More Related Content
Similar to แก้0 งานที่1 ด.ช. วีละชัย ตาลสี (20)
แก้0 งานที่1 ด.ช. วีละชัย ตาลสี
- 4. แอนะล็อกคอมพิวเตอร์ (analog computer) เป็น
เครื่องคานวณอิเล็กทรอนิกส์ที่ไม่ได้ใช้ค่าตัวเลขเป็นหลักของ
การคานวณ แต่จะใช้ค่าระดับแรงดันไฟฟ้าแทน ไม้บรรทัด
คานวณ อาจถือเป็นตัวอย่างหนึ่งของแอนะล็อกคอมพิวเตอร์
ที่ใช้ค่าตัวเลขตามแนวความยาวไม้บรรทัดเป็นหลักของการ
คานวณ โดยไม้บรรทัดคานวณจะมีขีดตัวเลขกากับอยู่ เมื่อไม้
บรรทัดหลายอันมรประกบรวมกัน การคานวณผล เช่น การ
คูณ จะเป็นการเลื่อนไม้บรรทัดหนึ่งไปตรงตามตัวเลขของตัว
ตั้งและตัวคูณของขีดตัวเลขชุดหนึ่ง แล้วไปอ่านผลคูณของ
ขีดตัวเลขอีกชุดหนึ่งแอนะล็อกคอมพิวเตอร์แบบ
อิเล็กทรอนิกส์จะใช้หลักการทานองเดียวกัน โดย
แรงดันไฟฟ้าจะแทนขีดตัวเลขตามแนวยาวของไม้บรรทัด
- 6. ดิจิทัลคอมพิวเตอร์ (digital computer) คอมพิวเตอร์ที่พบเห็นทั่วไป
ในปัจจุบัน จัดเป็นดิจิทัลคอมพิวเตอร์แทบทั้งหมด ดิจิทัลคอมพิวเตอร์เป็นเครื่อง
คานวณอิเล็กทรอนิกส์ที่ใช้งานเกี่ยวกับตัวเลข มีหลักการคานวณที่ไม่ใช่แบบไม้
บรรทัดคานวณ แต่เป็นแบบลูกคิด โดยแต่และหลักของลูกคิดคือ หลักหน่วย หลัก
ร้อย และสูงขึ้นไปเรื่อย ๆ เป็นระบบเลขฐานสินที่แทนตัวเลขจากศูนย์ถ้าเก้าไป
สิบตัวตามระบบตัวเลขที่ใช้ในชีวิตประจาวัน
ค่าตัวเลขของการคานวณในดิจิทัลคอมพิวเตอร์จะแสดงเป็นหลักเช่นเดียวกัน
แต่จะเป็นระบบเลขฐานสองที่มีสัญลักษณ์ตัวเลขเพียงสองตัว คือเลขศูนย์กับเลข
หนึ่งเท่านั้น โดยสัญลักษณ์ตัวเลขทั้งสองตัวนี้ จะแทนลักษณะการทางานภายใน
ซึ่งเป็นสัญญาณไฟฟ้าที่ต่างกัน การคานวณภายในดิจิทัลคอมพิวเตอร์จะเป็นการ
ประมวลผลด้วยระบบเลขฐานสองทั้งหมด ดังนั้นเลขฐานสิบที่เราใช้และคุ้นเคย
จะถูกแปลงไปเป็นระบบเลขฐานสองเพื่อการคานวณภายในคอมพิวเตอร์ ผลลัพธ์
ที่ได้ก็ยังเป็นเลขฐานสองอยู่ ซึ่งคอมพิวเตอร์จะแปลงเป็นเลขฐานสิบเพื่อแสดงผล
ให้ผู้ใช้เข้าใจได้ง่าย
- 9. เครื่องคานวณกลไกที่รู้จักกันดี ได้แก่ เครื่อง
คานวณของปาสคาลเป็นเครื่องที่บวกลบด้วย
กลไกเฟืองที่ขบต่อกัน เบลส ปาสคาล
(Blaise Pascal) นักคณิตศาสาตร์ชาว
ฝรั่งเศส ได้ประดิษฐ์ขึ้นในปี พ.ศ.
