SlideShare a Scribd company logo
1 of 6
Download to read offline
ใบความรู้ เรื่อง วิวัฒนาการของคอมพิวเตอร์
                     หน่วยที่ 1 ระบบคอมพิวเตอร์




                  คอมพิวเตอร์ เป็นเครื่องอิเล็กทรอนิกส์แบบอัตโนมัติ ทาหน้าที่เสมือนสมองกล ใช้สาหรับ
แก้ปัญหาต่าง ๆ ทั้งที่ง่ายและซับซ้อนโดยวิธีทางคณิตศาสตร์ (พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน
พุทธศักราช 2525) คอมพิวเตอร์ในยุคเริ่มแรก จะเป็นลักษณะเครื่องจักรกลหรือสิ่งประดิษฐ์ขึ้นเพื่อช่วยใน
การคานวณ โดยที่ยังไม่มีการนาวงจรอิเล็กทรอนิกส์เข้ามาใช้ประโยชน์ร่วมด้วย เมื่อ 5,000 ปีที่ผ่านมามนุษย์
ได้พยายามคิดค้นเครื่องมือที่ใช้ทางาน และผ่อนแรง ตลอดจนให้ความสะดวกแก่ตนเองและผู้อื่น เช่น ในการ
นับจานวนเลข มนุษย์ในสมัยโบราณรูจัก ใช้นิ้วมือ ในการนับ และใช้วิธีตาง ๆ เช่น ใช้รอยขีด ก้อนหิน หรือ
                                                                     ่
แท่งไม้ เพื่อนับจานวนสมาชิกในครอบครัวหรือนับจานวนสัตว์ที่ล่ามาได้ต่อมาประมาณ 2,600 ปีก่อน
คริสตกาล ชาวจีนได้ประดิษฐ์เครื่องมือเพื่อใช้ในการ คานวณขึ้นมาชนิดหนึ่ง เรียกว่า ลูกคิด ซึ่งถือได้ว่า เป็น
อุปกรณ์ใช้ช่วยการคานวณที่เก่าแก่ที่สุดในโลกและคงยังใช้งานมาจนถึงปัจจุบัน




                           ลูกคิด ซึ่งถือว่าเป็นต้นกาเนิดของเครื่องมือคานวณ
         พ.ศ. 2158 John Napier นักคณิตศาสตร์ชาวสก็อตแลนด์ได้ประดิษฐ์อุปกรณ์เพื่อช่วยการ
คานวณขึ้นมา เรียกว่า Napier's Bones เป็นอุปกรณ์ที่ลักษณะคล้ายกับตารางสูตรคูณ เครื่องมือชนิดนี้ช่วย
ให้สามารถทาการคูณและหารได้ง่ายเหมือนกับทาการบวก หรือลบโดยตรง




                                            Napier's Bones
             พ.ศ. 2185 นักคณิตศาสตร์ชาวฝรั่งเศสชื่อ Blaise Pascal ซึ่งในขณะนั้นมีอายุเพียง 19 ปี ได้
ออกแบบเครื่องมือในการคานวณโดยใช้หลักการหมุนของฟันเฟืองหนึ่งอันถูกหมุนครบ 1 รอบ ฟันเฟืองอีก
อันหนึ่งซึ่งอยู่ทางด้านซ้ายจะถูกหมุนไปด้วยในเศษ 1 ส่วน 10 รอบ เครื่องมือของปาสคาลนี้ถูกเผยแพร่ออกสู่
สาธารณะชน เมื่อ พ.ศ. 2188 แต่ไม่ประสบความสาเร็จเท่าที่ควรเนื่องจากราคาแพง และเมื่อใช้งานจริงจะ
เกิดเหตุการณ์ที่ฟันเฟืองติดขัดบ่อยๆ ทาให้ผลลัพธ์ที่ได้ไม่ค่อยถูกต้องตรงความเป็นจริง
|2




                                    เครื่องมือในการคานวณของ Pascal
             พ.ศ. 2216 นักปราชญ์ชาวเยอรมันชื่อ Gottfriend von Leibnitz ได้ปรับปรุงเครื่องคานวณ
ของ ปาสคาลให้สามารถหารคูณและหารได้โดยตรง โดยที่การคูณใช้หลักการบวกกันหลายๆ ครั้ง และการ
หารก็คือการลบกันหลายๆ ครั้ง แต่เครื่องมือของ Leibnitz ยังคงอาศัยการหมุนวงล้อ ของเครื่องเองอัตโนมัติ
นับว่า เป็นเครื่องมือที่ช่วยให้การคานวณทางคณิตศาสตร์ที่ดูยุ่งยากกลับเป็นเรื่องที่ง่ายขึ้น




                                    เครื่องมือคานวณของ Leibnitz
             พ.ศ. 2344 นักประดิษฐ์ชาวฝรั่งเศสชื่อ Joseph Marie Jacquard ได้พยายามพัฒนาเครื่องทอ
ผ้าโดยใช้ บัตรเจาะรูในการบันทึกคาสั่ง ควบคุมเครื่องทอผ้าให้ทาตามแบบที่กาหนดไว้ และแบบดังกล่าว
สามารถนามา สร้างซ้าๆ ได้อีกหลายครั้ง ความพยายามของ Jacquard สาเร็จลงใน พ.ศ. 2348 เครื่องทอผ้า
นี้ถือว่าเป็น เครื่องทางานตามโปรแกรมคาสั่งเป็นเครื่องแรก




               พ.ศ. 2373 Chales Babbage ถือกาเนิดที่ประเทศอังกฤษ เมื่อ พ.ศ. 2334 จบการศึกษา
ทางด้านคณิตศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยแคมบริงทอผ้าใช้บรัตรเจาะรู ง Lucasian Professor ซึ่งเป็นตาแหน่ง
                                         เครื่อ ดจ์ และได้ ับตาแหน่
ที่ Isaac Newton เคยได้รับมาก่อน ในขณะที่กาลังศึกษาอยู่นั้น Babbage ได้สร้างเครื่อง หาผลต่าง
(Difference Engine) ซึ่งเป็นเครื่องที่ใช้คานวณ และพิมพ์ตารางทางคณิตศาสตร์อย่างอัตโนมัติ จนกระทั่งปี
พ.ศ. 2373 เขาได้พัฒนาความคิดไปถึงเครื่องมือในการคานวณที่มีความสามารถสูง ซึ่งก็คือเครื่องที่เรียกว่า
เครื่องวิเคราะห์ (Analytical Engine) โดยที่เครื่องดังกล่าวประกอบไปด้วยชิ้นส่วนที่สาคัญ 4 ส่วน คือ
            1.ส่วนเก็บข้อมูล เป็นส่วนที่ใช้ในการเก็บข้อมูลนาเข้าและผลลัพธ์ที่ได้จากการคานวณ
            2.ส่วนประมวลผล เป็นส่วนทีใช้ในการประมวลผลทางคณิตศาสตร์
                                          ่
            3.ส่วนควบคุม เป็นส่วนที่ใช้ในการเคลื่อนย้ายข้อมูลระหว่างส่วนเก็บข้อมูล และส่วนประมวลผล
            4.ส่วนรับข้อมูลเข้าและแสดงผลลัพธ์ เป็นส่วนที่ใช้รับทราบข้อมูลจากภายนอกเครื่องเข้าสู่ส่วน
            เก็บ และแสดงผลลัพธ์ที่ได้จากการคานวณให้ผู้ใช้ได้รับทราบ
|3




