Download free for 30 days
Sign in
Upload
Language (EN)
Support
Business
Mobile
Social Media
Marketing
Technology
Art & Photos
Career
Design
Education
Presentations & Public Speaking
Government & Nonprofit
Healthcare
Internet
Law
Leadership & Management
Automotive
Engineering
Software
Recruiting & HR
Retail
Sales
Services
Science
Small Business & Entrepreneurship
Food
Environment
Economy & Finance
Data & Analytics
Investor Relations
Sports
Spiritual
News & Politics
Travel
Self Improvement
Real Estate
Entertainment & Humor
Health & Medicine
Devices & Hardware
Lifestyle
Change Language
Language
English
Español
Português
Français
Deutsche
Cancel
Save
Submit search
EN
Uploaded by
สุเมธี ตี่พนมโอรัล / សុមេធី ទីភ្នំឱរ៉ាល់ (Sumedhi TyPhnomAoral)
114 views
มังคลัตถวิภาวินี ไขสงสัยให้นักเรียน ป.ธ.๕.pdf
มังคลัตถวิภาวินี ไขสงสัยให้นักเรียน ป.ธ.๕
Education
◦
Read more
0
Save
Share
Embed
Embed presentation
Download
Downloaded 19 times
1
/ 143
2
/ 143
3
/ 143
4
/ 143
5
/ 143
6
/ 143
7
/ 143
8
/ 143
9
/ 143
10
/ 143
11
/ 143
12
/ 143
13
/ 143
14
/ 143
15
/ 143
16
/ 143
17
/ 143
18
/ 143
19
/ 143
20
/ 143
21
/ 143
22
/ 143
23
/ 143
24
/ 143
25
/ 143
26
/ 143
27
/ 143
28
/ 143
29
/ 143
30
/ 143
31
/ 143
32
/ 143
33
/ 143
34
/ 143
35
/ 143
36
/ 143
37
/ 143
38
/ 143
39
/ 143
40
/ 143
41
/ 143
42
/ 143
43
/ 143
44
/ 143
45
/ 143
46
/ 143
47
/ 143
48
/ 143
49
/ 143
50
/ 143
51
/ 143
52
/ 143
53
/ 143
54
/ 143
55
/ 143
56
/ 143
57
/ 143
58
/ 143
59
/ 143
60
/ 143
61
/ 143
62
/ 143
63
/ 143
64
/ 143
65
/ 143
66
/ 143
67
/ 143
68
/ 143
69
/ 143
70
/ 143
71
/ 143
72
/ 143
73
/ 143
74
/ 143
75
/ 143
76
/ 143
77
/ 143
78
/ 143
79
/ 143
80
/ 143
81
/ 143
82
/ 143
83
/ 143
84
/ 143
85
/ 143
86
/ 143
87
/ 143
88
/ 143
89
/ 143
90
/ 143
91
/ 143
92
/ 143
93
/ 143
94
/ 143
95
/ 143
96
/ 143
97
/ 143
98
/ 143
99
/ 143
100
/ 143
101
/ 143
102
/ 143
103
/ 143
104
/ 143
105
/ 143
106
/ 143
107
/ 143
108
/ 143
109
/ 143
110
/ 143
111
/ 143
112
/ 143
113
/ 143
114
/ 143
115
/ 143
116
/ 143
117
/ 143
118
/ 143
119
/ 143
120
/ 143
121
/ 143
122
/ 143
123
/ 143
124
/ 143
125
/ 143
126
/ 143
127
/ 143
128
/ 143
129
/ 143
130
/ 143
131
/ 143
132
/ 143
133
/ 143
134
/ 143
135
/ 143
136
/ 143
137
/ 143
138
/ 143
139
/ 143
140
/ 143
141
/ 143
142
/ 143
143
/ 143
More Related Content
PPTX
ARAL SA MGA LINGKOD (DIOCESE NG CABANATUAN)
by
Renzo Cristobal
PPT
The-Liturgical-Year-PowerPoint (1).ppt
by
giankarlomacasling
PPTX
Holy Week PPT Explained.pptx
by
KathleenMontoy
PPT
Magyar reneszánsz
by
KazasE
PPT
Eucaristia e Missão, Pedreira
by
Andreia Mello
PPT
Mission Driven Church vs Maintenance Minded Church
by
Dan Russell
PPTX
Christian Living Experience 10 - First Commandment
by
Juan Miguel Palero
PPTX
LA CONCIENCIA DE LA PLENITUD - II PARTE
by
UNIVERSIDAD PLENO CONOCIMIENTO
ARAL SA MGA LINGKOD (DIOCESE NG CABANATUAN)
by
Renzo Cristobal
The-Liturgical-Year-PowerPoint (1).ppt
by
giankarlomacasling
Holy Week PPT Explained.pptx
by
KathleenMontoy
Magyar reneszánsz
by
KazasE
Eucaristia e Missão, Pedreira
by
Andreia Mello
Mission Driven Church vs Maintenance Minded Church
by
Dan Russell
Christian Living Experience 10 - First Commandment
by
Juan Miguel Palero
LA CONCIENCIA DE LA PLENITUD - II PARTE
by
UNIVERSIDAD PLENO CONOCIMIENTO
Similar to มังคลัตถวิภาวินี ไขสงสัยให้นักเรียน ป.ธ.๕.pdf
DOC
วิชาบาลีเสริม ๑๑ ชื่อสัมพันธ์
by
วัดดอนทอง กาฬสินธุ์
DOC
วิชาบาลีเสริม ๑๑ ชื่อสัมพันธ์
by
วัดดอนทอง กาฬสินธุ์
PDF
1 04+บาลีไวยกรณ์+วจีวิภาค+ภาคที่+2+อาขยาต+และ+กิตก์
by
Tongsamut vorasan
PDF
1 03+บาลีไวยกรณ์+วจีวิภาค+สมาสและตัทธิต
by
Tongsamut vorasan
PDF
บาลีเสริม ๑๐ Pdf
by
วัดดอนทอง กาฬสินธุ์
PDF
1 05+บาลีไวยกรณ์+วากยสัมพันธ์
by
Wataustin Austin
PDF
บาลี 05 80
by
Rose Banioki
PDF
1 05+บาลีไวยกรณ์+วากยสัมพันธ์
by
Tongsamut vorasan
PDF
1 05 บาลีไวยกรณ์ วากยสัมพันธ์
by
Tongsamut vorasan
PPT
บาลีเสริม ๑๑
by
วัดดอนทอง กาฬสินธุ์
PDF
การสังเกตคำที่มาจากภาษาอื่น
by
kruthai40
PDF
นาม และ อัพยยศัพท์
by
Prasit Koeiklang
PPT
กิริยาอาขยาต นามกิตก์ และกิริยากิตก์
by
เตชะชิน เก้าเดือนยี่
PDF
1 03+บาลีไวยกรณ์+วจีวิภาค+สมาสและตัทธิต
by
Wataustin Austin
PDF
บาลี 03 80
by
Rose Banioki
PDF
1 03+บาลีไวยกรณ์+วจีวิภาค+สมาสและตัทธิต
by
Tongsamut vorasan
PDF
1 04+บาลีไวยกรณ์+วจีวิภาค+ภาคที่+2+อาขยาต+และ+กิตก์
by
Wataustin Austin
PDF
บาลี 04 80
by
Rose Banioki
PDF
1 04+บาลีไวยกรณ์+วจีวิภาค+ภาคที่+2+อาขยาต+และ+กิตก์
by
Tongsamut vorasan
PPT
บาลีเสริม ๑๑
by
วัดดอนทอง กาฬสินธุ์
วิชาบาลีเสริม ๑๑ ชื่อสัมพันธ์
by
วัดดอนทอง กาฬสินธุ์
วิชาบาลีเสริม ๑๑ ชื่อสัมพันธ์
by
วัดดอนทอง กาฬสินธุ์
1 04+บาลีไวยกรณ์+วจีวิภาค+ภาคที่+2+อาขยาต+และ+กิตก์
by
Tongsamut vorasan
1 03+บาลีไวยกรณ์+วจีวิภาค+สมาสและตัทธิต
by
Tongsamut vorasan
บาลีเสริม ๑๐ Pdf
by
วัดดอนทอง กาฬสินธุ์
1 05+บาลีไวยกรณ์+วากยสัมพันธ์
by
Wataustin Austin
บาลี 05 80
by
Rose Banioki
1 05+บาลีไวยกรณ์+วากยสัมพันธ์
by
Tongsamut vorasan
1 05 บาลีไวยกรณ์ วากยสัมพันธ์
by
Tongsamut vorasan
บาลีเสริม ๑๑
by
วัดดอนทอง กาฬสินธุ์
การสังเกตคำที่มาจากภาษาอื่น
by
kruthai40
นาม และ อัพยยศัพท์
by
Prasit Koeiklang
กิริยาอาขยาต นามกิตก์ และกิริยากิตก์
by
เตชะชิน เก้าเดือนยี่
1 03+บาลีไวยกรณ์+วจีวิภาค+สมาสและตัทธิต
by
Wataustin Austin
บาลี 03 80
by
Rose Banioki
1 03+บาลีไวยกรณ์+วจีวิภาค+สมาสและตัทธิต
by
Tongsamut vorasan
1 04+บาลีไวยกรณ์+วจีวิภาค+ภาคที่+2+อาขยาต+และ+กิตก์
by
Wataustin Austin
บาลี 04 80
by
Rose Banioki
1 04+บาลีไวยกรณ์+วจีวิภาค+ภาคที่+2+อาขยาต+และ+กิตก์
by
Tongsamut vorasan
บาลีเสริม ๑๑
by
วัดดอนทอง กาฬสินธุ์
More from สุเมธี ตี่พนมโอรัล / សុមេធី ទីភ្នំឱរ៉ាល់ (Sumedhi TyPhnomAoral)
PDF
ปัญหาและเฉลยนักธรรมชั้นตรี-โท-เอก และธรรมศึกษาทุกชั้น ปี พ.ศ. 2567.pdf
by
สุเมธี ตี่พนมโอรัล / សុមេធី ទីភ្នំឱរ៉ាល់ (Sumedhi TyPhnomAoral)
PDF
Pali_Exam_เฉลยข้อสอบบาลีสนามหลวงประโยค 1-2 ถึง ป.ธ. 9 ปี 2568.pdf
by
สุเมธี ตี่พนมโอรัล / សុមេធី ទីភ្នំឱរ៉ាល់ (Sumedhi TyPhnomAoral)
DOCX
สรุปเนื้อหาวินัยมุข เล่ม 1 / สรุปเนื้อหาวินัยมุข เล่ม 1
by
สุเมธี ตี่พนมโอรัล / សុមេធី ទីភ្នំឱរ៉ាល់ (Sumedhi TyPhnomAoral)
DOCX
สรุปวิชานักธรรมชั้นตรี ปี 2567 / สรุปวิชานักธรรมชั้นตรี ปี 2567
by
สุเมธี ตี่พนมโอรัล / សុមេធី ទីភ្នំឱរ៉ាល់ (Sumedhi TyPhnomAoral)
DOCX
ประมวลปัญหาและเฉลย นักธรรมชั้นตรี พ.ศ. 2549 - 2566.docx
by
สุเมธี ตี่พนมโอรัล / សុមេធី ទីភ្នំឱរ៉ាល់ (Sumedhi TyPhnomAoral)
DOCX
ปัญหาและเฉลยวิชาวินัยบัญญัติ นักธรรมชั้นเอก ปี 2549-2566 (เรียงตาม พ.ศ.).docx
by
สุเมธี ตี่พนมโอรัล / សុមេធី ទីភ្នំឱរ៉ាល់ (Sumedhi TyPhnomAoral)
DOCX
ปัญหาและเฉลยวิชาพุทธานุพุทธประวัติ นักธรรมชั้นเอก ปี 2549-2566 (เรียงตาม พ.ศ....
by
สุเมธี ตี่พนมโอรัล / សុមេធី ទីភ្នំឱរ៉ាល់ (Sumedhi TyPhnomAoral)
DOCX
ปัญหาและเฉลยวิชาธรรม นักธรรมชั้นเอก ปี 2549-2566 (เรียงตาม พ.ศ.).docx
by
สุเมธี ตี่พนมโอรัล / សុមេធី ទីភ្នំឱរ៉ាល់ (Sumedhi TyPhnomAoral)
DOCX
ประมวลปัญหาและเฉลย นักธรรมชั้นเอก พ.ศ. 2544-2566.docx
by
สุเมธี ตี่พนมโอรัล / សុមេធី ទីភ្នំឱរ៉ាល់ (Sumedhi TyPhnomAoral)
DOCX
สรุปวิชานักธรรมชั้นเอก ปี 2567 / สรุปวิชานักธรรมชั้นเอก ปี 2567
by
สุเมธี ตี่พนมโอรัล / សុមេធី ទីភ្នំឱរ៉ាល់ (Sumedhi TyPhnomAoral)
DOCX
ปัญหาและเฉลยวิชาวินัยบัญญัติ นักธรรมชั้นโท ปี 2549 - 2566 (เรียงตาม พ.ศ.).docx
by
สุเมธี ตี่พนมโอรัล / សុមេធី ទីភ្នំឱរ៉ាល់ (Sumedhi TyPhnomAoral)
DOCX
ปัญหาและเฉลยวิชาอนุพุทธประวัติ นักธรรมชั้นโท ปี 2549 - 2566 (เรียงตาม พ.ศ.).docx
by
สุเมธี ตี่พนมโอรัล / សុមេធី ទីភ្នំឱរ៉ាល់ (Sumedhi TyPhnomAoral)
DOCX
ปัญหาและเฉลยวิชาธรรม นักธรรมชั้นโท ปี 2549 - 2566 (เรียงตาม พ.ศ.).docx
by
สุเมธี ตี่พนมโอรัล / សុមេធី ទីភ្នំឱរ៉ាល់ (Sumedhi TyPhnomAoral)
DOCX
ประมวลปัญหาและเฉลย นักธรรมชั้นโท พ.ศ. 2544 - 2566.docx
by
สุเมธี ตี่พนมโอรัล / សុមេធី ទីភ្នំឱរ៉ាល់ (Sumedhi TyPhnomAoral)
DOCX
สรุปวิชานักธรรมชั้นโท ปี 2567 / สรุปวิชานักธรรมชั้นโท ปี 2567
by
สุเมธี ตี่พนมโอรัล / សុមេធី ទីភ្នំឱរ៉ាល់ (Sumedhi TyPhnomAoral)
PDF
4_ปัญหาและเฉลยข้อสอบบาลีสนามหลวง วิชา แปลไทยเป็นมคธ ประโยค ป.ธ.4 (2505-2567).pdf
by
สุเมธี ตี่พนมโอรัล / សុមេធី ទីភ្នំឱរ៉ាល់ (Sumedhi TyPhnomAoral)
PDF
3_ปัญหาและเฉลยข้อสอบบาลีสนามหลวง วิชา สัมพันธ์ไทย ประโยค ป.ธ.3 (2500-2567).pdf
by
สุเมธี ตี่พนมโอรัล / សុមេធី ទីភ្នំឱរ៉ាល់ (Sumedhi TyPhnomAoral)
PDF
3_ปัญหาและเฉลยข้อสอบบาลีสนามหลวง วิชา แปลมคธเป็นไทย ประโยค ป.ธ.3 (2500-2567).pdf
by
สุเมธี ตี่พนมโอรัล / សុមេធី ទីភ្នំឱរ៉ាល់ (Sumedhi TyPhnomAoral)
PDF
3_ปัญหาและเฉลยข้อสอบบาลีสนามหลวง วิชา บุรพภาค ประโยค ป.ธ.3 (2500-2567).pdf
by
สุเมธี ตี่พนมโอรัล / សុមេធី ទីភ្នំឱរ៉ាល់ (Sumedhi TyPhnomAoral)
PDF
3_ปัญหาและเฉลยข้อสอบบาลีสนามหลวง วิชา บาลีไวยากรณ์ ประโยค ป.ธ.3 (2500-2567).pdf
by
สุเมธี ตี่พนมโอรัล / សុមេធី ទីភ្នំឱរ៉ាល់ (Sumedhi TyPhnomAoral)
ปัญหาและเฉลยนักธรรมชั้นตรี-โท-เอก และธรรมศึกษาทุกชั้น ปี พ.ศ. 2567.pdf
by
สุเมธี ตี่พนมโอรัล / សុមេធី ទីភ្នំឱរ៉ាល់ (Sumedhi TyPhnomAoral)
Pali_Exam_เฉลยข้อสอบบาลีสนามหลวงประโยค 1-2 ถึง ป.ธ. 9 ปี 2568.pdf
by
สุเมธี ตี่พนมโอรัล / សុមេធី ទីភ្នំឱរ៉ាល់ (Sumedhi TyPhnomAoral)
สรุปเนื้อหาวินัยมุข เล่ม 1 / สรุปเนื้อหาวินัยมุข เล่ม 1
by
สุเมธี ตี่พนมโอรัล / សុមេធី ទីភ្នំឱរ៉ាល់ (Sumedhi TyPhnomAoral)
สรุปวิชานักธรรมชั้นตรี ปี 2567 / สรุปวิชานักธรรมชั้นตรี ปี 2567
by
สุเมธี ตี่พนมโอรัล / សុមេធី ទីភ្នំឱរ៉ាល់ (Sumedhi TyPhnomAoral)
ประมวลปัญหาและเฉลย นักธรรมชั้นตรี พ.ศ. 2549 - 2566.docx
by
สุเมธี ตี่พนมโอรัล / សុមេធី ទីភ្នំឱរ៉ាល់ (Sumedhi TyPhnomAoral)
ปัญหาและเฉลยวิชาวินัยบัญญัติ นักธรรมชั้นเอก ปี 2549-2566 (เรียงตาม พ.ศ.).docx
by
สุเมธี ตี่พนมโอรัล / សុមេធី ទីភ្នំឱរ៉ាល់ (Sumedhi TyPhnomAoral)
ปัญหาและเฉลยวิชาพุทธานุพุทธประวัติ นักธรรมชั้นเอก ปี 2549-2566 (เรียงตาม พ.ศ....
by
สุเมธี ตี่พนมโอรัล / សុមេធី ទីភ្នំឱរ៉ាល់ (Sumedhi TyPhnomAoral)
ปัญหาและเฉลยวิชาธรรม นักธรรมชั้นเอก ปี 2549-2566 (เรียงตาม พ.ศ.).docx
by
สุเมธี ตี่พนมโอรัล / សុមេធី ទីភ្នំឱរ៉ាល់ (Sumedhi TyPhnomAoral)
ประมวลปัญหาและเฉลย นักธรรมชั้นเอก พ.ศ. 2544-2566.docx
by
สุเมธี ตี่พนมโอรัล / សុមេធី ទីភ្នំឱរ៉ាល់ (Sumedhi TyPhnomAoral)
สรุปวิชานักธรรมชั้นเอก ปี 2567 / สรุปวิชานักธรรมชั้นเอก ปี 2567
by
สุเมธี ตี่พนมโอรัล / សុមេធី ទីភ្នំឱរ៉ាល់ (Sumedhi TyPhnomAoral)
ปัญหาและเฉลยวิชาวินัยบัญญัติ นักธรรมชั้นโท ปี 2549 - 2566 (เรียงตาม พ.ศ.).docx
by
สุเมธี ตี่พนมโอรัล / សុមេធី ទីភ្នំឱរ៉ាល់ (Sumedhi TyPhnomAoral)
ปัญหาและเฉลยวิชาอนุพุทธประวัติ นักธรรมชั้นโท ปี 2549 - 2566 (เรียงตาม พ.ศ.).docx
by
สุเมธี ตี่พนมโอรัล / សុមេធី ទីភ្នំឱរ៉ាល់ (Sumedhi TyPhnomAoral)
ปัญหาและเฉลยวิชาธรรม นักธรรมชั้นโท ปี 2549 - 2566 (เรียงตาม พ.ศ.).docx
by
สุเมธี ตี่พนมโอรัล / សុមេធី ទីភ្នំឱរ៉ាល់ (Sumedhi TyPhnomAoral)
ประมวลปัญหาและเฉลย นักธรรมชั้นโท พ.ศ. 2544 - 2566.docx
by
สุเมธี ตี่พนมโอรัล / សុមេធី ទីភ្នំឱរ៉ាល់ (Sumedhi TyPhnomAoral)
สรุปวิชานักธรรมชั้นโท ปี 2567 / สรุปวิชานักธรรมชั้นโท ปี 2567
by
สุเมธี ตี่พนมโอรัล / សុមេធី ទីភ្នំឱរ៉ាល់ (Sumedhi TyPhnomAoral)
4_ปัญหาและเฉลยข้อสอบบาลีสนามหลวง วิชา แปลไทยเป็นมคธ ประโยค ป.ธ.4 (2505-2567).pdf
by
สุเมธี ตี่พนมโอรัล / សុមេធី ទីភ្នំឱរ៉ាល់ (Sumedhi TyPhnomAoral)
3_ปัญหาและเฉลยข้อสอบบาลีสนามหลวง วิชา สัมพันธ์ไทย ประโยค ป.ธ.3 (2500-2567).pdf
by
สุเมธี ตี่พนมโอรัล / សុមេធី ទីភ្នំឱរ៉ាល់ (Sumedhi TyPhnomAoral)
3_ปัญหาและเฉลยข้อสอบบาลีสนามหลวง วิชา แปลมคธเป็นไทย ประโยค ป.ธ.3 (2500-2567).pdf
by
สุเมธี ตี่พนมโอรัล / សុមេធី ទីភ្នំឱរ៉ាល់ (Sumedhi TyPhnomAoral)
3_ปัญหาและเฉลยข้อสอบบาลีสนามหลวง วิชา บุรพภาค ประโยค ป.ธ.3 (2500-2567).pdf
by
สุเมธี ตี่พนมโอรัล / សុមេធី ទីភ្នំឱរ៉ាល់ (Sumedhi TyPhnomAoral)
3_ปัญหาและเฉลยข้อสอบบาลีสนามหลวง วิชา บาลีไวยากรณ์ ประโยค ป.ธ.3 (2500-2567).pdf
by
สุเมธี ตี่พนมโอรัล / សុមេធី ទីភ្នំឱរ៉ាល់ (Sumedhi TyPhnomAoral)
มังคลัตถวิภาวินี ไขสงสัยให้นักเรียน ป.ธ.๕.pdf
2.
มังคลัตถวิภาวินี ไขสงสัยใหนักเรียน ป.ธ. ๕ ๏ พระมหานพพร
อริยาโณ (สีเนย) อธิบายศัพทและสำนวน มังคลัตถทีปนี ภาคที่ ๒ ประโยค ป.ธ.๕
3.
มังคลัตถวิภาวินี : ไขสงสัยใหนักเรียน
ป.ธ. ๕ © พระมหานพพร อริยาโณ (สีเนย) ISBN 978-616-382-960-3 พิมพครั้งที่ ๑ - มิถุนายน ๒๕๕๘ ๔๐๐ เลม เผยแพรออนไลน ทาง facebook, สิงหาคม ๒๕๖๕ - ตนฉบับ พิมพครั้งที่ ๑ สูญหาย คงเหลือแตสวนเนื้อหา ไดพิมพทดแทนสวนที่สูญหายไปในคราวเผยแพรออนไลน ผูออกแบบปก : Phu-Best-Design.com พิสูจนอักษร : พระมหาสงวน สุทฺธิาโณ จัดทำโดย : พระมหานพพร อริยาโณ (สีเนย) โรงพิมพ์ : บริษัท พิมพสวย จำกัด ๕/๕ ถ. เทศบาลรังสฤษฎเหนือ แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กทม. ๑๐๙๐๐ โทร. ๐ ๒๙๕๓ ๙๖๐๐ ทีติดต่อ : คณะ ๗ วัดอรุณราชวราราม แขวงวัดอรุณ เขตบางกอกใหญ กทม. ๑๐๖๐๐ โทร. ๐ ๙๕๑๓๙ ๙๓๓๒
4.
อนุโมทนา พลเรือเอกชัยณรงค เจริญรักษ และคุณฐิติมา
วิทยานนทเอกทวี โดยการดำริและประสานงานของคุณภาณุวัฒณ มีสัตย ไดแจงความ ประสงคขอเปนเจาภาพพิมพหนังสือ มังคลัตถวิภาวินี : ไขสงสัยใหนักเรียน ป.ธ.๕ เพื่อถวายแดนักเรียน กับทั้งเพื่อเปนการบำเพ็ญธรรมวิทยาทาน ใหกวางขวางยิ่งขึ้นไป การพิมพหนังสือเลมนี้ สืบเนื่องกับหนังสือเลมกอน คือในคราวพิมพ มงคลวิเสสกถาปกาสินี (พิมพครั้งที่ ๓) ผูเขียนนี้กำชับวา ใหพิมพจำนวน จำกัดแค ๓๐๐ เลมก็พอ เพราะตองการแกไข/เพิ่มเติมอีก ในคราวนั้น ทราบวา มีโยมจำนวนหนึ่งพลาดโอกาสเปนเจาภาพ เพราะไดจำนวนเลมหนังสือเต็มอัตราที่กำหนดแลว และโยมดังกลาวนั้น ก็ถามถึงหนังสือที่กำลังรอพิมพ พรอมแจงความประสงคเปนเจาภาพไว ประจวบกับเวลานั้นหนังสือ มังคลัตถวิภาวินี กำลังเริ่มตนขึ้น จึงแจงไปยังคุณภาณุวัฒน ขอใหโยมรอพิมพหนังสือเลมนี้เปนลำดับตอไป และทางฝายอาตมภาพเองก็ขอเวลาจัดทำตนฉบับใหสำเร็จ เวลาลวงเลยมาจนกระทั่งบัดนี้ เปดภาคการศึกษาใหมแลว ตนฉบับ หนังสือจึงสำเร็จ พรอมจะเขาโรงพิมพใหเสร็จออกมาดวยทุนพิมพหนังสือ ที่คุณภาณุวัฒน รวบรวมมาไวพรอมแลว (๒๒,๐๐๐ บาท) ขออนุโมทนาคณะผูศรัทธาในธรรมทุกทาน ที่สนับสนุนการศึกษา พระปริยัติธรรมแผนกบาลีในครั้งนี้ ดวยอำนาจบุญจริยาที่รวมกันบำเพ็ญ แลว จงเปนปจจัยเพื่อความเจริญในกุศลธรรม และเพื่อความตั้งมั่นแหง พระสัทธรรมตลอดกาลนาน พระมหานพพร อริยาโณ (สีเนย) ๕ มิ.ย. ๒๕๕๘
5.
คำนำ ในตอนตนหนังสือ มังคลัตถทีปนี ทานวา
พระสูตรทั้งหลายเกิดขึ้น เพราะเหตุ ๔ ประการ ไดแก (๑) เกิดเพราะความประสงคจะทรงแสดง ธรรมตามอัธยาศัยของพระพุทธเจาเอง (๒) เกิดเพราะอัธยาศัยของผูอื่น (๓) เกิดเพราะคำถา และ (๔) เกิดเพราะมีเหตุการณปรากฏขึ้น บรรดาเหตุ ๔ ประการนี้ มงคลสูตร ซึ่งเปนที่มาของหนังสือ มังคลัตถทีปนี นั้น เกิดเพราะคำถาม แมหนังสือ มังคลัตถวิภาวินี : ไขสงสัย ใหนักเรียน ป.ธ.๕ นี้ก็เกิดขึ้นเพราะคำถามเชนกัน ดังจะเลาตอไป ในระหวางการเรียนการสอน วิชา แปลมคธเปนไทย ชั้นประโยค ป.ธ.๕ ป พ.ศ. ๒๕๕๗-๒๕๕๘ ที่สำนักเรียนวัดอรุณราชวราราม นักเรียน มีขอสงสัยตรงไหน ก็นำขอสงสัยนั้นมาถามอาจารย ฝายอาจารยเมื่อไดรับคำถามแลว ก็ตอบไปตามกำลัง หรือขอโอกาส เก็บไวตอบในภายหลัง และหลังจากตอบคำถามนั้นแลว ก็มักจะนำมาจด บันทึกไว พรอมคนควาหาคำตอบเพิ่มเติมจากคัมภีรตางๆ จนถึงสิ้นป การศึกษา คำถามและคำตอบ ก็มีจำนวนมากพอสำหรับพิมพเปนเลม หนังสือ ดังที่ปรากฏนี้เอง เนื้อหาในหนังสือเลมนี้ นอกจากจะมุงตอบคำถามใหนักเรียน มีความรูเพียงพอสำหรับสอบบาลีสนามหลวง คือมุงอธิบายหลักบาลี ไวยากรณ เปนตนแลว ยังมุงใหนักเรียนมีความรูทั่วถึง สมภูมิชั้น ป.ธ.๕ ฉะนั้น เนื้อหาบางตอนจึงเปนความรูใหมสำหรับนักเรียน เชน สังขยา ๕ ประเภท ชื่อชนบทนิยมเปนพหุวจนะ บทวา มหา เปน ๓ ลิงค เปนตน และขอใหนักเรียนศึกษาไวเปนความรูพิเศษ ซึ่งจะชวยเสริมให เขาใจบทเรียนมากขึ้น พระมหานพพร อริยาโณ (สีเนย) ๕ มิ.ย. ๒๕๕๘
6.
สารบัญ เรื่อง หนา อนุโมทนา ก คำนำ
ข สารบัญ ค อักษรยอชื่อคัมภีร ฏ ปฺจมคาถายตฺถวณฺณนา ๑ ทานกถา ๑ ทปฺปนฺติ ๑ วิกฺขาเลตฺวา ๑ กปฺเปตา ๒ ปฏิ ๒ สงฺเฆ ทินฺนทกฺขิณาป ๓ สนฺโต ๔ ยทิ ศัพทใชเปน วิกปฺปตฺถ ๖ ยสสฺส [ยโส-อสฺส] ๗ วิคาหติ ๗ วิเนยฺย ๙ ทีฆรตฺตํ ๙ สหพฺเยติ ๙ อาณาเปสิ ๙ ปติปตามหาทีหิ ๑๐ อภิฺเยฺยา, ปริฺเญยฺยา ๑๑ อานิสํโส มหา ๑๒
7.
เจตสา มนสา ๑๒ ยตสฺสา
วิมุตฺตายตนภาโว ๑๓ ธมฺมจริยากถา ๑๖ ติวิธํ : วิภัตติและวจนะวิปลาส ๑๖ เถยฺยสงฺขาตํ ใชในอรรถกรณะ ๑๖ โปรี ๑๗ ยิฏํ : ต ปจจัยใชเปนนามนาม ๑๗ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา : วัณณสนธิ ๑๘ ปจฺจตฺตวจนํ : ชื่อพิเศษของวิภัตติทั้ง ๗ ๑๙ อิตฺถนฺนามํ ๒๐ สุกุมารา แปลวา ออนโยน ๒๐ ปุถุวจน = พหุวจนะ ๒๑ ภาวนปุสกนิทฺเทโส = กิริยาวิเสสนะ ๒๑ ชาต ศัพท เปนตน ใชเปน วจนสิลิฏก, สกตฺถ ๒๒ วิภาเวนฺติยา ๒๓ เกวล ศัพท ๒๓ อโหปุริสิกา ๒๕ วาทสฺส ตัดบทเปน วาโท+อสฺส, ภวสาโร ๒๕ โคพลิพัททนัย ๒๖ าตกสงฺคหกถา ๒๗ ปตามโห ลง อามห ปจจัย ๒๗ ปตา จ...เตสํ ยุโค ปตามหยุโค ๒๗ ปุริสคฺคหณฺเจตฺถ...สมตฺถิตํ โหติ ๒๗ ปตา จ...ปตามหทฺวนฺทาติ ๒๘ โกเลยฺยกา ๒๘
8.
ทฺวิชสงฺฆา, ทิโช ๒๘ อนวชฺชกมฺมกถา
๒๙ อนสนสงฺขาโต อุปวาโส ๒๙ ปสนฺนมานโส ๒๙ มหาชนปทานํ : ชื่อแควน นิยมเปนพหุวจนะ ๓๐ เสยฺยถีทํ ๓๒ กุ ในคำวา กุราชภาเวน ๓๒ ปฺจงฺคิกํ ตุริยํ = ดนตรีมีองค ๕ ๓๔ มรุกนฺตาร = ทะเลทราย ๓๔ กามทุโห ๓๕ อจฺฉสิ ๓๕ วิมลาทีสุ ๓๕ ฉคาถายตฺถวณฺณนา ๓๖ ปาปวิรติมชฺชปานสํยมกถา ๓๖ อวฺหย=ชื่อ ๓๖ ยโต : โต ปจจัยเปนเครื่องหมาย ๕ วิภัตติ ๓๖ วชฺช=คำพูด ๓๗ อโวจ ๓๗ ตชฺชํ ๓๗ อนุวิธิยนาสุ ๓๘ วิลียติ ๓๙ สปตฺตา ๓๙ เผณุทฺเทหกํ ๔๐ เยสํ โน = เย มยํ ๔๐ มาริส ๔๑
9.
นาวหเร, ภเณ=น อวหรติ,
ภรติ ๔๒ อุปนาเมสิ ๔๒ ลทฺธาน ๔๓ เสหิ ๔๓ วารุณี : ษีเมาน้ำดอง ๔๓ อปฺปมาทกถา ๔๔ โยณฺณวา : สังเกตสังขยา ๔๕ สังขยา ๕, ๖ และ ๗ ประเภท ๔๗ สตฺตมคาถายตฺถวณฺณนา ๕๒ คารวกถา ๕๒ ปณฺฑุปลาส ๕๒ วตฺตํ/วฏฏํ แปลวา คาใชสอย ๕๒ ธมฺมสฺส โกวิทา : หักฉัฏฐีเปนสัตตมี ๕๔ นิวาตกถา ๕๕ เกสรสีหา : ในราชสีห ๔ ประเภท ๕๕ สนฺตุิกถา ๕๖ อิติ มาสฑฺฒ...วิตกฺกสนฺโตโส นาม ๕๖ หายติ ๕๖ ปฺาเปสิ : เปนทั้ง กัตตุ. และ เหตุ.กัต.? ๕๘ ปริสฺสยานํ สหิตา ๕๙ กปฺป ศัพท : ใชในอรรถเปรียบเทียบ ๕๙ นิทฺธเม=นิทฺธเมยฺย ๕๙ กตฺุตากถา ๖๐ ทเท=ททามิ, มฺุเจ=มฺุจามิ ๖๑
10.
คตโยพฺพนา ๖๑ อนฺธการํ วิย
๖๑ อนฺธการาวตฺถํ ๖๑ ตโตเยว ใชในอรรถเหตุ ๖๒ อมฺพณก=เรือโกลน ๖๒ สหตฺถา : ศัพทที่แปลงเปน ส ๖๓ อภิราธเย ๖๔ ทชฺชา ๖๔ ธมฺมสฺสวนกถา ๖๕ อหนิ=ในวัน ๖๕ อุปฺปชฺชนฺตาป...วุจฺจนฺติ ๖๕ กุสโล เภริสทฺทสฺส, กุสโล สงฺขสทฺทสฺส ๖๖ ปุตฺตกํ : ก ปจจัยแปลไดหลายอยาง ๖๖ มา กโรสิ : วิธีการใช มา ปฏิเสธ ๖๖ มํ น ปฏิภาติ : หักทุติยาเปนจตุตถีและฉัฏฐีวิภัตติ ๖๘ กานนํ = ดง ปา หมูไม ๗๐ ปาทป=ตนไม ๗๐ ปริปูเรนฺติ ๗๐ ทริโต ๗๑ อมคาถายตฺถวณฺณนา ๗๒ ขนฺติกถา ๗๒ ทสหิ อกฺโกสวตฺถูหิ : อักโกสวัตถุ ๑๐ ๗๒ พหุ อตีตมทฺธาเน : พหุ ควรเปน อหุ ๗๓ ยสฺสทานิ=ยสฺส อิทานิ ๗๓ ทุรุตฺตํ=คำพูดชั่ว ๗๓
11.
อวีจิมหานิรยํ ปจฺจเวกฺขิตฺวา: อักษรหาย
ความหมายเปลี่ยน ๗๔ วโจ : แปลง อํ ทุติยาวิภัตติ เปน โอ ๗๘ ตสฺสา อตฺถิตายาติ ๗๘ ขตฺติยวคฺคฏีกา ๗๙ จกฺกาทิติกํ ๘๐ ตสฺเสว เตน ปาปโย ๘๐ ปาปกตรสฺส ๘๑ ตตฺถิโตเยว ๘๓ เวเทหิกา ๘๓ คหปตานี ๘๓ อผาสุ, อผาสุกํ ๘๔ อยฺเย ในคำวา ปสฺสถยฺเย ๘๔ ยโต=ยทา ๘๕ โสรโต ๘๕ กุรุรา/กุรูรา ๘๕ โสวจสฺสตากถา ๘๖ สุวโจ ๘๖ โสวจสฺสํ ๘๖ โสวจสฺสตา ๘๖ ปุรกฺขิตฺวา ๘๖ วิปฺปจฺจนีกสาเต : ทันตเฉทนนัย/ทันตโสธนนัย ๘๖ อนุโลมสาเต ๘๗ ขโม ๘๘ ขนฺตา ๘๘ ปฏานิภาเวน ๘๘
12.
วิเสสาธิคมสฺส ทูเร/อทูเร ๘๘ กตฺวา
เปนกิริยาปธานนัย ๙๐ อกโรนฺตา จตสฺโส ปริสา: อกโรนฺตา/อกโรนฺตี ? ๙๐ จตูสุ อปาเยสุ [อบาย ๔] ๙๑ ปฺจวิธพนฺธนกมฺมกรณานาทีสุ ๙๒ กาหนฺติ ๙๒ สมณทสฺสนกถา ๙๓ ตถาสมาหิตํ ๙๓ อชฺฌุเปกฺขิตา ๙๓ นิสินฺนสฺส ๙๓ ตตฺถาป ตโต ๙๓ สตสหสฺสมตฺตา ๙๓ มหินฺท...ปพฺพชนฺติ นาม ๙๔ ปาตุกมฺมาย ๙๔ อตีวมหา : บทวา มหา เปนได ๓ ลิงค ๙๕ อฑฺฒรตนํ ๙๖ นาค ศัพทเดียว แปลไดหลายอยาง ๙๖ วิธีแปล ขมนียํ/ยาปนียํ ๙๗ นิทฺทํ อุปคตสฺส ๙๗ ฑยฺหามิ ๙๘ ธมฺมสากจฺฉากถา ๙๘ นวมคาถายตฺถวณฺณนา ๙๙ ตปกถา ๙๙ ขนฺตี ปรมํ ตโป ตีติกฺขา : วิเสสลาภี ๙๙ ตีติกฺขา ๙๙
13.
มหาหํสชาตก ๙๙ ยตฺวาธิกรณเมนํ ๑๐๐ หตฺถปาทสิตหสิตกถิตวิโลกิตาทิเภทํ:
ต ปจจัย ๔ สาธนะ ๑๐๑ หิ ศัพท ๑๐๒ ยถา=ยสฺมา ๑๐๓ อกมฺมฺโ ๑๐๔ มฺเ=วิย ๑๐๔ พฺรหฺมจริยกถา ๑๐๕ อหฺจ ภริยา จ : ปโรปุริส ๑๐๕ อริยสจฺจทสฺสนกถา ๑๐๖ ทุกฺขํ อริยสจฺจํ : วิเสสลาภี ๑๐๖ ภวา ๑๐๖ นิพฺพานสจฺฉิกิริยากถา ๑๐๗ กฺจิ ธมฺมํ อุปาทิยติ : แปลแลวยกขึ้นตั้งอรรถ ๑๐๗ อาลมฺเพติ ๑๐๘ อาโท ลง สฺมึ สัตตมีวิภัตติ ๑๐๘ ทสมคาถายตฺถวณฺณนา ๑๐๙ อกมฺปตจิตฺตกถา ๑๐๙ อุปายาเสหิ : อุปายาส คืออะไร ๑๐๙ อโสกจิตฺตกถา ๑๑๑ อนฺโต ลงแลวลบวิภัตติ ๑๑๑ ฌาเปสิ ๑๑๒ อาคา ๑๑๓ กาลกเต ๑๑๓
14.
ตสฺส [ตํ อสฺส]
๑๑๓ ปริณเต ๑๑๔ วิรชจิตฺตกถา ๑๑๕ ภยมนฺตรโต ๑๑๕ เขมจิตฺตกถา ๑๑๖ ราชฺโ ๑๑๖ อิยตมกิเอสานมนฺตสฺสโร ๑๑๖ เอกาทสมคาถายตฺถวณฺณนา ๑๒๑ คจฺเฉ ๑๒๑ อุรุ ศัพท ในคำวา สิรฺยาทิมงฺคลภิธานยุโตรุเถโร ๑๒๑ บันทึกทายเลม ๑๒๒ บรรณานุกรม ๑๒๓ หนังสือที่พิมพเปนทาน ๑๒๗ รายนามผูรวมพิมพหนังสือ ๑๒๘
15.
ปญฺจมคาถายตฺถวณฺณนา ทานกถา -๐- ทปฺปนฺติ (มงฺคล. ๒/๔/๓)๑ ทปฺปนฺติ
ในหนังสือมังคลัตถทีปนี ภาคที่ ๒ ขอ ๔ หนา ๓ แปลวา งมงาย ใชในอรรถเดียวกันกับ มุยฺหนฺติ (ลุมหลง) ทปฺปนฺติ [ทปู+ย+อนฺติ] ยอมงมงาย ประกอบดวย ทปู ธาตุในความ หัวเราะ, กระดาง, โออวด (หาสคพฺพเน)๒ ย ปจจัยในกัตตุวาจก หมวด ทิว ธาตุ อนฺติ วัตตมานาวิภัตติ, บางอาจารยวา ทปฺ ธาตุ แปลง ปฺย เปน ปฺป๓ วิกฺขาเลตฺวา (มงฺคล. ๒/๑๕/๙) นักเรียนสงสัยวา วิกฺขาเลตฺวา ในมังคลัตถทีปนี ภาค ๒ ขอ ๑๕ หนา ๙ เปนวาจกอะไร วิกฺขาเลตฺวา ในที่ดังกลาว เปน เหตุกัตตุวาจก, ความจริง มีผูอธิบาย วิกฺขาเลตฺวา วาเปนไดทั้ง กัตตุวาจก และเหตุกัตตุวาจก วิกฺขาเลตฺวา [วิ+ขลฺ+เณ+ตฺวา] ที่เปนเหตุกัตตุวาจก แปลวา ยัง...ใหบวนแลว ประกอบดวย วิ บทหนา ขล ธาตุในความชำระ๔ ดวย อำนาจ วิ อุปสัคอยูหนา แปลวา บวน เณ ปจจัยในเหตุกัตตุวาจก ตฺวา ๑ ในวงเล็บ=(หนังสือมังคลัตถทีปนี พิมพครั้งที่ ๑๕ พ.ศ. ๒๕๔๙, ภาคที่ ๒/ขอ/หนา) ๒ พระวิสุทธาจารมหาเถระ รจนาที่พมา, พระราชปริยัติโมลี (อุปสโม) และคณะ ปริวรรต, ธาตวัตถสังคหปาฐนิสสยะ, (กรุงเทพฯ: มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย, ๒๕๓๕), คาถา ๑๘๐ หนา ๑๘๔. ๓ พันตรี ป. หลงสมบุญ, พจนานุกรมกิริยาอาขยาต ฉบับธรรมเจดีย, (กรุงเทพฯ: เรืองปญญา, ๒๕๔๕), หนา ๑๓๐. ๔ ขล โสธนมฺหิ, ดู ธาตวัตถสังคหปาฐนิสสยะ, คาถา ๗๙ หนา ๗๗.
16.
มังคลัตถวิภาวินี ๒ ปจจัย ดวยอำนาจ เณ
ปจจัย ทีฆะ อ ตนธาตุเปน อา ลบ ณ เหลือไวแต เอ สำเร็จรูปเปน วิกฺขาเลตฺวา สวนที่เปน กัตตุวาจก นั้นมีองคประกอบเหมือน เหตุกัตตุวาจก แปลก แต ลง เณ ปจจัยในกัตตุวาจก เทานั้น๑ กปฺเปตา (มงฺคล. ๒/๒๑/๑๓) กปฺเปตา ศัพทเดิมเปน กปฺเปตุ (ผูสำเร็จ) แจกแบบ สตฺถุ เอา อุ การันต กับ สิ เปน อา๒ เพราะอำนาจ สิ วิภัตติ จึงแปลงสระทายเปน อา และลบ สิ วิภัตติ ดวยสูตรวา สตฺถุปตาทีนมา สิสฺมึ สิโลโป จ๓, ศัพทวา อาทาตา, สนฺธาตา, อนุปฺปทาตา เปนตน (มงฺคล.๒/๕๕/๔๗-๔๘) ก็พึงทราบโดยนัยนี้ ปฏิ (มงฺคล. ๒/๒๑/๑๕) ปฏิ ในขอวา ปฏิ ปจฺเจโก ปุคฺคโล ปฏิปุคฺคโล เปนอัพยยศัพท จึงไม เปลี่ยนรูปไปตามวิภัตติ ในที่นี้ตองการใช ปฏิ ศัพท ขยาย ปุคฺคโล (พึงสังเกตทานไขความวา ปจฺเจโก) จึงลง สิ ปฐมาวิภัตติแลวลบเสีย ทั้งนี้มีหลักการทั่วไปวา ใหลบ วิภัตติหลังอุปสัคและนิบาต๔ ๑ บุญสืบ อินสาร, พจนานุกรมบาลี-ไทย ธรรมบทภาค ๑-๔, (กรุงเทพฯ: มูลนิธิ สงเสริมสามเณร ในพระสังฆราชูปถัมภ วัดพระราม ๙ กาญจนาภิเษก, ๒๕๕๕), หนา ๖๙๗. ๒ สมเด็จพระมหาสมณเจา กรมพระยาวชิรญาณวโรรส, บาลีไวยากรณ วจีวิภาค ภาคที่ ๒ นามและอัพยยศัพท, (กรุงเทพฯ: มหามกุฏราชวิทยาลัย, ๒๕๓๑), หนา ๖๑. ๓ พระคันธสาราภิวงศ แปลและอธิบาย, ปทรูปสิทธิมัญชรี เลม ๑ , (นครปฐม: มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตบาีศึกษาพุทธโฆส, ๒๕๔๗), หนา ๕๑๕. ๔ กจฺจายน. สูตร ๒๒๑, รูปสิทฺธิ. สูตร ๒๘๒, สัททนีติสุตตมาลา, สูตร ๔๔๘.
17.