2185 คอมพิวเตอร์ในยุคเริ่มแรก ได้แก่
เครื่องจักรกลหรือสิ่งประดิษฐ์ขึ้นเพื่อช่วยใน
การ คานวณ โดยที่ยังไม่มีการ นาวงจร
อิเล็กทรอนิกส์ เข้ามาใช้ประโยชน์ร่วมด้วย
ลาดับเครื่องมือขึ้นมามีดังนี้
ในระยะ 5,000 ปีที่ผ่านมา มนุษย์เริ่มรู้จัก
การใช้นิ้วมือและนิ้วเท้าของตนเพื่อช่วยในการ
คานวณ และพัฒนา มาใช้อุปกรณ์อื่น ๆ เช่น
ลูกหิน ใช้เชือกร้อยลูกหินคล้ายลูกคิด
- 10. ต่อมาประมาณ 2,600 ปีก่อนคริสตกาล ชาว
จีนได้ประดิษฐ์เครื่องมือเพื่อใช้ในการ คานวณ
ขึ้นมาชนิดหนึ่ง เรียกว่า ลูกคิด ซึ่งถือได้ว่า เป็น
อุปกรณ์ใช้ช่วยการคานวณที่เก่าแก่ที่สุดในโลก
และคงยังใช้งานมาจนถึงปัจจุบัน
พ.ศ. 2158 นักคณิตศาสตร์ชาวสก็อตแลนด์
ชื่อ John Napier ได้ประดิษฐ์อุปกรณ์ใช้
ช่วยการคานวณขึ้นมา เรียกว่า Napier's
Bones เป็นอุปกรณ์ที่ลักษณะคล้ายกับ
ตารางสูตรคูณในปัจจุบัน เครื่องมือชนิดนี้ช่วย
ให้ สามารถ ทาการคูณและหาร ได้ง่าย
เหมือนกับทาการบวก หรือลบโดยตรง
- 11. พ.ศ 2185 นักคณิตศาสตร์ชาวฝรั่งเศล
ชื่อ Blaise Pascal ซึ่งในขณะนั้นมีอายุ
เพียง 19 ปี ได้ออกแบบ เครื่องมือในการ
คานวณโดย ใช้หลักการหมุนของฟันเฟืองหนึ่ง
อันถูกหมุนครบ 1 รอบ ฟันเฟืองอีกอันหนึ่งซึ่ง
อยู่ทางด้านซ้ายจะถูกหมุนไปด้วยในเศษ 1
ส่วน 10 รอบ เครื่องมือของปาสคาลนี้ถูก
เผยแพร่ออกสู่สาธารณะชน เมื่อ พ.ศ. 2188 แต่
ไม่ประสบความสาเร็จเท่าที่ควรเนื่องจากราคา
แพง และเมื่อใช้งานจริงจะเกิดเหตุการณ์ที่
ฟันเฟืองติดขัดบ่อยๆ ทาให้ผลลัพธ์ที่ได้ไม่ค่อย
ถูกต้องตรงความเป็นจริง
- 12. เครื่องมือของปาสคาล สามารถใช้ได้ดีใน
การคานวณการบวกและลบ ส่วนการคูณและ
หารยังไม่ดีเท่าที่ควร ดังนั้นในปี พ.ศ. 2216
นักปราชญษชาวเยอรมันชื่อ Gottfriend
von Leibnitz ได้ปรับปรุงเครื่งคานวณ
ของ ปาสคาลให้สามารถทหการคูณและหารได้
โดยตรง โดยที่การคูณใช้หลักการบวกกัน
หลายๆ ครั้ง และการหาร ก็คือการลบกัน
หลายๆ ครั้ง แต่เครื่องมือของ Leibnitz
ยังคงอาศัยการหมุนวงล้อ ของเครื่องเอง
อัตโนมัติ นับว่า เป็นเครื่องมือที่ช่วยให้การ
คานวณทางคณิตศาสตร์ที่ดูยุ่งยากกลับเป็น
เรื่องที่ง่ายขึ้น
- 13. พ.ศ. 2344 นักประดิษฐ์ชาวฝรั่งเศลชื่อ Joseph Marie
Jacquard ได้พยายามพัฒนาเครื่องทอผ้าโดยใช้
บัตรเจาะรูในการบันทึกคาสั่ง ควบคุมเครื่องทอผ้าให้ทา
ตามแบบที่กาหนดไว้และแบบดังกล่าวสามารถนามา สร้าง
