรน โคบอล อัลกอล ซงภาษาเหลาน้ ีมลกษณะเป็นสมการ สูตร ่ึ ่ ี ั คณิตศาสตรหรอประโยคคาสงคลา้ ยภาษาเขยน แทนการใชภาษาเคร่องทย่งยาก ์ ื ํ ั่ ี ้ ื ่ี ุ ซับซ้อน 3. ยคท่สาม (พ.ศ.2509-2518) คอมพวเตอรในยุคน้ ีใชวงจรรวม (Integrated ุ ี ิ ์ ้ Circuit : IC) แทนการใชทรานซสเตอรแบบเดม มการใชชดคาสงและ ้ ิ ์ ิ ี ้ ุ ํ ั่ ระบบปฏบตการทสามารถใชไ้ ดกบเคร่องคอมพวเตอรหลาย ๆ รุ่น และหลาย ๆ ิ ั ิ ่ี ้ั ื ิ ์ ขนาด โดยสามารถเช่อมโยงระบบคอมพวเตอรหลาย ๆ เคร่องเขา้ เป็นระบบ ื ิ ์ ื ขายงาน นอกจากนนยงเกดวธการใหม่ในการพฒนาระบบซอฟตแวรทเ่ี รยกวา ่ ั้ ั ิ ิ ี ั ์ ์ ี ่ การเขียนโปรแกรมแบบโครงสร้างอีกด้วย
  • 8. 4. ยคท่ส่ี (พ.ศ.2519 จนถึงปัจจุบน) คอมพิวเตอร์ในยุคนี้ใช้หน่วยประมวลผล ุ ี ั ขนาดใหญ่(Very Large Scale Integration : VLSI)การเปลยนหน่วยความจา ่ี ํ จากวงแหวนแม่เหลกมาเป็นหน่วยความจาจากสารก่งตวนาทเ่ี รยกวา ็ ํ ึ ั ํ ี ่ RAM(Random Access Memory)ซงผลตไดง้ ายและทางานไดเ้ รวข้นกวาวง ่ึ ิ ่ ํ ็ ึ ่ แหวนแม่เหล็ก อปกรณอน ๆ ถกปรบปรุงใหมความสามารถเพมมากข้น เช่น ุ ์ ่ื ู ั ้ี ่ิ ึ คอมพวเตอรถกปรบปรุงใหทางานเรวข้น เช่น ซูปเปอร์คอมพิวเตอร์ จอภาพมี ิ ์ู ั ้ํ ็ ึ หลายแบบและมความละเอยดมากข้น สือบันทึกข้อมูลมีมากแบบและมี ี ี ึ ่ ประสทธภาพเพมข้นทงดา้ นความจและความเรวในการบนทกขอมล ในยุคน้ มการ ิ ิ ่ิ ึ ั้ ุ ็ ั ึ ้ ู ี ี เกดข้นของคอมพวเตอรขนาดเลกในราคาทถกลงซงมกเรยกกนวา คอมพวเตอร ์ ิ ึ ิ ์ ็ ่ี ู ่ึ ั ี ั ่ ิ ส่วนบคคล (Personal Computer) ส่งผลใหมการใชคอมพวเตอรแพร่หลาย ุ ้ี ้ ิ ์ ออกไปอย่างกว้างขวางในหมู่ผูประกอบธุรกิจและประชาชน ้ โดยทัวไป ความกา้ วหนา้ ดา้ นวทยาการคอมพวเตอรไดเ้ พมเตมเป็นทวคูณทงดา้ น ่ ิ ิ ์ ่ิ ิ ี ั้ ซอฟต์แวร์ ฮารดแวร ์ และระบบเครอขายเช่อมต่อระหวางคอมพวเตอร ์ ์ ื ่ ื ่ ิ โดยเฉพาะอย่างยง เครอขายอนเตอรเ์ น็ตทกาลงแพร่ขยายครอบคลมไปทวโลก ่ิ ื ่ ิ ่ี ํ ั ุ ั่