พระมหานพพร อริยาโณ (สีเนย์)
๓ สงฺเฆ ทินฺนทกฺขิณาปิ (มงฺคล. ๒/๒๑/๑๖) สัตตมีวิภัตติที่สัมพันธเขากับ ทา ธาตุ ใหใชในอรรถสัมปทาน คือหัก สัตตมีวิภัตติเปนจตุตถีวิภัตติ แปลวา แก๑ หลักการลงสัตตมีวิภัตติในอรรถสัมปทานนี้ ปรากฏใชในที่ ประกอบดวย ทา ธาตุเทานั้น เพราะ ทา ธาตุ เปนธาตุที่มองหาสัมปทาน๒ ฉะนั้น สัตตมีวิภัตติดังจะแสดงตอไปนี้จึงลงในอรรถจตุตถีวิภัตติ แปลวา แก ปฏิปนฺเน ทินฺนทานสฺส (มงฺคล. ๒/๒๑/๑๓) ทานที่ทายกให แกบุคคลผูปฏิบัติ โสตาปนฺนาทีสุ ทินฺนทานสฺส (มงฺคล. ๒/๒๑/๑๓) ทานที่ทายกถวาย แกพระโสดาบัน เปนตน ตตฺถ ทินฺนํ (มงฺคล. ๒/๒๑/๑๔,๑๕) ทานที่ทายกถวาย แกปฏิคาหกนั้น ตตฺถ ตตฺถ ทินฺนสฺส (มงฺคล. ๒/๒๑/๑๕) ทานที่ทายกถวายแกปฏิคาหกนั้นๆ สงฺเฆ ทินฺนทกฺขิณาป (มงฺคล. ๒/๒๑/๑๖) แมทักษิณาที่ทายกถวาย แกสงฆ ปุถุชฺชนสมเณ ทินฺนํ มหปฺผลตรํ (มงฺคล. ๒/๒๑/๑๖, ๑๗) ทานที่ทายกถวาย แกสมณะผูเปนปุถุชน มีผลมากกวา ขีณาสเว ทินฺนทานโต (มงฺคล. ๒/๒๑/๑๖, ๑๗) กวาทานที่ทายกถวาย แกพระขีณาสพ ทุสฺสีเลป ทินฺนํ มหปฺผลตรํ (มงฺคล. ๒/๒๑/๑๖, ๑๗) ทานที่ทายกถวาย แมแกสมณะผูทุศีล ๑ กจฺจายน.สูตร ๓๑๑, สัททนีติสุตตมาลา, สูตร ๖๔๒, รูปสิทฺธิ. สูตร ๓๒๕. ๒ ปทรูปสิทธิมัญชรี เลม ๑, หนา ๑๑๓๐.
18.
มังคลัตถวิภาวินี ๔ สนฺโต (มงฺคล. ๒/๒๓/๑๘) สนฺโต
ในมังคลัตถทีปนี ภาค ๒ ขอ ๒๓ หนา ๑๘ เปนพหุวจนะ ถา นักเรียนไมศึกษาใหทั่วตลอดหรือผูสอนไมแนะนำ อาจจะเขาใจผิดคิดวาเปน เอกวจนะ เพราะเทียบกับแบบแจก อ การันตในปุงลิงค ที่จริง สนฺโต ในที่นี้เปน พหุวจนะ ใชเปน วิเสสนะ ของ สปฺปุริสา มี แบบแจกเฉพาะที่นักเรียนไมคุนเคย จึงนำมาแสดงไว ดังนี้ สนฺต ศัพท แจกอยางนี้ สนฺตสทฺทปทมาลา๑ วิภัตติ เอกวจนะ พหุวจนะ ป. สํ (สนฺโต)๒ สนฺโต สนฺตา ทุ. สํ สนฺตํ สนฺเต ต. สตา สนฺเตน สนฺเตหิ สนฺเตภิ สพฺภิ จ. สโต สนฺตสฺส สนฺตานํ สตํ สตานํ ปฺ สตา สนฺตา สนฺตสฺมา สนฺตมฺหา สนฺเตหิ สนฺเตภิ สพฺภิ ฉ. สโต สนฺตสฺส สนฺตานํ สตํ สตานํ ส. สติ สนฺเต สนฺตสฺมึ สนฺตมฺหิ สนฺเตสุ อา. โภ สนฺต ภวนฺโต สนฺโต ๑ พระอัครวังสเถระ รจนา, พระมหานิมิตร ธมฺมสาโร และจำรูญ ธรรมดา แปล, สัททนีติปทมาลา, (นครปฐม: มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตบาี- ศึกษาพุทธโฆส, ๒๕๔๖), หนา ๕๖๘. ๒ อาจารยบางทานกลาววา สนฺโต ไมควรเปนเอกวจนะ เพราะทานอธิบายไวใน คัมภีรสัททนีติปทมาลา (ฉบับแปล หนา ๕๗๐) วา บทวา สนฺโต อสนฺโต ใชเปนพหุพจน เทานั้น ไมมีใชเปนเอกพจนแมสักแหง
19.
พระมหานพพร อริยาโณ (สีเนย์)
๕ ในหนังสือมังคลัตถทีปนี ที่อางถึงนี้ ปรากฏ สนฺต ศัพทในขอความวา ปุน จปรํ สีห ทายกํ ทานปตึ สนฺโต สปฺปุริสา ภชนฺติ ยมฺป สีห ทายกํ.... ภชนฺติ อิทมฺป สีห สนฺทิ€ิกํ ทานผลํ ฯ [สีหะ ขออื่นยังมีอีก สัตบุรุษทั้งหลายผูสงบระงับ ยอมคบทายก ทานบดี, สีหะ ขอที่สัตบุรุษทั้งหลายผูสงบระงับคบทายกทานบดี แมนี้ เปน ผลแหงทานที่เห็นไดเอง] สนฺต ศัพท ในที่นี้แปลวา ผูสงบระงับ ซึ่งเปนเพียงความหมายหนึ่งใน หลายความหมาย ที่จริง สนฺต ศัพท มีความหมายมากถึง ๗ อยาง ไดแก อจฺจิเต วิชฺชมาเน จ ปสตฺเถ สจฺจสาธุสุ ขินฺเน จ สมิเต เจว สนฺโตภิเธยฺยลิงฺคิโก ฯ๑ สนฺต ศัพท ที่เปนอภิเธยยลิงคคือเปนไดทั้ง ๓ ลิงค มีอรรถ ๗ อยาง คือ ๑) อจฺจิต การบูชา ๒) วิชฺชมาน ความมีอยู ๓) ปสตฺถ การสรรเสริญ ๔) สจฺจ ความจริง ๕) สาธุ คนดี ๖) ขินฺน ความลำบากหรือความเหน็ดเหนื่อย ๗) สมิต ความสงบจากกิเลส สนฺต ศัพท ที่แปลวา ผูสงบ นี้วิเคราะหวา กิเลเส สเมตีติ สนฺโต (สมุ อุปสเม+ต) ผูระงับกิเลส ชื่อวา สันตะ (อาเทศ มฺ เปน นฺ) ๑ พระมหาสมปอง มุทิโต, อภิธานวรรณนา, พิมพครั้งที่ ๒, (กรุงเทพฯ: บริษัท ประยูรวงศพริ้นทติ้ง, ๒๕๔๗), คาถา ๘๔๑, ๒๒๘ หนา ๙๘๙, ๓๑๐.
20.
มังคลัตถวิภาวินี ๖ ยทิ ศัพทใชเปน วิกปฺปตฺถ
(มงฺคล.๒/๒๓/๑๘) นักเรียนคอนขางคุนเคย ยทิ ศัพท ที่เปนนิบาตบอกปริกัป (คาดคะเน) ลงในอรรถ ปริกปฺปตฺถ ที่แปลวา ผิวา, ถาวา, หากวา ที่จริง ยทิ ศัพทลงในอรรถอื่นก็ได ในที่บางแหง ยทิ ศัพทลงในอรรถแหง วา ศัพท คือลงในอรรถที่เปน วิกปฺปน (วิกปฺปตฺถ)๑ แปลวา ก็ดี, ก็ตาม, หรือ เชน ยทิ ศัพท ในมังคลัตถ- ทีปนี ภาคที่ ๒ ขอ ๒๓ หนา ๑๘ ไมไดลงในอรรถ ปริกปฺปตฺถ ไมควรแปลวา ผิวา แตลงในอรรถแหง วา ศัพท ตองแปลวา ก็ดี, ก็ตาม, หรือ; ขอความ ดังกลาวเปนพุทธพจนมาในสีหสูตรนำมาแสดงไวดังนี้วา »Ø¹ ¨»Ã™ ÊÕË ทายโก ทานปติ ÂÚà·Ç »ÃÔÊ™ ÍØ»Ê§Ú¡ÁµÔ Â·Ô ¢µÚµÔ»ÃÔÊ™ Â·Ô ¾ÚÃÒËÚÁ³»ÃÔÊ™ Â·Ô ¤Ë»µÔ»ÃÔÊ™ Â·Ô ÊÁ³»ÃÔÊ™ ÇÔÊÒÃâ· ÍØ»Ê§Ú¡ÁµÔ ÍÁ§Ú¡ØÀÙâµ...Ï [สีหะ ขออื่นยังมีอีก ทายกทานบดีจะเขาไปยังบริษัทใดๆ จะเปน กษัตริยก็ตาม พราหมณก็ตาม คฤหบดีก็ตาม สมณะก็ตาม เปนผูแกลวกลา ไมเกอเขิน เขาไปยังบริษัทนั้น] สวนคำวา ÂÚà·Ç นั้น ตัดบทเปน ยํ-ยํ-เอว แปลงนิคหิต (ตัวหนา) กับ ย (ตัวหลัง) เปน ฺ แลวซอน ò เปน ÂÚí-àÍÇ, แลวแปลง นิคหิต เปน ท เปน ÂÚà·Ç ๑ ดูใน จตุปทวิภาค สทฺทนีติ สุตฺตมาลา ทานวา ยทิอิติ กตฺถจิ วาสทฺทตฺเถ, (พระอัคควังสมหาเถระ รจนา, พระมหาประนอม ธมฺมาลงฺกาโร ปริวรรต, สทฺทนีติ สุตฺต- มาลา, กรุงเทพฯ: ไทยรายวันการพิมพ, ๒๕๔๙, หนา ๓๘๙) ฉบับแปลดูที่ พระธรรมโมลี (สมศักดิ์ อุปสโม) ตรวจชำระ, สัททนีติสุตตมาลา, นครปฐม: มหาวิทยาลัย มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตบาีศึกษาพุทธโฆส, ๒๕๔๕, หนา ๑๒๗๙), ใน เชิงอรรถฉบับแปลที่อางทานวา ยทิ ที่ลงในอรรถ วา ศัพท คือลงในอรรถ วิกปฺปน ๒ ปทรูปสิทธิมัญชรี เลม ๑, หนา ๒๖๗.
21.
พระมหานพพร อริยาโณ (สีเนย์)
๗ ยสสฺส [ยโส-อสฺส] (มงฺคล.๒/๒๓/๑๘) ในคาถา ขอ ๒๓ วา ยสสฺส วฑฺฒติ [ยศของทายกนั้นยอมเจริญ] ยสสฺส ตัดบทเปน ยโส อสฺส จัดเปนโลปสระสนธิ สระอยูหลัง ลบ สระหนา ตอบทเปน ยสสฺส เชน กุโต+เอตฺถ=กุเตตฺถ๑ สอดคลองกับที่ทานอธิบายไวในอรรถกถาเถรคาถาวา ยสสฺส วฑฺฒตีติ สมฺมุเข คุณาภิตฺถวสงฺขาโต ปริวารสมฺปทาสงฺขาโต จ ยโส อสฺส ปริพฺรูหติ ฯ๒ [บทวา ยสสฺส วฑฺฒติ ความวา ยศกลาวคือความยกยองสรรเสริญคุณ ในที่ตอหนา และยศกลาวคือความถึงพรอมดวยบริวารยอมเพิ่มพูนแกผูนั้น] การตัดและตอบทดวยวิธีนี้ มีปรากฏในขอตอๆ ไป เชน ยตสฺสา [ยโต อสฺสา] (มงฺคล.๒/๕๒/๔๕) วาทสฺส [วาโท อสฺส] (มงฺคล.๒/๘๑/๗๑) ปาปกตรสฺส [ปาปกตโร อสฺส] (มงฺคล.๒/๔๓๑/๓๓๗) วิคาหติ (มงฺคล. ๒/๒๓/๑๙) ในมังคลัตถทีปนี ภาคที่ ๒ ขอ ๒๓ หนา ๑๘-๑๙ วา อมงฺกุภูโต ปริสํ วิคาหติ (ในคาถา) ในหนังสือเรียนบางเลมทานแปล วิคาหติ วา ไมเบียดเบียน สวนอีก เลม ทานแปล วิคาหติ วา เขาไป, นักเรียนสงสัยวา ควรแปลอยางไรดี ในคำแปลทั้งสองนั้น คำแปลวา เขาไป มีผูคนควาแลวพบขอมูล สนับสนุน สวนคำแปลวา ไมเบียดเบียน นั้น ยังหาขอมูลสนับสนุนไมพบ จึง ฝากใหนักศึกษาคนควากันตอไป; ขอมูลที่พบนั้น มีดังนี้ ๑ สัททนีติสุตตมาลา, สูตร ๓๐ หนา ๔๑. ๒ เถร.อ. ๒๑๒.
22.
มังคลัตถวิภาวินี ๘ ๑. ในพจนานุกรมบาลี-อังกฤษ ฉบับสมาคมบาลีปกรณ
(Pali Text Society) วา วิคาหติ แปลวา หยั่งลง, เขาไป (to plunge into, to enter)๑ และ พจนานุกรมบาลี-ไทยก็วา วิคาหติ ก. หยั่งลง๒ ๒. ในอรรถกถา ทานอธิบายศัพทใกลเคียงกับ วิคาหติ ไว เทาที่พบ ๒ แหง คือ ๒.๑) วิคาหิยาติ อนุปวิสิตฺวา ฯ๓ วิคาหิย แปลวา เขาไป ฯ ๒.๒) วิคาหิสุนฺติ...ปกฺขนฺทึสุ ฯ๔ ÇÔ¤ÒËÔÊØ™ แปลวา แลนไป ฯ ในขั้นนี้จึงยุติไดวา ขอใหนักเรียนแปล วิคาหติ วา เขาไป และขอ ระงับคำแปลวา ไมเบียดเบียน นั้นไวกอนจนกวาจะพบขอมูลอางอิง วิเนยฺย (มงฺคล. ๒/๒๓/๑๙) วิเนยฺย [วิ+นี+ตูนาทิ] ในมังคลัตถทีปนี ภาคที่ ๒ ขอ ๒๓ หนา ๑๙ เปนกิริยากิตก แปลวา นำออกแลว วิเนยฺย ประกอบดวย วิ บทหนา นี ธาตุในความนำไป (นี นย- ปาปุเณ)๕ แปลง อี เปน เอ แปลง ตูนาทิ ปจจัย เปน ย ซอน ย๖ ๑ T. W. Rhys Davids and William Stede, The Pali text Society Pali- English Dictionary, (London: The Pali Text Society, 2004) p. 615. ๒ พระอุดรคณาธิการ (ชวินทร สระคำ), ศ.พิเศษ ดร.จำลอง สารพัดนึก, พจนานุกรม บาลี-ไทย สำหรับนักศึกษา ฉบับปรับปรุงใหม, พิมพครั้งที่ ๖, (กรุงเทพฯ: บริษัท ธรรมสาร จำกัด, ๒๕๕๒), หนา ๔๑๘. ๓ สํ.อ. ๑/๓๖๑. ๔ ชา.อ. ๘/๒๘๖. ๕ ธาตวัตถสังคหปาฐนิสสยะ, คาถา ๒๑๕ หนา ๒๒๕. ๖ พันตรี ป. หลงสมบุญ, พจนานุกรมกิริยากิตตฉบับธรรมเจดีย, (กรุงเทพฯ: เรือง- ปญญา, ม.ป.ป.), หนา ๓๑๑.
23.
พระมหานพพร อริยาโณ (สีเนย์)
๙ ทีฆรตฺตํ (เชน มงฺคล. ๒/๒๓/๑๙) นักเรียนสงสัยวา ทำไมทานใชศัพทวา ทีฆรตฺตํ ไมใช ทีฆรตฺตึ, ผูเขียนนี้ จึงตอบวา ที่ทานใชศัพทวา ทีฆรตฺตํ เพราะมีหลักการดังตอไปนี้ รตฺติ ศัพท เมื่อนำไปสมาสกับศัพทอื่นที่บอกจำนวนหรือบอก ระยะเวลา เชน ทีฆ, อโห, วสฺส ใหลง อ ปจจัยที่สุดสมาสนั้น๑ รตฺติ จึง กลายเปน รตฺต เชน ทีฆรตฺต ในที่นี้ประกอบ อํ ทุติยาวิภัตติ จึงไดรูปเปน ทีฆรตฺตํ (ตลอดคืน ยาวนาน), คำวา อโหรตฺตํ ก็พึงทราบดวยหลักการเดียวกันนี้, (อห เปน มโนคณะ เมื่อสมาสเขาแลว ลบวิภัตติ เอาสระที่สุดของตนเปน โอ)๒ สหพฺเยติ (มงฺคล.๒/๒๖/๒๑) สหพฺเยติ=ยอมเปนไป, [สห+พฺเย ปวตฺติยํ+เอ+ติ], เชนวา สหพฺเยติ คจฺฉตีติ สหพฺโย ปรากฏในมังคลัตถทีปนี ภาคที่ ๒ ขอ ๒๖ หนา ๒๑ สหพฺเยติ แปลวา ยอมเปนไป ประกอบดวย สห บทหนา พฺเย ธาตุใน ความเปนไป (ปวตฺติยํ) หมวด ภู ธาตุ เอ ปจจัยในกัตตุวาจก ติ วัตตมานา- วิภัตติ๓ อาณาเปสิ (เชน มงฺคล. ๒/๓๒/๒๘) อาจารยในปจจุบันนิยมใหนักเรียนแปล อาณาเปสิ ที่เปนกัตตุวาจก วา สั่งบังคับแลว เพราะถือตามเฉลยขอสอบ วิชา สัมพันธไทย พ.ศ. ๒๕๔๐ ๑ โมคฺ. สูตร ๓.๔๕. ๒ สัททนีติสุตตมาลา, สูตร ๓๗๕ หนา ๒๖๘. ๓ ธาตวัตถสังคหปาฐนิสสยะ, คาถา ๒๖๒, หนา ๒๘๐ ; และดูใน พระอัครวังสเถระ รจนา พระธรรมโมลี ตรวจชำระ, สัททนีติธาตุมาลา, (นครปฐม: มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลง- กรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตบาีศึกษาพุทธโฆส, ๒๕๔๖), หนา ๓๗๕.
24.
มังคลัตถวิภาวินี ๑๐ ตรวจแกโดยกองบาลีสนามหลวง, แตถึงอยางไรก็ตาม มีอาจารยอธิบาย อาณาเปสิ
ที่เปนกัตตุวาจกไวอยางนอย ๒ นัย ไดแก ๑. อาณาเปสิ อาณ ธาตุ ในความใช-สั่งบังคับ (เปสเน)+ณาเป ปจจัย ในกัตตุวาจก (นอกแบบ)+อี อัชชัตตนีวิภัตติ ลง ส อาคม รัสสะ อี เปน อิ๑ ๒. อาณาเปสิ อา บทหนา+ณาป ธาตุในความใช (เปสเน)+เณ ปจจัย ในหมวด จุร ธาตุ+อี อัชชัตตนีวิภัตติ ลง ส อาคม รัสสะ อี เปน อิ๒ ปิติปิตามหาทีหิ(มงฺคล.๒/๓๘/๓๕) ปติปตามหาทีหิ [ปตุ+ปตามห+อาทิ+หิ ตติยาวิภัตติ] แปลวา (อัน ญาติทั้งหลาย) มีบิดาและปูเปนตน, ปติ ในที่นี้ไมไดแปลวา ปติ แตแปลวา บิดา ศัพทเดิมก็คือ ปตุ นั่นเอง แตเอาสระ อุ ที่ปตุ เปน อิ วิ. ปตุ ปตา ปตามโห บิดาของบิดา ชื่อวา ปตามหะ (ปู) ลง อามห ปจจัยในตัทธิต๓ วิ. ปตา จ ปตามโห จ ปติปตามหา บิดาดวย ปูดวย ชื่อวา ปติปตามหะ (เอา อุ ที่ ปตุ เปน อิ) เปน อสมาหารทวันทวสมาส วิ. »ÔµÔ»ÔµÒÁËÒ ÍÒ·â àÂÊí ൠ»ÔµÒÁËÒÍÒ·â ҵ¡Ò บิดาและปู เปนตน แหงญาติเหลาใด ญาติเหลานั้นจึงชื่อวา มีบิดาและปูเปนตน เปน ฉัฏฐีพหุพพิหิสมาส ๑ บุญสืบ อินสาร, พจนานุกรมบาลี-ไทย ธรรมบทภาค ๑-๔, ๒๕๕๕, หนา ๑๒๙. ๒ นิรุตติทีปนี, หนา ๕๔๘, อางถึงใน พระมหานิมิตร ธมฺมสาโร และคณะ, วิชา สัมพันธไทย ธรรมบทภาคที่ ๕ ฉบับแกไข/ปรับปรุง, (กรุงเทพฯ: ประยูรสาสนไทย การพิมพ, ๒๕๕๒), หนา ๗. ๓ โมคฺ. สูตร ๔.๓๘.
25.
พระมหานพพร อริยาโณ (สีเนย์)
๑๑ จุดที่ควรทำความเขาใจเปนพิเศษ อยูที่ ปติ เพราะมีหลักการวา สระ ที่สุดแหง มาตุ ศัพทเปนตน เปน อิ ได เมื่อ โต หรือ ภร ศัพท เปนตน อยูหลัง๑ เชน มาติโต, ปติโต, ธีติโต, มาตาเปตฺติภโร, มาติปกฺโข เปนตน คำวา ปติมตฺตํ, มาติมตฺตํ, ภาติมตฺตํ ในขอ ๖๑ หนา ๕๕ ก็พึงทราบ วา แปลง อุ เปน อิ โดยนัยนี้เหมือนกัน อภิญฺเยฺยา, ปริญฺเญยฺยา (มงฺคล.๒/๔๑/๓๖) นักเรียนเห็น ÍÀÔÚàÂÚÂÒ, »ÃÔÚàÂÚÂÒ ในขอวา ÍÔàÁ ¸ÁÚÁÒ ÍÀÔÚàÂÚÂÒ ÍÔàÁ »ÃÔÚàÂÚÂÒ [ธรรมเหลานี้พึงรูยิ่ง ธรรมเหลานี้พึง กำหนดรู] ก็เขาใจผิดคิดวา ลง อนีย ปจจัย เพราะทานใชเสมือนเปนกิริยา คุมพากย ความจริง สองศัพทนี้ ลง ณฺย ปจจัยในนามกิตก ใชเสมือนกิริยากิตก เชน เต จ ภิกฺขู คารยฺหา๒ ÍÀÔÚàÂÚÂÒ [ÍÀÔ+Ò+³ÚÂ+âÂ] (¸ÁÚÁÒ) ธรรมอันบุคคลพึงรูยิ่ง, วิเคราะหวา ÍÀÔÚÒµ¾Ú¾ÒµÔ ÍÀÔÚàÂÚÂÒ (ธมฺมา) [ธรรมเหลาใด อัน บุคคลพึงรูยิ่ง เหตุนั้นธรรมเหลานั้น จึงชื่อวา ธรรมอันบุคคลพึงรูยิ่ง] อภิ บทหนา Ò ธาตุในความรู แปลง ณฺย กับ อา ที่สุดธาตุ เปน เอยฺย๓ ซอน ฺ (ณฺย ปจจัยในนามกิตก เปนกัมมรูป กัมมสาธนะ) »ÃÔÚàÂÚÂÒ [»ÃÔ+Ò+³ÚÂ+âÂ] (ธมฺมา) ธรรมอันบุคคลพึงกำหนดรู, วิเคราะหและทำตัวเหมือน ÍÀÔÚàÂÚÂÒ แปลกแต ปริ บทหนา ๑ สัททนีติสุตตมาลา, สูตร ๔๒๗ หนา ๒๙๙. ๒ สมเด็จพระมหาสมณเจา กรมพระยาวชิรญาณวโรรส, บาลีไวยากรณ วจีวิภาค ภาคที่ ๒ อาขยาตและกิตก, (กรุงเทพฯ: มหามกุฏราชวิทยาลัย, ๒๕๔๒), หนา ๑๙๗. ๓ สัททนีติสุตตมาลา, สูตร ๑๑๒๙ หนา ๑๐๓๙.
26.
มังคลัตถวิภาวินี ๑๒ อานิสํโส มหา(มงฺคล.๒/๔๓/๓๘) มหา ในที่นี้ใชเปนคุณนาม,
มหา ศัพทเดิมเปน มหนฺต ตามมติที่ทาน แสดงไวในคัมภีรสัททนีติปทมาลา ทานอาศัยตัวอยางจากพระบาลี จึงแจก มหนฺต ศัพทไดรูปเปน มหา ครบทั้ง ๓ ลิงค๑, ดู อตีวมหา เจตสา มนสา (มงฺคล.๒/๔๘/๔๒) นาศึกษาวา เจตสา และ มนสา ใชตางกันอยางไร เพราะในที่บาง แหงทานใชทั้ง เจตสา และ มนสา จึงสันนิษฐานวาใชตางกันแน เพราะถาทั้ง ๒ บทใชไดเหมือนกันทุกกรณี ทานก็คงไมจำเปนตองเรียงไวใกลกัน ๒ บท เชน ในมังคลัตถทีปนี ภาคที่ ๒ ขอ ๔๘ หนา ๔๒ ซึ่งทานนำขอความมาจาก ปญจกนิบาต อังคุตตรนิกาย๒ วา ปุน จปรํ ภิกฺขเว ภิกฺขู ยถาสุตํ ยถาปริยตฺตํ ธมฺมํ น เจตสา อนุวิตกฺเกนฺติ อนุวิจาเรนฺติ มนสา อนุเปกฺขนฺติ...๓ [ภิกษุทั้งหลาย ขออื่นยังมีอยูอีก ภิกษุทั้งหลาย ไมตรึกตรองไมพิจารณา ธรรมตามที่ไดฟงไดเรียนมาดวยใจ ไมเพงดวยใจ...] นาสังเกตวา ถา เจตสา และ มนสา ใชแทนกันไดในทุกกรณี ในที่นี้ พระองคคงจะไมตรัส มนสา ไวอีก เพราะพิจารณาในแงสัมพันธ เจตสา ก็ สามารถสัมพันธเขากับ อนุวิตกฺเกนฺติ อนุวิจาเรนฺติ อนุเปกฺขนฺติ ไดเลย แตในที่นี้ เจตสา เปนกรณะใน อนุวิตกฺเกนฺติ และ อนุวิจาเรนฺติ สวน มนสา เปนกรณะเปน อนุเปกฺขนฺติ ถาพิจารณาในแงรากศัพท ทั้งสองตางกันแนนอน อยางที่เห็นปรากฏ ชัดแลว แตทั้งสองศัพทเหมือนกันก็ตรงที่เปนมโนคณะ ๑ สัททนีติปทมาลา, หนา ๕๘๗-๕๘๘. ๒ องฺ.ปฺจก. ๒๒/๑๕๕/๑๙๘. ๓ นี้พิมพตามที่ปรากฏในมังคลัตถทีปนี สวนในพระไตรปฎก ว่า มนสานุเปกฺขนฺติ
27.
พระมหานพพร อริยาโณ (สีเนย์)
๑๓ ในระหวางที่รอผูรูชี้แนะ ผูเขียนนี้ไดคนควาแลว พบวา ในกรณีที่ทาน ใชศัพทในความหมายวา เพงพินิจ (คือที่ประกอบดวย อิกฺข ธาตุ) มักจะใชคู กับ มนสา ไมใช เจตสา เชน มนสา อนุเปกฺขนฺติ หรือ มนสานุเปกฺขนฺติ๑, มนสานุเปกฺขิตา๒ และ มนสา นั้นอรรถกถาก็แกเปน จิตฺเตน เชน มนสานุเปกฺขิตาติ จิตฺเตน อนุเปกฺขิตา [บทวา มนสานุเปกฺขิตา ความวา พิจารณาดวยจิต]๓ ไมพบวาทานใช เจตสา อนุเปกฺขติ แตในที่ทั่วไป ที่ไมใช อิกฺข ธาตุ ทานใช มนสา และ เจตสา เปน คำอธิบายของกันและกัน เชน มนสา ทฬฺเหนาติ ทฬฺเหน มนสา ถิรสมาธิยุตฺเตน เจตสาติ อตฺโถ๔ มนสาติ อนุทฺธเตน เจตสา๕ จากขอมูลที่นำมาแสดงนี้ สรุปไดวา ทานนิยมใช มนสา แตไมนิยมใช เจตสา ในที่ประกอบดวย อิกฺข ธาตุ แตในที่อื่นทั้ง เจตสา และ มนสา เปน คำอธิบายของกันและกัน ยตสฺสา วิมุตฺตายตนภาโว (มงฺคล. ๒/๕๒/๔๕) ยตสฺสา [ยโต อสฺสา]; นักเรียนสงสัยวาทำไมทานแปล ยตสฺสา วา เพราะ, จึงไดคนควาแลวบันทึกไวดังนี้ ในหนังสือหนังสือมังคลัตถทีปนี ภาคที่ ๒ ขอ ๕๒ หนา ๔๕ ปรากฏ ขอความวา ๑ องฺ.ปฺจก. ๒๒/๑๕๕/๑๙๘. ๒ ม.มู. ๑๒/๓๗๐/๓๙๖; ม.อ. ๒/๔๑๙. ๓ ม.อ. ๒/๔๑๙. ๔ ขุทฺทก.อ. ๑/๒๔๕. ๕ องฺ.อ. ๒/๓๑๐.
28.
มังคลัตถวิภาวินี ๑๔ อยฺหีติอาทิ ตสฺส เทสนาย
ตาทิสสฺส ปุคฺคลสฺส ยถาวุตฺตสมาธิปฺปฏิ- ลาภสฺส การณภาววิภาวนํ ยตสฺสา วิมุตฺตายตนภาโว ฯ ขอความนี้ทานนำมาจากฎีกาวิมุตติสูตร จึงควรตามไปดูคัมภีรฎีกาที่ ทานอางวาตรงกันหรือแตกตางกันอยางไร หลังจากไปคนดูฎีกาวิมุตติสูตร ฉบับที่ มจร. พิมพใชกันในปจจุบัน พบวาขอความแตกตางกับที่ปรากฏในมังคลัตถทีปนี ขอความในฎีกาวา อยํ หีติอาทิ ตสฺสํ เทสนายํ ตาทิสสฺส ปุคฺคลสฺส ยถาวุตฺตสมาธิปฏิ- ลาภสฺส การณภาววิภาวนํ ยํ ตถา วิมุตฺตายตนภาโว ฯ๑ นาสังเกตวา ขอความในมังคลัตถทีปนีกับในฎีกาวิมุตติสูตรฉบับ มจร. ที่ทานอางถึง ไมตรงกัน อยางนอย ๒ แหง คือ ๑. มังคลัตถทีปนีวา ตสฺส เทสนาย/ ฎีกาวา ตสฺสํ เทสนายํ ๒. มังคลัตถทีปนีวา ยตสฺสา/ ฎีกาวา ยํ ตถา แตในหลักสูตรบาลีสนามหลวงทานมุงใหนักเรียนแปลเฉพาะใน หนังสือเรียน จึงมุงไปที่ขอความในหนังสือเรียนนั้นเลย โดยไมตองกังวล ขอความในฎีกา, ขอนำขอความในมังคลัตถทีปนีดังกลาว มาแสดงซ้ำอีก และทานแปลวา อยฺหีติอาทิ ตสฺส เทสนาย ตาทิสสฺส ปุคฺคลสฺส ยถาวุตฺตสมาธิปฺปฏิ- ลาภสฺส การณภาววิภาวนํ ยตสฺสา วิมุตฺตายตนภาโว ฯ [คำวา อยฺหิ ดังนี้เปนตน เปนเครื่องประกาศความที่เทศนาของภิกษุ นั้นเปนเหตุใหบุคคลเชนนั้นไดสมาธิตามที่กลาวแลว เพราะเทศนานั้นเปน เหตุแหงวิมุติ] ๑ องฺ.ฏี. ๓/๑๓ (สารตฺถมฺชุสา); พระสูตรนี้มาใน ปาฎิกวรรค ทีฆนิกาย อีกแหง; ฎีกาทีฆนิกาย (ที.ฏี.๓/๓๑๖) นั้นวา อยฺหีติอาทิ ตสฺสา เทสนาย ตาทิสสฺส ปุคฺคลสฺส ยถาวุตฺตสมาธิ ปฏิลาภสฺส การณภาววิภาวนํ. ตสฺส วิมุตฺตายตนภาโว.
29.
พระมหานพพร อริยาโณ (สีเนย์)
๑๕ ยตสฺสา ทานแปลวา เพราะ (เทศนานั้น), ผูเขียนนี้ ไดคนควาแลว สันนิษฐานวา ยตสฺสา มีความหมายเทากับคำวา ยโต อสฺสา, ที่สันนิษฐาน เชนนี้ เพราะขอความลักษณะเดียวกันทานแสดงไวในอรรถกถาวินัย คือ คัมภีรสมันตปาสาทิกา ภาคที่ ๒ หนา ๒๐๕ วา ยตสฺส จีวรเจตาปนํ อาภฏนฺติ ยโต ราชโต วา ราชโภคฺคโต วา อสฺส ภิกฺขุโน จีวรเจตาปนํ อานีตํ ฯ [ขอวา ยตสฺส จีวรเจตาปนํ อาภฏํ มีความวา ทรัพยสำหรับจายจีวร ที่เขานำมาเพื่อภิกษุนั้น จากพระราชา หรือจากราชอำมาตยใด] พึงสังเกตวา ทานอธิบาย ยตสฺส เปน ยโต อสฺส ฉะนั้น ในอรรถโยชนา วินัย ภาคที่ ๑ หนา ๕๔๗ ทานจึงอธิบายไววา ยตสฺสาติ ยโต อสฺส ฯ ปฺจมฺยตฺเถ โตปจฺจโยติ อาจริยา กเถนฺติ ฯ๑ [คำวา ยตสฺส ตัดบทเปน ยโต อสฺส ฯ อาจารยทั้งหลายบอกวา ลง โต ปจจัย ในอรรถปญจมีวิภัตติ] สอดคลองกับคัมภีรอภิธานวรรณนา คาถาที่ ๑๑๔๕ วา ยโต เปน นิบาต ใชในอรรถการณะ๒ ขอสันนิษฐานที่วา ยตสฺสา ตัดบทเปน ยโต อสฺสา จึงไมผิดแน และ ยโต ลงในอรรถปญจมีวิภัตติ คือลงในอรรถเหตุ หรือ การณะ เมื่อแปลลม มาที่ประโยค ย จึงแปล ยโต วา เพราะ (ลม ย-ต จึงไมแปลวา ใด-นั้น) ฉะนั้น จึงแนใจวา คำวา ยตสฺสา วิมุตฺตายตนภาโว มีรูปประโยคเปน ยโต (คือ ยสฺมา) อสฺสา เทสนาย วิมุตฺตายตนภาโว แปลวา “เพราะเทศนา นั้นเปนเหตุแหงวิมุติ” ผูศึกษาพึงพิจารณาดูเถิด ๑ วินย.อ. ๒/๒๐๕; วินย. โย. ๑/๕๔๗. ๒ พระมหาสมปอง มุทิโต, อภิธานวรรณนา, พิมพครั้งที่ ๒, (กรุงเทพฯ: บริษัท ประยูรวงศพริ้นทติ้ง, ๒๕๔๗), หนา ๑๐๗๐.
30.
มังคลัตถวิภาวินี ๑๖ ธมฺมจริยากถา -๐- ติวิธํ : วิภัตติและวจนะวิปลาส
(มงฺคล. ๒/๕๕/๔๖) ในขอความวา µÔÇÔ¸™ ⢠¤Ë»µâ ¡Ò๠¸ÁÚÁ¨ÃÔÂÊÁ¨ÃÔÂÒ âËµÔ [ดูกอนพราหมณและคฤหบดีทั้งหลาย ธรรมจริยสมจริยาทางกายมี ๓ อยาง] ทานอธิบายไวในขอ ๗๐ หนา ๖๑ วา ติวิธํ ศัพทนี้ มีวิภัตติและวจนะ วิปลาส เปนปฐมาวิภัตติ เอกวจนะ แตวาโดยความหมาย เปนตติยาวิภัตติ พหุวจนะ และ วิธ ใชในอรรถวา สวน จึงแปลวา มี ๓ อยาง (๓ สวน) วิธ ศัพท มีความหมาย ๓ อยาง ไดแก มานะ ความถือตัว ปการะ ประการหรือรูปพรรณสัณฐาน และ โกฏฐาสะ สวน๑ เถยฺยสงฺขาตํ ใช้ในอรรถกรณะ (มงฺคล.๒/๕๕/๔๗) เถยฺยสงฺขาตํ เปนปฐมาวิภัตติ ใชในอรรถตติยาวิภัตติ แปลวา “ดวย สวนจิตคิดขโมย” หรือ “ดวยสวนจิตเปนเหตุขโมย” ในมังคลัตถทีปนี ภาคที่ ๒ ขอ ๕๕ หนา ๔๗ ทานนำขอความใน สาเลยยกสูตรมาแสดงวา Â¹Úµí »ÃÊÚÊ »ÃÇÔµÚµÙ»¡Ã³í ¤ÒÁ¤µí ÇÒ ÍÃÚ¤µí ÇÒ ¹ µí Í·Ô¹Ú¹í à¶ÂÚÂʧڢҵí ÍÒ·ÒµÒ â˵Ô๒ [ทรัพยเปนอุปกรณเครื่องปลื้มใจของบุคคลอื่นนั้นใด ที่อยูในบานหรือ ในปา ยอมเปนผูไมถือเอาทรัพยนั้นที่เขาไมใหแลว ดวยสวนจิตคิดขโมย (หรือดวยสวนจิตเปนเหตุขโมย)] นักศึกษาพึงดูคำอธิบาย ที่พระอรรถกถาจารยอธิบายไว ในหนังสือ มังคลัตถทีปนีนี้ ขอ ๕๘ หนา ๕๑ วา ๑ อภิธานวรรณนา, คาถา ๘๔๖ หนา ๙๙๓. ๒ ม.มู. ๑๒/๔๘๔/๕๑๙.
31.
พระมหานพพร อริยาโณ (สีเนย์)
๑๗ กรณตฺเถ เจตํ ปจฺจตฺตวจนํ ตสฺมา เถยฺยสงฺขาเตนาติ อตฺถโต ·¯Ú€¾Ú¾í [คำวา เถยฺยสงฺขาตํ นั่น เปนปฐมาวิภัตติ ใชในอรรถกรณะ ฉะนั้น โดยใจความ นักศึกษาพึงเห็นวา ดวยสวนจิตเปนเหตุขโมย] สงฺขาต ศัพทในที่นี้ มีความหมายเทากับคำวา ⡯ڀÒÊ จึงแปลวา “สวน” ไมควรแปลวา “กลาวคือ” ฉะนั้น จึงตองแปล เถยฺยสงฺขาตํ วา ดวยสวนจิตเปนเหตุขโมย ไมควร แปลวา กลาวคือความเปนขโมย โปรี (มงฺคล. ๒/๕๕/๔๘) โปรี ทานวิเคราะหไวในมังคลัตถทีปนี ภาคที่ ๒ ขอ ๖๑ หนา ๕๕ วา ¤Ø³»ÃԻسڳµÒ »Øàà ÀÇÒµÔ â»ÃÕ Ï »Øàà ʙDZڲ¹ÒÃÕ ÇÔÂ ÊØ¡ØÁÒÃÒµÔ»Ô â»ÃÕ Ï »ØÃÊÚÊ àÍÊÒµÔ»Ô â»ÃÕ ฯ๑ โปรี ลง อี ปจจัย (ในตัทธิต) หลัง ปุร ศัพท แทนเนื้อความวา เปนอยู มีอยูในที่นั้น เปนตน๒ ยิฏํ : ต ปัจจัยใช้เป็นนามนาม (มงฺคล. ๒/๕๕/๔๘) ÂÔ¯Ú€í [ยชฺ+ต+สิ] การบูชา, วัตถุอันเขาบูชาแลว (เอา ชฺ กับ ต เปน , อ ที่ ย เปน อิ)๓ ต ปจจัยในที่นี้ใชเปนภาวสาธนะ เปนนามนาม จึงแปลวา การบูชา เชน คมนํ คตํ การไป แมคำวา หุตํ-การบวงสรวง (หุ ธาตุในการเซนไหว) ก็พึงทราบวา ลง ต ปจจัยใชเปนภาวสาธนะ (มงฺคล.๒/๕๕/๔๘) ๑ ที.อ. ๑/๑๑๘. ๒ สัททนีติสุตตมาลา, สูตร ๗๘๔ หนา ๗๘๑. ๓ กจฺจายน. สูตร ๕๗๓, ๖๑๐, สัททนีติสุตตมาลา, สูตร ๑๑๗๖, ๑๒๑๕.
32.
มังคลัตถวิภาวินี ๑๘ อภิญฺา สจฺฉิกตฺวา: วัณณสนธิ
(มงฺคล.๒/๕๕/๔๘) ÍÀÔÚÒ ในขอวา ÊÂí ÍÀÔÚÒ Ê¨Ú©Ô¡µÚÇÒ »àÇà·¹ÚµÔ เปน ตติยาวิภัตติ แปลวา ดวยปญญาอันยิ่ง, ลบ ย ที่ ÍÀÔÚÒ ดังที่ทานแสดง ไวในสัททนีติสุตตมาลา วา ในพระบาลีมีการลบอักษรและเปลี่ยนอักษรไป จากเดิม เพื่อใหออกเสียงไดงาย๑ ในหนังสือมังคลัตถทีปนี ภาคที่ ๒ ขอ ๕๕ หนา ๔๘ ทานนำขอความ ในสาเลยยกสูตรมาแสดงวา อตฺถิ โลเก สมณพฺราหฺมณา สมฺมคฺคตา สมฺมาปฏิปนฺนา เย อิมฺจ โลกํ ปรฺจ โลกํ สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา ปเวเทนฺติ๒ [สมณพราหมณผูดำเนินไปดีแลว ผูปฏิบัติชอบ ผูประกาศ ทำใหแจงซึ่งโลกนี้และโลกหนาดวยปญญาอันยิ่งเองมีอยูในโลก] คำวา ÍÀÔÚÒ ในที่นี้ใชในอรรถตติยาวิภัตติ นักศึกษาควรดูขอความ ในมังคลัตถทีปนี ภาคที่ ๒ ขอ ๖๖ ในที่นั้น ทานแก ÍÀÔÚÒ วา »ÚÒ ดังขอความวา สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวาติ เย อิมฺจ โลกํ ปรฺจ โลกํ อภิวิสิาย ปฺาย สพฺพํ ปจฺจกฺขํ กตฺวา ปเวเทนฺติ เต นตฺถิ สวนในอรรถกถาวินัยทานอธิบายขอความนี้ไวชัดเจนทีเดียววา สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา ปเวเทตีติ เอตฺถ ปน...อภิฺาติ อภิฺาย อธิเกน าเณน ตฺวาติ อตฺโถ ฯ๓ [สวนในขอวา สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา ปเวเทติ นี้มีวินิจฉัยวา ...คำวาอภิฺา ความวา รูดวยปญญาอันยิ่ง คือ ดวยญาณอันยิ่ง] ๑ สัททนีติสุตตมาลา, สูตร ๑๖๐ หนา ๑๓๕. ๒ ม.มู. ๑๒/๔๘๔/๕๒๐. ๓ วินย.อ. ๑/๑๓๔.
33.
พระมหานพพร อริยาโณ (สีเนย์)
๑๙ ฉะนั้น อภิฺา ในที่นี้ นักเรียนควรแปลวา “ดวยปญญาอันยิ่ง” เพราะ อภิฺา ใชในอรรถแหงตติยาวิภัตติ โดยมีความหมายเทากับคำวา อภิฺาย ปฺาย และ าเณน นักเรียนพึงทราบวา การลบหรือเปลี่ยนอักษรในบทหนาโดยไมเชื่อม บทหนาใหเปนบทเดียวกับบทหลัง เรียกวา วัณณสนธิ เชน สาธุ ทสฺสนํ - สาหุ ทสฺสนํ โส สีลวา - ส สีลวา ปฏิสงฺขาย โยนิโส - ปฏิสงฺขา โยนิโส อสฺสวนตาย ธมฺมสฺส - อสฺสวนตา ธมฺมสฺส๑ ปจฺจตฺตวจนํ : ชื่อพิเศษของวิภัตติทั้ง ๗ (มงฺคล.๒/๕๘/๕๑) ปจฺจตฺตวจนํ เปนศัพทเรียก ปฐมาวิภัตติ, ในคัมภีรทั้งหลายทานมี ศัพทเรียกวิภัตติ ครบทั้ง ๗ (รวมอาลปนะดวยเปน ๘) ดังนี้ ๑. ปจฺจตฺตวจนํ = ปฐมาวิภัตติ ๒. อุปโยควจนํ = ทุติยาวิภัตติ ๓. กรณวจนํ = ตติยาวิภัตติ ๔. สมฺปทานวจนํ = จตุตถีวิภัตติ ๕. นิสฺสกฺกวจนํ = ปญจมีวิภัตติ ๖. สามิวจนํ = ฉัฏฐีวิภัตติ ๗. ภุมฺมวจนํ = สัตตมีวิภัตติ๒ ชื่อวิภัตติชุด ปฐมาวิภัตติ เปนตนนี้ นิยมใชในไวยากรณสันสกฤต แต ในคัมภีรฝายพุทธศาสนา เชน อรรถกถา นิยมใชชุด ปจฺจตฺตวจนํ เปนตน๓ ๑ พระคันธสาราภิวงศ เรียบเรียง, พระธรรมโมลี และเวทย บรรณกรกุล ชำระ, สังวรรณนามัญชรี และ สังวรรณนานิยาม, นครปฐม: มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราช- วิทยาลัย วิทยาเขตบาีศึกษาพุทธโฆส, ๒๕๔๕, หนา ๗. ๒ สังวรรณนามัญชรี และ สังวรรณนานิยาม, หนา ๓๗. ๓ ปทรูปสิทธิมัญชรี เลม ๑, หนา ๑๑๔๑.
34.
มังคลัตถวิภาวินี ๒๐ ในการกกัณฑ แหง ปทรูปสิทฺธิ
สูตรที่ ๓๒๙ ทานวา ปจฺจตฺตมุปโยคฺจ กรณํ สมฺปทานิยํ นิสฺสกฺกํ สามิวจนํ ภุมฺมาลปนมมนฺติ ฯ๑ ศัพทเหลานี้ ในมังคลัตถทีปนี ภาคที่ ๒ ก็มีใช เชน (ขอ/หนา) ปจฺจตฺตวจนํ (๕๘/๕๑; ๓๖๕/๒๗๘) อุปโยควจนํ (๓๖๕/๒๗๘; ๖๑๙/๔๗๔; ๖๒๐/๔๗๔) กรณวจนํ (๗๐/๖๒; ๓๖๕/๒๗๘; ๖๑๙/๔๗๔ ฯลฯ) สามิวจนํ (๗๒/๖๕) ภุมฺมวจนํ (๕๘๙/๔๕๔) อิตฺถนฺนามํ (มงฺคล. ๒/๕๘/๕๒) อิตฺถนฺนามํ [อิทํ+นาม+อํ ทุติยาวิภัตติ], นาม ศัพทอยูทาย แปลง อิทํ ในสมาส เปน อิตฺถํ๒ สุกุมารา แปลวา อ่อนโยน(มงฺคล. ๒/๖๑/๕๕) สุกุมารา ในขอวา ปุเร สํวฑฺฒนารี วิย สุกุมาราติปิ โปรี แหงหนังสือ มังคลัตถทีปนี ภาคที่ ๒ ขอ ๖๑ หนา ๕๕ เปนคุณนาม ไมใชนามนาม จึง ควรแปล สุกุมารา วา ออนโยน, สละสลวย ไมควรแปลวา กุมารผูดี ที่แนะใหแปลอยางนี้ เพราะในฎีกาจูฬหัตถิปโทปมสูตร เปนตน ทาน อธิบายวา สุกุมาราติ อผรุสตาย มุทุกา ฯ [บทวา สุกุมารา อธิบายวา ชื่อวา เปนวาจาออนโยน เพราะเปนวาจาไมหยาบ](ดู มงฺคล. ๒/๗๗/๖๗) ๑ พระพุทธัปปยเถระ แหงชมพูทวีปตอนใต รจนา, ปทรูปสิทฺธิ, (กรุงเทพฯ: ชมรม นิรุตติศึกษา, ๒๕๔๓), สูตร ๓๒๙ หนา ๒๑๔. ๒ สัททนีติสุตตมาลา, สูตร ๕๒๑ หนา ๓๖๘.