ซ้าๆ ได้อีกหลายครั้ง ความพยายามของ Jacquard
สาเร็จลงใน พ.ศ. 2348 เครื่องทอผ้านี้ถือว่าเป็น เครื่อง
ทางานตามโปรแกรมคาสั่งเป็นเครื่องแรก
- 14. พ.ศ. 2373 Chales Babbage ถือกาเนิดที่
ประเทศอังกฤษ เมื่อ พ.ศ. 2334 จบการศึกษา
ทางด้านคณิตศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยแคม
บริดจ์ และได้รับตาแหน่ง Lucasian
Professor ซึ่งเป็นตาแหน่งที่ Isaac
Newton เคยได้รับมาก่อน ในขณะที่กาลัง
ศึกษาอยู่นั้น Babbage ได้สร้างเครื่อง หา
ผลต่าง (Difference Engine) ซึ่งเป็น
เครื่องที่ใช้คานวณ และพิมพ์ตารางทางคณิ
ศาสตร์อย่างอัตโนมัติ จนกระทั่งปี พ.ศ. 2373
เขาได้รับความช่วยเหลือจากรัฐบาลอังกฤษเพื่อ
สร้างเครื่อง Difference Engine ขึ้นมา
จริงๆ
- 15. แต่ในขณะที่ Babbage ทาการสร้างเครื่อง
Difference Engine อยู่นั้น ได้พัฒนา
ความคิดไปถึง เครื่องมือในการคานวนที่มี
ความสามารถสูงกว่านี้ ซึ่งก็คอืเครื่องที่เรียกว่า
เครื่องวิเคราะห์ (Analytical Engine)
และได้ยกเลิกโครงการสร้างเครื่อง
Difference Engine ลงแล้วเริ่มต้นงาน
ใหม่ คือ งานสร้างเครื่องวิเคราะห์ ในความคิด
ของเขา โดยที่เครื่องดังกล่าวประกอบไปด้วย
ชิ้นส่วนที่สาคัญ 4 ส่วน คือ
- 16. ส่วนเก็บข้อมูล เป็นส่วนที่ใช้ในการเก็บข้อมูลนาเข้าและผลลัพธ์ที่ได้จากการคานวณ
ส่วนประมวลผล เป็นส่วนที่ใช้ในการประมวลผลทางคณิตศาสตร์
ส่วนควบคุม เป็นส่วนที่ใช้ในการเคลื่อนย้ายข้อมูลระหว่างส่วนเก็บข้อมูล และส่วน
ประมวลผล
ส่วนรับข้อมูลเข้าและแสดงผลลัพธ์ เป็นส่วนที่ใช้รับทราบข้อมูลจากภายนอกเครื่องเข้าสู่ส่วน
เก็บ และแสดงผลลัพธ์ที่ได้จากการคานวณให้ผู้ใช้ได้รับทราบ
เป็นที่น่าสังเกตว่าส่วนประกอบต่างๆ ของเครื่อง Alaytical Engine มีลักษณะ
ใกล้เคียงกับส่วนประกอบ ของระบบคอมพิวเตอร์ ในปัจจุบัน แต่น่าเสียดายที่เครื่อง
Alalytical Engine ของ Babbage นั้นไม่สามารถ สร้างให้สาเร็จขึ้นมาได้ ทั้งนี้
เนื่องจากเทคโนโลยี สมัยนั้นไม่สามารถสร้างส่วนประกอบต่างๆ ดังกล่าว และอีกประการ
หนึ่งก็คือ สมัยนั้นไม่มีความจาเป็น ต้องใช้เครื่องที่มีความสามารถสูงขนาดนั้น ดังนั้นรัฐบาล
อังกฤษจึงหยุดให้ความสนับสนุนโครงการของ Babbage ในปี พ.ศ. 2385 ทาให้ไม่มีทุนที่
จะทาการวิจัยต่อไป สืบเนื่องจากมาจากแนวความคิดของ Analytical Engine เช่นนี้จึง