                             เครื่อง Analytical Engine
สืบเนื่องจากมาจากแนวความคิดของ Analytical Engine เช่นนี้จึงทาให้ Charles Babbage
ได้รับการยกย่อง ให้เป็นบิดาของเครื่องคอมพิวเตอร์
                    พ.ศ. 2397 นักคณิตศาสตร์ชาวอังกฤษ George Boole ได้ใช้หลักพีชคณิตเผยแพร่กฎของ
Boolean Algebra ซึ่งเป็นคณิตศาสตร์ที่ใช้อธิบายเหตุผลของตรรกวิทยาที่ตัวแปรมีค่าได้เพียง "จริง" หรือ
"เท็จ" เท่านั้น (ใช้สภาวะเพียงสองอย่างคือ 0 กับ 1 ร่วมกับเครื่องหมาย
ในเชิงตรรกพื้นฐาน คือ AND,OR และ NOT) สิ่งที่ George Boole
คิดค้นขึ้น นับว่ามีประโยชน์ต่อระบบคอมพิวเตอร์ในปัจจุบันอย่างยิ่ง
เนื่องจากเป็นการยากที่จะใช้กระแสไฟฟ้า ซึ่งมีเพียง 2 สภาวะ คือ เปิด
กับ ปิด ในการแทน เลขฐานสิบซึ่งมีอยู่ถึง 10 ตัว คือ 0 ถึง 9 แต่เป็นการ
ง่ายกว่าเราแทนด้วยเลขฐานสอง คือ 0 กับ 1 จึงถือว่าสิ่งนี้เป็นรากฐานที่
สาคัญของการออกแบบวงจรระบบคอมพิวเตอร์ในปัจจุบัน




                                                                                George Boole
|4



                      ใบความรู้ เรื่อง ยุคของคอมพิวเตอร์
                       หน่วยที่ 1 ระบบคอมพิวเตอร์



           การพัฒนาคอมพิวเตอร์ในปัจจุบันมีการแบ่งออกเป็นยุคต่าง ๆ เป็น 5 ยุค ดังนี้
ยุคที่ 1
          UNIVAC I คือเครื่องคอมพิวเตอร์เอนกประสงค์ที่ใช้ในเชิงธุรกิจ เป็นเครื่องหมายของการเริ่มต้น
ยุคที่ 1 เครื่องคอมพิวเตอร์ในยุคนี้มีขนาดใหญ่ ใช้หลอดสุญญากาศ (Vacuum tubes) ซึ่งก่อให้เกิดความร้อน
สูงมาก จึงต้องใช้เครื่องปรับอากาศ การบารุงรักษา และพื้นที่กว้างมาก
          สื่อบันทึกข้อมูลได้แก่ เทปแม่เหล็ก IBM 650 เป็นเครื่องที่สามารถทางานได้ทั้งด้านธุรกิจและ
วิทยาศาสตร์ หน่วยความจาเป็น ดรัมแม่เหล็ก (magnetic drum) และใช้บัตรเจาะรู การสั่งงานใช้
ภาษาเครื่อง (machine language) ซึ่งเป็นภาษาตัวเลข ในระบบตัวเลขฐานสอง (binary digit)




                                    หลอดสุญญากาศวงแหวน                                แม่เหล็ก

ยุคที่ 2
         ค.ศ. 1959 ทรานซิสเตอร์ และส่วนประกอบอื่น ๆ เช่น Solid state, semiconductor วงจร
ทรานซิสเตอร์ มีขนาดเล็กลง ความร้อนลดลง ราคาถูกลง และต้องการพลังงานน้อยกว่าการใช้หลอด
สุญญากาศ คอมพิวเตอร์ในยุคที่สองจึงมีขนาดเล็กลง แต่ความเร็วสูงขึ้น และน่าเชื่อถือมากกว่าคอมพิวเตอร์
ในยุคที่ 1 คอมพิวเตอร์ในยุคนี้ใช้ วงแหวนแม่เหล็ก (Magnetic cores) เป็นหน่วยความจา
         สื่อบันทึกข้อมูลหลักในยุคนี้ใช้จานแม่เหล็ก (magnetic disk packs) หน่วยความจาสารองอื่น ๆ
ยังคงเป็น เทปแม่เหล็ก และบัตรเจาะรู ในยุคนี้ มีการพัฒนาภาษาระดับต่า (low-level language) หรือ
ภาษาอิงเครื่อง เป็นภาษารหัส ที่ง่ายต่อการเขียนมากกว่าภาษาเครื่อง เช่น ภาษาแอสเซมบลี (assembly)
โดยมีโปรแกรมแปลภาษาคือ แอสเซมเบลอร์ (assembler) ทาหน้าที่แปลให้เป็นภาษาเครื่อง




                        เครื่องเจาะบัตร                  ม้วนกระดาษเจาะรู                เครื่องอ่านเทป
|5


ยุคที่ 3
         ค.ศ. 1964 IBM system/360 คือจุดเริ่มต้นของยุคที่ 3 วงจรไอซี (IC: integrated circuits) เป็น
วงจรอิเล็กทรอนิกส์ที่นามาใช้แทนวงจรทรานซิสเตอร์ ลักษณะของ IC เป็นแผ่นซิลิกอนขนาดเล็กหรือเรียกว่า
ชิป (chip) เป็นวงจรไมโครอิเล็กทรอนิกส์ มีขนาดเล็กกว่า น่าเชื่อถือมากกว่า ความเร็วสูงขึ้น และ ขนาดของ
คอมพิวเตอร์เล็กลง เริ่มใช้วิธีการแบบ Time-sharing และการสื่อสารข้อมูล ความสามารถในการ
ประมวลผลหลาย ๆ โปรแกรมพร้อม ๆ กันเรียกว่า multi-programming
         ระบบปฏิบัติการ (Operating system) ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อควบคุมการประมวลผลคอมพิวเตอร์ ภาษา
ระดับสูงสาหรับเขียนโปรแกรม เช่น FORTRAN, COBOL เป็นต้น โปรแกรมสาเร็จรูปแพร่หลายมากขึ้น
เครื่องขนาด มินิคอมพิวเตอร์เครื่องแรก คือ PDP-8 ของ the Digital Equipment Corporation ในปี ค.ศ.
1969




