โครงงานคอมพิวเตอร์
โครงงานคอมพิวเตอร์ เปนกิจกรรม อิสระทีผู้เรียนสามารถ
เลือกศึกษาตามความสนใจ โดใช้ทักษะ ตลอดจน
ประสบการณ์ของผู้เรียนด้านคอมพิวเตอร์และซอฟต์แวร์ใน
การแก้ปญหาต่างๆ ผู้เรียนจะต้องวางแผนดําเนินงาน
ศึกษา พัฒนาโปรแกรม หรืออุปกรณ์ทีเกียวข้อง
โครงงาน
คอมพิวเตอร์
คืออะไร 
จุดมุ่งหมาย
ของโครงงานคอมพิวเตอร์
จุด มุ่งหมายทีสําคัญประการหนึงของการเรียนการสอน
คอมพิวเตอร์ในโรงเรียน คือการทีนักเรียนได้มีโอกาสฝก
ความสามารถในการนําความรู้เกียวกับ คอมพิวเตอร์ไปใช้ใน
การแก้ปญหา ประดิษฐ์คิดค้นหรือค้นคว้าหาความรู้ต่าง ๆ
ได้ด้วยตนเอง ซึงวิธีการทีมีประสิทธิภาพมากวิธีหนึงคือการ
ทีนักเรียนได้มีโอกาสทําโครง งานคอมพิวเตอร์
ความสําคัญของโครง
งานคอมพิวเตอร์
ประเภทของโครงงาน แบ่งได้
เปน 5 ประเภท
ความสามารถในการสือสาร
เปนความสามารถทีเกิดจากการทีนักเรียนเปนผู้ทําโครงงาน
ต้องนําเสนอผลงานให้ ครูและเพือนนักเรียนให้เข้าใจโครง
งานคอมพิวเตอร์ได้อย่างชัดเจน
คือ
ดังนัน ผู้ทําโครงงานต้องสือสารความคิดในการสร้างสรรค์
โครงงานด้วยการเขียน หรือด้วยปากเปล่า รวมทังเลือกใช้รูป
แบบของสือ
ความสามารถในการคิด
ซึงผู้เรียนจะมีการคิดในลักษณะต่าง ๆ ดังนี
2.1 การคิดวิเคราะห์ เกิดจากการทีผู้เรียนต้องวิเคราะห์
ปญหาและแยกแยะสาเหตุว่าเกิดเนืองจากอะไร
2.2 การคิดสังเคราะห์ เกิดจากการทีผู้เรียนต้องน าความรู้
ต่าง ๆ ทีเรียนมา รวมทังความรู้จากการค้นหาข้อมูล เพือใช้
ในการแก้ปญหาหรือการสร้างสรรค์โครงงาน 
2.3 การคิดอย่างสร้างสรรค์ เกิดจากการทีผู้เรียนน าความ
รู้มาสร้างสรรค์ผลงานใหม่ ๆ
2.4 การคิดอย่างมีวิจารณญาณ เกิดจากการทีผู้เรียนได้มี
การคิดไตร่ตรองว่าควรทําโครงงานใดและไม่ควรทําโครง
งานใด เนืองจากโครงงานทีสร้างขึนอาจส่งผลกระทบต่อ
สังคมโดยรวม         
ความสามารถในการแก้
ปญหา
คือ
เกิดจากการทีผู้เรียนวิเคราะห์ปญหา เข้าใจ และอธิบาย
ปญหาทางด้านคอมพิวเตอร์ รวมทังประยุกต์ความรู้
ทักษะ และการใช้เครืองมือทีเหมาะสมกับการแก้ไข
ปญหา
ความสามารถในการใช้
ทักษะชีวิต
หมายถึง
ความสามารถในการนํากระบวนการต่างๆ ไปใช้ในการดําเนิน
ชีวิตประจําวัน"ทักษะชีวิต" จึงเปนความสามารถทีประกอบ
ด้วยความรู้ เจตคติ และทักษะในการจัดการกับความกดดัน
และปญหารอบตัว รวมไปถึงการปรับตัวในอนาคต         
เกิดจากการทีผู้เรียนได้นําความ
รู้และกระบวนการต่าง ๆ