35.
พระมหานพพร อริยาโณ (สีเนย์)
๒๑ ปุถุวจน= พหุวจนะ(มงฺคล. ๒/๗๐/๖๑, ๖๔) ปุถุวจนํ ใหแปลวา พหุวจนะ เชน ในหนังสือเรียน ขอ ๗๐ หนา ๖๑ ในคำวา ͵Úâ¶ »¹ ¡Ã³»Ø¶ØÇ¨¹Çàʹ ·¯Ú€¾Úâ¾...ฯ [สวนเนื้อความบัณฑิต พึงเห็นวาเปนตติยาวิภัตติ พหุวจนะ] ภาวนปุสกนิทฺเทโส= กิริยาวิเสสนะ (มงฺคล. ๒/๗๐/๖๒) ในหนังสือมังคลัตถทีปนี ภาคที่ ๒ ขอ ๗๐ หนา ๖๒ ทานวา สมนฺติ ภาวนปุสกนิทฺเทโส [ศัพทวา สมํ เปนศัพทแสดงภาวนปุงสกลิงค] นักเรียนสงสัยวา ภาวนปุงสกลิงค หมายถึงอะไร, ผูเขียนนี้จึงได คนควาและบันทึกไวดังนี้ คำวา ภาวนปุสก ใชในความหมายวา กิริยาวิเสสนะ ฉะนั้น วาโดย ความหมายทางออมนักเรียนจะแปล ภาวนปุสก วา กิริยาวิเสสนะ ก็ได ในคัมภีรฝายศาสนานิยมใชคำวา ภาวนปุสก สวนในคัมภีรไวยากรณ สันสกฤต นิยมใชคำวา กิริยาวิเสสนะ๑ หรือ ธาตุวิเสสนะ๒ เมื่อจะประกอบนามศัพทใหเปนกิริยาวิเสสนะนั้น ตองลงทุติยาวิภัตติ เอกวจนะ นปุงสกลิงค เชน ใน หนังสือเรียน ขอ ๕๖ และ ขอ ๗๐ วา สมํ จริยา สมสฺส วา กมฺมสฺส จริยาติ สมจริยา [ความประพฤติสม่ำเสมอ หรือความประพฤติกรรมอันชอบ เพราะ เหตุนั้น จึงชื่อวา สมจริยา] สมนฺติ ภาวนปุสกนิทฺเทโส [ศัพทวา สมํ เปนศัพทแสดงภาวนปุงสกลิงค (คือ กิริยาวิเสสนะ)] ๑ สัททนีติสุตตมาลา, สูตร ๕๙๐ หนา ๔๘๕. ๒ สทฺทสารตฺถชาลินี, คาถา ๗๑. พิมพรวมใน เอกตฺตึส จูฬสทฺทปฺปกรณานิ, (กรุงเทพฯ: บริษัท ซีเอไอ เซ็นเตอร จำกัด, ๒๕๕๑), หนา ๗๔.
36.
มังคลัตถวิภาวินี ๒๒ ชาต ศัพท์ เป็นต้น
ใช้เป็น วจนสิลิฏก, สกตฺถ (มงฺคล. ๒/๗๔/๖๖) ชาต ศัพท เปน วจนสิลิฏฐกะ คือลงไปเพื่อทำถอยคำใหไพเราะ จึงไม จำเปนตองแปลออกศัพท เชน ในมังคลัตถทีปนี ภาค ๒ หนา ๖๖ วา อามิสชาตํ ก็คงมีความหมายเทากับ คำวา อามิส เพราะศัพทนี้ลงทายศัพท ใด ก็ไมทำความหมายของศัพทนั้นตางไป คือมีความหมายเทาเดิมนั่นเอง (ลงในอรรถสกัตถะ) ในคัมภีรนิรุตติทีปนี ทานเรียกวา อาคม๑ คือลงอักษรไปทายบท เพื่อ ความสละสลวยของคำ (วจนสิลิก) ศัพท อักษร หรือปจจัยที่ทำหนาที่ ลักษณะนี้ เชน คต, ชาต, อนฺต, ก และ ตา๒ ปจจัย สวน ภูต นิยมลงทาย บทเพื่อใหนามนามกลายเปนคุณนาม ทั้งหมดนี้เมื่อลงไปแลวทำใหลิงคของ ศัพทนั้นเปลี่ยนไปบางก็มี เชน คต ทิฏคตํ มีความหมายเทากับ ทิ ชาต ธมฺมชาตํ ” ธมฺโม อนฺต สุตฺตนฺโต ” สุตฺตํ ก หีนโก ” หีโน ตา เทวตา ” เทโว ภูต เหตุภูตํ ” เหตุ ตอไปนี้จะนำตัวอยางปจจัยที่ลงในอรรถสกัตถะ มาแสดงไวเปน ความรูประกอบ ตฺต เอกตฺตํ มีความหมายเทากับ เอโก๓ ๑ พระญาณธชเถระ รจนา, สมควร ถวนนอก ปริวรรต, นิรุตติทีปนี คัมภีรวาดวย หลักไวยากรณสายโมคคัลลานะ, (กรุงเทพฯ: ไทยรายวันการพิมพ, ๒๕๔๘), หนา ๔๔-๔๕, และขอ ๑๘๔, ๘๓๕. ๒ เชน ปาตพฺยํ เอว ปาตพฺยตา สกตฺเถ ตาปจฺจโยฯ (วินย.โย. ๒/๒๐) ๓ ปฏิสํ.อ. ๑/๔๔๑.
37.
พระมหานพพร อริยาโณ (สีเนย์)
๒๓ ณิก ติลสงฺกุลิกา มีความหมายเทากับ ติลสงฺกุลา๑ อิก อนนฺตรายิโก ” อนนฺตราโย๒ ณฺย กิจฺจยํ ” กิจฺจํ๓ ย ปาจิตฺติยํ ” ปาจิตฺติ๔ มย วจีมโย ” วจี๕ วิภาเวนฺติยา (มงฺคล. ๒/๗๙/๖๙) คำวา วิภาเวนฺติยา ในที่นี้ ทานแปลวา (ดวยถอยคำ) อันจะยังผูฟงให แจมแจง ประกอบดวย วิ บทหนา ภู ธาตุ เณ ปจจัย และ อนฺต ปจจัย ภู ธาตุในที่นี้ ไมใช ภู ธาตุในหมวด ภู ธาตุที่แปลวา มี วาเปน แตเปน ภู ธาตุในหมวด จุร ธาตุ แปลวา ประกาศ, ทำใหแจมแจง มีหลักทั่วไปวา ภู ธาตุที่มี วิ เปนบทหนา ใชในอรรถวา ทำใหแจมแจง๖ เกวล ศัพท์ (มงฺคล. ๒/๘๑/๗๑) นักเรียนคอนขางคุนเคยกับ เกวล ศัพท ที่ทานประกอบดวยทุติยา- วิภัตติเปน เกวลํ ใชเปนกิริยาวิเสสนะ พอมาพบ เกวโล ในมังคลัตถทีปนี ภาคที่ ๒ ขอ ๘๒ หนา ๗๑ ก็รูสึกแปลกตา, ที่จริง เกวล ศัพท เปนไดทั้ง คุณนามและนามนาม แตในที่นี้ทานใชเปนคุณนาม ๑ วินย.โย. ๒/๓๗๕. ๒ วินย.โย. ๒/๓๙๓. ๓ วินย.โย. ๒/๔๑๗. ๔ วินย.โย. ๒/๕๘๗. ๕ ปฺจิกา.โย. ๓/๔๔๓. ๖ ธาตวัตถสังคหปาฐนิสสยะ, คาถา ๒๗๓ หนา ๒๙๕.
38.
มังคลัตถวิภาวินี ๒๔ ในคัมภีรอภิธานวรรณนา คาถาที่ ๗๘๖
ทานวา เกวล ศัพทใชใน อรรถ ๖ อยาง คือ (๑) เยภุยฺยตา มาก (๒) อัพยามิสสะ ไมปนกัน (๓) วิสัง- โยคะ แยกกัน (๔) ทัฬหะ มั่นคง (๕) อนติเรกะ ไมเกินประมาณ (๖) อนวเสสะ ทั้งหมด เกวล ศัพท ที่เปนคุณนาม แจกดวยวิภัตตินามได จึงเห็น เกวล ศัพท ในรูปตางๆ เชน เกวโล, เกวลํ, เกวเลน, เกวลสฺส, เกวลานํ ตัวอยาง เกวล ศัพท ที่เปนคุณนาม เชน เกวโล อพฺยามิสฺโส สกโล ปริปุณฺโณ ภิกฺขุธมฺโม กถิโต๑ ในตัวอยางดังกลาวนี้ เกวล ศัพทแปลวา ไมปนกัน, ทั้งหมด, บริบูรณ สวนในคัมภีรอรรถโยชนา ชื่ออภิธัมมัตถวิภาวินีปญจิกา ที่นักเรียนมัก เรียกวา โยชนาอภิธรรม ภาคที่ ๑ วา เกวล ประกอบดวย เกว ธาตุ (ชนเน) และ อล ปจจัย๒ ขอนำขอความในโยชนาอภิธรรมดังกลาวนั้นมาเสนอตอผูรูใหรวมกัน พิจารณาวา เกว ชนเน วชาทีหิ ปพฺพชาทโย๓ นิปจฺจนฺเตติ อโล แปลเทาที่ เห็นศัพทวา เกว ธาตุ ในความเกิด อล ปจจัย (โดยทำตามวิธีแหงกัจจายน- สูตรที่ ๖๓๘ และปทรูปสิทธิ สูตรที่ ๖๖๐ วา) ศัพทวา ปพฺพชา เปนตน ทานใหสำเร็จดวย วช ธาตุ เปนตน สวน เกวล ศัพท ที่เปนนามนาม เปนชื่อหนึ่งของพระนิพพาน เปน นปุงสกลิงค (ดู อภิธานวรรณนา คาถาที่ ๘) บางอาจารยอธิบายวา สํสาเรหิ ๑ สุตฺต.อ. ๒/๒๖๔. ๒ พระญาณกิตติเถระ แหงเชียงใหม, อภิธมฺมตฺถวิภาวินิยา ปฺจิกา นาม อตฺถ- โยชนา, (พิมพครั้งที่ ๗, กรุงเทพฯ: มหามกุฏราชวิทยาลัย, ๒๕๕๑), หนา ๒๖๗. ๓ ในกัจจายนสูตรและปทรูปสิทธิ ที่อางถึง เปน ปพฺพชฺชาทโย (ซอน ชฺ)
39.
พระมหานพพร อริยาโณ (สีเนย์)
๒๕ อสมฺมิสฺสตาย วิสํโยคตาย จ เกวลํ๑ แปลวา นิพพาน ชื่อวา เกวล เพราะไม ปนสังขารและพรากสังขาร อโหปุริสิกา (มงฺคล. ๒/๘๑/๗๑) อโหปุริสิกา มีปรากฏในมังคลัตถทีปนี ภาคที่ ๒ ขอ ๘๑ หนา ๗๑ บางทานแปลวา ความโออวด บางทานแปลวา คำพูดของบุรุษผูอัศจรรย; ศัพทนี้มีใชในคัมภีรรุนหลัง ตั้งแตชั้นฎีกาลงมา หาไมพบในพระไตรปฎกและ อรรถกถา ในคัมภีรสัททนีติ วา ปุริส ศัพท ที่มี อโห เปนบทหนา ลง ณิก ปจจัย ใชในอรรถวาถือตัว (อโหปุริสโต ทปฺปเน ณิโก)๒ นักเรียนอาจคนดูศัพทนี้ไดที่คัมภีรปรมัตถมัญชุสา วิสุทธิมรรคมหา- ฎีกา ภาค ๓ หนา ๒๗๐ ซึ่งเปนหนังสือประกอบการเรียน ป.ธ.๘๓ วาทสฺส ตัดบทเป็น วาโท+อสฺส, ภวสาโร (มงฺคล. ๒/๘๑/๗๑) วาทสฺส ตัดบทเปน วาโท+อสฺส, พึงเทียบคำวา กุโต+เอตฺถ=กุเตตฺถ๔ สวนคำวา ภวสาโร แปลวา “การแลนไปสูภพ” อาจารยบอกตอๆ กันมาวา หนังสือบางเลมแปลขอนี้คลาดเคลื่อน จึงแปลใหม ดังนี้ ตถา อตฺตโน วาทสฺส กสฺสจิ ภวสาโร เอว นตฺถิ ตตฺถ ตตฺเถว อุจฺฉิชฺชนโต [วาทะของตนพึงเปนเชนนั้น, การแลนไปสูภพ ยอมไมมีแกใครๆ เลย เพราะขาดสูญในฐานะนั้นๆ นั่นเอง] ๑ พันตรี ป. หลงสมบุญ, พจนานุกรม มคธ-ไทย, (กรุงเทพฯ สำนักเรียนวัดปากน้ำ, ๒๕๔๐), หนา ๒๐๙. ๒ สัททนีติสุตตมาลา, สูตร ๑๒๗๙ หนา ๑๑๓๓. ๓ พระธัมมปาลเถระ แหงชมพูทวีป, ปรมตฺถมฺชุสา นาม วิสุทฺธิมคฺคสํวณฺณนา มหา- ฎีกาสมฺมตา (ตติโย ภาโค), พิมพครั้งที่ ๖, (กรุงเทพฯ: มหามกุฏราชวิทยาลัย, ๒๕๔๘), หนา ๒๗๐. ๔ สัททนีติสุตตมาลา, สูตร ๓๐ หนา ๔๑.
40.
มังคลัตถวิภาวินี ๒๖ โคพลิพัททนัย (มงฺคล.๒/๘๔/๗๒) ในมังคลัตถทีปนี ภาคที่
๒ ขอ ๘๔ หนา ๗๒ ทานกลาวถึงนัยอยาง หนึ่งวา โคพลิพัททนัย ตอไปนี้จะนำคำอธิบาย โคพลิพัททนัย ที่พิมพรวม ในหนังสือ เนตติหารัตถทีปนี ฉบับแปลโดยทาน พระธัมมานันทเถร มาแสดง๑ โคพลีพทฺทนย คือ วิธีเหมือนวัวและวัวมีกำลัง หมายความวา วิธีที่ ศัพทหนาหมายเอาสิ่งที่นอกจากศัพทหลัง คำวา โค แปลวา วัว เปนคำสามัญไมจำเพาะเจาะจงลงไปวาวัวชนิด ไหน ดังนั้น จึงหมายถึงหลายๆ ชนิดได เชน วจฺฉ (ลูกวัว) ทมฺม (วัวหนุม) พลีพทฺท (วัวมีกำลัง) ชรคฺคว (วัวแก) แตถามี พลีพทฺท อยูขางหลัง คำวา โค นี้ก็หมายถึง วจฺฉ, ทมฺม และ ชรคฺคว เทานั้น ไมไดหมายถึง พลีพทฺท เพราะ มี พลีพทฺท ศัพทอยูตอมา ฉันใด วิธีนี้ก็เปนฉันนั้นเหมือนกัน เพราะศัพทที่ อยูขางหนาหมายเอาสิ่งที่นอกจากศัพทที่อยูขางหลัง อุทาหรณวา ธมฺโม จ วินโย จ เทสิโต ปฺตฺโต๒ [พระธรรมและ วินัยอันเราแสดงแลวบัญญัติแลว] บทวา “ธมฺโม” เปน โคพลีพทฺทนย เพราะหมายเอาพระสูตรและ อภิธรรม ไมไดหมายเอาพระวินัยเพราะมีบทวา วินโย ตอมา. อธิบายวา คำ วา พระธรรม เปนคำสามัญหมายเอาพระวินัย พระสูตร และพระอภิธรรม ไมไดหมายเอาพระวินัยเพราะมีแสดงแลวเหมือนในศัพทวา โคพลีพทฺท ที่ โค ศัพทหมายถึงวัวตางๆ มี วจฺฉ เปนตน เวน พลีพทฺท นักศึกษาควรศึกษานัยอื่นๆ อีก เชน เอกเสสนัย ปาริเสสนัย กิริยา- ปธานนัย ทันตเฉทนนัย ทันตโสธนนัย เปนตน ๑ พระธัมมานันทเถร (แปล), เนตติหารัตถทีปนี อุปจาร และ นย, (กรุงเทพฯ: มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย, ๒๕๓๓), หนา ๖๐. ๒ ที.ม. ๑๐/๑๔๑/๑๗๘.
41.
พระมหานพพร อริยาโณ (สีเนย์)
๒๗ าตกสงฺคหกถา -๐- ปิตามโหลง อามห ปัจจัย (เชน มงฺคล. ๒/๙๐/๗๙) ปตามโห [ปตุ+อามห ปจจัย+สิ ปฐมาวิภัตติ] แปลวา ปู, มีหลักวา อามห ปจจัยในตัทธิต (นอกแบบ) ใชแทนมารดาบิดาของผูนั้น๑ เชน มาตุ มาตา มาตามหี มารดาของมารดา ชื่อวา ยาย มาตุ ปตา มาตามโห บิดาของมารดา ชื่อวา ตา ปตุ มาตา ปตามหี มารดาของบิดา ชื่อวา ยา ปตุ ปตา ปตามโห บิดาของบิดา ชื่อวา ปู๒ แมศัพทวา มาตามหเสิโน (ขอ ๓๓ หนา ๓๐), มาตามโห (ขอ ๙๑ หนา ๘๐), มาตามหสฺส (ขอ ๒๘๙ หนา ๒๑๙) ก็พึงทราบโดยหลักการ เดียวกันนี้ ปิตา จ...เตสํ ยุโค ปิตามหยุโค (มงฺคล. ๒/๙๑/๗๙) นักศึกษาพึงนำขอความในขอ ๙๐ มาเติมใหเต็ม ดังตอไปนี้ ปตา จ [มาตา จ ปตโร ปตูนํ ปตโร ปตามหา] เตสํ ยุโค ปตามหยุโค ปุริสคฺคหณญฺเจตฺถ...สมตฺถิตํ โหติ (มงฺคล. ๒/๙๐/๘๐) ขอความในหนา ๘๐ ทานละไว พึงนำขอความในหนา ๗๙ มาเติม ปุริสคฺคหณฺเจตฺถ อุกฺกนิทฺเทสวเสน กตนฺติ ทพฺพํ ฯ เอวฺหิ มาติโตติ ปาลิวจนํ สมตฺถิตํ โหติ ๑ โมคฺ. สูตร ๔.๓๘. ๒ สุภาพรรณ ณ บางชาง, รองศาสตราจารย, ดร., ไวยากรณบาลี, พิมพครั้งที่ ๒, (กรุงเทพฯ: มูลนิธิมหามกุฏราชวิทยาลัย, ๒๕๓๘), หนา ๔๖๑.
42.
มังคลัตถวิภาวินี ๒๘ ปิตา จ...ปิตามหทฺวนฺทาติ (มงฺคล.
๒/๙๐/๘๐) ในหนา ๘๐ ทานละขอความไว นำขอความในหนา ๗๙ มาเติมใหเต็ม ปตา จ [มาตา จ ปตโร ปตูนํ ปตโร ปตามหา เตสํ ยุโค ปตามหยุโค ฯ ตสฺมา ยาว สตฺตมา ปตามหยุคา] ปตามหทฺวนฺทาติ โกเลยฺยกา (มงฺคล.๒/๙๔/๘๒) โกเลยฺยกา ปรากฏในมังคลัตถทีปนี ภาคที่ ๒ ขอ ๙๔ หนา ๘๒ ทาน นำขอความใน กุกกุรชาดก มาเลาถึงสุนัขที่อยูในเขตพระราชฐาน จึงแปล โกเลยฺยกา วา สุนัขที่อยูในวัง (วิเสสนะของ สุนขา) โกเลยฺยก แปลตามศัพทวา ผูเกิดในตระกูล แปลใหเขากับเรื่องวา สุนัขที่อยูในวัง ทานวิเคราะหวา กุเล ชาโต โกเลยฺยโก ฯ คัมภีรโมคคัลลานะ วา ลง เณยฺยก ปจจัย (นอกแบบ) ในตัทธิต ใชแทนเนื้อความวา มีในที่นั้น๑, สวนในพจนานุกรมมคธ-ไทย ทานวา ลง เณยฺย ปจจัย ในราคาทิตัทธิต และ ก สกตฺถ๒ ทฺวิชสงฺฆา, ทิโช (มงฺคล.๒/๙๘/๘๗) ทฺวิช-, ทิโช แปลตามศัพทวา เกิดสองครั้ง (ทฺวิกฺขตฺตุ ชาตตาย ทิโช)๓ โดยนัยนี้ ทฺวิช, ทิช จึงหมายถึง - นก (เกิดจากแมนกและเกิดจากฟอง) ฟน (เกิดเปนฟนน้ำนมและฟนแท) พราหมณ (เกิดจากพระพรหมและกำเนิดนางพราหมณี) ๑ โมคฺ. สูตร ๔.๒๕. ๒ พันตรี ป. หลงสมบุญ, พจนานุกรม มคธ-ไทย, ๒๕๔๐, หนา ๒๑๔. ๓ ชา.อ. ๕/๓๖.
43.
พระมหานพพร อริยาโณ (สีเนย์)
๒๙ อนวชฺชกมฺมกถา -๐- อนสนสงฺขาโต อุปวาโส (มงฺคล. ๒/๑๐๖/๙๒) อนสนสงฺขาโต [น+อส อทเน/โภชเน+ยุ+สงฺขาต+สิ] ในหนังสือ มังคลัตถทีปนี ภาคที่ ๒ ขอ ๑๐๖ หนา ๙๒ ทานแปลวา กลาวคือการไม รับประทานอาหาร อนสนสงฺขาโต ประกอบดวย น + อส ธาตุในความกิน + ยุ ปจจัย แปลง ยุ เปน อน + สงฺขาต ศัพท + สิ ปฐมาวิภัตติ วิเคราะหวา อสิยเต ภกฺขิยเตติ อสนํ [ภาวรูป ภาวสาธนะ]๑ น อสนํ อนสนํ [น บุพพบท กัมมธารยสมาส] อนสนํ อิติ สงฺขาโต (อุปวาโส) [สัมภาวนบุพพบท กัมมธารยสมาส] ปสนฺนมานโส (มงฺคล. ๒/๑๐๙/๙๓) ปสนฺนมานโส มีรูปคลาย มนโส (ที่แปลง ส ทั้งสองเปน โอ แลวลง ส อาคม เปน โส), ปสนฺนมานโส วิเคราะหวา มนสิ ภวนฺติ มานสํ (ณ ปจจัยในตัทธิต ลง ส สกตฺเถ)๒ หรือ มโน เอว มานสํ (ส สกตฺเถ) ปสนฺนํ จ ตํ มานสํ จาติ ปสนฺนมานสํ ปสนฺนมานสํ ยสฺส โส ปสนฺนมานโส ๑ กจฺจายน. สูตร ๖๔๑, สัททนีติธาตุมาลา, หนา ๖๖๗, ธาตวัตถสังคหปาฐนิสสยะ, คาถา ๑๖ หนา ๑๘. ๒ โมคฺ. สูตร ๔.๑๒๘.
44.
มังคลัตถวิภาวินี ๓๐ มหาชนปทานํ: ชื่อแควน นิยมเปนพหุวจนะ
(มงฺคล. ๒/๑๓๑/๑๐๕) ในคาถา ๑๘๔ แหงคัมภีรอภิธานัปปทีปกา ทานวา ชื่อแควนหรือ มหาชนบท ใหใชเปนปุงลิงคและพหุวจนะ๑ นักศึกษาพึงเห็นตัวอยางใน มังคลัตถทีปนี ขอ ๑๓๑ หนา ๑๐๕ วา เตนาห ภควา เสยฺยถาป วิสาเข โย อิเมส โสฬสนฺน มหาชนปทาน ปหูตสตฺตรตนาน อิสฺสริยาธิปจฺจ รชฺช กาเรยฺย เสยฺยถีท องฺคาน มคธาน กาสีน โกสลาน วชฺชีน มลฺลาน เจตีน วสาน กุรูน ปฺจาลาน มจฺฉาน สุรเสนาน อสฺสกาน อวนฺตีน คนฺธาราน กมฺโพชาน องฺคสมนฺนาคตสฺส อุโปสถสฺส เอต กล นาคฺฆติ โสฬสึ ฯ [เพราะเหตุนั้น พระผูมีพระภาคจึงตรัสไววา วิสาขา ผูใดพึง ครองราชยเปนอิสราธิบดีแหงมหาชนบท ๑๖ เหลานี้ ซึ่งมีรตนะ ๗ ประการ มากมาย คือ อังคะ มคธะ กาสี โกศล วัชชี มัลละ เจตี วังสะ กุรุ ปญจาละ มัจฉะ สุรเสนะ อัสสกะ อวันตี คันธาระ กัมโพชะ การครองราชย ของผูนั้นนั่นยอมไมถึงเสี้ยวที่ ๑๖ แหงอุโบสถซึ่งประกอบดวยองค ๘] เมื่อตรวจดูคัมภีรพระไตรปฎก ก็ปรากฏเปนความจริงวา ชื่อแควน ทานนิยมใชเปนปุงลิงคและพหุพจน (ที่เปนเอกพจนมีบาง ในคาถา) นำมา เปนตัวอยางเพียงบางสวน ดังตอไปนี้ เตน โข ปน สมเยน มคเธสุ ปฺจ อาพาธา อุสฺสนฺนา โหนฺติ กุ คณฺโฑ กิลาโส โสโส อปมาโร ฯ๒ [ก็สมัยนั้นแล ในมคธชนบทเกิดโรคระบาดขึ้น ๕ ชนิด คือ โรคเรื้อน ๑ พระคันธสาราภิวงศ เรียบเรียง, พระธรรมโมลี และเวทย บรรณกรกุล ชำระ, สังวรรณนามัญชรี และ สังวรรณนานิยาม, (นครปฐม: มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราช วิทยาลัย วิทยาเขตบาีศึกษาพุทธโฆส, ๒๕๔๕), หนา [๒๕]., ใน อภิธานัปปทีปกา คาถาที่ ๑๘๔ วา ปุมฺพหุตฺเต กุรู สกฺกา... เปนตน ๒ วินย. ๔/๑๐๑/๑๔๘.
45.
พระมหานพพร อริยาโณ (สีเนย์)
๓๑ โรคฝ โรคกลาก โรคมองครอ โรคลมบาหมู] เอกํ สมยํ ภควา กุรูสุ วิหรติ กมฺมาสทมฺมํ นาม กุรูนํ นิคโม ฯ๑ [สมัยหนึ่ง พระผูมีพระภาคประทับอยูในกุรุชนบท มีนิคมของชาวกุรุ ชื่อวา กัมมาสทัมมะ] เตน โข ปน สมเยน อายสฺมา ยโส กากณฺฑกปุตฺโต วชฺชีสุ จาริกฺจรมาโน เยน เวสาลี ตทวสริ ฯ๒ [สมัยนั้น ทานพระยสกากัณฑกบุตร เที่ยวจาริกในวัชชีชนบทถึงพระ นครเวสาลี] เตน โข ปน สมเยน อฺตโร ภิกฺขุ กาสีสุ วสฺสํ วุตฺโถ สาวตฺถึ คจฺฉนฺโต ภควนฺตํ ทสฺสนาย เยน กิฏาคิริ ตทวสริ ฯ๓ [ก็โดยสมัยนั้นแล ภิกษุรูปหนึ่งจำพรรษาในแควนกาสี เดินทางไป พระนครสาวัตถีเพื่อเฝาพระผูมีพระภาค ถึงชนบทกิฏาคีรีแลว] นาสังเกตวา เมื่อทานออกชื่อแควน ถาไมมี ร ศัพทมาตอ ทานจะ ใชเปนพหุวจนะ แตถามี ร ศัพทมาตอ ทานจะใชเปนเอกวจนะ เชน ใน สมันตปาสาทิกา วา มาคธิกนฺติ มคเธสุ ชาตํ ฯ มคธรเ ชาตํ ลสุณเมว หิ อิธ ลสุณนฺติ อธิปฺเปตํ ฯ๔ [บทวา มาคธิกํ แปลวา เกิดแลวในแควนมคธ. จริงอยู เฉพาะ กระเทียมที่เกิดในแควนมคธ ทานประสงคเอาวา ลสุณํ ในสิกขาบทนี้] แตถึงอยางไรก็ตาม ชื่อแควนที่เปนเอกวจนะ ก็ปรากฏในหนังสือ ไวยากรณที่เรียนกันมาวา มคเธ ชาโต มาคโธ [(ชน) เกิดแลวในแวนแควน มคธ ชื่อมาคธะ], นักเรียนอาจวิเคราะหอีกแบบวา มคเธสุ ชาโต มาคโธ ๑ ที.ม. ๑๐/๒๗๓/๓๒๒. ๒ วินย. ๗/๖๓๑/๓๙๖. ๓ วินย. ๑/๖๑๕/๔๑๗. ๔ วินย.อ. ๒/๕๙๔.
46.
มังคลัตถวิภาวินี ๓๒ เสยฺยถีทํ (มงฺคล. ๒/๑๓๑/๑๐๕) เสยฺยถีทํ
เปนนิบาต ในชั้นไวยากรณ แปลวา อยางไรนี้ แตในชั้น ป.ธ. ๕ นี้มุงแปลใหไดความ จึงควรแปลวา คือ, เสยฺยถีทํ เพราะเปนนิบาตจึงคง รูปนี้ไว ใชไดกับทุกลิงค วจนะ และวิภัตติ๑ เรียนกันมาวา เสยฺยถีทํ ใชในกรณีจำแนกแสดงเนื้อความที่ยกขึ้นไว เปนอยางๆ และเรียงไวหนาจำนวนบทที่แยกแยะออกไปนั้น๒ ทั้งนี้ ทานอธิบายไวในอรรถกถา วา เสยฺยถีทนฺติ อนิยมิตนิยม- นิกฺขิตฺตอตฺถวิภาชนเ นิปาโต ฯ๓ เสยฺยถีทนฺติ อารทฺธปฺปการทสฺสนตฺเถ นิปาโต ฯ๔ ในมังคลัตถทีปนี ภาค ๒ นี้ ปรากฏ เสยฺยถีทํ ๒ แหง คือในขอ ๑๓๑ และขอ ๕๐๖ กุ ในคำวา กุราชภาเวน (มงฺคล. ๒/๑๓๒/๑๐๗) กุราชภาเวน ในขอวา อิสฺสริยาธิปจฺจนฺติ อิสฺสรภาเวน จ อธิปติภาเวน จ น กุราชภาเวนฯ ฉบับ มมร. แปลวา โดยความเปนพระราชาชั้นต่ำ ฉบับ พระมหาสมบูรณ ทสฺสธมฺโม แปลวา ดวยความเปนพระราชาผูชั่วราย คำวา “ชั้นต่ำ” และ “ชั่วราย” เปนคำแปลของศัพทวา กุ ซึ่งในที่นี้ ทานใชในอรรถวา ปาป/กุจฺฉิต แปลตามศัพทวา (ความเปนพระราชา) ผู อันบัณฑิตเกลียดแลว เมื่อเขาบทสมาส ลบเสียเหลือแต กุ ไดรูปเปน กุราชา พึงเทียบกับ กุทิ ในแบบเรียนบาลีไวยากรณ, มีวิเคราะหวา กุจฺฉิโต ราชา กุราชา๕ (กัมมธารยสมาส) กุราชสฺส ภาโว กุราชภาโว ลง นา ตติยาวิภัตติ เปน กุราชภาเวน ๑ สังวรรณนามัญชรี และ สังวรรณนานิยาม, หนา ๒๑. ๒ มหามกุฏราชวิทยาลัย, อธิบายวากยสัมพันธ เลม ๒, หนา ๑๙๓. ๓ ที.อ. ๒/๑๕๕. ๔ วินย.อ. ๑/๒๑๑. ๕ รูปสิทฺธิ, สูตร ๓๔๕-๗.
47.
พระมหานพพร อริยาโณ (สีเนย์)
๓๓ นอกจาก กุ ใชในอรรถวา ปาป/กุจฺฉิต/กุจฺฉา/กุจฺฉน (ชั่ว ทราม นาเกลียด) แลว ยังใชในอรรถวา อีสตฺถ/ขุทฺทก/อปฺปก (เล็กนอย)๑ เพราะ กุ ใชในอรรถวาเล็กนอยก็ได ฉะนั้น บทวา กุราชภาเวน จะ แปลวา ดวยความเปนพระราชาผูนอย ก็ได ตอไปนี้เปนการอธิบายเพื่อเปนความรูประกอบ นักเรียนไมตองใสใจ มาก เพราะคำอธิบายบางแหง ไมมีในหลักไวยากรณบาลีสนามหลวง ๑. ในคัมภีรบาลีไวยากรณ (ที่มักเรียกรวมๆ วาบาลีใหญ) ทานจัด กุ เปนนิบาต และเรียกบทสมาสที่มี กุ นำหนาวา กุบุพพบท๒ กัมมธารยสมาส (สมาสชื่อนี้ไมมีในหลักสูตรบาลีสนามหลวง) ๒. กุ ที่ใชในอรรถวา ขุทฺทก ตามที่ทานแสดงใว๓ เชน ขุทฺทกา นที กุนฺนที (แมน้ำนอย) ขุทฺทกํ วนํ กุพฺพนํ (ปานอย) ๓. สระอยูหลัง แปลง กุ เปน กท๔ เชน กุจฺฉิตํ อนฺนํ กทนฺนํ (อาหารเลว) กุจฺฉิตํ อสนํ กทสนํ (ของกินชั้นเลว) กุจฺฉิโต อริโย กทริโย คนดีที่เลวแลว (คือคนตระหนี่) ๔. ในอรรถวา นอย๕ และ ชั่ว๖ แปลง กุ เปน กา เชน อปฺปกํ ลวณํ กาลวณํ (เค็มนอย, กรอย) อปฺปกํ ปุปฺผํ กาปุปฺผํ (ดอกไมนอย) กุจฺฉิโต ปุริโส กาปุริโส (บุรุษชั่ว) [ไมแปลงก็มีบาง เชน กุปุริโส] ๑ อภิธานวรรณนา, คาถา ๑๑๕๙, ๑๑๙๗. ๒ สัททนีติสุตตมาลา, สูตร ๗๐๒ หนา ๖๒๒. ๓ นิรุตฺติทีปนี, สูตร ๓๔๙ หนา ๒๓๘. ๔ กจฺจายน. สูตร ๓๓๕; สัททนีติสุตตมาลา, สูตร ๗๑๙; โมคฺ. สูตร ๓.๑๐๗. ๕ รูปสิทฺธิ. สูตร ๓๔๗, โมคฺ. สูตร ๓.๑๐๘. ๖ สัททนีติสุตตมาลา, สูตร ๗๒๑ หนา ๗๐๙.
48.
มังคลัตถวิภาวินี ๓๔ ๕. ตัวอยางศัพทอื่นๆ เชน กุจฺฉิโต
ปุตฺโต กุปุตฺโต (บุตรชั่ว) กุจฺฉิโต ทาโร กุทาโร (เมียชั่ว) กุจฺฉิตํ กมฺมํ กุกมฺมํ (กรรมชั่ว) ปญฺจงฺคิกํ ตุริยํ = ดนตรีมีองค์ ๕ (มงฺคล. ๒/๑๑๔/๙๖) ในขอวา องฺคิกนฺติ ปฺจงฺคิกํ วิย ตุริยํ องฺคาวินิมุตฺตํ [บทวา องฺคิกํ คือ ไมพนไปจากองค ๘ เหมือนดนตรีซึ่งประกอบดวยองค ๕ ฉะนั้น] ดนตรีประกอบดวยองค ๕ ไดแก อาตตะ กลอง, วิตตะ ตะโพน, อาตตวิตตะ กลองบัณเฑาะว เปนตน, ฆนะ กรับหรือทับ, สุสิระ เครื่องเปา มีปและขลุย เปนตน๑ มรุกนฺตาร = ทะเลทราย (มงฺคล. ๒/๑๔๒/๑๑๘) มรุ ในคำวา มรุกนฺตาร แปลวา ทราย สวน กนฺตาร แปลวา กันดาร แปลเอาความวา ทะเลทราย คำนี้ปรากฏในมังคลัตถทีปนี ภาคที่ ๒ ขอ ๑๔๒ หนา ๑๑๘ ตัวอยางคำอธิบาย มรุ ที่ปรากฏในคัมภีรอื่นๆ เชน มรุกนฺตารํ คจฺฉตีติ วาลิกกนฺตารํ คจฺฉติฯ๒ แปลวา ขอวา ไปสูมรุกันดาร หมายความวา ไปสู ทะเลทรายฯ, ทานอธิบาย มรุ วา วาลิก มรุ [มร ปาณจาเค+อุ] วิเคราะหวา สตฺตา มรนฺติ อเนนาติ มรุ (ทราย ที่ทำใหสัตวตาย ชื่อวา มรุ)๓ ๑ ม.อ. ๒/๔๙๗, อภิธานวรรณนา, คาถา ๑๓๙. ๒ นิทฺ.อ. ๑/๓๙๖. ๓ อภิธานวรรณนา, คาถา ๖๖๓.
49.
พระมหานพพร อริยาโณ (สีเนย์)
๓๕ กามทุโห (มงฺคล. ๒/๑๔๔/๑๒๐) ทุห ในคำวา กามทุโห อิจฺฉิติจฺฉิตทายโก ทานแปลวา “ให” เพราะ แปลตามอรรถแหงบทตั้งวา กามทโท และเทียบอรรถแหงศัพทหลังวา อิจฺฉิติจฺฉิตทายโก เรียงศัพทใหเห็นเปน -ทโท -ทุโห –ทายโก ทุโห ประกอบดวย ทุห ธาตุ ใชในอรรถวา รีดออก, ใหเต็ม, ฆา, เบียดเบียน (โทหนปูรณวธนาเส)๑ อ ปจจัย วิ. ทุหตีติ ทุโห โทโห วา อจฺฉสิ (มงฺคล. ๒/๑๔๗/๑๒๑) อจฺฉสิ ในคำวา ตตฺถจฺฉสิ ปวสิ ขาทสิ จ ทานแปลวา ยอมอยู, ซึ่งเปน คำแปลแบบใหเขากับเรื่อง, แปลตามอรรถแหงธาตุนี้วา “นั่ง”, (อาส ธาตุ) ในอรรถกถาวิมานวัตถุ๒ ทานอธิบาย อาสติ วา นิสีทติ อจฺฉสิ ประกอบดวย อาส ธาตุในนั่ง (อุปเวสเน)๓ อ ปจจัย สิ วัตตมานา- วิภัตติ แปลง ส เปน จฺฉ๔ วิมลาทีสุ (มงฺคล. ๒/๑๕๑/๑๒๕) ในมังคลัตถทีปนี ภาคที่ ๒ ขอ ๑๕๑ หนา ๑๒๕ กลาวถึงสหายของ พระยสเถระ ไวในคำวา วิมลาทีสุ สหาย ๔ ทาน ไดแก พระวิมล พระสุพาหุ พระปุณณชิ และ พระควัมปติ๕ ซึ่งตอมาเปนพระเถระในจำนวนพระมหาสาวกผูใหญ ๘๐ รูป (อสีติมหาสาวก) ๑ ธาตวัตถสังคหปาฐนิสสยะ, คาถา ๑๙๖. ๒ วิมาน.อ. ๔๑๔. ๓ ธาตวัตถสังคหปาฐนิสสยะ, คาถา ๑๙; ใน สัททนีติธาตุมาลา (หนา ๔๙๗) ทาน อธิบายวา อุปเวสนํ นิสีทนํ ๔ โมคฺคลฺลาน. สูตร ๕.๑๗๓: สัททนีติสุตตมาลา, สูตร ๑๐๓๕ หนา ๙๗๙. ๕ วินย. ๑/๓๐/๓๖.
50.
มังคลัตถวิภาวินี ๓๖ ฉคาถายตฺถวณฺณนา ปาปวิรติมชฺชปานสํยมกถา -๐- อวฺหย=ชื่อ (มงฺคล. ๒/๑๕๔/๑๒๗) อวฺหย
แปลวา ชื่อ, เชน ในคำวา มชฺชวฺหยสฺส สุราเมรยสฺส [สุราเมรัยที่ ชื่อวามัชชะ] วิ. อวฺหยเตติ อวฺหโย, ประกอบดวย อา บทหนา, วฺเห ธาตุ ในการ เรียก (อวฺหาเณ), ย ปจจัย, รัสสะ อา เปน อ, ลบ เอ ที่ วฺเห ธาตุ๑ ยโต: โต ปัจจัยเป็นเครื่องหมาย ๕ วิภัตติ (มงฺคล. ๒/๑๕๖/๑๒๘) โต ปจจัยในคำวา ยโตหํ นี้ นักเรียนไดเรียนกันมาตั้งแตครั้งแปล หนังสือ อุภัยพากยปริวัตน วา ยโต ใชในอรรถกาลสัตตมี๒ สวนในหลักสูตรบาลีไวยากรณที่เรียนกันนี้ ทานวา โต ปจจัย เปน เครื่องหมาย ตติยาวิภัตติ และปญจมีวิภัตติ ความจริง โต ปจจัยเปนเครื่องหมายได ๕ วิภัตติ ไดแก ปฐมาวิภัตติ ตติยาวิภัตติ ปญจมีวิภัตติ ฉัฏฐีวิภัตติ และสัตตมีวิภัตติ๓ ยโต ที่ใชในในอรรถแหงสัตตมีวิภัตตินี้ นักเรียนจะพบอีกครั้ง ในขอ ๒๕๔ หนา ๑๙๐ และในขอ ๒๕๕ ทานก็แกไวชัดเจน วา ตตฺถ ยโต โขติ ยทา โข ฯ ๑ พันตรี ป. หลงสมบุญ, พจนานุกรม มคธ-ไทย, (กรุงเทพฯ สำนักเรียนวัดปากน้ำ, ๒๕๔๐), หนา ๒๐๙. ๒ มหามกุฏราชวิทยาลัย, อุภัยพากยปริวัตน, ขอ ๓๔๘. ๓ สัททนีติสุตตมาลา, สูตร ๔๙๓, ๔๙๖.
51.
พระมหานพพร อริยาโณ (สีเนย์)
๓๗ วชฺช=คำพูด (มงฺคล. ๒/๑๕๖/๑๒๘) คำวา เอเตน สจฺจวชฺเชน [เพราะการกลาวคำสัตยนี้], วชฺช ในที่นี้ แปลวา คำพูด, การกลาว ไมไดแปลวา โทษ วชฺช [วท วาจายํ+ณฺย] วิเคราะหวา วทิตพฺพํ วตฺตพฺพนฺติ วชฺชํ ฯ๑ อโวจ(มงฺคล. ๒/๑๖๒/๑๓๑) อโวจ [ไดกลาวแลว] ประกอบดวย วจ ธาตุ ในการพูด (วิยตฺติยํ/ วาจายํ) + อ ปจจัย + อา อัชชัตตนีวิภัตติ ฝายอัตตโนบท + อ อาคม แปลง อ ที่ ว เปน โอ รัสสะ อา เปน อะ๒ ตชฺชํ (มงฺคล. ๒/๑๖๖/๑๓๓, ๒/๑๗๔/๑๓๗) ตชฺชํ ในมังคลัตถทีปนี ภาคที่ ๒ ขอ ๑๖๖ และขอ ๑๗๔ ทั้งสองแหง ทานใชเปนคุณนาม คือเปนวิเสสนะ ในขอ ๑๖๖ ทานแปลวา เหมาะแก... นั้น สวนในขอ ๑๗๔ ทานแปลวา อันเกิดแต...นั้น, นักเรียนสงสัยวา ตชฺชํ นี้ ทำไมทานแปลตางกัน เทาที่คนพบ ทานใช ตชฺช ในความหมาย ๓ อยาง ไดแก ๑. ตชฺชํ แปลวา ที่เกิดแต...นั้น (ตชฺชาติกํ)๓ ๒. ตชฺชํ แปลวา เหมาะแก...นั้น (ตทนุจฺฉวิกํ/ตทนุรูป)๔ ๓. ตชฺชํ แปลวา มีสภาพเชน...นั้น (ตํสภาวํ)๕ ตชฺชํ ที่แปลวา “เหมาะแก...นั้น” เพราะ ตชฺช ศัพทใชในอรรถวา สมควร, เหมาะสม (อนุจฺฉวิก/อนุรูป) ๑ สัททนีติธาตุมาลา, หนา ๒๖๔. ๒ กจฺจายน. สูตร ๔๗๗, รูปสิทฺธิ. สูตร ๔๗๙, สัททนีติสุตตมาลา, หนา ๙๘๔. ๓ ม.อ. ๓/๗๔๑. ๔ องฺ.อ. ๒/๓๒๒. ใน วิสุทฺธิ.ฏี. ๒/๗๒ วา ตทนุรูป ๕ ม.อ. ๓/๘๘๘.
52.
มังคลัตถวิภาวินี ๓๘ ตัวอยาง ตชฺช ที่ใชในความหมายวา
สมควร/เหมาะ เชน ตชฺชา มโน- วิฺาณธาตูติ เตสํ ผสฺสาทีนํ ธมฺมานํ อนุจฺฉวิกา มโนวิฺาณธาตุฯ๑ อนุจฺฉวิกตฺโถป หิ อยํ ตชฺชาสทฺโทโหติฯ๒ ตชฺชํ วายามนฺติ...อนุรูป วายามํ ฯ๓ ตชฺชํ ที่แปลวา “ที่เกิดแต” คือ ตชฺชํ ประกอบดวย ต+ชน+ กฺวิ ตัวอยาง ตชฺช ที่แปลวาเกิดแต เชน ตชฺชํ...ตชฺชาติกํฯ๔ ตานิ อุปนิสฺสาย ชาตนฺติ ตชฺชํ๕ อนุวิธิยนาสุ (เชน มงฺคล. ๒/๑๘๕/๑๔๓) คำวา อนุวิธิยนาสุ ในมังคลัตถทีปนี ภาคที่ ๒ ขอ ๑๘๕ หนา ๑๔๓ วา โก ปน วาโท กาเยน วาจาย อนุวิธิยนาสุฯ ฉบับ มมร.แปลวา “จะกลาว ไปไยในการทำเนืองๆ ดวยกาย ดวยวาจา” ฯ ดูตอไปในขอ ๑๘๖ หนา ๑๔๔ อรรถกถาทานอธิบายวา อนุวิธิยนา- กรณํ อาณาปนํ วา อุคฺคหปริปุจฺฉาทีนิ วา ฯ สวนในขอ ๑๘๗ หนา ๑๔๕ ฎีกาทานอธิบายวา อนุวิธิยนา อนุวิธานานิ ฯ เทาที่ดูตามแนวนี้จับความไดวา ทานมุงที่ ธา ธาตุ ใชในความหมาย วา กระทำ อนุวิธิยนาสุ ศัพทเดิมเปน อนุวิธิยนา [อนุ+วิ+ธา+ย+ยุ+โย ปฐมา- วิภัตติ] วิ. อนุวิธียเตติ อนุวิธิยนาฯ เปนภาวรูป ภาวสาธนะ, มีหลักการที่ เกี่ยวของ ดังนี้ ๑ นิทฺ.อ. ๒/๓๓. ๒ สงฺคณี.อ. ๒๙๕. ๓ องฺ.อ. ๒/๓๒๕. ๔ ม.อ. ๓/๗๔๑. ๕ ม.ฏี. ๓/๔๑๙.