                         เครื่องอ่านเทปแม่เหล็ก                                    เทปแม่เหล็ก
ยุคที่ 4
          ค.ศ. 1970 เทคโนโลยีหลักที่เกิดขึ้นในยุคนี้คือ วงจร LSI (large-scale integration) เป็นวงจรรวม
ของวงจรตรรกะ (logic) และ หน่วยความจา (memory) ของคอมพิวเตอร์ ประกอบด้วยวงจรอิเล็กทรอนิกส์
หลายพันวงจรไว้บนแผงซิลิกอนซึ่งเป็นชิปขนาดเล็ก และถูกนามาใช้เป็นชิปหน่วยความจาแทนวงแหวน
แม่เหล็ก (ซึ่งใช้ในยุคที่ 2 และยุคที่ 3) ค.ศ. 1971 ไมโครโพรเซสเซอร์ (Microprocessor) ตัวแรกที่เกิดขึ้นคือ
Intel 4004 เป็นวงจรรวมหน่วยประมวลผลหลักไว้บนชิปเพียงตัวเดียว ต่อมา ค.ศ. 1974 จึงมีการพัฒนา
Intel 8080 เพื่อใช้ในระบบไมโครคอมพิวเตอร์เครื่องแรกคือ Altair 8800 ต่อมา ค.ศ. 1978 Steve Jobs
และ Steve Wozniak จึงพัฒนา Apple II ออกมาจาหน่าย และปี ค.ศ. 1981 IBM พัฒนา
ไมโครคอมพิวเตอร์ออกจาหน่ายเช่นกัน กลางปี ค.ศ. 1980 พบว่า ไมโครคอมพิวเตอร์จานวนหลายล้าน
เครื่องถูกใช้ในบ้าน โรงเรียน และในธุรกิจ
          ในยุคนี้อุปกรณ์ที่ใช้ป้อนข้อมูลโดยตรง เช่น Keyboard (แป้นพิมพ์) electronic mouse (เมาส์)
light pen (ปากกาแสง) touch screen (จอสัมผัส) data tablet (แผ่นป้อนข้อมูล) เป็นต้น อุปกรณ์แสดง
ผลลัพธ์ เช่น จอภาพ แสดงข้อภาพ กราฟิก และเสียง เป็นอุปกรณ์พื้นฐานในเวลาต่อมา ภาษาที่ใช้ในการ
เขียนโปรแกรม คล้ายกับภาษามนุษย์มากขึ้น เกิดระบบจัดการฐานข้อมูล และภาษาในยุคที่ 4 หรือ
ภาษาธรรมชาติ ไม่เพียงแต่ทาให้โปรแกรมเมอร์เขียนโปรแกรมง่ายขึ้นเท่านั้น ยังช่วยให้ผู้ใช้ไม่ต้องบอกวิธีการ
|6

ให้คอมพิวเตอร์ทางาน เพียงแต่บอกว่า งานอะไร ที่พวกเขาต้องการเท่านั้น โปรแกรมสาเร็จรูปในยุคนี้ ได้แก่
electronic spreadsheet (ตารางทางาน) , word processing (ประมวลผลคา) เช่น ค.ศ. 1979 โปรแกรมวิ
สิแคล (VisiCalc electronic spreadsheet program) และ โปรแกรมเวิร์ดสตาร์ (WordStar word
processing) ค.ศ. 1982
โปรแกรมจัดการฐานข้อมูล DBASE II และ โปรแกรมตารางทางาน Lotus1-2-3 เป็นต้น




                                          ยุคที่ 4 LSI Chip


ยุคที่ 5
         เริ่มเข้าสู่ศตวรรษที่ 21 คอมพิวเตอร์ในยุคนี้เป็นการเปลี่ยนแปลงขนานใหญ่จากยุคที่ 4 เป็น
คอมพิวเตอร์อัจฉริยะ สามารถคิด มองเห็น ฟัง และพูดคุยได้ โครงสร้างคอมพิวเตอร์จะแตกต่างไปจากเดิม
การประมวลผลข้อมูลเป็นแบบขนาน (Parallel) แทนแบบอนุกรม (Serially) การสร้างระบบคอมพิวเตอร์
อัจฉริยะ คือหนึ่งในเป้าหมายหลักทางด้านวิทยาการเกี่ยวกับปัญญาประดิษฐ์ (artificial intelligence: AI) สิ่ง
ที่ปรากฏในยุคนี้คือ optical computer ใช้ photonic หรือ optoelectronic เป็นวงจรมากกว่าวงจร
อิเล็กทรอนิกส์ ประมวลผลข้อมูลด้วยแสงเลเซอร์ ปฏิบัติการด้วยความเร็วใกล้กับความไวแสง ในอนาคตจะมี
ขนาดเล็กมาก
เร็ว และ biocomputer มีอานาจมากขึ้น จะเติบโตจากองค์ประกอบสาคัญคือการใช้เซลจากสิ่งมีชีวิตเป็น
วงจร
         ซอฟต์แวร์คอมพิวเตอร์มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ใช้ง่ายและสามารถใช้ประโยชน์ได้หลากหลาย
ปรับเปลี่ยนได้ง่าย ผู้ใช้สามารถสนทนากับคอมพิวเตอร์ได้ด้วยภาษามนุษย์ โปรแกรมสาเร็จรูปจะทางาน
ร่วมกันเป็นโปรแกรมอเนกประสงค์ที่ใช้งานง่าย
ทาหน้าที่ต่างกันเพื่อผู้ใช้ที่ไม่มีความรู้ทางเทคนิค เทคโนโลยีระบบสารสนเทศและเทคโนโลยีทางการสื่อสาร
เข้ามามีบทบาทมากขึ้น การใช้เครือข่ายคอมพิวเตอร์ ระบบสานักงานอัตโนมัติ เช่น จดหมายอิเล็กทรอนิกส์
(Electronic mail) ไปรษณีย์เสียง
(voice mail) และ การประชุมผ่านเครือข่ายคอมพิวเตอร์ (teleconferencing)
         ระบบสารสนเทศบนพื้นฐานของเทคโนโลยีการสื่อสารขั้นสูง จะรวมกับการถ่ายโอนและการ
ประมวลผลข้อมูลภาพและ เสียง รวมถึงการใช้คอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีใยแก้วนาแสง (Fiber optics
technology) ในการให้บริการเครือข่ายดิจิตอล โรงงานปฏิบัติงานอัตโนมัติ ใช้ระบบสารสนเทศและ
เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ เช่น หุ่นยนต์ (Robotics) ธุรกิจต่าง ๆ ใช้คอมพิวเตอร์และเครือข่าย ในการ
ดาเนินงาน ไม่ว่าจะเป็น ค้าส่ง ค้าปลีก คลังสินค้า และโรงงาน ผู้จัดการจะอาศัยระบบสารสนเทศสาหรับ
ผู้บริหารมากขึ้น ผู้ใช้จะพึ่งพาระบบผู้เชี่ยวชาญ (Expert system) ของระบบปัญญาประดิษฐ์เพื่อช่วยในการ
ทางานตามหน้าที่

http://www.chakkham.ac.th/technology/computer/web02.htm
http://www.vcharkarn.com/vblog/33317