ไปใช้ในการพัฒนาโครงงาน และนําไปประยุกต์ใช้ในชีวิต
ประจําวันได้อย่างเหมาะสม รวมถึงการพัฒนาโครงงาน ก่อ
ให้เกิดการเรียนรู้ด้วยตนเอง อันนําไปสู่การเรียนรู้ตลอด
ชีวิต
สามารถ
ความสามารถในการใช้
เทคโนโลยี
เกิดจากการทีผู้เรียนสามารถเลือกใช้เทคโนโลยี
สารสนเทศ ในการแก้ปญหาได้อย่างถูกต้องเหมาะสมและมี
คุณธรรม
ขอบข่าย
ดําเนินงานโดยนักเรียน เปนผู้ริเริมสร้างสรรค์และครูอาจารย์ เปนผู้ให้คําแนะนํา
ปรึกษามีองค์ประกอบดังนี
โครงงานคอมพิวเตอร์
ขอบข่าย
โครงงานคอมพิวเตอร์
1. เปนกิจกรรมการเรียนให้นักเรียนศึกษา ค้นคว้า ปฏิบัติ
ดัวยตนเองโดยอาศัยหลักวิชาการทางทฤษฎีตามเนือหา
โครงงานนันๆ หรือจากประสบการณ์และกิจกรรมต่าง ๆ ที
ได้พบเห็นมากแล้ว   
2. นักเรียนทุกคนพิจารณาจัดทําโครงงานด้วยตนเอง หรือ
เปนกลุ่มโดยใช้ระยะเวลาสันๆ เปนภาคเรียน หรือมากว่าก็ได้
แล้วแต่โครงงานเล็กหรือใหญ่   
3. นักเรียนเปนผู้พิจารณาริเริมสร้างสรรค์ คัดเลือกโครง
งานทีจะศึกษาค้นคว้าปฏิบัติด้วยตนเองตามความถนัด
สนใจ และความพร้อม   
4. นักเรียนเปนผู้เสนอโครงงาน รายละเอียดของโครงงาน
แผนปฏิบัติงานและการแปลผล รายงานผลต่ออาจารย์ที
ปรึกษา เพือดําเนินงานร่วมกันให้บรรลุตามจุดหมายที
กําหนดไว้   
5. เปนโครงงานทีเหมาะสมกับความรู้ ความสามารถของ
นักเรียนตามวัยและสติปญญา รวมทังการใช้จ่ายเงินดําเนิน
งานด้วย
ประเภทของโครงงาน
คอมพิวเตอร์
คอมพิวเตอร์ เปนเครืองมือทีใช้ในงานวิจัยในทุก ๆ สาขาวิชา ดังนันโครงงานคอมพิวเตอร์จึงมีความหลาก
หลายเปนอย่างมาก ทังในลักษณะของเนือหา กิจกรรม และลักษณะของประโยชน์หรือผลงานทีได้ ซึงอาจแบ่ง
เปนประเภทใหญ่ ๆ ได้ 5 ประเภท คือ
โครงงานพัฒนาสือเพือการศึกษา
(Educational Media)   
โครงงานประเภทจําลองทฤษฎี
(Theory Experiment)   
โครงงานพัฒนาเกม
(Game Development)
โครงงานประเภทการประยุกต์ใช้
งาน (Application)     
โครงงานพัฒนาเครืองมือ
(Tools Development)     
โครงงานพัฒนาสือเพือการศึกษา
(EDUCATIONAL MEDIA)
ปนโครงงานทีใช้คอมพิวเตอร์ในการผลิตสือเพือการศึกษา
โดยการสร้างโปรแกรมบทเรียน หรือหน่วยการเรียน ซึง
อาจจะต้องมีภาคแบบฝกหัด บททบทวน และคําถามคําตอบ
ไว้พร้อม ผู้เรียนสามารถเรียนแบบรายบุคคลหรือรายกลุ่ม
การสอนโดยใช้คอมพิวเตอร์ช่วยนี ถือว่าเครือง
คอมพิวเตอร์เปนอุปกรณ์การสอน ไม่ใช่เปนครูผู้สอน ซึง