ทาให้ Charles Babbage ได้รับการยกย่อง ให้เป็น บิดาของเครื่องคอมพิวเตอร์
- 17. พ.ศ. 2385 ชาวอังกฤษ ชื่อ Lady Auqusta Ada Byron ได้ทาการแปลเรื่องราว
เกี่ยวกับเครื่อง Anatical Engine จากภาษาฝรั่งเศลเป็นภาษาอังกฤษ ในระหว่างการ
แปลทาให้ Lady Ada เข้าใจถึงหลักการทางาน ของเครื่อง Analytical Engine และ
ได้เขียนรายละเอียดขั้นตอนของคาสั่งให้เครื่องนี้ทาการคานวณที่ยุ่งยาก ซับซ้อนไว้ใน
หนังสือทางคณิตศาสตร์เล่มหนึ่ง ซึ่งถือว่าเป็นโปรแกรมคอมพิวเตอร์โปรแกรมแรกของโลก
และจากจุดนี้จึงถือว่า Lady Ada เป็นโปรแกรมเมอร์คนแรกของโลก (มีภาษาที่ใช้เขียน
โปรแกรมที่เก่แก่ อยู่หนึ่งภาษาคือภาษา Ada มาจาก ชื่อของ Lady Ada) นอกจากนี้
Lady Ada ยังค้นพบอีกว่าชุดบัตรเจาะรู ที่บรรจุคาสั่งไว้สามารถนากลับมาทางานซ้าได้ถ้า
ต้องการ นั่นคือหลักของการทางานวนซ้า หรือเรียกว่า Loop เครื่องมือที่ใช้ในการคานวณที่
ถูกพัฒนาขึ้นในศตวรรษที่ 19 นั้น ทางานกับเลขฐานสิบ (Decimal Number) แต่เมื่อ
เริ่มต้นของศตวรรษที่ 20 ระบบคอมพิวเตอร์ได้ถูกพัฒนาขึ้นจึงทาให้มีการเปลี่ยนแปลงมาใช้
เลขฐานสอง (Binary Number) กับระบบคอมพิวเตอร์ ที่เป็นผลสืบเนื่องมาจากหลัก
ของพีชคณิต
- 18. พ.ศ. 2397 นักคณิตศาสตร์ชาวอังกฤษ George Boole ได้ใช้หลักพีชคณิต
เผยแพร่กฎของ Boolean Algebra ซึ่งเป็นคณิตศาสตร์ที่ใช้อธิบายเหตุผล
ของตรรกวิทยาที่ตัวแปรมีค่าได้เพียง "จริง" หรือ "เท็จ" เท่านั้น (ใช้สภาวะเพียง
สองอย่างคือ 0 กับ 1 ร่วมกับเครื่องหมายในเชิงตรรกพื้นฐาน คือ AND, OR
และ NOT)
สิ่งที่ George Boole คิดค้นขึ้น นับว่ามีประโยชน์ต่อระบบคอมพิวเตอร์
ในปัจจุบันอย่างยิ่ง เนื่องจากเป็น การยากที่จะใช้กระแสไฟฟ้า ซึ่งมีเพี่ยง 2 สภาวะ
คือ เปิด กับ ปิด ในการแทน เลขฐานสิบซึ่งมีอยู่ถึง 10 ตัว คือ 0 ถึง 9 แต่เป็นการ
ง่ายกว่าเราแทนด้วยเลขฐานสอง คือ 0 กับ 1 จึงถือว่าสิ่งนี้เป็นรากฐานที่สาคัญของ
การ ออกแบบวงจรระบบคอมพิวเตอร์ในปัจจุบัน
- 19. พ.ศ. 2423 Dr. Herman Hollerith
นักสถิติชาวอเมริกันได้ประดิษฐ์
เครื่องประมวลผลทางสถิติซึ่ง ใช้กับบัตรเจาะรู
เครื่องนี้ได้รับการพัฒนา ให้ดียิ่งขึ้นและมาใช้
งานสารวจสามะโนประชากร ของ
สหรัฐอเมริกา ในป พ.ศ. 2433 และช่วยให้การ
สรุปผลสามะโนประชากรเสร็จสิ้นภายใน
ระยะเวลา 2 ปีครึ่ง (โดยก่อนหน้านั้นต้องใช้
เวลาถึง 7 ปีครึ่ง) เรียกบัตรเจาะรูนี้ว่า บัตรฮอล
