More Related Content Similar to โครงงาน คอมพิวเตอร์
Similar to โครงงาน คอมพิวเตอร์ (20) More from Pitthaya Onsuk (17) โครงงาน คอมพิวเตอร์1. แบบเสนอโครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์
รายวิชา เทคโนโลยี2(ง 32102)
กลุ่มสาระการเรียนรู้ การงานอาชีพและเทคโนโลยี (คอมพิวเตอร์)
ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2554
…………………………………………………………………………………
……………………
1. ชื ่ อ โครงงาน การพัฒนาเว็บบล็อก (WebBlog) ด้วย
Blogger เรื่อง คอมพิวเตอร์
2. ประเภทของโครงงาน
โครงงานพัฒนาสื่อเพื่อการศึกษา
โครงงานพัฒนาเครื่องมือ
โครงงานประเภทการทดลองทฤษฎี
โครงงานประเภทการประยุกต์ใช้งาน
โครงงานประเภทการพัฒนาเกณฑ์
3. ชื ่ อ -สกุ ล ผู ้ เ สนอโครงงาน
1. นายปฐมพร คุ้ยศรี เลขที่ ١٢ ม.٥/٣
4. ชื ่ อ ครู ท ี ่ ป รึ ก ษาโครงงาน
นางสาวเบญญาสิริ แก้วเบี่ยง ตำาแหน่ง ครู
ค.ศ.1
5. ชื ่ อ ครู ท ี ่ ป รึ ก ษาโครงงาน
-
6. แนวคิ ด ที ่ ม าและความสำ า คั ญ
ปัจจุบันเทคโนโลยีสารสนเทศและอินเทอร์เน็ตได้เข้า
มามีบทบาทต่อการดำาเนิน
ชีวิตของเรามากขึ้น ซึ่งเราอาจไม่รู้สึกตัวว่าอินเทอร์เน็ตกลายเป็น
ปัจจัยที่สำาคัญต่อการดำารงชีวิตในยุคติดต่อข่าวสารมีความสำาคัญ
2. คนหันมาติดต่อทางโทรศัพท์กันมากขึ้น นอกจากเทคโนโลยีการ
สื่อสารเปรียบเสมือนกับกิริยาที่ประจบประแจงเอาอกเอาใจกัน ใน
หมู่ของลิงกอริลลา และมันช่วยให้คนเราได้ซุบซิบนินทากันอย่าง
สนุกสนาน นักวิชาการของศูนย์วิจัยปัญหาสังคม ทีออกซ์ฟอร์ด
่
ประเทศอังกฤษ กล่าวแสดงความเห็นว่า การพูดคุยกันทาง
โทรศัพท์มือถือของคนเรา ก็เป็นเหมือน กับการปรนนิบัติต่อกัน ใน
หมู่ฝูงลิงกอริลลาและชิมแปนซี เป็นการช่วยกระชับความสัมพันธ์
ให้ แนบแน่น แก้ไขความขัดแย้ง และสอนให้รู้จักการเข้าสังคม
และคบหากันเป็นเพื่อน
ในยุคที่มีการติดต่อสื่อสารผ่านทางเทคโนโลยี กำาลังเป็นที่
นิยมและมีผลกระทบในทุก ๆ ด้าน ในปัจจุบัน ทำาให้ทุกคน ทุก
สังคมต้องมีการปรับตัว และพัฒนาให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงใน
โลกของการสื่อสาร ด้วยการแปลงข้อมูลข่าวสารที่มีอยู่รอบตัวเรา
ให้อยู่ในรูปของดิจิตอล (Digital) เช่น หนังสือพิมพ์ นิตยสาร หรือ
การโฆษณาตามหน้าเว็บไซต์ โดยผู้ใช่สามารถอ่านได้ แต่ไม่
สามารถเข้าร่วมในการสร้างข้อมูลได้
คอมพิวเตอร์ ในสมัยใหม่นี้ผลิตขึ้นโดยใช้วงจรรวม หรือ
วงจรไอซี (Integrated circuit)โดยมีความจุมากกว่าสมัยก่อนล้าน