อาจเปนการพัฒนาบทเรียนแบบ Online ให้นักเรียนเข้ามา
ศึกษาด้วยตนเองก็ได้     โครงงานประเภทนีสามารถพัฒนา
ขึนเพือใช้ประกอบการสอนในวิชาต่าง ๆ ไม่ว่าจะเปนสาขา
คอมพิวเตอร์ วิชาคณิตศาสตร์ วิชาวิทยาศาสตร์ วิชาสังคม
วิชาชีพอืน ๆ ฯลฯ โดยนักเรียนอาจคัดเลือกหัวข้อทีนักเรียน
ทัวไปทีทําความเข้าใจยาก มาเปนหัวข้อในการพัฒนา
โปรแกรมบทเรียน ตัวอย่างเช่น โปรแกรมสอนวิธีการใช้
งาน ระบบสุริยะจักรวาล โปรแกรมแบบทดสอบวิชาต่าง ๆ
โครงงานพัฒนาเครืองมือ
(TOOLS DEVELOPMENT)
เปนโครงงานเพือพัฒนาเครืองมือมาใช้ช่วยสร้างงาน
ประยุกต์ต่าง ๆ ซึงโดยส่วนใหญ่จะเปนในรูปซอฟต์แวร์
ตัวอย่างของเครืองมือช่วยงาน เช่น ซอฟต์แวร์วาดรูป
ซอฟต์แวร์พิมพ์งาน ซอฟต์แวร์ช่วยการมองวัตถุในมุมต่าง
ๆ เปนต้น สําหรับซอฟต์แวร์เพือการพิมพ์งานนันสร้างขึน
เปนโปรแกรมประมวลผลภาษา ซึงจะเปนเครืองมือให้เราใช้
งานในงานพิมพ์ต่าง ๆ บนเครืองคอมพิวเตอร์เปนไปได้โดย
ง่าย ซึงรูปทีได้สามารถนําไปใช้งานต่าง ๆ ได้มากมาย
สําหรับซอฟต์แวร์ช่วยในการมองวัตถุในมุมต่าง ๆ ใช้สําหรับ
ช่วยในการออกแบบสิงของต่าง ๆ เช่น โปรแกรมประเภท
3D
โครงงานประเภทจําลอง
ทฤษฎี (THEORY EXPERIMENT)
เปนโครงงานใช้คอมพิวเตอร์ในการจําลองการทดลองของ
สาขาต่าง ๆ เปนโครงงานทีผู้ทําต้องศึกษารวบรวมความรู้
หลักการ ข้อเท็จจริงและแนวความคิดต่าง ๆ อย่างลึกซึงใน
เรืองทีต้องการศึกษา แล้วเสนอเปนแนวคิด แบบจําลอง
หลักการ ซึงอาจอยู่ในรูปของสมการ สูตร หรือคําอธิบาย
ก็ได้ พร้อมทังนําเสนอวิธีการจําลองทฤษฎีด้วย
คอมพิวเตอร์ การทําโครงงานประเภทนีมีจุดสําคัญอยู่ทีผู้ทํา
ต้องมีความรู้เรืองนัน ๆ เปนอย่างดี ตัวอย่าง เช่น การ
ทดลองเรืองการไหลของเหลว การทดลองเรืองพฤติกรรม
ของปลาอโรวาน่า ทฤษฎีการแบ่งแยกดีเอ็นเอ เปนต้น
โครงงานประเภทการประยุกต์ใช้
งาน(APPLICATION)
เปนโครงงานทีใช้คอมพิวเตอร์ในการสร้างผลงานเพือ
ประยุกต์ใช้งานจริงในชีวิตประจําวัน เช่น ซอฟต์แวร์สําหรับ
การออกแบบและตกแต่งอาคาร ซอฟต์แวร์สําหรับการผสม
สี ซอฟต์แวร์สําหรับการระบุคนร้าย เปนต้น โครงงานงาน
ประเภทนีจะมีการประดิษฐ์ฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ หรือ
อุปกรณ์ใช้สอยต่าง ๆ ซึงอาจจะสร้างใหม่หรือปรับปรุง
ดัดแปลงของเดิมทีมีอยู่แล้วให้มี ประสิทธิภาพสูงขึนก็ได้
โครงงานลักษณะนีจะต้องศึกษาและวิเคราะห์ความต้องการ