เลอริธ และชื่ออื่นๆ ที่ใช้เรียกบัตรนี้ ก็คือ บัตร
ไอบีเอ็ม หรือบัตร 80 คอลัมน์ เพราะผู้ผลิตคือ
บริษัท IBM
- 20. การกาเนิดของเครื่องคอมพิวเตอร์อิเล็กทรอนิกส์ เครื่องมือทั้งหลายที่ถูกประดิษฐ์ขึ้นมาใน
ยุคก่อนนั้นส่วนมากประกอบด้วยฟันเฟือง รอก คาน ซึ่งเป็นวัสดุ ที่มีขนาดใหญ่ และมีน้าหนัก
มากทาให้การทางานล่าช้าและผิดพลาดอยู่เสมอ ดังนั้นในยุคต่อมาจึงพยายาม พัฒนาเครื่องมือ
ให้มีขนาดเล็กลง แต่มีประสิทธิภาพสูงขึ้น ดังนี้
พ.ศ. 2480 ศาสตราจารย์Howard Aiken แห่งมหาลัยวิทยาลัยฮาวาร์ด ได้พัฒนา
เครื่องคานวณ ตาม แนวคิด ของ Babbage ร่วมกับวิศวะกรของบริษัท IBM สร้างเครื่อง
คานวณตามความคิดของ Babbage ได้สาเร็จ โดยเครื่องดังกล่าวทางานแบบเครื่องจักรกล
ปนไฟฟ้า และใช้บัตรเจาะรูเป็นสื่อในการนาเข้าข้อมูลสู่ เครื่องเพื่อทาการประมวลผล การ
พัฒนาดังกล่าวมาเสร็จสิ้นในปี พ.ศ. 2487 โดยเครื่องมือนี้มีชื่อว่า MARK 1 และเนื่องจาก
เครื่องนี้สาเร็จได้จากการสนับสนุน ด้านการเงินและบุคลากรจากบริษัท IBM ดังนั้นจึงมีอีก
ชื่อ หนึ่งว่า IBM Automatic Sequence Controlled Calculator และ
นับเป็นเครื่องคานวณแบบอัตโนมัติเครื่องแรกของโลก
- 21. พ.ศ. 2486 ซึ่งเป็นช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ศูนย์วิจัยของกองทัพบกสหรัฐอเมริกามี
ความจาเป็นที่จะต้อง คิดค้นเครื่องช่วยคานวณ เพื่อใช้คานวณหาทิศทางและระยะทาง
ในการส่งขีปนาวุธ ซึ่งถ้าใช้เครื่องคานวณที่มี อยู่ในสมัยนั้นจะต้องใช้เวลาถึง 12
ชั่วโมงในการคานวณ การยิง 1 ครั้ง ดังนั้นกองทัพจึงให้กองทุนอุดหนุนแก่ John W.
Mauchly และ Persper Eckert จากหมาวิทยาลัยเพนซิลวาเนีย ในการสร้าง
คอมพิวเตอร์ จากอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ขึ้นมา โดยนาหลอดสุญยากาศ (Vacuum
Tube) จานวน 18,000 หลอด มาใช้ในการสร้าง ซึ่งมีข้อดีคือ ทาให้เครื่องมีความเร็ว
และมีความถูกต้องแม่นยาในการคานวณมากขึ้น ในด้านของความเร็วนั้น เครื่องจักกลมี
ความเฉื่อยของการเคลื่อนที่ของชิ้นส่วนประกอบ แต่คอมพิวเตอร์อิเล็กทรอนิกส์ จะใช้
อิเล็กตรอนเป็นตัวคลื่อนที่ ทาให้สามารถส่งข้อมูลด้วยกระแสไฟฟ้าได้ ด้วยความเร็ว
ใกล้เคียงกับความเร็วของแสง ส่วนความถูกต้องแม่นยาในการทางานของเครื่องจักรกล
อาศัยฟันเฟือง รอก คาน ในการทางาน ทาให้ทางานได้ช้า และเเกิดความผิดพลดได้ง่าย