More Related Content

What's hot

ประวัติของคอมพิวเตอร์ 1
ประวัติของคอมพิวเตอร์ 1ประวัติของคอมพิวเตอร์ 1
ประวัติของคอมพิวเตอร์ 1Natthawan Torkitkarncharern
 
ประวัติคอมพิวเตอร์
ประวัติคอมพิวเตอร์ประวัติคอมพิวเตอร์
ประวัติคอมพิวเตอร์Wangwiset School
 
วิวัฒนาการของคอมพิวเตอร์
วิวัฒนาการของคอมพิวเตอร์วิวัฒนาการของคอมพิวเตอร์
วิวัฒนาการของคอมพิวเตอร์Kanyawee Sriphongpraphai
 
วิวัฒนาการของคอมพิวเตอร์
วิวัฒนาการของคอมพิวเตอร์วิวัฒนาการของคอมพิวเตอร์
วิวัฒนาการของคอมพิวเตอร์Ploy Wantakan
 
วิวัฒนาการของคอมพิวเตอร์
วิวัฒนาการของคอมพิวเตอร์วิวัฒนาการของคอมพิวเตอร์
วิวัฒนาการของคอมพิวเตอร์Kanyawee Sriphongpraphai
 
อานนท์
อานนท์อานนท์
อานนท์Arnon2516
 
เสนอผลงานว ชา งานกล _ม
เสนอผลงานว ชา งานกล _มเสนอผลงานว ชา งานกล _ม
เสนอผลงานว ชา งานกล _มNaetima Mudcharase
 
รายงานประวัติคอมพิวเตอร์
รายงานประวัติคอมพิวเตอร์รายงานประวัติคอมพิวเตอร์
รายงานประวัติคอมพิวเตอร์Sakulrut
 
แนวข้อสอบคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีสารสนเทศ
แนวข้อสอบคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีสารสนเทศแนวข้อสอบคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีสารสนเทศ
แนวข้อสอบคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีสารสนเทศLupin F'n
 
ประวัติของคอมพิวเตอร์
ประวัติของคอมพิวเตอร์ประวัติของคอมพิวเตอร์
ประวัติของคอมพิวเตอร์Natthawan Torkitkarncharern
 
คอมพิวเตอรเบื้องต้น
คอมพิวเตอรเบื้องต้นคอมพิวเตอรเบื้องต้น
คอมพิวเตอรเบื้องต้นTonic Junk
 
คอมพิวเตอรเบื้องต้น
คอมพิวเตอรเบื้องต้นคอมพิวเตอรเบื้องต้น
คอมพิวเตอรเบื้องต้นTonic Junk
 

What's hot (16)

ประวัติของคอมพิวเตอร์ 1
ประวัติของคอมพิวเตอร์ 1ประวัติของคอมพิวเตอร์ 1
ประวัติของคอมพิวเตอร์ 1
 
Chapter1
Chapter1Chapter1
Chapter1
 
Computer Era
Computer EraComputer Era
Computer Era
 
ประวัติคอมพิวเตอร์
ประวัติคอมพิวเตอร์ประวัติคอมพิวเตอร์
ประวัติคอมพิวเตอร์
 
วิวัฒนาการของคอมพิวเตอร์
วิวัฒนาการของคอมพิวเตอร์วิวัฒนาการของคอมพิวเตอร์
วิวัฒนาการของคอมพิวเตอร์
 
วิวัฒนาการของคอมพิวเตอร์
วิวัฒนาการของคอมพิวเตอร์วิวัฒนาการของคอมพิวเตอร์
วิวัฒนาการของคอมพิวเตอร์
 
วิวัฒนาการของคอมพิวเตอร์
วิวัฒนาการของคอมพิวเตอร์วิวัฒนาการของคอมพิวเตอร์
วิวัฒนาการของคอมพิวเตอร์
 
Ppp.
Ppp.Ppp.
Ppp.
 
อานนท์
อานนท์อานนท์
อานนท์
 
เสนอผลงานว ชา งานกล _ม
เสนอผลงานว ชา งานกล _มเสนอผลงานว ชา งานกล _ม
เสนอผลงานว ชา งานกล _ม
 
รายงานประวัติคอมพิวเตอร์
รายงานประวัติคอมพิวเตอร์รายงานประวัติคอมพิวเตอร์
รายงานประวัติคอมพิวเตอร์
 
Learnning01
Learnning01Learnning01
Learnning01
 
แนวข้อสอบคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีสารสนเทศ
แนวข้อสอบคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีสารสนเทศแนวข้อสอบคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีสารสนเทศ
แนวข้อสอบคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีสารสนเทศ
 
ประวัติของคอมพิวเตอร์
ประวัติของคอมพิวเตอร์ประวัติของคอมพิวเตอร์
ประวัติของคอมพิวเตอร์
 
คอมพิวเตอรเบื้องต้น
คอมพิวเตอรเบื้องต้นคอมพิวเตอรเบื้องต้น
คอมพิวเตอรเบื้องต้น
 
คอมพิวเตอรเบื้องต้น
คอมพิวเตอรเบื้องต้นคอมพิวเตอรเบื้องต้น
คอมพิวเตอรเบื้องต้น
 

Viewers also liked

ใบความรู้ที่ 1 ความเป็นมาของคอมพิวเตอร์
ใบความรู้ที่  1 ความเป็นมาของคอมพิวเตอร์ใบความรู้ที่  1 ความเป็นมาของคอมพิวเตอร์
ใบความรู้ที่ 1 ความเป็นมาของคอมพิวเตอร์krupan
 
PeoplActive HRMS presentation
PeoplActive HRMS presentationPeoplActive HRMS presentation
PeoplActive HRMS presentationKartik Donga
 
Erp presentation updated
Erp presentation updatedErp presentation updated
Erp presentation updatedKartik Donga
 
Introduction to human resource management
Introduction to human resource managementIntroduction to human resource management
Introduction to human resource managementTanuj Poddar
 

Viewers also liked (6)

ใบความรู้ที่ 1 ความเป็นมาของคอมพิวเตอร์
ใบความรู้ที่  1 ความเป็นมาของคอมพิวเตอร์ใบความรู้ที่  1 ความเป็นมาของคอมพิวเตอร์
ใบความรู้ที่ 1 ความเป็นมาของคอมพิวเตอร์
 
Traffic
TrafficTraffic
Traffic
 
Parcel Commerce
Parcel CommerceParcel Commerce
Parcel Commerce
 
PeoplActive HRMS presentation
PeoplActive HRMS presentationPeoplActive HRMS presentation
PeoplActive HRMS presentation
 