ของผู้ใช้ก่อน แล้วนําข้อมูลทีได้มาใช้ในการออกแบบ และ
พัฒนาสิงของนัน ๆ ต่อจากนันต้องมีการทดสอบการ
ทํางานหรือทดสอบคุณภาพของสิงประดิษฐ์แล้วปรับปรุง
แก้ไขให้มีความสมบูรณ์ โครงงานประเภทนีนักเรียนต้องใช้
ความรู้เกียวกับเครืองคอมพิวเตอร์ ภาษาโปรแกรม และ
เครืองมือต่าง ๆ ทีเกียวข้อง รวมทังอาจใช้วิธีทาง
วิศวกรรมฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ในการพัฒนาด้วย
โครงงานพัฒนาเกม (GAME
DEVELOPMENT)
เปนโครงงานพัฒนาซอฟต์แวร์เกมเพือความรู้ และ/หรือ
ความเพลิดเพลิน เช่น เกมหมากรุก เกมหมากฮอส เกมการ
คํานวณเลข ซึงเกมทีพัฒนาขึนนีน่าจะเน้นให้เปนเกมทีไม่
รุนแรง เน้นการใช้สมองเพือฝกคิดอย่างมีหลักการ โครง
งานประเภทนีจะมีการออกแบบลักษณะและกฎเกณฑ์การ
เล่น เพือให้น่าสนใจเก่ผู้เล่น พร้อมทังให้ความรู้สอดแทรก
ไปด้วย ผู้พัฒนาควรจะได้ทําการสํารวจและรวบรวมข้อมูล
เกียวกับเกมต่าง ๆ ทีมีอยู่ทัวไปและนํามาปรับปรุงหรือ
พัฒนาขึนใหม่เพือให้ปนเกมทีแปลกใหม่ และน่าสนใจแก่ผู้
เล่นกลุ่มต่าง ๆ
ขันตอนการทําโครงงาน
คอมพิวเตอร์
6 ขันตอน
1. คัดเลือกหัวข้อ
โครงงานทีสนใจ
3. จัดทําเค้าโครง
ของโครง
งาน         
5. การเขียน
รายงาน
4. การลงมือทํา
โครงงาน         
2. ศึกษาค้นคว้า
จากเอกสารและ
แหล่งข้อมูล         
6. การนําเสนอและ
แสดงโครงงาน
1. คัดเลือกหัวข้อ
โครงงานทีสนใจ
โดยทัวไปเรืองทีจะนํามาพัฒนาเปนโครงงานคอมพิวเตอร์ มักจะได้มา
จากปญหา คําถาม หรือความสนใจในเรืองต่างๆ จากการสังเกตสิง
ต่างๆ ทีเกียวข้องกับระบบคอมพิวเตอร์ หรือสิงต่างๆ รอบตัว ปญหา
ทีจะนํามาพัฒนาโครงงานคอมพิวเตอร์ได้จากแหล่งต่างๆ กัน
ดังนี         
 1. การอ่านค้นคว้าจากหนังสือ เอกสาร หนังสือพิมพ์ หรือวารสาร
ต่างๆ          
2. การไปเยียมชมสถานทีต่างๆ          
3. การฟงบรรยายทางวิชาการ รายการวิทยุและโทรทัศน์ รวมทังการ
สนทนาอภิปรายแลกเปลียนความคิดเห็นระหว่างเพือนนักเรียนหรือ
กับบุคคลอืนๆ          
4. กิจกรรมการเรียนการสอนในโรงเรียน          
5. งานอดิเรกของนักเรียน          
6. การเข้าชมงานนิทรรศการหรืองานประกวดโครงงานคอมพิวเตอร์
ในการตัดสินใจเลือกหัวข้อทีจะนํามาพัฒนาโครงงานคอมพิวเตอร์
ควรพิจารณาองค์ประกอบสําคัญ ดังนี          
1. ต้องมีความรู้และทักษะพืนฐานอย่างเพียงพอในหัวข้อเรืองทีจะ
ศึกษา          
2. สามารถจัดหาเครืองคอมพิวเตอร์ ซอฟต์แวร์ และวัสดุอุปกรณ์ที