53.
พระมหานพพร อริยาโณ (สีเนย์)
๓๙ ๑. ธา ธาตุ ที่มี อนุ และ วิ เปนบทหนาไดรูปเปน อนุวิธา ใชในอรรถ วา กระทำตาม (อนุกรเณ)๑ และ ธา ธาตุ มี วิ เปนบทหนา ใชในอรรถวา กระทำ๒ ๒. ย ปจจัยที่ลงหลัง ธา ธาตุในภาววาจก แปลง อา เปน อี๓ ๓. ยุ ปจจัย แปลง ยุ เปน อน ลง อา เปน อิตถีลิงค ๔. ลง โย ปฐมาวิภัตติ จึงเปน อนุวิธิยนา, ลง สุ สัตตมีวิภัตติ จึงเปน อนุวิธิยนาสุ (แจกแบบ กฺา) ฉะนั้น ในหนังสือมังคลัตถทีปนี ฉบับ มมร. ทานแปล อนุวิธิยนาสุ วา ในการกระทำเนืองๆ ก็เพราะวา ธา ธาตุที่มี วิ เปนบทหนา ใชในอรรถวา กระทำ สวน อนุ ทานแปลวา เนืองๆ, ในบางคัมภีรทานแปล อนุวิธิยนา วา การเลียนแบบ วิลียติ (มงฺคล. ๒/๑๙๐/๑๔๗) วิลียติ วิ บทหนา ลี ธาตุในความละลาย (ทฺรเว)๔ ย ปจจัย ติ วัตตมานา- วิภัตติ, ในสัททนีติธาตุมาลา๕ วา วิลี ธาตุในความละลาย (วิลีนภาเว) สปตฺตา (มงฺคล. ๒/๑๙๐/๑๔๗) ที่ชื่อวา ขาศึก เพราะเปนเหมือนชู เพราะเปนเหตุแหงทุกข, ส อักษร ใชในความหมายวา รากษส, ชื่อวา ขาศึก เพราะใหกันและกันถึงความไม เปนประโยชนเกื้อกูล ไมเปนสุข เหมือน ส คือ รากษส๖ ๑ สัททนีติธาตุมาลา, หนา ๖๐๘. ๒ ธาตวัตถสังคหปาฐนิสสยะ, คาถา ๒๐๐. ๓ กจฺจายน. สูตร ๕๐๒, รูปสิทฺธิ. สูตร ๔๙๓. ๔ ธาตวัตถสังคหปาฐนิสสยะ, คาถา ๓๔๐. ๕ สัททนีติธาตุมาลา, หนา ๖๒๓. ๖ พจนานุกรม มคธ-ไทย, หนา ๗๐๗.
54.
มังคลัตถวิภาวินี ๔๐ เผณุทฺเทหกํ (มงฺคล. ๒/๒๐๗/๑๖๐) สำนวนสนามหลวงวา
ราชบุตรเหลานั้น หมกไหมอยูในน้ำกรดและ น้ำเกลือ อันเดือดพลาน ผุดขึ้นเปนฟอง (เฉลยสนามหลวง ป ๕๐ น. ๑๗๗) มีผูสันนิษฐานวา เผณุทฺเทหกํ เปน กิริยาวิเสสนะ, ฝากใหศึกษาคนควาเรื่อง นี้ตอไป เยสํ โน = เย มยํ (มงฺคล. ๒/๒๐๘/๑๖๑) เยสํ โน เปนประธาน; คาถาในมังคลัตถทีปนี ภาคที่ ๒ ขอ ๒๐๘ หนา ๑๖๑ ทานนำขอความในโลหกุมภีชาดกมาแสดงวา ทุชฺชีวิตมชีวิมฺหา เยสํ โน น ททามฺห เส๑ วิชฺชมาเนสุ โภเคสุ ทีป นากมฺห อตฺตโนติ ฯ คาถานี้ เคยออกเปนขอสอบบาลีสนามหลวง วิชา แปลมคธเปนไทย ประโยค ป.ธ. ๕ ป ๒๕๕๐ ทานเฉลยวา เราเหลาใด เมื่อโภคะทั้งหลายมีอยู ไมไดใหทาน ไมได ทำที่พึ่งแกตน เราเหลานั้น จึงเปนอยูอยางแสนเข็ญ ฯ คำวา เยสํ โน ที่ทานแปลวา เราเหลาใด ในที่นี้เปนฉัฏฐีวิภัตติ ใชใน อรรถปฐมาวิภัตติ ดังที่อรรถกถาซึ่งแสดงไวตอจากคาถาในมังคลัตถทีปนี วา เยสํ โนติ เย มยํ...ฯ ทานจึงแปล โน เปนประธานในประโยค สวน เยสํ เปน วิเสสนะ ของ โน ในหนังสืออธิบายวากยสัมพันธ เลม ๒ ทานอธิบายวา เยสํ โน เปน ฉัฏฐีวิภัตติ ใชในอรรถปฐมาวิภัตติ เรียกสัมพันธวา ฉัฏฐีปจจัตตะ๒ ที่ทาน อธิบายอยางนี้ ทานมีแหลงอางอิงดังตอไปนี้ ๑ พระไตรปฎกบาลี ฉบับ มมร. วา เยสนฺโน น ททามเส, บางแหงเปน เยสํ เต ๒ อธิบายวากยสัมพันธ เลม ๒, หนา ๑๙๐.
55.
พระมหานพพร อริยาโณ (สีเนย์)
๔๑ บาลีมหาวิภังควา เอกสฺสป เจ ภิกฺขุโน นปฺปฏิภาเสยฺย ตํ ภิกฺขุนึ อปสาเทตุ๑ [ถาภิกษุแมรูปหนึ่ง ไมกลาวออกไป เพื่อจะรุกรานภิกษุณีนั้นไซร] เอกสฺสป เจ ภิกฺขุโนอนปสาทิเต ขาทิสฺสามิ ภฺุชิสฺสามีติ ปฏิคฺคณฺหาติ อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺส ฯ๒ [ถาภิกษุแมรูปหนึ่งไมรุกราน รับดวยหวังวาจักเคี้ยว จักฉัน ตองอาบัติทุกกฏ] ในอรรถโยชนา๓ ทานอธิบายวา เอกสฺส ใชในอรรถ เอโก คือฉัฏฐี- วิภัตติ ใชในอรรถปฐมาวิภัตติ (ปาลิยํ ปน เอกสฺส เจป ภิกฺขุโน นปฺปฏิภาเสยฺยาติ เอโก เอตํ ภิกฺขุนึ เจป นปฺปฏิภาเสยฺยาติ อตฺโถฯ ปจฺจตฺเต หิ สามิวจนํฯ) ในขอวา เยสํ โน นี้ ถา โน เรียงไวโดยไมมี เยสํ กำกับ การจะแปล โน นั้นเปนปฐมาวิภัตติวา อ. เราทั้งหลาย ก็ไดไมมีปญหาอะไร เพราะ โน ที่เปน ปฐมาวิภัตติ ก็มีปรากฏชัดอยูในแบบแจกแลว แตในที่นี้มี เยสํ กำกับไวดวย เทากับวา โน นั้นเปนจตุตถีวิภัตติหรือฉัฏฐีวิภัตติ มาริส (มงฺคล. ๒/๒๑๐/๑๖๑-๒) มาริส ปรากฏในมังคลัตถทีปนี ภาคที่ ๒ อยางนอย ๒ แหง ไดแก ใน ขอ ๒๑๐ และ ๓๙๐ แปลกันวา เพื่อนยาก ผูนิรทุกข ผูเชนกับดวยเรา มาริส [อมฺห+ทิส+กฺวิ] วิเคราะหวา มมิว นํ ปสฺสตีติ มาริโส, อหํ วิย โส ทิสฺสตีติ วา มาริโส๔ [ชื่อวา มาริส เพราะเห็นเขาเหมือนเห็นเรา, อีกประการหนึ่ง ชื่อวา มาริส เพราะเขาปรากฏเหมือนเรา] ๑ วินย. ๒/๗๗๔/๕๑๘. ๒ วินย. ๒/๗๗๔/๕๑๙. ๓ วินย. โย. ๒/๑๒๘. ๔ พันตรี ป. หลงสมบุญ, พจนานุกรม มคธ-ไทย, หนา ๕๗๔, ๕๗๖.
56.
มังคลัตถวิภาวินี ๔๒ อมฺห บทหนา ทิส
ธาตุ กฺวิ ปจจัย แปลง อมฺห เปน ม แลว ทีฆะ เปน มา แปลง ท ที่ ทิส เปน ร๑ ในหนังสือเรียนนั้น หนา ๑๖๒ ทานแกไววา มาริสาติ มยา สทิสฯ นาวหเร, ภเณ=น อวหรติ, ภรติ (มงฺคล. ๒/๒๑๒/๑๖๓) คำวา นาวหเร และ ภเณ ในมังคลัตถทีปนีภาคที่ ๒ ในคาถา ทายขอ ๒๑๒ ทานแปลวา ยอมไมลัก, ยอมไมพูด, ที่แปลเชนนี้ เพราะในแกอรรถขอ ๒๑๓ ทานแกเปน อวหรติ, ภณติ นักเรียนไดเรียนกันมาวา เอา เอยฺยาสิ, เอยฺยามิ, เอยฺย เปน เอ๒ เชน วนฺเท=วนฺเทยฺยาสิ, วนฺเทยฺยามิ, หรือ ใช เอ วัตตมานาวิภัตติ ฝายอัตตโนบท เชน วนฺเท=วนฺทามิ นาสงสัยวา อาวหเร และ ภเณ ในที่นี้ลงวิภัตติอะไร ทำไมทานแก อรรถเปน อวหรติ, ภณติ เปนไปไดไหมวา อวหเร และ ภเณ ลง เอยฺย วิภัตตินั่นแหละ (เอา เอยฺย เปน เอ) แตเพราะทานมุงอธิบายวา อวหเร และ ภเณ เปนกิริยาบงถึง ปจจุบันกาล ไมเชนอดีตกาลหรืออนาคตกาล จึงแกอรรถใหชัดวา อวหรติ, ภณติ ขอนี้บัณฑิตพึงชี้แนะดวยเมตตา อุปนาเมสิ (มงฺคล. ๒/๒๒๐/๑๖๘) อุปนาเมสิ [อุป+นม ธาตุ ในความนอม ภูวาทิคณะ+เณ+อี วิภัตติ] เปนเหตุกัตตุวาจก ๑ กจฺจายน. สูตร ๖๔๒, รูปสิทฺธิ. สูตร ๕๘๘, สัททนีติสุตตมาลา, สูตร ๑๒๖๙. ๒ สัททนีติสุตตมาลา, สูตร ๑๐๘๘ หนา ๑๐๐๔.
57.
พระมหานพพร อริยาโณ (สีเนย์)
๔๓ ลทฺธาน (มงฺคล. ๒/๒๒๓/๑๗๐) ลทฺธาน [ไดแลว] ลภ ธาตุ ในความได + ตฺวาน ปจจัย, หลัง ลภ ธาตุ เอา ตฺวาน ปจจัยเปน ทฺธาน และลบพยัญชนะที่สุดธาตุ๑ เสหิ (มงฺคล. ๒/๒๓๕/๑๗๘) เสหิ [ส+หิ] อันเปนของตน, ใช สยํ แทน อตฺตโน แปลง สยํ เปน ส, เปนคุณนาม แจกวิภัตติได ทั้งสองวจนะและใชไดทั้ง ๓ ลิงค๒ เชน เสหิ ทาเรหิ สนฺตุโ [ผูยินดีดวยภรรยา อันเปนของตน] วารุณี : ฤาษีเมาน้ำดอง (มงฺคล. ๒/๒๓๕/๑๗๘) น้ำเมา ชื่อวา วารุณีและสุรา เพราะดาบสวรุณะและพรานปาชื่อสุระ พบเปนครั้งแรก เรื่องมาในอรรถกถากุมภชาดก๓ ขอนำมาเลาโดยยอ นานมาแลว ที่ปาหิมพานตมีตนไมใหญแตกกิ่งเปน ๓ กิ่ง ตรงกลาง เปนโพรงมีน้ำขัง ใกลตนไมนั้นมีพืชตางๆ จำพวกสมอ มะขามปอม พริกไทย และขาวสาลีเกิดเอง ผลไมเหลานั้นสุกแลวรวงหลนลงที่โพรงไมนั้นบาง พวก นกคาบมากินแลวหลนลงที่โพรงนั้นบาง ตอมาธัญพืชเหลานั้นหมักดองจนกลายเปนน้ำเมา ถึงฤดูรอนพวกนก ลงกินน้ำในโพรงนั้น จนเกิดอาการเมามาย แตไมถึงตาย เพราะไมใชยาพิษ ตอมานายพรานชื่อสุระ เดินปาไปพบเขาจึงทดลองดื่มจนเมา และยัง นำมาใหดาบสชื่อวรุณะทดลองดื่มดวย จนเปนที่มาของน้ำเมาชื่อวา สุระ และ วารุณี (เรื่องยังมีตออีก, ดู สัททนีติสุตตมาลา สูตร ๘๐๐-๘๐๑) ๑ สัททนีติสุตตมาลา, สูตร ๑๒๐๗ หนา ๑๐๘๗. ๒ มหามกุฏราชวิทยาลัย, อธิบายบาลีไวยากรณ นามและอัพยยศัพท, หนา ๒๕. ๓ ชา.อ. ๗/๑๙๕. ใน พจนานุกรม มคธ-ไทย (หนา ๖๔๓) วา วรุเณน ปมํ ทิตฺตา วรุณโต ชายตีติ วารุณี [ชื่อวารุณีเพราะเกิดจากดาบสวรุณะ เหตุทานพบเปนคนแรก)
58.
มังคลัตถวิภาวินี ๔๔ อปฺปมาทกถา -๐- โยณฺณวา: สังเกตสังขยา (มงฺคล.
๒/๒๖๐/๑๙๓) อณฺณว เปน สังเกตสังขยา แปลวา ๔; ในหนังสือมังคลัตถทีปนี ภาค ที่ ๒ ขอ ๒๖๐ หนา ๑๙๓ ทานนำคาถาที่ ๑๑๘ แหงคัมภีรวุตโตทัย๑ มา แสดงวา นากฺขเรสุ ปาเทสุ สฺนาทิมฺหา โยณฺณวา วตฺตํ๒ ในวุตโตทยมัญชรี ทานแปลคาถานี้วา คาถาที่มี ย คณะทาย ๔ พยางค ไมมี ส น คณะทายพยางค แรก ในบาทที่มี ๘ พยางค ชื่อวา วัตตะ๓ ในมังคลัตถทีปนี ฉบับ มมร. ทานแปลวา ส คณะ และ น คณะ ยอมไมมี แตหนาอักษรตัวตนในบาท ทั้งหลายที่มี ๘ อักษร, ย คณะ ยอมมีไดแตหนา ๔ อักษรใน พฤทธิ์ใด พฤทธิ์นั้นชื่อวา "วัตตฉันท" เรียงศัพทเต็มประโยคใหตรงกับคำแปล มมร. วา น อกฺขเรสุ ปาเทสุ สฺนา อาทิมฺหา ภวนฺติ, ยสฺสํ วุตฺติยํ โย อณฺณวา โหติ, สา วุตฺติ วตฺตํ ๑ วุตโตทัย, คาถา ๑๑๘ ; คัมภีรวุตโตทัย (วุตฺโตทยปกรณํ) พระสังฆรักขิตะ ชาว ลังกา รจนาในราวพุทธศตวรรษที่ ๑๗ วาดวยฉันทลักษณ, สวนวุตโตทยมัญชรี เปนหนังสือ อธิบาย วุตโตทัย นั้น ๒ ในที่นี้ไดแก วตํ เปน วตฺตํ ใหตรงกับคัมภีรวุตโตทัย ๓ พระคันธสาราภิวงศ, วุตโตทยมัญชรี, พิมพครั้งที่ ๒, (กรุงเทพฯ: พิทักษอักษร, ๒๕๔๕), หนา ๓๐๕.
59.
พระมหานพพร อริยาโณ (สีเนย์)
๔๕ ยกศัพทมาแปลวา สฺนา ส คณะ และ น คณะ น ภวนฺติ ยอมไมมี อาทิมฺหา แตหนาอักษรตัวตน ปาเทสุ ในบาท ท. อกฺขเรสุ ที่มี ๘ อักษร, โย ย คณะ ภวติ ยอมมีได อณฺณวา แตหนา ๔ อักษร ยสฺสํ วุตฺติยํ ในพฤทธิ์ ใด สา วุตฺติ พฤทธิ์นั้น วตฺตํ โหติ ชื่อวา "วัตตฉันท." คำวา อณฺณวา ในคาถานั้น ทานแปลวา “แตหนา ๔ อักษร” อณฺณวา ศัพทเดิมเปน อณฺณว เปนปุงลิงค แปลวา หวงน้ำ ลง สฺมา ปญจมีวิภัตติ ได รูปเปน อณฺณวา (เทียบ ปุริสสฺมา ปุริสมฺหา ปุริสา) แต อณฺณวา ในที่นี้ทาน ใชเปนสังเกตสังขยา แปลวา ๔ ไมแปลวา หวงน้ำ สังเกตสังขยา ในคัมภีรวชิรสารัตถสังคหะ๑ เรียกวา โลกสัญญังกิต- สังขยา คือ จำนวนที่ชาวโลกหมายรูกัน เปนสังขยาที่กำหนดนิยมกันขึ้น เพื่อใหความหมายแทนเลขทั่วไป ทานใชสังขยานี้ตามสิ่งที่มีปรากฏ ชาวโลก รูกันทั่วไป มีจำนวนแนนอน ไมเพิ่มขึ้นหรือลดลงในกาลไหนๆ๒ เชน หตฺถ (มือ) แทนเลข ๒ (มือมี ๒ คือมือซาย ๑ มือขวา ๑) ภว แทนเลข ๓ (ภพ มี ๓ คือ กามภพ ๑ รูปภพ ๑ อรูปภพ ๑) อณฺณว (หวงน้ำ) ในที่นี้แทนเลข ๔ เพราะตามคติโบราณเชื่อกันวา แมน้ำใหญมี ๔ ไดแก ปตสาคร ขีรสาคร ผลิกสาคร และนีลสาคร๓ โดยมี ภูเขาสิเนรุอยูกึ่งกลางเปนเครื่องหมายกำหนด๔ ความจริง แมน้ำใหญ ๔ สาย มีหลายชุด ดังที่ปรากฏในอรรถ- กถาอัสสสูตร และอรรถกถาอัฏฐสาลินี เชน ๑ พระสิริรัตนปญญาเถระ (รจนาเสร็จ พ.ศ. ๒๐๗๘), แยม ประพัฒนทอง (แปล), วชิรสารัตถสังคหะ, (กรุงเทพฯ: วัดปากน้ำ, ๒๕๕๖), หนา ๗๙. ๒ พระคันธสาราภิวงศ, วุตโตทยมัญชรี, หนา ๓๒. (อธิบายคาถาที่ ๑๐) ๓ พระพุทธรักขิตาจารย (ชาวศรีลังกา), ชินาลงฺการฏีกา, (กรุงเทพฯ: โรงพิมพ วิญญาณ, ๒๕๔๕), หนา ๖๕-๖๖. ๔ พระสิริมังคลาจารย, จกฺกวาฬทีปนี, พิมพครั้งที่ ๒, (กรุงเทพฯ: สำนักหอสมุด แหงชาติ กรมศิลปากร, ๒๕๔๘), หนา ๔๒.
60.
มังคลัตถวิภาวินี ๔๖ ๑) อรรถกถาอัสสสูตร สังยุตตนิกาย๑
ทานวา มหาสมุทร ๔ กำหนด รอบเขาสิเนรุ ไดแก (๑) สมุทรเงิน อยูดานตะวันออก (๒) สมุทรแกวมณี อยูดานใต (๓) สมุทรแกวผลึก อยูดานตะวันตก และ (๔) สมุทรทอง อยูดานเหนือ ๒) อรรถกถาอัฏฐสาลินี๒ ทานวา สาคร ๔ ไดแก (๑) สังสารสาคร คือทางทองเที่ยวไปในวงแหงการเวียนวายตายเกิดซึ่งไมมีกำหนดเบื้องตน และที่สุด (๒) ชลสาคร คือทะเลหรือแมน้ำใหญ (๓) นยสาคร คือพระพุทธ- พจนหรือพระไตรปฎก และ (๔) ญาณสาคร คือพระสัพพัญุตญาณ ศัพทที่ใชเปนสังเกตสังขยาแทนเลข ๔ เชน อมฺพุธิ, ชลธิ, สินฺธุ, สมุทฺท (ทั้งหมดแปลวา สมุทร) คำวา สินฺธุโต ที่แปลวา ๔ นักเรียนเคยศึกษา มาแลว ในมังคลัตถทีปนี ภาคที่ ๑ ในประโยค ป.ธ. ๔ ดวยการใช อณฺณว เปนสังเกตสังขยา ทานจึงไมแปล อณฺณว วา หวง น้ำ แตแปลวา ๔, นักเรียนผูตองการความรูเพิ่มเติมควรศึกษาเรื่อง สังขยา ๕, ๖ และ ๗ ประเภท ตอไป โดยสาระสำคัญในคาถาดังกลาวนั้น ทานมุงสื่อความหมายวา ปฐยาวัตรฉันท ในบาท (บาทคี่) ที่มี ๘ อักษร หาม ส คณะ และ น คณะ ถัด จากอักษรที่ ๑, ใหใช ย คณะ ถัดจากอักษรที่ ๔ ดังแสดงในผังนี้ หาม ส, น ใช ย ๑ ๒ ๓ ๔ ๕ ๖ ๗ ๘ ถัดจากอักษรที่ ๑ ก็คือ ๒ ๓ ๔ ทานหาม ส คณะ และ น คณะ ถัด จากอักษรที่ ๔ ก็คือ ๕ ๖ ๗ ใหใช ย คณะ สวนอักษรที่ ๑ และ ๘ ไมบังคับ ส น และ ย คณะ คืออักษรที่มีเสียง ตอไปนี้ ๑ สํ.อ. ๒/๒๔๘. ๒ สงฺคณี.อ. ๑๗.
61.
พระมหานพพร อริยาโณ (สีเนย์)
๔๗ ส คณะ ลหุ ลหุ ครุ เชน สุคโต น คณะ ลหุ ลหุ ลหุ เชน สุมุนิ ย คณะ ลหุ ครุ ครุ เชน มเหสี ในขั้นนี้สรุปไดวา การแตงวัตรคาถา ในบาทคี่ (โบราณวา บาทขอน เขียนไวซายมือ) อักษรที่ ๒ ๓ ๔ หามแตงเปน ลหุ ลหุ ครุ หรือ ลหุ ลหุ ลหุ สวนอักษรที่ ๕ ๖ ๗ ตองแตงเปน ลหุ ครุ ครุ สังขยา ๕, ๖ และ ๗ ประเภท (สืบเนื่อง โยณฺณวา ใน มงฺคล. ๒/๒๖๐/๑๙๓) ความรูเรื่องสังขยา ๕, ๖ หรือ ๗ ประเภทที่จะกลาวตอไปนี้ ขอให ศึกษาเปนความรูประกอบเทานั้น นักเรียนไมควรจำไปตอบขอสอบบาลี สนามหลวง โดยขอใหถือวาเปนความรูประกอบ ในหลักสูตรบาลีสนามหลวงในปจจุบัน พวกเราเรียนกันมาวาสังขยา มี ๒ คือ ปกติสังขยา และ ปูรณสังขยา ความจริงสังขยายังมีอีกมาก ดังจะ แสดงตอไปนี้ ๑) สังขยา ๕ ประเภท ในคัมภีรไวยากรณทั้งหลาย เชน คัมภีรสัททนีติปทมาลา๑ คัมภีร- กัจจายนสุตตนิเทส๒ และคัมภีรปทวิจาร๓ เปนตน กลาววา สังขยา มี ๕ ไดแก มิสสกสังขยา คุณิตสังขยา สัมพันธสังขยา สังเกตสังขยา และอเนก- สังขยา [ดูคำแปลและคำอธิบายตอจากนี้] ทานประพันธเปนคาถาไวใน คัมภีรกัจจายนสุตตนิเทส วา ๑ สัททนีติปทมาลา, หนา ๙๙๒-๑๐๐๗. ๒ พระสัทธัมมโชติปาลเถระ (รจนา), พระมหานิมิตร ธมฺมสาโร (ปริวรรต), กัจจายนสุตตนิเทส, (กรุงเทพฯ: ไทยรายวัน, ๒๕๔๕), หนา ๑๙๕-๑๙๖. ๓ พระญาณาลังการเถระ (รจนา), จำรูญ ธรรมดา (แปล), ปทวิจาร, (กรุงเทพฯ: ไทยรายวันการพิมพ, ๒๕๔๗), หนา ๑๘๙.
62.
มังคลัตถวิภาวินี ๔๘ มิสฺสคุณิตสมฺพนฺธ- สงฺเกตาเนกเภทโต สงฺขฺยา ปฺจวิธา
เยฺยา ปาิยา คตินยโต ฯ [สังขยามี ๕ ประเภท พึงทราบโดยจำแนกเปนมิสสกสังขยา, คุณิต- สังขยา, สัมพันธสังขยา, สังเกตสังขยา และอเนกสังขยา ตามนัยที่ดำเนินไป ในพระบาลี]๑ ๒) สังขยา ๖ ประเภท ในคัมภีรวชิรสารัตถสังคหะ๒ ทานวา สังขยา มี ๖ (จาก ๕ นั้น เพิ่ม ปริมาณสังขยา ๑ เปน ๖) ไดแก (๑) มิสสกสังขยา (๒) คุณสังขยา (๓) สัมพันธสังขยา (๔) สังเกต- สังขยา (๕) อเนกปริยายสังขยา และ (๖) อเนกปริมาณสังขยา [ดูคำแปล และคำอธิบายตอจากนี้] และทานประพันธเปนคาถาไววา คุณมิสฺสกสมฺพนฺธ- สงฺเกตปริมาณโต สงฺขฺยาโย ฉพฺพิธา วุตฺตา อเนกปริยายโต ฯ [สังขยามี ๖ ประเภท กลาวไวตามคุณิตสังขยา, มิสสกสังขยา, สัมพันธสังขยา, สังเกตสังขยา, ปริมาณสังขยา และอเนกปริยายสังขยา]๓ ๓) สังขยา ๗ ประเภท สวนในหนังสือชื่อ ปทวิจารทีปนี๔ ทานวา สังขยา มี ๗ ประเภท คือ เพิ่ม ปกติสังขยา และ ปริมาณสังขยา เขาไปอีก [๕ เพิ่ม ๒ เปน ๗] ดังนี้ ๑ พระคันธสาราภิวงศ, สารัตถทีปนีฎีกา มหาวรรควรรณนา แปล, (กรุงเทพฯ: โครงการแปลคัมภีรพุทธศาสน, ๒๕๕๑), หนา ๑๑๙. ๒ พระสิริรัตนปญญาเถระ (รจนาเสร็จ พ.ศ. ๒๐๗๘), แยม ประพัฒนทอง (แปล), วชิรสารัตถสังคหะ, คาถา ๒๖๒ หนา ๑๘๐. ๓ พระคันธสาราภิวงศ, สารัตถทีปนีฎีกา มหาวรรควรรณนา แปล, หนา ๑๑๙. ๔ พระมหานิมิตร ธมฺมสาโร, ปทวิจารทีปนี, (กรุงเทพฯ: ไทยรายวันการพิมพ, ๒๕๔๗), หนา ๖๓๒-๖๖๓.
63.
พระมหานพพร อริยาโณ (สีเนย์)
๔๙ (๑) มิสสกสังขยา (๒) คุณสังขยา (๓) สัมพันธสังขยา (๔) สังเกต- สังขยา (๕) อเนกสังขยา/อเนกปริยายสังขยา (๖) ปกติสังขยา และ (๗) ปริมาณสังขยา ตอไปจะนำคำแปล และคำอธิบายสังขยาทั้ง ๗ ประเภทมาแสดง ดังตอไปนี้ ๑. มิสสกสังขยา สังขยาที่ไดมาดวยวิธีการบวก เชน จตุ จ ทส จ จตุทฺทส “สี่บวกสิบเทากับสิบสี่” คำวา จตุทฺทส เปนสังขยาที่ไดจากผลลัพธ ของการบวก จตุ + ทส เชน ทเสตฺถ ราชิโย เสตา ทสฺสนียา มโนรมา ฉ ปงฺคลา ปนฺนรส หลิทฺทาภา จตุทฺทสาติ [เพชรเม็ดนี้ มีลายเสนสีขาว ๑๐ เสน ลายเสนแดง ๒๑ เสน และ ลายเสนสีเหลืองดุจขมิ้น ๑๔ เสน งดงามตระการตา ตระการใจ] ในตัวอยางนี้ มิสสกสังขยา คือ ศัพทวา ฉ ปงฺคลา ปนฺนรส (ปณฺณรส) ที่แปลวา “มีลายเสนแดง ๒๑ เสน” คือ ฉ=๖+ปณฺณรส=๑๕ บวกกันแลวเทากับ ๒๑ ๒. คุณิต/คุณสังขยา สังขยาที่ไดมาดวยวิธีการคูณ เชน สตสฺส ทฺวิกํ ทฺวิสตํ “หมวด ๒ แหงรอย เปนสองรอย” (๒x๑๐๐) ในตัวอยางนี้ คำวา ทฺวิสตํ เปนสังขยาที่ไดจากผลลัพทของการคูณ วรทิพฺราสุสขลํ อุทฺวิปกุอมํนิติ ติปฺจ คมฺภีรา ปฺหา สมฺพุทฺเธน วิยากตา๑ [ปญหาลุมลึก ๑๕ ขอ พระสัมมาสัมพุทธเจา ทรงพยากรณแลว คือ วะ, ระ, ทิ, พฺรา, สุ, สะ, ขะ, ลํ, อุ, ทฺวิ, ป, กุ, อะ, มํ, นะ] ๑ วชิรสารัตถสังคหะ, คาถา ๒๕ หนา ๑๙.
64.
มังคลัตถวิภาวินี ๕๐ นักศึกษาพึงดูเฉลยปญหาลุมลึกนี้ที่ วัมมิกสูตร ในมัชฌิมนิกาย๑,
สวน ในตัวอยางนี้ คุณิตสังขยา คือ ศัพทวา ติปฺจ (สิบหา) เพราะ ติ (๓) คูณ ปฺจ (๕) เทากับ ๑๕ ๓. สัมพันธสังขยา สังขยาที่ไดมาดวยการเชื่อมโยงคำสังขยา โดยมี คำใดคำหนึ่งเปนคำแสดงหลักของสังขยา สวนคำที่เหลือตองสัมพันธเขากับ คำนี้ เชน อสิสตสหสฺสุพฺเพโธ คิริราชา [เขาสุเมรุ สูงหนึ่งแสนหก หมื่นแปดพันโยชน] ในตัวอยางนี้ สหสฺส เปนคำแสดงหลัก และนำคำที่เหลือเชื่อมเขา จึง เปน อสหสฺส (๘,๐๐๐) สิสหสฺส (๖๐,๐๐๐) สตสหสฺส (๑๐๐,๐๐๐) รวมเปนหนึ่งแสนหกหมื่นแปดพัน ๔. สังเกตสังขยา หรือ โลกสัญญังกิตสังขยา คือ จำนวนที่ชาวโลกรู กัน เปนสังขยาที่กำหนดนิยมกันขึ้นเพื่อใหความหมายแทนเลขทั่วไป ทานใช สังขยานี้ตามสิ่งที่มีปรากฏ ชาวโลกรูกันทั่วไป มีจำนวนแนนอน ไมเพิ่มขึ้น หรือลดลงในกาลไหนๆ๒ เชน ปาทเปโก ภวกฺขนฺโธ สรสาโข พหูทโล สิเนรุคฺโค สุผลโท อวิสุ อิติ นามโก [ตนไมหนึ่งตน มีลำตน ๓ มีกิ่ง ๕ มีใบมาก มียอด ๑ ใหผลดี มี นามวา อวิสุ] ในตัวอยางนี้ คำวา ภว, สร, สิเนรุ เปนสังเกตสังขยา คือ ภว แทน เลข ๓ เพราะภพมี ๓, สร แทนเลข ๕ เพราะลูกศรของพญามารมี ๕, สิเนรุ แทนเลข ๑ เพราะเขาสิเนรุมีลูกเดียว ๕. อเนกสังขยา หรือ อเนกปริยายสังขยา คือ สังขยาที่มีคามากจน ไมสามารถกำหนดเจาะจงลงไปได สวนมากใชคำวา สต และ สหสฺส เปนคำ ๑ ม.มู. ๑๒/๒๘๙/๒๘๐. ๒ พระคันธสาราภิวงศ, วุตโตทยมัญชรี, อธิบายคาถา ๑๐ หนา ๓๒.
65.
พระมหานพพร อริยาโณ (สีเนย์)
๕๑ แสดงแทนจำนวนมาก โดยใจความวา มากเหลือเกิน คงตรงกับวลีใน ภาษาไทยวา “มีเปนรอย” โดยสื่อความวา มีมากมาย เชน สตเตโช ทิวากโร “พระอาทิตยมีพลังงานเปน ๑๐๐” แมคำวา ปโรสตํ กวารอย, ปโรสหสฺสํ กวาพัน ก็นาจะนับเขาสังขยาประเภทนี้ ๖. ปริมาณสังขยา สังขยาที่นับโดยกำหนดจำนวน ระยะ ขนาด น้ำหนัก ตามมาตราวัดตวงชั่ง เชน ถามวา กึปมาโณ กุมารสฺส ชาโต [เด็ก เกิดนานเทาไร] ตอบวา มาโส ชาตสฺส อสฺส [หนึ่งเดือน] (คำวา มาโส เปน ชื่อของ ๓๐ ราตรี คือ ๓๐ วันเปน ๑ เดือน), นี้จัดเปนปริมาณสังขยา แมมาตราวัดตามวิธีโบราณก็พึงทราบวาเปนปริมาณสังขยา เชน ๑ ปสตะ (ซองมือ) ชื่อวา ๑ กุฑุวะ, ๔ กุฑุวะ เปน ๑ ปตถะ, ๔ ปตถะ เปน ๑ อาฬหกะ เปนตน ๗. ปกติสังขยา คือจำนวนนับ ที่นับโดยปกติ เชน เอโก (๑) เทฺว (๒) ตโย (๓) เปนตน, ปกติสังขยานี้ มีปรากฏในวิชา บาลีไวยากรณ หลักสูตร บาลีสนามหลวงที่เรียนกันนี้แลว จึงไมตองอธิบายใหมากนัก เทาที่แสดงมานี้ ผูศึกษาพึงทราบวา สังขยามีหลายประเภท นับ จำนวนได ๗ ประเภทแลว ถานับรวม ปูรณสังขยา ที่เรียนกันมาในหลักสูตร บาลีไวยากรณเขาไปอีกก็รวมเปน ๘ ประเภท ที่จริงมีสังขยา ที่ไมไดกลาวถึงในที่นี้อีก เชน วัณณสังขยา (สังขยาใช อักษรแทนเลข), ปฎกสังขยา (ประชุมตัวอักษรแทนเลข) เทานี้ก็เห็นวามี รายละเอียดมากแลว จึงยุติคำอธิบายไวกอน ขอใหนักศึกษาไปคนควาตอที่ หนังสือ ปทวิจารทีปนี (หนา ๖๔๘) และ วชิรสารัตถสังคหะ (หนา ๘๕) ถึงตอนนี้นักเรียนคงจะตอบตัวเองในใจไดแลววา ทำไมในหลักสูตร บาลีไวยากรณ ทานจึงแสดงสังขยาไวเพียง ๒ อยาง คือ ปกติสังขยา และ ปูรณสังขยา, เพราะลำพังแคสังขยา ๒ อยางนั้น นักเรียนก็จดจำทำความ เขาใจจะไมไหวแลว ถาทานแสดงสังขยาไวหลายอยาง คงไมเหมาะสำหรับ นักเรียนผูเริ่มศึกษา
66.
มังคลัตถวิภาวินี ๕๒ สตฺตมคาถายตฺถวณฺณนา คารวกถา -๐- ปณฺฑุปลาส (มงฺคล. ๒/๒๗๔/๒๐๔) ปณฺฑุปลาส
แปลวา ใบไมเหลือง (ใบไมเกา), คนเตรียมบวช, คนจะ ขอบวช๑ เชน ในมังคลัตถทีปนี ภาคที่ ๒ ขอ ๒๗๔ วา ตตฺถ ปณฺฑุปลาสสฺส ถาลเก ปกฺขิปตฺวาป ทาตุ วฏติ ฯ [บรรดาคนเหลานั้น สำหรับปณฑุปลาส แมจะใสภาชนะใหก็ควร] วตฺตํ/วฏฏํ แปลวา ค่าใช้สอย (มงฺคล. ๒/๒๗๗/๒๐๗-๘) นักเรียนคอนขางคุนเคยคำวา วตฺต ที่แปลวา วัตร พอมาพบ วตฺต ที่ แปลวา ทรัพยคาอาหาร ก็สงสัย, ผูเขียนนี้คนควาแลว บันทึกไวดังนี้ วตฺต ในคำวา ปกติวตฺตํ และ ปากวตฺตโต ในมังคลัตถทีปนี ภาคที่ ๒ ขอ ๒๗๗ หนา ๒๐๗-๒๐๘ ทานแปลวา ทรัพยคาอาหาร ผูเขียนนี้ไดตรวจดู อรรถกถาและฎีกาเภสัชชกรณวัตถุที่ทานอางแลว พบวา ในอรรถกถาและ ฎีกานั้นทานใช วฏ ไมใช วตฺต ในแหลงเดิมจึงเปน ปกติวฏํ, ปากวฏโต ฉะนั้น นักเรียนที่ตองการขอมูลซึ่งตรงกับแหลงเดิม ควรแก ปกติวตฺตํ เปน ปกติวฏํ, แก ปากวตฺตโต เปน ปากวฏโต คำวา ปกติวฏํ ในที่นี้มาในอรรถกถาเภสัชชกรณวัตถุ แหงคัมภีร สมันตปาสาทิกา๒ สวนคำวา ปากวฏโต มาในสารัตถทีปนีฎีกา๓ แตใน ๑ พระพรหมคุณาภรณ (ป.อ.ปยุตฺโต), พจนานุกรมพุทธศาสน ฉบับประมวลศัพท, พิมพครั้งที่ ๑๑, (กรุงเทพฯ: บริษัท เอส. อาร. พริ้นติ้ง แมส โปรดักส จำกัด, ๒๕๕๑), หนา ๒๓๔. ๒ วินย.อ. ๑/๕๘๑. ๓ สารตฺถ.ฏี. ๒/๔๒๘.
67.
พระมหานพพร อริยาโณ (สีเนย์)
๕๓ อรรถโยชนาวินัยกลับแปลกออกไปวา วตฺต ทานทำเชิงอรรถบอกไววาปาฐะ เปน วฏ และอธิบายวา ปกติวตฺตํ คือ ปกติทานวตฺตํ๑ (ทรัพยคาอาหาร หมายถึง ทาน/การให) ศัพทวา วฏ แปลไดหลายอยาง แตในที่นี้แปลวา คาใชสอย (ปริพฺพย) เปนปุงลิงค๒ เขาใจวาทานถือตามนัยนี้จึงแปล วตฺต (ที่จริงคือ วฏ) วา ทรัพยคาอาหาร ดังที่กลาวแลว บางอาจารยแปลวา วัตถุอันบุคคล พึงใหเปนไป, วัตถุเปนเครื่องเปนไป๓ การที่ วตฺต กลายเปน วฏ นี้ ถาวาตามหลักการอาเทสในสนธิแลว พอเปนไปไดหรือไม ดังตัวอยางที่วา ทุกฺกตํ เปน ทุกฺกฏํ๔ แตหลักการนี้มีผูตั้ง ขอสังเกตวา การเปลี่ยน ต เปน ฏ มักเปลี่ยนทายธาตุที่มี ร อักษรอยูทาย๕ ขอฝากใหศึกษาคนควากันตอไป ในขั้นนี้ สรุปไดแตเพียงวา วตฺต ในมังคลัตถทีปนี ไมตรงกับตนแหลง เดิม และยังไมวินิจฉัยวาที่ถูกควรเปน วตฺต หรือ วฏ หรือถูกทั้งสองอยาง ในจำนวนหนังสือเรียนตามหลักสูตรบาลีสนามหลวงนี้ ปรากฏศัพทวา ปากวตฺต อยางนอย ๓ แหง คือ ในหนังสือธัมมปทัฏฐกถาภาค ๓ เรื่อง โจร ผูทำลายปม (คณฺเภทกโจรวตฺถุ) ๒ แหง และในภาค ๖ เรื่องนันทิยะ (นนฺทิยวตฺถุ) ๑ แหง๖ รวมกับในมังคลัตถทีปนีนี้เปน ๔ แหง สวนคำวา ปกติวตฺต นั้นยังหาไมพบในที่อื่น ๑ วินย.โย. ๑/๔๐๙. ๒ อภิธานัปปทีปกา. คาถา ๑๐๑๘. ๓ พันตรี ป. หลวงสมบุญ, พจนานุกรม มคธ-ไทย, หนา ๖๒๗. ๔ โมคฺ. สูตร ๑.๕๒. ๕ ปทวิจารทีปนี, หนา ๑๙๙. ๖ ธ.อ. ๓/๑๒๔, ธ.อ. ๖/๑๕๕.
68.
มังคลัตถวิภาวินี ๕๔ เพราะปรากฏศัพทในธัมมปทัฏฐกถานี้เอง ในพจนานุกรมบาลี-ไทย ธรรมบทภาค ๑-๔
อาจารยบุญสืบ อินสาร๑ จึงอธิบายไววา ปากวตฺตํ (ธนํ) แปลวา ทรัพยอันเปนไปเพื่อวัตถุอันบุคคลพึง หุงตม วิเคราะหวา ปจิตพฺพนฺติ ปากํ [ปจ ธาตุ ณ ปจจัย] ปากสฺส (วตฺถุสฺส) วตฺตตีติ ปากวตฺตํ (ธนํ) [วตฺต ธาตุ อ ปจจัย] ธมฺมสฺส โกวิทา: หักฉัฏฐีเปนสัตตมี (มงฺคล. ๒/๒๘๕/๒๑๕) ธมฺมสฺส ในที่นี้เปนฉัฏฐีวิภัตติ แตใชอรรถสัตตมีวิภัตติ พูดอยางไม เปนทางการวา หักฉัฏฐีเปนสัตตมี ขอวา ธมฺมสฺส โกวิทา๒ ในอรรถกถาทาน อธิบายไววา เชาปจายนธมฺเม กุสลา๓ จึงแปลวา ฉลาดในธรรม ไม แปลวา ฉลาดแหงธรรม (ถานักเรียนแปลฉลาดแหงธรรม ถือวาไมมีภูมิรู จัดเปนศิษยนอกสำนัก) ทั้งนี้มีหลักการวา ฉัฏฐีวิภัตติใชในอรรถแหงสัตตมีวิภัตติในที่ประกอบดวยบทที่มีอรรถ วาฉลาด เปนตน๔ เชน มคฺคามคฺคสฺส โกวิทา (ธ.อ. ๘/๑๒๙) [ฉลาดใน มรรคและไมใชมรรค] แตในที่บางแหง แมจะประกอบดวยบทที่มีอรรถวาฉลาด ทานก็คงใช สัตตมีวิภัตติ นั่นเอง ไมใชฉัฏฐีวิภัตติ (มีตัวอยางมาก นำมาแสดงแค ๒ ก็ พอ) เชน ในปณามคาถา แหงธัมมปทัฏฐกถาวา ธมฺมาธมฺเมสุ โกวิโท และ ปรมัตถทีปนีวา อิทฺธิปาเทสุ โกวิโท๕ ๑ บุญสืบ อินสาร, พจนานุกรมบาลี-ไทย ธรรมบทภาค ๑-๔, (กรุงเทพฯ: มูลนิธิ สงเสริมสามเณร ในพระสังฆราชูปถัมภ วัดพระราม ๙ กาญจนาภิเษก, ๒๕๕๕), หนา ๕๑๙. ๒ ขุ.ชา. ๒๗/๓๗/๑๒. ๓ ชา.อ ๑/๓๘๕. ๔ กจฺจายน. สูตร ๓๐๘, รูปสิทฺธิ. สูตร ๓๑๗, สัททนีติสุตตมาลา, สูตร ๖๓๙. ๕ ธ.อ. ๑/๑, เถร.อ. ๑/๕๑๙.
69.
พระมหานพพร อริยาโณ (สีเนย์)
๕๕ นิวาตกถา -๐- เกสรสีหา : ในราชสีห ๔ ประเภท (มงฺคล. ๒/๒๙๐/๒๒๑) ในขอความวา ชาติสมฺปนฺนา หิ สุรตฺตหตฺถปาทา เกสรสีหา ตาทิสสฺส ชรสิคาลสฺส อาณ น กริสฺสนฺติ [เพราะพระยาไกรสรสีหะเปนสัตว สมบูรณโดยชาติ มีเทาหนาและเทาหลังอันแดงดี จักไมทำตามคำสั่งของสุนัข จิ้งจอกแกผูเชนกับดวยทาน], ในที่นี้ควรศึกษาเรื่องราชสีหไวเปนความรู ประกอบ, ในอรรถกถาทานอธิบายไววา ราชสีห มี ๔ จำพวก ไดแก ๑.ติณราชสีห มีรูปรางเหมือนแมโค สีคลายนกพิราบ และกินหญา เปนอาหาร ๒.กาฬราชสีห มีรูปรางเปนเหมือนแมโคดำ กินหญาเปนอาหาร เหมือนกัน ๓.ปณฑุราชสีห มีรูปรางเปนเหมือนแมโคสีคลายใบไมเหลืองกิน เนื้อเปนอาหาร ๔.ไกรสรราชสีห ประกอบดวย (ลักษณะคือ) ดวงหนา (ที่สวยงาม) เปนเหมือนมีใครเอาน้ำครั่งมาแตงเติมไวหางที่มีปลายสวยงามและปลายเทา ทั้ง ๔ ตั้งแตศีรษะของราชสีหนั้นลงไปมีแนวปรากฏอยู ๓ แนวซึ่งเปนเหมือน มีใครมาแตมไว ดวยสีน้ำครั่ง สีชาด และสีหิงคุ แนวทั้ง ๓ นั้นผานหลังไป สุด ที่ภายในขาออน เปนวงทักษิณาวรรต ที่ตนคอของไกรสรราชสีหนั้น มีขนขึ้น เปนพวง เหมือนวงไวดวยผากัมพล ราคาตั้งแสน สวนที่เหลือ ภายใน รางกายมีสีขาวบริสุทธิ์ เหมือนแปงขาวสาลี และผงจุณแหงสังข๑ บรรดาราชสีห ๔ จำพวกนี้ ไกสรราชสีห เปนยอด คือเปนพระยา ราชสีห ผูเปนเจาแหงปา๒ ๑ สํ.อ. ๒/๔๔๔, องฺ.อ. ๒/๔๘๕, ที.อ. ๓/๑๙. ๒ สุตฺต.อ. ๑/๑๗๑.