  • 9. การพฒนาคอมพวเตอรไม่ไดหยุดอยู่เพยงแค่น้ ี มกลมบคคลหลายกลม ั ิ ์ ้ ี ี ุ่ ุ ุ่ กาลงพยายามพฒนาอตสาหกรรมคอมพวเตอรใหกา้ วลาํ้ นาหนา้ กวาทเ่ี ป็นอยู่ใน ํ ั ั ุ ิ ์ ้ ํ ่ ปัจจุบน เช่น ตองการใหคอมพวเตอรรูจกภาษามนุษย ์ มความสามารถในการคด ั ้ ้ ิ ์้ั ี ิ หาเหตุผล เป็นตน ซงแมวาจะยงไม่บรรลจดม่งหมายในปจจบน แต่การคนคว ้าวา ้ ่ึ ้ ่ ั ุุ ุ ั ุ ั ้ ในช่วงเวลาทผ่านมาทาใหนกวจยเขา้ ใจกระบวนการของการใชภาษาธรรมชาตมาก ่ี ํ ้ั ิั ้ ิ ขึ้น เขา้ ใจการคดเหตผลดข้นและเขา้ ใจวทยาการทเ่ี ก่ยวของในดา้ นอน ๆ เพมพูน ิ ุ ีึ ิ ี ้ ่ื ่ิ ขึ้น ซงความเขา้ ใจเหลาน้ จะนาไปสู่การคดสรา้ งคอมพวเตอรในยุคทหา้ ไดใ้ นทสุด ่ึ ่ ี ํ ิ ิ ์ ่ี ่ี
  • 10. องค์ ประกอบของคอมพิวเตอร์ คอมพิวเตอร์ที่ใช้งานโดยทัวไปมีองค์ประกอบหลัก ๆ อยู่ 2 ส่วนคือ ่ 1. ฮารดแวร(์ Hardware) คือส่วนทีเราจับต้องได้ เป็ นอุปกรณ์ททา ์ ่ ่ี ํ หน้าทีต่าง ๆ เพอใหเกดการทางานประสานกนและเกดการประมวลผล ่ ่ื ้ ิ ํ ั ิ สามารถแบ่งตามการทํางานได้เป็ น 5 ส่วน 1.1 หน่วยรับข้อมูล ทําหน้าทีรบข้อมูลจากภายนอกเข้าไปยัง ่ั หน่วยความจําเพือไปประมวลผล จัดเก็บข้อมูลหรือแสดงผลข้อมูล ส่วน ่ รับข้อมูลได้แก่ แป้นพมพ์ เมาส์ เครืองสแกน ิ ่ 1.2 หน่วยความจํา ทําหน้าทีรบข้อมูลจากหน่วยรับข้อมูลหรือ ่ั หน่วยจัดเก็บข้อมูล เพือส่งข้อมูลไปประมวลผลตามคําสังต่อไป ่ ่ ได้แก่ RAM ซึงเป็ นหน่วยความจําภายนอก CPU และ Cache ซงเป็น ่ ่ึ หน่วยความจําภายใน CPU นอกจากนี้ยงมีหน่วยความจําทีใช้สาหรับ ั ่ ํ การประมวลผลโดยตรงซึงอยูภายใน CPU เรยกวา รจสเตอร์ (Register) ่ ่ ี ่ ีี 1.3 หน่วยประมวลผลข้อมูล ทําหน้าทีประมวลผลข้อมูล หน่วย ่
  • 11. ประมวลผลข้อมูลมักถูกเรียกว่า หน่วยประมวลผลกลาง เรียกสัน ๆ ว่า ้ CPU มาจากคําว่า Central Processing Unit ซึงหน่วยประมวลผล ่ กลางประกอบด้วยย่อย ๆ อีก 2 หน่วย คือ หน่วยประมวลผลด้าน คณิตศาสตร์และตรรกศาสตร์ หรอ Arithmatic & Logical Unit หรอเรยก ื ื ี สน ๆ วา ALU และ หน่วยควบคุมการประเมินผล หรอ Control ั้ ่ ื Unit ซึงมีหน้าทีควบคุมการประมวลผลทุกชนิดในคอมพิวเตอร์ให้เป็ นไป ่ ่ ด้วยความเรียบร้อย 1.4 หน่วยเก็บข้อมูล ทาหน้าทจดเกบขอมลลงในอุปกรณ์จดเกบ ํ ่ี ั ็ ้ ู ั ็ ข้อมูล ได้แก่ ฮารดดสก์ ฟลอปป้ีดสก์ handy drive cd dvd เป็นตน ์ ิ ิ ้ 1.5 หน่วยแสดงผลข้อมูล ทําหน้าทีแสดงผลข้อมูลจากหน่ยวรับ ่ ข้อมูลหรือแสดงผลลัพธ์ของข้อมูลทีประมวลผลเรียบร้อยแล้ว ่