เกียวข้องได้         
 3. มีแหล่งความรู้เพียงพอทีจะค้นคว้าหรือขอคําปรึกษา          
4. มีเวลาเพียงพอ          
5. มีงบประมาณเพียงพอ          
6. มีความปลอดภัย
2. ศึกษาค้นคว้าจาก
เอกสารและแหล่ง
ข้อมูล
การศึกษาค้นคว้าจากเอกสารและแหล่งข้อมูล ซึงรวม
ถึงการขอคําปรึกษาจากผู้ทรงคุณวุฒิ จะช่วยให้
นักเรียนได้แนวคิดทีใช้ในการกําหนดขอบเขตของ
เรืองทีจะศึกษาได้เฉพาะเจาะจงมากยิงขึน รวมทังได้
ความรู้เพิมเติมในเรืองทีจะศึกษาจนสามารถใช้
ออกแบบและวางแผนดําเนินการทําโครงงานนันได้
อย่างเหมาะสม ในการศึกษาจะต้องได้คําตอบว่า         
 1. จะทํา อะไร         
 2. ทําไมต้องทํา     
 3. ต้องการให้เกิดอะไร         
 4. ทําอย่างไร          
5. ใช้ทรัพยากรอะไร          
6. ทํากับใคร          
7. เสนอผลอย่างไร
3. จัดทําเค้าโครง
ของโครงงาน
4. การลงมือทํา
โครงงาน
5. การเขียนรายงาน
เมือเค้าโครงของโครงงานได้รับความเห็น
ชอบจากอาจารย์ทีปรึกษาแล้ว ก็เสมือน
ว่าการจัดทําโครงงานได้ผ่านพ้นไปแล้ว
มากกว่าครึง ขันตอนต่อไปจะเปนการลงมือ
พัฒนาตามขันตอนทีวางแผนไว้
การเขียนรายงานเปนวิธีการสือความหมาย
เพือให้ผู้อืนได้เข้าใจแนวคิด วิธีดําเนินการ
ศึกษาค้นคว้า ข้อมูลทีได้ ตลอดจนข้อสรุป
และข้อเสนอแนะต่างๆ เกียวกับโครงงาน
นัน ในการเขียนรายงานนักเรียนควรใช้
ภาษาทีอ่านง่าย ชัดเจน กระชับ และตรงไป
ตรงมา ให้ครอบคลุมหัวข้อต่างๆ
6. การนําเสนอและ
แสดงโครงงาน
การนําเสนอและการแสดงผลงานเปนขันตอนที
สําคัญอีกขันตอนหนึงของการทําโครงงาน เพือ
แสดงออกถึงผลิตผลความคิด ความพยายามในการ
ทํางานทีผู้ทําโครงงานได้ทุ่มเท และเปนวิธีทําให้ผู้อืน
ได้รับรู้และเข้าใจถึงผลงานนัน การเสนอผลงานอาจ
ทําได้ในหลายรูปแบบต่างๆ กัน เช่น การแสดงผลงาน
โดยไม่มีการอธิบายประกอบการรายงานด้วยคําพูดใน
ทีประชุม การจัดนิทรรศการโดยโปสเตอร์และอธิบาย
ด้วยคําพูด เปนต้น โดยผลงานทีนํามาเสนอหรือจัด
แสดงควรประกอบด้วยสิงต่อไปนี          
1. ชือโครงงาน          
2. ชือผู้จัดทําโครงงาน          
3. ชืออาจารย์ทีปรึกษา          
4. คําอธิบายถึงทีมาและความสําคัญของโครง
งาน          
5. วิธีการดําเนินการทีสําคัญ          
6. การสาธิตผลงาน          
7. ผลการสังเกตและข้อสรุปสําคัญทีได้จากการทํา
โครงงาน
Typeface used Web DPI
ตัวอย่างโครงงาน
ตัวอย่างโครงงาน

Computer