70.
มังคลัตถวิภาวินี ๕๖ สนฺตุิกถา -๐- อิติ มาสฑฺฒ...วิตกฺกสนฺโตโส นาม
(มงฺคล. ๒/๓๐๘/๒๔๐) ขอวา อิติ มาสฑฺฒ...วิตกฺกสนฺโตโส นาม ทานละขอความที่เหลือไว นักเรียนพึงนำขอความ ในขอ ๓๐๕ หนา ๒๓๔ มาเติม ดังตอไปนี้ อิติ มาสฑฺฒมาสมตฺต วิตกฺกน วิตกฺกสนฺโตโส นาม ฯ [การตรึกสิ้น กาลเดือนหนึ่งหรือกึ่งเดือน ดังนี้ ชื่อวา วิตักกสันโดษ] หายติ (มงฺคล. ๒/๓๑๒/๒๔๕) ทานแปล หายติ อตฺถมฺหา ในมังคลัตถทีปนี เลม ๒ ขอ ๓๑๒ หนา ๒๔๕ (ในคาถา) เปนกัตตุวาจก วา ยอมเสื่อม จากประโยชนตน [หายติ= หา ปริหานิยํ+ย+ติ]๑ นี้ไมมีปญหาอะไร สวน หายติ ในคาถาวา หายตตฺตานํ ขอ ๓๑๓ หนา ๒๔๖ หนังสือ ฉบับแปลไทยทุกเลมที่ผูเขียนนี้มีในปจจุบัน๒ แปลเปนเหตุกัตตุวาจก วา ยอมยังประโยชนตนใหเสื่อม ดวยเหตุผลวาทานแก หายติ เปน ชิยฺยติ= ใหยอยยับ ดังนั้นจึงแปล หายติ เปนเหตุกัตตุวาจกดวย๓ นาสงสัยวา ชิยฺยติ เปนเหตุกัตตุวาจกจริงหรือ ในเรื่องวา หายติ และ ชิยฺยติ เปนเหตุกัตตุวาจกนี้ ขอใหบัณฑิต เมตตาชี้แนะและฝากนักศึกษาคนควากันตอไป เพราะเทาที่คนพบในคัมภีร ๑ สัททนีติธาตุมาลา, หนา ๖๒๙. ๒ หนังสือแปลที่ผูเขียนนี้มีไวเปนที่ปรึกษา ๔ ฉบับ ไดแก ฉบับแปลโดย (๑) มมร. (๒) พระมหาสมบูรณ ทสฺสธมฺโม (๓) อาจารยบุญสืบ อินสาร และ (๔) สมเด็จพระวันรัต (เขมจารีมหาเถระ) เรียกวา ฉบับ มหาธาตุวิทยาลัย ส. ธรรมภักดี จัดพิมพ ๓ บุญสืบ อินสาร, คูมือแปลมังคลทีปนี ภาค ๒, พิมพครั้งที่ ๓, (กรุงเทพฯ: สืบสาน พุทธศาสน, ๒๕๕๖), เชิงอรรถ หนา ๑๙๕.
71.
พระมหานพพร อริยาโณ (สีเนย์)
๕๗ ไวยากรณ ทานวา หายติ และ ชิยฺยติ เปนกัตตุวาจก [ชร+ณฺย+ติ] (แปลง ชร เปน ชีร หรือ ชิยฺย เชน ชีรติ ชิยฺยติ ยอมแก)๑ เปนไปไดหรือไมวา ณฺย ใน ที่นี้เปนไดทั้ง ณฺย ปจจัยประจำหมวดจุรธาตุ ในกัตตุวาจก และเปนทั้ง ณฺย ปจจัยในเหตุกัตตุวาจกดวย อีกประการหนึ่ง นาสังเกตวา คาถาในมังคลัตถทีปนี ขอ ๓๑๓ ไมตรง กับอรรถกถาวิภังคชื่อสัมโมหวิโนทนีที่ทานอาง คือในมังคลัตถทีปนีนี้ปรากฏวา อตฺริจฺฉํ อติโลเภน อติโลภมเทน จ เอวํ โส หายตตฺตานํ จนฺทํว อสิตาภุยาติฯ สวนในอรรถกถาวิภังคชื่อสัมโมหวิโนทนีที่ใชอางอิงกันในปจจุบัน (ทั้ง ฉบับ มจร. มมร.) วา อตฺริจฺฉา อติโลเภน อติโลภมเทน จ เอวํ หายติ อตฺถมฺหา อหํว อสิตาภุยาติฯ๒ ทานทำเชิงอรรถวา อตฺริจฺฉา ฉบับพมาเปน อตฺริจฺฉํ คาถานี้ไมตรงกับ ที่ทานแจงไวในมังคลัตถทีปนี แตกลับไปตรงกับอรรถกถาอสิตาภุชาดก๓ ถึงตอนนี้ก็ตองขอฝากใหศึกษากันตอไป วา ใน ๒ คัมภีรคืออรรถกถา วิภังคที่ใชกันในปจจุบันกับมังคลัตถทีปนี คัมภีรไหนถูกชำระจนขอความตก หลนจนแตกตางกัน ที่จริงขอความในมังคลัตถทีปนี ขอ ๓๑๓ (แกอรรถใตคาถา) ที่วา หายติ ชิยฺยติ นั้น ในอรรถกถาวิภังคซึ่งเปนตนแหลงเดิมทานใชศัพทตางกัน วา หายติ ชียติ๔ ซึ่งเมื่อตรวจดูคัมภีรบาลีไวยากรณ แลวก็ทราบวา ชียติ เปนกัตตุวาจก [เช+อ+ติ] มีอรรถเดียวกับ หายติ ศัพทวา ชียติ ประกอบดวย ๑ สัททนีติสุตตมาลา, สูตร ๑๐๑๘ หนา ๙๗๐. ๒ วิภงฺค.อ. ๑/๗๕๖. ๓ ชา.อ. ๓/๓๕๙. ๔ วิภงฺค.อ. ๑/๗๕๖.
72.
มังคลัตถวิภาวินี ๕๘ เช ธาตุในความสิ้น, เสื่อม
แปลง เอ เปน อีย ชียติ ยอมเสื่อม๑ เปนกัตตุ วาจก สวนในมังคลัตทีปนี ขอ ๓๑๓ ที่วา ตํ ชิยฺยติ จนฺทกินฺนรึ ในฎีกา วิภังค๒ ฉบับที่ใชในปจจุบันกลับเปน นํ ชีรติ จนฺทกินฺนรึ แตถึงอยางไรก็ตาม ทั้งที่ทราบวาขอความไมตรงกับอรรถกถาและ ฎีกา นักเรียนก็ควรยึดขอความในหนังสือเรียน (คือมังคลัตถทีปนี) นี้เปน หลัก ควรแปลแบบรักษาขอความที่ปรากฏในหนังสือเรียนนี่เอง ไมควรดวน ไปแกไขขอมูลของทานจนเสียรูปเดิม ซึ่งจะมีผลเสียในระยะยาว สรุปวา หายติ ในขอ ๓๑๒ ทานแปลเปน กัตตุวาจก สวนในขอ ๓๑๓ ทานแปลเปน เหตุกัตตุวาจก ถูกผิดอยางไรขอฝากใหบัณฑิตรวมกัน พิจารณา ปญฺาเปสิ : เป็นทัง กัตตุ. และ เหตุ.กัต.? (มงฺคล. ๒/๓๒๗/๒๕๗) ปฺาเปสิ บัญญัติแลว, ตั้งไวแลว, ปูลาดแลว ป+ป ธาตุ ในความ บัญญัติ, แตงตั้ง, ปูลาด (นิกฺเขปเน)+เณ ปจจัย ในหมวดจุรธาตุ+อี อัชชัตตนี วิภัตติ ลง ส อาคม รัสสะ อี เปน อิ, มีรูปเปนรัสสะก็มี เชน ปฺเปติ๓ เปนกัตตุวาจก อีกนัยหนึ่งวา ปฺาเปสิ เปนเหตุกัตตุวาจก แปลวา ให...รูโดย ประการตาง ประกอบดวย ป+า ธาตุ ในความรู (อวโพธเน)+ณาเป ปจจัย+อี อัชชัตตนีวิภัตติ ลง ส อาคม รัสสะ อี เปน อิ๔ ๑ สัททนีติธาตุมาลา, หนา ๑๑๗. ๒ วิภงฺค.มูลฏี. ๑/๒๓๖. ๓ สัททนีติธาตุมาลา, หนา ๘๒๗. ๔ พระมหานิมิตร ธมฺมสาโร และคณะ, วิชา สัมพันธไทย ธรรมบทภาคที่ ๕ ฉบับ แกไข/ปรับปรุง, (กรุงเทพฯ : ประยูรสาสนไทย การพิมพ, ๒๕๕๒), หนา ๕๑.
73.
พระมหานพพร อริยาโณ (สีเนย์)
๕๙ ปริสฺสยานํ สหิตา (มงฺคล. ๒/๓๕๑/๒๖๘) สหิตา [สหฺ+อิ+ตุ+สิ] ในขอวา ปริสฺสยานํ สหิตา แปลวา ครอบงำ, คำวา สหิตา ประกอบดวย สหฺ ธาตุ ตุ ปจจัย๑ ในนามกิตก ลง สิ ปฐมา- วิภัตติ เอกวจนะ วิเคราะหวา สหตีติ สหิตา ผูครอบงำ/ผูทนทาน (ลง อิ อาคม)๒, เปนกัตตุรูป กัตตุสาธนะ, ศัพทเดิมเปน สหิตุ แจกแบบ สตฺถุ เอา อุ การันต กับ สิ เปน อา๓ กปฺป ศัพท์ : ใชในอรรถเปรียบเทียบ (มงฺคล. ๒/๓๕๒/๒๖๙) กปฺป ในคำวา ขคฺควิสาณกปฺโป แปลวา เหมือน/เชนกับ/เสมือน มี ความหมายเดียวกับ สทิส เพราะใชในอรรถวาเปรียบเทียบ (ปฏิภาค) ความจริง กปฺป ศัพทนี้ มีความหมายหลายอยาง เชน อภิสทฺทหน (เชื่อ, เชื่อถือ), โวหาร (กลาว, พูด, บอก), กาล (เวลา, สมัย) ปฺตฺติ (ชื่อ, ชื่อที่ตั้ง) พึงศึกษาความหมายของ กปฺป ศัพทในคัมภีรสัททนีติธาตุมาลา๔ นิทฺธเม=นิทฺธเมยฺย (มงฺคล. ๒/๓๖๐/๒๗๓) นิทฺธเม [นิ+ธมฺ สทฺทคฺคิสํโยเคสุ+อ+ติ] พึงกำจัด นิ อุปสัค ธมฺ ธาตุใน ความเปาและกอไฟ (สทฺทคฺคิสํโยเคสุ) อ ปจจัย เอยฺย สัตตมีวิภัตติ แปลง เอยฺย เปน เอ๕ ๑ กจฺจายน. สูตร ๕๒๗, รูปสิทฺธิ. สูตร ๕๖๘, สัททนีติสุตตมาลา, สูตร ๑๑๐๙. ๒ กจฺจายน. สูตร ๖๐๕, รูปสิทฺธิ. สูตร ๕๔๗; พระมหาศักรินทร ศศพินทุรักษ, หลัก- ควรจำบาลีไวยากรณ, หนา ๑๙๒. ๓ สมเด็จพระมหาสมณเจา กรมพระยาวชิรญาณวโรรส, บาลีไวยากรณ วจีวิภาค ภาคที่ ๒ นามและอัพยยศัพท, (กรุงเทพฯ: มหามกุฏราชวิทยาลัย, ๒๕๓๑), หนา ๖๑. ๔ สัททนีติธาตุมาลา, หนา ๘๓๑-๘๓๒. ๕ สัททนีติสุตตมาลา. สูตร ๑๐๘๘; สัททนีติธาตุมาลา. หนา ๓๖๐.
74.
มังคลัตถวิภาวินี ๖๐ กตฺุตากถา -๐- ทเท=ททามิ, มุญฺเจ=มุญฺจามิ (มงฺคล.
๒/๓๖๒/๒๗๖) ทเท [ทา+อ+เอ] ในขอวา ตสฺมา เตส อิณ ทเท [เพราะฉะนั้น เราจึง ใหหนี้แกลูกนกเหลานั้น], ทเท ในที่นี้ลง เอ วัตตมานาวิภัตติ ฝายอัตตโนบท ใชแทน มิ, มีตัวอยางปรากฏอยูบาง เชน วนฺเท = วนฺทามิ๑ ลเภ = ลภามิ๒ กเร = กโรมิ๓ แมคำวา มฺุเจ ในคาถาเดียวกันนี้ ก็พึงทราบวา มฺุเจ=มฺุจามิ ใช เอ แทน มิ ฯ คตโยพฺพนา (มงฺคล. ๒/๓๖๒/๒๗๖) คตโยพฺพนา เปนตติยาพหุพพิหิสมาส แปลโดยพยัญชนะวา “มีความ เปนหนุมสาวอันถึงแลว” แปลโดยมุงเอาความวา “ผานวัยหนุมสาวแลว” วิเคราะหวา คตํ โยพฺพนํ เยหิ เต คตโยพฺพนา (มาตา ปตา จ) [ความเปนหนุม สาว อันมารดาและบิดาเหลาใดถึงแลว มารดาและบิดาเหลานั้นชื่อวา มี ความเปนหนุมสาวอันถึงแลว] คำวา โยพฺพนํ วิ. ยุวสฺส ภาโว โยพฺพนํ [ความเปนหนุมสาวชื่อวา โยพพนะ] ลง ณ ปจจัย ในภาวตัทธิต, พฤทธิ์ อุ เปน โอ แปลง ว เปน พ ๑ สํ.อ. ๑/๔๗๗. ๒ เถร.อ. ๒/๑๓๘. ๓ ชา.อ. ๓/๒๑๕.
75.
พระมหานพพร อริยาโณ (สีเนย์)
๖๑ ซอน พฺ ลบ ณ ลง น อาคม๑, อีกมติหนึ่งวา ลง นณฺ ปจจัยในภาวตัทธิต (ปจจัยนอกแบบ)๒ อนฺธการํ วิย (มงฺคล. ๒/๓๖๙/๒๘๐) อนฺธการ ในขอวา อนฺธการภูโตติ อนฺธการํ วิย ภูโต ชาโตฯ นาสงสัย วา ทำไมทานแกเปน อนฺธการํ วิย ไมเปน อนฺธกาโร วิย; ในพจนานุกรมทาน วา อนฺธการ เปนปุงลิงค๓ อนฺธการาวตฺถํ (มงฺคล. ๒/๓๖๙/๒๘๐) อนฺธการาวตฺถํ ในขอวา อปฺปกาสภาเวน อนฺธการาวตฺถํ วา ปตฺโต...ฯ ฉบับ มมร. แปลวา ความตั้งลงในความมืด สนามหลวงแผนกบาลี แปลเฉลย ขอสอบ พ.ศ. ๒๕๓๓ วา การกำหนดเปนผูมืด พระมหาสมบูรณ ทสฺสธมฺโม แปลวา การกำหนดวาเปนผูมีความมืด พึงสังเกตวา อวตฺถํ ในหนังสือที่แปลกอนๆ ทานแปลวา ความตั้งลง ในยุคตอมาแปลวา การกำหนด อนฺธการาวตฺถํ วิเคราะหวา อนฺธกาโร อิติ อวตฺถา อนฺธการาวตฺถา ลง อํ ทุติยาวิภัตติ ไดรูปเปน อนฺธการาวตฺถํ อวตฺถา [อว+ถา คตินิวตฺติยํ+อ+ตฺสํโยโค] เปนอิตถีลิงค ประกอบดวย อว บทหนา ถา ธาตุในความยับยั้งการไป อ ปจจัย ซอน ตฺ ในธาตวัตถสังคหปาฐนิสสยะ ทานวา ถา ธาตุ (าเน) ใชในการตั้งอยู ยืนอยู หยุดอยู กำหนด มั่นคง, อยูในหมวด ภู ธาตุ๔ ๑ รูปสิทฺธิ. สูตร ๓๘๘. ๒ โมคฺ. สูตร ๔.๖๑. ๓ อภิธานัปปทีปกา, คาถา ๗๐. ๔ ธาตวัตถสังหคปาฐนิสสยะ, คาถา ๑๗๔.
76.
มังคลัตถวิภาวินี ๖๒ ในสัททนีติธาตุมาลา (ฉบับแปล) ทานแปล
อวตฺถา วา การดำรงอยู- โดยชั่วครั้งชั่วคราว สวนคำวา การกำหนดนั้น ทานใชศัพทที่ประกอบดวย ธาตุเดียวกันนี้แหละ แตไดรูปวา ววตฺถานํ๑ ขอวา อนฺธการาวตฺถํ วา ปตฺโต นี้ เมื่อเทียบกับฎีกาพบวาทานใชตาง ไปวา อนฺธการตฺตํ วา ปตฺโต๒ แปลวา ถึงความมืด ตโตเยว ใช้ในอรรถเหตุ (มงฺคล. ๒/๓๗๑/๒๘๑) โต ปจจัยในขอวา ตโตเยว สา มงฺคล ฯ [เพราะเหตุนั้นนั่นแล ความ เปนผูกตัญูนั้น จึงชื่อวา เปนมงคล] ลงในอรรถเหตุ แปลวา เพราะ เชน ตโตติ ตสฺมา๓, ความจริง โต ปจจัยเปนเครื่องหมายไดหลายวิภัตติ๔ อมฺพณก=เรือโกลน (มงฺคล. ๒/๓๗๒/๒๘๓) อมฺพณก แปลกันวา เรือโกลน; ตามรูปศัพท แปลวา เรือที่ใชบรรทุก น้ำ (อมฺพุํ เนติ อเนนาติ อมฺพณํ อาเทศ อุ เปน อ, น เปน ณ, ลบสระหนา) หรือ เรือที่สงเสียง ชื่อวา อัมพณะ (อมฺพ สทฺเท+ยุ, อาเทศ ยุ เปน อน, น เปน ณ)๕ เรือโกลน ในภาษาไทย หมายถึง เรือที่ทำจากซุง เพียงเปดปกเจียน หัวเจียนทายเปนเลาๆ พอใหมีลักษณะคลายเรือแตยังไมไดขุด๖ ๑ สัททนีติธาตุมาลา, หนา ๑๙๓. ๒ ที.ฏี. ๓/๓๐๕, องฺ.ฏี. ๒/๓๙๕, สํ.ฏี. ๑/๒๐๗. ๓ อุ.อ. ๓๑๔, เปต.อ. ๑๕๔. ๔ สัททนีติสุตตมาลา, สูตร ๔๙๓, ๔๙๖. ๕ อภิธานวรรณนา, คาถา ๖๖๘. ๖ พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. ๒๕๔๒.
77.
พระมหานพพร อริยาโณ (สีเนย์)
๖๓ สหตฺถา : ศัพทที่แปลงเปน ส (มงฺคล. ๒/๓๗๒/๒๘๔) สหตฺถา วิเคราะหวา สยํ (แทน อตฺตโน) หตฺโถ สหตฺโถ ลง สฺมา ปญจมีวิภัตติ ใชในอรรถแหงตติยาวิภัตติ แปลง สฺมา กับ อ เปน อา สำเร็จรูปเปน สหตฺถา แปลวา ดวยมือของตน ทานอธิบายไวในคัมภีรสมันต- ปาสาทิกา อรรถกถาวินัย วา สหตฺถาติ สหตฺเถนฯ๑ ส ในที่นี้สองอรรถ อตฺตโน นั่นเอง, ตามหลักไวยากรณที่เรียนกันมา วา สยํ แปลงเปน ส หรือ สก ใชเปนคุณบทไดทั้งสองวจนะ ใชแทน อตฺต ศัพท๒ ความจริงในบาลีที่ศึกษากันนี้มีหลายศัพทที่สามารถแปลงเปน ส ได ดังที่ทานกลาวไวในหนังสือสังวรรณนามัญชรี โดยอางถึงคัมภีรปทวิจารคัณฐิ คัมภีรปทวิจารคัณฐิ (หนา ๓๓๔) กลาววา คำที่สามารถแปลงเปน ส ได มีดังนี้ คือ สพฺพ, สนฺต, สห, สมาน, ต, อตฺต, ม ตัวอยางเชน สทา = สพฺพ ศัพท + ทา ปจจัย (ในกาลทุกเมื่อ) สทฺธมฺม = สนฺต ศัพท + ธมฺม ศัพท (ธรรมของสัตบุรุษ) สเทว = สห ศัพท + เทว ศัพท (ผูเปนไปกับดวยเทวดา) สวณฺณ = สมาน ศัพท + วณฺณ ศัพท (ผูมีผิวพรรณเหมือนกัน) โส = ต ศัพท + สิ วิภัตติ (บุรุษนั้น) สก = อตฺต ศัพท + ณ ปจจัย (ของตน) อสุ = อมุ ศัพท + สิ วิภัตติ (บุรุษโนน) ๑ วินย.อ. ๑/๒๓๑; สัททนีติสุตตมาลา, สูตร ๕๕๔; สังวรรณนามัญชรี, หนา ๗๘. ๒ มหามกุฏราชวิทยาลัย, อธิบายบาลีไวยากรณ นามและอัพยยศัพท, หนา ๒๕.
78.
มังคลัตถวิภาวินี ๖๔ อภิราธเย (มงฺคล. ๒/๓๘๑/๒๙๗) อภิราธเย
[อภิ+ราธ+ณย+เอยฺย] ในบาทคาถาวา เนว นํ อภิราธเย แปลวา ไมพึงยังเขาใหยินดี ประกอบดวย อภิ บทหนา+ราธ ธาตุ ในความ ยินดี+ณย ปจจัย เอยฺย วิภัตติ ราธ ธาตุจัดอยูในหมวด ทิว ธาตุ และ สุ ธาตุ สำหรับ ราธ ธาตุที่ลง ในหมวด ทิว ธาตุ มีรูปเปนกัตตุวาจกวา อาราธยติ, อารชฺฌติ มีรูปเปน เหตุกัตตุวาจกวา อาราเธติ, อาราธยติ, อาราธาเปติ๑ ทชฺชา (มงฺคล. ๒/๓๘๑/๒๙๗) ทชฺชา ในคาถา ขอ ๓๘๑ แปลวา พึงให และแกอรรถวา ทเทยฺย, ทา ธาตุ ในความให อ ปจจัย เอยฺย วิภัตติ แปลง ทา ธาตุ เปน ทชฺช๒ แปลง เอยฺย เปน อา๓, ที่จริง ทชฺชา ลง ตฺวา และ ณฺย ปจจัยก็ได๔ ทชฺชา ทา ธาตุ ลง ตฺวา ปจจัย ไดรูปเปน ททิยฺย ในเพราะ ยฺย อักษร เบื้องหลัง ใหลบสระ (ลบสระ อิ ที่ ทิ=ททฺยฺย) เพราะพยัญชนะสังโยค ทั้งหลาย (๓ ตัว) ใหลบพยัญชนะสังโยคที่มีรูปเหมือนกัน (=ทยฺย) แปลง ทฺย อักษรสังโยคเปน ชฺช(=ทชฺช) และทำทีฆะ สำเร็จรูปเปน ทชฺชา แปลวา ใหแลว ทชฺชา ลง ณฺย ปจจัย (ทา+ณฺย ปจจัย) เทฺวภาว ทา (=ทาทาย) รัสสะ ตัวหนา (=ททาย) ในเพราะ ย อักษรเบื้องหลัง ใหลบสระ (=ททฺย) แปลง ทฺย เปน ชฺช (ทชฺช) ลง อา ปจจัยเพราะเปนอิตถีลิงค สำเร็จรูปเปน ทชฺชา แปลวา อันเขาพึงให เชน ทกฺขิณา ทชฺชา ฯ ๑ สัททนีติธาตุมาลา, หนา ๖๐๖, พระมหานิมิตร ธมฺมสาโร และคณะ, วิชา สัมพันธไทย ธรรมบทภาคที่ ๗ ฉบับแกไข/ปรับปรุง, (กรุงเทพฯ : ประยูรสาสนไทย การพิมพ, ๒๕๕๒), หนา ๑๔๖. ๒ รูปสิทฺธิ. สูตร ๕๐๗. ๓ อธิบายบาลีไวยากรณ อาขยาต, หนา ๙๓. ๔ สัททนีติธาตุมาลา, หนา ๒๑๗-๒๒๐.
79.
พระมหานพพร อริยาโณ (สีเนย์)
๖๕ ธมฺมสฺสวนกถา -๐- อหนิ=ในวัน (มงฺคล. ๒/๓๘๓/๓๐๐) อหนิ ในขอวา ปฺจเม ปฺจเม อหนิ ภวนฺติ ปฺจาหิกํ ฯ [การฟง ธรรมมีในวันที่ ๕ ๆ เหตุนั้นจึงชื่อวา ปญจาหิก] อหนิ เปนปุงลิงคและนปุงสกลิงค ศัพทเดิมเปน อห ลง สฺมึ สัตตมี- วิภัตติ เอกวจนะ แปลง สฺมึ กับ อ เปน นิ๑ แปลวา ในวัน อห มีวิเคราะหวา ปจฺจาคมนํ น ชหาตีติ อหํ [กลางวันที่เวียนกลับมา ไมเวน ชื่อวา อหะ] อาเทศ น เปน อ, ลบสระหนา๒ อุปฺปชฺชนฺตาปิ ...วุจฺจนฺติ (มงฺคล. ๒/๓๘๙/๓๐๔) ขอวา สภาคปฺปจฺจยวเสน ปุน อุปฺปชฺชนฺตาป...วุจฺจนฺติ กิจฺจ- สาธนวเสน ปวตฺตนโต ฯ ทานละขอความที่เหลือไว นักเรียนพึงนำขอความ ขอ ๓๘๘ หนา ๓๐๓ มาเติม ดังนี้ สภาคปฺปจฺจยวเสน ปุน อุปฺปชฺชนฺตาป ตสฺมึ สมเย ภาวนาปาริปูรึ คจฺฉนฺติ อิจฺเจว วุจฺจนฺติ กิจฺจสาธนวเสน ปวตฺตนโต ฯ [แมโพชฌงคที่เกิดขึ้นดวยสามารถปจจัยมีสวนเสมอกันพระผูมี- พระภาค ยอมตรัสวา ในสมัยนั้นยอมถึงความเจริญเต็มที่ เพราะเปนไปดวย สามารถยังกิจใหสำเร็จ] ๑ สัททนีติสุตตมาลา, สูตร ๔๐๔ หนา ๒๘๖. ๒ อภิธานวรรณนา, คาถา ๖๗.
80.
มังคลัตถวิภาวินี ๖๖ กุสโล เภริสทฺทสฺส, กุสโล
สงฺขสทฺทสฺส (มงฺคล. ๒/๓๙๐/๓๐๕-๓๐๖) เภริสทฺทสฺส ในมังคลัตถทีปนี ภาคที่ ๒ หนา ๓๐๕ และ สงฺขสทฺทสฺส ในหนา ๓๐๖ ใหแปลหักฉัฏฐีวิภัตติเปนสัตตมีวิภัตติ แปลวา ในเสียงกลอง และ ในเสียงสังข ดวยอำนาจ กุสล ศัพท ทั้งนี้มีหลักการทั่วไปวา ฉัฏฐีวิภัตติใชในอรรถแหงสัตตมีวิภัตติในที่ ประกอบดวยบทที่มีอรรถวา ฉลาด เปนตน๑ ปุตฺตกํ : ก ปัจจัยแปลได้หลายอย่าง (มงฺคล. ๒/๓๙๔/๓๑๐) ก ปจจัยในตัทธิต (ปจจัยนอกแบบ) ใชในอรรถวานอย เชน คำวา ปุตฺตกํ แปลวา บุตรนอย นอกจากนี้แลว ก ปจจัยยังใชในอรรถวา ไมดี นาเอ็นดู เปรียบเทียบ นารังเกียจ และใชในอรรถสกัตถะ๒ แมคำวา หตฺถิโก ก็ลง ก ปจจัยใชในอรรถวาเปรียบเทียบ จึงแปลวา ตุกตาชาง/เหมือนชาง มา กโรสิ : วิธีการใช้ มา ปฏิเสธ (มงฺคล. ๒/๓๙๖/๓๑๒) มา กโรสิ ในขอวา เถโร อาห อาวุโส พุทฺธรกฺขิต เอตฺตเกเนว ปพฺพชิตกิจฺจ เม มตฺถกมฺปตฺตนฺติ สฺ มา กโรสีติ ฯ แปลวา [พระเถระ กลาววา พุทธรักขิตผูมีอายุ คุณอยาทำความสำคัญวา กิจแหงบรรพชิตของ เราถึงที่สุดแลวดวยเหตุเพียงเทานี้ทีเดียว] นักเรียนเห็นวา กโรสิ นี้ลง สิ วัตตมานาวิภัตติ เพราะทานขึ้น ตฺวํ (คุณ) มาเปนประธาน ทำใหสงสัยตอไปอีกวา ทำไมตองใช มา ปฏิเสธกิริยา ๑ รูปสิทฺธิ. สูตร ๓๑๗; ปทรูปสิทธิมัญชรี เลม ๑, หนา ๑๑๐๒. ๒ โมคฺคลฺลาน. สูตร ๔.๔๐, สัททนีติสุตตมาลา, สูตร ๘๓๕ หนา ๘๒๙.
81.
พระมหานพพร อริยาโณ (สีเนย์)
๖๗ ที่เปนวัตตมานาวิภัตติ เพราะเรียนกันมาวา มา ปฏิเสธกิริยาที่ลงปญจมี และอัชชัตตนีวิภัตติเทานั้น ฯ ในขั้นแรกนี้ ขอใหนักเรียนทราบวา เปนความจริงวา ในชั้นเรียนบาลี- ไวยากรณ ตามหลักสูตรที่เรียนกันนี้ “มา ศัพท ปฏิเสธกิริยาหมวดปญจมี- วิภัตติและอัชชัตตนีเทานั้น ใชกับกิริยาที่เปนวิภัตติอื่นไมได”๑ (นี้ถือวาเปน หลักการทั่วไป) สอดคลองกับสัททนีติสุตตมาลาวา มา ศัพท โดยมาก ประกอบกับกิริยาหมวดหิยัตตนีวิภัตติ และอัชชัตตนีวิภัตติ ประกอบกับ กิริยาหมวดปญจมีวิภัตติบาง๒ แตถึงอยางไรก็ตาม ปรากฏวา ทานใช มา ศัพทปฏิเสธกิริยาหมวด อื่นๆ นอกจากปญจมีวิภัตติและอัชชัตตนีวิภัตตินั้นบาง (นี้ถือวาเปน ขอยกเวน) เชน ๑) มา ปฏิเสธกิริยาหมวดวัตตมานาวิภัตติ มา เต อปฺปมตฺตกสฺส การณา มม อากาเส อุปฺปตนํ รุจฺจติ...ฯ๓ [การเหาะขึ้นไป ในอากาศ แหงเรา เพราะเหตุแหงบาตร อันมีประมาณนอย อันทาน อยาชอบใจอยู] ๒) มา ปฏิเสธกิริยาหมวดสัตตมีวิภัตติ มา กเถยฺยาสิ...ฯ [ทาน อยาพึงกลาว], มา อาหเรยฺยาสิ...ฯ [เจา อยา พึงนำมา]๔ ๓) มา ปฏิเสธกิริยาหมวดปโรกขาวิภัตติ มา เทว ปริเทเวสิ [ขอเดชะ พระองค อยาไดคร่ำครวญเลย]๕ ๑ มหามกุฏราชวิทยาลัย, อุภัยพากยปริวัตน, ขอ ๑๗. ๒ สัททนีติสุตตมาลา, สูตร ๘๘๘-๘๘๙ หนา ๘๘๕. ๓ ธ.อ. ๖/๖๘. (ยมกปฺปาฏิหาริยวตฺถุ) ๔ ธ.อ. ๓/๖๒, ๖๙. (วิสาขาวตฺถุ) ๕ สัททนีติสุตตมาลา, หนา ๘๙๐.
82.
มังคลัตถวิภาวินี ๖๘ สำหรับคำวา กโรสิ นี้
ลง สิ วัตตมานาวิภัตติ ดังที่ทานแจกรูปไว ในสัททนีติธาตุมาลาวา กโรติ, กโรนฺติ, กโรสิ, กโรถ เปนตน สวน กร ธาตุที่ ประกอบหมวดอัชชัตตนีวิภัตติ ไดรูปเปน อกริ, กริ, อกาสิ, อกรุ, อกรึสุ อกํสุ อกํสุ เปนตน๑ นักเรียนบางรูปบอกวา กโรสิ ในที่นี้ ไมไดลง สิ วัตตมานาวิภัตติ แต ลง อี อัชชัตตนีวิภัตติ ใชแทน โอ อัชชัตตนีวิภัตติ [กร+โอ ปจจัยประจำ หมวดธาตุ+อี อัชชัตตนีวิภัตติ ใชแทน โอ อัชชัตตนีวิภัตติ] ดังที่ทานกลาววา โอ อัชชัตตนีวิภัตติ ใช อี ปฐมบุรุษแทนโดยมาก๒ มํ น ปฏิภาติ : หักทุติยาเปนจตุตถีและฉัฏฐีวิภัตติ (มงฺคล. ๒/๓๙๗/๓๑๒) ขอความวา เอกจฺโจ ปน อยํ คมฺภีโร สุณนฺตํ มํ น ปฏิภาตีติ คมฺภีรธมฺมํ น โสตุมิจฺฉติ ฯ แปลกันวา “อนึ่ง กุลบุตรบางคนคิดวา ธรรมนี้ลึกซึ้ง ยอมไมแจมแจง กะเรา ผูฟงอยู ดังนี้แลว ยอมไมปรารถนาจะฟงธรรมอันลึกซึ้ง” มํ ในขอความดังกลาว ควรแปลวา ของเรา หรือ แกเรา ทั้งนี้เพราะมี หลักการที่ทานแสดงในคัมภีรบาลีไวยากรณวา ในที่ประกอบดวย อนฺตรา (ระหวาง), อภิโต (ภายใน), ปริโต (โดยรอบ), ปติ (ใกล), และ ปฏิ หนา ภา ธาตุ (ปรากฏ) ใหทุติยาวิภัตติใชใน อรรถฉัฏฐีวิภัตติ๓ เฉพาะขอวา มํ ปฏิภาติ นี้ทานแนะใหเพิ่มคำวา าณสฺส เขามาแปล ในที่นี้แปลใหมตามนัยคัมภีรบาลีไวยากรณ วา ๑ สัททนีติธาตุมาลา, หนา ๖๙๖, ๗๐๒. ๒ สมเด็จพระมหาสมณเจา กรมพระยาวชิรญาณวโรรส, บาลีไวยากรณ วจีวิภาค ภาคที่ ๒ อาขยาต และกิตก, เชิงอรรถที่ ๓ หนา ๑๕๓. ๓ รูปสิทฺธิ. สูตร ๒๘๙.
83.
พระมหานพพร อริยาโณ (สีเนย์)
๖๙ [อนึ่ง กุลบุตรบางคนคิดวา ธรรมนี้ลึกซึ้ง ยอมไมปรากฏ (แกญาณ) ของเรา ผูฟงอยู ดังนี้แลว ยอมไมปรารถนาจะฟงธรรมอันลึกซึ้ง] ถึงแมในคัมภีรปทรูปสิทธิเปนตน ทานกลาววา ลงทุติยาวิภัตติใน อรรถของฉัฏฐีวิภัตติ โดยเพิ่มบทวา าณสฺส (แกญาณ) เขามา สวนใน คัมภีรอรรถกถาและฎีกา กลาววา ลงทุติยาวิภัตติในอรรถสัมปทาน (จตุตฺถี) แปลใหมตามนัยอรรถกถาและฎีกาวา [อนึ่ง กุลบุตรบางคนคิดวา ธรรมนี้ลึกซึ้ง ยอมไมปรากฏ แกเรา ผูฟง อยู ดังนี้แลว ยอมไมปรารถนาจะฟงธรรมอันลึกซึ้ง] ตัวอยางที่ทานแสดงไวในอรรถกถาและฎีกา เชน อุปมา มํ อาวุโส สาริปุตฺต ปฏิภาตีติ มยฺหํ อาวุโส สาริปุตฺต อุปมา อุปาติ...ปฏิภาตุ ตนฺติ ตุยฺหํ ปฏิภาตุ อุปาตุ ฯ๑ [...ทานพระสารีบุตร ขอเปรียบเทียบปรากฏแกกระผม...จงปรากฏแก ทาน] พึงเห็นวา มํ ในที่นี้ทานแกเปน มยฺหํ สวน ตํ แกเปน ตุยฺหํ ฉะนั้นใน ฎีกาทานจึงอธิบายตอไปอีกวา มํ ตนฺติ จ อุปโยควจนํ ปฏิสทฺทโยเคนฯ อตฺโถ ปน สมฺปทานเมวาติ อาห มยฺหํ ตุยฺหนฺติ จ ฯ๒ [คำวา มํ ตํ ลงทุติยาวิภัตติ เพราะประกอบดวย ปฏิ ศัพท แตมี ความหมายเปนสัมปทานเทานั้น ดังนั้น ทานจึงกลาววา มยฺหํ (แกกระผม) ตุยฺหํ (แกทาน)] ฉะนั้น มํ (ทุติยาวิภัตติ) ในที่ประกอบดวย ปฏิ นี้ จึงควรแปลวา แก เรา (จตุตถีวิภัตติ) , หรือ ของเรา (ฉัฏฐีวิภัตติ) ๑ ม.อ. ๑/๒๕๗. ๒ ม.ฏี. ๑/๓๑๗.
84.
มังคลัตถวิภาวินี ๗๐ กานนํ = ดง
ป่ า หมู่ไม้ (มงฺคล. ๒/๓๙๗/๓๑๓) กานนํ [ก+อนนํ] วิ. เกน ชเลน อนนํ ปาณนํ อสฺสาติ กานนํ ฯ [ปาที่ เปนอยูไดดวยน้ำ ชื่อวา กานนะ] (ลบสระหนา, ทีฆะสระหลัง) หรือ กานนํ [กุ สทฺเท+ยุ] วิ. ตมชฺฌนฺติกสมเย กวติ สทฺทํ กโรตีติ วา กานนํ, โกกิลมยูราทโย กวนฺติ สทฺทายนฺติ กูชนฺติ เอตฺถาติ วา กานนํ ฯ [ชื่อวา กานนะ เพราะมีเสียงดังในเวลาเที่ยงวัน อีกนัยหนึ่ง ชื่อวา กานนะ เพราะเปนสถานที่รองของเหลาสัตวมีนกดุเหวาและนกยูง เปนตน] (ลบสระ หนา, อาเทศ ยุ เปน อานน)๑ ปาทป=ต้นไม้ (มงฺคล. ๒/๓๙๗/๓๑๓) ปาทป ในคำวา มหิรุหปาทปคหนสงฺขาต แปลตามรูปศัพทวา สิ่งที่ ดูดน้ำดวยราก หมายถึง ตนไม, วิ. ปาเทน มูเลน ปวตีติ ปาทโป๒ [ปาท+ปา ธาตุ ในความดื่ม+อ ปจจัย] ธรรมชาติใดดื่มดวยเทาคือราก ธรรมชาตินั้นชื่อ วา ปาทปะ ปริปูเรนฺติ (เชน มงฺคล. ๒/๓๙๙/๓๑๖) ปริปูเรนฺติ เปนไดทั้งกัตตุวาจก และเหตุกัตตุวาจก ที่เปนกัตตุวาจกลง เณ ปจจัยประจำหมวด จุร ธาตุ สวนที่เปนเหตุกัตตุวาจก จัดลงในหมวด ภู ธาตุ ลง เณ ปจจัยในเหตุกัตตุวาจก๓ ปริปูเรนฺติ [ปริ+ปูร+เณ+อนฺติ] ปูร ธาตุ ในความเต็ม, ใหเต็ม (ปูรณมฺหิ) ธาตุนี้จัดลงใน ๒ หมวดธาตุ คือ หมวด ภู ธาตุ และหมวด จุร ธาตุ๔ ๑ อภิธานวรรณนา, คาถา ๕๓๖. ๒ อภิธานวรรณนา, คาถา ๕๓๙. ๓ พระมหานิมิตร ธมฺมสาโร และคณะ, วิชา สัมพันธไทย ธรรมบทภาคที่ ๕ ฉบับ แกไข/ปรับปรุง, (กรุงเทพฯ : ประยูรสาสนไทย การพิมพ, ๒๕๕๒), หนา ๒๐๙. ๔ พระวิสุทธาจารมหาเถระ รจนา, พระราชปริยัติโมลี (อุปสโม) และคณะ ปริวรรต, ธาตวัตถสังคหปาฐนิสสยะ, (กรุงเทพฯ : มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย, ๒๕๓๕), หนา ๒๕๘.
85.
พระมหานพพร อริยาโณ (สีเนย์)
๗๑ ปูร ธาตุที่จัดเขาในหมวด จุร ธาตุนั้น ในกัตตุวาจกลง เณ ปจจัย ประจำหมวดธาตุ จึงสำเร็จเปน ปริปูเรนฺติ (ยอมเต็ม, ยอมบริบูรณ) นี้ เปนกัตตุวาจก สวน ปูร ธาตุที่จัดเขาในหมวด จุร ธาตุ ในเหตุกัตตุวาจก ลง ณาเป หรือ ณาปย ปจจัย ไดรูปเปน ปูราเปนฺติ หรือ ปูราปยนฺติ (ยอม..ให เต็ม) ปูร ธาตุที่จัดเขาในหมวด ภู ธาตุนั้น ในกัตตุวาจกลง อ ปจจัยประจำ หมวดธาตุ จึงสำเร็จเปน ปริปูรนฺติ (ยอมเต็ม, ยอมบริบูรณ) นี้เปนกัตตุวาจก สวน ปูร ธาตุที่จัดเขาในหมวด ภู ธาตุ ในเหตุกัตตุวาจก ลง เณ ณย ณาเป ณาปย ปจจัย ไดรูปเปน ปริปูเรนฺติ, ปริปูรยนฺติ, ปริปูราเปนฺติ, ปริปูราปยนฺติ (ยอมยัง...ใหเต็ม) ฉะนั้น บทวา ปริปูเรนฺติ จึงเปนไดทั้งกัตตุวาจก และเหตุกัตตุวาจก นักศึกษาพึงสังเกตเนื้อความในที่นั้นๆ ใหดีวาควรแปลเปนวาจกอะไร ทริโต (มงฺคล. ๒/๔๐๑/๓๑๗) ทริโต [ทร เภทเน+อิ อาคม+ต] แปลวา อัน...ทำลายแลว, ในที่นี้ แปล เอาความวา อันน้ำเซาะแลว, ดังตัวอยางในขอวา กนฺติลทฺธนาเมน อุทเกน ทริโต อุทกภินฺโน ปพฺพตปฺปเทโส [ประเทศแหงภูเขาอันน้ำ ที่ได นามวา กํ เซาะแลว คือ อันน้ำทำลายแลว] ในหนังสือธาตวัตถสังคหปาฐนิสสยะ ทานแสดง ทร ธาตุ ลงในหมวด ภู ธาตุ ใช ในความกลัว, เดือดรอน (ภยาทาเห) มี อา เปนบทหนา ใชใน ความเอื้อเฟอ (อาทเร), ลงในหมวด ภู ธาตุ และ จุร ธาตุ ใชในความทำลาย (เภทเน)๑ ๑ ธาตวัตถสังคหปาฐนิสสยะ, คาถา ๑๘๓ หนา ๑๘๗.
86.
มังคลัตถวิภาวินี ๗๒ อฏฺมคาถายตฺถวณฺณนา ขนฺติกถา -๐- ทสหิ อกฺโกสวตฺถูหิ :
อักโกสวัตถุ ๑๐ (มงฺคล. ๒/๔๐๕/๓๒๐) อักโกสวัตถุ ๑๐ เรื่องสำหรับดา, ในอรรถกถาปริวาร๑ แนะไววา อักโกสวัตถุ มาในโอมสวาทสิกขาบท จึงตามไปดูที่โอมสวาทสิกขาบทนั้น ตามคำแนะนำ โอมสวาทสิกขาบท วา “ภิกษุกลาวโอมสวาทแกภิกษุตองอาบัติ ปาจิตตีย แกอนุปสัมบันตองอาบัติทุกกฏ” (สิกขาบทที่ ๒ แหง มุสาวาท วรรค ปาจิตติยกัณฑ) คำพูดที่เสียดแทงใหเจ็บใจ ๑๐ อยาง ไดแก ๑. ชาติ ไดแกชั้นหรือ กำเนิดของคน ๒. ชื่อ ๓. โคตร คือตระกูลหรือแซ ๔. การงาน ๕. ศิลปะ ๖. โรค ๗. รูปพรรณ ๘. กิเลส ๙. อาบัติ ๑๐. คำดาอยางอื่นๆ๒ ตัวอยางคำดาที่มาใน เรื่อง อัตตโนปุพพกรรม ธัมมปทัฏฐกถาภาคที่ ๗ และในมังคลัตถทีปนี ภาคที่ ๒ นี้๓ วา โจโรสิ พาโลสิ มูฬฺโหสิ โอโสิ โคโณสิ คทฺรโภสิ เนรยิโกสิ ติรจฺฉานคโตสิ, นตฺถิ ตุยฺหํ สุคติ, ทุคฺคติเยว ตุยฺหํ ปาฏิกงฺขา [เจาโจร เจาโง (พาล) เจาเซอ (หลง) เจาอูฐ เจาโค เจาลา เจาสัตว นรก เจาสัตวดิรัจฉาน สุคติไมมีสำหรับเจาทุคติเทานั้นอันเจาพึงหวัง] ๑ วินย.อ. ๓/๕๒๖. ๒ วินย. ๒/๑๘๖/๑๖๔. ๓ ดูใน อตฺตโนวตฺถุ, ธ.อ. ๗/๑๓๖.
87.