ถึงพันล้านเท่า และขนาดของตัวเครื่องใช้พื้นที่เพียงเศษส่วนเล็ก
น้อยเท่านั้น คอมพิวเตอร์อย่างง่ายมีขนาดเล็กพอที่จะถูกบรรจุไว้
ในอุปกรณ์โทรศัพท์มือถือ และคอมพิวเตอร์มือถือนี้ใช้พลังงาน
จากแบตเตอรี่ขนาดเล็ก และหากจะมีคนพูดถึงคำาว่า
"คอมพิวเตอร์" มักจะหมายถึงคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลซึ่งถือเป็น
สัญลักษณ์ของยุคสารสนเทศ อย่างไรก็ดี ยังมีคอมพิวเตอร์ชนิดฝัง
อีกมากมายที่พบได้ตั้งแต่ในเครื่องเล่นเอ็มพีสามจนถึงเครื่องบิน
ขับไล่ และของเล่นชนิดต่างๆ จนถึงหุ่นยนต์อุตสาหกรรม ดัง
นั้น ผู้จัดทำาจึงได้มีความคิดที่จะนำาเสนอเอารูปแบบของเว็บไซต์
Blogger มาใช้ในการเผยแพร่ข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับเรื่อง
คอมพิวเตอร์ เพื่อศึกษา เผยแพร่ความรู้ดังกล่าวสู่ผู้สนใจต่อไป
7. วั ต ถุ ป ระสงค์
7.1 เพื่อศึกษาและพัฒนาเว็บบล็อก ด้วย Blogger
เรื่อง คอมพิวเตอร์
7.2 เพื่อศึกษาค้นคว้าเรื่องที่สนใจเกี่ยวกับ เรื่อง
3. คอมพิวเตอร์
7.3 เพื่อให้ผู้เรียนสามารถพัฒนารูปแบบของเว็บ
บล็อก ด้วย Blogger เพื่อนำามาประยุกต์ใช้ให้เข้ากับการเรียนรู้
ของตนเองมากกว่ายิ่งขึ้น
7.4 เพื่อให้สามารถติดต่อสื่อสารกันได้ระหว่างครู
เพื่อนและผู้สนใจทั่ว ๆไป
8. หลั ก การและทฤษฎี
8.1 ความหมายของเว็ บ บล็ อ ก
เว็บบล็อก (Weblog) เป็นคำาที่มาจากคำาว่า
เว็บ (Web) กับคำาว่า
บล็อก (Blog) รวมกันเรียกว่าเว็บบล็อก ความหมายของเว็บบล็อก
คือ เครื่องมือสื่อสารที่ใช้งานบนเว็บไซต์มีลักษณะเหมือนกับ เว็บ
บอร์ด แต่เน้นการใช้งานไปที่การบันทึกเรื่องราวหรือข้อมูลส่วน
ตัวเหมือนกับไดอารี่ จะแสดงข้อมูลในลักษณะที่เป็นหัวข้อประกอบ
บทคัดย่อ แต่จะดีกว่าไดอารีที่เขียนด้วยมือ ก็คือเป็นเว็บที่สามารถ
เชื่อมโยงไปหาบทความที่เว็บไซด์อื่น และเปิดรับความเห็นจากผู้
อื่นได้ด้วยโดยทั่วๆไปแล้ว คุณสมบัตของบล็อก ก็คือ 1 มีการจัด
ิ
หัวข้อของเนื้อหา บทความ โดยให้เรื่องใหม่สุดอยู่ด้านบนสุด มัก
จะจัดกลุ่มเรื่องแบบเดียวกันไว้ด้วยกัน 2 มีการเก็บสะสมบทความ
อย่างเป็นระบบต่อเนื่องกัน 3 ผูอ่านบทความนั้นๆ สามารถแสดง
้
ความเห็นได้ 4 มีลิสต์ของ link ไปเว็บหรือบล็อกที่มีเนื้อหาเกี่ยว
เนื่องกัน หรือที่เราเรียกว่า blogroll เนื้อหาของบล็อก เนื้อหาของ
บล็อกก็เป็นไปตามประเภทของบล็อก แต่ไม่ว่าจะเป็นบล็อกแบบ
ไหนก็ตาม ควรจะมีการอัพเดทบ่อยๆ มีอะไรใหม่ๆ ให้คนอยากมา
เยี่ยมชม
8.2 ประเภทของเว็ บ บล็ อ ก