Erp presentation updated
Erp presentation updatedErp presentation updated
Erp presentation updated
 
Introduction to human resource management
Introduction to human resource managementIntroduction to human resource management
Introduction to human resource management
 

Similar to ใบความรู้ที่ 1 ความเป็นมาของคอมพิวเตอร์

คอมพิวเตอร์เบื้องต้น
คอมพิวเตอร์เบื้องต้นคอมพิวเตอร์เบื้องต้น
คอมพิวเตอร์เบื้องต้นJunya Punngam
 
วิวัฒนาการของคอมพิวเตอร์1
วิวัฒนาการของคอมพิวเตอร์1วิวัฒนาการของคอมพิวเตอร์1
วิวัฒนาการของคอมพิวเตอร์1Sindy Lsk
 
ก่อนจะมาเป็นเครื่องคอมพิวเตอร์
ก่อนจะมาเป็นเครื่องคอมพิวเตอร์ก่อนจะมาเป็นเครื่องคอมพิวเตอร์
ก่อนจะมาเป็นเครื่องคอมพิวเตอร์uthenmada
 
รายงานประวัติคอมพิวเตอร์
รายงานประวัติคอมพิวเตอร์รายงานประวัติคอมพิวเตอร์
รายงานประวัติคอมพิวเตอร์Sakulrut
 
รายงานประวัติคอมพิวเตอร์
รายงานประวัติคอมพิวเตอร์รายงานประวัติคอมพิวเตอร์
รายงานประวัติคอมพิวเตอร์Sakulrut
 
https://athiwatpc.wordpress.com
https://athiwatpc.wordpress.comhttps://athiwatpc.wordpress.com
https://athiwatpc.wordpress.comathiwatpc
 
Historycom 2
Historycom 2Historycom 2
Historycom 2paween
 
Historycom 2
Historycom 2Historycom 2
Historycom 2paween
 
บทที่ 1 คอมพิวเตอร์เบื้องต้น
บทที่ 1 คอมพิวเตอร์เบื้องต้นบทที่ 1 คอมพิวเตอร์เบื้องต้น
บทที่ 1 คอมพิวเตอร์เบื้องต้นPises Tantimala
 
รายงานประวัติคอมพิวเตอร์
รายงานประวัติคอมพิวเตอร์รายงานประวัติคอมพิวเตอร์
รายงานประวัติคอมพิวเตอร์piyarut084
 
บทที่ 2-ระบบคอมพิวเตอร์
บทที่ 2-ระบบคอมพิวเตอร์บทที่ 2-ระบบคอมพิวเตอร์
บทที่ 2-ระบบคอมพิวเตอร์Timmy Printhong
 
ประวัติความเป็นมาคอมพิวเตอร์
ประวัติความเป็นมาคอมพิวเตอร์ประวัติความเป็นมาคอมพิวเตอร์
ประวัติความเป็นมาคอมพิวเตอร์nutty_npk
 
ม.1 วิวัฒนาการของคอมพิวเตอร์
ม.1 วิวัฒนาการของคอมพิวเตอร์ม.1 วิวัฒนาการของคอมพิวเตอร์
ม.1 วิวัฒนาการของคอมพิวเตอร์Bansit Deelom
 
รายงานประวัติคอมพิวเตอร์
รายงานประวัติคอมพิวเตอร์รายงานประวัติคอมพิวเตอร์
รายงานประวัติคอมพิวเตอร์Chadarat37
 

Similar to ใบความรู้ที่ 1 ความเป็นมาของคอมพิวเตอร์ (20)

คอมพิวเตอร์เบื้องต้น
คอมพิวเตอร์เบื้องต้นคอมพิวเตอร์เบื้องต้น
คอมพิวเตอร์เบื้องต้น
 
วิวัฒนาการของคอมพิวเตอร์1
วิวัฒนาการของคอมพิวเตอร์1วิวัฒนาการของคอมพิวเตอร์1
วิวัฒนาการของคอมพิวเตอร์1
 
ก่อนจะมาเป็นเครื่องคอมพิวเตอร์
ก่อนจะมาเป็นเครื่องคอมพิวเตอร์ก่อนจะมาเป็นเครื่องคอมพิวเตอร์
ก่อนจะมาเป็นเครื่องคอมพิวเตอร์
 
2 evaluation
2 evaluation2 evaluation
2 evaluation
 
รายงานประวัติคอมพิวเตอร์
รายงานประวัติคอมพิวเตอร์รายงานประวัติคอมพิวเตอร์
รายงานประวัติคอมพิวเตอร์
 
รายงานประวัติคอมพิวเตอร์
รายงานประวัติคอมพิวเตอร์รายงานประวัติคอมพิวเตอร์
รายงานประวัติคอมพิวเตอร์
 
Computer1
Computer1Computer1
Computer1
 
https://athiwatpc.wordpress.com
https://athiwatpc.wordpress.comhttps://athiwatpc.wordpress.com
https://athiwatpc.wordpress.com
 
Historycom 2
Historycom 2Historycom 2
Historycom 2
 
Historycom 2
Historycom 2Historycom 2
Historycom 2
 
บทที่ 1 คอมพิวเตอร์เบื้องต้น
บทที่ 1 คอมพิวเตอร์เบื้องต้นบทที่ 1 คอมพิวเตอร์เบื้องต้น
บทที่ 1 คอมพิวเตอร์เบื้องต้น
 
รายงานประวัติคอมพิวเตอร์
รายงานประวัติคอมพิวเตอร์รายงานประวัติคอมพิวเตอร์
รายงานประวัติคอมพิวเตอร์
 
บทที่ 21
บทที่ 21บทที่ 21
บทที่ 21
 
บทที่ 2-ระบบคอมพิวเตอร์
บทที่ 2-ระบบคอมพิวเตอร์บทที่ 2-ระบบคอมพิวเตอร์
บทที่ 2-ระบบคอมพิวเตอร์
 
ประวัติความเป็นมาคอมพิวเตอร์
ประวัติความเป็นมาคอมพิวเตอร์ประวัติความเป็นมาคอมพิวเตอร์
ประวัติความเป็นมาคอมพิวเตอร์
 
บทที่ 2
บทที่ 2บทที่ 2
บทที่ 2
 
บทที่ 2
บทที่ 2บทที่ 2
บทที่ 2
 
ความเป็นมาของคอมพิมเตอร์
ความเป็นมาของคอมพิมเตอร์ความเป็นมาของคอมพิมเตอร์
ความเป็นมาของคอมพิมเตอร์
 
ม.1 วิวัฒนาการของคอมพิวเตอร์
ม.1 วิวัฒนาการของคอมพิวเตอร์ม.1 วิวัฒนาการของคอมพิวเตอร์
ม.1 วิวัฒนาการของคอมพิวเตอร์
 