พระมหานพพร อริยาโณ (สีเนย์)
๗๓ พหุ อตีตมทฺธาเน : พหุ ควรเป็ น อหุ (มงฺคล. ๒/๔๐๗/๓๒๒) พหุ ในขอวา พหุ อตีตมทฺธาเน ไมตรงกับขอความในพระไตรปฎก นักศึกษาพึงแก พหุ (มาก) เปน อหุ (ไดมีแลว) ใหตรงกับพระไตรปฎกนั้น เปน อหุ อตีตมทฺธาเน๑ อหุ ประกอบดวย อ อาคม หุ ธาตุ อ ปจจัย อี อัชชัตตนี ลงแลวลบ หรือ อา หิยัตตนี รัสสะ๒ แปลวา ไดมีแลว ยสฺสทานิ=ยสฺส อิทานิ (มงฺคล. ๒/๔๐๙/๓๒๔) อาจารยบุญสืบ อินสาร๓ แนะวา ยสฺสทานิ ตัดเปน ยสฺส-อิทานิ, เฉพาะ ยสฺส ตัดเปน โย-อสฺส, โย (คมนกาโล) กาลเปนที่ไปใด, อสฺส พึงมี, ตฺวํ อ. ทาน มฺสิ จงสำคัญ (ยอมสำคัญ) (ตํ คมนกาลํ) ซึ่งกาลเปนที่ไปนั้น ทุรุตฺตํ=คําพูดชัว (มงฺคล. ๒/๔๑๒/๓๒๖) ทุรุตฺตํ [ทุ+ร+วจ+ต] แปลวา คำพูดชั่ว เชน ในขอวา ปเรส ทุกฺกฏ ทุรุตฺตฺจ ปฏิวิโรธากรเณน อตฺตโน อุปริ อาโรเปตฺวา วาสนตา ฯ [ความเปน คืออันยกกรรมชั่ว และคำพูดชั่วของชนเหลาอื่นไวเหนือตนอดทนโดยไมทำ การโกรธตอบ] ทุรุตฺตํ ประกอบดวย ทุ บทหนา วจ ธาตุ ต ปจจัย แปลง ว เปน อุ, แปลง จ เปน ตฺ ลง ร อาคม, บางมติวา ลง อุจ ธาตุ ในการออกเสียง๔, บาง มติวา ลง รูป ธาตุ รัสสะ, แปลง ป เปน ตฺ๕ ๑ ขุ.ชา. ๒๗/๕๕๒/๑๓๗. ๒ พจนานุกรมกิริยาอาขยาต ฉบับธรรมเจดีย, หนา ๓๓. ๓ บุญสืบ อินสาร, คูมือแปลมังคลทีปนี ภาค ๒, พิมพครั้งที่ ๓, (กรุงเทพฯ: สืบสาน พุทธศาสน, ๒๕๕๖), เชิงอรรถ หนา ๒๕๒. ๔ โมคฺ. สูตร ๕.๑๑๑. ธาตวัตถสังคหปาฐนิสสยะ, คาถา ๒๗ หนา ๒๘. ๕ พจนานุกรมกิริยากิตต ฉบับธรรมเจดีย, หนา ๒๑๔.
88.
มังคลัตถวิภาวินี ๗๔ อวีจิมหานิรยํ ปจฺจเวกฺขิตฺวา: อักษรหาย
ความหมายเปลี่ยน (มงฺคล. ๒/๔๑๖/๓๒๘) เรื่องที่จะกลาวตอไปนี้ เปนปญหาของคำแปล ที่เกิดขึ้นเพราะคำบาลี คลาดเคลื่อน คือขอความในมังคลัตถทีปนี ภาคที่ ๒ ขอ ๔๑๖ ไมตรงกับ ฎีกาซึ่งเปนตนแหลงที่ทานอาง กอนอื่นขอนำขอความในขอ ๔๑๕ ซึ่งเปนอรรถกถามาแสดงไว เพื่อ ประกอบการพิจารณาตอไป อรรถกถาวา เถโร อุณฺหภเยเนวมฺหิ อาวุโส อิธ นิสินฺโนติ อวีจิมหานิรยํ ปจฺจ- เวกฺขิตฺวา นิสีทิเยวฯ [พระเถระกลาววา คุณ ผมนั่งในที่นี้ เพราะกลัวความรอนนั่นเอง ดังนี้ แลว ก็นั่งพิจารณาอเวจีมหานรกเรื่อยไป] ตอไปเปนคำอธิบายที่พระฎีกาจารยอธิบายขอความขางตน แต คำอธิบายนั้น ในมังคลัตถทีปนีนี้ ตกหลนหายไป ทำใหมีปญหาในการแปล ขอใหพิจารณาขอความเทียบกันทั้งในมังคลัตถทีปนี และในฎีกาดังนี้ มังคลัตถทีปนี ขอ ๔๑๖ วา อุณฺหภเยเนว อาห อวีจิมหานิรยํ ปจฺจเวกฺขิตฺวาติฯ...เอวํ ปจฺจเวกฺขิตฺวา [เพราะกลัวตอความรอนนั่นเอง พระเถระ จึงกลาว. สองบทวา อวีจิ- มหานิรยํ ปจฺจเวกฺขิตฺวา ไดแก พิจารณาอยางนี้วา...] คำแปลนี้มีปญหาที่วา “อาห จึงกลาว” ซึ่งตองพิจารณาตอไป ฎีกาวา อุณฺหภเยเนวาติ นรกคฺคิอุณฺหภเยเนว. เตนาห "อวีจิมหานิรยํ ปจฺจ- เวกฺขิตฺวา"ติ๑ ๑ ม.ฏี. ๑/๒๑๓.
89.
พระมหานพพร อริยาโณ (สีเนย์)
๗๕ [บทวา อุณฺหภเยเนว ไดแก เพราะกลัวความรอนไฟนรกนั่นเอง ฯ เพราะเหตุนั้น พระอรรถกถาจารยจึงกลาววา อวีจิมหานิรยํ ปจฺจเวกฺขิตฺวา ดังนี้] เมื่อเทียบกับฎีกาแลว ก็เห็นไดทันทีวา อิติ นรกคฺคิอุณฺหภเยเนว. เตน ไมปรากฏในมังคลัตถทีปนี บัณฑิตจะยอมรับหรือไมวา หลายบทนี้ตก หลนหลายไป ขอใหพิจารณาตอไปอีก ที่วามีปญหาในการแปลนั้น คือมี ปญหาตรงไหน และอยางไร ถาไดยอมรับวา ขอความภาษาบาลีในมังคลัตถทีปนีตกหลนหายไป ก็ ตองยอมรับในขั้นตอไปวา เมื่อขอความบาลีไมสมบูรณ คำแปลก็มักมีปญหา ตามไปดวย ขอความนี้ มีผูแปลไวหลายสำนวน จึงขอนำมาพิจารณาอยางนอย ๒ สำนวน (นับสำนวนฎีกาเปน ๓) สํานวนที ๑ (คำบาลีตรงกับมังคลัตถทีปนี) อุณฺหภเยเนว อาห อวีจิมหานิรยํ ปจฺจเวกฺขิตฺวาติ ฯ...เอวํ ปจฺจเวกฺขิตฺวา [เพราะกลัวตอความรอนนั่นเอง พระเถระ จึงกลาว ฯ สองบทวา อวีจิมหานิรยํ ปจฺจเวกฺขิตฺวา ไดแก พิจารณาอยางนี้วา... ] ผูแปลแนะไววา ใหยายเครื่องหมาย “ ฯ ” หลัง ปจฺจเวกฺขิตฺวา ไปวาง หลัง อาห (โดยนัยวา จบประโยคที่ อาห) คำแปลนี้มีปญหาตรงที่วา พระเถระ จึงกลาว ฯ (จบประโยค) เพราะ ผิดความนิยมการใช อาห มีหลักวา ทานใช อาห ในการกลาวสนทนาโตตอบกันและมี อิติ รับ๑ คือใช อาห เปนกิริยาสำหรับเปด อิติ เขาเลขใน๒ ในคำแปลนี้ทานแปลวา ๑ พระธรรมกิตติวงศ, หลักการแปลไทยเปนมคธ, (กรุงเทพฯ: เลี่ยงเชียง, ๒๕๔๑), หนา ๒๑๐. ๒ ที่ไมมี อิติ มารับ เชน ๑. โสป ตเถวาห (ธ.อ. ๑/๘๑) ๒. กลฺยาณํ เทวทตฺโต อาห (ธ.อ. ๑/๑๓๒)
90.
มังคลัตถวิภาวินี ๗๖ พระเถระ จึงกลาวฯ ไมมี
อิติ “วา” มารับตอเลย ฉะนั้น ถาแปลตามสำนวน นี้ก็ตองยอม “ผิดความนิยม” อนึ่ง คำวา กลัวตอ ถาถือเครงครัดแลว ควรแปลวา กลัวแต คือแปล หักฉัฏฐีวิภัตติเปนปญจมีวิภัตติในที่ประกอบดวยศัพทที่มีอรรถวาเสื่อม และ กลัว (ปริหานิภยตฺถโยเค)๑ สํานวนที ๒ (คำบาลีตรงกับมังคลัตถทีปนี) อุณฺหภเยเนว อาห อวีจิมหานิรยํ ปจฺจเวกฺขิตฺวาติ ฯ...เอวํ ปจฺจเวกฺขิตฺวา [พระเถระกลาววา อวีจิมหานิรยํ ปจฺจเวกฺขิตฺวา ดังนี้ เพราะกลัวความ รอนนั่นเอง ฯ อธิบายวา (พระเถระ) พิจารณาอยางนี้วา...] อาจารยผูแปลสำนวนนี้ คงเห็นขอบกพรองของสำนวนที่ ๑ จึง พยายามยักเยื้องหาทางออก โดยใช อาห เปดถอยหลังเขาไปใน อิติ วา พระ เถระกลาววา อวีจิมหานิรยํ ปจฺจเวกฺขิตฺวา ดังนี้ และแปลประโยคตอไปวา อธิบายวา (พระเถระ) พิจารณาอยางนี้วา...ฯ ทานแปลอยางนี้ก็เปนอันวาหมดปญหาเรื่องการใช อาห และไมตอง ยายเครื่องหมาย “ ฯ ” ไปหลัง อาห, ซึ่งทานคงเห็นวาวางไวถูกแลว อยางไรก็ตาม ถึงแปลสำนวนที่ ๒ นี้ ก็ยังมีปญหาอยูอีก คือมีปญหา ตรงที่ พระเถระกลาว วา อวีจิมหานิรยํ ปจฺจเวกฺขิตฺวา ดังนี้ เพราะคำวา อวีจิมหานิรยํ ปจฺจเวกฺขิตฺวา ไมใชคำกลาวของเถระ แตเปนคำกลาวของผู เลาเรื่องคือพระอรรถกถาจารย ขอใหกลับไปดูที่มาของศัพทในอรรถกถาอีก ครั้งวา เถโร อุณฺหภเยเนวมฺหิ อาวุโส อิธ นิสินฺโนติ อวีจิมหานิรยํ ปจฺจเวกฺขิตฺวา นิสีทิเยวฯ [พระเถระกลาววา “คุณ ผมนั่งในที่นี้ เพราะกลัว ความรอนนั่นเอง” ดังนี้แลว ก็นั่งพิจารณาอเวจีมหานรกเรื่อยไป] ๑ รูปสิทฺธิ. สูตร ๓๑๘.
91.
พระมหานพพร อริยาโณ (สีเนย์)
๗๗ ที่จริงคำพูดของพระเถระมีเพียงวา อุณฺหภเยเนวมฺหิ อาวุโส อิธ นิสินฺโนติ [คุณ ผมนั่งในที่นี้ เพราะกลัวความรอนนั่นเอง] สวนคำวา อวีจิ- มหานิรยํ ปจฺจเวกฺขิตฺวา นิสีทิเยวฯ [ก็นั่งพิจารณาอเวจีมหานรกเรื่อยไปฯ] นี้ เปนคำกลาวของผูเลาเรื่องคือพระอรรถกถาจารย ฉะนั้น ถาแปลตามสำนวน ที่ ๒ นี้ก็ตองยอม “ผิดความหมาย” แตบางทานอาจจะแยงตอไปอีกวา ถาอยางนั้นก็เปลี่ยนคำแปลจาก เดิมวา [พระเถระกลาววา อวีจิมหานิรยํ ปจฺจเวกฺขิตฺวา ดังนี้ เพราะกลัว ความรอนนั่นเอง ฯ] เปลี่ยนประธานใหมใหเปน [พระอรรถกถาจารย กลาววา อวีจิมหานิรยํ ปจฺจเวกฺขิตฺวา ดังนี้ เพราะกลัวความรอนนั่นเอง ฯ] ขอแยงนี้ก็มีปญหาอีก เพราะคำวา อุณฺหภเยเนว [เพราะกลัวความ รอนนั่นเอง] เปนเหตุใหพระเถระนั่งพิจารณาอเวจีมหานรก ไมใชเปนเหตุให พระเถระหรือพระอรรถกถาจารยกลาวคำวา อวีจิมหานิรยํ ปจฺจเวกฺขิตฺวา นี้ก็ “ผิดความหมาย” สำนวนที่ ๓ (สำนวนฎีกา คำบาลีตางจากมังคลัตถทีปนี) อุณฺหภเยเนวาติ นรกคฺคิอุณฺหภเยเนว. เตนาห "อวีจิมหานิรยํ ปจฺจ- เวกฺขิตฺวา"ติ๑ [บทวา อุณฺหภเยเนว ไดแก เพราะกลัวความรอนแหงไฟนรกนั่นเอง ฯ เพราะเหตุนั้น พระอรรถกถาจารยจึงกลาววา อวีจิมหานิรยํ ปจฺจเวกฺขิตฺวา ดังนี้] สำนวนนี้ไมมีปญหาเรื่องความนิยมและความหมาย แตมีปญหาที่ คำ บาลีไมตรงกับหนังสือเรียน ซึ่งอาจารยผูตรวจขอสอบอาจจะถือวาแปล ขอความอื่นจากหนังสือเรียนก็ได ๑ ม.ฏี. ๑/๒๑๓.
92.
มังคลัตถวิภาวินี ๗๘ นี้เปนตัวอยางที่บอกชัดวา เมื่อคำบาลีตกหลนเพียงเล็กนอย หรือไม ตรงกันเพียงบางสวน
ก็เปนเหตุใหคำแปลมีปญหาตามไปดวย และยิ่งแกไข ก็ยิ่งยุงกันใหญ ผูศึกษาจึงพึงระลึกเสมอวา จะศึกษาดวยความระมัดระวัง ที่แสดงนี้ มิไดมุงหมายกลาวตูหรือวารายทานที่แปลไวกอนนั้นวา ผิดพลาด ในทางตรงกันขามกลับมีแตขอบพระคุณที่ทานทำงานแปลไวให ศึกษาดวยความเพียรพยายามและปรารถนาดี บนฐานของขอมูลที่ทานทำไว นั้น ผูทำงานในยุคหลังก็ยอมมีโอกาสเห็นสวนที่ตองเติมไดมากกวา ถึงตอนนี้จึงเปนภาระของครูอาจารยและนักเรียนจะรวมกันพิจารณา และเลือกทางออกที่ดีที่สุด โดยตั้งอยูบนฐานของความรูเทาทันขอมูล และ ศรัทธาที่มีตอการศึกษาเพื่อรักษาพระศาสนา วโจ : แปลง อํ ทุติยาวิภัตติ เป็ น โอ (มงฺคล. ๒/๔๒๗/๓๓๓) วโจ ในขอวา ภยา หิ เสสฺส วโจ ขเมถ [บุคคล พึงอดทนถอยคำ ของผูประเสริฐได เพราะความกลัวแล] วโจ ศัพทเดิมเปน วจ จัดเขาใน มโนคณะ, ลง อํ ทุติยาวิภัตติ แปลง อํ เปน โอ๑, ตัวอยางที่นักเรียนคุนเคย เชน ยโส ลทฺธา น มชฺเชยฺย. ตสฺสา อตฺถิตายาติ (มงฺคล. ๒/๔๓๐/๓๓๖) ตสฺสา ในที่นี้ นักศึกษาควรโยค ปุนปฺปุนํ อุปฺปนฺนาย ขนฺติยา, เพื่อใหแปลไดงาย ควรประกอบศัพท ดังตอไปนี้ ตสฺสา อตฺถิตายาติ ตสฺสา [ปุนปฺปุนํ อุปฺปนฺนาย ขนฺติยา] อปรา- ปรุปฺปตฺติสมุปจิตาย มารเสนาวิธมนิยา ขนฺติเสนาย อตฺถิตาย ฯ ๑ สัททนีติสุตตมาลา, สูตร ๓๗๗ หนา ๒๖๙.
93.
พระมหานพพร อริยาโณ (สีเนย์)
๗๙ พึงไข ตสฺสา [ปุนปฺปุนํ อุปฺปนฺนาย ขนฺติยาย] ที่ขึ้นมาใหมนั้นไปที่ อปราปรุปฺปตฺติสมุปจิตาย มารเสนาวิธมนิยา ขนฺติเสนาย ทั้งสองชุดเปน ภาวาทิสมฺพนฺธ ใน อตฺถิตาย ขตฺติยวคฺคฏีกา (มงฺคล. ๒/๔๓๐/๓๓๖) นักเรียนสงสัยวา ขัตติยวรรค ที่ทานกลาวถึงในมังคลัตถทีปนีนี้ มา จากคัมภีรไหน ขอความในมังคลัตถทีปนีวา จกฺกาทิติกํ สามฺเน เสนายํ เสนงฺเค จ ฯ กริยเต วิคฺคโห เยนาติ จกฺกํ ฯ พล สํวรเณ ฯ อน สทฺเท อีโกติ ขตฺติยวคฺคฏีกา ฯ๑ [ฎีกาขัตติยวรรค วา ศัพท ๓ ศัพท มี จกฺก ศัพท เปนตน ยอมเปนไป ในเสนาดวย ในองคแหงเสนาดวย โดยความเสมอกัน ฯ การชิงชัย อันเสนา ยอมกระทำ ดวยวัตถุใด เหตุนั้น วัตถุนั้น จึงชื่อวา จักร ฯ พล ธาตุ ในความ ปองกัน ฯ อน ธาตุ ในความสงเสียง ลง อีก ปจจัย] คำวา ขัตติยวรรค ที่พระสิริมังคลาจารย อางในมังคลัตถทีปนีนั้น ก็ คือ ขัตติยวรรค แหงคัมภีรอภิธานัปปทีปกา นั่นเอง เฉพาะเรื่อง จกฺก เปนตนนี้ มาในคาถาที่ ๓๘๑ แหงคัมภีรอภิธานัปปทีปกา นักศึกษาพึงทราบวา คัมภีรอภิธานัปปทีปกานี้ มีคัมภีรอธิบาย เรียกวา อภิธานปฺปทีปกาฏีกา๒ ซึ่งฎีกานี้ สมเด็จพระวันรัต (เขมจารี)๓ เรียกชื่อวา จตุรงฺคธารินี ๑ ธาน.ฏีกา. ๑/๓๘๑/๒๗๑. ๒ อภิธานปฺปทีปกาฏีกา ที่ใชในไทย พระศรีสุทธิพงศ วัดชนะสงคราม ปริวรรต, วัดปากน้ำ จัดพิมพ พ.ศ. ๒๕๒๗ ๓ สมเด็จพระวันรัต (เขมจารีมหาเถระ), มังคลัตถทีปนี ยกศัพทแปล คาถาที่ ๘, (กรุงเทพฯ : ส. ธรรมภักดี, ๒๔๙๗?), หนา ๕๐.
94.
มังคลัตถวิภาวินี ๘๐ จกฺกาทิติกํ (มงฺคล. ๒/๔๓๐/๓๓๖) นักเรียนสงสัยวา
“ศัพท ๓ ศัพท มี จกฺก ศัพท เปนตน” นั้น เมื่อมี เปนตน ก็ตองมีทามกลางและที่สุด ในที่นี้มีอะไรเปนทามกลางและที่สุด อาทิ ศัพท ในคำวา จกฺกาทิติกํ [จกฺก+อาทิ+ติก] ที่แปลวา “ศัพท ๓ ศัพท มี จกฺก ศัพท เปนตน” รวมศัพทวา พล และ อนีก เขาไปดวยจึงเปน ๓ ศัพท (คือ จกฺก พล และ อนีก) ในคาถาที่ ๓๘๑ แหงคัมภีรอภิธานัปปทีปกา วา วาหินี ธชินี เสนา จมู จกฺกํ พลํ ตถา อนีโก วาถ วินฺยาโส พฺยูโห เสนาย กถฺยเต ฯ๑ เฉพาะศัพทนามนาม ในคาถานี้ ถาเริ่มนับ จกฺกํ เปนที่ ๑ ก็จะมี พลํ เปนที่ ๒ และ อนีโก เปนที่ ๓ [ไมนับ ตถา] จึงตอบนักเรียนวา จกฺก ศัพท เปนตน มี พล ศัพทเปนทามกลาง และ อนีก ศัพท เปนที่สุด ฉะนั้นในขอวา จกฺกาทิติกํ สามฺเน เสนายํ เสนงฺเค จ ฯ โดย สาระสำคัญ สื่อความไทยวา จกฺก พล และ อนีก นี้มีความหมายเหมือนกัน วา “กองทัพ” และ “องคประกอบกองทัพ” ตอจากนั้นทานก็วิเคราะห จกฺก ศัพท และบอกธาตุ/ปจจัยของ พล และ อนีก ตสฺเสว เตน ปาปิ โย (มงฺคล. ๒/๔๓๑/๓๓๖) ในคาถาวา ตสฺเสว เตน ปาปโย โย กุทฺธํ ปฏิกุชฺฌติ กุทฺธํ อปฺปฏิกุชฺฌนฺโต สงฺคามํ เชติ ทุชฺชยํ ฯ ตสฺเสว วิเสสนะของ ปุคฺคลสฺส ดวยอำนาจบทวา ปาปโย จึงแปล ตสฺเสว ปุคฺคลสฺส ซึ่งเปนฉัฏฐีวิภัตติใชในอรรถปญจมีวิภัตติ แปลวา กวา ๑ อภิธานัปปทีปกา, คาถา ๓๘๑.
95.
พระมหานพพร อริยาโณ (สีเนย์)
๘๑ บุคคลนั้นเสียอีก (ฎีกาวา ตสฺเสว โยคบทวา ปฏิกุชฺฌนกสฺส ขอใหดู คำอธิบายบทวา ปาปกตรสฺส มติที่ ๒ ตอจากนี้) ทั้งนี้ มีหลักการหักฉัฏฐีวิภัตติเปนปญจมีวิภัตติวา เมื่อมีคุณนามชั้น วิเสส อติวิเสส และเสฏฐตัทธิต ตลอดถึง มีศัพทจำพวกที่แปลวา “เลิศ” เชน อคฺค, “ประเสริฐ” เชน วร, ปวร, วุฑฺฒ บังคับฉัฏฐีวิภัตติใหลงในอรรถ แหงปญจมีวิภัตติ แปลวา กวา๑ ปาปโย ในคาถานี้ หนังสือบางเลมทานแปลวา ความลามก เพราะ ทานถือตามอรรถกถาวา ปาป โหติ กตรสฺสาติ แตอรรถกถาที่ถูกคัดมาใน หนังสือมังคลัตถทีปนีนี้เปน ปาปกตรสฺส ดังจะอธิบายตอไป ปาปกตรสฺส (มงฺคล. ๒/๔๓๑/๓๓๗) คำวา ปาปกตรสฺส ในขอวา เตน โกเธน ตสฺเสว ปุคฺคลสฺส ปาปกตรสฺส โย กุทฺธํ ปฏิกุชฺฌติ มีประเด็นที่ตองพิจารณา ๒ มติ คือ ๑) ปาปกตรสฺส ตัดบทเปน ปาปกตโร อสฺส ๒) ปาปกตรสฺส ตัดบทเปน ปาป กตรสฺส มติที่ ๑ ในขอวา เตน โกเธน ตสฺเสว ปุคฺคลสฺส ปาปกตรสฺส คำวา ปาปกตรสฺส ตัดบทเปน ปาปกตโร-อสฺส การตัดบทเชนนี้ มีปรากฏอยูบาง เชน ยตสฺส=ยโต อสฺสฯ๒ ทานทำเชิงอรรถบอกวา ปาปกตรสฺส ตางกับ อรรถกถาสารัตถปกาสินี สวนสองบทวา ตสฺเสว ปุคฺคลสฺส เปนฉัฏฐีวิภัตติ ใชในอรรถปญจมี- วิภัตติ แปลวา กวาบุคคลผูโกรธนั้นเสียอีก, ถาถือตามมตินี้ ตองขึ้น โส ปฏิกุชฺฌนโก มาเปนประธาน และ เรียงประโยคใหเต็มวา ๑ พระราชเวที (สมพงษ พฺรหฺมวํโส), คูมือแปลมคธเปนไทย, (กรุงเทพฯ: วัดเบญจม- บพิตร, ๒๕๔๗), หนา ๔๐. ๒ วินย.อ. ๒/๒๐๕; วินย. โย.๑/๕๔๗.
96.
มังคลัตถวิภาวินี ๘๒ (โส ปฏิกุชฺฌนโก) เตน
โกเธน ตสฺเสว ปุคฺคลสฺส ปาปกตโร อสฺส, โย กุทฺธํ ปฏิกุชฺฌติ ฯ [ผูใดโกรธตอบบุคคลผูโกรธ, ผูโกรธตอบนั้น พึงเปนผูเลวกวาบุคคลผู โกรธนั้นเสียอีก เพราะความโกรธนั้น] มตินี้ไมตรงกับอรรถกถาและฎีกา แตนิยมแปลกันในปจจุบัน ขอให ศึกษา มติที่ ๒ ตอไป มติที ๒ ในอาคตสถาน คืออรรถกถาชื่อสารัตถปกาสินีทานวาตาง ออกไปวา ปาปกตรสฺส ในที่นี้ คือ ปาป+กตรสฺส เรียงเต็มประโยควา เตน โกเธน ตสฺเสว ปุคฺคลสฺส ปาป โหติ ฯ กตรสฺสาติ ฯ โย กุทฺธํ ปฏิกุชฺฌติ ฯ๑ ในฎีกาทานแนะไวตอไปอีกวาให ตสฺเสว โยค ปฏิกุชฺฌนกสฺส๒ จึงเรียง ใหมตามฎีกาวา เตนโกเธนตสฺเสว ปฏิกุชฺฌนกสฺส ปุคฺคลสฺส ปาป โหติ ฯกตรสฺสาติ ฯ โย กุทฺธํ ปฏิกุชฺฌติ ฯ ถาถือตามมตินี้ ก็ให ปาป เปนประธานไดเลย ในมังคลัตถทีปนีแปล ฉบับมหาธาตุวิทยาลัย ทานแปลตามมติอรรถกถานี้ และฉบับ มมร. แปล ก็ แปลตามมตินี้ในเชิงอรรถวา [ความลามกยอมมีแกบุคคลผูโกรธตอบนั้นนั่นแล เพราะความโกรธ นั้น ฯ ถามวา แกใคร ฯ แกวา แกบุคคลผูโกรธตอบ] แปลตามมตินี้อีกสำนวนวา [ปาปยอมมีแกบุคคลนั้นนั่นแหละ เพราะความโกรธนั้น ฯ ถามวา ปาปมีแกใคร ฯ ตอบวา บุคคลใดโกรธตอบ (บาปยอมมีแกบุคคลนั้น) ฯ] โบราณเรียกวา “แปลประโยคงวงชาง” (นาคโสณฺฑิ) ๑ สํ.อ. ๑/๔๖๕. ๒ สํ.ฏี. ๑/๓๕๔.
97.
พระมหานพพร อริยาโณ (สีเนย์)
๘๓ ตตฺถฏฺิโตเยว (มงฺคล. ๒/๔๓๒/๓๓๗) ตตฺถโตเยว ตัดบทเปน ตตฺถ+โต+เอว, ในคำนั้น ตตฺถ โยค อธิวาสนกฺขนฺติยํ แปลวา “ในอธิวาสนขันตินั้น” เวเทหิกา (มงฺคล. ๒/๔๓๒/๓๓๗) คำวา เวเทหิกา เปนคำเรียกชาววิเทหรัฐ หรือหมายถึง ผูที่ดำเนิน ชีวิตดวยปญญา ดังที่อรรถกถาอธิบายวา เวเทหิกาติ วิเทหรวาสิกสฺส กุลสฺส ธีตา, อถวา เวโทติ ปฺา วุจฺจติ, เวเทน อีหติ อิริยตีติ เวเทหิกา ปณฺฑิตาติ อตฺโถ๑ [บทวา เวเทหิกา นี้เปนชื่อกุลธิดาผูอาศัยอยูในเวเทหรัฐ, อีกอยาง- หนึ่ง ทานเรียกปญญาวาเวทะ, หญิงใดยอมไป ยอมดำเนินไป ดวยปญญา เหตุนั้น หญิงนั้นชื่อวา เวเทหิกา อธิบายวา บัณฑิต] คหปตานี (มงฺคล. ๒/๔๓๒/๓๓๗) คหปตานี อิต. [คห+ปติ+อินี] ผูเปนใหญในเรือน, แมเจาเรือน, ดวย อำนาจ อินี ปจจัย (ปจจัยประกอบศัพทใหเปนอิตถีลิงค) เอา อิ ที่ ปติ เปน อ, คหปต+อินี ลบสระหลัง ทีฆะสระหนา)๒ วิ. คณฺหาติ ปุริเสน อานีตํ ธนนฺติ คหํ [คห อุปาทาเน+อ] วิ. ปริวารํ ปาติ รกฺขตีติ ปติ [ปา รกฺขเณ+ติ] หรือ๓ วิ. คเห ปติ คหปติ, ใน อิต. ลง อินี เปน คหปตานี อรรถกถาและฎีกาแกวา คหปตานีติ ฆรสามินี เคหสามินี ฯ๔ คหปตานี คือ ผูเปนใหญในเรือน ฯ ๑ ม.อ. ๒/๑๖๖. ๒ กจฺจายน. สูตร ๙๑, สัททนีติสุตตมาลา, สูตร ๒๔๘ หนา ๑๙๔. ๓ อภิธานวรรณนา, คาถา ๒๐๖, ๗๒๕. ๔ ม.อ. ๒/๑๖๖, ม.ฏี. ๒/๙๘.
98.
มังคลัตถวิภาวินี ๘๔ อผาสุ, อผาสุกํ (มงฺคล.
๒/๔๓๒/๓๓๗) อผาสุ (อิต.) [น+ผส สิเนหเน+ณุ] ความสบาย, ความสุข วิ. ผสฺสติ สิเนหตีติ ผาสุ (ลบ ณฺ แปลง อ ที่ ผ เปน อา) ผุสติ วา พาธติ ทุกฺขนฺติ ผาสุ (ผุส พาธเน+อุ, อาเทศ อุ เปน อา)๑ วิ. น ผาสุ อผาสุ อผาสุกํ (นปุ.) อผาสุ+ก สกตฺถ อยฺเย ในคำวา ปสฺสถยฺเย (มงฺคล. ๒/๔๓๒/๓๓๘) อยฺเย ในคำวา ปสฺสถยฺเย ทานแปลเปน พหุวจนะ วา คุณแม ทั้งหลาย, แมเจาทั้งหลาย, แมพอทั้งหลาย, ทำไมทานแปล อยฺเย เปนพหุ- วจนะ หนังสือแปล ฉบับมหาธาตุวิทยาลัย แปลเปนเอกวจนะวา ดูกอนแมเจา เรียนกันมาวา อยฺเย เปนอาลปนะ เอกวจนะ เดิมเปน อยฺยา เปน อิตถีลิงค แจกแบบ กฺา๒ เมื่อใชเปนอาลปนะ เอก. ไดรูปเปน อยฺเย-ขา แตแมเจา, พหุ. อยฺยาโย อยฺยา-ขาแตแมเจาทั้งหลาย เชน อยฺเย ปพฺพตเทวเต สจาหํ สามิเกน สทฺธึ อโรคา ชีวิตํ ลภิสฺสามิ พลิกมฺมํ เต กริสฺสามิ...ฯ๓ อุทฺทิา โข อยฺยาโย อ ปาราชิกา ธมฺมา...ตตฺถยฺยาโย ปุจฺฉามิ กจฺจิตฺถ ปริสุทฺธา ฯ๔ แตในที่นี้ทานใช อยฺเย เสมือนเปนพหุวจนะ, เปนไปไดหรือไมวา (๑) อยฺยา เมื่อใชเปนอาลปนะ ในอิตถีลิงคทานแปลงวิภัตติทั้งสองฝายเปน เอ ซึ่งเทียบกับ ปุงลิงค ที่ทานแปลงเปน โอ ดังจะแสดงตอไป (๒) เปนไปได หรือไมวา ทานใช อยฺเย เปนนิบาต เหมือน ภทฺเท ซึ่งใชไดทั้งเอกวจนะและ ๑ อภิธานวรรณนา, คาถา ๘๘. ๒ บุญสืบ อินสาร, พจนานุกรมบาลี-ไทย ธรรมบทภาค ๑-๔, หนา ๙๔. ๓ มงฺคล. ๒/๓๗๒/๒๘๓. ๔ วินย. ๓/๓๐/๒๒.
99.
พระมหานพพร อริยาโณ (สีเนย์)
๘๕ พหุวจนะ (๓) เปนไปไดหรือไมวา ประโยคนี้ความจริงก็เปนเอกวจนะ นั่นแหละ แตทานใชในความเคารพจึงใชกิริยาคุมพากยวา ปสฺสถ โดยแยก พูดกันทีละคน ขอฝากใหศึกษากันตอไป สวน อยฺย ที่เปนปุงลิงคนั้น ในสัททนีติ๑ ทานอธิบายวา อยฺย ศัพท ใน ปุงลิงค เมื่อใชเปนอาลปนะ ใหแปลงวิภัตติทั้งฝายเอกวจนะและพหุวจนะ เปน โอ เชน โภ อยฺโย ตฺวํ คจฺฉ, ภวนฺโต อยฺโย ตุมฺเห คจฺฉถ ฯ๒ ยโต=ยทา (มงฺคล. ๒/๔๓๓/๓๓๘) ในขอ ๔๓๓ พึงเพิ่ม น ปฏิเสธ เขาไปในขอวา ยาว ตํ อมนาปา วจนปถา ผุสนฺติ ใหตรงกับขอความในพระไตรปฎกวา ยาว น อมนาปา วจนปถา ผุสนฺติ ฯ๓ (ไมมี ตํ) ยโต และ อถ ใชในกาล เปน ยทา และ ตทา โสรโต (มงฺคล. ๒/๔๓๔/๓๓๘) ในขอวา โสรตโสรโตติ เปนตน นักศึกษาควรขึ้น โหติ มาหลัง โสรโต เปน อติวิย โสรโต โหติ และแปลไขไปจนถึง วตฺตพฺพตํ อาปชฺชติ กุรุรา/กุรูรา (มงฺคล. ๒/๔๓๔/๓๓๘) คำวา กุรุรา ในขอวา กิมฺพิสาติ กุรุรา ฯ [บทวา กิมฺพิสา ไดแก ต่ำชา] ตางกับฎีกานิดหนอย คือในฎีกาวา กิพฺพิสาติ กุรูรา ฯ (ม.ฏี. ๒/๙๘) กุรูรา วิเคราะหวา อกฺโกสตีติ กุรูรา (อิตฺถี) [กุร ธาตุ อกฺโกเส ในความดา+อูร ปจจัย] สตรีที่ดาชื่อวา กุรูรา (ผูดา, ผูหยาบคาย) กิพฺพิสํ กโรตีติ กุรูรา (อิตฺถี) [กร ธาตุ วเธ/หึสายํ ในความเบียดเบียน+ อูร ปจจัย, อาเทศ อ เปน อุ] สตรีที่ทำรายชื่อวา กุรูรา (ผูชั่วชา)๔ ๑ สัททนีติสุตตมาลา, สูตร ๔๘๓ หนา ๓๓๘. ๒ สุภาพรรณ ณ บางชาง, รองศาสตราจารย, ดร., ไวยากรณบาลี, พิมพครั้งที่ ๒, (กรุงเทพฯ: มูลนิธิมหามกุฏราชวิทยาลัย, ๒๕๓๘), หนา ๒๐๒. ๓ ม.มู. ๑๒/๒๖๖/๒๕๕. ๔ สัททนีติสุตตมาลา, สูตร ๑๓๑๖, โมคฺ. สูตร ๗.๑๗๒, อภิธานวรรณนา, คาถา ๗๑๔.
100.
มังคลัตถวิภาวินี ๘๖ โสวจสฺสตากถา -๐- สุวโจ (ปุ.) (มงฺคล.
๒/๔๓๕/๓๔๐) วิ. สุเขน วตฺตพฺโพ อนุสาสิตพฺโพติ สุวโจ (ปุคฺคโล) [สุ+วจ+ข] บุคคล อันเขาพึงกลาวคือพึงสั่งสอนไดโดยงาย ชื่อวา สุวโจ โสวจสฺสํ (มงฺคล. ๒/๔๓๕/๓๔๐) วิ. สุวจสฺส ภาโว โสวจสฺสํ (นปุ.) [สุวจ+ณฺย] แปลง อุ เปน โอ ลบ ณฺ ลง สฺ อาคม แปลง ย เปน ส หรือ แปลง สฺย เปน สฺส๑ โสวจสฺสตา (มงฺคล. ๒/๔๓๕/๓๔๐) วิ. โสวจสฺสสฺส ภาโว โสวจสฺสตา (อิตฺ) [โสวจสฺส+ตา] ปุรกฺขิตฺวา (มงฺคล. ๒/๔๓๕/๓๔๐) ปุรกฺขิตฺวา [ปุร+กร+อิ+ตฺวา] แปลง กร เปน ข ธาตุ ซอน กฺ ลง อิ อาคม๒ วิปฺปจฺจนีกสาเต : ทันตเฉทนนัย/ทันตโสธนนัย (มงฺคล. ๒/๔๓๕/๓๔๐) วิ. วิปฺปจฺจนีกฺจ ตํ สาตฺจาติ วิปฺปจฺจนีกสาตํ (กมฺมํ) วิ. วิปฺปจฺจนีกสาตํ ยสฺส โส วิปฺปจฺจนีกสาโต (ปุคฺคโล) สำนวนฎีกา ในมังคลัตถทีปนี ขอ ๔๓๖ วา ตสฺสาเอววิปฺปจฺจนีกํ ทุปฺปฏิปตฺติ สาตํ อิ เอตสฺสาติวิปฺปจฺจนีกสาโตฯ ตสฺมึ ฯ ๑ พันตรี ป. หลงสมบุญ, พจนานุกรม มคธ-ไทย, หนา ๗๗๔. ๒ กจฺจายน. สูตร ๕๙๔, สัททนีติสุตตมาลา, สูตร ๑๑๙๘. โมคฺ. สูตร ๕.๑๓๔.
101.
พระมหานพพร อริยาโณ (สีเนย์)
๘๗ ในขอนี้ นักเรียนสงสัยวา ทำไมทานเรียง ตสฺมึ ไวโดดๆ เรียงไวเพื่อ อะไร สื่อถึงนัยอะไร, จึงตอบนักเรียนดังตอไปนี้ การอธิบายบทตั้งในบางกรณี อาจจะอธิบายดวยวิภัตติตางกัน และ เมื่ออธิบายเสร็จแลวก็คืนวิภัตติใหตรงกับบทตั้งนั้น การอธิบายบทตั้งดวย วิภัตติตางกันนี้ เรียกวา ทันตเฉทนนัย (นัยเหมือนการตัดงาชาง) และการ คืนวิภัตติเดิมใหตรงกับบทตั้ง เรียกวา ทันตโสธนนัย (นัยเหมือนการตอ งาชาง)๑ เชนในที่นี้ คำวา วิปฺปจฺจนีกสาเต ในขอ ๔๓๕ เปนสัตตมีวิภัตติ ทาน อธิบายไวในขอ ๔๓๖ วา ตสฺสา เอว วิปฺปจฺจนีกํ ทุปฺปฏิปตฺติ สาตํ อิ เอตสฺสาติ วิปฺปจฺจนีกสาโต ฯ ในขั้นนี้เปน ทันตเฉทนนัย คือตัดจาก สัตตมี- วิภัตติ (วิปฺปจฺจนีกสาเต) เปนปฐมาวิภัตติ (วิปฺปจฺจนีกสาโต) เมื่ออธิบายโดยการวิเคราะหศัพทเสร็จแลว ทานจึงคืนปฐมาวิภัตติ (วิปฺปจฺจนีกสาโต) ใหเปนสัตตมีวิภัตติ โดยขึ้น ตสฺมึ มารับ ในขั้นนี้เปน ทันตโสธนนัย คือตอปฐมาวิภัตติใหกลับคืนเปนสัตตมีวิภัตติ ฉะนั้น จึงสรุปไดวา คำวา ตสฺสา เอว ฯลฯ วิปฺปจฺจนีกสาโต เปน ทันตเฉทนนัย สวน ตสฺมึ เปน ทันตโสธนนัย อนุโลมสาเต (มงฺคล. ๒/๔๓๖/๓๔๑) วิ. อนุโลมฺจ ตํ สาตฺจาติ อนุโลมสาตํ (กมฺมํ) วิ. อนุโลมสาตํ ยสฺส โส อนุโลมสาโต (ปุคฺคโล) หรือ วิ. อนุโลมํ สุปฏิปตฺติ สาตํ อิ เอตสฺสาติ อนุโลมสาโต ๑ พระธัมมานันทเถร (แปล), เนตติหารัตถทีปนี อุปจาร และ นย, (กรุงเทพฯ: มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย, ๒๕๓๓), หนา ๖๙-๗๐.
102.
มังคลัตถวิภาวินี ๘๘ ขโม (มงฺคล. ๒/๔๓๘/๓๔๑) วิ.
ขมตีติ ขโม, ขมนํ วา ขโม [ขมฺ หรือ ขมุ สหเน+อ] ผูอดทน ชื่อวา ขโม (ผูอดทน), อีกอยางหนึ่ง การอดทน ชื่อวา ขโม (การอดทน) ขโม ในเรื่องโสวจัสสตานี้ ทานอธิบายวา ขโมติ ขนฺตา จึงใชใน อรรถกัตตา แปลวา ผูอดทน ขนฺตา (มงฺคล. ๒/๔๓๘/๓๔๑) วิ. ขมตีติ ขนฺตา [ขมฺ หรือ ขมุ สหเน+ตุ] ผูอดทน ชื่อวา ขนฺตา ลบ อุ ธาตุมี ม เปนที่สุดอยูหนา เอาที่สุดธาตุเปน นฺ๑ แจกแบบ สตฺถุ ลง สิ ปฐมา- วิภัตติ, ในสัททนีติธาตุมาลา วา ขมุ ธาตุในอรรถภาวะ เชน ขนฺติ, ขโม, ขมนํ (ความอดทน), ใชในอรรถกัตตา เชน ขนฺตา, ขมิตา (ผูอดทน)๒ ปฏานิภาเวน (มงฺคล. ๒/๔๓๘/๓๔๑) วิ. ปฏิอนตีติ ปฏาโน [ปฏิ+อน สทฺเท+ณ] ผูสงเสียงโตแยง ชื่อวา ปฏาน (ขาศึก) (สบสระหนา ทีฆะสระหลัง) วิ. ปฏานสฺส ภาโว ปฏานิภาโว [ปฏาน+อิ+ภู] ความเปนแหงผูสงเสียง ตอบชื่อวา ปฏานิภาโว (อาคม อิ วัณณะ หนา ภู ธาตุ)๓ วิเสสาธิคมสฺส ทูเร/อทูเร (มงฺคล. ๒/๔๔๑/๓๔๓) นักเรียนสงสัยวา คำวา วิเสสาธิคมสฺส ควรแปลวา จาก หรือ แหง ไดตอบนักเรียนวา ถาชอบสำนวนเฉลยของกองบาลีสนามหลวง ซึ่งเขากับภาษาไทยสนิทดีและฟงไมขัดหู ใหแปลวา จาก แตถาชอบรักษา ไวยากรณ ใหแปลวา แหง หรือแปลไมออกสำเนียงอายตนิบาต ๑ พระมหาศักรินทร ศศพินทุรักษ, หลักควรจำบาลีไวยากรณ, หนา ๑๙๒. ๒ สัททนีติธาตุมาลา, หนา ๓๖๒. ๓ สัททนีติสุตตมาลา, สูตร ๑๓๓๘ หนา ๑๑๖๗.
103.
พระมหานพพร อริยาโณ (สีเนย์)
๘๙ ใน ๓ ขอความดังตอไปนี้ คือ ๑) อปจ วิเสสาธิคมสฺส อวิทูริภาวโต มงฺคลํ ฯ ๒) โส วิเสสาธิคมสฺส ทูเร โหติ ฯ ๓) โส วิเสสาธิคมสฺส อทูเร โหติ คำวา วิเสสาธิคมสฺส เปนฉัฏฐีวิภัตติ แตในเฉลยขอสอบสนามหลวง ครั้งที่ ๒ ขอ ๒ พ.ศ. ๒๕๔๘ ทานแปลเปนปญจมีวิภัตติวา ไกล/ไมไกล จาก การบรรลุคุณวิเสส เสมือนหนึ่งวา วิเสสาธิคมสฺส ในที่นี้ใชในอรรถปญจมี- วิภัตติ (หนังสือฉบับแปลโดย อาจารยบุญสืบ อินสาร และฉบับแปลโดย พระมหาสมบูรณ ทสฺสธมฺโม แปลตามสำนวนสนามหลวง ซึ่งถือเปนเรื่อง ปกติ) ที่สนามหลวงทานแปลเชนนี้ ก็อาจจะมีหลักของทานเปนธรรมดา, นี้ สำนวนที่ ๑ แตในหนังสือแปลฉบับ มมร. แปลโดย พระมหานาค อุปนาโค ทาน แปลวา ไกล/ไมไกล การบรรลุคุณวิเสส, (แปลไมออกสำเนียงวิภัตติ) นี้ สำนวนที่ ๒ สวนฉบับมหาธาตุวิทยาลัย แปลโดย สมเด็จพระวันรัต (เขมจารีมหา- เถระ) ทานแปลวา ไกล/ไมไกล แหงอันบรรลุซึ่งคุณวิเสส (ตนฉบับทาน เขียน บัลลุ ในที่นี้ไดสะกดตามที่นิยมในปจจุบัน), สำนวนนี้ ทานยึดหลัก บาลีไวยากรณอยางเครงครัด ดังจะอธิบายตอไป, นี้สำนวนที่ ๓ ผูเขียนนี้ แนะนำใหนักเรียนของตน แปลตามสำนวนที่ ๒ และ ๓ เพราะมุงไมใหเสียหลักไวยากรณ สวนสำนวนที่ ๑ ยกไวเปนกรณีศึกษาโดย เคารพ โดยทั่วไปฉัฏฐีวิภัตตินิยมใชในอรรถแหงปญจมีวิภัตติ (แต,จาก) ในที่ ประกอบดวยบทที่มีอรรถวา เสื่อมและกลัว (เสื่อมจาก, กลัวแต) [ปฺจมิยตฺเถ ปริหานิภยตฺถโยเค] พึงดู ปทรูปสิทธิ สูตรที่ ๓๑๘ เชน อสฺสวนตา ธมฺมสฺส ปริหายนฺติ (สัตวทั้งหลายยอมเสื่อมจากธรรม เพราะการไมฟง), สพฺเพ ตสนฺติ ทณฺฑสฺส (สัตวทั้งปวงกลัวแตการลงโทษ)
104.