  • 12. 2. ซอฟตแวร์ (Software) ์ คือชุดคําสังหรือโปรแกรมทีเขียนขึนอย่างมีลาดับขันตอนเพือควบคุมการ ่ ่ ้ ํ ้ ่ ทางานของเครองคอมพวเตอร์ ตามทกาหนดแบ่งชนิดของซอฟตแวรตามสภาพ ํ ่ื ิ ่ี ํ ์ ์ การทางานแบ่งออกไดเป็น 2 ประเภท คอ ํ ้ ื 2.1 ซอฟต์แวร์ระบบ ซอฟต์แวร์ระบบใช้ในการจัดระบบหน้าทีหลักของ ่ ซอฟต์แวร์ระบบ คือ ใช้ในการจัดการหน่วย รับเข้าและหน่วยส่งออก ใช้ในการ จัดการหน่วยความจํา และใช้เป็ นตัวเชือมต่อระหว่างผูใช้กบเครือง ่ ้ ั ่ คอมพวเตอร์ ิ 2.1.1 ระบบปฏิบตการ (Operating System : OS ) คือโปรแกรมทีสร้าง ั ิ ่ ขึนมาเพือใช้ในการควบคุมการปฏิบตการของคอมพิวเตอร์ ซึงระบบปฏิบตการนี้ ้ ่ ั ิ ่ ั ิ จะไปควบคุมการทํางานของฮาร์ดแวร์รวมถึงการจัดสรรอุปกรณ์และทรัพยากร ต่าง ๆ ภายในระบบให้ประสานกัน เช่น การจัดสรรพืนทีการใช้หน่วยความจํา ้ ่ หรอลาดบการพมพผลพมพของเครองพมพ์ เป็นตน ทงน้ีกเพอใหเครอง ื ํ ั ิ ์ ิ ์ ่ื ิ ้ ั ้ ็ ่ื ้ ่ื คอมพวเตอรสามารถทางานไดอยางมประสทธภาพ ซอฟตแวรระบบน้ีถอเป็นสง ิ ์ ํ ้ ่ ี ิ ิ ์ ์ ื ิ่ สาคญททุกเครองจาเป็นตองม ี ตัวอย่างระบบปฏิบตการทีใช้ในปจจุบน ํ ั ่ี ่ื ํ ้ ั ิ ่ ั ั ไดแก่ DOS Windows Linux ้ 2.1.2 ตัวแปลภาษา ในการพัฒนาซอฟต์แวร์ทใช้ในการแปลภาษาระดับสูงให้ ่ี เป็นภาษาเครอง ภาษาระดับสูงมีหลายภาษา ภาษาระดบสงเหลาน้ีสรางขน ่ื ั ู ่ ้ ้ึ เพือให้ผเขียนโปรแกรมเขียนชุดคําสังได้งาย เข้าใจได้ตลอดจนถึงสามารถ ่ ู้ ่ ่ ปรบปรุงแกไขซอฟตแวรในภายหลงได้ ภาษาระดบสงทพฒนาขนมาทุกภาษา ั ้ ์ ์ ั ั ู ่ี ั ้ึ จะต้องมีตวแปลภาษา สําหรับแปลภาษา ภาษาระดบสงซงเป็นทรจกและนิยมกน ั ั ู ่ึ ่ ี ู้ ั ั
  • 13. ั ั มากในปจจุบน เช่น ภาษาปาสคาล ภาษาเบสิก ภาษาซี ภาษาโลโก และภาษา จาวา เป็นตน ้ 2.2 ซอฟต์แวร์ประยุกต์ การใช้งานคอมพิวเตอร์ตองมีซอฟต์แวร์ประยุกต์ ซงอาจเป็นซอฟตแวร์ ้ ่ึ ์ สาเรจทมผพฒนาเพอใชงานทวไปทาใหทางานไดสะดวกขน หรออาจเป็น ํ ็ ่ ี ี ู้ ั ่ื ้ ั่ ํ ้ ํ ้ ้ึ ื ซอฟต์แวร์ใช้งานเฉพาะซึงผูใช้เป็ นผูพฒนาขึนเองเพือให้เหมาะสมกับสภาพการ ่ ้ ้ ั ้ ่ ทางานของตน ํ 2.2.1 ซอฟต์แวร์ประยุกต์ใช้งานทัวไป ในบรรดาซอฟต์แวร์ประยุกต์ ่ ทมใชกนทวไป คือ ซอฟต์แวร์สาเร็จ ซึงซอฟต์แวร์สาเร็จเป็ นซอฟต์แวร์ทใช้กน ่ี ี ้ ั ั ่ ํ ่ ํ ่ี ั สงมาก ซอฟตแวรสาเรจเป็นซอฟตแวรทบรษทพฒนาขนแลวนําออกมาจาหน่าย ู ์ ์ ํ ็ ์ ์ ่ี ิ ั ั ้ึ ้ ํ เพอใหผใชสามารถใชงานไดโดยตรง ไม่ตองเสียเวลาในการพัฒนาอีก ซอฟต์แวร์ ่ ื ้ ู้ ้ ้ ้ ้ สาเรจทมจาหน่ายในทองตลาดทวไป และเป็ นทีนิยม ได้แก่ ซอฟต์แวร์ประมวล ํ ็ ่ี ี ํ ้ ั่ ่ คํา(word) ซอฟตแวรตารางทางาน(Excel) ซอฟต์แวร์การจัดการฐานข้อมูล ์ ์ ํ (access) ซอฟต์แวร์นําเสนอ(Power point)ซอฟตืแวร์สอสารและการค้นหา และ ่ื ซอฟต์แวรืกราฟิก 2.2.2 ซอฟต์แวร์ใช้งานเฉพาะ การประยุกต์ใช้งานด้วยซอฟต์แวร์ สาเรจมกจะเน้นการใชงานทวไป แต่อาจจะนํามาประยุกตโดยตรงกบงานทาง ํ ็ ั ้ ั่ ์ ั ธุรกจบางอยางไมได้ เชน ในกจกรรมธนาคาร มการฝากถอนเงน งานทางดาน ิ ่ ่ ิ ี ิ ้ บัญชี หรือในห้างสรรพสินค้าก็มงานขายสินค้า การออกแบบใบเสร็จรับเงิน การ ี ควบคุมสินค้าคงคลัง ดงนนจงการการพฒนาซอฟตแวรเฉพาะสาหรบงานแต่ละ ั ั้ ึ ั ์ ์ ํ ั ประเภท ใหตรงกบความตองการของผใชแต่ละราย เชน ระบบงานทางดานบญชี ้ ั ้ ู้ ้ ่ ้ ั
  • 14. ระบบงานจดจาหน่าย บริหารการเงิน และการเช่าซือ เป็ นต้น ซอฟตแวรทใชงาน ั ํ ้ ์ ์ ่ี ้ เฉพาะอาจจะอยูในรูปแบบของซอฟต์แวร์เกมซึงเป็ นทีนิยมกันทัวโลกทังในกลุม ่ ่ ่ ่ ้ ่ ของเด็กและผูใหญ่ ้
  • 15. 1.2 ส่ วนประกอบของปุ่ ม Start ่ การลงโปรแกรม Microsoft Windows XP ป่ ุม Start หรือที่เรียกวา Start Menu จะมีรูปแบบดังนี้ 1. ส่วนของการแสดงชื่อและรูปภาพของผใช้ ู้ 2. แสดงส่ วนของไอคอนโปรแกรมที่สามารถเพิ่มหรื อลบได้เพื่อสะดวกในการใช้โปรแกรม 3. ส่ วนของโปรแกรมที่มีการเรี ยกใช้งานล่าสุ ด หรื อ บ่อย ๆ ครั้ง 4. ส่ วนของโฟลเดอร์ที่มีการใช้งานทั้งหมด 5. ส่วนของโฟลเดอร์ที่มีการใชงานบ่อย ๆ ้ 6. ส่ วนของการจัดการระบบต่าง ๆ 7. ส่ วนของการช่วยเหลือต่าง ๆ การค้นหาไฟล์ หรือ โฟลเดอร์ 8. ส่ วนของการเปลี่ยนผูใช้และปิ ดการทํางานของระบบ Windows ้ 1.3 การเปลียนรู ปแบบปุ่ ม Start ่ ถ้าเราต้องการจะเปลี่ยนรู ปแบบ ของ ป่ ุม Start ให้มีรูปแบบเป็ นแบบ Windows XP Style หรือ แบบ Classic Style (รู ปแบบเหมือน เวอร์ชน 98 หรือ 2000) สามารถทําดังนี้ ั่
  • 16. 1. คลิกขวาที่ Task bar เลือกคําสัง Properties ่ 2. คลิกที่ แท็บ Start Menu - เลือก Option Start menu เพื่อเลือก เป็ นแบบ Windows XP Style - เลือก Classic Start menu เพื่อเลือกเป็น แบบ Windows 98/2000 3. คลิกป่ ุม OK