รายงานประวัติคอมพิวเตอร์
รายงานประวัติคอมพิวเตอร์รายงานประวัติคอมพิวเตอร์
รายงานประวัติคอมพิวเตอร์
 

ใบความรู้ที่ 1 ความเป็นมาของคอมพิวเตอร์

  • 1. ใบความรู้ เรื่อง วิวัฒนาการของคอมพิวเตอร์ หน่วยที่ 1 ระบบคอมพิวเตอร์ คอมพิวเตอร์ เป็นเครื่องอิเล็กทรอนิกส์แบบอัตโนมัติ ทาหน้าที่เสมือนสมองกล ใช้สาหรับ แก้ปัญหาต่าง ๆ ทั้งที่ง่ายและซับซ้อนโดยวิธีทางคณิตศาสตร์ (พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พุทธศักราช 2525) คอมพิวเตอร์ในยุคเริ่มแรก จะเป็นลักษณะเครื่องจักรกลหรือสิ่งประดิษฐ์ขึ้นเพื่อช่วยใน การคานวณ โดยที่ยังไม่มีการนาวงจรอิเล็กทรอนิกส์เข้ามาใช้ประโยชน์ร่วมด้วย เมื่อ 5,000 ปีที่ผ่านมามนุษย์ ได้พยายามคิดค้นเครื่องมือที่ใช้ทางาน และผ่อนแรง ตลอดจนให้ความสะดวกแก่ตนเองและผู้อื่น เช่น ในการ นับจานวนเลข มนุษย์ในสมัยโบราณรูจัก ใช้นิ้วมือ ในการนับ และใช้วิธีตาง ๆ เช่น ใช้รอยขีด ก้อนหิน หรือ ่ แท่งไม้ เพื่อนับจานวนสมาชิกในครอบครัวหรือนับจานวนสัตว์ที่ล่ามาได้ต่อมาประมาณ 2,600 ปีก่อน คริสตกาล ชาวจีนได้ประดิษฐ์เครื่องมือเพื่อใช้ในการ คานวณขึ้นมาชนิดหนึ่ง เรียกว่า ลูกคิด ซึ่งถือได้ว่า เป็น อุปกรณ์ใช้ช่วยการคานวณที่เก่าแก่ที่สุดในโลกและคงยังใช้งานมาจนถึงปัจจุบัน ลูกคิด ซึ่งถือว่าเป็นต้นกาเนิดของเครื่องมือคานวณ พ.ศ. 2158 John Napier นักคณิตศาสตร์ชาวสก็อตแลนด์ได้ประดิษฐ์อุปกรณ์เพื่อช่วยการ คานวณขึ้นมา เรียกว่า Napier's Bones เป็นอุปกรณ์ที่ลักษณะคล้ายกับตารางสูตรคูณ เครื่องมือชนิดนี้ช่วย ให้สามารถทาการคูณและหารได้ง่ายเหมือนกับทาการบวก หรือลบโดยตรง Napier's Bones พ.ศ. 2185 นักคณิตศาสตร์ชาวฝรั่งเศสชื่อ Blaise Pascal ซึ่งในขณะนั้นมีอายุเพียง 19 ปี ได้ ออกแบบเครื่องมือในการคานวณโดยใช้หลักการหมุนของฟันเฟืองหนึ่งอันถูกหมุนครบ 1 รอบ ฟันเฟืองอีก อันหนึ่งซึ่งอยู่ทางด้านซ้ายจะถูกหมุนไปด้วยในเศษ 1 ส่วน 10 รอบ เครื่องมือของปาสคาลนี้ถูกเผยแพร่ออกสู่ สาธารณะชน เมื่อ พ.ศ. 2188 แต่ไม่ประสบความสาเร็จเท่าที่ควรเนื่องจากราคาแพง และเมื่อใช้งานจริงจะ เกิดเหตุการณ์ที่ฟันเฟืองติดขัดบ่อยๆ ทาให้ผลลัพธ์ที่ได้ไม่ค่อยถูกต้องตรงความเป็นจริง
  • 2. |2 เครื่องมือในการคานวณของ Pascal พ.ศ. 2216 นักปราชญ์ชาวเยอรมันชื่อ Gottfriend von Leibnitz ได้ปรับปรุงเครื่องคานวณ ของ ปาสคาลให้สามารถหารคูณและหารได้โดยตรง โดยที่การคูณใช้หลักการบวกกันหลายๆ ครั้ง และการ หารก็คือการลบกันหลายๆ ครั้ง แต่เครื่องมือของ Leibnitz ยังคงอาศัยการหมุนวงล้อ ของเครื่องเองอัตโนมัติ นับว่า เป็นเครื่องมือที่ช่วยให้การคานวณทางคณิตศาสตร์ที่ดูยุ่งยากกลับเป็นเรื่องที่ง่ายขึ้น เครื่องมือคานวณของ Leibnitz พ.ศ. 2344 นักประดิษฐ์ชาวฝรั่งเศสชื่อ Joseph Marie Jacquard ได้พยายามพัฒนาเครื่องทอ ผ้าโดยใช้ บัตรเจาะรูในการบันทึกคาสั่ง ควบคุมเครื่องทอผ้าให้ทาตามแบบที่กาหนดไว้ และแบบดังกล่าว สามารถนามา สร้างซ้าๆ ได้อีกหลายครั้ง ความพยายามของ Jacquard สาเร็จลงใน พ.ศ. 2348 เครื่องทอผ้า นี้ถือว่าเป็น เครื่องทางานตามโปรแกรมคาสั่งเป็นเครื่องแรก พ.ศ. 2373 Chales Babbage ถือกาเนิดที่ประเทศอังกฤษ เมื่อ พ.ศ. 2334 จบการศึกษา ทางด้านคณิตศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยแคมบริงทอผ้าใช้บรัตรเจาะรู ง Lucasian Professor ซึ่งเป็นตาแหน่ง เครื่อ ดจ์ และได้ ับตาแหน่ ที่ Isaac Newton เคยได้รับมาก่อน ในขณะที่กาลังศึกษาอยู่นั้น Babbage ได้สร้างเครื่อง หาผลต่าง (Difference Engine) ซึ่งเป็นเครื่องที่ใช้คานวณ และพิมพ์ตารางทางคณิตศาสตร์อย่างอัตโนมัติ จนกระทั่งปี พ.ศ. 2373 เขาได้พัฒนาความคิดไปถึงเครื่องมือในการคานวณที่มีความสามารถสูง ซึ่งก็คือเครื่องที่เรียกว่า เครื่องวิเคราะห์ (Analytical Engine) โดยที่เครื่องดังกล่าวประกอบไปด้วยชิ้นส่วนที่สาคัญ 4 ส่วน คือ 1.ส่วนเก็บข้อมูล เป็นส่วนที่ใช้ในการเก็บข้อมูลนาเข้าและผลลัพธ์ที่ได้จากการคานวณ 2.ส่วนประมวลผล เป็นส่วนทีใช้ในการประมวลผลทางคณิตศาสตร์ ่ 3.ส่วนควบคุม เป็นส่วนที่ใช้ในการเคลื่อนย้ายข้อมูลระหว่างส่วนเก็บข้อมูล และส่วนประมวลผล 4.ส่วนรับข้อมูลเข้าและแสดงผลลัพธ์ เป็นส่วนที่ใช้รับทราบข้อมูลจากภายนอกเครื่องเข้าสู่ส่วน เก็บ และแสดงผลลัพธ์ที่ได้จากการคานวณให้ผู้ใช้ได้รับทราบ