มังคลัตถวิภาวินี ๙๐ แตในที่นี้คำวา วิเสสาธิคมสฺส เปนฉัฏฐีวิภัตติ
ไมไดประกอบดวยบท ที่มีอรรถวา เสื่อมและกลัว แตประกอบดวย ทูร ศัพท ทำไมทานแปลวา จากการบรรลุคุณวิเสส ในปทรูปสิทธิ (อธิบาย สูตรที่ ๓๑๖) ทานอธิบายไวคอนขางชัดวา ลง ฉัฏฐีวิภัตติในคำที่เกี่ยวเนื่องกับที่ใกล (สมีปสมฺพนฺเธ) เชน อมฺพวนสฺส อวิทูเร [ในที่ไมไกลแหงปามะมวง] นิพฺพานสฺเสว สนฺติเก [ในที่ใกลแหงพระนิพพาน นั่นเอง] ถึงแมคำแปลวา ไกล/ไมไกล แหงอันบรรลุซึ่งคุณวิเสส จะฟงขัดหู แต ก็ถูกหลักไวยากรณ ฉะนั้น จึงแนะนำใหนักเรียนเลือกแปลตามสำนวนที่ ชอบใจเถิด กตฺวา เปนกิริยาปธานนัย (มงฺคล. ๒/๔๔๖/๓๔๗) กตฺวา ในขอความวา อถ เชยกฺขินี เชวาณิชํ อวเสสยกฺขินิโย อวเสสวาณิเช สามิเก กตฺวา รตฺติภาเค เตสุ นิทฺทูปคเตสุ อุาย คนฺตฺวา กรณฆเร มนุสฺเส ขาทิตฺวา อาคมึสุ ฯ เปนกิริยาปธานนัย อกโรนฺตา จตสฺโส ปริสา: อกโรนฺตา/อกโรนฺตี ? (มงฺคล. ๒/๔๔๗/๓๔๗-๘) คำวา อกโรนฺตา ในขอวา อกโรนฺตา จตสฺโส ปริสา ตามหลักบาลี- ไวยากรณที่เรียนกันนี้ ตองเปน อกโรนฺตี เพราะ อนฺต ปจจัยที่เปนอิตถีลิงค แจกแบบ นารี แตในสัททนีติปทมาลา ทานอธิบายวา มหนฺต ศัพทที่เปนอิตถีลิงค แจกตามแบบ อิตฺถี อีกนัยหนึ่งแจกแบบ กฺา ก็ได๑ ฉะนั้น จึงเปนไปไดวา อกโรนฺตา ในที่นี้ทานแจกแบบ กฺา โดย อนุวัตนตาม มหนฺต ศัพทที่แสดงไวในสัททนีตินั้น ๑ สัททนีติปทมาลา, หนา ๕๘๘.
105.
พระมหานพพร อริยาโณ (สีเนย์)
๙๑ ลักษณะเชนนี้ นักเรียนเคยพบมาแลว เมื่อครั้งเรียน ประโยค ป.ธ. ๔ ในมังคลัตถทีปนี ภาค ๑ ขอ ๑๒๔ หนา ๑๔๒ ที่วา เตเนว สา สจฺฉิ- กิริยาภิสมเยน วิภูตํ ปากฏํ กโรนฺตา ปสฺสติ ปจฺจกฺขํ กโรติ...ฯ มีขอสังเกตวา อกโรนฺตา จตสฺโส ปริสา นี้ในอรรถกถาชาดกซึ่งเปน ตนแหลงเดิม ที่ทานนำมาอางในมังคลัตถทีปนีนี้ ทานแสดงตางออกไปวา อกโรนฺตา ภิกฺขูป ภิกฺขุนิโยป อุปาสกาป อุปาสิกาโยปฯ๑ จตูสุ อปาเยสุ [อบาย ๔] (มงฺคล. ๒/๔๔๗/๓๔๘) อบาย, อบายภูมิ ภูมิกำเนิดที่ปราศจากความเจริญ มี ๔ อยาง คือ นิรยะ นรก ติรัจฉานโยนิ กำเนิดดิรัจฉาน ปตติวิสัย ภูมิแหงเปรต และ อสุรกาย พวกอสุรกาย๒ ๑. นิรยะ นรก ไดแก (๑) มหานรก (๒) อุสสทนรก (๓) ยมโลกนรก (๔) โลกันตริกนรก ๒. ติรัจฉานโยนิ กำเนิดสัตวเดรัจฉาน (๑) อปทะ จำพวกที่ไมมีขา (๒) ทวิปทะ จำพวกที่มี ๒ ขา (๓) จตุปปทะ จำพวกที่มี ๔ ขา (๔) พหุปปทะ จำพวกที่มีมากกวา ๔ ขาขึ้นไป ๓. ปตติวิสัย ภูมิแหงเปรต (๑) ปรทัตตูปชีวิกเปรต เปรตที่เลี้ยงชีวิต ดวยสวนบุญที่เขาอุทิศให (๒) ขุปปปาสิกเปรต เปรตที่อดอยาก หิวขาวน้ำ อยูตลอดเวลา (๓) นิชฌามตัณหิกเปรต เปรตที่ถูกไฟเผาใหรอนรนอยูเสมอ (๔) กาลกัญจิกเปรต เปรตในจำพวกอสุรกาย ๔. อสุรกาย พวกอสูร (๑) เทวอสุรา อสุรกายที่เปนเทวดา (๒) เปติ- อสุรา อสุรกายที่เปนพวกเปรต (๓) นิรยอสุรา อสุรกายที่เปนพวกสัตวนรก ๑ ชา.อ. ๓/๒๐๒. ๒ ขุ.อิติ. ๒๕/๒๗๓/๓๐๑.
106.
มังคลัตถวิภาวินี ๙๒ ป ฺจวิธพนฺธนกมฺมกรณฏฺานาทีสุ (มงฺคล.
๒/๔๔๗/๓๔๘) ปฺจวิธพนฺธนํ (เครื่องผูก ๕ อยาง) ในคำวา ปฺจวิธพนฺธนกมฺม- กรณานาทีสุ คือ การใชตะปูรอนลุกโชนตรึงที่ มือขวา มือซาย เทาขวา เทาซาย และอก๑ กาหนฺติ (มงฺคล. ๒/๔๔๗/๓๔๘) กาหนฺติ [กร+โอ+สฺสนฺติ] แปลวา จักกระทำ ไมควรแปลวา ยอม กระทำ เชน ในขอวา เย น กาหนฺติ โอวาท นรา พุทฺเธน เทสิตํ [นระเหลา ใดจักไมกระทำตามโอวาทที่พระพุทธเจาทรงแสดงแลว] แปลง กร กับ โอ เปน กาห ลง สฺสนฺติ วิภัตติ แลวลบ สฺส หรือ เอา ร แหง กร กับ โอ และ สฺส เปน อาห๒ สวนในหนังสืออธิบายบาลีไวยากรณทานวา กร ธาตุ อา ปจจัย สฺสติ วิภัตติ เพราะภวิสฺสนฺติ วิภัตติ แปลง กรฺ เปน กาห ลบ สฺส แหง สฺสติ วิภัตติ เสีย คงไวแต ติ๓ ๑ เชน ม.อุ. ๑๔/๔๗๕/๓๑๕. ๒ กจฺจายน. สูตร ๔๘๑, สัททนีติสุตตมาลา, สูตร ๙๖๒, โมคฺ. สูตร ๖.๒๕ ๓ มหามกุฏราชวิทยาลัย, อธิบายบาลีไวยากรณ อาขยาต, หนา ๘๕.
107.
พระมหานพพร อริยาโณ (สีเนย์)
๙๓ สมณทสฺสนกถา -๐- ตถาสมาหิตํ (มงฺคล. ๒/๔๔๙/๓๕๑) สมาหิตํ [สํ+อา+ธา+อิ+ต] ในขอวา ตถาสมาหิตํ จิตฺตํ แปลวา จิตที่ตั้ง มั่นแลวอยางนั้น, ธา ธาตุ จัดลงในหมวด ภู ธาตุ ถา อา เปนบทหนาใชใน ความหมายวายกขึ้น, ตั้งขึ้น (อาโรปเน)๑, แปลง ธา เปน ห, อิ อาคม๒ สวนในคัมภีรโมคคัลลานะ ทานอธิบายวา ลง ต ปจจัยแลว แปลง ธา ธาตุ เปน หิ๓, แมคำวา ปณิหิตํ, นิหิต- ก็พึงทราบลง ธา ธาตุ แปลง ธา เปน ห หรือ หิ โดยนัยนี้เหมือนกัน อชฺฌุเปกฺขิตา (มงฺคล. ๒/๔๔๙/๓๕๑) อชฺฌุเปกฺขิตา [อธิ+อุป+อิกฺข ทสฺสนงฺเกสุ+ตุ+สิ] อชฺฌุเปกฺขตีติ อชฺฌุเปกฺขิตา ผูเพง, ผูเพงดู (อธิ เปน อชฺฌ, อิ เปน เอ, อิ อาคม, อุ การันต กับ สิ เปน อา) นิสินฺนสฺส (มงฺคล. ๒/๔๕๓/๓๕๓) บทวา นิสินฺนสฺส ในขอ ๔๕๓ หนา ๓๕๓ พึงสัมพันธเขากับบทวา อนุสฺสรณํ และในขอ ๔๕๔ ก็นัยนี้เหมือนกัน ตตฺถาปิ ตโต (มงฺคล. ๒/๔๕๖/๓๕๖) ตฺตถาป ตโต ในขอ ๔๕๖ พึงนำศัพทในขอ ๔๕๔ มาประกอบ ดังนี้ ๑ ธาตวัตถสังคหปาฐนิสสยะ, คาถา ๒๐๐ หนา ๒๐๙. ๒ พจนานุกรมกิริยากิตต ฉบับธรรมเจดีย, หนา ๒๕๑. ๓ โมคฺ. สูตร ๔.๗๒.
108.
มังคลัตถวิภาวินี ๙๔ ๑. ตตฺถ=เตสุป รตฺติานทิวาาเนสุ
[ในที่พักกลางคืนและที่พัก กลางวันแมนั้น] ๒. ตโต=ตมฺหา อริยสนฺติกา [จากสำนักของพระอริยเจานั้น] สตสหสฺสมตฺตา (มงฺคล. ๒/๔๕๖/๓๕๖) ขอวา สตสหสฺสมตฺตา อเหสุ สมนฺตปาสาทิกตฺตา ปหสฺส ขึ้น ประธาน ตามขอความในขอ ๔๕๕ ใหเต็มประโยควา (มหากสฺสปตฺเถรสฺส อนุปฺปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตา กุลปุตฺตา) สตสหสฺส- มตฺตา อเหสุ สมนฺตปาสาทิกตฺตา ปหสฺส แปล [(กุลบุตรทั้งหลายผูบวชตามพระมหากัสสปะเถระ) ไดมี ประมาณแสนหนึ่ง เพราะการบวชของพระมหากัสสปะเถระนำความ เลื่อมใสมาโดยรอบดาน] มหินฺท...ปพฺพชนฺติ นาม (มงฺคล. ๒/๔๕๖/๓๕๖) ขอวา มหินฺท...ปพฺพชนฺติ นาม นักศึกษานำศัพทในขอ ๔๕๕ หนา ๓๕๕ มาเติมใหเต็มวา มหินฺทตฺเถรสฺเสว ปพฺพชฺชํ อนุปฺปพฺพชนฺติ นาม [(กุลบุตรทั้งหลาย) ชื่อวายอมบวชตามพระมหินทเถระนั่นแหละ] ปาตุกมฺมาย (มงฺคล. ๒/๔๖๐/๓๕๙) ในประโยควา โก ปจฺจโย สิตสฺส ปาตุกมฺมาย ฯ คำวา ปาตุกมฺมาย ลง ส จตุตถีวิภัตติ แตใชในอรรถแหงวิภัตติอื่น, หนังสือฉบับแปล นิยมแปลวา แหงการทรงทำการแยมพระสรวลใหปรากฏ
109.
พระมหานพพร อริยาโณ (สีเนย์)
๙๕ และสัมพันธวา สิตสฺส ฉีกมฺม ใน -กมฺมาย ปาตุกมฺมาย สามีสมฺพนฺธ ใน ปจฺจโย๑, ปาตุกมฺมาย เปนจตุตถีวิภัตติใชในอรรถฉัฏฐีวิภัตติ๒ อีกมติหนึ่ง ปาตุกมฺมาย มีวิภัตติวิปลาส คือลง ส จตุตถีวิภัตติ แตใช ในอรรถสัตตมีวิภัตติ๓ โดยอางสูตรในสัททนีติ๔ ไดรูปเปน ปาตุกมฺมาย= ปาตุกมฺเม ฉะนั้น จึงแปลวา ในการทรงทำการแยมพระสรวลใหปรากฏ อตีวมหา : บทว่า มหา เป็ นได้ ๓ ลิงค์(มงฺคล. ๒/๔๖๒/๓๖๐) ในขอวา อตีวมหา อโหสิ ปหาโร [ไดเปนการประหารอยางถนัดยิ่ง] อตีวมหา [อตีว+มหา], อตีว เปนนิบาต แปลวา ดี, ยิ่ง, ดียิ่ง, ยิ่งนัก, เหลือเกิน, อยางยิ่ง๕, มหา เปนคุณนาม แปลวา ใหญ, มาก, กวาง เปนตน มหา ศัพทเดิมเปน มหนฺต ตามมติของสัททนีติปทมาลา ทานอาศัย ตัวอยางจากพระบาลี จึงแจก มหนฺต ศัพทไดรูปเปน มหา ครบทั้ง ๓ ลิงค๖ เชน อุปาสก มหา เต ปริจฺจาโค๗ [อุบาสก การบริจาคของทาน ยิ่งใหญ] พาราณสีรชฺชํ นาม มหา๘ [ชื่อวาแควนพาราณสี กวางใหญนัก] เสนา สา ทิสฺสเต มหา๙ [กองทัพนั้น ปรากฏเปนกองทัพที่ยิ่งใหญ] ๑ พระมหานิมิตร ธมฺมสาโร และคณะ, วิชา สัมพันธไทย ธรรมบทภาคที่ ๘ ฉบับ สมบูรณ, (กรุงเทพฯ : ไทยรายวันการพิมพ, ๒๕๔๘), หนา ๒๐. ๒ สัททนีติสุตตมาลา, สูตร ๖๗๒ หนา ๕๗๑-๕๗๒. ๓ สุภาพรรณ ณ บางชาง, ไวยากรณบาลี, หนา ๓๔๑. ๔ สัททนีติสุตตมาลา, สูตร ๖๗๒ หนา ๕๗๑. ๕ พันตรี ป. หลงสมบุญ, พจนานุกรม มคธ-ไทย, (กรุงเทพฯ สำนักเรียนวัดปากน้ำ, ๒๕๔๐), หนา ๒๖. ๖ สัททนีติปทมาลา, หนา ๕๘๗-๕๙๐. ๗ ชา.อ. ๖/๒๑๓. ๘ อุ.อ. ๑/๓๖๙. ๙ ขุ.ชา. ๒๘/๖๗๙/๒๔๓.
110.
มังคลัตถวิภาวินี ๙๖ อฑฺฒฏฺรตนํ (มงฺคล. ๒/๔๖๒/๓๖๐) อฑฺฒรตนํ
[อฑฺฒ+อ+รตนํ] (นาคํ) ชางตัวมีประมาณ ๗ ศอก ครึ่ง, ชางตัวมีประมาณ ๗ ศอกคืบ วิ. อฑฺฒมรตนนฺติ อฑฺเฒน อนฺนํ ปูรณนฺติ อฑฺฒมานิ ฯ อฑฺฒมานิ รตนานิ ปมาณํ เอตสฺสาติ อฑฺฒมรตโน (นาโค) ฯ ตํ ฯ๑ นาค ศัพท์เดียว แปลได้หลายอย่าง (มงฺคล. ๒/๔๖๒/๓๖๐) นาค ในขอนี้ หมายถึง หตฺถินาคํ แปลวา ชาง, ความจริง นาค ศัพทนี้ แปลไดหลายอยาง นาค แปลไดหลายอยาง ดังนี้ ๑) ผูประเสริฐ ไดแก พระราชา ๒) สัตวประเสริฐ ไดแก ชาง ๓) ตนกากะทิง ๔) ผูหมดกิเลส ไดแก พระพุทธเจา หรือ พระอรหันต และ ๕. งู เชน ในวชิรสารัตถสังคหะวา๒ นาโคว นาคมารุยฺห นาคมูลํ อุปาคมิ นาคปุปฺผํ คเหตฺวาน นาคสฺส อภิปูชยิ [พระราชานั่นแหละ ทรงชาง เขาไปใกลโคนตน กากะทิงเก็บดอกกากะทิงนอมบูชาพระพุทธเจา] ทานอธิบายดวยคาถานี้วา ติณคฺคํ ขาทติ เภกํ คิลติ กาลปุปฺผิโต นาโค เทวมนุสฺสานํ ธมฺมํ เทเสติ เกวลํ [นาค ๑ เคี้ยวยอดหญา (ชาง) นาค ๑ กลืนกิน กบ (งู) นาค ๑ มีดอกบานตามฤดูกาล (ตน กากะทิง) นาค ๑ แสดงธรรม (พระพุทธเจา)] ๑ การอธิบายเชนนี้ เรียกวา ทันตเฉทนนัย และ ทันตโสธนนัย ๒ พระสิริรัตนปญญาเถระ (รจนาเสร็จ พ.ศ. ๒๐๗๘), แยม ประพัฒนทอง (แปล), วชิรสารัตถสังคหะ, (กรุงเทพฯ: วัดปากน้ำ, ๒๕๕๖), หนา ๙๒, ๑๗๙.
111.
พระมหานพพร อริยาโณ (สีเนย์)
๙๗ วิธีแปล ขมนียํ/ยาปนียํ (มงฺคล. ๒/๔๖๒/๓๖๑) คำวา ขมนียํ, ยาปนียํ ในชั้นประโยค ป.ธ. ๕ นี้ แปลโดยอรรถวา พอทนได, พอใหเปนไปได เชน ขมนียํ เม อาวุโส โมคฺคลฺลาน, ยาปนียํ เม อาวุโส โมคฺคลฺลาน [โมคคัลลานะผูมีอายุ เราพอทนได, โมคคัลลานะผูมีอายุ เราพอ ใหเปนไปได] ในขอนี้ คำวา ขมนียํ, ยาปนียํ เปนกิริยา ถานักเรียนประสงคจะขึ้น ประธาน ขอใหถือตามอรรถกถาวินัย ซึ่งทานแนะใหขึ้น อิทํ จตุจฺจกฺกํ นวทฺวารํ สรีรยนฺตํ๑ มาเปนประธาน จึงไดรูปประโยคเชนนี้วา [อิทํ เม จตุจฺจกฺกํ นวทฺวารํ สรีรยนฺตํ] ขมนียํ อาวุโส โมคฺคลฺลาน, [อิทํ เม จตุจฺจกฺกํ นวทฺวารํ สรีรยนฺตํ] ยาปนียํ อาวุโส โมคฺคลฺลาน [โมคคัลลานะผูมีอายุ ยนตคือสรีระ มีสี่ลอ เกาประตูนี้ เราพอทนได, โมคคัลลานะผูมีอายุ ยนตคือสรีระ มีสี่ลอ เกา ประตูนี้ เราพอใหเปนไปได] นิทฺทํ อุปคตสฺส (มงฺคล. ๒/๔๖๒/๓๖๑) ขอวา อนฺโตสมาปตฺติยํ อปฺปฺายมานทุกฺขฺหิ กายนิสฺสิตตฺตา นิทฺทํ อุปคตสฺส มกสาทิชนิตํ วิย ปฏิพุทฺธสฺส โถกํ ปฺายิตฺถ ฯ เรียงเต็มประโยควา อนฺโตสมาปตฺติยํ อปฺปฺายมานทุกฺขฺหิ กายนิสฺสิตตฺตา [นิทฺทํ อุปคตสฺส มกสาทิชนิตํ อปฺปฺายมานทุกฺขํ วิย ปฏิพุทฺธสฺส โถกํ ปฺายนฺตํ] โถกํ ปฺายิตฺถ ฯ ๑ เชน วินย.อ. ๑/๗๐๕, สมนฺตปาสาทิกา ภาค ๑ ที่ใชเปนหนังสือเรียน หนา ๕๘๙.
112.
มังคลัตถวิภาวินี ๙๘ [ความจริง ทุกขที่ไมปรากฏอยู ในภายในแหงสมาบัติ ปรากฏแลวหนอยหนึ่ง
เพราะความเปนสภาพอาศัยกาย (ดุจ ทุกขที่เกิดขึ้นเพราะยุงเปนตน ไมปรากฏอยูแกบุคคลผูเขาถึง ความหลับ ปรากฏแกเขาผูตื่นแลวเพียงเล็กนอย ฉะนั้น)] ฑยฺหามิ (มงฺคล. ๒/๔๖๒/๓๖๑) ฑยฺหามิ เราเรารอน, เราอันความรอนแผดเผา [ทห ธาตุในความเผา ภสฺมีกรเณ+ย กรรมวาจก+มิ] แปลง ท เปน ฑ๑ สลับ ย ไปไวหนา ห๒ เปน กัมมวาจก ในกัตตุวาจก ไดรูปเปน ทหติ เชน อคารานิ อคฺคิ ทหติ ฯ นักศึกษาพึง ศึกษารูปกิริยากิตก เชน อคฺคินา ทฑฺฒํ เคหํ ฯ ธมฺมสากจฺฉากถา -๐- ใน ธมฺมสากจฺฉากถา มีเนื้อความชัดเจน ไมมีเนื้อความที่ตองอธิบาย เพิ่มเติม ทั้งนักเรียนก็ไมไดสงสัยอะไร จึงขอขามไปอธิบาย ตปกถา เลย ๑ สัททนีติธาตุมาลา, หนา ๕๑๕. ๒ นิรุตติทีปนี, หนา ๕๒. พระมหานิมิตร ธมฺมสาโร และคณะ, วิชา สัมพันธไทย ธรรมบทภาคที่ ๕ ฉบับแกไข/ปรับปรุง, (กรุงเทพฯ : ประยูรสาสนไทย การพิมพ, ๒๕๕๒), หนา ๑๕๙.
113.
พระมหานพพร อริยาโณ (สีเนย์)
๙๙ นวมคาถายตฺถวณฺณนา ตปกถา -๐- ขนฺตี ปรมํ ตโป ตีติกฺขา : วิเสสลาภี (มงฺคล. ๒/๔๗๑/๓๖๖) ตีติกฺขา วิเสสลาภี ของ ขนฺตี ฯ๑ แปลวา ขันติคือความอดกลั้น แปล ยกศัพทวา ขนฺตี ความอดทน คือ ตีติกฺขา ความอดกลั้น ตโป โหติ เปนตบะ ปรมํ อยางยิ่ง๒ ตีติกฺขา (มงฺคล. ๒/๔๗๑/๓๖๖) ติติกฺขา (อิต.) [ติชฺ ขนฺติยํ+ข] ความอดทน, ความอดกลั้น, ความ- ทนทาน, ความอดใจ, ความบึกบึน. ติชฺ ขนฺติยํ, โข. เทฺวภาว ติ แปลง ชฺ เปน กฺ อา อิต. เปน ตีติกฺขา บาง๓ มหาหํสชาตก (มงฺคล. ๒/๔๗๑/๓๖๗) ทานยกขอความแหงมหาหังสชาดกมาแสดงเพียงบางสวน ในหนังสือ ฉบับแปลทานนำขอความมาเติมใหเต็มประโยค ขอความเต็มมีดังตอไปนี้ ทานํ สีลํ ปริจฺจาคํ อาชฺชวํ มทฺทวํ ตป [อกฺโกธํ อวิหึสฺจ ขนฺตึ จ อวิโรธนํ อิจฺเจเต กุสเล ธมฺเม เต ปสฺสามิ อตฺตนีติ]๔ มหาหํสชาตเก อุโปสถกมฺมํ ฯ ๑ พระมหานิมิตร ธมฺมสาโร และคณะ, วิชา สัมพันธไทย ธรรมบทภาคที่ ๖ ฉบับ สมบูรณ, (กรุงเทพฯ : ไทยรายวันการพิมพ, ๒๕๔๗), หนา ๒๕๘. ๒ อธิบายวากยสัมพันธ เลม ๒, หนา ๔. ๓ สัททนีติสุตตมาลา, สูตร ๙๐๖, พจนานุกรม มคธ-ไทย, หนา ๓๐๖. ๔ ชา.อ. ๘/๒๘๑.
114.
มังคลัตถวิภาวินี ๑๐๐ แปล อุโบสถกรรม ชื่อวาตบะ ในมหาหังสชาดก
วา เรา พิจารณาเห็นกุศลธรรมเหลานั้น คือ ทาน ๑ ศีล ๑ บริจาค ๑ ความซื่อตรง ๑ ความออน โยน ๑ ตบะ ๑ [ความไมโกรธ ๑ ความไม เบียดเบียน ๑ ความ อดทน ๑ ความไมยินราย ๑ ซึ่งตั้งอยูแลวในตน] ยตฺวาธิกรณเมนํ (มงฺคล. ๒/๔๗๓/๓๖๘) ยตฺวาธิกรณเมนํ [ยตฺวาธิกรณํ+เอนํ], กอนอื่น ขอใหนักเรียนทำความ เขาใจหลักการเบื้องตนกอนวา ๑. ย, ต สัพพนาม ไมวาจะประกอบวิภัตติไหน เมื่อเขาสมาสแลว นิยมลงนิคคหิตอาคมหรือซอนพยัญชนะ๑ เปน ยํ, ตํ อุ. ยสฺส การณา=ยํ การณา ๒. ปฐมาวิภัตติที่ ยํ, ตํ ดังกลาวนั้น แปลงเปน โต เชน ยโต, ตโต ได บาง อุ. ตํนิทานํ=ตโตนิทานํ (ดูอางอิงในเชิงอรรถเดียวกันกับขอ ๕) ๓. บทวา เหตุ, อธิกรณํ เปนปฐมาวิภัตติใชอรรถการณะ ๔. บางมติวา ยํการณา, ตโตนิทานํ เปนตน เปนนิบาต จึงไม จำเปนตองแจกดวยวิภัตติ ๕. บางมติวา เอนํ เปนปทปูรณะ๒ คำวา ยตฺวาธิกรณํ ในวิสุทธิมรรคอธิบายวา ยํการณา, ยสฺส จกฺขุนฺทฺริยาสํวรสฺส เหตุ, ฎีกาอธิบายวา ยสฺส จกฺขุนฺทฺริยสฺส การณา ๑ พระราชเวที, ศัพท-สำนวน มังคลัตถทีปนี, พิมพครั้งที่ ๒, (กรุงเทพฯ: เลี่ยงเชียง, ๒๕๓๔), หนา ๒๔; สัททนีติปทมาลา, หนา ๘๙๒, ๙๐๑. ๒ สัททนีติสุตตมาลา, สูตร ๔๙๗, ๖๔๙, ๖๕๕. และ หนา ๑๒๔๕.
115.
พระมหานพพร อริยาโณ (สีเนย์)
๑๐๑ ฉะนั้น คำวา ยตฺวาธิกรณํ จึงแปลวา เพราะเหตุการไมสำรวมอินทรีย คือจักษุใด ยตฺวาธิกรณํ ตัดบทเปน ยโต-อธิกรณํ๑ แปลวา เพราะเหตุ...ใด, อธิกรณํ เปนปฐมาวิภัตติใชในอรรถการณะ แปลวา เพราะเหตุ, ยโต คือรูป ของ ยํ ที่เปลี่ยนไปตามหลักการวา เมื่อ นิทาน ศัพทเปนตน อยูหลัง ให เปลี่ยนปฐมาวิภัตติที่ ยํ, ตํ เปน โต๒ (ยโต ตโต), ยํอธิกรณํ เปลี่ยนเปน ยโต- อธิกรณํ ฉะนั้นทานจึงแก ยโต อธิกรณํ วา ยํการณา และอธิบายตอวา ยสฺส จกฺขุนฺทฺริยสฺส การณา, (ยํ ในที่นี้คือ ยสฺส) ยสฺส เขาสมาสจึงกลายเปน ยํ ในที่นี้โยค จกฺขุนฺทฺริยสฺส, นักศึกษาพึงเห็นลำดับการเปลี่ยนรูป ยโต-ยํ-ยสฺส สรุปการจำแนกศัพทโดยลำดับดังนี้ ยตฺวาธิกรณํ - ยโต อธิกรณํ [ตัดบทเปน ยโต-อธิกรณํ] ยโต อธิกรณํ - ยํอธิกรณํ [ยํ เปลี่ยนปฐมาที่ ยํ เปน โต] ยํอธิกรณํ - ยํการณา [อธิกรณํ ปฐมา. ในอรรถการณะ] ยํการณา - ยสฺส จกฺขุนฺทฺริยสฺส การณา [ยสฺส เขาสมาสจึงเปน ยํ] หรือ ยสฺส จกฺขุนฺทฺริยาสํวรสฺส เหตุ [เหตุ ปฐมา. ในอรรถการณะ] หตฺถปาทสิตหสิตกถิตวิโลกิตาทิเภทํ: ต ปจจัย ๔ สาธนะ(มงฺคล.๒/๔๗๔/๓๖๙) บทวา สิตหสิตกถิตวิโลกิต ลง ต ปจจัย, ในที่นี้ทานใชเปนนามนาม ไมใชเปนคุณนามหรือกิริยากิตต แปลวา การหัวเราะ ยิ้มแยม เจรจา และ เหลียวดู ต ปจจัยในที่นี้ทานใชเปนภาวสาธนะ วิ. หสนํ หสิตํ (การหัวเราะ ชื่อ วา หสิตะ), ทั้งนี้มีหลักการวา ต ปจจัยมีความหมายได ๔ สาธนะ คือ ๑ ปทวิจารทีปนี, หนา ๑๓๓. ๒ สัททนีติสุตตมาลา, สูตร ๖๔๙, ๔๙๗.
116.
มังคลัตถวิภาวินี ๑๐๒ ๑. กัตตุสาธนะ เชน
คโต (ผูไป), นิสินฺโน (ผูนั่ง) ๒. กัมมสาธนะ เชน อภิภูโต (อันเขาครอบงำแลว) ๓. ภาวสาธนะ เชน คตํ (การไป), นิสินฺนํ (การนั่ง), สยิตํ (การนอน) ๔. อธิกรณสาธนะ เชน อาสีตํ (ที่นั่ง), นิปนฺนํ (ที่นอน)๑ ต ปจจัยที่ใชเปนนามนามนี้ มีตัวอยางใหเห็นอยูบาง เชน อาคตนฺติ อาคมนํ ฯ๒ หิ ศัพท์ (มงฺคล. ๒/๔๗๕/๓๗๑) หิ ศัพทในขอความวา ยตฺวาธิกรณนฺติ หิ ยสฺส จกฺขุนฺทฺริยสฺส การณาติ อตฺโถ ฯ ทานแปลวา นัยหนึ่ง นักเรียนรูสึกแปลกใจ ที่ทานแปล หิ วา นัยหนึ่ง (อปรนัย) เพราะ เทาที่เรียนกันมาไมเคยพบเจอ, หิ ในขอความนี้ เทาที่พบทานแปลไว ๓ สำนวน ดังนี้วา ๑. ก็ (วากฺยารมฺภ) [เฉลยสนามหลวง ป ๒๕๑๕] ๒. อีกนัยหนึ่ง (อปรนย) ๓. เพราะ (การณโชตก) สำนวนที่ ๑ และ ๒ ที่แปลวา ก็, อีกนัยหนึ่ง นั้นไมยาก นักเรียนแปล ไดทันที สวนสำนวนที่ ๓ ที่แปล หิ วา เพราะเหตุใด นี้นาสนใจ สำนวนนี้ ทานพระมหาสมบูรณ ทสฺสธมฺโม แปล หิ วา เพราะ และไขไปที่ การณา วา ยตฺวาธิกรณนฺติ หิ ยสฺส จกฺขุนฺทฺริยสฺส การณาติ อตฺโถ ฯ ๑ พระคันธสาราภิวงศ เรียบเรียง, พระธรรมโมลี และเวทย บรรณกรกุล ชำระ, สังวรรณนามัญชรี และ สังวรรณนานิยาม, (นครปฐม: มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราช- วิทยาลัย วิทยาเขตบาีศึกษาพุทธโฆส, ๒๕๔๕), หนา ๙๓. ศึกษาเพิ่มเติมที่ ปทรูปสิทธิ (อธิบายสูตร ๖๐๖, ๖๑๒, ๖๒๒, ๖๓๓) ๒ ที.อ. ๒/๑๕๕.
117.
พระมหานพพร อริยาโณ (สีเนย์)
๑๐๓ [บทวา ยตฺวาธิกรณํ คือ เพราะเหตุใด ไดแก เพราะเหตุแหงอินทรีย คือจักษุใด] ความจริง ในคัมภีรคันถาภรณมัญชรี๑ ทานวา หิ ศัพทใชในอรรถ ๙ อยาง คือ วากยารัมภะ (ก็), วิตถาระ (ความพิสดารวา), ทัฬหีกรณะ (จริงอยู), ผล (ดวยวา), การณะ (เพราะวา), ตัปปากฎีกรณะ (เหมือนอยางวา), วิเสสะ (แตวา), อันวยะ (อัน) และพยติเรกะ (อัน) ยถา=ยสฺมา (มงฺคล. ๒/๔๘๑/๓๗๗) ยถา ในคาถาวา ยถา อุคฺคตป สนฺต อิสึ โลมสกสฺสป ปตุ อตฺถาย จนฺทวตี วาชเปยฺย อยาชยีติ ฯ [เพราะพระนางจันทวดีไดนำพระโลมสกัสสป ฤษี ผูมีตบะสูงสงบแลว มาบูชายัญเพื่อ ประโยชนแกพระราชบิดาได] ถา ปจจัยในที่นี้ลงในอรรถเหตุ มีคาเทากับ ยสฺมา (เหตุใด), เทาที่ คนพบ ทานอธิบายไววา ถา ปจจัย ใชแทน ปการ ศัพท๒ อาจลงวิภัตติไดทั้ง ๗ หมวด แตลบวิภัตติที่ลงนั้นเสียเพราะเปนอัพยยตัทธิต๓ ในที่ไดลงตติยา หรือปญจมีวิภัตติ จึงแปลวา เหตุ, เพราะ วิ. ยสฺมา ปการา ยถา เพราะประการใด ชื่อวา ยถา๔ ๑ พระอริยวงศ รจนา, พระมหานิมิตร ธมฺมสาโร แปล, คันถาภรณมัญชรี, (กรุงเทพฯ: พิทักษอักษร, ๒๕๔๕), หนา ๙. ๒ มหามกุฏราชวิทยาลัย, อธิบายบาลีไวยากรณ สมาสและตัทธิต, หนา ๘๙. ๓ ปทรูปสิทธิมัญชรี เลม ๓ (ตัทธิต), หนา ๔๗๑. ๔ วิเคราะห ยถา ศัพทนี้ ไดเทียบเคียงกับวิเคราะห ตถา, ดู สุภาพรรณ ณ บางชาง, รองศาสตราจารย, ดร., ไวยากรณบาลี, พิมพครั้งที่ ๒, (กรุงเทพฯ: มูลนิธิมหามกุฏราช- วิทยาลัย, ๒๕๓๘), หนา ๔๕๕.
118.
มังคลัตถวิภาวินี ๑๐๔ อกมฺม ฺโ (มงฺคล.
๒/๔๘๓/๓๗๙) อกมฺมฺโ แปลวา ไมควรแกการงาน ฯ เชน ในขอความวา ตสฺส เม กาโย กิลนฺโต อกมฺมฺโ ฯ [กายของเรานั้นเหน็ดเหนื่อยแลว ไมควรแก การงาน] อกมฺมฺโ ประกอบดวย น+กมฺม+ณฺย๑ หรือ ฺ๒ ปจจัย ในตัทธิต ใชแทนความหมายวา ดี ในที่นี้แทนความหมายวา เหมาะ วิ. กมฺมนิ สาธุ กมฺมฺ ฯ วิ. นตฺถิ ตสฺส กมฺมฺนฺติ อกมฺมฺโ (กาโย) ฯ ม ฺเ=วิย (มงฺคล. ๒/๔๘๓/๓๘๐) นักเรียน เรียนกันมาวา มฺเ แปลวา เห็นจะ เรียกสัมพันธวา สํสยตฺถ, แต มฺเ ในขอวา มาสาจิตํ มฺเ แปลวา เหมือน ลงในอรรถ เปรียบเทียบ เชน นชฺโช มฺเ วิสฺสนฺทนฺตีติ นทิโย วิย วิสฺสนฺทนฺติ ฯ๓ ๑ โมคฺ. สูตร ๔.๗๒, สัททนีติสุตตมาลา, สูตร ๗๘๓ หนา ๗๘๑. ๒ โมคฺ. สูตร ๔.๗๓. ๓ องฺ.อ. ๓/๔๔๒.
119.
พระมหานพพร อริยาโณ (สีเนย์)
๑๐๕ พฺรหฺมจริยกถา -๐- อห ฺจ ภริยา จ : ปโรปุริส (มงฺคล. ๒/๔๙๔/๓๙๑) ในขอ ๔๙๔ ขอความวา อหฺจ ภริยา จ ... อหุมฺหา ทานขึ้น มยํ เปนประธาน, พึงสัมพันธ อหํ และ ภริยา สรูปใน มยํๆ สยกตฺตา ใน อหุมฺหา ในทางไวยากรณอธิบายไววา ในกรณีที่ประธานมีบุรุษตางกัน ทำ กิริยาในกาลเดียวกัน ใหกระจายกิริยาเปนบุรุษที่อยูหลัง เรียกวา ปโรปุริส๑ และนิยมฝายพหุวจนะ (เปนเอกวจนะก็มีบาง) เชน ๑. ถาประธานบุรุษที่ ๑ และบุรุษที่ ๒ ใหกระจายกิริยาเปน บุรุษที่ ๒ ฝายพหุวจนะ เชน โส จ ตฺวฺจ ปจถ [๑ และ ๒ ใช ๒ พหุ.] ๒. ถาประธานบุรุษที่ ๑ และที่ ๓ ใหกระจายกิริยาเปน บุรุษที่ ๓ ฝาย พหุวจนะ เชน โส จ อหฺจ ปจาม [๑ และ ๓ ใช ๓ พหุ.] ๓. ถาประธานบุรุษที่ ๒ และที่ ๓ ใหกระจายกิริยาเปน บุรุษที่ ๓ ฝาย พหุวจนะ เชน ตฺวฺจ อหฺจ ปจาม [๒ และ ๓ ใช ๓ พหุ.] ๔. ถาประธานบุรุษที่ ๑, ๒ และที่ ๓ ใหกระจายกิริยาเปน บุรุษที่ ๓ ฝายพหุวจนะ เชน โส จ ตฺวฺจ อหฺจ ปจาม [๑, ๒ และ ๓ ใช ๓ พหุ.] ยัง มีตัวอยางอีกมาก นักศึกษาพึงตรวจดูที่ นิรุตฺติทีปนี อธิบายสูตรที่ ๕๖๓ ในขอวา อหฺจ ภริยา จ...อหุมฺหา นี้ ภริยา เปนบุรุษที่ ๑ อหํ เปน บุรุษที่ ๓ จึงกระจายกิริยาเปนบุรุษที่ ๓ ฝายพหุวจนะเปน อหุมฺหา ๑ สัททนีติสุตตมาลา, สูตร ๘๖๘, กจฺจายน. สูตร ๔๐๙, รูปสิทฺธิ. สูตร ๔๔๑, นิรุตติทีปนี, สูตร ๕๖๓.
120.
มังคลัตถวิภาวินี ๑๐๖ อริยสจฺจทสฺสนกถา -๐- ทุกฺขํ อริยสจฺจํ :
วิเสสลาภี (มงฺคล. ๒/๕๓๑/๔๑๑) ทุกฺขํ วิเสสลาภี ของ อริยสจฺจํ แปลวา อริยสัจ คือทุกข, แมคำวา ทุกฺขสมุทโย ทุกฺขนิโรโธ ทุกฺขนิโรธคามินี ปฏิปทา ก็เปนวิเสสลาภี ของ อริยสจฺจํ๑ (วิเสสลาภี ควรแปลวา คือ ทุกตัว) ภวา (มงฺคล. ๒/๕๔๒/๔๒๐) คำวา ภวา ทานอธิบายวา วตฺตมานา สัมพันธเขากับ เอกา ธาตุ ทิธมฺมิกา เปนอิตถีลิงค เอกวจนะ, นาสงสัยวา ภวา ทำตัวอยางไร เรื่องนี้ ตองรอทานผูรูแนะนำ, เทาที่คนพบหลักฐาน ไดขอสันนิษฐานวา ๑. ภวา ศัพทเดิมเปน ภว (ภู+อ) ภวตีติ ภโว แปลวา มี ใชเปน คุณนาม แจกได ๓ ลิงค แจกแบบ ปุริส, กฺา, กุลํ ตามลำดับ เชน ตํสมฺปยุตฺตตาย มนสิ ภโวติ ราโค มานโส ฯ คุณปริปุณฺณตาย ปุเร ภวาติ โปรี ฯ๒ เจตสิ ภวํ ตทายตฺตวุตฺติตายาติ เจตสิกํ ฯ๓ อุทเร ภวํ อุทริยํ๔ ๒. ขอใหพิจารณา อรหนฺต และ มหนฺต ศัพท ที่ไดรูปเปน อรหา และ มหา ใชเปนอิตถีลิงค ตามแนวที่ทานแสดงไวสัททนีติปทมาลา เชน อิตฺถี อรหา อโหสิ ฯ๕ เสนา สา ทิสฺสเต มหา ฯ๖ เปนไปไดหรือไมวา ภวา ศัพท เดิมคือ ภวนฺต (ภู+อนฺต) ทำตัวเหมือน อรหา, มหา นั้น ๑ อธิบายวากยสัมพันธ เลม ๒, หนา ๔. ๒ มงฺคล. ๒/๕๖๒/๔๓๓ และ มงฺคล. ๒/๖๑/๕๕. ๓ สงฺคห.ฏี. ๑/๖๗. ๔ สัททนีติสุตตมาลา, สูตร ๗๗๔ หนา ๗๗๔. ๕ สัททนีติปทมาลา, หนา ๕๖๗, ๕๘๗-๕๘๘. ๖ ขุ.ชา. ๒๘/๖๗๙/๒๔๓.
121.
พระมหานพพร อริยาโณ (สีเนย์)
๑๐๗ นิพฺพานสจฺฉิกิริยากถา -๐- ก ฺจิ ธมฺมํ อุปาทิยติ : แปลแลวยกขึ้นตั้งอรรถ (มงฺคล. ๒/๕๔๔/๔๒๒) คำวา กฺจิ ธมฺมํ อุปาทิยติ ทำหนาที่ ๒ อยาง คือ (๑) เปนสวนหนึ่ง ของประโยคหนา โดย อุปาทิยติ ทำหนาที่กิริยาคุมพากยและ กฺจิ ธมฺมํ เปนบทที่เนื่องกับกิริยาคุมพากย (๒) กฺจิ ธมฺมํ อุปาทิยติ เปนบทตั้งอรรถ ของประโยคหลัง นักเรียนจึงควรแปลซ้ำ ๒ ครั้ง คือ แปลไปจนจบประโยคที่ กฺจิ ธมฺมํ อุปาทิยติ แลวยก กฺจิ ธมฺมํ อุปาทิยติ นั้นขึ้นแปลเปนบทตั้ง ขึ้น อตฺโถ มาเปนตัวเปด อิติ ทาย อุปาทิยติ ทั้ง ๒ บท และไข สหิตํ ไปที่ ปวตฺตํ วา น จ อุปาทานสมฺปยุตฺตนฺติ อุปาทาเนหิ สหิตํ เอกสฺมึ ปติตวเสนาป อุปาทาเนหิ สห ปวตฺตํ หุตฺวา น จ กฺจิ ธมฺมํ อุปาทิยตีติ กสฺสจิ ธมฺมสฺส อารมฺมณกรณวเสน อุปาทิยตีติ ฯ บทวา น จ อุปาทานสมฺปยุตฺตํ ความวา พระอรหัตผลนั้น หาเปนธรรมชาตประกอบดวยอุปาทานทั้งหลาย คือ เปนไปกับ ดวยอุปาทานทั้งหลาย แมดวยสามารถที่ตกไปในอุปาทานอยาง หนึ่ง ยึดมั่นธรรมอะไรๆ ไมฯ หลายบทวา กฺจิ ธมฺมํ อุปาทิยติ ความวา ยอมยึดมั่น ดวยสามารถการทำธรรมอะไรๆ ใหเปนอารมณ (หามิได) ฯ ลักษณะประโยคอยางนี้ นักเรียนเคยพบมาบางแลว ในหนังสือธัมม- ปทัฏฐกถา ภาค ๖ อตฺตทตฺถตฺเถรวตฺถุ แกอรรถที่วา สทตฺถปฺปสุโต สิยาฯ๑ ๑ ธ.อ. ๖/๒๗.
122.
มังคลัตถวิภาวินี ๑๐๘ อาลมฺเพติ (มงฺคล. ๒/๕๕๒/๔๒๖) อาลมฺเพติ
[อา+ลพิ อวสํสเน๑+เอ+ติ, ลงนิคคหิตกลางธาตุ แปลง เปน มฺ๒] ยอมหนวงเหนี่ยว, ในขอเดียวกันนี้ พึงแก อารมฺเพยฺยุ เปน อาลมฺเพยฺยุ อาโท ลง สฺมึ สัตตมีวิภัตติ (มงฺคล. ๒/๕๕๔/๔๒๗) อาโท ในขอวา อิธ ปนาโท ปาทตฺตยํ นวนวกฺขริกํ ฯ [ก็ในคาถานี้ ๓ บาทขางตน มีอักษรบาทละ ๙], นักเรียนสงสัยวา อาโท ลงวิภัตติอะไร อาโท ศัพทเดิมเปน อาทิ ลง สฺมึ สัตตมีวิภัตติ แปลง สฺมึ กับ อิ เปน โอ ไดรูปเปน อาโท แปลวา ในเบื้องตน ทั้งนี้ มีหลักการวา หลัง อาทิ ศัพทเปนตน แปลง สฺมึ วิภัตติ เปน อํ เปน โอ บาง๓ เชน อาทึ, อาโท ในเบื้องตน, รตฺโต ในเวลากลางคืน อาทิ ศัพท วิเคราะหวา อาทียเต ปมํ คณฺหียเตติ อาทิ สวนที่ถูก ถือเอากอน ชื่อวาอาทิ (อา+ทา+อิ, ลบสระหนา)๔ ๑ สัททนีติธาตุมาลา, หนา ๓๓๙. ๒ กจฺจายน. สูตร ๓๑, ปฺจิกา.โย. ๑/๑๖๔. ๓ กจฺจายน. สูตร ๖๙, รูปสิทฺธิ สูตร ๑๘๖ สัททนีติสุตตมาลา, สูตร ๒๑๘ หนา ๑๗๖. ๔ อภิธานวรรณนา, คาถา ๗๑๕ หนา ๘๗๗.
123.