บล็อกมีด้วยกันหลายชนิด แต่ละชนิดมีข้อมูลที่แตกต่าง
กันไปทั้งผู้เขียนและ
ผู้เข้าชม โดยบล็อกจะเน้นไปที่เรื่องต่างๆ เช่น learner blogs,
political blogs, travel blogs, fashion blogs, project
blogs,legal blogs และอื่นๆบล็อกที่เราเห็นอยู่ในปัจจุบันนี้ ใช่มี
เพียงแค่บล็อกที่เป็นตัวหนังสือและรูปภาพเท่านั้น หรือ มีแค่
ออนไลน์ไดอารี่ เราแบ่งบล็อกออกได้ ดังต่อไปนี้
4. 1. แบ่ ง ตามลั ก ษณะของมี เ ดี ย ที ่ ม ี ใ น
บล็ อ กได้แก่
1.1. Linklog บล็อกแบบเป็นบล็อกรุ่นแรก ๆ ที่รวม
ลิ๊งก์ที่เจ้าของบล็อกสนใจ
เอาไว้ แม้ว่าจะบล็อกแบบนี้จะเป็นการรวมลิ๊งก์เท่านั้น แต่ก็ไม่เรียง
เหมือนว็บไดเร็กทอรี่
เพราะเจ้าของบล็อกจะโพสต์ลิ๊งก์ของเขา 1 – 2 ลิ๊งก์ต่อโพสต์
เท่านั้น
1.2 Photoblog บล็อกประเภทนี้เน้นโพสต์
ภาพถ่ายที่เจ้าของบล็อกอยากนำาเสนอ
และมักจะไม่เน้นเขียนข้อความมากนัก
1.3. Vlog ย่อมาจาก Videoblog เป็นบล็อกที่รวม
วิดีโอคลิปไว้ในบล็อก Vlog
เป็นบล็อกที่เรียกได้ว่าเป็นบล็อกที่นิยมทำากันมากในอนาคต เพราะ
การเจริญเติบโตของไฮสปีด อินเตอร์เน็ต หรือ อินเตอร์เน็ตบอร์ด
แบนด์ ที่ทำาให้การถ่ายทอดเสียง ภาพเคลื่อนไหว movie
2. แบ่ ง ตามประเภทเนื ้ อ หา ได้แก่
2.1 บล็ อ กส่ ว นตั ว (Personal Blog) นำาแสนอ
ความคิดเห็น กิจวัตรประจำาวันของ
เจ้าของบล็อกเป็นหลัก
2.2 บล็ อ กข่ า ว (News Blog) บล็อกที่นำาเสนอข่าว
เป็นหลัก
2.3 บล็ อ กกลุ ่ ม (Collaborative Blog) เป็นบล็อกที่
เขียนกันเป็นกลุ่ม เช่น
blognone.com
2.4 บล็ อ กการเมื อ ง (Politic Blog) ว่าด้วยเรื่อง
การเมืองล้วน ๆ
2.5 บล็ อ กเพื ่ อ สิ ่ ง แวดล้ อ ม (Environment Blog)
พูดถึงเรื่องราวของธรรมชาติและ
การรักษาสิ่งแวดล้อม
5. 2.6 มี เ ดี ย บล็ อ ก (Media Blog) เป็นบล็อกที่
วิเคราะห์สื่อต่างๆ สารคดีและสิ่งที่เกี่ยวกับสื่อ เช่น
oknation.net/blog/black ของสุทธิชัย หยุ่น
2.7 บล็ อ กบั น เทิ ง (Entertainment Blog) บล็อกที่
นำาเสนอเรื่องราวบันเทิงทั้งทาง
จอแก้ว และจอเงิน เรื่องซุบซุดารา กองถ่าย ฯลฯ
2.8 บล็ อ กเพื ่ อ การศึ ก ษา (Educational Blog)
ในโรงเรียน หรือมหาวิทยาลัยใน
ต่างประเทศมักจะใช้บล็อกเป็นสื่อในการสอนหรือ แลกเปลี่ยน
ความคิดกัน
2.9 ติ ว เตอร์ บ ล็ อ ก (Tutorial Blog) เป็นบล็อกที่
นำาเสนอวิธีการต่าง
3. แบ่ ง ตามรู ป แบบของเนื ้ อ หาเฉพาะที ่ เ ห็ น
เด่ น ชั ด
3.1 Filter Blog เป็นบล็อกที่ผู้จัดทำา จะใช้สำาหรับ
นำาเสนอแหล่งข้อมูลที่ตน
สนใจ (เว็บเพจหรือเว็บไซต์) โดยปกติมักจะเป็นข่าว บทความ
หรือความคิดเห็นของบุคคลในวงการที่เผยแพร่ในเว็บไซต์ต่าง ๆ
อาจเรียกได้ว่า เป็น บล็อก “Bookmark” หรือ มีชื่อเฉพาะ ว่า
Social Bookmark บล็อกลักษณะนี้ จะนำาเสนอแค่หัวข้อเรื่อง และ
URL ของเว็บเพจหรือเว็บไซต์ บางทีอาจเพิ่มคำาอธิบายเว็บเพจ
หรือเว็บไซต์นั้น ๆ ได้ด้วย และบางที่อาจจะสามารถเพิ่มความคิด
เห็นของผู้จัดทำาบล็อกได้อีกด้วย เป็นเหมือนการกลั่นกรองข้อมูล
ให้ทราบว่าเว็บเพจหรือเว็บไซต์ใดกำาลังได้รับความนิยม ซึ่งจะ
เป็นการช่วยจัดลำาดับความน่าเชื่อถือของเว็บเพจหรือเว็บไซต์นั้น
ๆ ได้เช่นกัน ตัวอย่างบล็อกลักษณะนี้ได้แก่ http://del.icio.us/
เป็นต้น
3.2 Personal Journal Blog เป็นบล็อกที่ผู้จัดทำา
จะใช้สำาหรับนำาเสนอความ
คิดเห็นหรือประสบการณ์ของตนเองผ่านข้อเขียน โดยอาจจะมี
ภาพประกอบ หรือมีการเชื่อมโยงออกไปยังเว็บไซต์อื่น ๆ เพื่อให้
ข้อมูลดูน่าเชื่อถือหรือมีความน่าสนใจมากยิ่งขึ้น ซึ่งบล็อกลักษณะ
นี้ เป็นบล็อกตามความเข้าใจของบุคคลทั่วไป ตัวอย่างบล็อก
6. ลักษณะนี้ได้แก่ http://www.exteen.com หรือ
http://www.blogger.com เป็นต้น
3.3 Photo Blog เป็นบล็อกที่ใช้สำาหรับเก็บภาพ
(ภาพถ่าย, ภาพวาด ฯลฯ) และ
สามารถใส่รายละเอียดของภาพ ใส่คำาค้น (tag) ได้ ทำาให้การเก็บ
ภาพเป็นระบบและง่ายต่อการค้นหามากขึ้น ตัวอย่างบล็อกลักษณะ
นี้ได้แก่ http://www.flickr.com เป็นต้น
3.4 Video Blog หรือ เรียกว่า Vlog เป็นบล็อกที่
ใช้สำาหรับเก็บวีดิทัศน์ส่วนตัว
สามารถใส่รายละเอียดของวีดิทศน์ ใส่คำาค้น (tag) ได้ ทำาให้การ
ั
เก็บวีดิทัศน์เป็นระบบและง่ายต่อการค้นหามากขึ้น ตัวอย่างบล็อก
ลักษณะนี้ได้แก่ http://www.aolvideoblog.com เป็นต้น
3.5 บล็ อ กผสม มีลักษณะเป็นบล็อกที่สามารถเก็บ
ข้อมูลต่าง ๆ ได้หลายประเภท
ทั้งเก็บรูปภาพ เก็บเพลง เก็บวีดิโอ เก็บลิงค์ (link) ต่าง ๆ หรือ
บันทึกประจำาวัน และใส่ปฏิทินรายการงานที่ต้องทำา ฯลฯ ได้ด้วย
ปัจจุบันเป็นบริการที่ได้รับความนิยมสูงมาก โดยมีชื่อเฉพาะด้วย
เรียกว่า Social Network Service ซึ่งนอกจากจะมีจุดประสงค์เพื่อ
ให้สมาชิกแลกเปลี่ยนข้อมูลต่าง ๆ กันแล้ว ก็ยังมีจุดประสงค์หลัก
เพื่อการค้นหาและสะสมเพื่อนจากทั่วโลก ตัวอย่าง Social
NetworkingWebsites ซึ่งให้บริการลักษณะนี้ ได้แก่
http://hi5.com หรือ http://multiply.com
หรือ http://spaces.live.com เป็นต้น (ซึ่งปัจจุบัน คำาว่า blog ใน