  • 3. |3 เครื่อง Analytical Engine สืบเนื่องจากมาจากแนวความคิดของ Analytical Engine เช่นนี้จึงทาให้ Charles Babbage ได้รับการยกย่อง ให้เป็นบิดาของเครื่องคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2397 นักคณิตศาสตร์ชาวอังกฤษ George Boole ได้ใช้หลักพีชคณิตเผยแพร่กฎของ Boolean Algebra ซึ่งเป็นคณิตศาสตร์ที่ใช้อธิบายเหตุผลของตรรกวิทยาที่ตัวแปรมีค่าได้เพียง "จริง" หรือ "เท็จ" เท่านั้น (ใช้สภาวะเพียงสองอย่างคือ 0 กับ 1 ร่วมกับเครื่องหมาย ในเชิงตรรกพื้นฐาน คือ AND,OR และ NOT) สิ่งที่ George Boole คิดค้นขึ้น นับว่ามีประโยชน์ต่อระบบคอมพิวเตอร์ในปัจจุบันอย่างยิ่ง เนื่องจากเป็นการยากที่จะใช้กระแสไฟฟ้า ซึ่งมีเพียง 2 สภาวะ คือ เปิด กับ ปิด ในการแทน เลขฐานสิบซึ่งมีอยู่ถึง 10 ตัว คือ 0 ถึง 9 แต่เป็นการ ง่ายกว่าเราแทนด้วยเลขฐานสอง คือ 0 กับ 1 จึงถือว่าสิ่งนี้เป็นรากฐานที่ สาคัญของการออกแบบวงจรระบบคอมพิวเตอร์ในปัจจุบัน George Boole
  • 4. |4 ใบความรู้ เรื่อง ยุคของคอมพิวเตอร์ หน่วยที่ 1 ระบบคอมพิวเตอร์ การพัฒนาคอมพิวเตอร์ในปัจจุบันมีการแบ่งออกเป็นยุคต่าง ๆ เป็น 5 ยุค ดังนี้ ยุคที่ 1 UNIVAC I คือเครื่องคอมพิวเตอร์เอนกประสงค์ที่ใช้ในเชิงธุรกิจ เป็นเครื่องหมายของการเริ่มต้น ยุคที่ 1 เครื่องคอมพิวเตอร์ในยุคนี้มีขนาดใหญ่ ใช้หลอดสุญญากาศ (Vacuum tubes) ซึ่งก่อให้เกิดความร้อน สูงมาก จึงต้องใช้เครื่องปรับอากาศ การบารุงรักษา และพื้นที่กว้างมาก สื่อบันทึกข้อมูลได้แก่ เทปแม่เหล็ก IBM 650 เป็นเครื่องที่สามารถทางานได้ทั้งด้านธุรกิจและ วิทยาศาสตร์ หน่วยความจาเป็น ดรัมแม่เหล็ก (magnetic drum) และใช้บัตรเจาะรู การสั่งงานใช้ ภาษาเครื่อง (machine language) ซึ่งเป็นภาษาตัวเลข ในระบบตัวเลขฐานสอง (binary digit) หลอดสุญญากาศวงแหวน แม่เหล็ก ยุคที่ 2 ค.ศ. 1959 ทรานซิสเตอร์ และส่วนประกอบอื่น ๆ เช่น Solid state, semiconductor วงจร ทรานซิสเตอร์ มีขนาดเล็กลง ความร้อนลดลง ราคาถูกลง และต้องการพลังงานน้อยกว่าการใช้หลอด สุญญากาศ คอมพิวเตอร์ในยุคที่สองจึงมีขนาดเล็กลง แต่ความเร็วสูงขึ้น และน่าเชื่อถือมากกว่าคอมพิวเตอร์ ในยุคที่ 1 คอมพิวเตอร์ในยุคนี้ใช้ วงแหวนแม่เหล็ก (Magnetic cores) เป็นหน่วยความจา สื่อบันทึกข้อมูลหลักในยุคนี้ใช้จานแม่เหล็ก (magnetic disk packs) หน่วยความจาสารองอื่น ๆ ยังคงเป็น เทปแม่เหล็ก และบัตรเจาะรู ในยุคนี้ มีการพัฒนาภาษาระดับต่า (low-level language) หรือ ภาษาอิงเครื่อง เป็นภาษารหัส ที่ง่ายต่อการเขียนมากกว่าภาษาเครื่อง เช่น ภาษาแอสเซมบลี (assembly) โดยมีโปรแกรมแปลภาษาคือ แอสเซมเบลอร์ (assembler) ทาหน้าที่แปลให้เป็นภาษาเครื่อง เครื่องเจาะบัตร ม้วนกระดาษเจาะรู เครื่องอ่านเทป
  • 5. |5 ยุคที่ 3 ค.ศ. 1964 IBM system/360 คือจุดเริ่มต้นของยุคที่ 3 วงจรไอซี (IC: integrated circuits) เป็น วงจรอิเล็กทรอนิกส์ที่นามาใช้แทนวงจรทรานซิสเตอร์ ลักษณะของ IC เป็นแผ่นซิลิกอนขนาดเล็กหรือเรียกว่า ชิป (chip) เป็นวงจรไมโครอิเล็กทรอนิกส์ มีขนาดเล็กกว่า น่าเชื่อถือมากกว่า ความเร็วสูงขึ้น และ ขนาดของ คอมพิวเตอร์เล็กลง เริ่มใช้วิธีการแบบ Time-sharing และการสื่อสารข้อมูล ความสามารถในการ ประมวลผลหลาย ๆ โปรแกรมพร้อม ๆ กันเรียกว่า multi-programming ระบบปฏิบัติการ (Operating system) ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อควบคุมการประมวลผลคอมพิวเตอร์ ภาษา ระดับสูงสาหรับเขียนโปรแกรม เช่น FORTRAN, COBOL เป็นต้น โปรแกรมสาเร็จรูปแพร่หลายมากขึ้น เครื่องขนาด มินิคอมพิวเตอร์เครื่องแรก คือ PDP-8 ของ the Digital Equipment Corporation ในปี ค.ศ. 1969 เครื่องอ่านเทปแม่เหล็ก เทปแม่เหล็ก ยุคที่ 4 ค.ศ. 1970 เทคโนโลยีหลักที่เกิดขึ้นในยุคนี้คือ วงจร LSI (large-scale integration) เป็นวงจรรวม ของวงจรตรรกะ (logic) และ หน่วยความจา (memory) ของคอมพิวเตอร์ ประกอบด้วยวงจรอิเล็กทรอนิกส์ หลายพันวงจรไว้บนแผงซิลิกอนซึ่งเป็นชิปขนาดเล็ก และถูกนามาใช้เป็นชิปหน่วยความจาแทนวงแหวน แม่เหล็ก (ซึ่งใช้ในยุคที่ 2 และยุคที่ 3) ค.