พระมหานพพร อริยาโณ (สีเนย์)
๑๐๙ ทสมคาถายตฺถวณฺณนา อกมฺปตจิตฺตกถา -๐- อุปายาเสหิ : อุปายาส คืออะไร (มงฺคล. ๒/๕๖๖/๔๓๗) ในขอวา โส เอวํ อนุโรธวิโรธสมาปนฺโน น ปริมุจฺจติ ชาติยา ชรา- มรเณน โสเกหิ ปริเทเวหิ ทุกฺเขหิ โทมนสฺเสหิ อุปายาเสหิ ฯ [เขาถึงพรอมดวยความยินดีและความยินรายอยางนี้ ยอม ไมพนจากชาติ ชรา มรณะ โสกะ ปริเทวะ ทุกข โทมนัส อุปายาส] นักเรียนสงสัยวา อุปายาส คืออะไร โสกะ ปริเทวะ ทุกข โทมนัส อุปายาส ตางกันอยางไร อุปายาส [อุป+อายาส] แปลกันวา ความคับแคนใจ, คำวา อุปายาส เปนกัมมธารยสมาส วิ. ภูโส อายาโส อุปายาโส๑ [ความลำบากใจอยางมาก ชื่อวา อุปายาส] อุป ในที่นี้หมายความวา ภูส/ภุส๒ หรือ พลว แปลวา กลา, รุนแรง, มาก, มีกำลัง อายาส [อา ยา คติยํ ส] แปลวา “ความลำบากใจ” ทานอธิบายวา อายาโสติ สํสีทนวิสีทนาการปฺปตฺโต จิตฺตกิลมโถ ฯ พลว- ภาเวน อายาโส อุปายาโส ฯ ๑ อุ.อ. ๑/๖๔. (ฉบับพมาเปน ภุโส) ๒ ปทรูปสิทธิมัญชรี เลม ๑, หนา ๘๗๐.
124.
มังคลัตถวิภาวินี ๑๑๐ [อายาส คือความลำบากใจซึ่งเปนไปโดยอาการใจหายใจ คว่ำ, ความลำบากใจเหลือกำลัง
ชื่อวาอุปายาส] อุปายาส มีลักษณะติดของงวนอยูกับอารมณที่ใหเกิดความไมสบาย ใจ (พฺยาสตฺติลกฺขโณ) ทำใหเกิดการทอดถอนหมดอาลัย (นิตฺถุนนรโส) และ ปรากฏผลเปนความเศราใจ (วิสาทปจฺจุปาโน) ขอใหนักเรียนอานเรื่องในอรรถกถามหานิเทส ดังตอไปนี้ จะเห็น ความตางของ ทุกข (ทุกขกาย) โทมนัส (ทุกขใจ) โสกะ ปริเทวะ อุปายาส ความโศก พึงเห็นเหมือนการหุงตมภายในภาชนะดวยไฟออนๆ ปริเทวะ พึงเห็นเหมือนการลนออกนอกภาชนะของอาหารที่หุงตมดวย ไฟแรง อุปายาส พึงเห็นเหมือนการเคี้ยวอาหารที่เหลือจากลนออกภายนอก ลนออกไมไดอีก เคี่ยวภายในภาชนะนั่นแหละจนกวาจะหมด๑ จริงอยู เมื่อบุคคลถูกพระราชากริ้วแลวก็ทรงถอดยศ ทั้งบุตรและ พี่ชายนองชายของเขาก็ถูกประหาร ทั้งตัวเขาเองก็ถูกสั่งประหาร เพราะเขา กลัวจึงหลบหนีไปในดง ถึงความเปนผูเศราใจอยางใหญหลวง เกิดทุกขะ (ทุกขกาย) มีกำลังเพราะยืนเปนทุกขนอนเปนทุกขนั่งเปนทุกข เมื่อคิดอยูวา พวกญาติของเราเทานี้ โภคทรัพยเทานี้ ฉิบหายแลว ดังนี้ โทมนัส (ทุกขใจ) มีกำลังก็ยอมเกิดขึ้น จริงอยู เมื่อบุคคลประสบทุกข โดยทุกขคือการถูกตัดมือตัดเทา และ ตัดหูตัดจมูกซึ่งนอนวางกระเบื้องเกาไวขางหนาขออาหารในศาลาของคน- อนาถา เมื่อมีหมูหนอนออกจากแผลทั้งหลาย ทุกขกายเหลือกำลังยอม เกิดขึ้น โทมนัสรุนแรงก็ยอมเกิดเพราะเห็นมหาชนผูมีเสื้อผายอมดวยสีตางๆ ประดับไดตามชอบใจเลนงานนักษัตรอยู ๑ นิทฺ.อ. ๑/๑๐๔.
125.
พระมหานพพร อริยาโณ (สีเนย์)
๑๑๑ อโสกจิตฺตกถา -๐- อนฺโต ลงแลวลบวิภัตติ (มงฺคล. ๒/๕๗๐/๔๔๐) อนฺโต เปนนิบาต ลงแลวลบวิภัตติ คงรูปเปน อนฺโต อยางเดิม เชน อนฺโต ลงแลวลบ อํ ทุติยาวิภัตติ ในขอวา อพฺภนฺตรนฺติ อตฺตภาวสฺส อนฺโต อตฺตโน ลูขภาวตาย โสเสนฺโต ถามคมเนน สมนฺตโต โสสนวเสน ปริโสเสนฺโต [บทวา อพฺภนฺตรํ เปนตน ความวา ความโศกนั้น ชื่อวา ยังภายในอัตภาพใหแหงเหือด เพราะความที่ตนมีภาวะเศรา- หมอง ชื่อวา ยังภายในอัตภาพใหแหงผาก ดวยอำนาจความ- แหงเหือดโดยรอบ เพราะถึงความรุนแรง] อนฺโต เดิมเปน นิบาต ในที่นี้ใชเปนนามนาม ลง อํ ทุติยาวิภัตติแลว ลบ อํ นั้นเสีย คงเปน อนฺโต เรียกสัมพันธวา การิตกมฺม ใน โสเสนฺโต และ ปริโสเสนฺโต, อนฺโต ในที่นี้สองอรรถ อพฺภนฺตร การลบวิภัตติหลังอุปสัคและนิบาต เปนตนนี้ นักศึกษาพึงคนควาจาก คัมภีรไวยากรณทั้งหลาย เชน คัมภีรปทรูปสิทธิ สูตรที่ ๒๘๒ วา สพฺพาสมาวุโสปสคฺคนิปาตาทีหิ จ [ลบวิภัตติทั้งปวงทาย อาวุโส อุปสัค และนิบาต เปนตนนั่นเทียว]๑ ตัวอยางการลบวิภัตติหลังอุปสัคและนิบาต เชน นโม ที่เปนนิบาต๒ เมื่อจะใชเปนนามนาม ใหลงวิภัตติแลวลบ คงรูปเปน นโม เชน ๑ กจฺจายน. สูตร ๒๒๑, รูปสิทฺธิ. สูตร ๒๘๒, สัททนีติสุตตมาลา, สูตร ๔๔๘ หนา ๓๑๐. ๒ นโม เปน นิบาต ดู อธิบายวากยสัมพันธ เลม ๒, หนา ๑๑๔.
126.
มังคลัตถวิภาวินี ๑๑๒ นโม อตฺถุ๑ (ลบ
สิ ที่ นโม) [ขอความนอบนอม จงมี] นโม กโรหิ นาคสฺส๒ (ลบ อํ ที่ นโม) [ทานจงกระทำความนอบนอมแดพระอรหันต] ฌาเปสิ (มงฺคล. ๒/๕๗๒/๔๔๒) ฌาเปสิ เปนทั้งกัตตุวาจกและเหตุกัตตุวาจก ที่เปนกัตตุวาจก ประกอบดวย ฌป ธาตุ (จุราทิคณะ)+เณ ปจจัย+ส อาคม+ อี วิภัตติ สวนที่ เปนเหตุกัตตุวาจก ประกอบดวย เฌ ธาตุ (ภูวาทิคณะ)+ณาเป ปจจัย+ส อาคม+ อี วิภัตติ เฌ ธาตุใชในอรรถวา สองสวาง,ลูกโพลง, เรารอน, ไหม (ทิตฺติยํ, ทหนทิตฺตีสุ) จัดลงในหมวด ภู ธาตุ ในกัตตุวาจกมีรูปเปน ฌายติ สวนใน เหตุกัตตุวาจกมีรูปเปน ฌาเปติ ฌป ธาตุใชในอรรถวา เผา, เรารอน, ไหม (ทาเห, วิทาเห) จัดลงใน หมวด ภู ธาตุและ จุร ธาตุ ในกัตตุวาจกมีรูปเปน ฌปติ (ลง อ ปจจัยประจำ หมวด ภู ธาตุ) และ ฌาเปติ (ลง เณ ปจจัยประจำหมวด จุร ธาตุ) สวนในเหตุกัตตุวาจกมีรูปเปน ฌาปาเปติ, ฌาปาปยติ สวนในคัมภีร สัททนีติ ธาตุมาลา ฉบับแปล หนา ๘๒๙ กลาววา ฌาป ธาตุ ที่ประกอบใน เหตุกัตตุวาจกลงปจจัยได ๒ ตัว คือ ณาเป และ ณาปย๓ ๑ วิมติ.ฏี. ๑/๓. ๒ ม.มู. ๑๒/๒๘๙/๒๘๑. ๓ พระมหานิมิตร ธมฺมสาโร และคณะ, วิชา สัมพันธไทย ธรรมบทภาคที่ ๕ ฉบับ แกไข/ปรับปรุง, (กรุงเทพฯ : ประยูรสาสนไทย การพิมพ, ๒๕๕๒), หนา ๑๕๐.
127.
พระมหานพพร อริยาโณ (สีเนย์)
๑๑๓ อาคา (มงฺคล. ๒/๕๗๔/๔๔๓) อาคา [อา+คม/คมุ ธาตุ+อ ปจจัย+อี อัชชัตตนีวิภัตติ], อาคา ในขอ วา อนวฺหาโต ตโต อาคา แปลวา มาแลว, เอา อี กับที่สุดธาตุเปน อา ในคัมภีรโมคคัลลานะวา เมื่อลง อา หิยัตตนีวิภัตติ และ อี อัชชัตตนี- วิภัตติแลว เอาตัวทายแหง คม ธาตุเปน อา๑ กาลกเต (มงฺคล. ๒/๕๗๓/๔๔๓) ผูเขียนนี้ไดตรวจสอบหลักฐานแลว เห็นวาควรแก กาลากเต เปน กาลกเต ดังแสดงในคาถานี้วา อุรโคว ตจํ ชิณฺณํ หิตฺวา คจฺฉติ สนฺตนุ เอวํ สรีเร นิพฺโภเค เปเต กาลกเต สติ ฯ๒ ตสฺส [ตํ อสฺส] (มงฺคล. ๒/๕๗๓/๔๔๓) ตสฺส ดังจะแสดงตอไปนี้ ตัดบทเปน ตํ-อสฺส เมื่อมีสระหรือ พยัญชนะอยูเบื้องหลัง ลบนิคคหิตซึ่งอยูหนาบางก็ได จึงตอเปน ตสฺส มี อุ. วา วิทูนํ-อคฺคํ เปน วิทูนคฺคํ๓, ขอใหพิจารณา ตสฺส ในคาถานี้ ฑยฺหมาโน น ชานาติ าตีนํ ปริเทวิตํ ฯ ตสฺมา เอตํ ม โสจามิ คโต โส ตสฺส ยา คตีติ ฯ๔ [บุตรของขาพระองคนั้นอันพวกขาพระองค ประชุมกันเผาอยู ยอม ไมรูถึงความคร่ำครวญของพวกญาติ เพราะฉะนั้น ขาพระองคจึงไมเศราโศก ถึงเขา เขาไปสูคติของเขาแลว] ๑ โมคฺ. สูตร ๖.๒๙. ๒ เปต.อ. ๘๙. ๓ รูปสิทฺธิ. สูตร ๕๓. ๔ เปต.อ. ๘๙.
128.
มังคลัตถวิภาวินี ๑๑๔ พึงทราบวา ตสฺส ในคาถานี้
ตัดบทเปน ตํ-อสฺส ซึ่งสอดคลองกับที่ ทานอธิบายไวในแกอรรถวา ยา จสฺส อตฺตโน คติ ตํ โส คโต [และคติใดเปน คติของตนของเขา เขาไปสูคตินั้นแลว] แม ตสฺส ในคาถา ขอที่ ๕๗๔-๕๗๗ ก็ตัดตอบทเชนเดียวกับที่แสดง มาแลวนี้ ปริณเต (มงฺคล. ๒/๕๘๐/๔๔๗) ปริณเต [ปริ+นมุ+ต+สฺมึ] ปริ บทหนา นมุ ธาตุ นมเน ในความนอม, นอบนอม ต ปจจัย ลบ มุ ที่สุดธาตุ แปลง น เปน ณ ดังที่คัมภีรปทรูปสิทธิ วา ตถา โณ นสฺส ปปริอาทิโต [หลังอุปสัค ป ปริ เปนตน แปลง น เปน ณ]๑ ลง สฺมึ สัตตมีวิภัตติ ไดรูปเปน ปริณเต ๑ รูปสิทฺธิ. อธิบายสูตร ๔๒.
129.
พระมหานพพร อริยาโณ (สีเนย์)
๑๑๕ วิรชจิตฺตกถา -๐- ภยมนฺตรโต (มงฺคล. ๒/๕๘๘/๔๕๓) ภยมนฺตรโต [ภยํ+อนฺตรโต], โต ปจจัยในมังคลัตถทีปนี ภาค ๒ ขอ ๕๘๘ ดังจะแสดงตอไปนี้ ใชในอรรถสัตตมีวิภัตติ แปลวา ใน ภยมนฺตรโต ชาตํ ตฺชโน นาวพุชฺฌติ [ชนยอมไมรูสึกถึงภัยนั้นอันเกิดแลวในภายใน] ในขอตอไปทานแกวา อนฺตรโต อพฺภนฺตเร อตฺตโน จิตฺเตเยว และวา อนฺตรโตติ อพฺภนฺตรโต จิตฺตโต วา นักเรียนบาลี เรียนกันมาวา โต ปจจัย เปนเครื่องหมายตติยาวิภัตติ และปญจมีวิภัตติ๑ แตที่จริงปรากฏวา ทานใช โต ปจจัย ในอรรถวิภัตติอื่นๆ อีก เชน โต ปจจัยใชในอรรถสัตตมีวิภัตติ ดังที่ทานอธิบายไว เนปาติกปท แหงปทรูปสิทธิวา โต สตฺตมฺยตฺเถป๒ [โต ปจจัยลงในอรรถสัตตมีก็ได] ๑ บาลีไวยากรณ วจีวิภาค ภาคที่ ๒ นามและอัพยยศัพท, หนา ๑๐๔. ๒ ปทรูปสิทธิมัญชรี เลม ๑, หนา ๘๙๑.
130.
มังคลัตถวิภาวินี ๑๑๖ เขมจิตฺตกถา -๐- ราช ฺโ (มงฺคล.
๒/๕๙๙/๔๖๒) ราชฺโ [ราช+ฺ+สิ] เจานคร, พระราชาที่ยังไมไดราชาภิเษก; ลง ฺ ปจจัยในโคตตตัทธิตหรืออปจจตัทธิต (ปจจัยนอกแบบ) ลงหลัง ราช ศัพท ใชแทน อปจฺจ ศัพท, วิ. รฺโ อปจฺจํ ราชฺโ๑ อิยตมกิเอสานมนฺตสฺสโร (มงฺคล. ๒/๖๑๒/๔๗๐) ในหนังสือเรียน ขอ ๖๑๒ ทานวิเคราะหและอธิบายคำวา อีทิสานิ ไว จับสาระสำคัญไดวา อีทิสานิ ประกอบดวย อิม+ทุสฺ เปกฺขเน+กฺวิ+โย ลบ ม ที่ อิม แลว ทีฆะ อิ เปน อี, แปลง อุ ที่ ทุสฺ เปน อิ, แปลง สฺ ที่ ทุสฺ เปน ส, ลบ กฺวิ และ ลง โย ปฐมาวิภัตติ วิธีการ “ทีฆะ อิ เปน อี” เปนตนนั้น ทานทำตามวิธีที่แสดงในสูตร ๖๔๒ แหงคัมภีรกัจจายนะ ซึ่งคัมภีรนยาสะอธิบายไวอีกทอดหนึ่ง สูตรดังกลาวนั้น ทานแสดงไวอยางยอ และซอนคำซอนความ ผูเขียน นี้จึงขอนำสูตรมาแสดงแลวแปลโดยพยัญชนะ โดยอรรถ อธิบายและแสดง การทำตัวไวดวย ๏ สูตร อิยตมกิเอสานมนฺตสฺสโร ทีฆํ กฺวจิ ทุสสฺส๒ คุณํ โท รํ สกฺขี จ๓ ๑ โมคฺ. สูตร ๔.๖. ๒ กจฺจายน. สูตร ๖๔๒; รูปสิทฺธิ. สูตร ๕๘๘; สัททนีติสุตตมาลา, สูตร ๑๒๖๙. ๓ กจฺจายน. สูตร ๖๔๒ วา ทุสสฺส, สวนใน รูปสิทฺธิ. สูตร ๕๘๘ วา ทิสสฺส
131.
พระมหานพพร อริยาโณ (สีเนย์)
๑๑๗ ๏ แปลโดยพยัญชนะ อนฺตสฺสโร อ. สระที่สุด อิ-ย-ต-ม-กิ-เอ-สานํ แหง อิ-ย-ต- ม-กิ-เอ และ ส ศัพท ท. (อาปชฺชเต) ยอมถึง ทีฆํ ซึ่งความเปน ทีฆะ (จ ดวย), (อุกาโร) อ. อุ อักษร ทุสสฺส ของ ทุสฺ ธาตุ (อาปชฺชเต) ยอมถึง คุณํ ซึ่งความเปนสระขั้นคุณ (คือเปน อิ), โท อ. ท อักษร (ทุสสฺส) ของ ทุสฺ ธาตุ (อาปชฺชเต) ยอมถึง รํ ซึ่งความเปน ร กฺวจิ บาง (จ ดวย), (อาเทสา) อ. การแปลง ท. (ธาตุอนฺตสฺส) ซึ่งที่สุดธาตุ สกฺขี (โหนฺติ) เปน ส, กฺข และ อี ยอมมี จ ดวย๑ ๏ แปลโดยอรรถ สระที่สุดแหง อิ-ย-ต-ม-กิ-เอ และ ส ให ทีฆะ, แปลง อุ แหง ทุสฺ ธาตุ เปนสระขั้นคุณ (คือเปน อิ), แปลง ท แหง ทุสฺ ธาตุ เปน ร ไดบาง และแปลง สฺ แหง ทุสฺ ธาตุ เปน ส, กฺข และ อี ไดบาง ๏ อธิบายสูตร อิยตมกึเอสอิจฺเจเตสํ สพฺพนามานมนฺโต สโร ทีฆมาปชฺชเต, กฺวจิ ทุสอิจฺเจตสฺสธาตุสฺส อุกาโร คุณมาปชฺชเต, ทกาโร รการมาปชฺชเต, ธาตุอนฺตสฺส จ สกฺข อี จาเทสา โหนฺติ๒ สระอันเปนที่สุดแหงสรรพนามเหลานี้คือ อิ-ย-ต-ม-กิ-เอ และ ส ศัพท ยอมถึงการทีฆะ, แปลง อุ ของ ทุสฺ ธาตุนั้นเปน คุณสระ, แปลง ท เปน ร บาง, และอาเทส ที่สุดธาตุเปน ส, กฺข และ อี บาง ๑ ปรับจาก สัททนีติสุตตมาลา, สูตร ๑๒๖๙. ซึ่งแปลโดย จำรูญ ธรรมดา ๒ สัททนีติสุตตมาลา, สูตร ๑๒๖๙ หนา ๑๑๒๖.
132.
มังคลัตถวิภาวินี ๑๑๘ อิ-ย-ต-ม-กิ-เอ และ ส
ในที่นี้เปนศัพทที่ถูกลดรูปแลว ไดแก อิ คือ อิม ที่ลบ ม แลว เหลือ อิ ย และ ต ก็คือ ย และ ต สัพพนามนั่นเอง ม คือ อมฺห ที่แปลงเปน ม กิ คือ กึ ที่ลบ นิคคหิตแลว เปน กิ เอ คือ เอต ที่ลบ ต แลว เหลือ เอ ส คือ สมาน ที่แปลงเปน ส สอดคลองกับคัมภีรสัททนีติ อธิบายสูตร ๑๒๖๙ นั้นวา ในสูตรนี้ คำ วา อิ หมายเอา อิม ศัพท, คำวา ม หมายเอา อมฺห ศัพท, คำวา เอ หมาย เอา เอต ศัพท, คำวา ส หมายเอา สมาน ศัพท ศัพทเหลานี้ เมื่อขยาย ทุส ธาตุ และ ลง กฺวิ ปจจัยแลว ใหทีฆะ เชน อิม+ทุสฺ+กฺวิ=อีทิส (ลบ ม ทีฆะ อิ เปน อี) ในเรื่องดังกลาวนี้ สรุปสาระสำคัญได ดังนี้ ๑. ทำทีฆะสระ เชน อิม+ทุสฺ+กฺวิ ทีฆะเปน อีทิส ๒. แปลง อุ แหง ทุสฺ เปนคุณสระ (คือเปน อิ) ไดรูปเปน ทิสฺ [คุณสระ หรือสระขั้นคุณจะอธิบายตอไป] ๓. แปลงที่สุดธาตุ แปลง สฺ เปน ส ไดรูปเปน -ทิส แปลง สฺ เปน กฺข ไดรูปเปน -ทิกฺข แปลง สฺ เปน อี ไดรูปเปน -ที เชน ตาที ๔. แปลง ท แหง เปน ร ไดรูปเปน -ริส, -ริกฺข ๕. ลบ กฺวิ ปจจัย ๏ ตัวอยาง อิม+ทุสฺ+กฺวิ=อีทิส, อีทิกฺข, อีที, อีริส วิ. อยํ วิย โส ทิสฺสตีติ อีทิโส, อีทิกฺโข, อีที, อีริโส (ปุริโส)
133.
พระมหานพพร อริยาโณ (สีเนย์)
๑๑๙ ย+ทุสฺ+กฺวิ=ยาทิส, ยาทิกฺข, ยาที, ยาริส วิ. โย วิย โส ทิสฺสตีติ ยาทิโส, ยาทิกฺโข, ยาที, ยาริโส (ปุริโส) ต+ทุสฺ+กฺวิ=ตาทิส, ตาทิกฺข, ตาที, ตาริส วิ. โส วิย โส ทิสฺสตีติ ตาทิโส, ตาทิกฺโข, ตาที, ตาริโส (ปุริโส) อมฺห+ทุสฺ+กฺวิ=มาทิส, มาทิกฺข, มาที, มาริส วิ. อหํ วิย โส ทิสฺสตีติ มาทิโส, มาทิกฺโข, มาที, มาริโส (ปุริโส) กึ+ทุสฺ+กฺวิ=กีทิส, กีทิกฺข, กีที, กีริส วิ. โก วิย โส ทิสฺสตีติ กีทิโส, กีทิกฺโข, กีที, กีริโส (ปุริโส) เอต+ทุสฺ+กฺวิ=เอทิส, เอทิกฺข, เอที, เอริส วิ. เอโส วิย โส ทิสฺสตีติ เอทิโส, เอทิกฺโข, เอที, เอริโส (ปุริโส) สมาน+ทุสฺ+กฺวิ=สาทิส, สาริกฺข, สาที, สาริส หรือ สทิส, สริส, สริกฺข วิ. สมาโน วิย โส ทิสสตีติ สาทิโส ฯลฯ (ปุริโส) ๏ ตัวอยางการทำตัว อีทิสานิ อิม บทหนา ทุสฺ ธาตุในการเห็น กฺวิ ปจจัย โย วิภัตติ อิม+ทุสฺ+กฺวิ อิ+ทุสฺ+กฺวิ [ลบ ม] อี+ทุสฺ+กฺวิ [ทีฆะ อิ เปน อี] อีทิส+กฺวิ [แปลง อุ ที่ ทุ เปนคุณสระคือ อิ, แปลง สฺ เปน ส] อีทิส [ลบ กฺวิ ปจจัย] อีทิส+โย [เอา อ กับ โย เปน อานิ] อีทิสานิ [สำเร็จรูปเปน อีทิสานิ] ๏ คุณสระ-สระขั้นคุณ ในสูตรที่วา “ทุสสฺส คุณํ (อุกาโร) แปลง อุ แหง ทุสฺ ธาตุ เปนสระ ขั้นคุณ (คือเปน อิ)” นั้น ไดอธิบาย คุณสระ-สระขั้นคุณ คางไว
134.
มังคลัตถวิภาวินี ๑๒๐ คุณสระ หรือ สระขั้นคุณ
ในที่นี้ หมายถึง สระ อ เปนตน ซึ่งเปน ลำดับขั้นสระที่จัดตามแนวคิดที่ไดรับอิทธิพลจากไวยากรณสันสกฤต การจัดขั้นสระตามไวยากรณสันสกฤต แบงสระเปน ๓ ขั้น ไดแก ขั้นสามัญ ไดแก อ อิ อุ ขั้นคุณ ไดแก อา อี อู ขั้นวุทธิ ไดแก เอ โอ แตสำหรับในสูตรบาลีไวยากรณนี้ จัดเปน ๒ ไดแก คุณสระ ไดแก อ อิ อุ วุทธิสระ ไดแก อา อี อู เอ โอ ดังที่คัมภีรสัททนีติ อธิบายสูตร ๑๒๖๙ นั้นวา ก็ในสูตรนี้ คำวา “คุณํ” หมายเอารัสสะมี อิ เปนตน เพราะ อา อักษรเปนตนถูกถือเอาดวย คำวาวุทธิ ฉะนั้น อุ ที่ ทุสฺ ธาตุ จึงถูกแปลงเปน อิ เชน อีทิส
135.
พระมหานพพร อริยาโณ (สีเนย์)
๑๒๑ เอกาทสมคาถายตฺถวณฺณนา -๐- คจฺเฉ (มงฺคล. ๒/๖๒๗/๔๘๑) ในคาถา หนา ๔๘๑ ขอความวา สเจ เนตฺถ ผลํ คจฺเฉ แปลวา ถา ขาพเจาไมพึงบรรลุอรหัตผลในชาตินั้น คจฺเฉ [คม+อ+เอยฺยํ] (อหํ) เราพึงไป, ถึง, บรรลุ แปลง ม เปน จฺฉ แปลง เอยฺยํ เปน เอ ในคัมภีรปทรูปสิทธิ ทานอธิบายวา แปลง เอยฺย เอยฺยาสิ เอยฺยามิ เอยฺยํ เปน เอ๑ เมื่อทำตัวตามวิธีนี้ คจฺเฉ จึงเปนกิริยาของประธานฝายเอกวจนะครบ ๓ บุรุษ ไดรูปตางๆ ดังนี้ โส คจฺเฉ-โส คจฺเฉยฺย, เขาพึงไป ตฺวํ คจฺเฉ-ตฺวํ คจฺเฉยฺยาสิ, ทานพึงไป อหํ คจฺเฉ-อหํ คจฺเฉยฺยามิ, คจฺเฉยฺยํ, เราพึงไป คจฺเฉ ในที่นี้ มีรูปเหมือน คจฺเฉ ที่ลง เอ วัตตมานา อุตตมบุรุษ เอก- วจนะ เชน วนฺเท-วนฺทามิ อหํ คจฺเฉ, อหํ คจฺฉามิ เรายอมไป อุรุ ศัพท์ ในคำวา สิรฺยาทิมงฺคลภิธานยุโตรุเถโร (มงฺคล. ๒/๖๒๖/๔๗๙) สิรฺยาทิมงฺคลภิธานยุโตรุเถโร [สิริ-อาทิ-มงฺคล-อภิธาน-ยุโต-อุรุ-เถโร] ทานแปลวา “พระเถระผูประเสริฐ (มหาเถระ) ประกอบดวยนามวา มงคล มี สิริ ศัพท เปนบทตน”, คำวา ผูประเสริฐ (มหาเถระ) เปนคำแปลของศัพท วา อุรุ ๑ รูปสิทฺธิ. อธิบายสูตร ๔๔๒, ๔๕๔.
136.
มังคลัตถวิภาวินี ๑๒๒ ในพจนานุกรมมคธ-ไทย ทานแปล อุรุ
ศัพทนี้วา ใหญ, หนา, มาก, เลิศ, ประเสริฐ, ยิ่ง, ยิ่งใหญ, มีคา๑ สอดคลองกับวิมติวิโนทนีฎีกาวา อุรุ ศัพท สองอรรถวา ใหญ เชน อุรุ ศัพท ในคำวา อุรุเวลา [อุรุเวลายนฺติ เอตฺถ อุรุสทฺโท มหนฺตวาจี]๒ บันทึกท้ายเล่ม ๑. หนังสือนี้เกิดขึ้นเพราะคำถามของนักเรียนก็จริงอยู แตเพราะ ตองการความกระชับและไดหนังสือเลมบาง ฉะนั้น ในที่บางแหงจึงตัด คำถามนั้นออก คงไวแตคำตอบ ผูศึกษาพึงกำหนดไดเปนธรรมดาวา คำตอบ ก็โยงไปถึงคำถามนั่นเอง ๒. เนื่องจากมีผูรอเปนเจาภาพพิมพอยูแลว ผูเขียนนี้จึงไมควรยื้อ เวลาออกไปมากนัก เพื่อใหหนังสือเสร็จออกมาขั้นหนึ่งกอน จึงไดกันเนื้อหา บางสวนออกไปรอไวพิมพครั้งตอไป เนื้อหาที่กันออกไปรอไวนั้น เชน ยงฺกิฺจิ (มงฺคล. ๒/๕/๓) กึ ที่มี ย นำหนา มี จิ ตอทาย แปลวา ทั้งหมด (สกล) เชน อนฺนนฺติ ยงฺกิฺจิ ขาทนียํ โภชนียํ ฯ๓ อมา ศัพท (มงฺคล. ๒/๑๐๗/๙๒) เปนอัพยยศัพท จำพวกนิบาต ใชใน อรรถเดียวกันกับ สห, สทฺธึ (ใชในอรรถทำพรอมกัน)๔ สพฺพลหุโส (มงฺคล. ๒/๑๘๘/๑๔๖) ส ในที่นี้ใชเปนสกัตถ (ส สกตฺเถ)๕ ภิยฺโยโส มตฺตาย (มงฺคล. ๒/๓๒๕/๒๕๕) มตฺตาย ลง ส จตุตถีวิภัตติ ใช ในอรรถปญจมีวิภัตติหรือตติยาวิภัตติ แปลวา กวาประมาณ หรือ โดยประมาณ๖ ๑ พันตรี ป. หลงสมบุญ, พจนานุกรม มคธ-ไทย, (กรุงเทพฯ สำนักเรียนวัดปากน้ำ, ๒๕๔๐), หนา ๑๔๐. ๒ วิมติ.ฏี. ๒/๑๐๗. ๓ สารัตถทีปนีฎีกา มหาวรรควรรณนา แปล, หนา ๑๒๗. ๔ สัททนีติสุตตมาลา, จตุปทวิภาค หนา ๑๒๗๓. ๕ สัททนีติสุตตมาลา, สูตร ๘๓๙. ๖ สัททนีติสุตตมาลา, อธิบายสูตร ๖๗๒ หนา ๕๗๐.
137.
พระมหานพพร อริยาโณ (สีเนย์)
๑๒๓ บรรณานุกรม กองตำรา มหามกุฏราชวิทยาลัย, อธิบายบาลีไวยากรณ นามและอัพยยศัพท, กรุงเทพฯ: มหามกุฏราชวิทยาลัย, ๒๔๘๓. ............,อธิบายบาลีไวยากรณ อาขยาต, กรุงเทพฯ: มหามกุฏราชวิทยาลัย, ๒๔๘๓. ............,อธิบายบาลีไวยากรณ สมาสและตัทธิต, กรุงเทพฯ: มหามกุฏราช- วิทยาลัย, ๒๔๘๓. ............,อธิบายวากยสัมพันธ เลม ๒, กรุงเทพฯ: มหามกุฏราชวิทยาลัย, ๒๔๘๓. บุญสืบ อินสาร, คูมือแปลมังคลทีปนี ภาค ๒, พิมพครั้งที่ ๓, กรุงเทพฯ: สืบสาน- พุทธศาสน, ๒๕๕๖. ............,พจนานุกรมบาลี-ไทย ธรรมบทภาค ๑-๔, กรุงเทพฯ: มูลนิธิสงเสริม- สามเณร ในพระสังฆราชูปถัมภ วัดพระราม ๙ กาญจนาภิเษก, ๒๕๕๕. แผนกตำรา มหามกุฏราชวิทยาลัย, อธิบายวากยสัมพันธ เลม ๒, กรุงเทพฯ: มหามกุฏราชวิทยาลัย, ๒๔๙๓. พระเจาวรวงศเธอ กรมหลวงชินวรสิริวัฒน สมเด็จพระสังฆราชเจา, อภิธานัปปทีปกา, พิมพครั้งที่ ๔, กรุงเทพฯ: มหามกุฏราชวิทยาลัย, ๒๕๔๑. พระคันธสาราภิวงศ แปลและอธิบาย, ปทรูปสิทธิมัญชรี เลม ๑, นครปฐม: มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตบาีศึกษาพุทธโฆส, ๒๕๔๗. ............,ปทรูปสิทธิมัญชรี เลม ๓ (ตัทธิต), กรุงเทพฯ: หางหุนสวนจำกัด ประยูร- สาสนไทย การพิมพ, ๒๕๕๔. ............,วุตโตทยมัญชรี, พิมพครั้งที่ ๒, กรุงเทพฯ: พิทักษอักษร, ๒๕๔๕. ............,สังวรรณนามัญชรี และ สังวรรณนานิยาม, นครปฐม: มหาวิทยาลัย มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตบาีศึกษาพุทธโฆส, ๒๕๔๕. ............,สารัตถทีปนีฎีกา มหาวรรควรรณนา แปล, กรุงเทพฯ: โครงการแปล คัมภีรพุทธศาสน, ๒๕๕๑.
138.
มังคลัตถวิภาวินี ๑๒๔ พระญาณกิตติเถระ แหงเชียงใหม, อภิธมฺมตฺถวิภาวินิยา
ปฺจิกา นาม อตฺถ- โยชนา, พิมพครั้งที่ ๗, กรุงเทพฯ: มหามกุฏราชวิทยาลัย, ๒๕๕๑. พระญาณธชเถระ รจนา, สมควร ถวนนอก ปริวรรต, นิรุตติทีปนี, นครปฐม: มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตบาีศึกษาพุทธโฆส, ๒๕๔๘. พระญาณาลังการเถระ (รจนา), จำรูญ ธรรมดา (แปล), ปทวิจาร, นครปฐม : มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตบาลีศึกษาพุทธโฆส, ๒๕๔๔. พระธรรมกิตติวงศ, หลักการแปลไทยเปนมคธ, กรุงเทพฯ: เลี่ยงเชียง, ๒๕๔๑. พระธัมมปาลเถระ แหงชมพูทวีป, ปรมตฺถมฺชุสา นาม วิสุทฺธิมคฺคสํวณฺณนา มหาฏีกาสมฺมตา (ตติโย ภาโค), พิมพครั้งที่ ๖, กรุงเทพฯ: มหามกุฏ- ราชวิทยาลัย, ๒๕๔๘. พระธัมมานันทเถร (แปล), เนตติหารัตถทีปนี อุปจาร และ นย, กรุงเทพฯ: มหา- จุฬาลงกรณราชวิทยาลัย, ๒๕๓๓. พระพรหมคุณาภรณ (ป. อ.ปยุตฺโต), พจนานุกรมพุทธศาสน ฉบับประมวลศัพท, พิมพครั้งที่ ๑๑, กรุงเทพฯ: บริษัท เอส.อาร.พริ้นติ้ง แมส โปรดักส จำกัด, ๒๕๕๑. พระพุทธัปปยเถระ แหงชมพูทวีปตอนใต รจนา, ปทรูปสิทฺธิ, กรุงเทพฯ: ชมรม- นิรุตติศึกษา, ๒๕๔๓. พระพุทธรักขิตาจารย (ชาวศรีลังกา), ชินาลงฺการฏีกา, กรุงเทพฯ: โรงพิมพ วิญญาณ, ๒๕๔๕. พระมหานิมิตร ธมฺมสาโร และคณะ, วิชา สัมพันธไทย ธรรมบทภาคที่ ๕ ฉบับ แกไข/ปรับปรุง, กรุงเทพฯ : ประยูรสาสนไทย การพิมพ, ๒๕๕๒. ............,วิชา สัมพันธไทย ธรรมบทภาคที่ ๖ ฉบับสมบูรณ, กรุงเทพฯ: ไทยรายวัน- การพิมพ, ๒๕๔๗. ............,วิชา สัมพันธไทย ธรรมบทภาคที่ ๗ ฉบับแกไข/ปรับปรุง, กรุงเทพฯ: ประยูรสาสนไทย การพิมพ, ๒๕๕๒. พระมหานิมิตร ธมฺมสาโร,วิชา สัมพันธไทย ธรรมบทภาคที่ ๘ ฉบับสมบูรณ, กรุงเทพฯ : ไทยรายวัน การพิมพ, ๒๕๔๘. ............, ปทวิจารทีปนี, กรุงเทพฯ: ไทยรายวันการพิมพ, ๒๕๔๗.
139.
พระมหานพพร อริยาโณ (สีเนย์)
๑๒๕ พระมหาศักรินทร ศศพินทุรักษ, หลักควรจำบาลีไวยากรณ, กรุงเทพฯ: เลี่ยง- เชียงจงเจริญ, ๒๕๑๕. พระมหาสมบูรณ ทสฺสธมฺโม, มังคลัตถทีปนี แปลไทย ภาคที่ ๒, กาญจนบุรี: ธรรมเมธี-สหายพัฒนาการพิมพ, ๒๕๔๙. พระมหาสมปอง มุทิโต, อภิธานวรรณนา, พิมพครั้งที่ ๒, กรุงเทพฯ: บริษัท ประยูรวงศพริ้นทติ้ง, ๒๕๔๗. พระราชเวที (สมพงษ พฺรหฺมวํโส), คูมือแปลมคธเปนไทย, กรุงเทพฯ: วัดเบญจม- บพิตร, ๒๕๔๗. ............,ศัพท-สำนวน มังคลัตถทีปนี, พิมพครั้งที่ ๒, กรุงเทพฯ: เลี่ยงเชียง, ๒๕๓๔. พระวิสุทธาจารมหาเถระ รจนาที่พมา, พระราชปริยัติโมลี (อุปสโม) และคณะ ปริวรรต, ธาตวัตถสังคหปาฐนิสสยะ, กรุงเทพฯ: มหาจุฬาลงกรณราช- วิทยาลัย, ๒๕๓๕. พระสัทธัมมโชติปาลเถระ รจนา, พระมหานิมิตร ธมฺมสาโร ปริวรรต, กัจจายน- สุตตนิเทส, กรุงเทพฯ: ไทยรายวัน, ๒๕๔๕. พระสิริมังคลาจารย, จกฺกวาฬทีปนี, พิมพครั้งที่ ๒, กรุงเทพฯ: สำนักหอสมุด- แหงชาติ กรมศิลปากร, ๒๕๔๘. พระสิริรัตนปญญาเถระ (รจนาเสร็จ พ.ศ. ๒๐๗๘), แยม ประพัฒนทอง (แปล), วชิรสารัตถสังคหะ, กรุงเทพฯ: วัดปากน้ำ, ๒๕๕๖. พระอริยวงศ รจนา, พระมหานิมิตร ธมฺมสาโร แปล, คันถาภรณมัญชรี, กรุงเทพฯ: พิทักษอักษร, ๒๕๔๕. พระอัคควังสเถระ รจนา, พระธรรมโมลี (สมศักดิ์ อุปสโม) ตรวจชำระ, สัททนีติ- สุตตมาลา, นครปฐม: มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยา- เขตบาีศึกษาพุทธโฆส, ๒๕๔๕. ............,สัททนีติธาตุมาลา, นครปฐม: มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราช- วิทยาลัย วิทยาเขตบาีศึกษาพุทธโฆส, ๒๕๔๖. พระอัคควังสมหาเถระ รจนา, พระมหาประนอม ธมฺมาลงฺกาโร ปริวรรต, สทฺท- นีติปฺปกรณํ (สุตฺตมาลา), กรุงเทพฯ: ไทยรายวันการพิมพ, ๒๕๔๙.
140.
มังคลัตถวิภาวินี ๑๒๖ พระอัครวังสเถระ รจนา, พระมหานิมิตร
ธมฺมสาโร และจำรูญ ธรรมดา แปล, สัททนีติปทมาลา, นครปฐม: มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตบาีศึกษาพุทธโฆส, ๒๕๔๖. พระอุดรคณาธิการ (ชวินทร สระคำ), ศ.พิเศษ ดร.จำลอง สารพัดนึก, พจนานุกรม บาลี-ไทย สำหรับนักศึกษา ฉบับปรับปรุงใหม, พิมพครั้ง ที่ ๖, กรุงเทพฯ: บริษัท ธรรมสาร จำกัด, ๒๕๕๒. พันตรี ป. หลงสมบุญ, พจนานุกรม มคธ-ไทย, กรุงเทพฯ: สำนักเรียนวัดปากน้ำ, ๒๕๔๐. ............,พจนานุกรมกิริยากิตต ฉบับธรรมเจดีย, กรุงเทพฯ: เรืองปญญา, ม.ป.ป. ............,พจนานุกรมกิริยาอาขยาต ฉบับธรรมเจดีย, กรุงเทพฯ: เรืองปญญา, ๒๕๔๕. มหามกุฏราชวิทยาลัย, อุภัยพากยปริวัตน, กรุงเทพฯ: มหามกุฏราชวิทยาลัย, ๒๔๓๖. ราชบัณฑิตยสถาน, พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. ๒๕๔๒, กรุงเทพฯ: นานมีบุคสพับลิเคชั่น, ๒๕๔๖. สทฺทปารคูหิ โปราณิเกหิ อาจริยวเรหิ รจิตานิ, เอกตฺตึส จูฬสทฺทปฺปกรณานิ ประมวลจูฬสัททศาสตร ๓๑ คัมภีร, กรุงเทพฯ: บริษัท ซีเอไอ เซ็นเตอร จำกัด, ๒๕๕๑. สมเด็จพระมหาสมณเจา กรมพระยาวชิรญาณวโรรส, บาลีไวยากรณ วจีวิภาค ภาคที่ ๒ อาขยาต และกิตก, กรุงเทพฯ: มหามกุฏราชวิทยาลัย, ๒๕๔๒. ............,บาลีไวยากรณ วจีวิภาคที่ ๒ นามและอัพยยศัพท, กรุงเทพฯ: มหา- มกุฏราชวิทยาลัย, ๒๕๓๑. สมเด็จพระวันรัต (เขมจารีมหาเถระ), มังคลัตถทีปนี ยกศัพทแปล คาถาที่ ๘, กรุงเทพฯ : ส. ธรรมภักดี, ๒๔๙๗?. สิริมหาจตุรงคพล มหาอำมาตย (ชาวพมา) รจนา, พระศรีสุทธิพงศ (อุปสโม) ปริวรรต, อภิธานปฺปทีปกาฏีกา, กรุงเทพฯ : วัดปากน้ำ, ๒๕๒๗. สุภาพรรณ ณ บางชาง, รองศาสตราจารย, ดร., ไวยากรณบาลี, พิมพครั้งที่ ๒, กรุงเทพฯ: มูลนิธิมหามกุฏราชวิทยาลัย, ๒๕๓๘. T. W. Rhys Davids and William Stede, The Pali text Society Pali- English Dictionary, London: The Pali Text Society, 2004.
141.
พระมหานพพร อริยาโณ (สีเนย์)
๑๒๗ หนังสือที่พิมพ์เป็นทาน *** ดินสีอรุณ : นิทานธรรมบท สำนวนอีสาน จายผญาธรรม : พุทธศาสนสุภาษิต บาลี-ไทย-อีสาน เอิ้นสั่งเสียงผญา : มรณกถา เพื่อความไมประมาท หลักสัมพันธไทย : สำหรับทองจำ ประโยคโบราณ : ในธัมมปทัฏฐกถา ภาคที่ ๑-๘ มงคลวิเสสกถาปกาสินี : สำนวนตัวอยาง วิชา แตงไทยเปนมคธ เลือดลางบัลลังกทอง : นิทานธรรมบท สำนวนอีสาน คาถาธัมมปทัฏฐกถา : ภาคที่ ๕-๘ แปลโดยพยัญชนะ มังคลัตถวิภาวินี : ไขสงสัยใหนักเรียน ป.ธ. ๕
142.
มังคลัตถวิภาวินี ๑๒๘ รายนามผู้ร่วมพิมพ์หนังสือ พลเรือเอกชัยณรงค เจริญรักษ ๑๐๐
เลม สายบุญของคุณฐิติมา วิทยานนทเอกทวี ๑๐๐ เลม คุณมีณชญภัทร เนียมหอม ๓๖ เลม คุณภาณุวัฒณ มีสัตย ๒๔ เลม นางสาวเกณิกา วุฒิกรกัลยาณี ๑๒ เลม นางสาวพิตะวัน ยุพดีรังสีกุล ๑๐ เลม คุณเกษม-คุณอาทร พิรพัฒน ๒๐ เลม คุณกนกพร มณีรอด ๑๐ เลม นางสาวกิรณา ศุภสินฐาโนดม นายสมชาย-ด.ญ.ณิชา จอมสงาวงษ ๑๐ เลม นายยุทธพงศ-สมศรี จิตตวิริยะกุล และครอบครัว ๘ เลม คุณจำนงค-คุณสมหวัง อนุมา และครอบครัว ๘ เลม นางสาวจตุพร ประชุมพันธ และครอบครัว ๕ เลม นายภาคภูมิ นันทนิตยวรกุล และ ครอบครัว ๕ เลม คุณชมปภัคคม ธรรมวิสุธีร และครอบครัว ๕ เลม คุณอาภรณ สาวิโร และครอบครัว ๕ เลม นายลั่นทม สิงหทอง ๔ เลม นาวาโทสมภพ-คุณกิตติมา พิรพัฒน ๔ เลม นายปวันศิลปชัย-บุศพร จิตตวิริยะกุล ๔ เลม คุณพิเชษฐ ทองปากน้ำ ๔ เลม นางสาวหยกธรณ ยิ่งยวดหิรัญกุล ๓ เลม คุณภานุมาศ มีสมงาม ๓ เลม คุณกานดา ธรรมมานุสรณ ๒ เลม คุณเอนกพร พิรพัฒน ๒ เลม นางสาวอนงค เอี่ยมมา ๒ เลม คุณสุชาดา หนอสิงหา และครอบครัว ๒ เลม คุณเอื้อมพร อปปะตะ ๒ เลม คุณวาสนา มณีใหม-ด.ช.ปยะ สังสมศักดิ์ ๒ เลม คุณปองนุช เถื่อนศิริ ๒ เลม นาวาตรีหญิงวรนุช มีสัตย ๒ เลม นายโอภาส มีสัตย ๒ เลม นางภัชชภร เศรษฐวรางกูร ๑ เลม นองน้ำตาล ๑ เลม (รวมจำนวน ๔๐๐ เลม, เลมละ ๕๕ บาท รวมเปนเงิน ๒๒,๐๐๐ บาท) ผูสมทบทุนคาออกแบบปกหนังสือ: พระมหาสงวน สุทฺธิาโณ ๕๐๐ บาท พระมหาอภิญ อภิลาโภ และคุณ Laura Bruneau ๑,๐๐๐ บาท
Download