Social Networking Websites นั้นจะกลายเป็นแค่ส่วนที่ใช้เขียน
ข้อความเช่นบันทึกประจำาวันแต่เพียงอย่างเดียวเท่านั้น และยังอาจ
ใช้คำาว่า journal แทนคำาว่า blog ด้วย แต่เนื่องจากบริการนี้
เป็นการรวมเอาบล็อกลักษณะต่าง ๆที่เคยมี มาอยู่ในที่เดียว ทำาให้
ผู้ใช้งานได้รับความสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น เพราะเพียงแค่เปิดใช้
บริการที่เดียว ก็ได้ใช้บริการครบถ้วน ไม่ตองเสียเวลาไปสมัครใช้
้
งานจาก เว็บไซต์หลายที่ให้จดจำายากอีกด้วย)
8.3 ประโยชน์ ข อง Web blog
Blog มีไว้เพื่อตอบสนองตัณหาของเจ้าของ blog ถึง
แม้ว่า blog จะมีลักษณะ
7. หน้าตาคล้ายกัน แต่ blog แต่ละแห่งจะมีบุคลิกเฉพาะตัว แตกต่าง
กันไปเหมือนบุคลิก บาง blog แค่เล่าเรื่องชีวิตประจำาวัน บาง bl
og เกาะติดข่าว บาง blog คุยเรื่องการเมืองหรือปรัชญา จงนั้นอาจ
แบ่งประโยชน์ได้หลายแบบด้วยกัน ซึ่งอาจจะแจกแจงได้ดัง นี้
1. เปิ ด ตั ว เองให้ โ ลกรู ้ เรื่องของ blog มักเป็นเรื่อง
ราวของเจ้าของ blog เป็นการเล่า ประสบการณ์หรือความคิดของ
เจ้าของ เป็นการถ่ายทอดความคิดความรู้สึกของเจ้าของ blog
เป็นการระบายความเคลียดอีกทางหนึ่ง
2. ทั น ข่ า วทั น เหตุ ก ารณ์ ประสบการณ์บางคนก็
เป็นข่าวเห็นอีกหลายคนได้ ข่าว
จาก blog หลายแห่งเป็นข่าววงใน บางคนเล่าเหตุการณ์หรือ
อุบัติเหตุที่เจอมา หลาย blog พูดถึงแนวโน้มหรือความ
เปลี่ยนแปลงใหม่ ๆ
3. กลั ่ น กรองข้ อ มู ล blog บาง blog จะมีการกลั่น
กรองข้อมูลก่อนนำาลง blog ทำา
ให้ผู้อ่าน blog ไม่ต้องเสียเวลาในการกลั่นกรองข้อมูล เพราะมี
การนำาเสนอข้อมูลหรือมีไกด์ในการท่องเว็บ
4. รายงานการท่ อ งเว็ บ เป็นวัตถุประสงค์หลักที่
เป็นต้นกำาเนิดของการทำา blog
หลาย blog มีการลิงก์ไปยังเว็บที่เกี่ยวข้องกับเนื้อหาใน blog ซึ่ง
เป็นการแนะนำาว่าเว็บไหนดีก็ไปที่เว็บนั้น
5. การแสดงความคิ ด เห็ น ไม่ว่าจะเป็นความในใจ
ของเรื่องต่างๆ ความคิดเชิง
สร้างสรรค์ หรือการบ่นที่ทุกคนมีอยู่ในใจ การทำา blog เป็นช่อง
ทางถ่ายทอดความคิดเห็นให้คนอื่นรับรู้
6. ถ่ า ยทอดประสบการณ์ หรื อ ไดอะรี ่ อ อนไลน์
เป็นการถ่ายทอดเรื่องราวในชีวิตประจำาวัน หรือเป็นการเล่าเรื่อง
การเดินทางท่องเที่ยว เช่น www.terrystrek.com
7. โน้ ม น้ า วใจผู ้ อ ่ า น ลักษณะนี้เป็นการ
โฆษณาชวนเชื่อ แต่กรณีแบบนี้เป็นการ
8. ขายความคิด อย่าง blog สำาหรับคอการเมืองอาจจะมีฝ่ายซ้าย -