ศ. 1971 ไมโครโพรเซสเซอร์ (Microprocessor) ตัวแรกที่เกิดขึ้นคือ Intel 4004 เป็นวงจรรวมหน่วยประมวลผลหลักไว้บนชิปเพียงตัวเดียว ต่อมา ค.ศ. 1974 จึงมีการพัฒนา Intel 8080 เพื่อใช้ในระบบไมโครคอมพิวเตอร์เครื่องแรกคือ Altair 8800 ต่อมา ค.ศ. 1978 Steve Jobs และ Steve Wozniak จึงพัฒนา Apple II ออกมาจาหน่าย และปี ค.ศ. 1981 IBM พัฒนา ไมโครคอมพิวเตอร์ออกจาหน่ายเช่นกัน กลางปี ค.ศ. 1980 พบว่า ไมโครคอมพิวเตอร์จานวนหลายล้าน เครื่องถูกใช้ในบ้าน โรงเรียน และในธุรกิจ ในยุคนี้อุปกรณ์ที่ใช้ป้อนข้อมูลโดยตรง เช่น Keyboard (แป้นพิมพ์) electronic mouse (เมาส์) light pen (ปากกาแสง) touch screen (จอสัมผัส) data tablet (แผ่นป้อนข้อมูล) เป็นต้น อุปกรณ์แสดง ผลลัพธ์ เช่น จอภาพ แสดงข้อภาพ กราฟิก และเสียง เป็นอุปกรณ์พื้นฐานในเวลาต่อมา ภาษาที่ใช้ในการ เขียนโปรแกรม คล้ายกับภาษามนุษย์มากขึ้น เกิดระบบจัดการฐานข้อมูล และภาษาในยุคที่ 4 หรือ ภาษาธรรมชาติ ไม่เพียงแต่ทาให้โปรแกรมเมอร์เขียนโปรแกรมง่ายขึ้นเท่านั้น ยังช่วยให้ผู้ใช้ไม่ต้องบอกวิธีการ
  • 6. |6 ให้คอมพิวเตอร์ทางาน เพียงแต่บอกว่า งานอะไร ที่พวกเขาต้องการเท่านั้น โปรแกรมสาเร็จรูปในยุคนี้ ได้แก่ electronic spreadsheet (ตารางทางาน) , word processing (ประมวลผลคา) เช่น ค.ศ. 1979 โปรแกรมวิ สิแคล (VisiCalc electronic spreadsheet program) และ โปรแกรมเวิร์ดสตาร์ (WordStar word processing) ค.ศ. 1982 โปรแกรมจัดการฐานข้อมูล DBASE II และ โปรแกรมตารางทางาน Lotus1-2-3 เป็นต้น ยุคที่ 4 LSI Chip ยุคที่ 5 เริ่มเข้าสู่ศตวรรษที่ 21 คอมพิวเตอร์ในยุคนี้เป็นการเปลี่ยนแปลงขนานใหญ่จากยุคที่ 4 เป็น คอมพิวเตอร์อัจฉริยะ สามารถคิด มองเห็น ฟัง และพูดคุยได้ โครงสร้างคอมพิวเตอร์จะแตกต่างไปจากเดิม การประมวลผลข้อมูลเป็นแบบขนาน (Parallel) แทนแบบอนุกรม (Serially) การสร้างระบบคอมพิวเตอร์ อัจฉริยะ คือหนึ่งในเป้าหมายหลักทางด้านวิทยาการเกี่ยวกับปัญญาประดิษฐ์ (artificial intelligence: AI) สิ่ง ที่ปรากฏในยุคนี้คือ optical computer ใช้ photonic หรือ optoelectronic เป็นวงจรมากกว่าวงจร อิเล็กทรอนิกส์ ประมวลผลข้อมูลด้วยแสงเลเซอร์ ปฏิบัติการด้วยความเร็วใกล้กับความไวแสง ในอนาคตจะมี ขนาดเล็กมาก เร็ว และ biocomputer มีอานาจมากขึ้น จะเติบโตจากองค์ประกอบสาคัญคือการใช้เซลจากสิ่งมีชีวิตเป็น วงจร ซอฟต์แวร์คอมพิวเตอร์มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ใช้ง่ายและสามารถใช้ประโยชน์ได้หลากหลาย ปรับเปลี่ยนได้ง่าย ผู้ใช้สามารถสนทนากับคอมพิวเตอร์ได้ด้วยภาษามนุษย์ โปรแกรมสาเร็จรูปจะทางาน ร่วมกันเป็นโปรแกรมอเนกประสงค์ที่ใช้งานง่าย ทาหน้าที่ต่างกันเพื่อผู้ใช้ที่ไม่มีความรู้ทางเทคนิค เทคโนโลยีระบบสารสนเทศและเทคโนโลยีทางการสื่อสาร เข้ามามีบทบาทมากขึ้น การใช้เครือข่ายคอมพิวเตอร์ ระบบสานักงานอัตโนมัติ เช่น จดหมายอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic mail) ไปรษณีย์เสียง (voice mail) และ การประชุมผ่านเครือข่ายคอมพิวเตอร์ (teleconferencing) ระบบสารสนเทศบนพื้นฐานของเทคโนโลยีการสื่อสารขั้นสูง จะรวมกับการถ่ายโอนและการ ประมวลผลข้อมูลภาพและ เสียง รวมถึงการใช้คอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีใยแก้วนาแสง (Fiber optics technology) ในการให้บริการเครือข่ายดิจิตอล โรงงานปฏิบัติงานอัตโนมัติ ใช้ระบบสารสนเทศและ เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ เช่น หุ่นยนต์ (Robotics) ธุรกิจต่าง ๆ ใช้คอมพิวเตอร์และเครือข่าย ในการ ดาเนินงาน ไม่ว่าจะเป็น ค้าส่ง ค้าปลีก คลังสินค้า และโรงงาน ผู้จัดการจะอาศัยระบบสารสนเทศสาหรับ ผู้บริหารมากขึ้น ผู้ใช้จะพึ่งพาระบบผู้เชี่ยวชาญ (Expert system) ของระบบปัญญาประดิษฐ์เพื่อช่วยในการ ทางานตามหน้าที่ http://www.chakkham.ac.th/technology/computer/web02.htm http://www.vcharkarn.com/vblog/33317