ฝ่ายขวา,สายเหยี่ยว - สายพิราบ จะพบว่าเนื้อหาจะเป็นการโพสต์
โจมตีฝ่ายตรงข้าม แล้วก็สนับสนุนแนวความคิดของตนเอง
8.4 เว็ บ ไซต์ ท ี ่ ใ ห้ บ ริ ก ารเว็ บ ล็ อ ก
ขอนำา รายชื่ อผู้ ให้ บ ริ ก าร
เขี ย น blog ฟรี เพื่ อผู้ ที่ สนใจ
อยากจะทำา blog เองแต่ ยั ง ไม่
อยากจะลงทุ น ค่ ะ
www.blogger.com www.exteen.com
www.mapandy.com
www.buddythai.com www.imigg.com
www.5iam.com
www.blogprathai.com
www.ndesignsblog.com www.idatablog.com
www.inewblog.com
www.onblogme.com www.freeseoblogs.com
www.sumhua.com www.diaryi.net
www.istoreblog.com
www.skypream.com
www.thailandspace.com www.sungson.com
www.gujaba.com
www.sabuyblog.com www.ugetblog.com
www.jaideespace.com www.maxsiteth.com
www.my2blog.com
9. 9. ขอบเขตของโครงงาน
1. จั ด ทำ า โครงงานคอมพิ ว เตอร์ การพัฒนาเว็บ
บล็อก (WebBlog) ด้วย Blogger
เรื่อง คอมพิวเตอร์
2. วั ส ดุ อุ ป กรณ์ เครื ่ อ งมื อ หรื อ โปรแกรมหรื อ
ที ่ ใ ช้ ใ นการพั ฒ นา ได้แก่
2.1 เครื่องคอมพิเตอร์ พร้อมเชื่อมต่อ
อินเทอร์เน็ต
2.2 เว็บไซต์ที่ให้บริการเว็บบล็อก คือ
www.Blogger.com
2.3 เว็บไซต์ที่ใช้ในการติดต่อสื่อสาร เช่น
www.fagebook.com
www.gmail.com www.google.com
2.4 โปรแกรมตัดต่อและตกแต่งรูปภาพ เช่น
Adobe Photoshop CS3 และ PhotoScape
2.0
10. 10.ขั ้ น ตอนและแผนการดำ า เนิ น งาน
ระยะเวลาดำาเนินงาน
เดือน
เดือนธันวาคม
ที่ ขันตอนการดำาเนินงาน
้ พฤศจิกายน
สัปดาห์ที่ สัปดาห์ที่
1 2 3 4 1 2
1 คิดหัวข้อโครงงาน
2 ศึกษาและค้นคว้าข้อมูล
3 จัดทำาโครงร่างเพื่อนำาเสนอ
4 ปฎิบัติการจัดทำาโครงงาน
นำาเสนอรายงานความ
5 ก้าวหน้าของโครงงานครั้ง
ที่ 1
6 นำาเสนอรายงานความ
11. ก้าวหน้าของโครงงานครั้ง
ที่ 2
7 ปรับปรุง ทดสอบ
จัดทำาเอกสารรายงานโครง
8
งาน
9 ประเมินผล
นำาเสนอโครงงานผ่านเว็บ
9
บล็อก (WebBlog)
11. สถานที ่ ด ำ า เนิ น งาน
ห้องเรียนคอมพิวเตอร์ ICT โรงเรียนดงขุยวิทยาคม
อำาเภอชนแดน
จังหวัดเพชรบูรณ์
12.ผลที ่ ค าดว่ า จะได้ ร ั บ
12.1.ได้รับความรู้เกี่ยวกับการพัฒนาเว็บบล็อก
(webBlog) ) ด้วย Blogger เรื่อง
คอมพิวเตอร์
12.2.ได้รับความรู้เกี่ยวกับเรื่องที่นำามาเป็นบทเรียนใน
การสร้างเว็บบล็อกคือ เรื่อง คอมพิวเตอร์
12.3.ผู้เรียนสามารถพัฒนารูปแบบของเว็บบล็อกจาก
Blogger ได้ด้วยตนเอง
และนำามา ประยุกต์ใช้ให้เข้ากับการเรียนรู้ของตนเองมากยิ่งขึ้น